เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

จัด "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม" ไม่ทันเสร็จ ทางด้านนี้น้องศิวะก็นำ "สมเด็จวัดเกษฯ-หลังสีหราชเดโช" องค์งามเช้งขึ้นอีสานเป็นมงคลขีวิตและอาชีพเรียบร้อย

พรุ่งนี้ ให้ท่านเดินทางฝ่าลมหนาวขึ้นอีสานใต้ไปชมปราสาทหินพนมรุ้งพร้อมกับพระรอดหลวงพ่อมุ่ย โมทนาครับ

 

เรื่องเล่า "สงครามปราบฮ่อ"
กับ"เหรียญปราบฮ่อ"เก๊มาก
===============

ค้นเหรียญ "ช้างสามเศียร-ร.5"เก๊ มาให้แฟนๆชมตามที่รับปาก แต่กลับเจอของ "เก๊มากที่สุด" เก๊มากยิ่งกว่าเหรียญ ร.5 ชนิดใดๆในประวัติศาสตร์

ไม่มีเหรียญไหน เก็มาก เก๊ดี เก๊เทียมเท่า..."เหรียญปราบฮ่อ" ราคา "ล้านแล้วจ้า" หลายสิบปีมาแล้ว กลายเป็นเหรียญประลองฝีมือของนักปลอมแปลงทุกรุ่นทุกวัยที่คิดว่ามีฝีมือทำให้ผ่านตาคนเล่น และเป็นเหรียญที่เก๊แล้วไม่มีโทษทัณฑ์เหมือนเหรียญ"ช้างสามเศียร" ซึ่งถือเป็นเงินตราตามกฏหมาย และตราโทษการปลอมแปลงเงินเป็นกฏหมาย ร้ายแรงมากตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา

"ปราบฮ่อ" จึงเป็นพระเอกนัมเบอร์วัน ขึ้นแท่นเป็นแชมเปี้ยนยอดเหรียญถูกปลอมมากที่สุดของ ร.5 อย่างไม่มีใครกล้าเถียง!!!

*** แต่ก่อนไปชม "ปราบฮ่อ-เก๊" ก็สมควรไปรู้เรื่องราว...กว่าจะมาเป็น "ปราบฮ่อ" ประสากระทู้เรื่องเล่าฯ ที่ต้องมีความรอบรู้หนุกหนานอ่านไม่เบื่อมาฝากเสมอ ***

คัดลอกเรื่องทั้งหมดจาก..."ศิลปวัฒนธรรม คอม." เผยแพร่ออนไลน์เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 เป็นเว็ปที่มีรสชาติของเรื่องมันส์อ่านสนุก น่ารู้ ประเทืองปัญญาสุดยอด เข้าไปค้นคว้าหาอ่านเอง ก็ยังได้เลยครับ
-------------------------

"เหรียญปราบฮ่อ" เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จให้กับผู้มีความชอบในการสงคราม นับเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกของเหรียญประเภทนี้

"สงครามปราบฮ่อ" มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 "ฮ่อ" พวกนี้คือชาวจีนนั่นเอง แต่ในภาคเหนือนิยมเรียกว่าฮ่อ ขณะที่ภาคกลางอย่างกรุงเทพฯ นิยมเรียกว่าจีนไม่ก็เจ๊ก สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า เมื่อครั้งปราบฮ่อ พ.ศ. 2418 พระยามหาอำมาตยาธิบดี(ชื่น กัลยาณมิตร) ได้จับฮ่อส่งลงมากรุงเทพฯ ก็มีคนพูดกันว่า พระยามหาอำมาตย์จับชาวจีนมาหลอกว่าเป็นฮ่อ แต่ความจริงแล้วฮ่อก็คือจีนนั่นเอง

ฮ่อที่มาสร้างความวุ่นวายในสยามนั้น เป็นชาวจีนที่ลุกขึ้นต่อต้านราชวงศ์ชิง เรียกว่า "กบฏไท่ผิง" แต่ถูกราชสำนักชิงปราบปรามอย่างหนักจนถอยร่นเข้ามาบริเวณตอนใต้ของจีน เที่ยวซ่อนตัวตามป่าเขาและเข้าก่อเหตุความวุ่นวายในดินแดนสยาม ทั้งในส่วนลาว พวน หลวงพระบาง สิบสองจุไท ฯลฯ

ฮ่อแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ ฮ่อธงดำและฮ่อธงเหลือง

พ.ศ. 2418 ฮ่อเตรียมทัพโจมตีเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณเมืองเวียงจันทน์แล้วจะเข้ามายังหนองคาย กรมการเมืองหนองคายทราบข่าวจากชาวบ้านที่อพยพหนีมา จึงแจ้งข่าวมายังกรุงเทพฯ ขณะนั้น พระยามหาอำมาตยาธิบดี(ชื่น กัลยาณมิตร) เป็นข้าหลวงขึ้นไปสักเลกที่มณฑลอุบล จึงได้คำสั่งให้รับหน้าที่เกณฑ์คนจากมณฑลอุดรขึ้นไปสมทบกับกองทัพของพระยานครราชสีมา(เมฆ)ขึ้นไปป้องก้นหนองคาย กระทั่งได้ตีทัพฮ่อแตกหนีไป

อีกด้านหนึ่ง กองทัพสยามยกไปปราบฮ่อทางหลวงพระบาง ก็ตีทัพฮ่อแตก ป้องกันเมืองได้สำเร็จเช่นกัน

ฮ่อได้หนีรวมตัวกันปล้นสะดมสร้างความวุ่นวายในจีนและญวน แต่เมื่อ "ปวงนันชี" หัวหน้าฮ่อ"ธงเหลืองถูกปราบปรามจนตาย พวกฮ่อธงเหลืองแตกออกเป็นหลายกลุ่ม ยังก่อความวุ่นวายอยู่เนืองๆ

กระทั่ง พ.ศ. 2426 "ฮ่อ"เข้ามาตั้งค่ายที่ทุ่งเชียงคำ มีแนวกอไผ่แน่นหนาเป็นป้อมปราการ กองทัพสยามนำโดยพระยาราชวรานุกูล (เอก บุญยรัตนพันธุ์) เข้าไปปราบล้อมค่ายนานถึง 2 เดือน ก็ยังเอาชนะไม่ได้ กองทัพสยามเริ่มขาดแคลนเสบียงอาหารและมีคนป่วยจำนวนมาก สุดท้ายต้องยกทัพกลับมายังหนองคาย

พ.ศ. 2428 กองทัพสยามเรียนรู้จากการปราบฮ่อครั้งก่อนว่า เป็นกองทัพแบบโบราณ จึงทำการปราบปรามไม่สำเร็จ ครั้งนี้จึงส่งกองทัพที่ได้รับการฝึกหัดอย่างทหารตะวันตกขึ้นไปสมทบกองทัพหัวเมือง

ถึงเวลานี้ ฮ่อมีทั้งฮ่อแท้และฮ่อปลอม คือพวกฮ่อที่เป็นชาวจีนได้กวาดต้อนเอาผู้คน ที่ตนเข้าปล้นสะดม ก่อความวุ่นวายมาเป็นพวกของตน ส่วนมากเป็นเด็กพรากมาจากพ่อแม่ที่ถูกฆ่าทิ้ง จับเด็กมาฟั่นเปียและนุ่งห่มอย่างฮ่อ กับอีกพวกเป็นคนพาล สูบฝิ่น กินเหล้า ไม่มีปัญญาเลี้ยงตัว ก็ไปเข้ากับพวกฮ่อ กลายเป็นฮ่อปลอมและก็ไว้เปียแต่งตัวอย่างฮ่อเช่นกัน

การปราบฮ่อครั้งที่ 3 สำเร็จผล ด้วยอาวุธทันสมัยกว่าพวกฮ่อที่มีแต่ปืนคาบศิลาและสามง่าม แต่กองทัพสยามก็ต้องเผชิญความยากลำบากจากไข้ป่าและการขาดแคลนยาควินิน

พ.ศ. 2430 เจ้าหมื่นไวยวรนาถ(เจิม แสง-ชูโต)นำหัวหน้าพวกฮ่อลงมากรุงเทพฯ ฮ่อจึงถูกกำราบลงนับแต่นั้น

การปราบฮ่อทั้ง 3 ครั้ง ปรากฏปีใน "เหรียญปราบฮ่อ" คือ จ.ศ. 1239 (พ.ศ.2420), จ.ศ. 1247 (พ.ศ. 2428) และ จ.ศ. 1237 (พ.ศ. 2430) แต่หากยึดตามพงศาวดาร...

--ปราบฮ่อครั้งแรกจะเป็น จ.ศ. 1237(พ.ศ. 2418)
--ปราบฮ่อครั้งที่2 จะเป็น จ.ศ. 1245 (พ.ศ. 2426)
--มีเพียงการปราบฮ่อครั้งที่ 3 ที่ปีในเหรียญกับในพงศาวดารตรงกัน

(((ยังมีต่อ-เข้าโหมด'เหรียญปราบฮ่อ'ที่น่ารู้มาก)))

 

(ต่อ)...'สงครามปราบฮ่อ'
ชมเหรียญ"ปราบฮ่อ-เก๊"!
==============

รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญปราบฮ่อขึ้นใน พ.ศ.2431 ซึ่งเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์เพื่อบำเหน็จความดีความชอบ พระราชทานแก่ผู้ไปราชการปราบฮ่อ โดยว่าจ้างให้บริษัทบีกริมแอนด์โก ผลิตที่ประเทศเยอรมันจำนวน 500 เหรียญ

ปราบฮ่อเป็นเหรียญกลม แบน มีห่วงหูและไม่มีห่วงหู เนื้อเงิน และ เหรียญทองแดง(เป็นเหรียญลองพิมพ์) ด้านหน้าเหรียญเป็นพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 พระพักตร์เสี้ยว (หันข้าง) มีช่อชัยพฤกษ์ ด้านบนริมขอบมีข้อความ "จุฬาลงกรณ์ บรมราชาธิราช" ด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงของ้าวขี่คอช้างศึก มีควาญอยู่ท้ายช้าง ด้านล่างริมขอบมีแพรแถบ ด้านบนริมขอบมีข้อความ "ปราบฮ่อ 1239 1247 1249"

จากการรวบรวมข้อมูลเท่าที่สืบพบ พบว่ารัชกาลที่ 5 พระราชทานเหรียญปราบฮ่อให้แก่...

--พระวิภาคภูวดล (เจมส์ แม็คคาร์ธีร์)
--หลวงคำนวนคัดณานต์(ตรี)
--ขุนประมาณสถลมารค(ใจ)
--นายสว่าง นายเวรกรมแผนที่
--หลวงพลสินธวาณัตถ์(ริ ชิ ลิว)
--ขุนนภาภาคพัติการ(เอม)

รวมบรรดาข้าราชการและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ก็ต้องได้รับพระราชทานอย่างแน่นอน


ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ กล่าวว่า...

"ทั้งหมดมี 500 เหรียญ และมีเฉพาะเหรียญเงินเท่านั้น ส่วนเหรียญทองแดงนั้นเป็นเหรียญตัวอย่างส่งมาถวายรัชกาลที่ 5 ทอดพระนตรว่าชอบหรือไม่ชอบ แล้วเหรียญทุกเหรียญจะต้องมีหมายเลขกำกับระบุถึงเลขที่ผู้ที่ได้รับเหรียญ ซึ่งรายชื่อจะไปปรากฏในราชกิจจานุเบกษาปีใดปีหนึ่ง และเหรียญทองแดงที่เป็นเหรียญตัวอย่างจะสังเกตได้ว่า จะระบุคำว่า "จุพาลงกรณ์" และคำว่า "ปราบฮอ" ซึ่งเป็นการสะกดผิด จึงนำกลับไปแก้ แล้วเหรียญที่สะกดผิดนั้นจึงตกค้างอยู่ที่เมืองไทยซึ่งมีราคาแพงมากเพราะมีเหรียญเดียว"!!!


นอกจากนี้ยังระบุมูลค่าของเหรียญปราบฮ่อว่า มีราคาสูงสุดที่ประมาณ 2.6 ล้านบาท (เมื่อ พ.ศ. 2559 )

เชื่อกันว่า ในด้านพุทธคุณนั้น ข้าราชการผู้ใหญ่สมัยก่อนเรียกว่า "เหรียญนักเลง" เพราะเชื่อว่าเมื่อพกติดตัวไปที่ใดก็จะประสบแต่ชัยชนะ ปราศจากอันตราย จึงนิยมนับถือกันมาก บางเหรียญ มีการลงเหล็กจารของเกจิดังในยุคเก่าๆอีกด้วย

มูลค่าของเหรียญปราบฮ่อในยุคนี้คงไม่ต้องพรรณนา ถ้าเป็นเหรียญสภาพสมบูรณ์มูลค่าคงแตะหลักสามล้านบาท (+-)เห็นจะไม่เกินจริงนัก
----------------------------

อ่านเรื่องเล่า ชมภาพเหรียญปราบฮ่อของแท้ ที่มีเพียง 500 เหรียญในโลกนี้กันแล้ว แถม "เหรียญทองแดง"ก็มีเพียง "เหรียญเดียว-เป็นเหรียญตัวอย่าง" เป็นเรื่องราวที่ "สอนใจ "นักสะสมบูชาด้วยว่า อย่าไปหา "ของแท้" จากของฟลุ๊ค ของหลง ของถูก ที่ไม่มีวันเจอของจริง เพราะ "เหรียญประวัติศาสตร์" เช่นนี้ อย่าว่าแต่นักสะสมเมืองไทย แม้กระทั่ง นักเลงเหรียญระดับโลก เขาก็สะสมกัน!

ดังนั้นในชีวิตของเรา ก็คงได้เห็น "เหรียญแท้" จากในรูปภาพหรือในพิพิทภัณฑ์ ไม่ต้องละเมอว่าจะเผลอมีวาสนาได้ครอบครองจากการซื้อ-ขาย

แต่ถ้า เหรียญทำเลียนแบบ (ไม่อยากเขียนว่าเหรียญเก๊)... ย่อมพบเห็นและหาได้ทั่วไป ดังตัวอย่างด้านล่างนี้...

เหรียญทองแดงมีมากกว่าต้นฉบับเสียอีก ของจริงมีในโลกเป็นตัวอย่างแค่เหรียญเดียว แต่ของเลียนแบบ มีตั้ง 2 เหรียญ ขายได้รวยตายชัก-ฮ่า

เหรียญเงินตรงกลาง ก็ลงทุนทำได้ไม่เลว แต่ไม่ใช่เงินแท้ เป็น "เงินแปะตั้ง"คือผสมทองแดงหน่อย ออกนิกเกิ้ลนิดๆ ไม่ให้ต้นทุนสูงเกินตัว สำหรับหลอกขายคนชอบของถูกและชอบฟังนิทาน จำพวก "ที่มาดี" หรือ "สมบัติเจ้าคุณปู่" อะไรเทือกนั้น !

ด้านหลังที่ยังเนี้ยบไม่ผ่านการใช้ พอหลอกเด็กเมื่อวานซืนเพิ่งหัดเล่นได้ ถ้าผสมนิยายน้ำเน่าลงไปหน่อย ก็น่าจะขายได้สัก 300-500 บาท หรือเผลอๆเหรียญเงินอาจได้ราคามากกว่า

ทุกเหรียญที่เห็น ได้มาฟรีทั้งสิ้นจากการช่วยดูพระบ้านเพื่อน คัดพระแท้-ไม่แท้ ให้...เห็นเหรียญเหล่านี้ก็ขอมาไม่อยากให้เพื่อนหลงใหลได้ปลื้มกับของทำเทียมเลียนแบบ คิดว่าจะเอาไปให้พวกทำพระ-หลอมพระ ได้แต่คิดหลายสิบปียังไม่ได้ทำสักที

ไม่คิดหรอกว่า จะได้มีโอกาสมาโชว์โฉม เป็นตัวประกอบองค์ความรู้ "ปราบฮ่อ" อย่างฮ้อแร่ดสะเด่าทรวงวันนี้ ต้องขอบคุณของทำเทียมเลียนแบบ ที่มีประโยชน์เหมือนกัน อยู่ที่ว่าจะนำไปใช้ด้านไหนและจังหวะใด?!

เก๊าะ...เช่นเคย ขออาราธนาบารมึ "ปราบฮ่อ" ของแท้ตามภาพจากเรื่องราวด้านบน จงคุ้มครองผู้อ่านมีความสุข มีแต่ชัยชนะ ปราศจากอันตราย ดังอุปเท่ห์ที่ นักสะสม "เหรียญปราบฮ่อ"ของแท้ เขาเชื่อถือกัน!!!

 

นิมนต์หลวงพ่อวัดบ้านแหลมขอรับ

 

วันนี้เขียนเล่าเรื่อง "ปราบฮ่อ" มากจนปวดนิ้วปวดตา เข้ามารับการทำบุญ "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม" องค์งามจากน้องเต้ยช้าไปนิดต้องขออภัย

เหรียญใบสาเกทรงที่เป็นเอกลักษณ์แห่งเอกบุรุษของวัดบ้านแหลม พระวัดไหนสร้างเลียนแบบก็ไม่งามหรือศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังเท่าวัดต้นตำรับมอบท่านเดินทางไม่ไกลนักวันพรุ่งนี้

โมทนาน้องเต้ย ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่กันตรงนี้ด้วยเลย...กราบอาราธนาบารมียิ่งใหญ่หลวงพ่อวัดบ้านแหลม เมตตาคุ้มเรือนคุ้มเหย้า นำเอาแต่ความเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่งมั่งมี เสมือนมีทรัพย์เต็มบาตรอยู่เสมอ มอบแด่น้องเต้ยกับครอบครัวตลอดไปครับ

 

วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีขาล
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สุดยอดเลยครับ ได้ความรู้และอรรถรสในการอ่านอย่างมาก ขอบคุณพี่ wanwi ที่เอาความรู้มาเผยแพร่ประดับสมองนะครับ

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ขอให้อาจารย์วันวิ พี่น้องครอบครัวทุกท่าน มีความสุข สมหวัง เจริญก้าวหน้าในชีวิต มีโชคมีลาภ ร่ำรวยเงินทอง เฮงๆ ทุกท่าน สาธุ

 

แค่เป็นคนไทย

 

หลังมื้อเที่ยง ร่วมอนุโมทนาบุญยามเช้ากับคนทำบุญใส่บาตรหลวงพ่อ บุญปจว.ที่ไม่ต้องบรรยายมาก ร่วมส่งจิตส่งใจอนุโมทนาตามไปเรื่อยๆ เมื่อยก็อย่าหยุด

 

จะค้นเหรียญ "ช้างสามเศียร" หวยเรื่องเขียนดันมาออกที่ "ปราบฮ่อ" ก็เข้าทีดีเหมือนกัน

สำหรับเหรียญ ร.5-ช้างสามเศียร เรื่องราวไม่มากเท่า "ปราบฮ่อ" แต่ก็มีความอัศจรรย์ตรงพระองค์ท่านสั่งทำในปี 2441 (หลัง'ปราบฮ่อ' 10ปี) แต่ไม่ได้ออกใช้ ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน

รัชกาลที่ 6 พระมงกุฏเกล้าฯ จึงทรงนำแจกเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีพระบรมศพ ก็เลยกลายเป็น "เหรียญหายาก" ทรงคุณค่าอีกหนึ่งเหรียญด้วยประการฉะนี้

ตอบน้องนพฯด้วยการแถมเรื่องราวเหรียญช้างสามเศียรเล็กน้อย อย่าให้รสชาติการพูดคุยกร่อย ให้ตกผลึกว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ "อ่านอร่อย" ทั้งนั้นในกระทู้นี้-ฮ่า

 

เผลอแผล็บเดียว เข้าสู่จันทร์หรรษา สัปดาห์ที่ 2 ของศักราชใหม่ สมดังวลีโบราณ 'เวลา วารี ไม่เคยคอยใคร' แต่สำหรับคำอวยพรจากสุพรรณฯไม่ต้องคอย ผันมาตามวันสม่ำเสมอ

ขอบคุณน้องน้อตมากครับ จงมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป 'อโรคยา ปรมา ลาภา' ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ!

 

หนึ่งในความล้มเหลว 8 ปีของ "ลุงตู่" ก็คือหน่วยงานที่ช่วยตีปี้บ ปชส.ผลงานรัฐบาลที่มีมากมายนับไม่ถ้วน เหนือกว่ารัฐบาลไหนๆ

30 บาทรักษาทุกโรค เป็นของ"คุณทักษิณ" ทำไว้เก่าก่อนก็จริง แต่รัฐบาลนี้เห็นประโยชน์เพื่อประชาชน จึง "ต่อยอด" ทำต่ออย่างไม่คิดเหนียมอายว่าเป็นงานของใคร แถมยังต่อเติมการช่วยเหลือคนไทยด้านนี้ให้อีกมากมหาศาล

ถ้า "กรมกร๊วก" กับหน่วยงานอื่นๆรัฐบาลนี้ที่มีอยู่นับไม่หวาดไหว ช่วยกัน "ตีปี้บผลงานรัฐบาล" โชว์มันเข้าไป ไม่ต้องอายใครว่าเอาหน้า กลองดีสมัยนี้ ต้องยิ่งตี มันถึงยิ่งดัง...

รับรอง หน้าไหนก็สู้ "ลุงตู่" ไม่ได้?!?

ผิดกับผู้ว่ากทม.นั่งเก้าอี้ไม่ทันร้อน สิ่งใดเป็นของดี-ของเก่า กรูทำเมินเสียงั้น... เห็นชัดก็เรื่อง "คลองโอ่งอ่าง" กับอีกหลายโครงการที่คนเก่าเขาทำไว้ดี เป็นประโยชน์กับปปช.แต่ข้าไม่ทำต่อ ไม่ต่อยอด เพราะอิจฉากลัวไม่ได้คะแนนเพิ่ม

นี่คือ...วิสัยทัศน์อันสั้นจุดจู๋ ของนักการเมืองไดโนเสาร์ที่พล่ามแต่น้ำลาย เสียดายคะแนนที่ ( เผลอ) หย่อนให้ชะมัด ต้องไปรดน้ำมนต์ล้างซวยเสียหน่อยแล้ว คนกทม.เอ้ย!!!

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 1059 9202 2 TH บางบัวทอง
--ED 1059 9203 6 TH ลำดวน
--ED 1059 9204 0 TH นางรอง

 

วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖

พักเที่ยง ไปทำบุญ-เติมน้ำมันตะเกียงมาค่ะ (พอดีออฟฟิตอยู่ใกล้วัด)

 

วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตรงกับวันฮํ.๕ษณ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๒ ปีขาล
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

วัดใกล้ออฟฟิศย่านนั้น น่าเป็นวัดศิริพงศ์ธรรมนิมิต ฌาปนสถานอีกแห่งของกองทัพบกที่ได้รับการอุปถัมภ์จาก "ก็อด ฟาเธอร์" พลเอกอัครเดช ศศิประภา ผู้ล่วงลับไปแล้วจนกลายเป็นวัดใหญ่สุดย่านวัชรพล รามอินทรา

เกือบ 40 ปีที่แล้ว วัดนี้อยู่กลางทุ่งเป็นวัดเล็กๆ เข้าไปทำบุญทีลำบากมาก แต่มีอยู่ปีนึง มีหลวงตาเก่งมาจำวัด ท่านเชี่ยวชาญสมุนไพรรักษาโรคสารพัด ใช้ศาลาเป็นที่รับคนวันละหลายร้อย เพียงแค่บอกอาการ ท่านก็บอกชื่อยาให้จดแล้วไปหาซื้อเอง จะทำบุญก็แล้วแต่ศรัทธา ผมเคยไปเอายาให้ญาติผู้ใหญ่ 2-3 หน รวมทั้งบอกเพื่อนฝูงไปใช้บริการหลายคน ทุกคนล้วนได้ผลดี ไม่หายก็อาการทุเลาเบาบาง เสียดายไม่ได้จดชื่อ-ฉายานามท่านไว้ ซึ่งป่านนี้คงไปแดนสุขาวดีแล้ว เพราะนานโข

นี่แหละพระดี ที่เราไม่ต้องเข้าไปตีซี้ ขอของดี หรือตีสนิทเอาท่านมาสร้างวัตถุมงคลหากิน ปล่อยท่านช่วยเหลือสัตว์โลกสร้างบารมีของท่านไป ผมจึงพบเจอพระดีในชีวิตนี้เยอะมาก แต่ไม่เคยรบกวนขอของดี ขอพระ ขอตะกรุด ขอทำพระฯลฯ แม้แต่องค์เดียว ท่านเมตตาจะให้ ก็ได้เอง

เล่าให้น้องจิ้งฟังว่า ถ้าไปทำบุญวัดนี้ ก็ถือว่าดีมาก อยู่ใกล้ออฟฟิศแถวนั้นตัวจริง ควรไปทำบ่อยๆ อนุโมทนาบุญที่บอกกล่าวมา ทำให้ผมนึกเรื่องราว เรื่องเล่าแต่หนหลังมาฝากแฟน

 

อนุโมทนาบุญเมื่อวันวานเสร็จ
ก็ขยับร่วมอนุโมทนาบุญเช้าวันนี้
ได้ก่อนเพล ถือว่าทันอกทันใจทันควัน

 

เมื่อคืน ทำน้ำมนต์อาบเองค่ะ
พอดีมีเรื่องไม่สบายใจ
พระเครื่องเราก็มีเยอะ อาราธนาพระ(ที่เลี่ยมกันน้ำแล้ว)แช่น้ำ
สวดมนต์ไป พอสวดจบอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์ แล้วหยดเทียนสักแป๊บ

-สบายใจ-

​

 

ได้รับพระแล้วครับ
ขอบพระคุณคุณอามากครับ