ประสบการณ์ เห็น หลวงปู่มั่น ทิพย์จักษุญาน

ขออนุญาตเผยแพร่บทความทางวิชาการ เกี่ยวกับการค้นคว้าทางจิต เพื่อเป็นธรรมทาน
บทความทางทฤษฎีจากการค้นคว้าอิสระ
เรื่องอนุภาคมูลฐานของสิ่งมีชีวิต
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของชีวิตมนุษย์
นิยาม
อนุภาคมูลฐาน(ฮิกก์ส) คืออนุภาคที่เล็กที่สุดไม่สามารถแบ่งแยกต่อไปได้อีก บางแห่งอาจเรียกว่า อนุภาคพระเจ้า บางแห่งเรียกว่า Higgs boson หรือหลุมดำจิ๋ว ตามชื่อเรียกของผู้ที่ค้นพบ
สมมติฐาน
1. อนุภาคมูลฐาน เป็นสสารมืด มีแรงโน้มถ่วงในตัวเอง มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ตรวจสอบได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุ มีการพิสูจน์แล้วว่ามีอยู่จริงในเอกภพ
2.อนุภาคมูลฐานมีอยู่ในสิ่งมีชีวิต ทุกชนิด ทั้งพืชและสัตว์
3.ในมนุษย์อนุภาคมูลฐานจะอยู่บริเวณ ผนังหัวใจห้องบนขวา ในกลุ่มเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
ไซโนเอเตรียลโนด(Sinaoatrial node หรือ SA node)
4. อนุภาคมูลฐานจะยึดเหนี่ยวอนุภาคต่างๆไว้ด้วยแรงโน้มถ่วง ทำให้เกิดอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอมเป็นลักษณะของกลุ่มหมอก ประกอบไปด้วย อิเล็กตรอน (ประจุลบ) โปรตอน(ประจุบวก)และนิวตรอน (เป็นกลาง ไม่มีประจุ เป็นส่วนประกอบหนึ่งในสารสื่อประสาท)
สิ่งมีชีวิตจะประกอบขึ้นมาจากอนุภาคมูลฐานตามลำดับดังนี้
อนุภาคมูลฐาน อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม อะตอม โมเลกุล ออร์แกเนลล์ เซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ สิ่งมีชีวิต
5. แรงกระทำของอนุภาคมูลฐาน(ฮิกก์ส) ที่มีต่ออนุภาคอื่นๆ เบื้องต้นคือ แรงโน้มถ่วง แรงเบื้องต้นนี้หาได้จากกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันคือ F = ma เมื่อ F = แรง , m = มวลของอนุภาคอื่นๆ , a = ความเร่ง
6. มนุษย์สามารถเร่งอนุภาคต่างๆ ที่อยู่รอบๆ อนุภาคฮิกก์ส นี้ได้ ด้วยการรวบรวมสมาธิ
(พระพุทธเจ้าเรียกว่าการปฏิบัติสมถกรรมฐาน) เมื่ออนุภาคถูกเร่งด้วยแรงของสมาธิ อนุภาคเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่างๆกันตามระดับของสมาธิ ส่งผลให้เกิดการชนกันของอนุภาค โปรตอน กับอิเล็กตรอน ดังนั้น การรวบรวมสมาธิ คือการเพิ่มแรงให้กับอนุภาคฮิกก์ส
7. การเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ของอนุภาคที่มีประจุรอบๆ ฮิกก์สผ่านตัวกลางคือ อนุภาคนิวตรอน นั้น จะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นรอบๆ บริเวณที่ฮิกก์ส อาศัยอยู่ สนามแม่เหล็กนี้ได้สร้างแรงแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นบริเวณ SA node ของผนังหัวใจห้องบนขวา แรงนี้ได้กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ด้วยตนเอง หัวใจจะเต้นด้วยความถี่ 60-70 ครั้ง ต่อนาที ตำแหน่งนี้จะแผ่รังสีเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา
สามารถตรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากหัวใจผ่านเครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่าเครื่อง ECG ซึ่งจะแสดงผลเป็นกราฟ เครื่องนี้จะสามารถวัดความถี่ของคลื่น และอัตราการเต้นของหัวใจได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของ ฮิกก์ส ดังรูป



เครื่อง ECG

8. สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่ไม่มีฮิกก์สหรืออนุภาคมูลฐานนี้แล้ว หัวใจจะหยุดเต้น สิ่งมีชีวิตนั้นจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
9. อนุภาคฮิกก์ส สามารถดำรงอยู่ได้ในกาลอวกาศ หรือดำรงอยู่ได้โดยอิสระ แม้ในสุญญากาศ อนุภาคฮิกก์สที่เคลื่อนที่ผ่านอวกาศ จะแผ่รังสีที่เป็นคลื่นความถี่ต่างๆกันออกมาเช่นรังสีอินฟาเรด รังสี UV รังสี X หรือรังสี แกมม่า ความถี่เหล่านี้จะทำให้เกิดสเปกตรัมของแสงสีต่างๆบางช่วงความถี่สายตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ แต่บางช่วงความถี่มนุษย์ก็มองไม่เห็น แต่สัตว์อาจจะมองเห็น โดยสายตามนุษย์จะมองเห็น รังสีอินฟาเรดผ่านตัวกลางต่างๆได้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับรังสีอินฟาเรดผ่านเครื่องถ่ายภาพรังสีอินฟาเรด(รังสีความร้อน)
10. พระพุทธเจ้าเรียก ฮิกกส์ ที่แผ่รังสีออกมาได้นี้ว่า “ดวงจิต”
11. เมื่อแรกเริ่มปฏิสนธิของคนและสัตว์ จะมีอนุภาคฮิกก์ส เข้าไปฝังตัวอยู่ในอะตอม โดยเริ่มแรกฮิกก์ส จะแผ่รังสีคลื่นความถี่สูงๆ ออกมา รังสีที่แผ่ในช่วงนี้มีส่วนสำคัญในการกำหนดโครงสร้างของ DNA โดย DNA จะบรรจุ สารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตนั้นๆไว้ ซึ่งมีลักษณะที่ผสมผสานมาจากสิ่งมีชีวิตรุ่นก่อน ถ่ายทอดมายังสิ่งมีชีวิตรุ่นถัดไป พระพุทธเจ้าเรียกกระบวนการนี้ว่า “การเกิด” หรือ “จุติ”
12. อนุภาคฮิกก์ส จะทำหน้าที่คล้ายไมโครชิพ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดข้อมูลที่สะสมไว้ในอดีต เพื่อส่งต่อให้มนุษย์หรือสัตว์ที่เกิดใหม่ ให้มีรูปร่างลักษณะต่างๆกัน
13. มีการสั่นสะเทือนของอนุภาครอบๆ ฮิกส์ส เกิดขึ้นเสมอๆ ด้วยความถี่ต่างๆกัน พระพุทธเจ้าเรียกการสั่นสะเทือนของอนุภาคซึ่งแผ่ออกมาในรูปของรังสีนี้ว่า “การให้ผลของกรรม”
14. พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กรรมจำแนกสัตว์ที่เกิดใหม่ให้มีลักษณะต่างๆกัน” ตามผลของการกระทำในอดีต ซึ่งก็คือรูปร่างหน้าตา สติปัญญา หรือ เพศ ของมนุษย์และสัตว์นั่นเอง ดังนั้น งานค้นคว้าอิสระที่ผู้เขียนค้นพบนี้ได้ยืนยันคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องของกรรม ว่าเป็นเรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ได้

แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 2 เรื่อง การทำงานของอนุภาคมูลฐาน(ฮิกก์ส)ในมนุษย์

 

ไม่เชื่อ ต้องทดลอง อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ทดลอง
และได้พิสูจน์ด้วยตัวของท่านเอง
อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่ปฏิบัติดี

 

กาลามสูตร 10 ประการ ได้แก่

1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

• เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล

ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว
เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

 

ขออนุโมทนา ด้วยครับ ผมเองก็มีเรื่องสงสัยรบกวนถามท่านผู้รู้หน่อยนะครับ

ผมเองพิ่งมีโอกาศเห็นวิญาณแบบจะๆ (ไม่ได้นั่งสมาธินะครับ)กลางวันเลยครับ

เป็น ดวงกลมใหญ่ ตรงกลางสีขาวเเข็มส่วนรัศมีจางๆหน่อย พอผมเห็นก็ตั้งสติ

ดูความไม่เที่ยงทันทีเพราะตอนนั้นผมไม่รู้ว่าที่ผมเห็นอยู่นั่นคืออะไรน่ะครับ

อยากรบกวนถามท่านผู้รู้ว่า เขามาทำไมครับ แล้วจากลักษณะเป็นวิญาณประ

เภทไหนครับ ขอบคุณครับ_/|\_

 

ไม่เห็นยาก...
หาคนทำสมาธิคนนึงแล้วทดสอบสิ มีบททดสอบเยอะแยะ ผมเองทดสอบมาแล้วเรื่องอำนาจจิต สนุกดี เรื่องพุทธคุณผมก็ทดสอบกับพี่สาวกับพี่ชายที่ได้สมาธิจิต ก็สนุกเราเลย ทดลองมากไปก็โดนด่า เรื่องนี้มีจริงนะ พี่สาวผมยังไปถ่ายรูปด้วยกล้องอะไรนะ ออร่าเนี่ยละมั้ง มีการเปลี่ยนแปลงด้วยคับ การดูอนาคต พี่ชายผมก็ดูไว้ แล้วก็เป็นจริงดังที่พูดไว้คับ ส่วนเรื่องอดีตก็เหมือนกัน มันโยงมาถึงปัจจุบันด้วย โดยเฉพาะอุปนิสัย และจริตการฝึกสมาธิ พี่ชายฝึกแบบอาโปกสิณ พี่สาวฝึกสติปฐานสี่ พี่ชายเห็นภาพ พี่สาวไม่เห็นภาพได้แค่สมาธิในระดับต้นๆ แต่ก็มีคุณวิเศษพอสมควร ส่วนพี่ชายไม่ต้องพูดถึง ตอนบวชเรียนโดนทดลองจากผู้เรืองวิชาไสยเวทหลายขนาน เรื่องวิชาไสยเวทนี่น่ากลัวนะคับท่าน ถ้าไม่เชื่อก็เชิญพิสูจน์ ถ้าไม่ดีพอก็เอาชีวิตไม่รอดอิๆๆๆ ไม่ได้ท้า5555 มีเยอะ พระเกจิบางท่านก็มี เยอะเหมือนกัน อิๆๆ แต่ผมไม่กล้า กลัวคับ
มีพี่ชายดีก็สบาย ตอนที่ภรรยาผมคลอดลูก ลูกปอดติดเชื้อผมก็ขอให้พี่ชายช่วย คือแพทย์ก็ช่วย ทางจิตก็ช่วย แต่ที่ตรงกันคือพี่บอกว่าวันนี้น่าจะกลับได้แล้วให้ไปถามพยาบาลดูนะและก็เป็นเรื่องจริงเขาให้กลับบ้านจริงๆ ก็สนุกผมไปเลย คนเล็กผมไม่ต้องทำอะไรมากมายแค่เป็นคนขับรถเท่านั้น นอกนั้นพี่สาวพี่ชายจัดการ มีพี่ดีก็แบบนี้555
พี่ชายบอกว่ามีทุกรูปแบบเรื่องการเล่นของ แม้แต่จะถวายภัตตาหาร ยังท่องคาถาเป่าให้กินแบบเห็นๆๆนี่แหละ เขาก็เล่นกันตรงๆ พี่ชายผมก็เฉยๆๆ เจ๋งไหมสุดยอดวิชาของพระพุทธเจ้า บางวันก็มีพระลงมาจากเขามาท้าทายบอกว่าคืนนี้เจอกัน แหม่เป็นผมสึกไปนานแล้ว แต่ก็ทำอะไรพี่ผมบ่ได้ด๊อก อาจารย์ดีซะอย่าง ผมยังบอกให้พี่ผมเทศน์สอนท่านเลยว่าที่พึ่งที่แท้จริงคือ พุทธรัตนธรรมรัตนสังฆรัตน พี่บอกว่าสอนไม่ได้ใจเขาดำเกินกว่าจะสอน เจอแบบนี้ทำให้ผมคิดไว้แล้วเมื่อไหร่ พระสัมมาพุทธเจ้าท่านจะรื้อสัตว์ขนสัตว์หมดสักที ไหนจะคนที่มีทิฐิสูงอีก เฮ้อ.....กรรม(คือการกระทำ)
ผมไม่ได้โม้นะคับเรื่องที่เล่ามา แต่ก็ไม่ใช่พูดให้ทุกท่านเชื่อเรื่องนี้ถ้าไม่ตายซะก่อนผมว่า ลองหาดูนะ ไม่เกินสมองมนุษย์อย่างเราหรอก ต้องหัดใช้สมอง ความฉลาดคิด แล้วก็ช่างสังเกตุ แล้วคุณจะพบความจริง....วันนี้....ขอให้โชคดี

 

อยากรู้มั่งจัง คู่บารมีของเราเป็นใคร ตอนนี้กำลังแย่!!!!

 

โดยส่วนตัวเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่มั่น อย่างจริงใจ แม้เกิดไม่ทันท่านก็ตาม ส่วนเรื่องที่คุณเล่ามาไม่ขอวิจารณ์ แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าคนที่ปฏิบัติอย่างเอาจริงเมื่อถึงเวลา จะได้สัมผัสอะไรเหนือมิติทางประสาทสัมผัสของคนทั่วไปมากมาย แต่ก็เป็นความจริงอีกอย่างว่าการปฏิบัติเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงรู้เห็นหรือคอยให้คำแนะนำ มีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด (ทางเทคนิคบางอย่าง) กับชีวิตได้ง่ายเหมือนกัน และความผิดพลาด (ทางเทคนิค.....ผมก็พูดให้มันเป็นวิชาการไปอย่างนั้นแหละ ๕๕๕๕๕) ที่เกิดจากการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ถ้าแก้ไม่ถูกจุดก็จะไปกันใหญ่แทบกู่ไม่กลับเหมือนกัน (เหล่านี้พูดจากประสบการณ์ส่วนตัวบางอย่างในอดีตเท่านั้นไม่ต้องการให้ใครเชื่อถือ เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน)

 

มันเหมือนมีแต่มันไม่มี

เมื่อเห็นว่ามันไม่มี มันจึงดับ


อะไรที่มันเกี่ยวกับโลภ โกรธ หลง มันก็คืออุบายร้อยแปดของมารนั่นแหละ

 

ยุคสมัยนี้เข็นกันยากขึ้น เพราะคนส่วนมากติดสนุกและติดสุขทางโลกจนมีดบอดและหลงทาง ขอน้อมนำแนวปฏิบัติของหลวงปู่มั่นเป็นแนวทาง สาธุ

 

คู่บุญบารมีหมายถึงผู้ที่เคยสร้างสมบารมีมาด้วยกันหลายภพหลายชาติ อาจเกิดเป็นหญิงหรือชายในชาติใหม่ เมื่อพบกันครั้งแรกก็เกิดปลื้มปิติ รู้สึกสัมผัสได้ทางจิตที่เต็มไปด้วยเมตตาธรรม ห่วงใย และโหยหาในอดีตไปพร้อมกับความสงสัยใคร่รู้ ถ้าเป็นผู้ที่เคยสร้างบุญบารมีในระดับสูงมาด้วยกันแล้ว จะช่วยส่งเสริมกันและกันให้เจริญยิ่งขึ้น และคอยระแวดระวังซึ่งกันและกันมิให้หลงใหลไปในทางเสื่อม

 

อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไกลจัง 555
คงต้องเพียรยิ่งๆ สู้ๆ

 

นะโมภูริทัตโต เถโร นะโมวิมุตติยา

 

นานาจิตตังเนอะ.....เชื่อค่ะ เชื่อในเรื่องของการปฏิบัติ รู้ได้ เห็นได้ด้วยตนเอง เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

ขอเคล็ด คนที่ทำจิตให้เป็นอุปจารสมาธิ หรือ อัปนาสมาธิ แบบรวดเร็ว(การรวมลงสู่ความสงบ) ใครทำได้เชิญ ส่วนเรื่องฝันหรือ นิมิต อย่าปักใจเชื่อมากนัก แต่หากเป็นของจริง ก็ขออนุโมทนา สาธุ แต่ไม่ควรหลงดีใจ ขอให้คิดว่าเป็นบุญเรา(ครูอาจารย์ว่า ส่วนไหญ่เป็นอาการของจิต) โปรดอ่าน วิธีเข้าถึงไตรสรณคม พระอาจารย์ สิงห์ ขันตยคโม วัดป่าสาละวัน

 

อนุโมทนาบุญครับ

ผมเองของไม่จริงก็ได้ ขอให้มาให้เห็นหน่อยเต๊อะ :'(

 

อ่านแล้ววิเศษสุดๆไปเลย
อยากเห็นมั่งจัง เห้นผีไม่เอานะ- -''
เอาแบบเห็นเทพธิดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงสนุกมากๆเยย
ปต่ชาตินี้คงทำไม่ได้หรอก หนูกิเลสเยอะ- -*​

 

อยากเจอไม่ได้เจอ อยากเห็นไม่ได้เห็น
อยากรู้ไม่ได้รู้ อยากดูไม่ได้ดู
หยุดอยากจึงมาเจอ มาเห็น
มารู้ มาดูได้

 

ผมพึ่งสมัครครับ
ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ

ผมอยากจะถามผู้รู้นะครับว่าเราจะฝึกจิตทิพย์ได้ยังไงหรือครับ???
พอดีผมรู้สึกว่าตัวผมสามารถรับรู้ราวในอนาคตได้ด้วยจิตนะครับ
เช่น มีคนเป้ายิ่งชุบกัน ผมหลับตาและถามในใจว่าจะออกอะไรซึ่งก็ได้คำตอบมาตรงกับที่เข้าเป่ายิงชุบกันนะครับ(บ่อยมาก) หรือบางที ผมก็ตั้งคำถามในใจบางเรื่อง และก็ได้คำตอบมาซึ่งก็ตรง

ใครรู้ก็ช่วยตอบด้วยนะครับ
___________________________
สาธุ o_o

 

ผมกึ่งหลับกึ่งตื่นเเล้วเห็นภาพ คนที่ผมคิดถึง เเต่เหมือน ไม่ชัดเอาเลย อยากเห็นชัดๆมั้งจัง

 

ประสบการณ์ จิตเดินทางในจักรวาลของจิต
การถอดจิตเข้าไปหา ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ในวิมานของท่าน
พบสามเณรยืนข้างๆท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระอาจารย์มั่นท่านแนะนำให้รู้จักครูบาเณร และบอกว่า เณรองค์นี้เป็นพระอรหันต์นะ ท่านพูดจบ ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาท่านโดยอัตโนมัติ ว่าท่านน่ารัก ทำไมฉลาดมากๆ
สิ้นกิเลสในสภาพเด็กน้อย สภาพที่เห็นโดยรวมท่านเป็นเณรอรหันต์ที่ไม่ถือเนื้อถือตัว เคยรับใช้ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เช่นไรก็ ไม่ยกตนข่มท่านอาจารย์มั่น ไม่ดีตัวเสมอพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์มั่นถามปัญหาเชาว์กระผมว่า ระหว่าง ฆ้อนกับ หนังสติก ท่านจะเลือกอะไร ฆ้อนมีค่า = ๕
หนังสติก = ๙
ก็เลยกราบเรียนท่านว่าผมเลือก ฆ้อนครับ ท่านก็ว่าตกลงท่านเลือกฆ้อนแล้วนะ ครับผมเอาฆ้อน ทั้งพี่ท่านและเณรก็หายไปจากจักรวาลที่พระอาจารย์มั่นจำวัดอยู่ ลำดับเหตุการณ์ ฆ้อน ๕
นี่ไม่ใช่เป็นการบอกใบ้ให้หวยแน่ๆเลย รู้แล้วท่าน ๕=พระเจ้าห้าพระองค์
๙=นวโลกุตตระธรรมทั้ง 9 แยกได้สมาบัติแปด + 1 = นิพพาน(รู้แจ้งโลก)


บรรพชิต อุบาสกอุบาสิกา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่าคุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะไม่ให้เราเป็นผู้เก้อเขินในเวลา เพื่อนบรรพชิตอุสกอุบาสิกาถามในกาลภายหลัง<!-- google_ad_section_end -->