WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

B1

เลย - สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด หลังน้ำเลยทะลักท่วม

13 กย. 2554 17:19 น.


<DD>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ล่าสุดผู้สื่อข่าว ลงเรือท้องแบนสำรวจพื้นที่ถูกน้ำท่วมร่วมกับอาสาสมัคร และนำอาหาร ข้าวกล่องและน้ำดื่มไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่บนบ้าน ในเขตเทศบาลเมืองวังสะพุง ,ต.ศรีสงคราม ขณะนี้ระดับน้ำสูง 20-50 ซม. และท่วมสะพานเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษามิดสะพาน ที่ บ้านติดต่อ-บ้านแหล่งควาย ต.นาอาน และโรงเรียน 1 แห่ง ระดับน้ำสูง 50-200 ซม.ถูกตัดขาดทุกด้านโดยสิ้นเชิง และ เขตเทศบาลเมืองเลยพื้นที่น้ำท่วม ประกอบด้วย ชุมชนศรีเมืองใหม่ ,ชุมชนบ้านติ้ว ระดับน้ำสูง 1- 3 เมตร บ้านนาบอน-บ้านก้างปลา ต.ชัยพฤกษ์ อ.เมืองเลย ระดับน้ำสูง 20-60 ซม.ถนนในหมู่บ้านทั้งสอง ยาว 2 กม.น้ำท่วมสูง รถเล็กผ่านไม่ได้ ล่าสุดได้มีการสั่งปิดโรงเรียน 1 แห่ง อย่างไม่มีกำหนด คือ ร.ร.บ้านติดต่อ ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย
<DD> <DD>นายพิชัย รามศิริ ผอ.โรงเรียนบ้านติดต่อ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 04.20 น.วันนี้ น้ำจากแม่น้ำเลยได้ไหลบ่าท่วมสนามกีฬา บ่อเลี้ยงปลา โรงฝึกงาน ส้วม แปลงปลูกพืชผักสวนครัว เรือนเพาะชำและบ้านพักครู และเมื่อเวลา 07.30 น. น้ำไหลบ่าท่วมห้องสมุด ห้องเรียนระดับปฐมวัย ซึ่งโรงเรียนได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้าน ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และชาวบ้านร่วมกับคณะครูขนย้ายสิ่งของ อาทิ ตู้เย็น โต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง หนังสือ เอกสารและสิ่งของสำคัญอื่นๆ ไปเก็บไว้ชั้น 2 ของอาคารเรียนแล้ว พร้อมกำชับคณะครู ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนและลูกจ้างนักการภารโรงเฝ้าระวังเหตุการณ์ ติดตามรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมตลอดเวลา
<DD>วันเดียวกันนี้ ดร.สุเทพ บุญเติม ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 ได้มอบหมายให้ นายสุรศักดิ์ ฮดมาลี ผอ.กลุ่มอำนวยการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจแก่ผู้บริหารและคณะครู เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนบ้านติดต่ออย่างใกล้ชิดด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของการเตรียมความพร้อมของเขตพื้นที่ในการเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยนั้น สำนักงานเขตพื้นที่ได้กำชับให้ทุกโรงเรียนได้หามาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง การเกิดอุทกภัย พร้อมทั้งประสานงานกับผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อเตรียมการขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูง และหากโรงเรียนประสบอุทกภัย ขอให้รายงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 ทราบโดยด่วน</DD>

 

B1

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

คาดหมาย

ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศเริ่มมีปริมาณฝนลดลง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน จะมีเริ่มมีกำลังอ่อนลง

ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ก.ย. ร่องมรสุมมีกำลังอ่อนและเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจาย

ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 17-19 ก.ย. ร่องมรสุมจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือโดยเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ออกประกาศ 13 กันยายน 2554​

http://www.tmd.go.th/thailand.php

 

ชี้เทรนด์โลกอนาคต “อาหาร” และ “ยา” แยกกันไม่ออก

วันที่ 13/09/2554 17:35 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 19 นาที)





ชี้เทรนด์โลกอนาคตอีกแค่ 5 ปีข้างหน้า “อาหาร” และ “ยา” จะเป็นสิ่งแยกกันแทบไม่ออก เพราะอาหารจะไม่มีไว้เพื่อให้กินอิ่มและอร่อยเท่านั้น แต่จะตอบสนองผู้บริโภคคามแนวคิด “ป้องกันดีกว่ารักษา” พร้อมชี้คนเรามักไม่รู้ตัวว่าขาดสารอาหารในกลุ่มเกลือแร่และวิตามิน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว จึงจำเป็นต้องการกิน “อาหารเสริม”

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) มีกำหนดจัดงานประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติด้านอาหารในโลกอนาคต (InnovAsia 2001: Food in the Future: FIF2011) ระหว่างวันที่ 15-17 ก.ย.54 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจนวัตกรรมอาหารจากทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียรวม 25 คน มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายในงาน พร้อมทั้งเผยมุมมองการพัฒนานวัตกรรมอาหารของโลกในศตวรรษที่ 21 อาทิ ตัวแทนจากศูนย์วิจัยอาหารไนโซ่ ประเทศเนเธอร์แลนด์, ตัวแทนจาก บริษัท เซเรบอส แห่งเอเชีย แปซิฟิก และตัวแทนจากบริษัท มารูเซน ฟาร์มาซูติคอล ญี่ปุ่น เป็นต้น

นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. เผยถึงการจัดงานดังกล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์และสื่อมวลชนว่า งานนิทรรศการอาหารในโลหอนาคตนี้จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2552 และจะพยายามผลักดันให้งานดังกล่าวเป็นงานระดับนานาชาติ ซึ่งผู้เข้าชมงานน่าจะได้เห็นแนวโน้มของธุรกิจอาหารในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่มีแนวโน้มว่าต่อไปในอนาคตนั้นอาหารและยานั้นแทบจะแยกจากกันไม่ออก

“ภายในงานจะได้เห็นนวัตกรรมอาหาร 4 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนัก กลุ่มอาหารเพื่อการบำรุงสมอง ซึ่งตอนนี้กำลังมั่วๆ อยู่ เพราะมีเครื่องดื่มที่อ้างว่าดื่มแล้วฉลาด ดื่มแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ซึ่งถ้าเราจะทำเรื่องนี้คงต้องมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ อีกกลุ่มคือกลุ่มอาหารต้านชรา ชะลอความแก่ และสุดท้ายคือกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน จะเป็นอาหารที่ช่วยเสริมเฉพาะด้าน ซ่อมแซมเฉพาะที่ เช่น บำรุงข้อ บำรุงสายตา เป็นต้น” ผู้อำนวยการ สนช. กล่าว

ทางด้าน ภก.ดร.พิสุทธ์ เลิศวิไล นายกสมาคมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพและกรรมการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) กล่าวในทำนองเดียวกับนายศุภชัยว่า ในอนาคตอาหารและยาจะเป็นสิ่งที่มาบรรจบกันและแยกจากกันไม่ออก เหมือนที่ปราชญ์ในอดีตเคยกล่าวไว้ว่า “จงอาหารเป็นยาและใช้ยาเป็นอาหาร” ซึ่งเห็นได้จากภูมิปัญญาจีนที่อาหารหลายอย่างใช้ประโยชน์ในทางยาด้วย ซึ่งแนวคิดแบบ “ป้องกันไว้ดีกว่าแก้” นั้นเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอยู่แล้ว

ด้านภาพรวมของนวัตกรรมอาหารทั่วโลกนั้น ภก.ดร.พิสุทธ์กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีตลาดอาหารสุขภาพที่ใหญ่มาก เพราะมีกฎหมายเฉพาะ ซึ่งสินค้าจะได้รับการรับรองต่อเมื่อผ่านการทดลองในมนุษย์แล้วปลอดภัยเท่านั้น ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศเสรีนั้นสามารถอ้างสรรพคุณของอาหารได้อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากผู้บริโภคอเมริกันนั้นฉลาดและแข็งแกร่งมาก หากสินค้าไม่ดีบริษัทจะถูกฟ้องจนล้มละลายได้ และในการกล่าวอ้างสรรพคุณเพื่อขอการรับรองจากหน่วยที่ควบคุมด้านอาหารและยานั้นต้องมีเอกสารที่พิสูจน์คุณสมบัติอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เสนอแก่หน่วยงานอย่างเพียงพอ ไม่ใช่ส่งเอกสารเพียง 2-3 แผ่นเพื่อขอการรับรอง

นายศุภชัยบอกด้วยว่า อาหารนั้นถือเป็นจุดเด่นของประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าฐานของประเทศนั้นเป็นเกษตรกรรม หากจะขายสินค้าด้านซอฟท์แวร์หรืออิเล็กทรอนิกส์นั้นเราได้ค่าส่วนเหลื่อมการตลาด (Marketing margin) เพียงเล็กน้อย แม้มูลค่าที่ขายได้จะสูง แต่เมื่อหักลบต้นทุนแล้วเหลือส่วนต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงจำเป็นต้องหันกลับมามองจุดแข็งของประเทศ โดยแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมอาหารจะเน้นไปที่การขายของเป็นกรัม ขายสารสกัด ซึ่งดีกว่าการขายข้าวเป็นเกวียนแล้วได้เงินแค่หมื่นกว่าบาท

“เราไม่อยากขายข้าวเป็นเกวียน ซึ่งถ้าเอาวิทยาศาสตร์เข้าไปจับเราจะเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้มหาศาล จากขายเป็นเกวียนก็เปลี่ยนมาขายเป็นกรัม อย่างน้ำมันรำข้าวมีต้นทุนเป็นบาทแต่ขายได้เป็นร้อย ซึ่งธุรกิจสารสกัดเป็นธุรกิจที่ สนช.ให้ความสำคัญมาก แต่ต้องสกัดให้ได้สารบริสุทธิ์ จริง” นายศุภชัยกล่าว และให้นิยามอาหารของโลกอนาคตว่า ไม่ใช่แค่อิ่มอร่อย แต่ต้องให้ผลดีในด้านสุขภาพ และต้องช่วยปรับสมดุลในร่างกายด้วย

ตัวอย่างผลงานเด่นที่จะนำเสนอภายในงาน อาทิ เครื่องดื่มผสมสารสกัดเซราไมด์ที่ได้จากสับปะรด ซึ่งมีประโยชน์ในด้านความงาม โดยช่วยให้เซลล์ผิวกระจ่างใสและได้รับความชุ่มชื้น นวัตกรรมอาหารเสริมจากญี่ปุ่น “คิวเอช” (QH) ซึ่งเป็นอีกรูปของโคเอนไซม์คิวเท็น (Q10) แต่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีกว่า โยเกิร์ตผสมสารสกัดช่วยให้แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุตาย และสารให้รส “อูมามิ” หรือรสกลมกล่อมจากหอมหัวใหญ่ ซึ่งใช้แทนผงชูรสและเป็นวัสดุปรุงอาหารสำหรับผู้แพ้ผงชูรส เป็นต้น

อย่างไรก็ดี นวัตกรรมอาหารภายในงานนั้นเน้นที่อาหารเสริม ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ จึงสอบถามว่าการรับประทานอาหารเสริมนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง ภก.ดร.พิสุทธ์กล่าวว่า โดยปกติแล้วเรามักไม่ขาดสารอาหารในหมู่หลักๆ คือ โปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต แต่มักจะขาดอาหารหมู่ย่อยคือเกลือแร่และวิตามิน ซึ่งในระยัสั้นอาจไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่ในระยะยาวจะมีผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้สุงอายุหลายคนเป็นโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกผุ อันเกิดจากการขาดสารอาหารกลุ่มเกลือแร่และวิตามินที่จำเป็น ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากการปรุงและการเก็บอาหารไว้นานๆ

“ถ้าร่างกายปกติ กินอาหารครบและออกกำลังกายเป็นประจำก็ไม่ต้องกินอาหารเสริมก็ได้ แต่คนเราจะมีช่วงที่ร่างกายแข็งแรงสูงสุดถึงอายุ 30 ปี หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มเสื่อมถอย สิ่งที่ควรทำคือควรดูแลให้การเสื่อมถอยช้าลง เริ่มจากการดูแลกินอาหารให้ครบ ออกกำลังกาย กินอาหารเสริมและดูแลสุขภาพจิต สำหรับการเลือกอาหารเสริมนั้นต้องดูความต้องการของแต่ละคน ซึ่งมีไม่เท่ากัน คนที่ต้องเดินถนน เจอมลพิษควรจะได้รับสารอาหารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี ซึ่งเป็นอาหารเสริมพื้นฐานและมีราคาถูก และง่ายที่สุดสำหรับทุกคนคือกินวิตามินและเกลือแร่รวม” ภก.ดร.พิสุทธ์กล่าว

 

น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดทะลักท่วมย่านตาขาว เดือดร้อนกว่า 1 พันคน

วันที่ 13/09/2554 17:49 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 19 นาที)



ตรัง - น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดทะลักสู่แม่น้ำปะเหลียน ชุมชนย่านตาขาวอ่วม โชคดีชาวบ้านขนของหนีน้ำทัน สำรวจความเสียล่าสุดพบเดือดร้อนกว่า 1 หมื่นคน พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 2 พันไร่

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง ว่า จากเหตุการณ์ฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้น ยังคงทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 3 วันแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มใน 2 อำเภอ คือ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว อันเป็นผลมาจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ทั้งฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับ จ.พัทลุง และ จ.ตรัง กับ จ.สตูล โดยน้ำป่าเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และนาข้าว เสียหายเป็นจำนวนมาก

และสถานการณ์ล่าสุด น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำปะเหลียน ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำตรัง ก่อนที่จะระบายลงไปสู่ทะเลอันดามัน ทำให้พื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำดังกล่าวต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ซึ่งมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมชุมชน บ้านเรือน บริษัทห้างร้าน และสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำให้ถนนหลายสายกลางเป็นท้องทะเล โดยระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 ซม. บางจุดรถเล็กไม่สามสัญจรไปมาได้ แต่ทั้งนี้ ยังไม่เดือดร้อนรุนแรงมากนัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายข้าวของหนีน้ำได้ทัน

นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดตรัง สรุปพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมล่าสุด ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 4 อำเภอ 17 ตำบล 94 หมู่บ้าน 1 เทศบาล ทำให้มีผู้เดือดร้อน 3,480 ครัวเรือน หรือ 10,072 คน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 2,357 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ประสบภัยประมาณ 30%

โดยพื้นที่ที่ประสบเหตุรุนแรงมากที่สุด คือ อ.ปะเหลียน 9 ตำบล 61 หมู่บ้าน รองลงมาคือ อ.ย่านตาขาว 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน 1 เทศบาล อ.เมือง 3 ตำบล 14 หมู่บ้าน และ อ.ห้วยยอด 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน

 

เกิดระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฝรั่งเศส ดับ 1 ไม่มีรังสีรั่ว

วันที่ 13/09/2554 15:30 (ผ่านมา 3 ชั่วโมง 40 นาที)





เกิดเหตุระเบิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในเมืองทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน แต่ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เม่ือวันที่ 13 ก.ย.ว่า เกิดเหตุระเบิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนทราโก ในเมืองมาร์คูเลทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ที่อาคารกำจัดของเสียระดับรังสีต่ำภายในโรงไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน แต่ไม่ส่งผลกระทบต่ออาคารเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่อยู่ใกล้เคียง

ด้านสำนักงานป้องกันกัมมันตภาพรังสีและดูแลความปลอดภัยนิวเคลียร์ เปิดเผยว่า ระดับของกัมมันตภาพรังสีในอากาศที่ตรวจวัดได้ ไม่เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดการระเบิด เนื่องจากจุดที่ระเบิดเป็นเพียงโรงกำจัดของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชนิดแผ่รังสีน้อย จึงไม่มีความจำเป็นต้องอพยพประชาชน หรือดำเนินมาตรการป้องกันใดๆ

ขณะที่นางนาตาลี กอสซิอัสโอ มอริเซต รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปยังที่โรงไฟฟ้าด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางรัฐบาลของประเทศฝรั่งเศส พยายามอย่างหนักที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายในประเทศ หลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ ของประเทศญี่ปุ่น

 

ร.ร.วัดตโปทารามวอนช่วยเหลือด่วน หลังน้ำในอ่างบางพระเข้าท่วม ร.ร.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2554 16:41 น.

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ร.ร.วัดตโปทารามวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือโรงเรียนเป็นการด่วน หลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระ เพิ่มสูงขึ้นเอ่อล้นเข้ามาในพื้นที่สนามฟุตบอลและสนามเด็กเล่นไม่สามารถใช้การได้เลย

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จาก นายวินัย บัวป้อง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดตโปทาราม หมู่ 8 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา ว่า น้ำท่วมขัง เด็กนักเรียนเดือดร้อน ไม่มีสนามฟุตบอล และสนามเด็กเล่น จึงได้เข้าตรวจ พบสภาพความเสียหาย อาคารเรียน สนามฟุตบอลสนามเด็กเล่น หลังฝนได้ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำเอ่อล้น

ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งกักเก็บน้ำใหญ่สุดในจังหวัดชลบุรี ได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำล้นเข้ามาในพื้นที่โรงเรียนวัดตโปทาราม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ติดกับอ่างเก็บน้ำบางพระ

นายวินัย กล่าวว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เดิมที่อาคารเรียนเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวและพื้นที่ต่ำ ทำให้น้ำของอ่างเก็บน้ำเริ่มล้นเข้ามาในอาคารและสนามฟุตบอลของโรงเรียน

ในขณะนี้โรงเรียนได้มีการยกระดับตัวอาคารไม้ให้สูงขึ้น พร้อมปรับพื้นด้านล่างไว้ใช้ประโยชน์ ได้ถูกน้ำท่วมขัง เด็กไม่สามารถให้นักเรียนเข้าห้องเรียนได้ เนื่องจากน้ำเอ่อล้นเข้ามามากเกินกว่าเด็กอนุบาลจะเดินได้ และสิ่งที่หน้าเป็นห่วงเป็นอย่างมากหากฝนได้ตกลงมาอีก ก็จะทำให้ปริมาณน้ำในอ่างบางพระเพิ่มสูงขึ้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือโดยการนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำที่ท่วมขังออกจากสนามฟุตบอลและสนามเด็กเล่น ให้ก่อนเพื่อให้เด็กมีสถานที่ออกกำลัง

 

ผู้ว่าฯสระแก้วแจ้งเตือน ปชช.น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2554 17:41 น.

สระแก้ว - ผู้ว่าฯสระแก้ว แจ้งเตือนระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนอาจจะมีประชาชน

นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เตือนประชาชนชาวสระแก้วในช่วงนี้จะมีร่องมรสุมพัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้และอ่าวไทย มีกำลังแรงลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ส่วนพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำบริเวณภาคตะวันออกให้เตรียมป้องกันระวังอันตรายจากปริมาณน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

นายวันชัย นารีรักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองวังน้ำเย็น เผยว่า เนื่องจากมีฝนตกติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำป่าไหลหลากจากเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี และไหลหลากลงมาทางอำเภอวังน้ำเย็น ประกอบกับน้ำป่าจากเขาตะกรุบไหลมาสมทบกันทำให้น้ำไหลท่วมพื้นที่เกษตรหลายพันไร่ที่วังน้ำเย็น ทางเทศบาลได้ระดมกำลังช่วยกันระบายทางน้ำและช่วยชาวบ้านขนของหนีน้ำขึ้นไปไว้ที่สูงเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน

จากนั้นน้ำได้ไหลหลากอย่างรวดเร็วลงพื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาทำให้น้ำป่าไหลหลากลงคลองพระสทึง ทำให้น้ำหนุนขึ้นล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านโปร่งเกษ หมู่ 11 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ โดย นายสมบูรณ์ ดวงแสนโย ประธานสภา อบต.หนองหว้า นายศักดา ท่านาเวช ผู้ใหญ่บ้านโปร่งเกษ พร้อมสมาชิก อบต.ระดมกำลังช่วยชาวบ้านขนของหนีน้ำหลายหลังคาเรือนที่อยู่ที่หล่มตามแนวคลองพระสทึง น้ำยังไหลเข้าท่วมบ่อเลี้ยงปลา มีนาข้าว มันสำประหลังหลายพันไร่

นอกจากนี้ น้ำป่าไหลหลากเข้าสู่อำเภอเมืองสระแก้ว ทางอำเภอได้ประกาศเตือนชาวที่สุ่มเสี่ยงน้ำท่วมให้ข้นของขึ้นไว้ที่สูงเพื่อให้พ้นจากการน้ำท่วม ต่อมาหน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้วได้แจ้งชาวบ้านท่าเกษมว่ามีคนจมตาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว หน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้ว ได้รุดไปที่เกิดเหตุบริเวณหลังหมู่บ้านท่าเกษม หมู่ 12 ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นบ่อน้ำลึกเจ้าหน้าที่ จึงได้ช่วยกันค้นหาศพผู้จมน้ำขึ้นมาได้ทราบชื่อนายนิคม จำเริง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 12 ต.ท่าเกษม อ.เมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบแล้วญาติไม่ติดใจจึงได้มอบศพผู้จมน้ำตายให้ญาตินำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าเกษมต่อไป

 

ท่วมแล้วพื้นที่ลุ่มต่ำเมืองแปดริ้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2554 19:27 น.

ฉะเชิงเทรา - ท่วมแล้วทุ่งนาพนมสารคาม พื้นที่ราบลุ่มตอนบนต้นน้ำแปดริ้ว ก่อนไหลบ่าทะลักเข้าสู่ชุมชน ทำบ้านเรือนตามแนวเส้นลำน้ำสาขาลุ่มบางปะกงจมดิ่ง โรงเรียนชนบทปิดตัวหนีน้ำถึง 2 แห่งพร้อมกัน ขณะที่รองพ่อเมืองยันเป็นเพียงแค่น้ำค้างอยู่ในทุ่ง ไหลรวมสะสมในพื้นที่ลุ่มต่ำเพียงชั่วคราว หลังจากฝนหนักถล่มต่อเนื่องนาน 3 วันรวด

วันนี้ (13 ก.ย.54) เวลา 15.30 น. นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยถึงกรณี เมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ที่มีน้ำป่าไหลทะลักเข้ามาท่วมพื้นที่ตลาดพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สูงถึงกว่า 1 เมตร ก่อนที่จะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว และแห้งหายไปจากพื้นที่นั้นว่า เป็นเพียงน้ำค้างทุ่งที่สะสมอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ เนื่องจากตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้น มีฝนตกลงมาในพื้นที่เป็นจำนวนมากจนสามารถวัดปริมาณได้มากสุดถึง 125 มิลลิเมตร

จึงทำให้น้ำในปริมาณมากเหล่านี้ได้ไหลลงมารวมกันยังพื้นที่ต่ำ ที่ตลาดพนมสารคาม โดยเฉพาะที่บริเวณ รพ.พนมสารคาม ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำสุดนั้นมีระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร เมื่อเวลา 00.00-01.00 น. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะลดระดับลงมาจนกลับไปสู่ภาวะปกติได้ในช่วงเช้า โดยพื้นที่ไม่ได้มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นมากนัก หลังจากทำการสำรวจต้นตอของปัญหา พบว่าระบบระบายน้ำในพื้นที่มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับระบบท่อระบายน้ำอุดตัน และมีไม่เพียงพอ

ส่วนพื้นที่ในเขต ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม ที่ยังคงถูกน้ำท่วมในระดับ 20-30 ซม.อยู่นั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองท่าลาด จึงทำให้น้ำฝนที่ยังคงมีปริมาณมากในพื้นที่ ยังระบายออกไม่ทัน โดยขณะนี้ได้ให้ทางกรมชลประทานงดการระบายน้ำออกจากตัวอ่างเก็บน้ำระบม และอ่างสียัด เป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากทั้งสองอ่างนั้นมีน้ำอยู่เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ของความจุ เพื่อให้น้ำที่ตกค้างตามท้องทุ่งไหลทิ้งออกจากพื้นที่ลงทะเลไปก่อน โดยในวันพรุ่งนี้จึงจะให้ทั้งสองอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ระบายน้ำออกเพื่อพร่องน้ำได้อีกครั้ง

สำหรับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสียัด ซึ่งมีความจุมากที่สุดของภาคตะวันออกนั้น มีน้ำอยู่ที่ 420 ล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถพองลมขอบยางรับได้อีกถึง 436 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบม.) นั้น ขณะนี้มีน้ำอยู่ในอ่างที่ 337.5 ล้าน ลบม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80.36 ของความจุอ่าง ขณะที่อ่างเก็บน้ำคลองระบม นั้นมีความจุ 59.5 ล้าน ลบม. แต่ในขณะนี้มีน้ำอยู่ในอ่างจำนวน 51 ล้าน ลบม. หรือคิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุอ่าง จึงยังจะเห็นว่าทั้งสองอ่างนั้นยังสามารถที่จะรับน้ำเพิ่มเติมได้อีกกว่า 90 ล้าน ลบม.

ขณะที่นางศิริวรรณ นิติวรยุทธ ปลัดเทศบาลตำบลเกาะขนุน อ.พนมสารคาม กล่าวว่า ได้ลงสำรวจพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว พบว่าในพื้นที่ ม.2 ต.เกาะขนุน นั้น มีน้ำไหลบ่าลงมาสู่พื้นที่ท่วมชุมชนเป็นจำนวนมาก สูงถึง 50-100 ซม.จึงทำให้โรงเรียนในพื้นที่ต้องหยุดทำการเรียนการสอนแล้ว ถึง 2 แห่ง คือ โรงเรียนวัดพงษาราม และโรงเรียนพนมอิทธิศึกษา รวมทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ด้วย

โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านคลองท่าลาดมากถึงกว่า 200 ลบม.ต่อวินาที และคาดว่าอาจจะมีน้ำป่าไหลทะลักลงมาท่วมสูงในพื้นที่อีก จึงได้เร่งประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ฉะเชิงเทรา ให้ส่งเรือท้องแบบมาเฝ้าระวัง คอยแสตนบายไว้ในพื้นที่แล้ว อย่างน้อย 1 ลำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้เร่งออกประกาศเตือนประชาชนตามเสียงตามสายให้ชาวบ้านเฝ้าคอระวังน้ำท่วม หรือน้ำป่าไหลหลาก และมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาแล้ว

 

น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดทะลักท่วมย่านตาขาว เดือดร้อนกว่า 1 พันคน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2554 17:49 น.

ตรัง - น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดทะลักสู่แม่น้ำปะเหลียน ชุมชนย่านตาขาวอ่วม โชคดีชาวบ้านขนของหนีน้ำทัน สำรวจความเสียล่าสุดพบเดือดร้อนกว่า 1 หมื่นคน พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 2 พันไร่

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง ว่า จากเหตุการณ์ฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้น ยังคงทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 3 วันแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มใน 2 อำเภอ คือ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว อันเป็นผลมาจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ทั้งฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับ จ.พัทลุง และ จ.ตรัง กับ จ.สตูล โดยน้ำป่าเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และนาข้าว เสียหายเป็นจำนวนมาก

และสถานการณ์ล่าสุด น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำปะเหลียน ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำตรัง ก่อนที่จะระบายลงไปสู่ทะเลอันดามัน ทำให้พื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำดังกล่าวต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ซึ่งมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมชุมชน บ้านเรือน บริษัทห้างร้าน และสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำให้ถนนหลายสายกลางเป็นท้องทะเล โดยระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 ซม. บางจุดรถเล็กไม่สามสัญจรไปมาได้ แต่ทั้งนี้ ยังไม่เดือดร้อนรุนแรงมากนัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายข้าวของหนีน้ำได้ทัน

นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดตรัง สรุปพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมล่าสุด ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 4 อำเภอ 17 ตำบล 94 หมู่บ้าน 1 เทศบาล ทำให้มีผู้เดือดร้อน 3,480 ครัวเรือน หรือ 10,072 คน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 2,357 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ประสบภัยประมาณ 30%

โดยพื้นที่ที่ประสบเหตุรุนแรงมากที่สุด คือ อ.ปะเหลียน 9 ตำบล 61 หมู่บ้าน รองลงมาคือ อ.ย่านตาขาว 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน 1 เทศบาล อ.เมือง 3 ตำบล 14 หมู่บ้าน และ อ.ห้วยยอด 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน

 

พิจิตร-ตลาด 100 ปีถูกน้ำท่วมหนัก

วันอังคาร ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

คันกั้นน้ำในเขตเทศบาลตำบลวังกรด อำเภอเมืองพิจิตร พัง น้ำทะลักเข้าท่วมตลาด 100 ปี ชุมชนเขตเทศบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี

สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพิจิตรยังคงรุนแรง โดยเมื่อช่วงสาย กระสอบทรายที่ทางเทศบาลตำบลวังกรด อำเภอเมืองพิจิตร นำไปกั้นแม่น้ำยม เพื่อไม่ให้ไหลเข้าท่วมภายในเขตเทศบาลได้พังลง เป็นระยะทางยาวกว่า 20 เมตร ทำให้น้ำจากแม่น้ำน่าน ที่สูงกว่าตลิ่งกว่า 1 เมตร ไหลหลากเข้าท่วมภายในเขตชุมชนตลาด 100 ปี ทันที ชาวบ้านต่างต้องเร่งเก็บของหนีน้ำกันอย่างรวดเร็ว โดยมีสินค้าของร้านค้าโชว์ห่วยจำนวนมากที่เก็บไม่ทันและเสียหายเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านบางคนต้องขนย้ายผู้สูงอายุไปไว้ที่ชั้น 2 ของบ้านเพื่อความปลอดภัย

ชาวบ้านบอกว่า ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และเห็นใจทางเทศบาล ที่ต่อสู้กับปริมาณน้ำมานานกว่า 1 เดือน แต่ในที่สุดน้ำก็พังทลายลงมาจนได้ โดยน้ำท่วมครั้งนี้ ชาวบ้านเกรงว่า จะทำให้บ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดพิจิตร และมีอายุนับร้อยปีได้รับความเสียหาย

 

สิงห์บุรี-อ.พรหมบุรีอ่วม วัดเก่าแก่ พื้นที่เศรษฐกิจจมน้ำ

วันอังคาร ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

สถานที่ราชการในอำเภอพรหมบุรี ตลาดบางน้ำเชี่ยวพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทโลหะจำลอง ในวัดกุฎีทอง จังหวัดสิงห์บุรี ถูกน้ำไหลเข้าท่วมสูง เกือบ 2 เมตร

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดสิงห์บุรีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมสถานที่ราชการในอำเภอพรหมบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ ศูนย์ กศน.พรหมบุรี โรงส่งเสริมสุขภาพตำบลบางน้ำเชี่ยว สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ไปรษณีย์อำเภอพรหมบุรี และรวมไปถึงบ้านพักนายอำเภอ บ้านพักข้าราชการ และตำรวจ ระดับน้ำ สูงกว่า 1.50 เมตร การสัญจรต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว ประชาชนและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ต้องใช้เรือเดินทางเข้าออก

นอกจากนี้ตลาดบางน้ำเชี่ยว พื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอพรหมบุรี ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร พ่อค้าแม่ค้าต้องขนย้ายสินค้าไว้บนชั้นสอง บางส่วนขนย้ายไปไว้ริมถนนคลองชลประทาน

ขณะที่วัดกุฎีทองถูกน้ำท่วมเช่นกัน เจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่ประดิษฐานพระพุทธบาทโลหะจำลอง ร่วมไปถึงศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยพวน ที่รวบรวมเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ของชาวไทยพวน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเช่นกัน ร่วมทั้งโรงเรียนอนุบาลพรหมบุรี

ในส่วนบ้านเรือนประชาชน หมู่ที่ 3 และ 4 ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี ถูกน้ำไหลเข้าท่วมไปแล้วกว่า 300 หลังเรือน ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของรถยนต์ เครื่องมือการเกษตร ขึ้นมาไว้ริมคลองชลประทาน

ขณะที่เทศบาลตำบลบางน้ำเชี่ยว เร่งนำรถแบ็คโฮ ตักดินเพื่อปิดกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมเต็นท์ที่ประชาชนอพยพมาอาศัยริมคลองและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ติดริมถนนสายเอเชีย

 

วิกฤติน้ำท่วม พี่ไทยไม่ท้อ เข้าคิวทอดแห

วันที่ 13/09/2554 21:10 (ผ่านมา 2 นาที)





พลิกวิกฤติเป็นโอกาส หลังสถานการณ์น้ำท่วม ยังคงอยู่ในเกณฑ์วิกฤติ ล่าสุด ชาวชุมแสงแห่กันเข้าคิว รอทอดแหจับปลานานนับชั่วโมง ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามมิจฉาชีพที่ออกซ้ำเติมชาวบ้าน เช่นเดียวกับจระเข้ตัวเขื่อง ที่ออกอาละวาดที่บ้านท่าไม้...

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากอ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ว่า บริเวณคอสะพานถนนทางหลวงชนบทชุมแสง-ท่าตะโก หมู่ 16 ต.เกยไชย มีชาวบ้านจำนวนนับร้อยคนได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการเข้าคิวกันลงไปทอดแหจับปลาบริเวณที่น้ำไหล ซึ่งแต่ละรายได้ปลากันไปนับสิบตัว และกว่าจะถึงรอบอีกครั้ง ต้องรอนานนับชั่วโมง เส้นทางชุมแสง-นครสวรรค์ ถูกน้ำท่วมตลอดล้นทาง รถทุกชนิดไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้

ส่วนเมื่อเย็นวันที่ 12 ก.ย. นางประเทือง ละอองทอง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 ม.10 ต.ท่าไม้ ได้พบเห็นจระเข้ตัวเขื่อง ความยาวประมาณ 2.5 เมตร นอนผึ่งแดดอยู่ริมถนนคอนกรีตทางเข้าหมู่บ้าน
จึงร้องเรียกเพื่อนบ้านข้างเคียงมาดู ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวนอนอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง สุนัขเห่า
จระเข้จึงหลบไปอยู่พงไม้หลังบ้านของนางประเทืองผู้พบเห็น

นายเอกรักษ์ ทัพชัย สามีของนางยุวธิดา ทัพชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงตัดสินใจคว้าอาวุธปืนลูกกรดยาว .22 ยิงไป 1 นัด กระสุนเจาะเข้าบริเวณหัวของจระเข้ ก่อนที่จระเข้ตัวดังกล่าวจะดำน้ำหายไป ซึ่งทางหมู่บ้านได้ขึ้นหอกระจายข่าวประกาศเตือนชาวบ้านและเด็กเล็กห้ามลงไปเล่นน้ำบริเวณน้ำท่วมจากแม่น้ำยมเป็นเด็ดขาด คาดว่าจระเข้ตัวดังกล่าวคงหลุดมาจากฟาร์มแถว จ.พิจิตร สู่แม่น้ำยม

ขณะเดียวกัน ได้มีเหล่ามิจฉาชีพออกซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัย ด้วยการลักขโมยเรือของชาวบ้านที่จอดตามลำน้ำเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางสัญจรไปมาจำนวนหลายลำ

พ.ต.อ.ราชันย์ อินทรสิงห์ ผกก.สภ.อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จึงออกคำสั่งและกำชับให้สายตรวจออกตรวจตราพร้อมแจ้งให้ชาวบ้านที่มีเรือ ทำตำหนิรูปพรรณ เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามในกรณีที่เรือถูกขโมย อีกทั้งเร่งรัดให้ชุดสืบสวนออกติดตามคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป

ไทยรัฐออนไลน์

 

ท่วมแล้วพื้นที่ลุ่มต่ำเมืองแปดริ้ว

วันที่ 13/09/2554 19:27 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 45 นาที)





ฉะเชิงเทรา - ท่วมแล้วทุ่งนาพนมสารคาม พื้นที่ราบลุ่มตอนบนต้นน้ำแปดริ้ว ก่อนไหลบ่าทะลักเข้าสู่ชุมชน ทำบ้านเรือนตามแนวเส้นลำน้ำสาขาลุ่มบางปะกงจมดิ่ง โรงเรียนชนบทปิดตัวหนีน้ำถึง 2 แห่งพร้อมกัน ขณะที่รองพ่อเมืองยันเป็นเพียงแค่น้ำค้างอยู่ในทุ่ง ไหลรวมสะสมในพื้นที่ลุ่มต่ำเพียงชั่วคราว หลังจากฝนหนักถล่มต่อเนื่องนาน 3 วันรวด

วันนี้ (13 ก.ย.54) เวลา 15.30 น. นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยถึงกรณี เมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ที่มีน้ำป่าไหลทะลักเข้ามาท่วมพื้นที่ตลาดพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สูงถึงกว่า 1 เมตร ก่อนที่จะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว และแห้งหายไปจากพื้นที่นั้นว่า เป็นเพียงน้ำค้างทุ่งที่สะสมอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ เนื่องจากตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้น มีฝนตกลงมาในพื้นที่เป็นจำนวนมากจนสามารถวัดปริมาณได้มากสุดถึง 125 มิลลิเมตร

จึงทำให้น้ำในปริมาณมากเหล่านี้ได้ไหลลงมารวมกันยังพื้นที่ต่ำ ที่ตลาดพนมสารคาม โดยเฉพาะที่บริเวณ รพ.พนมสารคาม ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำสุดนั้นมีระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร เมื่อเวลา 00.00-01.00 น. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะลดระดับลงมาจนกลับไปสู่ภาวะปกติได้ในช่วงเช้า โดยพื้นที่ไม่ได้มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นมากนัก หลังจากทำการสำรวจต้นตอของปัญหา พบว่าระบบระบายน้ำในพื้นที่มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับระบบท่อระบายน้ำอุดตัน และมีไม่เพียงพอ

ส่วนพื้นที่ในเขต ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม ที่ยังคงถูกน้ำท่วมในระดับ 20-30 ซม.อยู่นั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองท่าลาด จึงทำให้น้ำฝนที่ยังคงมีปริมาณมากในพื้นที่ ยังระบายออกไม่ทัน โดยขณะนี้ได้ให้ทางกรมชลประทานงดการระบายน้ำออกจากตัวอ่างเก็บน้ำระบม และอ่างสียัด เป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากทั้งสองอ่างนั้นมีน้ำอยู่เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ของความจุ เพื่อให้น้ำที่ตกค้างตามท้องทุ่งไหลทิ้งออกจากพื้นที่ลงทะเลไปก่อน โดยในวันพรุ่งนี้จึงจะให้ทั้งสองอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ระบายน้ำออกเพื่อพร่องน้ำได้อีกครั้ง

สำหรับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสียัด ซึ่งมีความจุมากที่สุดของภาคตะวันออกนั้น มีน้ำอยู่ที่ 420 ล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถพองลมขอบยางรับได้อีกถึง 436 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบม.) นั้น ขณะนี้มีน้ำอยู่ในอ่างที่ 337.5 ล้าน ลบม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80.36 ของความจุอ่าง ขณะที่อ่างเก็บน้ำคลองระบม นั้นมีความจุ 59.5 ล้าน ลบม. แต่ในขณะนี้มีน้ำอยู่ในอ่างจำนวน 51 ล้าน ลบม. หรือคิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุอ่าง จึงยังจะเห็นว่าทั้งสองอ่างนั้นยังสามารถที่จะรับน้ำเพิ่มเติมได้อีกกว่า 90 ล้าน ลบม.

ขณะที่นางศิริวรรณ นิติวรยุทธ ปลัดเทศบาลตำบลเกาะขนุน อ.พนมสารคาม กล่าวว่า ได้ลงสำรวจพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว พบว่าในพื้นที่ ม.2 ต.เกาะขนุน นั้น มีน้ำไหลบ่าลงมาสู่พื้นที่ท่วมชุมชนเป็นจำนวนมาก สูงถึง 50-100 ซม.จึงทำให้โรงเรียนในพื้นที่ต้องหยุดทำการเรียนการสอนแล้ว ถึง 2 แห่ง คือ โรงเรียนวัดพงษาราม และโรงเรียนพนมอิทธิศึกษา รวมทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ด้วย

โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านคลองท่าลาดมากถึงกว่า 200 ลบม.ต่อวินาที และคาดว่าอาจจะมีน้ำป่าไหลทะลักลงมาท่วมสูงในพื้นที่อีก จึงได้เร่งประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ฉะเชิงเทรา ให้ส่งเรือท้องแบบมาเฝ้าระวัง คอยแสตนบายไว้ในพื้นที่แล้ว อย่างน้อย 1 ลำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้เร่งออกประกาศเตือนประชาชนตามเสียงตามสายให้ชาวบ้านเฝ้าคอระวังน้ำท่วม หรือน้ำป่าไหลหลาก และมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาแล้ว

 

เมืองอโยธยาเร่งเสริมแนวกั้นกันน้ำทะลักเข้าชุมชน 6 พันครอบครัว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2554 19:37 น.

พระนครศรีอยุธยา - เพิ่มปริมาณปล่อยน้ำเหนือ น้ำทะลักกัดเซาะคอสะพานวัดดุสิตาราม-ช่างแสงพัง เทศบาลเมืองอโยธยา พระนครศรีอยุธยา เร่งเสริมแนวกั้นกันน้ำทะลักเข้าชุมชนอีก 6,000 ครัวเรือน

วันนี้ (13 ก.ย.) เวลา 13.00 น.นายณรงค์ ด่านชัยวิโรจน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอโยธยา จ.พระนครศรีอนุธยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธานำรถแบ็กโฮ และคนงานจากเทศบาลเมืองอโยธยา และ อบต.หันตรา กว่า 100 คน เร่งเสริมแนวคันดินกั้นเพื่อปิดทางน้ำไหล ตรงคอสะพานวัดดุสิต ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากที่เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมากระแสน้ำเหนือหลากได้พังคอสะพานและแนวค้นกั้นน้ำคอสะพานวัดดุสิตพัง กว้างประมาณ 3-4 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร

ทำให้น้ำจากคลองหันตรา ที่รับน้ำจากแม่น้ำป่าสัก และลพบุรี ทะลักเข้าไปในพื้นที่คันล้อมในเขตเทศบาลเมืองอโยธยา และ อบต.หันตรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเก่าและชุชนเมืองใหญ่ที่ประชากรหนาแน่นที่สุดกว่า 6,000 หลังคาเรือน รวมทั้งตลาดน้ำแห่งใหญ่ คือตลาดน้ำอโยธยา

ในเหตุการณ์น้ำกัดคอสะพานขาด ทำให้น้ำไหลเข้าคลองด้านใน และส่งผลให้ระดับน้ำในคลองและในพื้นที่ชุมขนเพิ่งสูงขึ้นประมาณ 30 ซม.และเกือบจะท่วมชุมชน โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถปิดทางน้ำไหลได้ ทำให้ชุดชนอดพ้นจากการถูกน้ำท่วม ทั้งนี้นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนาเดินทางเข้าช่วยเหลือตรงจุดที่คอสะพานขาดเช่นเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลของการปิดทางน้ำไหลได้ทำให้ชุมชนเมืองรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วม แต่ด้วยระดับคันกั้นน้ำที่ทำไว้ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกันยายนด้วยการทำกันกั้นน้ำปิดปากคลองปากคลองหันตราและคลองกะมัง และทำให้ให้ระดับน้ำหน้าคันกั้นน้ำสูงกว่าในคันกั้นน้ำกว่า 3 เมตร และต้องมีการเพิ่มคนงานเฝ้าระวังกันกั้นน้ำทุกจุดเสี่ยงตลอดเวลา

นายณรงค์ ด่านชัยวิโรจน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอโยธยา เปิดเผยว่า การเสริมแนวกั้นเพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนเมืองโดยใช้ซิบพลายกดลงไปในดินเกือบ 8 เมตร ลงในน้ำประมาณ 5 เมตร โผล่พ้นน้ำประมาณ 3 เมตรเศษ คาดว่าหากน้ำมีปริมาณสูงขึ้นอีก 1 เมตรยังรับมือได้อย่างสบาย

ส่วนราษฎรที่อยู่เหนือน้ำได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงเหตุผลว่า การปิดกั้นน้ำให้อยู่ในบริเวณจำกัดชาวบ้านที่อยู่เหนือเขื่อนต้องท่วมอยู่แล้วแต่ให้เสียสละเพื่อคนหมู่มาก กว่า 6,000 ครัวเรือนต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสหากปล่อยน้ำ รวมทั้งถนนหนทาง วัดวาอารามอีกมาก

ด้านบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำบริเวณรอบๆ ตัวโบราณสถาณ จ.พระนครศรีอยุธยาถูกน้ำท่วม สูง 2-3 ม. จึงต้องใช้เรือพายในการสัญจรอีกด้วย

 

อ่างเก็บน้ำเขาสามหลั่นพัง ชาวหนองปลาไหลหนีตายอลม่าน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2554 00:17 น.

สระบุรี -ชาวหนองปลาไหล จ.สระบุรี หนีตายอลม่าน หลังอ่างเก็บน้ำด้านล่างของน้ำตกสามหลั่นพัง น้ำไหลทะลักท่วมบ้านเรือน-ถนนพหลนโยธิน ทำให้มีรถตกถนนหลายคัน โอดการเตือนภัยไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรงต้องบอกกันปากต่อปาก เผยอ่างเก็บน้ำด้านบนของน้ำตกขณะนี้น้ำเต็มสันเขื่อนแล้ว ชาวบ้านต้องอยู่อย่างขวัญผวา วอนส่วนราชการเข้าดูแลปัญหาด่วน

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.54 เวลา 19,20 น. เกิดเหตุสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำด้านล่างของน้ำตกสามหลั่น ในอุทยาน สามหลั่น ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ได้พังลงทำให้น้ำไหลเข้าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเบื้องล่าง บริเวณหน้าวัดพระพุทธฉาย ตลาด ต.หนองปลาไหล อย่างกระทันหัน ชาวบ้านต้องหนีตายปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านแทบไม่ทัน ทิ้งสิ่งของเครื่องใช้ลอยไปกับน้ำ เสียหายยับในพริบตา ดีที่น้ำลดภายใน 2 ช.ม. เนื่องจากเป็นลาดเชิงเขา แต่อย่างไรก็ดีน้ำได้ไหลเข้าสู่ถนนพหลนโยธินอย่างรวดเร็ว ระบบระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ทำให้ หน่วยทหาร พล.ม 2 รอ ที่อยู่ติดกับถนน.พหลฯ จมอยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังทำให้ถนนคู่ขนานไม่สามารถสัญจรได้และทำให้รถยนต์ประสบอุบัติ ตกถนนหลายคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากการสำรวจในพื้นที่ ทีมผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประสบภัยจำนวนมาก ว่า เหตุเกิดจากการเตือนภัยล้มเหลวไม่มีการเตือนภัยที่เชื่อถือได้ การแจ้งเตือนเป็นแค่การบอกต่อปากต่อปากจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ น่าจะมีผู้รับผิดชอบในการเตือนภัยโดยตรง และการช่วยเหลือไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอุทยานแห่งชาติ น้ำตกสามหลั่นแต่อย่างใดมีเพียง หน่วยทหาร จากหน่วยขึ้นตรง พล.ม.2 .รอ. ซึ่งที่หน่วยงานก็น้ำท่วมเช่นกัน แต่ได้จัดกำลังพลมาช่วยเหลือชาวบ้านเป็นอย่างดี

แต่ชาวบ้านยังอยู่ในอาการกินนอนไม่เป็นสุข เนื่องจากอ่างเก็บน้ำด้านบนของน้ำตกสามหลั่นขณะนี้ก็เต็มสันเขื่อนแล้ว หากฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ใจว่าสันเขื่อนด้านบนจะรับแรงดันน้ำไหวหรือไม่ อีกอย่างเขื่อนด้านล่างที่พังก็ไม่ได้มีการซ่อมแซ่มเพื่อรองรับน้ำแต่อย่างใด ชาวบ้านต้องอยู่อย่างขวัญผวาตลอดมา หวังให้ส่วนราชการเข้าดูแลปัญหาโดยด่วน

 

ปทุมฯอ่วมน้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมเทศบาลเมือง

ข่าวภูมิภาค

วันพุธที่ 14 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 06:36 น.

น้ำล้นเจ้าพระยา เอ่อท่วมตลาดเทศบาลเมืองปทุมธานี ร้านค้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะเจ้าหน้าที่ เร่งน้ำกระสอบทราย เพิ่มแนวกั้นน้ำ



เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก ตั้งแต่เวลา 18.00 น. และตกต่อเนื่องมา ทำให้กระสอบทรายกั้นน้ำ รอบตลาดสดศิริวัฒนา เขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ต.บางปรอก อ.เมือง ที่ทางเทศบาล ได้นำกระสอบทรายมาตั้งเป็นแนวกั้นน้ำ สูงกว่า 1.20 เมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกแนวกั้นน้ำของเทศบาล ทำให้น้ำในตลาดเพิ่มสูงขึ้นและน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้น้ำเอ่อล้นข้ามกระสอบทราย จึงทำให้แนวกั้นน้ำบางจุด กระสอบทรายเลื่อนไหลออกมาเป็นแนวยาว ทำให้น้ำเข้าท่วมในตลาดสดศิริวัฒนา ไม่ถึง 5 นาที ท่วมหมดทั้งตลาด ทั้งๆ ที่ ร้านค้า ต่างใช้อิฐบล็อกกั้นน้ำต่อกันขึ้นมาถึง 4 ก้อน แต่น้ำเข้ามากกว่า ทำให้ท่วมร้านค้าได้รับความเสียหายจำนวนมาก

นายสมร ชูสว่าง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำกระสอบทราย มาช่วยกันกั้นน้ำโดยมีชาวตลาด พร้อมใจกันออกมาช่วยกันกั้นน้ำ บางจุดกระสอบทรายยังมาไม่ถึง ชาวบ้านต่างช่วยกันนั่งขวางทางน้ำ ไม่ให้น้ำไหลเข้าตลาดได้เร็วขึ้น ซึ่ง นายสมร กล่าวว่า ในคืนนี้จะกู้น้ำให้ได้ ซึ่งคาดว่าจะกั้นแนวใหม่ แล้วดูดน้ำออก คาดว่า น่าจะแห้งในเช้า

 

เหนือ-อีสานยังมีฝนตกทั่วไป

14 กันยายน 2554 เวลา 06:03 น.

เหนือและอีสานยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันพุธที่ 14 กันยายน 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม สกลนคร และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง มีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมเมืองเลยแล้ว กว่าพันครัวเรือนขนของหนีน้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 กันยายน 2554 15:44 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>

<SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เลย -บ้านเรือนริมแม่น้ำเลย กว่า 1,200 หลังคาเรือน ถูกน้ำทะลักท่วม ต้องขนของหนีน้ำขึ้นที่สูง ขณะที่นักเรียนวิทยาลัยอาชีวะ-เทคนิค หอพักถูกน้ำท่วมต้องหอบผ้าไปขอพักกับเพื่อนและญาติๆ ในจุดที่น้ำยังท่วมไม่ถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่จังหวัดเลย โดยเฉพาะบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ในริมแม่น้ำเลย ได้รับผลกระทบแล้ว กว่า 1,200 หลังคาเรือน โดยน้ำป่า จากยอดภูหลวง ไหลลงสู่แม่น้ำเลย ผ่านอำเภอวังสะพุง และขณะนี้ ปริมาณน้ำดังกล่าวได้ไหลทะลักเข้าสู่ชุมชนในเทศบาล ในอำเภอ เมือง อำเภอวังสะพุง

ทำให้บ้านเรือนราษฎร ตั้งแต่อำเภอวังสะพุง เช่น บ้าน นาหลัก บุ่งกกตาล และชุมชนเขตเทศบาลวังสะพุง ราว 400 หลังคาเรือน บ้านขอนแดง ขอนแก่น ตำบาลนาอาน

รวมถึงบ้านล่างในเทศบาลเมืองเลย บ้านนาบอน บ้านกางปลา ตำบลชัยพฤกษ์ มีระดับน้ำสูง 60-70 เซนติเมตร บ้านติ้ว หน้าวิทยาลัยเทคนิค บ้านติดต่อ ตำบลนาอาน บ้านแหล่งควายกับบ้านติดต่อ บางส่วนถูกตัดขาดจากชุมชน สะพานสูง 8 เมตร ไม่สามารถใช้การได้ ต้องใช้เรือข้าม และต้องเดินทางอ้อมไปประมาณ 15 กิโลเมตร กว่าจะเข้าหมู่บ้านได้

ทั้งนี้ เฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองเลย บ้านเรือนราษฎร ขณะนี้ถูกท่วม ร่วม 800 หลัง บางจุด มีระดับความสูงของน้ำ 1-3 เมตร นักเรียนนักศึกษา วิทยาลัยอาชีวเลย วิทยาลัยเทคนิคเลย นักศึกษาที่มีที่พัก อยู่บริเวณติดริมแม่น้ำเลยหลายร้อยคนไม่มีที่พักในคืนนี้ต้องขนของไปพักกับเพื่อนๆนอกพื้นที่

ล่าสุด บ่ายวันนี้ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้ออกตรวจเยี่ยมราษฎรหลังน้ำได้ไหลทะลัก เข้าสู่บ้านเรือนประชาชน ในเขตเทศบาลเมืองเลย โดยกล่าวว่า จังหวัดเลยได้ สั่งการไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ออกช่วยเหลือเป็นการด่วน

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25></TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2></TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif></TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2></TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2></TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif></TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2></TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2></TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif></TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2></TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเลยในเขตเทศบาลเมืองถูกน้ำท่วมแล้วหลายร้อยครัวเรือน</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">ขนของหนีน้ำท่วม</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2></TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif></TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2></TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“น้ำชี” ทะลักท่วม 2 อำเภอชัยภูมิ อ่วมถูกตัดขาดกว่า 30 หมู่บ้าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 กันยายน 2554 15:46 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>

<SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ชัยภูมิ - ฝนถล่มต่อเนื่องหลายวัน แม่น้ำชีล้นตลิ่งไหลทะลักเข้าท่วมถนน บ้านเรือน ปชช.และ พื้นที่การเกษตร จ.ชัยภูมิ อ่วมแล้ว 2 อำเภอ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกกว่า 30 หมู่บ้าน เผย น้ำชีซัดอ่างเก็บน้ำ ต.ส้มป่อย อ.จตุรัส แตกทะลักท่วมนาข้าว 11 หมู่บ้าน และบ้านเรือนราษฎรอีก 700 หลัง สูงกว่า 2 เมตร

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชัยภูมิ ว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวันล่าสุดตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แม่น้ำชี ซึ่งมีต้นกำเนิดไหลมาจาก อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ได้เริ่มล้นตลิ่งไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ถนน และบ้านเรือน ทั้ง 2 ฝากฝั่งที่น้ำชีไหลผ่านเป็นบริเวณกว้าง

ทั้งนี้ น้ำได้ไหลเข้าท่วมถนนสายหนองบัวแดง-บ้านโหล่น ช่วงบ้านนาเจริญ ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง สูงกว่า 1 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร (กม.) รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ และกระแสน้ำที่ไหลผ่านถนนยังคงพัดแรงทำให้ประชาชนในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.วังชมพู และ ต.นางแดด ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกกว่า 20 หมู่บ้าน

นายอดิเทพ กมลเวชช์ นายอำเภอหนองบัวแดง ได้นำเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือเป็นการด่วน

ส่วนที่ถนนเส้นหลักอีกแห่ง สายหนองบัวแดง-ภักดีชุมพล ช่วงหมู่บ้านวังชมพู ต.แหลมทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมถนนสูงกว่า 80 เซนติเมตร (ซม.) เป็นระยะทางยาวกว่า 200 เมตร ทำให้รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้เช่นกันและเจ้าหน้าที่ แจ้งเตือนให้รถเล็กทุกชนิดเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น

เช่นเดียวกับ ถนนจากทางลงเขาพังเหย (ผาเกิ้ง) ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ช่วงผ่าน บ้านนาคันหัก ต.กุดชุมแสง อ.หนองบัวแดง ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้เส้นทางเป็นพิเศษเพราะมีน้ำป่าไหลหลากผ่านถนนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องสูงกว่า 50 ซม.

ขณะที่ อ่างเก็บน้ำท่าเกวียนหมู่ 7 ต.ส้มป่อย อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ เกิดแตก เนื่องจากถูกแม่น้ำชีทะลักล้นตลิ่งซัดพนังกั้นน้ำพังตลอดแนวช่วงไหลผ่าน ต.ส้มป่อย ไหลทะลักเข้ามาซัดอ่างเก็บน้ำดังกล่าวพังเสียหาย ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมที่นาข้าวราษฎรแล้วกว่า 11 หมู่บ้าน เป็นวงกว้างกว่า 3,000 ไร่ และมีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร อีกไม่น้อยกว่า 700 หลังคาเรือน ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก กว่า 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 7 บ้านบุตามี ,บ้านโนนเชือก,บ้านกุดตูม,บ้านซาด และ บ้านห้วยน้อย อีกกว่า 100 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดเนื่องจากถนนสันอ่างเก็บน้ำดังกล่าวขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร

ทาง อบต.ส้มป่อย อ.จัตุรัส ต้องประกาศเร่งระดมเจ้าหน้าที่และขอความช่วยเหลือจากทางอำเภอจัตุรัส กว่า 100 นาย เพื่อเข้าช่วยกันนำกระสอบทรายไปปิดกั้นน้ำทะลักจากอ่างเก็บน้ำท่าเกวียน ที่แตกเสียหายดังกล่าว และเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน โดยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่มาอยู่ในที่ปลอดภัยได้ทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พร้อมได้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) เพราะน้ำเหนือจาก อ.หนองบัวแดง ยังคงไหลมาสมทบอีกจำนวนมาก จึงเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้อพยพทรัพย์สินสิ่งของออกจากบ้านมาไว้ในที่สูง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อ่างเก็บน้ำเขาสามหลั่นพัง ชาวหนองปลาไหลหนีตายอลม่าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2554 00:17 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>

<SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9540000116673&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ระดับนำที่มาอย่างกระทันหัน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>น้ำที่เคยอยู่เต็มอ่าง</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สภาพสันเขื่อนพัง</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สภาพน้ำท่วมคู่ขนาน ถ.พลฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สะพานพังยับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สระบุรี -ชาวหนองปลาไหล จ.สระบุรี หนีตายอลม่าน หลังอ่างเก็บน้ำด้านล่างของน้ำตกสามหลั่นพัง น้ำไหลทะลักท่วมบ้านเรือน-ถนนพหลนโยธิน ทำให้มีรถตกถนนหลายคัน โอดการเตือนภัยไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรงต้องบอกกันปากต่อปาก เผยอ่างเก็บน้ำด้านบนของน้ำตกขณะนี้น้ำเต็มสันเขื่อนแล้ว ชาวบ้านต้องอยู่อย่างขวัญผวา วอนส่วนราชการเข้าดูแลปัญหาด่วน

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.54 เวลา 19,20 น. เกิดเหตุสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำด้านล่างของน้ำตกสามหลั่น ในอุทยาน สามหลั่น ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ได้พังลงทำให้น้ำไหลเข้าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเบื้องล่าง บริเวณหน้าวัดพระพุทธฉาย ตลาด ต.หนองปลาไหล อย่างกระทันหัน ชาวบ้านต้องหนีตายปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านแทบไม่ทัน ทิ้งสิ่งของเครื่องใช้ลอยไปกับน้ำ เสียหายยับในพริบตา ดีที่น้ำลดภายใน 2 ช.ม. เนื่องจากเป็นลาดเชิงเขา แต่อย่างไรก็ดีน้ำได้ไหลเข้าสู่ถนนพหลนโยธินอย่างรวดเร็ว ระบบระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ทำให้ หน่วยทหาร พล.ม 2 รอ ที่อยู่ติดกับถนน.พหลฯ จมอยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังทำให้ถนนคู่ขนานไม่สามารถสัญจรได้และทำให้รถยนต์ประสบอุบัติ ตกถนนหลายคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากการสำรวจในพื้นที่ ทีมผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประสบภัยจำนวนมาก ว่า เหตุเกิดจากการเตือนภัยล้มเหลวไม่มีการเตือนภัยที่เชื่อถือได้ การแจ้งเตือนเป็นแค่การบอกต่อปากต่อปากจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ น่าจะมีผู้รับผิดชอบในการเตือนภัยโดยตรง และการช่วยเหลือไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอุทยานแห่งชาติ น้ำตกสามหลั่นแต่อย่างใดมีเพียง หน่วยทหาร จากหน่วยขึ้นตรง พล.ม.2 .รอ. ซึ่งที่หน่วยงานก็น้ำท่วมเช่นกัน แต่ได้จัดกำลังพลมาช่วยเหลือชาวบ้านเป็นอย่างดี

แต่ชาวบ้านยังอยู่ในอาการกินนอนไม่เป็นสุข เนื่องจากอ่างเก็บน้ำด้านบนของน้ำตกสามหลั่นขณะนี้ก็เต็มสันเขื่อนแล้ว หากฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ใจว่าสันเขื่อนด้านบนจะรับแรงดันน้ำไหวหรือไม่ อีกอย่างเขื่อนด้านล่างที่พังก็ไม่ได้มีการซ่อมแซ่มเพื่อรองรับน้ำแต่อย่างใด ชาวบ้านต้องอยู่อย่างขวัญผวาตลอดมา หวังให้ส่วนราชการเข้าดูแลปัญหาโดยด่วน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>