Grandmother keepsake box

แรงอาฆาตมารหัวขน ตอน 1






บ้านของคุณยายของดิฉันเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์ผสมอิสลาม
หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองกรุงเทพฯ ที่หลังบ้าน
นั้นเป็นลำธารซึ่งมีน้ำไหลตลอดเวลา ลายล้อมด้วยป่าต้นกก
นอกจากนี้ลำธารน้ำนั้นยังไหลผ่านใต้กำแพงบ้านเข้ามา
ในเขตบริเวณหลังบ้านของคุณยายทำให้มีบ่อน้ำอยู่บริเวณ
เขตหลังบ้านอีกด้วย ตั้งแต่สมัยที่ดิฉันอายุไม่กี่ขวบ
เมื่อครั้งตุณยายและคุณตาปลดเกษียร
เดิมที่ท่านทั้งสองพักอาศัยอยู่ในบ้านของ
ราชการ แถวสุขุมวิท ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ติดกับห้างเอ็มโพเลี่ยม
ท่านก็ได้ย้ายบ้านออกมาอยู่ที่แถวชานเมือง





ความแปลกของบ้านหลังใหม่ของท่านที่ชานเมืองนั้นก็
เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกที่มีการถมดินเพื่อวางเสาเข็มสร้างบ้าน
คุณยายได้ฝันว่า หนึ่งในช่างที่ก่อสร้างบ้านของท่านได้เสีย
ชีวิตลง และครั้น พอรุ่งเช้าก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่ฝันจริงๆขึ้น
คือช่างคนดังกล่าวเกิดเป็นลมแดด และเสียชีวิตที่บ้านของเขา
ครั้นพอบ้านสร้างจนเสร็จสิ้น และคุณตาคุณยายได้ขนย้าย
ข้าวของของท่านเข้ามาในบ้าน






แม่บ้านของคุณยายและคนงานก็ได้ขุดค้นพบซากพระพุทธ
รูปเก่าเศียรขาดสมัยรัตนโกสนทร์ ที่ใต้พื้นดินในบริเวณ
สนามหน้าบ้าน ซึ่งคุณตาได้นำไปถวายให้แก่วัดบริเวณ
นั้นเพราะมีความเชื่อว่า พระพุทธรูป เศียรขาดนั้นเป็นของ
อัปมงคล บ้านของคุณยายนั้นเต็มไปด้วยของเก่าแปลกๆ
มากมาย ตั้งแต่พระเครื่อง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆและเทวรูป
เช่นพระพิฆเนศ ก็องค์ใหญ่เช่นกัน นอกจากนี้ยังมี
ถ้วยโถโอชาม เก่าๆของไทย แขก และฝรั่ง ใส่ตู้เก็บเอาไว้
และยัง ของอาถรรพ์ที่คุณยายได้ตกทอดมาจากรุ่นพ่อของ
ท่านที่มีวิชาอาคม และโกฐใส่บรรจุกระดูกของ
บรรพบุรุษอายุกว่า 100 ปี







เมื่อครั้งที่ดิฉันยังเป็นเด็กและยังจำความไม่ได้ แม่ของดิฉัน
ได้เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้นคุณยายปลูกบ้านของท่านขึ้นมาใหม่ๆ
ลูกพี่ลูกน้องของคุณยายซึ่งเป็นญาติห่างๆกัน ได้ฝากลูกสาวคน
หนึ่งให้มาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯโดยในระหว่างนั้นได้ให้มาพัก
อาศัยอยู่ที่บ้านของคุณยาย เล่ากันว่าลูกสาวของลูกพี่ลูกน้อง
ของคุณยาย ซึ่งมาขออาศัยอยู่ชั่วคราวนั้น เป็นผู้หญิงสาววัยรุ่น
อายุไม่มาก หน้าตาคมหวาน จิ้มลิ้ม ผิวคล้ำ ตัวเล็ก จมูกโด่ง
แบบผู้หญิงทางบ้านคุณยายที่เป็นแขก




ผู้หญิงคนนี้ หลังจากมาอยู่ที่บ้านคุณยายสักระยะหนึ่ง
อยู่ๆก็หายตัวไปจากบ้านเสียเฉยๆอย่างนั้น
จนเป็นเวลาสองสามปีให้หลัง ถึงมาได้ยินข่าวกันว่า
เธอย้ายไปอยู่กับเพื่อนและทำงาน ในสถานที่แห่งหนึ่งอีกฝั่ง
ของกรุงเทพฯ คุณยายและคุณตารู้สึกไม่พอใจในพฤติกรรม
ของหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ที่หายหน้าหายตาไปไม่บอก
กล่าว แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกับหล่อน






หลังจากนั้นมาไม่นาน คุณตาและคุณยายก็ได้รับแม่บ้าน
เข้ามาทำงานเพิ่มอีกหนึ่งคน ท่านจึงได้จ้างช่างให้มาทำ
ห้องพักสำหรับแม่บ้านและห้องน้ำแยกออกไปจากตัวเรือน
เป็นอาคารอีกหลังให้แม่บ้านอาศัยโดยเฉพาะ โดยช่าง
ก่อสร้างได้สร้างส่วนของห้องอาบน้ำและส้วมทับลงบนบ่อน้ำ
ที่ไหลจากลำธารกกมาใต้กำแพงหลังบ้าน



ยังไม่จบ



...


[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2855140/[/MUSIC]

 

แรงอาฆาตมารหัวขน ตอน 2



หลังจากการสร้างห้องส้วมให้สาวใช้ทับบนบ่อน้ำ
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ บรรดาแม่บ้านและสาวใช้
ทุกคนที่เข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียว
กันว่า ไม่กล้าใช้ห้องน้ำตอนกลางคืน เพราะรู้สึกเหมือนมี
คนแอบดูอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่บ้านคนนึงถึงกับ
วิ่งโวกเวกออกมาจากห้องน้ำตอนกลางคืน และเล่าให้คุณ
ยายฟังว่ามีคนแอบดูที่ช่องระบายอากาศในห้องน้ำ
และเธอก็เห็นตาคนที่แอบมองนั้นอย่างชัดเจน แม่บ้านทุกคนที่
เข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ ต่างประสบเหตุการณ์ที่
เหมือนกันคือ เรื่องห้องน้ำ






คุณยายจึงได้ให้ช่างมาทำห้องน้ำใหม่จนทันสมัย
มีโถนั่งชักโครก ที่ฉีดน้ำ และฝักบัวอาบน้ำอย่างดี และมิดชิด
ทันสมัย ไม่ต่างจากห้องน้ำเจ้านายเลย แต่ปัญหาก็ยังไม่
จบลง......ป้าแม่บ้านคนปัจจุบันที่มาทำงานในเวลานั้น
และสามารถอยู่ทนทานที่บ้านหลังนี้มาจนถึงปัจจุบัน นั้น
เป็นคนค่อนข้างโบราณ แกไม่กลัวทั้งคนหรือผี
เธอสามารถอยู่ที่บ้านนี้ต่อมาได้ จนแม้คุณยายเสีย
แกเล่าว่า ในเวลาที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานที่นี้ใหม่ๆ
แกได้ยินเสียงคนพูดนอกห้องน้ำและมาเคาะประตู
ห้องนอนเสมอ บางทีแกเปิดประตูห้องออกมาก็เจอเงาดำวิ่งตัดหน้า






ดิฉันเองเคยมีโอกาสไปค้างคืนและไปเที่ยวที่บ้าน
คุณยายตอนกลางวัน และมีโอกาสประสบเหตุการณ์ลึกลับ
เป็นครั้งคราว....... มีอยู่ช่วงหนึ่งในสมัยมัธยม ดิฉันปิดเทอม
และไปเยี่ยมคุณยายตอนกลางวัน ช่วงบ่ายๆจึงขึ้นไป
หาที่นอนเล่น บนห้องนอนสำหรับต้อนรับแขกชั้นบน ในระหว่างที่
ง่วงและนอนลงบนเตียง แต่ไม่ทันหลับ ดิฉันเห็นคนคน
นึง สวมเสื้อผ้าฝ้ายโปร่งนุ่งกางเกงแพร เดินเข้ามานอน
ที่พื้นห้องนอน ดิฉันไม่สามารถเห็นหน้าแต่ เห็นเฉพาะ
เค้าร่างและทรงผม สิ่งแรกที่คิด ก็นึกว่าเป็นคุณตา
แต่นึกขึ้นมาอีกใจนึง ก็คิดขึ้นมาได้ว่า คุณตาอยู่ข้าง
ล่างนี้นา ครั้นพอหันมาดูที่พื้นอีกทีก็พบว่าไม่มีคน
แม้แต่คนเดียว





คุณป้าของดิฉันอาศัยอยู่บ้านเดียวกับคุณตาคุณยายก็
เคยเล่าว่า ท่านเคยมาเข้าห้องน้ำชั้นบน ซึ่งมีกระจก
บล็อกแก้วที่ผนัง ท่านเล่าว่ามีอยู่คืนหนึ่งก็เห็นคนปีน
ผนังจากชั้นล่างขึ้นมาเกาะที่กระจกบล็อกแก้ว คุณป้า
ตกใจมากนึกว่าเป็นขโมยจึงเปิดหน้าต่างออกดูปรากฏ
ว่าร่างคนนั้นก็กระโดดอย่างเร็วจากผนังแก้วที่เกาะอยู่
เข้าไปที่บึงกกหลังบ้าน ครั้นเวลานอน เธอก็เล่าว่ามี
แต่เสียงเด็กวิ่งไล่จับกันบนพื้นบ้านชั้นบนจนสนั่นหวั่น
ไหวไปหมด เด็กแต่ละคนโกนหัวแต่มีลูกจันครอบด้วย
ปิ่นทองที่กลางศีรษะ ไม่สวมเสื้อและนุ่งโจงกระเบน
สีน้ำตาลแดง ในขณะที่คุณตานั้นเล่าว่าหลังเที่ยงคืนก็เห็นผู้ชาย
สองคนมานั่งดื่มสุราที่ม้าหินหน้าบ้านข้างศาลพระภูมิ






จนกระทั้งมีอยู่วันหนึ่ง ได้มีคนแนะนำแม่ชีคนหนึ่งซึ่งเล่า
ลือกันว่า มีญาณแปดให้มาดูดวงที่บ้าน แม่ชีท่านนี้เมื่อเข้า
ไปในบ้านก็กล่าวขึ้นว่า บ้านนี้มีแต่ปีศาจเต็มไปหมด ลำพัง
แค่ศาลพระภูมิที่มีอยู่ศาลเดียวนั้นไม่พอ เพราะพวกวิญญาณเดิน
กันให้ควับไปหมด เนื่องจาก ไม่มีที่จะอยู่ จึงเข้ามาอยู่ในตัวบ้านของคน
คุณป้าจึงทำศาลเพิ่มอีกหนึ่งศาลแต่ เรื่องราววิญญาณก็ยังไม่จบลง





คุณป้าได้เชิญร่างทรงคนหนึ่งมาที่บ้าน ร่างทรงได้เข้า
ฌาณและกล่าวว่า มองเห็นบ่อน้ำใต้บ้าน และถามว่าที่บ้าน
นี้เคยมีบ่อน้ำจริงไหม ซึ่งคุณป้าก็ตอบว่าจริงซึ่งร่างทรงก็
บอกว่าการไปทำส้วมทับบ่อน้ำนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ให้
ทำศาลเพิ่มอีกหลังนึง และอัญเชิญเทวดาที่บ่อน้ำไปยัง
ศาลก็กลายเป็นว่าบ้านนี้มีศาลทั้งหมด 3ศาลแต่กระนั้น
เรื่องผีก็ยังคงมีอยู่ต่อไป จึงต้องมาพิจารณาว่า
เป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่



...

 

แรงอาฆาตมารหัวขน ตอน 3





ในที่สุดคุณป้าก็บังเอิญไปพบกับพระภิกษุรูปนึง
ท่านได้ทักเหมือนกับทั้งแม่ชีและร่างทรงเรื่องที่บ้าน
หลังนี้มีบ่อน้ำ แต่สิ่งที่แตกต่างกันออกไปหน่อยก็คือ
ท่านบอกว่ามองเห็นเด็ก ทารกตายถูกจับทิ้งใส่ไว้ใต้
บ่อน้ำ ซึ่งบัดนี้โดนปิดทับด้วยห้องส้วมของแม่บ้าน
นั้นเอง ด้วยเหตุนี้ ทุกคนที่ไปเข้าห้องน้ำนั้น ตอนกลาง
คืนจึงเจอดีกันทุกคน คุณป้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกงงเล็กน้อย
ว่าจะเป็นไปได้อย่างไรว่ามีเด็กทารกถูกทำแท้งตายใน
บ้านของท่าน แต่พระสงฆ์ท่านก็ได้บอกให้กลับไปคิดดูให้ดี






ในที่สุดป้าจึงพยามสืบหาความจริงของเรื่องนี้
แล้วบังเอิญจู่ๆคุณป้าก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกพี่ลูกน้อง
ของคุณยายที่เคยนำลูกสาวมาฝากไว้เมื่อตอนเริ่มสร้างบ้านใหม่ๆ
ป้าจึงขอสายพูดกับลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของคุณยายคน
ดังกล่าว และพยามคาดคั้นถึงสาเหตุที่เธอหนีออกจากบ้าน
ในเวลานั้น และเล่าถึงเหตุการณ์วิญญาณที่ปรากฏตัวต่างๆ
ในบ้าน และเรื่องที่พระสงฆ์กล่าวถึงเด็กที่ตายจากการถูก
ทำแท้งและจับโยนลงบ่อน้ำ ในคราวแรก หญิงสาวไม่ยอม
รับและปฏิเศสว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ในที่สุดก็ถูกซักจนยอมรับ
ความจริง เธอเล่าว่าตอนนั้นเธออายุแค่ 17ปี มาอาศัยอยู่ใน
กรุงเทพฯ และเกิดไปได้เสียกับผู้ชายมาก่อนหน้าที่จะย้าย
เข้ามาพักที่บ้านของคุณยาย ด้วยความที่กลัวว่าจะโดน
ไล่ออกจากบ้าน เมื่อท้องใหญ่ขึ้นจึงไปคลอดลูกที่ในดง
กกริมน้ำเพราะไม่มีคนเห็น แล้วก็เอาเด็กถ่วงน้ำตายก่อน
ที่จะฝังไว้ใต้โคลนในบ่อน้ำบ้านของคุณยายที่ปัจจุบันกลาย
มาเป็นส้วมขอแม่บ้านนั้นเอง


....

 

"เมื่อท้องใหญ่ขึ้นจึงไปคลอดลูกที่ในดงกกริมน้ำเพราะไม่มีคนเห็น"

ผมสงสัยว่าท้องอ่อนๆหรือห้าหกเดือน สามารถไปคลอดเองได้ด้วยหรือครับ เท่าที่ผมรู้การเอาเด็กออกไม่ง่ายอย่างที่คิดนะครับ

 

อันนี้ไม่ทราบคะ ผู้ใหญ่เขาเล่าให้ฟังคะ คนสมัยก่อนเขาไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ มีการทำแท้งเองโดยการบีบท้อง เห็นเขาว่างั้นบีบไปเรื่อยจนมันหลุดและกินยา.........ไม่ใช่เรื่องที่เจอเอง เขาบอกผู้หญิงคนนั้นเขาโยนลูกลงไปในบ่อน้ำ หลวงพ่อที่มาทำพิธีก็บอกคะ แต่เท็จจริงยังไง ดิฉันไม่ทราบเพราะตอนนั้นดิฉันเล็กมากจำไม่ได้คะ รู้แต่ว่าบ้านคุณยายมีผี และคุณยายของดิฉันมีพ่อมาขี่้ม้ามาจากตะวันตกของเมืองไทย และท่านมีอาคม เคยเล่าไปในกระทู้หนึ่งนานแล้ว .....ดิฉันเคยแอบเห็น ตอนคุณยายใช้ฤทธิ์รักษาแม่บ้านที่โดนตะขาบต่อยมือบวม และมือมันเล็กลงในพริ้บตา เขาทำพิธีตอนกลางคืนปิดไฟหมดบ้านและก็จุดแต่เทียน

 

ติดตามอยู่ครับหรือจบแล้ว...

 

ปัจจุบันบ้านหลังนี้มีศาลด้วยกันทั้งสิ้นสี่ศาล คือ พระภูมิ, ศาลเจ้าที่, ศาลตายาย, และศาลสัมพเวสี เดี๋ยวมาเล่าต่อคะ

 

ติดตามด้วยคนครับ

 

มาเล่าต่อเร็วๆน้าา

 

ตอน งูเจ้าที่




ที่เรือนของแม่บ้าน ในสมัยที่ดิฉันอายุประมาณ 6-15ขวบ
เรือนยังไม่ได้ทำเป็นห้องหับทันสมัยแบบเดี๋ยวนี้แต่เป็นเรือน
ไม้แบบสมัยก่อน มีใต้ถุนเตี้ยๆเหมือนวัดนอกจากเรื่องราวภูติผี
ที่ปรากฏตัวที่บ้านของคุณยาย ที่นี้ยังมีงูอีกด้วย โดยเฉพาะ
ใต้ห้องนอนของแม่บ้านซึ่งอยู่ติดกับห้องส้วมที่เคยมีบ่อน้ำ
และนอกรั้วคือบึงกก หลายครั้งเวลาที่ดิฉันไปเที่ยวบ้านคุณยาย
ถ้าหากไม่ได้ยินเรื่องราวผีสาง ก็จะพบว่าคนในบ้านต้อง
ชุลละมุนอยู่กับสถาณะการณ์อื่น เช่น ไล่งู หรือ งูหลุดเข้าไปในบ้าน



หรือเหตุการณ์งูกินนกแก้วที่คุณตาเลี้ยงเอาไว้ในกรง
แต่เพราะขะย่อนนกแก้วเข้าไปตัวจึงท้องป่องติดลูกกรงจน
ออกไม่ได้ตายคากรงนก หรือไม่ก็งูโดนทับอยู่ใต้โอ่ง
หรืองูมากินปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อบัวของคุณตา แต่ในบรรดา
งูทั้งหมดที่นี้ จะมีอยู่เพียงตัวเดียวที่ทุกคนที่บ้านหลังนี้ไม่
ทำอันตรายจะเป็นงูตัวสีขาวๆมีหัวเลื่อมๆเป็นสีรุ้ง
เมื่อสมัยก่อนจะบูรณะบ้านบ้านขงคุณตาคุณยายนั้นมีตัว
เรือนอยู่บนน้ำ และมีสะพานข้ามให้เดินเข้าไป ตัวบ้านเป็น
เรือนไม้ทาสีทรงแบบบ้านไทยประยุคต์ฝรั่งผสมแนวแขก
อิสลามนิดๆ เพราะมีตึกปูน ด้วยหน้าต่างทรงโค้งๆ และระเบียงที่มีเสา
บร็อคหน้าบ้านคล้ายๆบ้านอิสลามหรือสุเหร่า





ซึ่งในเวลานั้นหาได้ยาก เพราะบ้านส่วนใหญ่จะเป็น
บ้านไม้คล้ายเรือนตามต่างจังหวัดธรรมดา แต่ดิฉันจะ
เล่าต่อไปว่า ทั้งที่ทุกแห่งบริเวณนี้นั้นมีเหตุการณ์อาถรรพ์
เกิดขึ้นไม่เพียงเฉพาะที่บ้านคุณยายกับคุณตา
มีอยู่ครั้งนึงคุณตาเล่าเรื่องความแค้นของงูให้ฟังว่า
ท่านมีบ่อปลาอยูที่ที่แห่งนึง ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ก็ไม่
ติดกะตัวบ้าน ท่านเล่าว่าเคยไปตกปลากับเพื่อนแต่เจองู
ตัวใหญ่ ที่แอบมากินปลาในบ่อของท่าน จึงได้เอาเสียม
ฟันงูแต่ไม่พ้นจึงเฉียดตัดเอาหางขาดเหลือแต่หัวและตัว
อยู่คืบสั้นๆตกน้ำป๋อมไป





เย็นวันนั้นคุณตากลับมาที่บ้านพอตกกลางคืนก็เข้านอน
จนกระทั้งตีสามก็ได้ยินเสียง โป็กๆ เบาๆ เคาะอยู่ที่ผนังห้องนอน
เธอจึงชะโงกหน้าต่างไปดูก็พบว่า งูตัวเดิมนั้นเองที่ได้
เอาเสียมฝาดหางขาดไปที่บ่อปลา มันตามมาถึงที่บ้าน
และพยามจะเรื่อยขึ้นเสาบ้านที่อยู่ในน้ำ แต่มันทำไม่ได้
เพราะตัวมันขาด มันจึงทำได้แค่พยามจะกระโดดขึ้นเรือน
คุณตาจึงเอาไม้ตีมันไปทีนึงจนตายคาที่





เป็นว่าหลายปีผ่านไปจนดิฉันเรียนจบมหาลัย
คุณยายได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ดิฉันเรียนอยู่ปี สาม
คุณป้าเป็นหญิงม่าย จึงอาศัยอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยาย
มาตลอด ต่อมาท่านป่วยหนักจนต้องเข้าห้องผ่าตัด
ตอนนั้นหมอบอกว่าอาการคุณป้าคือ ห้าสิบห้าสิบ
และอันตรายมาก วันนึงในระหว่างที่พวกญาติๆได้ไป
ที่บ้านของคุณตาคุณยาย เพื่อคุยกัน เราก็ได้พบกับงูสีขาว
ตัวใหญ่มาก ค่อยๆเลื้อยอย่างไม่เกรงกลัวคนขึ้นมานั่งบน
เก้าอี้โยกที่ระเบียงหน้าบ้านที่คุณยายชอบนั่ง
ทุกคนต่างมองไปที่งูนั้น แม่บ้านได้เล่าว่าตั้งแต่คุณป้าป่วย
งูตัวนี้จะมานั่งที่เก้าอี้ของคุณยายทุกวัน จนมาวันนี้ทุกคน
จึงเข้าใจว่าคุณยายมาปรากฏให้เห็นว่าเป็นงูเพราะเป็นห่วง
ลูกสาว.......แม่บ้านจึงพูดกับงูว่า คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวลูก
ก็หายแล้ว เมื่อนั้นแหละงูพะงกหัวสามครั้งแล้วก็ไป





สิ่งที่เกิดขึ้นคือตั้งแต่นั้นอาการของคุณป้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
และงูนั้นก็ไม่เคยมาปรากฏตัวอีกเลย
เดี๋ยวว่างๆจะมาเล่าเรื่อง บ้านผีปอบต่อ



...

 

บ้านประหลาด



ที่บ้านของคุณยายของดิฉันในฝั่งเรือนแม่บ้านที่อยู่
ติดกับห้องน้ำที่ทับบนบ่อน้ำ ติดกับรั้วบ้านหลังถัด
ไป ซึ่งความน่ากลัวนั้นก็เรียกได้ว่าไม่แพ้บ้านของ
คุณยายของดิฉันเลย ความจริงแล้วทั้งหมู่บ้านนี้
ก็ว่าได้ที่มีเหตุการณ์ประหลาดๆ และผู้อยู่อาศัยที่
มีพฤติกรรมประหลาดๆไม่แพ้กัน
ที่ข้างบ้านของคุณยายนั้น เป็นรั้วสูง และมีต้นขนุน
ละมุดสูงๆ กันระหว่างบ้านของเพื่อนบ้าน และคุณยาย






บ้านของเพื่อนบ้าน ที่อยู่ถัดจากบ้านคุณยายนั้น
เป็นบ้านที่ทำจากเรือนไม้หลังใหญ่สูง สามชั้น
สมัยเด็กๆดิฉันแลดูบ้านหลังนี้ ก็พลานจินตนาการ
ให้นึกเรือโจรสรัด ที่ด้านตัวบ้านส่วนที่หันมายัง
บ้านคุณยายมีหน้าต่างบานนึงแบบเปิดปิดแบบ
โบราณ มีม่านสีชมพูแถบเดียวแบบม่านสมัยก่อน
ทำให้แลเห็นตัวเรือนด้านใน ในด้านที่ไม่มีม่านปิด





เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นสาวใหญ่ รูปร่างเพรียว
บางผมสั้นหยักศก แต่งกายเหมือนผู้หญิงสมัยรัชการที่ 7
คือผ้าถุงกับเสื้อแบบแหม่มสมัยก่อนแขนกุดมีระบาย
ลูกไม้ ใส่ต่างหูไข่มุกและสร้อยคอมีจี้พระ
ดูท่าทางตอนสาวๆหล่อนจะเป็นคนที่สวยแบบดุดุ
เจ้าระเบียบและออกจะหยิ่งเล็กน้อยด้วยเหมือน
คุณครูสมัยก่อน หลายครั้งเมื่อตอนเด็กๆที่ดิฉันไป
เยี่ยมคุณตาคุณยาย ดิฉันมักจะเห็นหล่อนยืนอยู่ที่
ขอบหน้าต่าง ครั้นพอดิฉันมองเห็นหล่อนและมอง
ตามไปที่หน้าต่าง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ
หล่อนจะรีบปิดบานหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
บางทีก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนสัตว์ตายและเอาไป
เผาจนมีกลิ่นกระดูกไหม้ลอยคละคลุ้งไปทั่ว
มาจากบ้านของหล่อน





ดิฉันจึงได้ไปเล่าให้คุณตาฟัง ท่านจึงเล่าให้ดิฉันฟัง
ว่า สุภาพสตรีสาวใหญ่คนนี้เป็นแม่ม่าย เธออาศัย
อยู่กับแม่บ้านและลูกสาว ที่นานครั้งจะมาเยี่ยม
ไม่ค่อยสุงสิงกะใคร หรือเพื่อนบ้าน แต่ก็เคยแสดง
น้ำใจโดยการเอาผลไม้มาให้คุณยาย แต่ครั้นพอ
หล่อนกลับไปและแกะผลไม้ออกดูก็พบว่าเน่าหมด
แม่บ้านของคุณตาคุณยายจึงนินทา หล่อนรับหลังว่า
หล่อนคงจะเพี้ยนๆ แม้ว่าภายนอกจะทำเป็นผู้ดี ก็ตาม
บางคนแถวนั้นก็นินทาหาว่าหล่อนเป็นปอบ




ติดกับบ้านของหล่อนไปเป็นบ้านของนายทหารชรา
ผู้หนึ่งบ้านหลังนี้เป็นหลังเดียวในบริเวณนี้ที่มีทรงบ้าน
เป็นเรือนไทยโบราณขนาดแท้ ลุงเจ้าของบ้านเป็น
คนใจดีและสนิทกับคุณตาคุณยาย ทำให้คุณตาและ
คุณป้าเคยเข้าไปในบ้านของแกและได้พบว่าแกมี
นิสัยชอบการสะสมของอาถรรพ์ เช่น เขี้ยวเสือ
กุมารทอง ควายธนู เสือสมิง และผีชนิดต่างๆ





มีอยู่คืนวันนึงที่ดิฉันกับแม่บ้านของคุณยาย
และพี่สาวเดินกลับจากตลาดนัดตอนกลางคืน
ผ่านบ้านของ นายทหารชราที่ เลี้ยงผีและเล่นของ
มายังบ้านของสุภาพสตรีสาวใหญ่ เราทั้งหมดก็
พบว่ามีตัวกะหังใหญ่มากนั่งอยู่เป็นร่างมืดๆอยู่
เหนือหลังคาบ้านของนายทหารชราและลูกชาย
ไม่เพียงแต่เราสามคนที่เห็น ทั้งรถมอเตอร์ไซต์
ที่ผ่านมาก็เห็นเช่นกัน





หลังจากนั้นต่อมาไม่นานภรรยาของนายทหาร
ก็เริ่มป่วยและเป็นโรคประหลาดนอนอยู่บนเตียง
ส่วนลูกชายของแกอยู่ๆก็เป็นบ้าแล้วก็ยิงตัวตาย
ในบ้าน ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะของที่ลุงคนนี้เลี้ยงเอาไว้






....

 

กำลังสนุกเลยค่ะ มาต่อนะคะคุณดัช

 

รออ่านด้วยคนค่ะ

 

เรื่องบ้านประหลาดยังไม่จบใช่ไหมคะ กำลังสนุกเชียว รีบมาเล่าต่อเร็วๆนะ
ท่าน dutchess เล่าเรื่องผีได้มีมนต์เสน่ห์มากเลย

 

ยังไม่จบคะ ตอนนี้มัวไปสาระวนกระทู้อินเดียอยู่นาน เดี๋ยวมาเล่าต่อคะ

 

คุณ duchessfidgette เก่ง และ ขยัน โพส มากๆ คอยอ่านค่ะ

 

แก้เซง ไม่มีอะไรจะทำเพราะดิฉันไม่ค่อยสบายอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศ ไม่มีครอบครัวหรือ ญาติพี่น้อง อีกอย่างดิฉันไม่ค่อยสบายบางทีนอนๆไปอาจหลับไม่ตื่น ช่วงนี้นั่งอยู่แต่บนเตียงอย่างเดียวเซงมาก ช่วงนี้เลยปล่อยวางทุกอย่างไม่ให้เคลียด มาหาเพื่อนคุยในเวปถ้าเป็นไปได้ไม่มีมีใครอยากมานั่งอยู่หน้าคอมหรอกคุณ ใครๆก็อยากเดินออกไปนอกบ้านทั้งนั้น แต่คนมันป่วย ออกไปไหนไม่ได้ต้องนอนอย่างเดียว เห็นใจกันมั้ง

 

ด้วยบุญที่คุณ duchess Fidgette. ทำโดยเอา เรื่องต่างๆมาให้ความรู้ แก่พวกเราทุกคน ดิฉันขออวยพรให้หาย จากโรค ภัยไข้เจ็บ ในเร็ววันค่ะ

 

เดี๋ยวก็คงหายครับ คงไม่ป่วยตลอดหรอก สู้ๆ

 

ไปผ่าตัดขามา เป็น เนื้อ งอก ในเส้นเลือดขา แต่เป็นมาสิบๆปีแล้วไม่ผ่าเพราะกลัวเจ็บ แต่หลังๆมันเจ็บๆเลยต้องไปผ่า ตอนนี้เดินลุกมากไม่ได้ต้องรอให้แผลหาย แต่ไม่ต้องห่วง เพราะไม่ใช่มะเร็งคะ อีกอย่างดิฉันเป็นโรค เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ตอนนี้ดีขึ้นแต่บางทีนอนมันมีความรู้สึกเหมือนจะตาย แล้วตัวเราสะดุ้ง กะตุกเอง ถ้าทำงานหนักเหนื่อยมากก็เสี่ยงจะหลับตาย หมอเลยให้ นอนเยอะๆ เฮ้อ