คลังเรื่องเด่น
-
วิธีบูชาพระไพรีพินาศให้เกิดผล ตำรับวัดบวรนิเวศวิหาร
วิธีบูชาพระไพรีพินาศให้เกิดผล ตำรับวัดบวรนิเวศวิหาร
พระไพรีพินาศนั้นได้ชื่อว่ามีดีทางกำหราบศัตรูทั้งปวงที่คิดร้ายแต่คนที่ใช้อานุภาพต้องบริสุทธิ์คือ
1.อยู่ในศีลธรรมอันดีไม่คิดร้ายคนอื่นไม่มัวเมาด้วยโมหะคิดจะเอาชนะคนอื่นเป็นที่ตั้งไม่คิดร้ายต่อผู้คิด ร้ายหรือใส่ร้ายตน
2. ไม่ตอบโต้ด้วย กาย วาจา และใจคงมั่นนความสุจริตเป็นที่ตั้งแม้จะถูกรบกวนหรือให้ร้ายก็ยึดมั่นในอุเบกขา และสันติธรรม
เมื่อมีเหตุผลเช่นนี้แล้วจึงจะอาศัยเป็นผลขอรองรับบารมีจากพระพุทธไพรีพินาศได้อย่างเต็มที่ การรับบารมีทำได้ดังนี้
-เขียนชื่อศัตรูที่มุ่งร้ายตนและนามสกุลตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธไพรีพินาศที่มีอยู่กับตัวว่าขอบารมีกำหราบศัตรูให้แพ้ภัยตัวเองไป
-พับกระดาษที่มีชื่อของศัตรูให้เป็นแผ่นแล้วเอาพระพุทธไพรีพินาศวางทับลงไป
-เมื่อสวดมนต์ไหว้พระแล้วให้แผ่เมตตาไปยังคนผู้นั้นอย่าให้ขาดขอให้เขามีสติระลึกถึงกรรมและเลิกรังควาญรังแก
-เมื่อผู้คิดร้ายสำนึกได้หรือมีอันเป็นไปแล้วเอาชื่อออกและแผ่เมตตาให้ถือว่าเขาได้รับกรรมแล้วเป็นอันสิ้ นสุดกรรม
ข้อพึงระวัง... -
ความแตกต่างของพระอริยะกับผู้วิเศษเรามักสับสน ท่านปยุตฺโต ได้เมตตาแยกให้กระจ่าง
ความแตกต่างของพระอริยะกับผู้วิเศษเรามักสับสน ท่านปยุตฺโต ได้เมตตาแยกให้กระจ่าง
พระอริยะกับผู้วิเศษต่างกันอย่างไร?
ถ้าเราเข้าใจข้อนี้แล้ว เราก็จะอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีขึ้น เพราะประชาชนในปัจจุบันนี่สับสนมาก มักเอาความเป็นผู้วิเศษกับความเป็นพระอริยะเป็นอันเดียวกันเสีย ถ้าอย่างนี้แล้วหลักพระศาสนาก็จะสับสนแล้วก็เสื่อมด้วย
ผู้วิเศษ คืออะไร เรามักจะเรียกคนมีฤทธิ์นั่นเองว่าเป็นผู้วิเศษ เช่น โยคี ฤาษี ดาบส ก่อนพุทธกาล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นก็มีโยคี ฤาษี ดาบส เยอะ อยู่ในป่า ได้ฌานสมาบัติ ได้โลกียอภิญญา มีฤทธิ์ มีปาฏิหาริย์ หูทิพย์ ตาทิพย์ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เราเรียกได้ว่าเป็นผู้วิเศษ คือผู้มีฤทธิ์นั่นเอง
ลองมาดูความหมายของ “พระอริยะ” ว่าคืออะไร?
พระอริยะ คือท่านผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ประเสริฐ เพราะไกลจากกิเลส ไกลจากกิเลสก็คือ หมดจากโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่ากำจัดความโลภ โกรธ หลง ให้ลดน้อยเบาบางลง กิเลสน้อยลงไป ๆ จนกระทั่งว่าเป็นอริยะ อย่างสูงสุดคือเป็นพระอรหันต์ ซึ่งหมดจากกิเลสทั้ง 3 อย่าง คือ โลภ โทสะ โมหะ เป็นผู้บริสุทธิ์ ประเสริฐสูงสุด
อย่างนี้แยกได้หรือยัง?... -
"เหนียวจริง...อะไรจริง"!! ... สุดยอด "วิชาหนังเหนียว" ของหลวงปู่เจี๊ยะ!!!
"เหนียวจริง...อะไรจริง"!! ... สุดยอด "วิชาหนังเหนียว" ของหลวงปู่เจี๊ยะ!!!
ครั้งหนึ่ง มีผู้หญิงวัยแก่คนหนึ่ง แกอยากอยู่ยงคงกระพัน อยากหนังเหนียว จึงนิมนต์ให้หลวงปู่เจี๊ยะเป่าหัวให้สุดยอดไปเลย
หลวงปู่เจี๊ยะก็สอนว่า ของพวกนี้มันไม่จีรังยั่งยืนและศักดิ์สิทธิ์วิเศษเท่ากับกับการภาวนา "พุทโธ" หรอก
แต่ป้าคนนั้นแกก็ไม่เอาภาวนาพุทโธ อยากจะเอาหนังเหนียวอยู่อย่างเดียว
หลวงปู่เจี๊ยะรำคาญจึงเป่าหัวปู๊ดๆ ให้
ป้าคนนั้นก็เลยกลับไปด้วยความสบายใจที่ได้ถูกเป่าเสกกระหม่อมด้วย "วิชาหนังเหนียว"
หลังจากนั้น เวลาผ่านไปประมาณครึ่งเดือน เสียงรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามาที่วัดป่าภูริทัตตฯ อย่างรีบด่วน แล้วมาจอดที่หน้ากุฏิของหลวงปู่เจี๊ยะ
ป้าคนนั้นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แพทย์และพยาบาลนำเธอเข้ามากราบเรียนหลวงปู่เจี๊ยะว่า
"หลวงปู่เจ้าคะ... ช่วยเป่ากระหม่อมถอดถอนวิชาหนังเหนียวให้ด้วยเถอะ... ตอนนี้จะตายอยู่แล้ว... ปวดท้องเหลือเกิน... ไส้ติ่งจะแตกอยู่แล้ว!!
หมอพยายามผ่าตัด เข็มฉีดยาก็ไม่เข้า เชือดเท่าไหร่ เฉือนเท่าไหร่ก็ไม่เข้า มันเหนียวจริงๆ ...หนังดิฉันนี่!!"
เธอพูดทั้งๆ... -
หลวงปู่เจี๊ยะตอบคำถาม "ตีขวานใช่กิจของสงฆ์หรือไม่?" ... "ก็กูนี่แหละสงฆ์...แล้วสงฆ์ก็ตีเองกับมือแท้ๆ มันจะไม่ใช่กิจของสงฆ์ได้ยังไงวะ"!!
หลวงปู่เจี๊ยะตอบคำถาม "ตีขวานใช่กิจของสงฆ์หรือไม่?" ... "ก็กูนี่แหละสงฆ์...แล้วสงฆ์ก็ตีเองกับมือแท้ๆ มันจะไม่ใช่กิจของสงฆ์ได้ยังไงวะ"!!
"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" ท่านมีงานอดิเรกอยู่อย่างหนึ่งที่แปลกประหลาดกว่าพระองค์อื่น ๆ คือ ท่านชอบตีเหล็กสำหรับทำขวานเป็นอย่างมาก ซึ่งฝีมือการตีเหล็กของท่านนั้นก็จัดอยู่ในระดับมืออาชีพเรียกพี่เลยทีเดียว
ลูกศิษย์คนหนึ่งรู้สึกสงสัยในความชอบของหลวงปู่เจี๊ยะจึงถือโอกาสถามท่านว่า
"ทำไมอาจารย์ถึงชอบตีเหล็กนักล่ะครับ?"
หลวงปู่เจี๊ยะก็เลยเล่าถึงที่มาที่ไปของงานอดิเรกนี้ให้ลูกศิษย์ฟัง
"ทีแรกเราก็ไปซื้อขวานมา...จะเอามาใช้งาน แล้วมันฟันไม่ได้น่ะสิ ซื้อมาทีไร...เอามาฟัน มันก็ไม่ค่อยคม ... เจ็บใจ! ก็เลยเอาแหนบรถสิบล้อมาตีซะเอง ... ทำไปทำมา มันคมกว่าที่เขาทำขายซะอีก!"
ลูกศิษย์จึงถามต่อด้วยความสงสัย
"แล้วอย่างนี้มันจะผิดข้อปฏิบัติของพระมั้ยครับ...อาจารย์?"
หลวงปู่เจี๊ยะตอบว่า
"ไม่ผิดหรอก... ตีขวานมันไม่ผิดหรอก... ไม่เห็นมีวินัยข้อไหนห้ามพระตีขวาน...จะไปผิดอะไร! ไม่ได้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต...ทำบาปทำกรรมอะไรนี่นา!"
"แต่บางคนเขาบอกว่า... -
ทำบ้านให้เป็นวัด ก็บรรลุธรรมได้
ถาม : คุณแม่อายุ ๗๖ แล้ว ไม่สะดวกไปอยู่วัด จะภาวนาที่บ้าน ควรเริ่มอย่างไร?
พระอาจารย์ : ถ้ามาวัดไม่ได้ก็ทำบ้านให้เป็นวัด บ้านก็ต้องสงบ คือไม่มีอะไรมารบกวน ควรจะทำที่บ้านให้เหมือนวัด คือไม่มีแสงสีเสียง รูปเสียงกลิ่นรส มายั่วยวนกวนใจ แล้วก็เจริญสติอย่างต่อเนื่อง รักษาศีล ๘ และก็เจริญสติ พุทโธๆ เดิน ยืน นั่ง นอน ก็เฝ้าดูอาการ ๓๒ ดูร่างกายหรือว่าจะบริกรรมพุทโธไปก็ได้ เวลานั่งก็หลับตาแล้วก็บริกรรมพุทโธไป หรือสวดมนต์ไป อย่าไปคลุกคลี อย่าไปคุยกับคนนั้นคนนี้ อย่าไปเปิดดูทีวี อย่าไปกิน ไปดื่ม ในเวลาที่ไม่ใช่ ในเวลาที่จะกินจะดื่มอย่างนี้ ถ้าทำอยู่ที่บ้านได้ แต่มักจะเป็นสิ่งที่ยาก เพราะเวลาอยู่ที่บ้านคนเขาจะไม่ถือศีล ๘ กัน คนเขาจะดื่มจะกินกันตามอารมณ์ตามความอยาก อยากจะดื่มเมื่อไหร่ก็ดื่ม อยากจะรับประทานเมื่อไหร่ก็รับประทาน อยากดูอยากจะฟังอะไรก็ดูฟังไป มันก็จะรบกวนผู้ที่จะแสวงหาความสงบ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องสร้างห้องอยู่คนเดียว ห้องปรับอากาศ ไม่มีเสียงเข้าไปรบกวน ถ้ามาวัดไม่ได้ก็ต้องทำบ้านให้เป็นวัดเข้าใจไหม
โยมที่เป็นลูกศิษย์หลวงตา เขาไปอยู่วัด พอเขาออกจากวัดมาเขาก็ไปทำกุฏิในบ้านเขา... -
ควร แผ่เมตตา ให้ใคร!? ระหว่างสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์กับเจ้ากรรมนายเวร
ควร แผ่เมตตา ให้ใคร!? ระหว่างสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์กับเจ้ากรรมนายเวร
ถาม ควรแผ่เมตตาให้ใครมากกว่ากันระหว่างสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ กับเจ้ากรรมนายเวร และเราสามารถทำอะไรให้เจ้ากรรมนายเวรได้บ้าง นอกจากการแผ่เมตตาและกรวดน้ำ
พระมหาเฉลิม ปิยทสฺสี พระอาจารย์ผู้ไขปัญหาประจำฉบับอธิบายว่า
ตอบ
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ นี่ครอบคลุมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วนะ ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่จัดว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งสิ้นนั่นแหละ ไม่ว่าสัตว์ที่มีคุณ สัตว์ที่เป็นกลาง ๆ หรือมีโทษร้ายรวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วยแผ่ไปเถิดส่วนบุญส่วนกุศล หรือแผ่เมตตาจิต จนเป็นอัปมัญญาไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ เมื่อให้ บุญก็เพิ่มพูนขึ้น
เรื่องของการ แผ่เมตตา นี้ ท่าน ว.วชิรเมธีได้เล่าภึงอานิสงค์ของการเจริญสติ และพูดถึงเรื่องของ การแผ่เมตตา ไว้ว่า... -
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ แม่ชีผู้บรรลุอรหันต์ กระดูกอัฏฐิ เป็นพระธาตุ
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ แม่ชีผู้บรรลุอรหันต์ กระดูกอัฏฐิ เป็นพระธาตุ
ย้อนไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว (พศ.2460) ณ บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร หญิงสาวผู้หนึ่งได้ถางป่าเพื่อจับจองที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมหลวงปู่มั่นได้ธุดงค์ผ่านมาพร้อมคณะพระ ท่านได้เห็นที่บริเวณนั้นเหมาะที่จำทำเป็นที่พักสงฆ์ จึงได้ขอที่บริเวณนั้น หญิงสาวนั้นมีปิติยินดี ได้ถวายที่แด่ท่าน หลวงปู่ได้ให้พรว่า "ต่อไป เจ้าจะไม่มีวันอดอยาก" วัดแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า วัดหนองน่อง (น่องคือเถาวัลย์ชนิดหนึ่ง ใช้เป็นยาเบื่อยาสลบ)
หลวงปู่มั่นและคณะพระได้อยู่ปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนั้น สั่งสอนชาวบ้านแถบนั้น ให้ละจากการนับถือผีมานับถือพระพุทธศาสนา ยังให้เกิดศรัทธา เข้าใจศาสนามากขึ้น หนึ่งในนั้นก็มีเด็กสาวรุ่น อายุ 16 ผู้เป็นผู้ถวายที่ คือคุณแม่ชีแก้ว ในปัจจุบัน
ก่อนหลวงปู่มั่นกับคณะพระจะธุดงค์จากไป หลวงปู่มั่นได้ปรารภกับคุณแม่ชีแก้วว่า "หากเจ้าเป็นผู้ชาย เราจะให้บวชเป็นเณรและให้ติดตามไปด้วย แต่นี่เป็นหญิง ไปด้วยก็ลำบากต่อพระธรรมพระวินัย และสั่งว่าให้หยุดภาวนา ตั้งแต่นี้ต่อไปให้ใช้กรรมไปตามประสาโลก กาลต่อไปข้างหน้าจะมีผู้มาสั่งสอน"... -
การพบสมเด็จองค์ปฐมครั้งแรก ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๑ คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อกำลังสอนพระกรรมฐาน และเมื่อเสร็จจากการแนะนำ ก็ได้ทำสมาธิ ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนปรากฏขึ้น คือ เห็นพระพุทธเจ้าในปางพระนิพพานทรงยืนสองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้า แล้วก็พนมมือ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีความรู้สึกในใจว่า บางทีอาจจะเป็นอุปาทาน เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือนเล็ก ๆ หลังคาตํ่า ๆ หากพระพุทธองค์เสด็จเข้าไป หลังคาก็จะสูงขึ้นเอง แต่เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้ายืนพนมมือ เมื่อนึกเพียงนี้ ก็เห็นภาพหลวงปู่ปานปรากฏขึ้นข้างหน้า หลวงปู่ปานท่านบอกว่า
“คุณ..ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา”
อีกประมาณ ๕ นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าอีกองค์ รูปร่างท่านใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูปของปางพระนิพพาน เดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก้มศีรษะแสดงความเคารพ พอพระองค์เดินไปถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทรงตรัสว่า
“ข้าจะนั่งที่ไหนหว่า… ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกัน”
พระพุทธองค์ก็เลยนั่งบนหัวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วทรงตรัสกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า
“นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป... -
อภินิหารหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน เมื่อพาเณรธุดงค์ในกัมพูชา
อภินิหารหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล เทวดาเดินดิน เมื่อพาเณรธุดงค์ในกัมพูชา -
วีดีโอ 10 สถานที่วัดสวยๆในไทย ที่สวยจนน่าตะลึง จนอดใจไม่ไปไม่ได้
วันนี้สยามซี๊ดจะพาคุณไปเที่ยวชมวัดไทยสวยๆ แนะนำโดยเหล่าบล็อกเกอร์นักเที่ยวกับ 10 วัดที่สวยงามในไทย วัดที่มีเอกลักษณ์ความงามและบรรยากาศที่สวยงามที่ชวนให้ต้องไปกราบไหว้สักครั้งในชีวิต -
ดูแลทบทวนกำลังใจตัวเอง - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
ดูแลทบทวนกำลังใจตัวเอง
ถาม : ภาวนาแล้วอารมณ์ใจไม่ทรงตัว ?
ตอบ : ต้องพยายามประคับประคองรักษาอารมณ์ให้เป็น
แรก ๆ ก็อาจได้สักชั่วโมงหนึ่ง ต่อไปถ้าเคยชิน ก็ได้ ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ครึ่งวัน วันหนึ่ง จนกระทั่งนาน ๆ ไป พอชำนาญมาก ๆ ก็รักษาได้เป็นเดือน เป็นปี ต้องทำแบบนี้ อารมณ์ถึงจะทรงตัว
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะดูแลทบทวนกำลังใจตัวเอง การทำงานทุกอย่างต้องมีการประเมินผล
ทางโลกเขามีการประเมินผล ทางธรรมของเรา พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้ประเมินผลด้วยวิมังสา ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ
ฉันทะ พอใจที่จะทำ
วิริยะ พากเพียรทำไป
จิตตะ จิตใจปักมั่นต่อเป้าหมาย ไม่เปลี่ยนแปลง
วิมังสา ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีกให้ได้ผลอย่างนั้น
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
--------------------------------------------------
https://www.facebook.com/MotanaboonCom/ -
การปฏิบัติกรรมฐานคืออะไร :: หลวงพ่อชา สุภัทโท
บางคนคิดว่า การปฏิบัติกรรมฐานคือ
การเดินจงกรมและนั่งสมาธิเท่านั้น
แต่หลวงพ่อเน้นว่าการปฏิบัติอยู่ที่สติมากกว่าที่อิริยาบถ
อย่างที่ท่านเทศน์ในตอนหนึ่งว่า
“ไม่ใช่เดินเพียร นั่งเพียร แต่รู้เพียร”
คือ ฝึกให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทุกอิริยาบถ
ไม่ใช่เฉพาะเวลานั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมเท่านั้นเคล็ดลับของท่านก็คือ
ปฏิบัติเรื่อยไปอย่างสม่ำเสมอ
ไม่เคร่งเกินไป แต่ก็ไม่หย่อน
ให้พอดีแก่การขัดเกลากิเลส
จึงจะเรียกว่า เป็นสัมมาปฏิปทา เพราะว่า
“การทำความเพียร ไม่ได้ขีดขั้น
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ได้ทั้งหมดนั้น
แม้กวาดลานวัดอยู่ก็บรรลุธรรมะได้
แม้แต่เพียงมองเห็นแสงพยับแดดเท่านั้น ก็บรรลุธรรมะได้
จะต้องมีสติพร้อมอยู่เสมอ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะมันมีโอกาสที่จะบรรลุธรรมอยู่ตลอดเวลา
อยู่ทุกสถานที่ เมื่อเราตั้งใจพิจารณาอยู่”
นี่คือปฏิปทาในการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่ทำเป็นเวลา แต่ต้องทำตลอดเวลา
อย่างที่หลวงพ่อท่านเรียกว่า “สติจำกาล”
ปฏิปทาที่ไม่ติดต่อสม่ำเสมอนั้นหลวงพ่อเปรียบเทียบว่า
“เหมือนหยดน้ำที่ไม่ต่อเนื่องกัน”
การฝึกสติของเราก็เช่นเดียวกัน
นาน ๆ นึกขึ้นได้ก็ตั้งสติเสียทีหนึ่ง... -
อธิษฐานบารมี จะทำให้เข้าถึงจุดหมายของความดีได้รวดเร็ว
... " การบำเพ็ญบารมีใด ๆ หรือสร้างความดีใด ๆ เราจะตั้งมโนปณิธาน ความปรารถนาหรือไม่ก็ตาม ถ้าความดีมากครั้งเข้า ในที่สุดความชั่วก็สลายตัวไป เราก็เข้าถึงพระนิพพานตามเจตนา หรือ ไม่เจตนาเราก็จะต้องเข้าถึง ในเมื่อความชั่วถูกตัด เป็นสมุจเฉทปหาน.
.. แต่ทว่า ถ้าปราศจาก "อธิษฐานบารมี" กว่าจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง ก็รู้สึกว่ามันเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือไม่ค่อยจะตรงนัก.
.. ฉะนั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้มี "อธิษฐานบารมี".
.. ในการที่ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจกล่าววาจาว่า : "อิมาหัง ภควา อัตตะ ภาวัง ตุมหากัง ปริจจะชามิ" แปลเป็นใจความว่า : ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
.. นี่ก็หมายความว่า เราจะเอาชีวิตของเราเข้าแลกกับความดี ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแนะนำไว้ อย่างนี้.
.. อาศัยเจตนา และความตั้งใจ จัดว่าเป็นอธิษฐานบารมี บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะเข้าถึงความดี ด้วยความรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง..."
( จากหนังสือ "รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ" เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๑๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )... -
การกลับมาอีกครั้งของหลวงพ่อบามิยันในอัฟกานิสถาน
ขอบคุณYoutubeและเจ้าของช่องค่ะ -
หนีนรก เสียงธรรมเทศนาโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยอดคนฟังไปแล้วเกือบ 15 ล้านครั้ง
เสียงธรรมเทศนา เรื่อง หนีนรก โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ยอดคนฟังไปแล้วเกือบ 15 ล้านครั้ง
อ้างอิงจากเสียงธรรม
เว็บปรับปรุงใหม่ สะดวกขึ้น
-เสียงธรรมสามารถฟังได้ทันทีหรือโหลดเก็บไว้ฟังได้ ได้ทั้งทางมือถือและ PC
-ฟังในเมือถือ Android ปิดหน้าจอ เสียงก็ยังฟังได้
-อัพโหลดกดทีเดียวได้ 24 files สะดวกกว่าเมื่อก่อน
- เวลา upload file mp3 ระบบจะใส่ player ให้ทันที
01.หนีนรก-ตัดสังโยชน์ 3
02.หนีนรก-เล่าเรื่องมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร
03.หนีนรก-เล่าเรื่องพระนางมัลลิกาเทวี
04.หนีนรก-เล่าเรื่องนางปติปูชิกา
05.หนีนรก-เล่าเรื่องโฆษกเทพบุตร
06.หนีนรก-เล่าเรื่องพระติสสะ
07.หนีนรก-พุทธานุสติกรรมฐาน
08.หนีนรก-อานิสงส์ของการนึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆ
09.หนีนรก-พุทธานุสติ
10.หนีนรก-พุทธานุสติ@16 ธันวาคม 2528
11.หนีนรก-ศึล 5 กรรมบท 10 ข้อ 1-ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ทรมานสัตว์
12.หนีนรก-ศึล 5 กรรมบท 10 ข้อ 1-ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ทรมานสัตว์@16 ธันวาคม 2528
13.หนีนรก-ศึล 5 กรรมบท 10 ข้อ 1-ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ทรมานสัตว์@18 ธันวาคม 2528
14.หนีนรก-ศีล 5 กรรมบท 10 ข้อ 2-ไม่ลักทรัพย์
15.หนีนรก-ศีล 5 กรรมบท 10 ข้อ... -
วิธีฝึกจิตให้มีพลัง พระธรรมเจติยาจารย์(วิริยังค์ สิรินธโร)
วิธีฝึกจิตให้มีพลัง
ต่อไปนี้ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจที่จะทำความสงบกันต่อไป ในเบื้องต้นนี้อาตมาจะเป็นผู้นำ ทุกๆ คนให้ว่าตาม
ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้ใจของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ (3ครั้ง) พุทโธ พุทโธ พุทโธ
นี่ก็ให้นึกไว้ในใจ นั่งขัดสมาส ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาหงายทับมือซ้าย วางไว้บนตัก หลับตา นึกพุทโธในใจ กำหนดใจของเราไว้ที่ใจ การทำสมาธิ ต้องการความเป็นหนึ่ง ความเป็นหนึ่งเป็นต้นเหตุของการที่จะให้เกิดพลังจิต พลังจิตนั้นก็คือ กระแสธรรม ทำอย่างไรพลังจิตของเราจะเกิดขึ้นได้
การทำจิตให้เป็นหนึ่ง คือการที่จะทำจิตนี้ให้เกิดพลังจิต พลังจิตนี้ ที่จะเป็นกำลังที่จะทำวิปัสสนาต่อไปในกาลข้างหน้า แต่การที่จะเป็นหนึ่งได้นั้น ต้องอาศัยคำบริกรรม คำบริกรรมนั้น อย่างที่เราบริกรรมว่าพุทโธๆ เป็นคำบริกรรม ผู้ที่นึกพุทโธได้แล้ว ถือว่าจิตนั้น เริ่มที่จะเข้าเป็นหนึ่ง เมื่อจิตเป็นหนึ่งได้แล้ว พุทโธก็ไม่ต้องนึก
เมื่อเราไม่นึกพุทโธ แต่ว่าจิตของเราเป็นหนึ่งได้ ก็ถือว่าจิตของเราได้เลื่อนไปอีกขั้นนึง... -
สมาธิในพระพุทธศาสนา (พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร (หนังสือ)
สมาธิในพระพุทธศาสนา
พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ
ด้านล่างคือหนังสือ (eBook)
http://palungjit.org/attachments/สม...4/?temp_hash=9e3892239aa61048d6cf8e3019ac6811 -
ฮือฮากันทั้งโลกโซเชียล เมื่อฝรั่งสวดมนต์บทธัมมจักฯได้คล่องปาก
ฮือฮากันทั้งโลกโซเชียล เมื่อฝรั่งสวดมนต์บทธัมมจักฯได้คล่องปาก
#โลกโซเชียลฮือฮา! #ฝรั่งสวดธัมจักกัปปวัตตสูตรได้คล่อง
ส่วนตัวเจ้าของ ได้พูดว่า "ผมชอบ สวดธัมมจักกัปปวัตตสูตร แล้วมีความสุข ผมสวดทุกวันครับ หลวงพ่อบอก สวดได้ทุกที่ เพราะพระอยู่ที่ใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและ"
อนุโมทนาบุญอย่างยิ่ง ได้เห็นชาวต่างชาติสนใจศึกษาธรรมะ กฎแห่งกรรม บุญกับบาปโทษมีจริง
Cr.Meditation Sydney Corner
ขอบคุณภาพวีดีโอ -
เหตุที่ทำให้พระสีวลีมีลาภมาก - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
เหตุที่ทำให้พระสีวลีมีลาภมาก
ถาม : ...........
ตอบ : ลักษณะการทำบุญปิดท้ายจะมีลาภมากแบบพระสีวลี ลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นเก่าๆ จะรู้ดี ทำบุญปิดท้ายไปเรื่อย ปิดไม่รู้จักจบ คนโน้นปิดคนนี้ก็ปิดต่อไปเรื่อย เพราะว่าพระสีวลีท่านทำบุญปิดท้ายรายการบุญใหญ่ของเขา ท่านจึงมีลาภมาก
เนื่องจากว่าสมัยนั้นท่านเกิดเป็นคนจน มีอาชีพตัดฟืนอยู่ในป่า ตอนนั้นระหว่างชาวบ้านกับพระราชาเขาแข่งกันอยู่ แข่งกันทำความดีถือว่าน่าสรรเสริญ ชาวบ้านกับพระราชาเขาแข่งกันทำบุญ ลักษณะว่าใครทำบุญถวายพระพุทธเจ้าได้ดีกว่ากัน พอถึงเวลาพระราชาท่านก็จัดโน่นจัดนี่มาให้ดีกว่าชาวบ้าน ทีนี้กำลังของพระราชาเองถ้าไม่เกณฑ์ชาวบ้านนี่จะเอาดีก็คงจะไม่เท่าไร ชาวบ้านพอสู้ได้เพราะคนเยอะกว่าก็ช่วยกันสรรหามา
จนกระทั่งถึงครั้งสุดท้ายชาวบ้านเขากะจะเกทับให้พระราชาไม่มีโอกาสกระดิก ทำบุญครั้งนี้จะหาของทุกอย่างที่พึงจะถวายพระมาให้ครบ ปรากฏว่าพอหามาแล้วขาดน้ำผึ้งสดจากรวงอย่างเดียว น้ำผึ้งเก่ามีแล้ว อยากจะได้ที่คั้นสดๆ ถวายพระเลย บรรดาที่เป็นหัวหน้าท่านก็ประกาศให้ลูกน้องนำเงินคนละ ๑ พันกหาปณะไปยืนรอที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ ใครมีรวงผึ้งสดมาให้ขอซื้อจากเขา... -
"เสียงสวดมนต์และเจริญเมตตาทำให้รู้สึกมีแต่ความสุขสงบ" จนเทพนาคาต้องมากราบชมบารมีหลวงปู่ชอบที่ถ้ำแม่ริม
"เสียงสวดมนต์และเจริญเมตตาทำให้รู้สึกมีแต่ความสุขสงบ" จนเทพนาคาต้องมากราบชมบารมีหลวงปู่ชอบที่ถ้ำแม่ริม
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งอาตมาได้เคยเดินท่องธุดงค์ ไปกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่ขาว อนาลโย กับพระหนุ่มติดตามอีกรูปหนึ่ง ได้ชวนกันไปหาวิเวกตามป่าเขาและถ้ำในเขตอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพิ่งจะยุติ สงบลงใหม่ๆได้พากันธุดงค์ไปจนพบสถานที่เหมาะสมบนเขาสูงลูกหนึ่งที่นั่นอากาศดี สงบ เงียบ ไม่มีอะไรรบกวน ชาวบ้านก็เอื้อเฟื้อ ศรัทธาดี ส่วนใหญ่เป็นพวกชาวแม้ว ก็ได้ทำการอบรมชี้แนะให้พวกชาวแม้วรู้จักทำบุญกับพระในพระพุทธศาสนา จนพวกนั้นเกิดความเลื่อมใส
เสียงสวดมนต์และเจริญเมตตานั้นทำให้รู้สึกเย็นอกเย็นใจ มีแต่ความสุขสงบ วันนี้ข้าพเจ้าอดรนทนไม่ได้ จึงมาขอกราบชมบารมีของพวกท่านสักครั้ง
ตกกลางคืนก็จะมีพวกกายทิพย์ คือ เทวดานี่แหละ มากราบคารวะขอฟังธรรมกันมากหลวงปู่ชอบท่านมีตาดี จิตดี พวกนั้นจึงพากันมามากก็สงเคราะห์ไปเท่าที่สมควร
วันหนึ่งขณะที่อาตมากับหลงปู่ชอบกำลังเดินจงกรม ภาวนาอยู่... -
เหลือเชื่อ!! "วิชาเด็ด หลวงปู่ศุข" สอนเสด็จเตี่ย ขี่มะพร้าวแทนเรือ แถมแล่นได้เร็วยิ่งกว่าเรือจริง !
เหลือเชื่อ!! "วิชาเด็ด หลวงปู่ศุข" สอนเสด็จเตี่ย ขี่มะพร้าวแทนเรือ แถมแล่นได้เร็วยิ่งกว่าเรือจริง !
◎ กรมหลวงชุมพรฯ ทรงใช้มะพร้าวขี่แทนเรือ ◎
เรื่องนี้เป็นวิชาหนึ่งซึ่งกรมหลวงชุมพรฯ ได้เรียนจากหลวงพ่อศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อเรียนเสร็จแล้วจึงได้ทดลองทำที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเหตุที่กระทำในตอนกลางวันจึงมีผู้ยืนดูอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ รวมทั้งผู้เล่าซึ่งกำลังบวชเป็นพระอยู่
เรื่องนี้ผู้เล่าคือนายเนตร แพ่งกลิ่น อายุ ๘๕ ปี ( เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ) บ้านใต้วัดพิกุลงาม ตำบลธรรมามูล อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ผู้เล่าบวชอยู่กับหลวงพ่อศุขที่วัดปากคลองวัดมะขามเฒ่า ๗ พรรษา ทำหน้าที่ “เลขานุการ” ของหลวงพ่อศุขสืบแทนพระพี่ชายที่สึกไป เคยร่วมไปที่วังกรมหลวงชุมพรฯ กับหลวงพ่อศุข รวม ๖ ครั้ง ผู้เล่า ๆ ให้ฟังเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พศ. ๒๕๒๒ และได้สอบถามเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้ความดังต่อไปนี้
วันหนึ่งเวลาเช้า พระเนตรออกบิณฑบาตไปทางทิศใต้ของวัดปากคลองมะขามเฒ่า มีพระบิณฑบาตทั้งหมด ๒๙ องค์... -
ตำราน้ำมนต์กันเสนียด พระราชนิพนธ์ในพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตำราน้ำมนต์กันเสนียด พระราชนิพนธ์ในพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จากสมุดคัดลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ
ประวัติของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ว่าเกี่ยวข้องกับพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างไร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงประทานอวยพรเป็นภาษาบาลีคาถาดังจะอธิบายต่อไปนี้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ขัติยพิศาลสุรบดีบรมราชินีศรีพัชรินทรภราดร สโมสรอเนกนิติปรีชา มหาสุมันตยานุวัตรวิบูลย์ ไพรัชราชกิจจาดุลย์สุนทรปฏิญาณ นิรุกติญาณวิทยาคณาทิศาสตร์ โหรกลานุวาทนานาปกรณ์ เกียรติกำจรจิรกาล บริบูรณ์คุณสารสมบัติ สุจริตสมาจารย์วัตรมัทวเมตตาชวาธยาศรัย ศรีรัตนไตรสรณธาดา กัลยาณธรรมมิกนาถบพิตร ทรงพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ ณ วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๑
___________แลเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามนั้น พระราชทานพระพรด้วยคาถาพระราชนิพนธ์ดังต่อไปนี้
เทวญฺญตโรทยวํโส__________อิติ เสฏฺฐาภิเธญฺยโต
นามํ โหตุ กุมารสฺส__________อมสฺเสว ปิยสฺส เม... -
สุดยอด! พระคาถาอัญเชิญญาณบารมี "หลวงปู่สรวง" ไว้ป้องกันภัย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ...สาธุ!!
สุดยอด! พระคาถาอัญเชิญญาณบารมี "หลวงปู่สรวง" ไว้ป้องกันภัย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ...สาธุ!!
พระอาจารย์บุญช่วยเมตตาให้พระคาถาเชิญญาณบารมีหลวงปู่สรวง และอนุญาตให้เผยแพร่ได้ คาถานี้ท่านเล่าว่าต้องขึ้นไปบนเขากุเลนจากนั้นอาจารย์จันตึ๊บจึงบอกคาถาให้ เนื้อความคาถามีดังนี้
๑ ท่องนะโม ๓ จบ
๒ อิลิเมี๊ยะอ็องสรวงสัมปันโน อิติปิโส นะโมพุทเธียเยีย อิสวาสุติมหาบันดาลสัจจัง อิริกิเป
๓ ให้หมั่นภาวนา คาถา "อะกรึงกะ" คำนี้กันภัยได้ ท่องประจำให้เกิดญาณหยั่งรู้ว่าภัยจะมาเมื่อไหร่ หลงหลีกป้องกันได้ทุกประการ
๔ ท่องภาวนาคำว่า "บายตึ๊กเจีย" ทำให้ร่มเย็นเป็นสุข มีเงินมีทองไม่ขาด
หลวงพ่อบุญช่วยท่านเล่าว่า ทั้ง ๔ ท่านคือ หลวงปู่สรวงหรือลูกตาเบ๊าะ หลวงปู่สะเดิงหรือดาบสจันตึบ หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พลึง เป็นผู้สำเร็จธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ เป็นผู้เหนือโลก แต่บำเพ็ญเป็นพระโพธิสัตว์ โปรดผู้หวังดีต่อพระศาสนา
ท่านจะอยู่จะตายสุดแท้แต่ท่านและทุกท่านสำเร็จวิชาตายคืน คือตายแล้วทิ้งร่างก็ได้ประกอบร่างใหม่เอา หรือเอาดวงจิตไปไว้ที่ร่างไหนๆก็ตามสะดวก ศาสตร์นี้คือสุดยอดของวิญญาณศาสตร์ที่แต่โบราณผู้สำเร็จมีน้อย... -
เรื่องใดที่ควรแก้ไขก่อนเพื่อให้เข้าถึงความเจริญ ?
คนเรานั้นมีความเข้าใจ และสติปัญญาต่างกันอย่างไรก็ตามการจะเข้าถึงความเจริญก้าวหน้าของชีวิตคือ การเดินรอยตามอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น "ความเห็นผิด" หรือ มิจฉาทิฐิเป็นเรื่องแรกที่ต้องแก้ไข
หากเราไม่แก้ไขเรื่องนี้ก่อนเสียแล้ว ทำอะไรก็จะผิดไปทั้งหมด คือเข้าใจผิดแต่ต้นก็ย่อมทำผิดแต่ต้น เหมือนคนจะเดินทางไปภาคเหนือ แต่กลับเข้าใจว่าทิศใต้คือทิศเหนือ เดินอย่างไรก็คงไม่มีวันถึง
มีเจ้านครเสตัพยะผู้หนึ่ง นามว่า "ปายาสิ" หรือพระเจ้าปายาสิธิราช มีความเห็นผิดอันเป็นภัยร้ายกาจต่อพระศาสนาและระบบศีลธรรมจรรยา คือ พระองค์เชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง บุญบาปไม่มี ชาติก่อนชาติหน้าไม่มี
ปายาสิธิราชเป็นกษัตริย์นักพูด มีวาทะคารมคมคาย จึงสามารถหักล้างทฤษฎีของสมณพราหมณ์ได้เป็นจำนวนมาก พระเถระอรหันต์หลายต่อหลายรูป ท่านก็หมดกิเลสไปเท่านั้นแต่ไม่มีปฏิภาณปัญญาจะไปโต้ตอบกับเธอได้ จึงถอยห่างออกไป
พระกุมารกัสสปะ เป็นผู้เดียวที่มีความสามารถในการไขปัญหาได้ และท่านเป็นพระอรหันต์ จึงจำต้องไปโต้วาทะกับปายาสิราชันย์ ใช้เหตุใช้ผลอธิบายประกอบอุปมาอุปไมย ในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ของปายาสิธิราช
เจ้าปายาสิเชื่อว่านรกไม่มี... -
แม่ชีอรหันต์ คุณย่าชี นารี การุณ อายุ 123 ปี อัฐิคุณย่าแปรสภาพเป็นพระธาตุทันทีหลังจากประชุมเพลิงเสร็จ
คุณย่าชีนารี การุณ อายุ 123 ปี แม่ชีอรหันต์
คุณย่าชีนารีได้สมรสกับนายวันดี ซึ่งมีลูกด้วยกัน 6 คน เป็นหญิง 4 ชาย 2 พอคุณย่าชีนารีอายุครบ 40 ปี ก็มีอารมณ์อยากจะบวชโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหน้านั้นท่านได้พบองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ
องค์หลวงปู่มั่นได้เดินธุดงค์ไปพักอยู่ใกล้บ้านๆและได้สอบถามถึงครอบครัวแล้วท่านก็จากไป
คุณย่าจึงขออนุญาตนายวันดีออกบวช นายวันดีให้ข้อแม้ว่าคุณย่าต้องหาภรรยาให้ซัก 3 คน เมื่อถึงวันบวชนายวันดีก็อนุญาตให้ออกบวช หลวงปู่มั่นท่านทราบด้วยญาณจึงส่งพระมา 3 รูป
คือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก พร้อมด้วยบริขารมาทำการบวชให้ คุณย่าหลังจากบวชชีแล้ว ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น โดยท่านให้อุบาย ให้คุณย่าภาวนา นะโมและพุทโธ
ท่านภาวนาท่านเห็นอดีตชาติขององค์ท่านเองว่าเคยเกิดเป็นชาวรัฐเซีย ไต้หวัน กษัตริย์ ทหาร แต่ไม่เคยเกิดเป็น 3 อย่างคือ เสือ ไส้เดือน กิ้งกือ
หลังจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ นิพพาน ได้มีการจัดงานประชุมเพลิงที่วัดป่าสุทธาวาส
คุณย่าเล่าให้ฟังว่าในงานประชุมเพลิงมีเทพธิดามาร่วมถวายเพลิง 30,000 องค์ ท้าวมหาพรหม 6 องค์ เทพบุตรมา 2... -
พุทธภูมิต้องขยันเกิด ( พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน )
พุทธภูมิต้องขยันเกิด
ถาม : อย่างเวลาพวกพุทธภูมิตายจากสภาพความเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ลงนรก ขึ้นไปบนสวรรค์เขาว่าจะเป็นพรหมเทวดา แล้วเขาจะมีเวลา.....หมายความว่าช่วงระยะเวลาหรือจะมีคนมาเตือนว่าให้ลงมาเกิดอีกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูด้วยนะ ว่าของเราเองมีเพื่อนฝูงที่รักกันขนาดนั้นหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าไม่มีเขาก็ไม่มาเรียกเตือนคุณหรอก คุณอยากสร้างบารมีคุณก็ตะเกียกตะกายของคุณเองก็แล้วกัน
ถาม : แล้วลงมาจุติได้ตลอดเวลาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านจะขยันเกิด ในเมื่อท่านจะขยันเกิดนี่ส่วนใหญ่ท่านจะไม่อยู่นานหรอก มันเสียเวลาสร้างบารมีของท่าน
ถาม : สามารถลงมาเกิดได้เลย ?
ตอบ : กำลังของคุณสูง ต้นทุนของคุณมี คุณจะซื้อตั๋วใส่กระเป๋าไปเพื่อจะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้คนมีตังค์น่ะ
บางส่วนจาก…
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกันยายน ๒๕๔๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
-----------------------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/ชมรมรักษ์ธรรม-chomromrakdham-134565886589151/ -
ปรมัตถธรรม เมื่อเข้าใจธรรมะปรมัตถ์นี้เมื่อไร จิตนั้นก็ถือว่าสูงแล้ว บุคคลผู้นั้นจะเป็นบุคคลที่ไม่มีการตกต่ำ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
ปรมัตถธรรม
ญาณทัศนะ นอกจากที่ว่าจะมีความหยั่งรู้แล้ว ก็ยังมีความเห็น
คือนอกจากจะรู้แล้วก็เห็นด้วย หลับตาลงไปเห็นสัจธรรมไปเลย
ในที่สุดท้ายคือ ปฏิปทาญาณะ ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ทำด้วย รู้ด้วย เห็นด้วย ทั้ง ๓ ประการเกิดขึ้นพร้อมกัน
อย่างนี้เรียกว่า "วิสุทธิ ๗ ประการ"อันเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงผู้นั้น ได้ดำเนินวิปัสสนาเป็นผลสำเร็จขึ้นแล้ว ในเรื่องของสมถะก็ดี ในเรื่องของวิปัสสนาก็ดีในเรื่องของ วิสุทธิ ๗ ประการก็ดี
ทั้งหมดนี้จะไปรวมกันกลับกลายเป็น "องค์แห่งการตรัสรู้"
องค์แห่งการตรัสรู้นั้นมีอยู่ ๗ ประการ คือ โพชฌงค์ ๗
โพชฌงค์ คือ องค์แห่งการตรัสรู้ นับไปตั้งแต่ โพชฌงค์ คือ สติโพชฌงค์ สติโพชฌงค์ปีติโพชฌงค์ ปัสสัทธิโพชฌงค์ วิริยโพชฌงค์ ไปจนกระทั่งถึง อุเบกขาโพชฌงค์ โพชฌงค์ คือ องค์แห่งการตรัสรู้นั้น ต้องมีสติเรียกว่าความมั่นคงแห่งสติ
ความมั่นคงแห่งสตินั้น สติจะต้องกำหนดอยู่ในอนิจจัง ในทุกขัง ในอนัตตา คือ สตินั้นจะกำหนดอยู่ในไตรลักษณ์ตลอดเวลา
เมื่อสติกำหนดอยู่ในไตรลักษณ์ตลอดเวลา ก็เป็นองค์แห่งการตรัสรู้
อันนี้เรียกว่าเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ องค์แห่งการตรัสรู้นั้น คือการ ภาวิโต พหุลีกโต... -
พระพุทธพยากรณ์ที่ภูกระดึง : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพุทธพยากรณ์ที่ภูกระดึง
วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๓
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้มา ๓ วาระแล้ว ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระโกนาคม" เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้ มีเนื้อที่ ๔ หมื่นไร่เศษ มีสภาพเป็นเกาะกลางทะเล ท่านปู่ และท่านย่าอินทิรา เป็นกษัตริย์ปกครองดินแดนนี้ มีลูกชายต่อมาได้เป็นพระราชาแทนพระราชบิดา สำหรับพระราชาองค์นี้ปรารถนาพระโพธิญาณอยู่ มีน้องชายเป็นพระเจ้าอนุราช มีนามว่า พระเจ้าวชิระราชา ชื่อเล่นว่า เจ้าชายตุ่ม(พลตรีศรีพันธ์ แดง วิชชุพันธ์) เพราะตอนเด็กอ้วน โตแล้วไม่อ้วน
ในสมัยนี้เอง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคม เสด็จมาโปรดบนภูกระดึง มาประทับที่พระราชวังซึ่งทำด้วยไม้ธรรมดาๆ ไม่ใหญ่โตนัก เป็นสถานที่รับรองสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานั้นประชาชนมีศีล ๕ กันเป็นส่วนมาก องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเทศน์โปรดให้ฟัง...ถึงตอนไหน ภาพก็ปรากฎแก่ผู้ฟังด้วยอำนาจพุทธานุภาพ
⛤⛤พระองค์ตรัสว่า "...ตอนพวกเราเป็นเทวดามีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน ทิพยสมบัติเป็นประการใด ก็มีภาพในตอนที่เราเป็นทวดาปรากฏทันที เราเคยเกิดเป็นพรหมแล้วกี่ชาติ แต่ละชาติมีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน... -
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เล่าถึงความน่าอัศจรรย์เรื่องสวดมนต์ที่พม่า
พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เล่าถึงเรื่องการสวดมนต์ ไหว้พระให้พระเณรฟังว่า
" การสวดมนต์ไหว้พระนั้น ถึงแม้ว่าเราจะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงก็ตาม พวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขามีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาก็จะได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์ไหว้พระด้วยพระสูตรต่างๆ"
เมื่อเขาได้ยิน เขาก็จะเกิดความปีติยินดีในการสวดมนต์ไหว้พระกับเรา เขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย ถ้าจิตเราสงบลงไปบ้างสักเล็กน้อย เราก็จะได้ยินเสียงที่เขามาอนุโมทนากับเรา เสียงที่เขาเปล่งสาธุการนั้นมันดังปานฟ้าสิถล่มทลายลงมาทับดิน "
หลวงปู่ ได้เล่าเรื่องที่ท่านเที่ยววิเวกในเมืองพม่า ดังนี้
" ครั้งหนึ่ง เราพักจำพรรษาที่บ้านยางแดง ประเทศพม่า วัด ที่เราอยู่นั้นมันมีศาลาอยู่เพียงหลังเดียว และศาลานี้ก็มีเสาอยู่ตรงกลางต้นเดียว เราให้เขากั้นห้องเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งเราเอาไว้พัก อีกห้องหนึ่งเราก็เอาไว้นอน ตรงกลางศาลา จะมีแท่นบูชาพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ สูงประมาณศอกหนึ่ง พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้สัก
ในแต่ละวันเราก็อาศัยสวดมนต์ไหว้พระอยู่หน้าพระประธานองค์นี้แหละ
คืนนั้น เรากำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่ดีๆ... -
"อ่อนโยน เมตตา คือ มนต์ขลัง"
ความเมตตากรุณา อย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช นั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนตลอดมา ทรงเปี่ยมด้วยน้ำพระทัยอันเมตตาสูงสุด
พระองค์ไม่เคยรีรอที่จะช่วยเหลือประชาชนเวลาที่ตกทุกข์ได้ยาก นอกจากนั้นพระองค์ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมพระองค์เป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งพระองค์ได้เสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ตามปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พอพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาทแล้วก็เอามือมา จับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
"ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวงรัชกาลที่9"
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉย ๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริภารก็ มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิง ชราคนนั้น ก็ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะ พระองค์ทรงตรัสว่า
"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิ ถึงจะถูก"...
หน้า 397 ของ 414