คลังเรื่องเด่น
-
พระสารีบุตรเถระ/พระอัครสาวกรูปแรก/เรื่องราวตั้งแต่การตั้งความปรารถณาถึงปรินิพพาน
พระสารีบุตรเถระ...พระอัครสาวกรูปแรก
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@dhammaiyak -
ทำไมต้องสร้างวัดใหญ่โตด้วย / วัดพุทธพรหมยาน
ทำไมต้องสร้างวัดใหญ่โตด้วย
ที่มา https://www.youtube.com/@Watphutthaprommayan -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
ถ้าเรารักษาศีลครบโดยไม่รู้ตัวว่าศีลเราครบหรือเปล่า แล้วอานิสงส์จะได้ครบไหม ?
ถาม : ถ้าเรารักษาศีลครบโดยไม่รู้ตัวว่าศีลเราครบหรือเปล่า แล้วอานิสงส์จะได้ครบไหม ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจรักษาก็ได้ครบ แต่ถ้าเจตนาไม่มีในการงดเว้นนั้น บังเอิญว่าครบเองอย่างนั้นถือว่า เจตนา คือตัวกระทำไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ” ต้องเจตนาถึงจะเป็นบุญ ถ้าตั้งเจตนาไว้ว่าจะรักษาแล้วหลงลืม แต่ว่าทำได้ครบก็ถือว่าเต็มอยู่
ถาม : ผมนึกถึงตอนนอนครับ หลับทุกคืนนี่ไม่ผิดศีลแน่เลย
ตอบ : ตั้งใจไว้ก่อนสิว่า ผมจะรักษาศีลตอนนอน เดี๋ยวได้ฝันว่าได้ฆ่ากันทั้งขบวน ..(หัวเราะ).. โดนแกล้งจนได้ คิดจะหากินวิธีง่ายใช่ไหม ?
ถาม : นึก ๆ แล้ว เออ..ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจจะได้อานิสงส์หรือเปล่า จริง ๆ อานิสงส์เยอะมาก
ตอบ : ต้องตั้งใจเจตนา “เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ”
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
"ศีลข้อ ๕ แม้ไม่เจตนาละเมิดก็ผิด" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
ศีลข้อที่ ๕ นั้นน่ะ สุราเมรยฯ นั้น
ท่านกล่าวไว้ว่า ถึงไม่เจตนาก็เป็น
ไม่เจตนาที่จะดื่มแต่ว่ามันสะเพร่า
ขาดการพิจารณา เช่นอย่างว่า
เขาเทเหล้าใส่แก้วแล้วยื่นมาให้นี่
ตนไม่ได้พิจารณาไปสำคัญว่าเป็นน้ำธรรมดา
แล้วก็ดื่มเข้าไปอย่างนี้นะ
พอดื่มเข้าไปแล้วจึงรู้ว่าเป็นเหล้า
อย่างนี้ก็ไม่พ้นโทษ ก็เป็นโทษ
ดังนั้นถ้าผู้ฉลาด ผู้มีสตินี่
เขาส่งน้ำอะไรมาให้ใส่แก้วมา
เราก็ต้องพิสูจน์ดูซะก่อน ดมดูซะก่อน
มันก็รู้แหละ กลิ่นเหล้ามันเป็นยังไง
มันก็รู้ รู้แล้วมันก็ไม่ดื่ม มันเป็นอย่างนั้น
ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ข้อนี้นะ
เพราะเหตุว่า คนเรามันจะหาทางแก้ตัว
ถ้าใครเทเหล้าใส่แก้วแล้วส่งมาให้ไปดื่ม
ก็ .. โอ๊ะ .. เราไม่รู้ว่าเป็นเหล้า
เราได้ดื่มไปเสียแหล้วแหละ
อย่างนี้ก็นับว่า หาทางแก้ตัว
อันนั้นมันไม่พ้นโทษ
เพราะฉะนั้นเราต้องศึกษา
ให้รู้ให้เข้าใจละเอียดอันข้อศีลนี้นะ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
https://www.dhammathai.org/monktalk/dbview.php?No=543 -
วาจาเป็นทิพย์ / หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ)วัดท่าซุง
https://www.youtube.com/shorts/XiGkfVwpvso?feature=share
วาจาเป็นทิพย์ / หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ)วัดท่าซุง
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@Ssuwan1978 -
สัมมาวาจา เจรจาชอบ / พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
สัมมาวาจา เจรจาชอบ / พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
************
ที่มา https://www.youtube.com/@dhamma2022 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
พระมหากัสสปเถระ | ผู้รับมอบจีวรเก่าของพระพุทธองค์ | เอตทัคคะผู้เลิศในทางถือธุดงควัตร
พระมหากัสสปเถระ | ผู้รับมอบจีวรเก่าของพระพุทธองค์ | เอตทัคคะผู้เลิศในทางถือธุดงควัตร
อนุโมทนาและขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@dhammaiyak -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
“จิตอิสระ ” และ ” จิตประภัสสร“ / จากคำสอนพระอาจารย์เยื้อน
“จิตอิสระ ” และ ” จิตประภัสสร“
“จิตอิสระ”
ในความหมายของหลวงพ่อ
ท่านหมายถึง สภาวะของจิตที่พ้นไปจากอุปทานขันธ์ทั้ง 5
พ้นจาก รูป เวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ
คือพ้นจากรูป จากนาม ทั้งปวง
ไม่ยึดมั่น ไม่ถือมั่น ในสิ่งทั้งปวง
จิตอิสระ จึงหมายถึงจิตที่พ้นไปจากโลกแล้ว ไม่มีถูกแรงดึงดูดของกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ด้วยเพราะจิตมีสติสัมปัชชัญะแก่รอบ เป็นธรรมอันเอกอุครองในใจ
จิตที่ว่า จึงว่างเปล่าจากการมีตัว มีตน มีเขา มีสัตว์ พ้นจากคำว่ามีความหมาย
จึงเป็นจิตอิสระที่เป็นธรรมชาติอันยิ่ง
พ้นจากการปรุงแต่ง ไม่มี ไม่เป็น ไม่ไป ไม่มา ว่างจากการมีการเป็นทั้งปวง
เรียก ”จิตอิสระ”โดยแท้
ส่วน “จิตประภัสสร” คือจิตที่มีความสว่าง มีความผ่องใส
แต่เพราะยังมีความสว่างอยู่ จิตจึงยังมีมืดได้
เพราะยังมีผ่องใสอยู่ จิตจึงเศร้าหมองได้
จิตประภัสสร คือจิตที่สว่าง
แต่หากกิเลสจรมา จิตไปยึดถือก็เศร้าหมองได้
เพราะจิตยังเสมอกับรูป และนาม
จิตจึงเข้าไปเสวยย้อมด้วยอารมณ์ต่างๆได้
ไม่สว่างหมดจรด เพราะจิตยังสามารถมี สามารถเป็น ยังไม่พ้นจากขันธ์ 5 คือ ยังยึดรูป ยึดนาม ยังคงมี ยังคงเป็น ยังคงสว่าง ยังคงมืดได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
หลวงปู่พระมหาศิลา ผู้เคยปรารถนาพระโพธิญาณ
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@GHOSTGURU
หลวงปู่พระมหาศิลา ผู้เคยปรารถนาพระโพธิญาณ
น้อมกราบสาธุ
" แต่ก่อนข่อยเคยปรารถนาโพธิญานเจ้า จึงสร้างคุณงามความดีเพื่อสร้างบารมี แต่ข่อยละแล้วถึงความเป็นโพธิญานมาได่เป็นเกือบ20ปีแล้ว แต่ข่อยก็ทานตัวข่อยให้เป็นสาธารณะเพื่อโปรดโลก เป็นการสละแล้วทุกอย่างแม้ร่างกายข่อย เป็นการสละสุดท้ายของภพของชาติ สุดแล้วทอนี่ไผอยากได่หยังข่อยสิทานสิให้เขาคักๆโลด "
=AZXfrVC7VhPe3uCWZh9FFRyD29OvhIUlveubisbBvL7wQRzrAypiobpns7RzIS4wQ1CzES1rI7YdWvzoKhVh5gbVmor0jyCBbcXbYwyvy9j0g83IabBWcFwNzAcVwlhjGSWepD6qy6N-E1M7oAzreFyMNSp47Fi7T92K_s2Pdm6Qaw&__tn__=*NK-R']#ได้ฟังประโยคนี้น้ำตาคลอเบ้า
=AZXfrVC7VhPe3uCWZh9FFRyD29OvhIUlveubisbBvL7wQRzrAypiobpns7RzIS4wQ1CzES1rI7YdWvzoKhVh5gbVmor0jyCBbcXbYwyvy9j0g83IabBWcFwNzAcVwlhjGSWepD6qy6N-E1M7oAzreFyMNSp47Fi7T92K_s2Pdm6Qaw&__tn__=*NK-R']#ปัจจุบันนี้จะหาพระอริยะเจ้าแบบนี้ได้ที่ไหน พระผู้เมตตาสูงสุดแม้แต่ร่างกายตนเองก็สละเป็นทานแก่สัตว์โลกไม่รู้เหน็ดเหนื่อยไม่พักไม่หนีลูกศิษย์ แม้จะป่วยอาพาธเพียงท่าน... -
พระอนุรุทธเถระ | ผู้เลิศกว่าภิกษุผู้มีทิพยจักษุ
*********
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@dhammaiyak -
อธิษฐานขอให้วัตถุมงคลรักษาบ้านและคนที่เรารัก
พระอาจารย์กล่าวว่า "ติดวัตถุมงคลไว้อย่าลืมอธิษฐานให้รักษาบ้านรักษาทรัพย์สมบัติเราด้วยนะ พยายามทำไว้บ่อย ๆ ตื่นนอนขึ้นมาให้ภาวนานึกถึงพระจนกำลังใจมั่นคง แล้วอาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ก่อนนอนภาวนานึกถึงพระ อาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ทำบ่อย ๆ ให้ใจเกาะความดีไว้ตลอดเวลา
ถึงจะห่วงทรัพย์ห่วงสมบัติอย่างไร อย่าลืมว่าวัตถุมงคลก็คือรูปพระพุทธเจ้า รูปของพระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ อย่างน้อยระลึกถึงพุทธานุสติ สังฆานุสติ ตั้งใจว่าเรานอนลงก็เหมือนกับคนตาย ก็คือเหยียดยาวลงไปแล้ว จะได้ตื่นขึ้นมาเห็นตะวันขึ้นหรือไม่ก็ช่าง ถ้าตายลงไปคืนนี้เราก็ขอไปพระนิพพาน ไปอยู่กับพระพุทธเจ้า
ทำกำลังใจแบบนี้ให้ได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็ยังใช้วัตถุมงคลกันไม่ค่อยจะเป็น"
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
สรุป ๓๑ ภพภูมิ ในพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
สรุป ๓๑ ภพภูมิ ในพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
ทำกรรมไว้แล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้
ทำกรรมไว้แล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้
มีอยู่สมัยหนึ่งมีพระอยู่หลายคณะ พอออกพรรษาแล้วก็เดินทางไปกราบพระพุทธเจ้าที่เชตวันมหาวิหาร
คณะหนึ่งเดินมาทางพื้นราบ ชาวบ้านเขาเห็นก็นิมนต์ไปรับภัตตาหาร ตอนที่เขากำลังประเคนอาหารพระอยู่ ปรากฏว่าไฟไหม้ไปติดเสวียนหญ้าที่เขาเอาไว้รองหม้อ สมัยก่อนจะใช้หม้อดิน เขาจะเอาหญ้ามามัดขดเป็นวงกลม ๆ สำหรับเอาหม้อวางไว้ จะได้ไม่แตก ไม่หก ไม่ล้ม ไฟไหม้ไปติดเสวียนหญ้าแล้วลมตีลอยขึ้นไป ปรากฏว่าอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมา ถูกเสวียนหญ้าสวมเข้าพอดีเลย จึงโดนไฟคลอกร่วงลงมาตาย
พระท่านก็แปลกใจว่า "เออหนอ..ขนาดอยู่บนอากาศอย่างนั้นยังโดนไฟไหม้ร่วงลงมาตายได้ จะต้องมีอะไรที่เป็นเบื้องหลังชนิดที่คิดไม่ถึงแน่นอน จำเราจะต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้าดู" ฉันเสร็จแล้วก็ลาญาติโยมเดินทางต่อไป
อีกคณะหนึ่งมาทางทะเล อาศัยเรือเขามา ปรากฏว่าเรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเล ทั้ง ๆ ที่ลมส่งก็แรงดีแต่เรือไม่ไป ติดอยู่เหมือนกับว่าทิ้งสมอไว้อย่างนั้น แก้ไขอย่างไรก็ไปไม่ได้ นายเรือก็เลยคิดว่าคนกาลกิณีจะต้องเกิดขึ้นแล้วในสถานที่ของเรา จึงทำฉลากให้จับ
ปรากฏว่าไปเจอะเอาเมียสาวสวยเช้งของนายเรือพอดี... -
"หลวงปู่มั่นสอนวิธีภาวนา" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"หลวงปู่มั่นสอนวิธีภาวนา"
" .. ในวันหนึ่งพอหลวงปู่ไปนวดให้หลวงปู่มั่น นวดไป ๆ ก็เรียนถามท่านว่า "หลวงปู่ ๆ จิตเป็นโสดา สกิทาคา อนาคา มันเป็นอย่างไร"
ท่านไม่ตอบ "แต่ไล่ลงไปเดินจรงกรม ไปเดินจรงกรมได้ ๒ ชั่วโมง" จิตมันไม่รวมจึงขึ้นมาบนกุฎิ กราบเรียนท่านว่า "จิตมันฟุ้งซ่าน มองเห็นแต่หน้าสตรี" ท่านก็ไล่ลงไปเดินอยู่อย่างนั้นแหละ พอเดินไปเดินมาขึ้นมาอีก
พอวันที่ ๗ ท่านทรมาน ประมาณตั้งแต่ ๔ ทุ่ม ให้หลวงปู่นั่งสมาธิ "ท่านก็นอนอยู่บนเตียงนี่แหละ ที่นี้ท่านคุมจิตเรา เวลาท่านคุมจิต จิตเรามันคิดไปไหน ๆ ท่านก็ทักเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราเกิดความรู้สึกกลัวท่าน เพราะท่านรู้จักวาระจิตเราจริง ๆ ไม่กล้าคิดไปไหน"
ท่านก็บอกว่า "ให้เอาสติควบคุมจิต ดึงเข้ามาอยู่ที่หัวใจ ให้ว่า พุทโธ ๆ จนจิตสงบ แล้วใช้ปัญญา พิจารณา กายของตน ตั้งแต่หนังหุ่มห่อร่างกายอยู่นี้ ให้จิตเห็นเป็นอสุภกรรมฐาน" เป็นของสกปรกน่าเกลียด เมื่อตายแล้วไม่มีใครต้องการ "สังขารทั้งปวงตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจํ ทุกขํ อนัตฺตา ด้วยกันทั้งนั้น"
เวลา ๐๒.๐๐ "จิตของหลวงปู่สงบจากอารมณ์ภายนอกที่จะมาสัมผัส เกิดความสว่างขึ้นกับจิต พอจิตรวมได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
"ญาติของพระศาสนา" (ท่านพ่อลี ธัมมธโร )
.
"ญาติของพระศาสนา"
" .. หลังจากพุทธกาล พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้เคยสร้างพระเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์
สร้างวัดถึง ๘๔,๐๐๐ วัดและถวายอุปฐากบำรุงพระภิกษุสงฆ์ ๘๔,๐๐๐ รูป
ได้เข้าตรัสถามพระอรหันต์องค์หนึ่งว่า ..
"พระองค์ได้ทรงสร้างกุศลมากมายถึงเพียงนี้แล้ว
จะนับว่าพระองค์ได้ทรงเป็นญาติกับพระศาสนาได้หรือยัง"
พระอรหันต์องค์นั้นก็ตอบว่า ..
"บุคคลใดได้บวชตัวเองหรือบวชลูกชายลูกหญิงของตนให้เป็นพระ
ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็นับว่าผู้นั้นเป็นญาติของพระศาสนาได้" .."
ท่านพ่อลี ธัมมธโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ -
"พรสี่ประการ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"พรสี่ประการ"
" .. นอกจากการทำทานอันจะเป็นศิริมงคลให้เกิดผลความสุขแล้ว ยังมีอีกมาก "ในที่นี้จะนำมาแสดงเพียง ๔ ข้อ" พอเป็นอุทาหรณ์ที่จะนำมาให้เกิดพรความสุข ทั้งแก่ตนและคนอื่นด้วย
๑. "ให้มีทาน" การสละแบ่งปันของๆตนให้แก่คนที่ควรให้
๒. "พูดไพเราะ" ไม่เป็นเครื่องแสลงหูแก่คนอื่น
๓. "จงทำแต่สิ่งที่จะให้เกิดประโยชน์" แก่กันและกัน
๔. "ทำตนให้สม่ำเสมอ" ไม่เย่อหยิ่งจองหอง
"พรสี่ประการนี้" หากทุกคนนำไปเก็บไว้ใช้จนตลอดปีแล้ว อาจเหลือไว้ใช้ในปีต่อไปก็ได้ เพราะยิ่งใช้ก็ยิ่งงอกงามไม่หมดเหมือนอย่างสตางค์
"ทาน" การสละวัตถุสิ่งของแก่คนอื่น ถึงจะให้ไปของเราก็ยังไม่หมด นอกจากไม่หมดแล้ว เรายังได้ความอิ่มใจ ความเลื่อมใส ความสุขใจในการกระทำความดีของตน แล้วยังเป็นเครื่องสมานมิตรไมตรี เกิดความนิยมยินดีแก่ผู้ได้รับและผู้รู้ทั้งหลายอีกด้วย ความได้ทั้งหลายดังกล่าวมานี้ จะประทับแน่นแฟ้นอยู่ในดวงใจของเราไม่มีวันเสื่อมหายเลยตลอดวันตาย
"วาจาที่พูดไพเราะ" ก็ยิ่งดีเสิศ โดยที่เรามิได้ลงทุนแม้แต่สตางค์เดียว ขอแต่ให้พูดไพเราะ พูดจริง พูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ เว้นการพูดเท็จโกหก มารยาหลอกลวง เพ้อเจ้อ เหลวไหล... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
หน้า 3 ของ 414