ไม่ควรมีการเททองหล่อพระอีกต่อไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย manforlove, 6 สิงหาคม 2012.

  1. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    วันนี้เข้าไปเยี่ยม กระทู้ ''หากเราทำเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา''
    ผมเข้าใจท่าน bade เลย ในหน้าที่ 4 ท่าน bade เขียนคำนี้
    ''ประโยคที่ท่านเขียนไว้ในวงเล็บ''
    [ประการที่ 1 ผมไม่เคยคุยกับคุณเลย
    ประการที่สอง ผมไม่เคยกลัวอาจารย์ท่าน แล้วอีกอย่างกระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองที่ผมเคยคุย
    กับท่าน
    ประการที่สาม ผมไม่ได้มีอิทธิพลมากถึงกีดกันใคร แต่อย่าใด้มีใครมาสร้างอิทธิพลกับผม
    อย่าเอ่ยชื่อผม อย่าคุยหลับหลัง เป็นสิทธิที่ผมไม่อยากให้ก้าวล่วง แล้วเรื่องปลาหมึก
    อร่อย เรื่องที่รู้แค่สองคนทำไมคุณต้องรู้เพราะผมทำให้เขาดูคนเดียว คนอื่นผมทำอย่าง อื่นให้ดู เขาไม่เล่าเหรอว่าผมพาเขากินข้าวกับพริกแห้ง นอนเต้นข้างศาลเจ้า กินกาแฟ เที่ยวป่าเขา ดูจานบิน ผมทำแต่เรื่องดีๆกับเขา เขาจำได้ใหม
    ผมลงมาเกิดเพื่อทำอะไรก้ได้ เป็นราษฎรเต็มขั้น ผมมีความสุขอย่างนี้ ผมนอนเล่น ผมให้เขานอนห้องแอร์ ผมนอนห้องธรรมดา แม่ผมยังถามหาเขาเลย ผมให้เขาใหว้แม่ ให้เขาตั้งใจฟังเทสเวสสันดร ตีสามผมปลุกแล้วเรียกจานบินให้ดู เปิดการสื่อสารให้หูทิพย์ จึงแตกฉานความรู้ ไปสอนคุณ แล้วหนีจากอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ไปศรัทธาพระพุทธเจ้า เพื่อรอด ผมทำเพื่อศาสนาอะไร]

    ผมก็เข้าใจท่าน bade เลย ตอนที่ท่าน bade ตั้งกระทู้ว่า ไม่ควรเททองหล่อพระอีกต่อไป และตอบคำถามแบบไม่กระจ่าง อันที่จริงคือภาวะของการอยากหลุดพ้นแบบก้าวกระโดด โดยการหยิบยึด แก่นของพระธรรมแล้วเอามาผสมกับความรู้สึกในใจ ก็เลยเกิดธรรมะแบบใหม่ขึ้นมา แบบมีพลังจิต เรียกจานบินให้มาปรากฏได้
    พลังจิตท่านสูงกว่า หลวงพ่อปานอีก
    ตอนนี้ผมเข้าใจท่าน bade แล้ว อนุโมทนา สาธุ...ท่านก็ทำในแบบของท่านไปไม่ข้องใจท่านละ เฮ้อ...โลกนี้สวยงาม พระพุทธศาสนาพ้นภัยอีกครั้ง...
     
  2. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    นี่ผมบ้า ผมเพี้ยน มาต้องนานแล้วหรอเนี่ย
    ขอบคุณ คุณ Mikycar offroad อนุโมทนา สาธุ
     
  3. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    อ่านแล้ว รู้สึกเห็นใจจขกท.ครับ.ปล่อยวางเถอะท่าน.พันคนก็พันแม่ แต่ที่แน่ๆผมเข้าใจเจตนาของท่าน 1 เสียงครับ.
     
  4. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    กลายเป็นดร่าม่า ไปได้ไงเนีย ไม่ต้องถกเถียงกัน สิ่งที่เอามาลงเป็นสิ่งดี
    แค่เปิดใจน้อมรับแค่ไหน ไม่ยากหรอก แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ไม่ควรเถียงกันเอาเป็นเอาตาย
    จนกลายเป้นมหากาก แบบนี้
     
  5. nuaiswat

    nuaiswat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +248
    อาจจะเป็นเพราะว่าในสมัยพุทธกาลนั้นพระพุทธองค์ยังทรงอยู่ก็เลยไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนพระองค์คือพระพุทธรูป แล้วที่ว่าศาสนาอื่นไม่สอนให้ยึดอันนี้ก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่เพราะ อย่างศาสนาคริสต์นี่เขามีไม้กางเขนไว้ทำไม ศาสนานู่นนี่นั่นมีศาสนสถาน ศาสนพิธี ศาสนกิจไว้ทำไม ถ้าจะบอกว่าไม่ยึดติดอะไรเลยนี่ก็ไม่ควรมีอะไรเลยซกอย่างแม้แต่พระศาสนาสิงั้น การยึดติดนั้นพระพุทธองค์ห้ามในส่วนของความชั่วที่เกิดจาก รัก โลภ โกรธ หลง แต่การยึดติด ยึดมั่นในความดีอันนี้ไม่เห็นพระพุทธองค์จะห้าม อย่างพระพุทธรูปนี่ เป็นพุทธานุสสติ อันนี้ยึดเลย ยึดแล้วไม่มีทางลงนรก เพราะถ้ามีความเคารพในพระพุทธเจ้า ยอมมีความเคารพในพระธรรมของพระองค์ เมือมีความเคารพในธรรมของพระองค์ย่อมมีความเคารพในพระสงฆ์ซึ่งปฏิบัติตามคำสอนและเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ลองคิดดูถ้าในสมัยหลังจากพุทธกาลไม่มีการสร้างพระพุทธรูป คนเราสมัยหลังๆเขาจะเชื่อหรือว่ามีพระพุทธเจ้า จะไม่คิดว่าเป็นนิทาน ตำนานหรือ เพราะขนาดนี้ความจริงในพระพุทธศาสนาตอนนี้คนส่นใหญ่เขาก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อเลย ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีทั้งคุณและโทษอยู่ที่ผู้รับจะเลือกว่ารับส่วนใด ตรงไหน ยังไง มีอย่างเดียวที่รับมาแล้วยังไง๊ยังไงก็มีแต่คุณนั่น คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ สามสิ่งนี้เรียกว่า พระรัตนตรัยเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดในโลก (ท่านอาจจะลืมหรือเปล่าไม่ทราบ) อีกทั้งการสร้างพุทธสถาน และพระพุทธรูปด้วยสิ่งที่มีค่า หายากนั่นแหละเป็นการบูชา อันว่าการบูชาด้วยสิ่งที่ทำได้ยกนั้นมีอานิสงค์มาก อันว่าสิ่งมีค่านั้นก็มิใช่เพียงทางวัตถุอาจจะเป็น ร่างกาย ชีวิตก้ได้ที่เขาเรียกว่าบารมี สามสิบทัศ นั่นแล มิจฉาทิฏฐินั้นจะลากคนโง่ ลงอบายภูมิแต่สำหรับผู้มีปัญญาหามีผลไม่ ธรรมของสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็เช่นกัน ธรรมของพระองค์นั้นมิใช่ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาตัวอักษร หากแต่เป็น ภาษาของการปฏิบัติทั้งนั้น สาธุ
     
  6. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ดั่งคำโบราณที่ว่า สิ่งดีงามทั้งหลายลูกหลานเอ่ย เราควรยึดถือ เอาเยี่ยงเอาอย่าง แต่อย่าไปยึดติดนะลูก

    ส่วนคนที่บอกว่าอย่าไปยึดติด ห้ามไม่ให้ทำนั่นทำนี้ ฟังดูแล้วหากผู้พูดไม่ยึดติดจริงก็ควรจะรู้จักการวางเฉย ละปล่อยวาง ไม่ควรไปกำชับว่าห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ การละปล่อยวาง ไม่ยึดติดนั้น ที่ถูกต้องจึงควรวางจิตให้เป็นกลางไม่ส่ายไปด้านใดด้านหนึ่งครับ

    อย่างนี้ท่านเจ้าของกระทู้ก็ยึดติดเหมือนกัน คือยึดติดในการคิดว่าการเททองหล่อพระนั้นห้ามทำ เช่นนี้แล้วท่านจะไปสอนผู้อื่นไม่ให้ยึดติดได้อย่างไร


    ผู้มีปัญญาเขาย่อมสามารถแยกแยะได้ระหว่างการยึดถือ และยึดติดว่าแตกต่างกันอย่างไร ครับ
    มีแต่ผู้มีปัญญาน้อยอวดอุตริเท่านั้นที่แยกไม่ออก แยกไม่เป็นระหว่างการยึดถือและการยึดติด

    ขอโทษนะครับเหมือนจะใช้คำพูดแรงไปแต่ก็จริงใจและอยากให้เกิดปัญญามีดวงตาอันสว่างเห็นธรรมครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2012
  7. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    อีกนิดครับ เสมือนการเจริญสมาธิ หากไม่รู้จักการยึดถือ แล้วเวลาโยมนั่งสมาธินี่ คุณโยมจะตั้งสมาธิขึ้นอย่างไร สมาธิจะทรงอยู่ได้อย่างไรจ๊ะ เราก็ต้องอาศัยการยึดตั้งสมาธิไว้ เมื่อสมาธิเกิดจิตสงบระงับแล้ว การทรงฌาณและญาณก็กระทำอย่างต่อเนื่องได้ การยึดเพื่อให้มีหลักเกาะเพื่อให้จิตเกิดปัญญา เมื่อจิตเกิดปัญญารู้แจ้งได้มากจนรู้ทันกิเลส จึงหลุดพ้นได้ห่างไกลกิเลสได้
    คุณโยมต้องทำความเข้าใจใหม่ดีๆนะครับ สาธุ
     
  8. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ต่างยุค ต่างสมัย
    คนเราต่างกรรม ต่างวาระ
    บุญบารมีสะสมมาไม่เท่ากัน
    และอาจเดินสายบุญคนละสาย
    แต่จุดหมายอาจเป็นที่เดียวกัน

    คนบางคนเดินผ่านวัดยังไม่เคยหันหน้าเข้าวัด
    (อาจเพราะมีมารบังตา ก็อาจจะเป็นได้)
    ดำเนินชีวิตปกติ รัก โลภ โกรธ หลง ตามจริตของแต่ละคน
    และคนที่หันมาสนใจทางพุทธศาสนาจากพระเครื่องก็มีมาก
    ได้พระดี พระดังมา ได้พระยอดนิยมในวงการพระมา
    เกิดความภาคภูมิใจ หันมาสนใจคำสอนของหลวงปู่ หลวงพ่อ
    ผู้สร้างวัตถุมงคลนั้นขึ้นมา เกิดศรัทธาต่อ
    เริ่มทำบุญ ถือศีล สวดมนต์ภาวนา
    เพราะกลัวบารมีไม่พอ หรือดีไม่พอที่จะรักษาพระเครื่องได้
    เหตุการณ์ลักษณะนี้มีเยอะนะครับ

    ระดับปัญญาของคนเราต่างกัน ไม่เท่ากัน
    คุณพี่ จขกท. อาจมีบุญบารมีเยอะ มีสติ ปัญญามาก
    จะสำเร็จพ้นทุกข์ในวันนี้หรือวันพรุ่ง
    จึงตัดสิ่งยึดมั่น ถือมั่นได้
    มีพุทธานุสติในอารมณ์ตลอดเวลา
    มีพระพุทธเจ้าในจิตอยู่ทุกลมหายใจ
    เช่นนั้นคุณพี่ไม่ต้องสนใจอย่างอื่นก็ได้

    แต่อย่างพวกกระผมคนเดินดิน กิเลสหนา ปัญญา..ไม่ค่อยสูงส่งนัก
    ยังต้องกราบพระพุทธรูป ห้อยพระเครื่อง
    เอาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเรื่องธรรมดาครับผม
    เอาไว้ปัญญาสูงส่งเหมือนพี่ จขกท. แล้ว จะลองพิจารณาตามท่านครับ
     
  9. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ถ....ถูกต้อง มากกๆๆๆๆ เลย นะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สำหรับพระเครื่องแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังฯ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเลงพระว่า
    เป็นของหายากและมีราคาแพง ใครได้ไว้บูชานับเป็นมงคลอย่างยิ่ง

    หลวงปู่ได้สอนว่า การนับถือพระเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นดีภายนอก มิใช่ดีภายใน
    ท่านบอกว่า “ให้หาพระเก่าให้พบ นี่ซิของแท้ของดีจริง”

    ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า “พระเก่าหมายความว่าอย่างไรครับ”
    ท่านว่า “ก็หมายถึงพระพุทธเจ้าน่ะซิ นั่น ท่านเป็นพระเก่า พระโบราณ พระองค์แรกที่สุด

    ที่มาจากหนังสือ "ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เมื่อมีผู้ไปขอของดีจำพวกวัตถุมงคลจากหลวงปู่ไว้ห้อยคอหรือพกติดตัว หลวงปู่จะสอนว่า
    “จะเอาไปทำไม ของดีภายนอก ทำไมไม่เอาของดีภายใน พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละ ของวิเศษ”

    ท่านให้เหตุว่า
    คนเรานั้น ถ้าไม่มีพุทธัง ธัมมัง สังฆัง เป็นของดีภายใน ถึงแม้จะได้ของดีภายนอกไปแล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร...
    ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นพระจริง ๆ เห็นมีแต่พระปูน พระไม้ พระโลหะ พระรูปถ่ายพระสงฆ์ ลองกลับไปคิดดู


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
     
  12. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    หนูว่าปิดกระทู้เถอะค่ะ ยาวไปก็ไม่มีอะไรดี..18 หน้าก็ตอบโจทย์ได้แล้ว หากยาวกว่านี้ก็แค่นี้ล่ะค่ะ วนเวียน เวียนวน ไม่มีอะไรใหม่.. (หนูว่าน่าจะตั้งกระทู้ใหม่นะคะ..หุหุหุ..)
     
  13. tottot

    tottot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,244
    ส่วนตัวแล้วเห็นว่า...การสร้างพระพุทธรูป เป็นการทำบุญที่ได้บุญมาก ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเถอะ...มีโอกาสก็จะร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปอยู่เสมอ..จิตของเราจะได้นึกถึงพระพุทธรูปที่เราได้ร่วมทำบุญสร้าง....ก็เป็นพุทธานุสติอย่างหนึ่ง...ได้บุญแน่นอน....จิตของคนเราไม่เหมือนกัน...ไม่เท่ากัน
     
  14. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    สัวสดีครับทุกท่าน หมดภาระกิจแล้ววันนี้ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกท่าน จากใจ....สวัสดี
     
  15. yougon

    yougon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +21
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรม หรือนามธรรม..ล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..ทั้งยังมีเหตุและปัจจัยเป็นตัวที่ทำให้มันเิกิดขึ้นมา...เจริญธรรมทุกๆท่านครับ
    "ไม่เที่ยง เกิดดับ"
     
  16. isacice

    isacice สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +8
    นับถือศาสนา พุทธ ท่านควรจะเชื่อใคร รู้อยู่แก่ใจตัวเองอยู่แล้ว
    รู้ ก็ให้รู้ว่า รู้ ไม่รู้ ก็ให้รู้ว่า ไม่รู้
     
  17. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ขออนุญาตสรุปตามที่อ่านมา
    - ทุกคนเข้าใจความหวังดีของจขกท.ที่อยากให้ผู้อื่นมุ่งตรงต่อพระนิพพาน แต่จขกท.นั้นก็มีประเด็นที่เข้าใจผิดคือคิดว่าพระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้หล่อพระพุทธรูปเพราะทำให้ยึดติดกับวัตถุ

    หลายคนจึงเป็นห่วงจขกท.เรื่องความคิดที่เป็นมิจฉาทิฐินั้น เพราะ
    1. พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม แต่สมัยนั้นมีหรือไม่ ไม่ทราบ แต่อย่างพระไตรปิฎกสมัยนั้นก็ไม่มี แล้วการที่มามีพระไตรปิฎกภายหลังนั้นผิดหรือไม่ ดังนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกไม่ได้แปลว่าห้าม แต่คนที่มีปัญญาย่อมรู้ว่าสิ่งที่ควรทำคืออะไร (ถ้าเกิดยุคพระพุทธเจ้าก็ไปหาท่าน ไปฟังธรรมจากท่าน แต่พอท่านปรินิพพาน ก็สร้างสิ่งที่ใช้แทน สร้างหนังสือเก็บรวบรวมคำสอน และเคารพเชื่อฟังพระสงฆ์ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระองค์)
    2. เห็นว่าเป็นประโยชน์จริง การจะไปนิพพานก็อาศัยมรรค 8 ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับถนนที่มุ่งตรง แต่ละคนก็มีวิธีไปหรือมีอุบายต่างกัน บางคนเดิน บางคนนั่งรถ แม้แต่ขับรถก็ขับต่างกัน การจะไปบอกว่าต้องอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นคงไม่ได้ ตราบใดที่เป็นการประพฤติดี เป็นบุญ อยู่ในมรรค 8 ก็ทำไปเถอะครับ
    3.ครูบาอาจารย์ที่บรรลุท่านก็กราบ ท่านก็บอกบุญให้คนสร้างพระพุทธรูป หรือแม้แต่รูปหล่อครูบาอาจารย์ รวมถึงการสร้างเจดีย์บูชา จึงเป็นการยืนยันแล้วว่าทำได้ เหมาะสม

    - ปัญหาต่อมาคือจขกท.ไม่เข้าใจความหวังดี ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังเพราะเข้าใจในความเจ็บป่วยของเขา การแยกแยะพิจารณาเหตุผลย่อมมีปัญหาจากความเจ็บป่วย ต้องรับการรักษาก่อน ไม่ได้จะไปตำหนิติเตียนสาปแช่ง และขอบคุณที่ตั้งกระทู้ที่มีประโยชน์ได้เปิดมุมมองหลายๆด้านดีครับ

    ปล. ตกหล่นประเด็นไหนช่วยเพิ่มเติมให้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  18. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคมีองค์ แปด
     
  19. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    การสร้าง ไม่สร้างเป็นสิทธิส่วนบุคคล การชี้แจงให้ส่วนน้อยได้เห็นว่า บุญกริยาวัตถุ กับบุญปฏิบัติบูชาแตกต่าง จึงเป็นเหตุอันควรที่ตั้งกระทู้เพื่อประมวลผลดูว่าเกจิที่ท่านจะควรสอนและปรับปรุงพฤติกรรมชาวพุทธอย่างไร จะได้ถวายคำแนะนำต่อไป ในเรื่องการงานพุทธศาสนานั้นไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่งเป็นงานของสถาบันที่คนไทยควรทราบยิ่งใหญ่กว่าการเมือง เป็นผลกับการปกครอง การที่โลกจะถูกปกครองด้วยศาสนาของพระสมณโคดมนั้นพุทธศาสนิกชนเองต้องเข้าใจแก่นของศาสนาที่แท้จริงเพื่อเป็นสามขาหยั่ง สู่ยุคศิวิไล ซึ่งจะต่อจากยุคกาขาว ต่่อไปนี้ กาจะไม่ดำ เพราะหลักธรรมที่มีมากมายในพระไตรปิฏก สติปัญญาของผู้ปฏิบัติขิงผู้ออกจากวังวนได้นั้นมีมากแล้ว สังเกตุได้ จากกระทู้นี้ ทั้งโลกนี้ หลุดพ้นเพียงนิดเดียวก็เพียงพอสำหรับการเดินทางของจิตวิญญาณที่มีมหาศาลไม่มีประมาณ มากกว่าเม้ดทราย ดังนั้น พุทธแท้ ถือหลักธรรมแห่งความแข็งแกร่งในข้อวัตรปฏบัติ รักษาไว้ดั่งใข่ในหิน จึงควรเกือ้หนุน
    มาวิเคราะกัน
    หินยาย
    กับ
    มหายาณ
    สองอย่างนี้มีความเห็นต่าง
    แต่พุทธศาสนาไม่มีความเห็นต่าง เราจึงถูกนำทางมาไม่ทราบข้อเท็จจริงมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ สี่ การฟื้นฟูพุทธศาสนาสายปฏิบัติเป็นกรณีที่พระมหากษัตร์ทรงเป็นองคือุปถัมจึงเกิด ธรรมยุตุขึ้น ซึ่งพระป่าเหล่านี้ จรรโลงธรรมและเห็นแสงธรรมอยู่เสมอ ท่านทั้งหลายก้ควรออกจากบ้าน ไปหาพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไปศึกษาหลักธรรมที่แท้จริง ซึ่งผมไปเป็นประจำและสนทนาธรรมกับพระเหล่านั้นเสมอๆ มีทั้งกลุ่มที่สร้างพระพุทธรูปและกลุ่มที่ไม่สร้าง เขาต่างมีเหตุผลที่น่าฟัง เช่น ให้ดูเหมือนวัดหน่อยช าวบ้านชอบทำ ก้ทำตามใจชาวบ้าน คนเข้าวัดเยอะจะได้สอนอย่างอื่นบ้าง และอีกมากมาย ที่อยู่ตามป่าเขา และมีสถานศักดิ์สิทธิมากมายที่ท่านยังไม่รู้ไม่เห็นเช่นรอยพระบาทกลางป่า รอยฝ่ามือ พระพุทธเจ้า กลางป่าเขา ควรออกจาริกบ้างหากรักพุทธศาสนาจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 สิงหาคม 2012
  20. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    หลายวันแล้วนาพี่ๆๆน้องๆๆ ชาวประชา ได้ข้อสรุปหรือยังขอรับ กระทู้นี้นิ ข่อยเห็นเถียงกันมาหลายวันแล้วดูผิวๆๆเหมือนจะไม่ชอบหน้ากัน แต่ลึกๆๆรักกันอะดิ ขอรับทั้งสองฝ่าย ต่างก็ได้เพื่อนคุยแก้เหงาเบื่อไม่มีไรทำอื่นๆๆใช่ไหมล่ะ5555
     

แชร์หน้านี้

Loading...