ไม่ควรมีการเททองหล่อพระอีกต่อไป

นั่งยังไงครับ สรุปแล้วท่านก็คือสร้างเหมือนกัน แล้วจะเหมารวมหมดว่าไม่ควรสร้างได้อย่างไร แล้วท่านจะเหมารวมหมดว่าคนที่สร้างคือคนที่ทำตามๆกันมา เหมือนเด็กๆ อย่างนี้น่ะถูกแล้วหรอ
ผมว่าท่านต้องแยกแยะแล้วล่ะครับ ถ้าหากเจตนาท่านดีจริงอย่างที่ว่า

 

อ้างอิง

ผมก็ว่าแบบนั้น บิดไปเรื่อย ธรรมะของจริงเขาต้องสำรวม สุขุม แต่ท่านจขกท.ชอบยกของไม่ดีเอาเป็นตัวอย่าง เวลาทำบุญผู้ทำล้วนแต่เลือกทำในสิ่งดีงามทั้งนั้นแหละ ชอบไปวิตกจริต กลัวโน่น นี่ เฮ้อ รูปที่ท่านจขกท. ชอบยกมาประกอบเขาก็รู้ว่าไม่ใช่พระสงฆ์ และไม่เหลือความเป็นสงฆ์แล้ว แต่ท่านยังคิดว่าเป็นพระสงฆ์อยู่เฮ้อ..สมแล้วกับที่ท่านชอบพูดคำว่า ปัญญา....

 

สรุปว่ากระทู้นี้ เกิดจากภาวะวิตกจริต กลัวผู้อื่นจะแยกแยะ คำว่า...ทำบุญ.. ทำทาน..อันไหนคือแก่นแท้ของพระธรรม..อันไหนคือเปลือกของพระธรรมไม่ออก ก็เลยต้อง (ขี่ตู้พระธรรมท่อง website) มาโปรด เหรอ...

 

ไม่ควรมีการเททองหล่อพระอีกต่อไป<!-- google_ad_section_end -->


<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>

............................................................................
ในพระไตรปิฏก(ดูข้อความที่ผม Copy ไว้ข้างล่าง)พระพุทธเจ้าสมัยเป็นพระโพธิสัตว์เคยเนรมิตรพระพุทธเจ้านับไม่ถ้วน พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกมากมาย พระอรหันต์อีกเยอะ ให้อยู่ในปราสาทของพระโพธิสัตว์ และท่านก็สักการะบูชา
ตัวผมเนรมิตรไม่ได้คงต้องใช้วิธีสร้างพระมากๆ+หล่อพระจำนวนมากๆไปเรื่อยๆ คือทำตามอย่างพระโพธิสัตว์ได้หรือไม่
.....................................................................






<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" height=50><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center VSpace="0" HSpace="0"></TD><TR><TD bgColor=mistyrose vAlign=bottom width="100%" align=center vspace="0">บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ </TD></TR><TR><TD bgColor=peachpuff height=1 width="100%" vspace="0" hspace="0"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>













<CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑</CENTER>






















</PRE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD></TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" vspace="0" hspace="0"></TD></TR></TBODY></TABLE>













<CENTER class=n>พระสุตตันตปิฎก</CENTER><CENTER class=n>เล่ม ๒๔</CENTER><CENTER class=n>ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑</CENTER><CENTER class=n>ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น</CENTER><CENTER>พุทธวรรคที่ ๑</CENTER><CENTER>พุทธาปทานที่ ๑</CENTER><CENTER>ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า</CENTER>[๑] พระอานนท์เวเทหมุนี มีอินทรีย์สำรวมแล้วได้ทูลถามพระตถาคตผู้ประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวันว่า ได้ทราบว่า พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีจริงหรือ เพราะเหตุไรจึงได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์? ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ ได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะว่า ชนเหล่าใด สร้างสมกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ยังไม่ได้โมกขธรรมใน ศาสนาของพระชินเจ้า ชนเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์โดยมุข คือ การ ตรัสรู้นั้นแล แม้มีอัธยาศัย มีกำลังมาก มีปัญญาแก่กล้า ย่อมได้บรรลุ ความเป็นพระสัพพัญญูด้วยเหตุแห่งปัญญา แม้เราเป็นธรรมราชาผู้สมบูรณ์ ด้วยบารมี ๓๐ ทัศ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ นับไม่ถ้วน นมัสการพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกพร้อมด้วยสงฆ์ด้วย นิ้วทั้ง ๑๐ แล้วกราบไหว้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด ทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า รัตนะทั้งที่มีในอากาศและอยู่ที่พื้นดิน ในพุทธ- เขต มีประมาณเท่าใด เราจักนำรัตนะทั้งหมดนั้นมาด้วยใจ ณ พื้นที่เป็น รูปิยะนั้น เราได้นิรมิตปราสาทหลายชั้น อันสำเร็จด้วยรัตนะ สูง ตระหง่านจรดฟ้า มีเสาอันวิจิตร ได้สัดส่วน จัดไว้ดี ควรค่ามาก มี คันทวยทำด้วยทองคำ ประดับด้วยนกกระเรียนและฉัตร พื้นชั้นแรกเป็น แก้วไพฑูรย์ งามปราศจากมลทิน ไม่มีฝ้า เกลื่อนกลาดด้วยดอกบัวหลวง มีพื้นทองคำอย่างดี พื้นบางชั้นมีสีดังแก้วประพาฬ เป็นกิ่งน่ารื่นเริง บาง ชั้นแดงงาม บางชั้นเปล่งรัศมี ดังสีแมลงค่อมทอง บางชั้นสว่างทั่วทิศ ในปราสาทนั้น มีศาลาสี่หน้ามุข มีประตูหน้าต่างจัดไว้เรียบร้อย มีชุกชี และหลุมตาข่ายสี่แห่ง มีพวงมาลัยหอมน่ารื่นรมย์ใจห้อยอยู่ ยอด ปราสาทนั้นประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ มีสีเขียว เหลือง แดง ขาว ดำล้วน ประกอบด้วยยอดเรือนชั้นเยี่ยม มีสระประทุมชูดอกบานสะพรั่ง งามด้วยฝูงเนื้อและนก บางชั้นดาดาษด้วยดาวนักษัตร ประดับด้วยรูป ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ปกคลุมด้วยพวงดอกไม้ทอง ดาดาษด้วยตาข่าย ทองน่ารื่นรมย์ ห้อยย้อยด้วยกระดิ่งทอง เปล่งเสียงด้วยกำลังลม ปรา- สาทนั้นวิจิตรด้วยธงสีต่างๆ คือ ธงสีชมพู สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีทอง ปักไว้เป็นระเบียบ แผ่นกระดานต่างๆ มากหลายร้อย ทำ ด้วยเงิน ทำด้วยแก้วมณี ทับทิม ทำด้วยแก้วมรกต วิจิตรด้วยที่นอน ต่างๆ ลาดด้วยผ้าเมืองกาสีละเอียดอ่อน เราปูลาดเครื่องลาดต่างๆ ด้วยผ้ากัมพล ผ้าทุกุลพัสตร์ ผ้าเมืองจีน ผ้าเมืองแขก และผ้าห่มเหลือง ทุกแห่ง ด้วยใจ ที่พื้นนั้นๆ ประดับด้วยยอดแก้ว คนหลายร้อยยืน ถือประทีปแก้วมณีอันส่งแสงเรืองอยู่ เสาระเนียด เสาซุ้มประตู ทำด้วย ทองชมพูนุท ไม้แก่นและเงินบ้าง มีที่ต่อหลายแห่ง จัดไว้เรียบดี วิจิตร ด้วยบานประตูและกลอน ย่อมยังปราสาทให้งาม สองข้างปราสาทนั้น มีกระถางน้ำเต็มเปี่ยมหลายกระถาง ปลูกบัวหลวงและอุบลไว้เต็มเรา นิรมิตพระพุทธเจ้าในอดีต ผู้เป็นนายกของโลกทุกพระองค์ พร้อมด้วย พระสงฆ์สาวก ด้วยวรรณและรูปตามปกติ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พร้อมด้วยพระสาวกเข้าไปทางประตูนั้น หมู่พระอริยเจ้านั่งบนตั่งอันทำ ด้วยทองคำล้วนๆ พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลก มีอยู่ ณ บัดนี้ก็ดี เป็นอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี ทุกพระองค์ได้ขึ้นปราสาทของเรา พระสยัมภู ปัจเจกพุทธเจ้าหลายร้อย ผู้ไม่พ่ายแพ้ ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ขึ้น ปราสาทของเราทั้งหมด ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งเป็นของทิพย์และของมนุษย์ มีมาก เรานำเอาผ้าทุกอย่างจากต้นกัลปพฤกษ์นั้น มาทำไตรจีวรถวายให้ ท่านเหล่านั้นครอง ของเคี้ยว ของฉัน ของลิ้ม น้ำและข้าวมีสมบูรณ์ เราใส่อาหารเต็มบาตรงามทำด้วยมณีแล้วถวายพระอริยเจ้าทั้งผองครองผ้า ทิพย์ ครองจีวรเนื้อเกลี้ยงอิ่มหนำสำราญด้วยน้ำตาลกรวด น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อยรสหวานฉ่ำและด้วยข้าวปายาส หมู่อริยเจ้าเหล่านี้เข้าห้องแก้ว สำเร็จสีหไสยาบนที่นอนอันควรค่ามาก ดังไกรสรีนอนในถ้ำที่อยู่ รู้สึกตัว ลุกขึ้นนั่งคู้บัลลังก์บนที่นอน เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความยินดีในฌานอัน เป็นโคจรของพุทธเจ้าทุกพระองค์ บางพวกแสดงธรรม บางพวกเข้าฌาน ด้วยฤทธิ์ บางพวกเข้าอัปปนาฌาน และบางพวกอบรมอภิญญาวสี บาง พวกแผลงฤทธิ์






















</PRE>

 

ผมว่าตอนนี้ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ก็เพราะเรามองคนละมุมกันอยู่นั่นแหละ ขอนุญาตพูดตรงๆละกัน รู้สึกยิ่งอธิบายมากจะยิ่งไม่เข้าใจ
- ฝ่ายหนึ่งคิดว่าการเททองหล่อพระเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม เป็นสิ่งไม่ดี แต่มองว่าเป็นสิ่งที่ทำต่อๆกันมาจนแก้ได้ยาก จึงอยากให้อีกฝ่ายหันมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงผิดต่อไป

ตรงนี้ผมเข้าใจในความหวังดี

แต่ ที่อีกฝ่ายพยายามบอกพวกคุณคือ การสร้างพระพุทธรูปเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นการสืบทอดพระศาสนา ทำแล้วก็ได้บุญ พระอรหันต์หรือครูบาอาจารย์ท่านก็สนับสนุน ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ในเมื่อท่านเหล่านั้นเป็นผู้รู้ธรรมอย่างแท้จริง บรรลุธรรมแล้วเราจะไม่เชื่อหรือครับ

สิ่งที่คุณอุรุเวลายกมาก็เคยได้ถกเถียงกันจบไปแล้ว ไปอ่านกันเองได้
(กระทู้นี้ http://palungjit.org/threads/รูปหล่อรูปปั้นไม่ใช่พระพุทธรูป.326681/) โดยสรุปคือพระพุทธเจ้าไม่ให้มาหลงร่างกายของพระองค์ว่าเป็นสิ่งสวยงาม(รูปหรือขันธ์ของพระพุทธเจ้า) ไม่ใช่พระพุทธรูปที่หมายถึงสิ่งที่ปั้นแทนพระองค์ครับ
(พระพุทธรูปมีมาตั้งแต่กี่ร้อยกี่พันปี ประเทศไทยก็มีตั้งแต่สุโขทัยจนถึงปัจจุบัน คิดว่าไม่มีผู้รู้บาลีตีความประโยคนี้ถูกต้องจึงได้สร้างพระพุทธรูปตามๆกันมาหรือครับ แม้แต่พระด้านปริยัติก็ไม่มีใครสอนว่าห้ามกราบ เห็นแต่พระที่มีอันเป็นไปอย่างพระเกษมเสียมากกว่า)

ที่หลายคนมาเตือนก็เพราะกลัวผู้ที่เห็นผิดเป็นชอบจะบาป แต่มีบางท่านไม่เข้าใจก็เพราะมีความคิดหลงผิดซึ่งเป็นอาการผิดปกติทางสมองต้องได้รับการรักษาด้วยยา ซึ่งผมก็จะไม่อธิบายความอะไรมาก บอกเหตุผลไปก็ไม่อาจรับรู้ แต่สำหรับผู้อื่นที่ปกติผมก็ยังแปลกใจว่าเพราะอะไรจึงยังเชื่อแบบผิดๆอยู่

ปล. - สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าประเทศไทยยังมีพระอรหันต์อยู่ ก็คงได้แต่เห็นใจ ยังไงก็ลองแสวงหาดู ถ้ามีบุญคงได้เจอ
- บุญขั้นพื้นฐานยังไม่รู้จัก คิดจะไปนิพพานกันเลยเหรอครับ
- ส่วนกรณีที่มีการหลอกลวง หรือนำเรื่องพระพุทธรูปไปใช้ในทางผิด ก็ขอให้ยกมาพูดเป็นกรณีไปจะดีกว่าครับ

 

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

Toyota Prius-in Hybrid 2012 เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 81 แรงม้า และแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนขนาด 4.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง รวมขุมพลังทั้งหมด 134 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ในเวลา 10.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


กำลังไฟจากแบตเตอรี่อย่างเดียวสามารถเดินทางได้ 23 กิโลเมตร อันตราสิ้นเปลืองเชื่อเพลิงขั้นต่ำ 2.1 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยไอพิษ 49 กรัม ต่อ กิโลเมตร ระยะเวลาการชาร์ตไฟด้วยกระแสไฟ 120 โวลต์ อยู่ที่ 2.5 – 3 ชั่วโมง และ 1.5 ชั่วโมง ที่กระแสไฟ 240 โวลต์


Toyota เตรียมจำหน่าย Toyota Prius Plug-in Hybrid ในต้นปี 2012 ด้วยราคาที่ต่ำกว่า 31,000 ปอนด์ และได้รับค่าชดเชยจากรัฐบาลอีก 5,000 ปอนด์

 

ราคามหาโหด คนจนไม่มีสิทธิใช้ เป็ระบบทุนนิยม สร้างมาเพื่อ กอบโกย ยังไม่ใช้คำตอบของเทคโนโลยีไม่ใช้น้ำมัน ถ้าผมทำ ผมจะทำมอเตอร์ไม้น้ำมัน สามล้อรับจ้าง ตุ๊กๆ ทำให้คนจนใช้ก่อน คนรวยใช้ที่หลัง คอยดู แต่ถ้ามีคนทำเรื่องนี้ก่อนก็แล้วไป พัฒนามอเตร์ไซไม่ใช้น้ำมัน เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม

 

ความโลภของคนไม่กี่คนทำให้เทคโนโยีเหล่านี้ไม่ได้นำมาใช้ ความโลภของคน การไม่รู้จักเป็นผู้ให้อย่างแท้จริิง

 

สู้รถยนต์พลังงานลม ของ TaTa ไม่ได้แบบไม่เห็นฝุ่น แต่รถบริษัท TATA ก็ล้าหลังเป็นสิบๆปี ร้อยปี ของรถยนต์อนาคต

 

เป็นระบบผสมผสานระหว่างพลังงานเก่ากับใหม่ พวกเขาไม่กล้าทิ

้งบ่อน้ำมันหรอกเพราะสมดุลสิทธิและอำนาจการคานสมดุลของจักรวรรดิ์ล่มสลายแน่นอน​

 

ในอนาคต จะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุเพียง 15 เปลี่ยนแปลงประวัติศาตร์โลกจะไม่เหมือนเดิม เขาอาจจะเกิด ในวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 รอดูไป ไม่เกิน สิบห้าปี เขามาแน่

 

ตามชื่อกระทู้ครับ ผมตั้งว่าเททองหล่อพระ

 

อันนี้ไห้ศึกษาเองครับจะดีกว่าเล่าไปก็ไม่มีคนเชื่อครับเพราะเราติดอยู่ในโลกของมนุษย์ครอบครองเทคโนโลยี ท่านไปดูหนะงเรื่อง แย่งตายทะลุตายท่านจะเข้าใจ (tha cabin in the wood) ท่านอยากรู้ว่าพญาครุฆมีจริงไปดูครับ

 

คนที่มองเห็น เขาไม่นำออกมาให้ง่ายๆหรอกครับ เขาประชุม
กันทางโทรจิตแล้ว

 

มนุษย์ที่กิเลสเบาบางมากก็จะได้ใช้ของเบา ท่านอยากเห็นรถยนต์บินได้ ท่านก็รีบลดกิเลสลงก็เท่านั้น ท่านอยากเห็นรถยนต์วิ่งในอุโมงแก้ว ท่านก็ต้องใจเย็นๆเพราะ ยุคศิวิไลโปรแกรมโลกจะเปลี่ยนระบบสู่ยุคแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาการ จะเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับเป็นนครแห่งแสงสว่าง ผมอยากให้ท่านเห็นภาพอลังการเหล่านั้นบ้าง อ้อ ดู หนังไปก่อนก้ได้ครับเรื่อง ฟิฟอิเลฟเม้น ระหัส ห้า แต่ไม่มีตึกสูงครับ

 

กระทู้นี้ เป็นกระทู้ผมตั้งเอง ไม่เกี่ยวกับวิตกจริต ไม่เกี่ยวกับ ความผิดปกติของ อะไร หากโลกนี้วัดกันที่ความร่ำรวยและยศอำนาจแล้วพูดอะไรก็มีคนเชื่อ ผมจะลองดูเล่นๆ โดยที่พวกคุณไม่ได้ตั้งตัวเลยว่าพวกคุณกำลังใช้สินค้าของผมทุกวัน

 

มันคือความยืดหยุ่นกับสถานการครับ ผมไม่ใช่แบบว่าตึงจนรัดใครตายนี่ เลี่ยงไม่ได้บอกแล้วถึง 16 ครั้้งเขายังไม่รู้เลย เพราะฝุ่นบังตา ผมแค่คนผ่านมาเห็นพวกท่านขี้ตาเกรอะเลยเอาผ้าเช็ดหน้าให้และหากระจกมาส่องให้ ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเลย

 

บางคนไม่ยึดนานาจิตตัง

 

ว่าด้วยเรื่อง อุปทาน ที่เนรมิตรไม่ได้เนรมิตพระพุทธรูปแต่เนรมิตร พระพุทธเจ้าจริง ตามข้อความ ผมไม่รู้ว่าข้อความนี้จริงเท็จอย่างไร เพราะเกิดไม่ทัน
ใช้กาลามสูตรก่อนค่อยเชื่อ ขอบพระทัยที่นำมาให้อ่าน เพิ่มพูนสติปัญญา

 

......................................................................................
กระทู้ที่คุณ bade ตั้งขึ้นมานั้นไม่มีที่มาที่ไป อิงพระไตรปิฏกพระสูตรไหนรึเปล่า คุณ bade กลับเชื่อและเผยแพร่
ส่วนข้อความของผมโพสต์ อ้างอิงมาจากพระไตรปิฏกส่วนที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ คุณ bade บอกให้ใช้ กาลามสูตร
หมายความว่าคุณ bade ยังไม่ให้เชื่อพระพุทธเจ้าแต่ให้เชื่อคุณ badeก่อนใช่หรือไม่
ผมว่าคุณ bade ต้องรีบๆขอขมาพระพุทธเจ้านะครับ
ผมเตือนดีกว่ารอให้ยมพบาลเตือนนะครับ