ไปร่วมอนุโมทนาคนรับพระแก้วหน้าตัก 4 นิ้ว 388 คนที่ฮ่องกง หน้า 4 #61

ขอเชิญชมนิมิตพระพุทธรูปแก้ว เมื่อกระทบแสงสีต่าง ๆ

กระผมได้สร้างพระพุทธรูปจากแก้วจริง ๆ แก้วคริสตัลแท้ ๆ ขนาดหน้าตักประมาณ 9 นิ้วสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย ต่อมาผมได้สร้างฐานโลหะทึบแสง แล้วให้ช่างอีเล็คโทรนิคบรรจุหลอด LED ชนิดผสมสีไว้ด้านล่างใต้องค์พระพุทธรูปแก้วโดยอยู่ภายในฐานพระ สามารถควบคุมจังหวะการเปิดปิดแสงได้ด้วยรีโมทคอนโทรลได้สำเร็จ ผมจึงได้ถ่ายทำเป็นภาพยนต์แล้วบันทึกไว้บน Youtube ต่อมาเห็นว่า อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการทำสมาธิหรือไม่หากมีท่านที่ต้องการนิมิตรูปของพระพุทธรูปนี้ จึงได้ใช้กล้องถ่ายภาพเป็นภาพนิ่งมาโพสต์ไว้บนกระทู้นี้ ท่านที่ต้องการดูภาพเคลื่อนไหวสามารถเข้าไปในยูทู๊ปพิมพ์คำว่า glassbuddha หรือคำที่เกี่ยวข้อง ทางยูทู๊ปก็จะปรากฏภาพพระพุทธรูปนี้ขึ้นมาให้เห็น มีหลายม้วน มีทั้งแบบสีขาวล้วน ๆ ค่อย ๆ สว่างขึ้น เร่งจนสุดแสงสว่าง แล้วค่อย ๆ หรี่ลงจนมืดเกือบสนิท บางม้วนเป็นสีต่าง ๆ ค่อยสว่างขึ้นและหรี่ลง ที่น่าสังเกตุระหว่างการสว่างขึ้นหรือหรี่ลงของแสงนั้น คือพระพุทธรูปแก้วสีฝ้า ( ความจริงเนื้อแก้วคริสตัลเป็นสีใสบริสุทธิ์ แต่ผมกัดน้ำยาให้ผิวแก้วเป็นสีฝ้า ) แสงที่กระทบองค์พระนั้น แม้จะเป็นสีอื่น ๆ เช่น สีแดง เมื่อแสงไปกระทบองค์พระแก้ว องค์พระแก้วกลับเป็นสีทองในบางครั้งก็มี

ผมนำภาพนิ่งมาโพสต์ในกระทู้ันี้ หวังว่าคงไม่ผิดกฏกติกา แต่หากเป็นการผิดกฏก็ขอให้ทำการลบทิ้งได้ครับ

 

..............................

 

เมื่อเปิดเข้าเวป youtube พิมพ์คำที่เกี่ยวข้อ เช่น glassbuddha หรืออาจเป็นคำที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อาจจะเป็นคำว่า พระแก้ว 9 นิ้ว หรืออื่น ๆ เช่น แสงฉัพพรรณรังสี หรืออื่น ๆ ครับ


มีหลายม้วนครับ เลื่อนลูกศรไปเรื่อย ๆ ม้วนต่อไปก็จะเลื่อนมาแทนที่




บางครั้งจอภาพจะหยุดนิ่้งแบบนี้เพราะกำลังโหลดภาพยนต์ครับ

 

ในภาพยนต์ที่ผมถ่ายไว้ในยูทู๊ป แสงจะสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสว่างสูงสุด แล้วจะหรี่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหรี่จนมืดลง แล้วจะสว่างขึ้น หรี่ลง เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสุดภาพยนต์ม้วนนั้น บางม้วนไม่นาน 2 - 4 นาที แต่มีบางม้วนดูเหมือนจะถึง 7 นาทีก็มีครับ

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีแดงล้วน แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระยังเป็นสีแดง

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีแดงล้วน แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีเหลืองทอง

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีแดงล้วน แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีเหลืองทองอีกรูปที่ชัดขึ้น ผมจึงคร๊อบรูปให้ใหญ่ขึ้นภาพหนึ่งเพื่อโพสต์ภาพนิ่งไว้บนกระทู้นี้ครับ

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีม่วงระยะต้น ๆ ยังเห็ฯแสงสีแดงหลงเหลืออยู่ แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีขาว

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีเขียว แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีขาว


2 รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีเขียว แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีเหลืองทองเล็ก ๆ ที่เป็นสีทองเลยผมถ่ายไม่ทันครับ ขออภัยทุก ๆ ท่านด้วยครับ

 

ภาพนี้พิเศษหน่อยครับ ตรงที่ผมก็ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร คือปกติแสงจากหลอด LED เขาจะผสมกันลงตัวทุกครั้ง แต่ครั้งนั้นแสงจากหลอด LED เขาผสมออกมาได้แบบนี้ องค์พระกลายเป็นสีเหลืองตามภาพนี้ครับ

 

รูปนี้แสงจากหลอด LED ผสมแล้วเป็นสีน้ำเงิน แสงกระทบพระแก้วแล้วองค์พระกลายเป็นสีดังที่ปรากฏแต่ละภาพครับ

หมายเหตุ
ขออภัยหลงภาพแสงสีเขียวหลุดเข้ามา 1 ภาพ และอีก 1 ภาพไม่ปรากฏบนโพสต์

 

งดงามมากเลยค่ะ อนุโมทนาด้วยค่ะที่นำมาให้ชม

 

ทำขายหรือเปล่าคะ? แบบองค์เล็กๆน่ะค่ะ

 

ต้องขออภัยครับคุณ markdee ไม่ได้สร้างไว้จำหน่ายแต่อย่างใดครับ โครงการสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วซึ่งเป็นขนาดที่ไม่เคยมีในประเทศไทยมาก่อนเริ่มต้นเดือนมกราคม 2548 ( 2005 ) สำเร็จเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทยเมื่อปี 2009 ( 2552 ) ขณะนี้มีบางโรงงานที่เคยร่วมมือกันสร้างได้สร้างขึ้นบ้าง แต่ไม่มีใครกล้ายืนยันความสมบูรณ์ของการอบแก้วได้ เนื่องจากขบวนการสร้างพระแก้วจากแก้วจริง ๆ หรือแก้วคริสตัลจริง ๆ นั้น ความยากอยู่ที่การอบลดอุณหภูมิครับ ขบวนการนี้ยากมากกว่าจะหาสูตรในการอบลดของแต่ละปาง เพราะแต่ละปางก็มีความกว้าง ยาว สูง มวลก้อนใหญ่เล็ก เช่น พระอุระใหญ่ บาง แค่ไหนอย่างไร การอบลดอุณหภูมินี้ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า annealing process ซึ่งถ้าอบไม่ดีพอ องค์พระแก้วจะไปแตกร้าวหรือมีรอยความเครียดในแก้วได้ การแตกร้าวก็สามารถแตกร้าวหลังจากอบแล้วได้ตั้งแต่ 1 นาทีไปถึง 3 ปี ( นอกจากจะผ่านการทดสอบอย่างมากซึ่งองค์นี้ผ่านการทดสอบแล้วและมีอายุเกิน 4 ปีครึ่งแล้ว ) ขอยกตัวอย่างว่าอบลดอุณหภูมิยากอย่างไร ถ้าไปเปิดดูในยูทู๊ปที่โรงงานแก้วในเมืองนอกที่เขาตักก้อนแก้วมวลขนาดเทียบเท่ากับพระแก้วองค์นี้คือประมาณ 6 - 10 ก.ก. จะเห็นก้อนแก้วแดงออกจากเบ้า ขณะนั้นก้อนแก้วอยู่ที่ 1,400 เซลเซียส วางไว้บนแท่นเหล็กเพียงไม่ถึง 5 นาที ก้อนแก้วแดงนั้นจะลดอุณหภูมิลงเหลือประมาณ 600 เซลเซียส แล้วต้องรีบนำเข้าเตาอบ ตรงในเตาอบนี้เองที่เกิดความยากขึ้น คือในบางช่วง ก้อนแก้วต้องการลดอุณหภูมิช้ามาก ๆ ประมาณชั่วโมงละไม่เกิน 1 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานมาก แล้วถ้าหากบางช่วงมีไฟฟ้าดับ เนื่องจากเตาสมัยใหม่ใช้ไฟฟ้า อุณหภูมิจะลดเร็วเกินซึ่งจะทำให้ความเครียดในก้อนแก้วเกิดขึ้นหรืออาจถึงแตกร้าวในภายหลังออกจากเตาได้ตั้งแต่ 1 นาทีไปถึง 3 ปีขึ้นไป และอาจมีความเครียดสะสมอยู่ซึ่งจะทำให้องค์พระไม่สมบูรณ์แบบ คือคลายความเครียดออกจากแก้วไม่หมด

งานแก้วเป็นงานที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักและหาคนเก่งยากมาก ในเวปนี้เห็นมีแต่คุณอจินไตยเท่านั้นที่พอจะอธิบายขบวนการลดอุณหภูมินี้ได้อย่างค่อนข้างถูกต้องและเป็นผู้ใช้เตาอบพิเศษตัวนี้อยู่ ราคาเตาอบที่คุณอจินไตยดูแลอยู่เตาเล็ก ๆ ราคา 10 กว่าล้านบาทของเยอรมัน ไม่ใช่เตาอะไรก็ได้นะครับ ความยากขึ้นอยู่กับคนรู้จริง ๆ ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติไม่มีเลย มีพระแ้ก้วที่ตอนสร้างก่อนจะสำเร็จเพียงไม่กี่วันได้นิมิตจากท้าวสักกะเทวราช แล้วลงมือตอนนั้นเลยจึงสำเร็จ ก่อนหน้านั้นสร้างมานานหลายปีก็ไม่สำเร็จ และองค์ที่สร้ัางตอนได้นิมิตจะเป็นองค์ที่สมบูรณ์แบบด้วยว่า ไม่มีความเครียดเหลืออยู่ในแก้วเลย อย่างเช่นองค์นี้ถ้าเราใช้นิ้วดีดเบา ๆ ที่แขนพระ ( ต้องดีดเบา ๆ นะครับและต้องดีดเป็นด้วย ) จะเกิดเสียงดังเหมือนเคาะระฆังดังกังวาลนานมากครับ เพราะแก้วคริสตัลมีคุณสมบัติดีดแล้วดังนั่นเอง

 

ผมกลับมาดู youtube อีกครั้งเพื่อหาวิธีเข้าถึงฟิลม์ได้ตรงที่สุด และตรวจดูว่า ฟิลม์ม้วนไหนชัดเจนหรือไม่ ? อย่างไร ? พบว่าหากพิมพ์คำว่า glassbuddha2009 ในยูทู๊ป ก็จะพบฟิลม์ที่ผมถ่ายไว้ทั้งหมดประมาณ 6 ม้วน ม้วนที่มีภาพคมชัดและให้สีใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดเป็นองค์พระพุทธรูปที่ใช้แสงสี ๆ ครับ มีชื่อม้วนดังนี้

อันดับที่ 1
" แสงฉัพพรรณรังสีออกจากพระแก้วที่สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุลสร้าง "
ความยาวฟิลม์ 1.51 นาที
แสง LED เป็นสี ๆ และบางครั้งมีสีขาวด้วย
ค่อย ๆ สว่างขึ้นและหรี่ลงในหลายเฉดสีและที่น่าสังเกตุคือ แสงสีทองขององค์พระแก้วในขณะที่แสงรอบองค์พระแก้วเป็นสีอื่น ( จะเ็็ห็นได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วสีจะเปลี่ยนไป )
เสียง ไม่มี
ด้วยกล้องที่ใช้เป็นกล้องคุณภาพต่ำและถือด้วยมือยกวางไว้บนเก้าอี้ ได้คุณภาพนี้ผมคิดว่า ดีพอใช้ทีเดียว

อันดับที่ 2
" ฉายแสงฉัพพรรณรังสีแบบสีขาวม้วนที่ 1 "
เหตุที่ผมคิดว่าน่าจะได้อันดับที่ 2 คือ ความยาวของฟิลม์นานถึง 7.07 นาที นานพอจะเพ่งกสิณสีขาวได้
แสง LED สีขาวค่อย ๆ สว่างขึ้นและหรี่ลงตลอดเวลา 7 นาทีนั้น
เสียง ไม่มี

อันดับรอง ๆ
ฟิลม์ม้วนอื่น ๆ เนื่องจากช่วงเวลาสั้นเกินไปบ้าง มีเสียงพระธรรมเทศนาบ้าง ผมจึงจัดอันดับรอง ๆ ลงไป แต่ความชัดเจนบางม้วนอาจชัดเจนกว่าม้วน 7 นาทีด้วยซ้ำไปครับ

 

พระพุทธรูปแก้วปางคันธารราฐหน้าตัก 9 นิ้ว วางบนแผงหลอด LED สีขาว

หมายเหตุ
ภาพอัพไม่ขึ้นทั้งสองภาพเป็นรูปเดียวกัน

 

ประณีตและงดงามมากครับ...
ผมเองมีความตั้งใจว่าจะทำพระแก้วใสศิลปะสุโขทัยยุคปลาย ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว ฝังหลอด LED ไว้ที่ฐานสำหรับใช้ฝึกกสิณแสงสว่าง...
ทดแทนองค์พระที่เคยบูชาไว้ฝึกกสิณ ศิลปะเชียงแสน ของหลวงพ่อฤษี เนื่องจากแต่ก่อนผมใช้หลอดปิงปอง ใส่กล่อง ส่องหลังองค์พระไว้ กาลเวลาผ่านไป กว่า 25 ปี สีเรซิ่นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปหมดแล้ว...

แต่ดูแล้วการสร้างองค์พระแก้วใส แม้มีขนาด 3 นิ้ว ก็ยังคงเป็นเรื่องยากมากๆ และมีค่าใช้จ่ายสูง จนไม่เหมาะที่คนธรรมดาๆจะสามารถ มีไว้ครอบครองบูชาได้
ผมจึงอยากสอบถามไว้เป็นความรู้ครับว่า นอกจากการใช้แก้วคริสตัลในการสร้างองค์พระแล้ว ยังมีวัสดุชนิดใดบ้างที่สามารถนำมาสร้างเป็นองค์พระแก้วใสแล้วไม่เปลี่ยนสีไปตามกาลเวลา...

ขอบคุณครับ

 

ตอบคุณ raming2555 ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้มวลมหาชนได้มีพระแก้วไว้บูชาครับ
ถ้าตอบกันอย่างตรง ๆ มีครับ
เราใช้แก้วธรรมดาชนิด Sodalimesilica ได้ครับ
ราคาถูกมากครับ เท่ากับ ทราย + เคมีราคาถูก + เชื้อเพลิง + แรงงานครับ
ต้นทุนจะตกประมาณ ก.ก. ละ 100.- บาท
( ราคาน้ำแก้วปากเบ้านะครับ ) คือไปตักเอาเลย ก.ก. ละ 100.- บาท
ส่วนถ้าสร้างเป็นรูปแต่ละองค์ทางโรงงานจะเอากำไรเท่าไรไม่สามารถกำหนดได้
เพราะช่างแก้วคนไทยไม่เก่งเรื่องนี้เลย น่าอดสูใจมาก


ในรูปนี้เป็นวิธีการสร้างชิ้นงานแก้วทั่ว ๆ ไปมีทั่วประเทศไทยและทั่วโลก
เป็นวิธีที่ช่างแก้วในระบบเป่าแก้วด้วยปอดคุ้นเคยครับ
แต่สำหรับช่างแก้วไทยทุกวันนี้เริ่มไม่เอาแล้ว
เพราะหาว่าใช้แรงงานหนักเหมือนทาสครับ
เราจะไม่เอาอะไรไปเรื่อย ๆ แล้วนะครับ ในที่สุดวิชาดี ๆ ต่าง ๆ จะหายไป
และไปอยู่ต่างประเทศหมดครับ


ดูฝรั่งเขาฝึกกันครับ ฝึกตั้งแต่ตัวแค่นี้เอง
ยังไม่ทัน 20 ขวบ เขาก็เก่งมากแล้วครับ


แบบนี้เป็นอีกวิชาหนึ่งครับ
คือไม่ใช้การเป่าด้วยปอด
แต่ใช้แก้วตัน ๆ มาปั้นมาหนีบด้วยคีม
ด้วยเครื่องมือให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ครับ
อย่างนี้ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานมาก
คนเก่ง ๆ ระดับอัจฉริยะก็ 3 - 5 ปี
ถ้าธรรมดาก็ 5 -10 ปี
แต่ถ้าเก่งแบบที่เรียกว่าเก่งและแก่ไปพร้อมอายุ
ก็คงต้องใช้เวลา 10 - 50 ปี
ดังนั้นวิธีนี้คงไม่ต้องพูดถึงในประเทศไทย

 

วิธีที่เหมาะสมเหลืออยู่ 2 วิธีการสร้างครับ

วิธีสร้างชิ้นงานแก้วที่เหมาะสมกับการสร้างพระพุทธรูปจากแก้วเท่าที่ผมคิดออกตอนนี้นะครับ เหลืออยู่แค่ 2 วิธีการสร้างครับ

1. pressed glass

2. lost wax glass

ส่วนวัสดุนั้นในปี พ.ศ. 2557 ไม่มีปัญหาแล้ว เนื่องจากเราหลอมแก้วได้ใสมาก บางโรงงานใสเกือบเท่าหรือเท่ากับคริสตัล มีสีคล้ายแก้วคริสตัลชนิด lead crystal และ full lead crystal ได้เลย เพียงแต่บางโรงที่ว่านั้นก็ไม่ได้หลอมแก้วชนิดนั้นทุกวัน และบางโรงก็ไม่เก่งพอที่จะรักษาระดับของสีแก้วให้เหมือนคริสตัลได้ตลอด บางครั้งจึงยากที่จะระบุได้ว่า โรงงานไหนกันแน่ที่ได้แน่ ๆ และอะไรจะเป็นแรงจูงใจให้เจ้าของโรงงานหันมาสร้าง เพราะเขาต้องหาแรงจูงใจมาแข่งกับสินค้าที่เขาผลิตแทบไม่ทันความต้องการอยู่แล้ว จึงสรุปว่าวัสดุนั้นพอสร้างได้ด้วยการใช้ Sodalimesilica ก.ก. ละ 100.- บาท แทนที่จะเป็นแก้วคริสตัล ก.ก. ละ 2 - 3 พันบาทแล้วแต่มาจากแหล่งใด

ข้อดีข้อเสียของวิธีการสร้างมีดังนี้ ในระบบ pressed glass ต้องใช้แม่พิมพ์เหล็กที่มีราคาค่อนข้างแพง ระดับแสนบาทหรือหลายแสนบาท ( ผมพูดถึงแม่พิมพ์ที่ดี ๆ นะครับ แม่พิมพ์แบบงานพระแก้ว 25 ศตวรรษไม่นับ ) ข้อดีคือสร้างได้เหมือนกันทุกองค์ แม่พิมพ์แต่ละชุดสร้างพระแก้วได้หลายพันหรือหลายหมื่นองค์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เฉลี่ยนาทีละ 1 - 2 องค์ในขนาดไม่เกินหน้าตัก 5 นิ้ว ถ้าหน้าตัก 1 นิ้วนาทีละ 50 องค์ในระบบแม่พิมพ์ฉีด ข้อเสียคือต้องไม่มีมุมอันเดอร์คัต มุมหรือส่วนใด ๆ ที่ยื่นออกมา เช่น พระหัตถ์จะยื่นออกมาลอย ๆ มาจีบนิ้วประทานพรนี้เรียกว่า ติดมุมอันเดอร์คัต ไม่สามารถสร้างได้ นอกจากจะสร้างแม่พิมพ์เหล็กที่แก้ปัญหามุมอันเดอร์คัตได้เสียก่อน ในปัจจุบันมีวิธีแยกแม่พิมพ์เหล็กออกมาเป็นหลาย ๆ ชุด แล้วนำมาต่อกันขณะร้อนก็ได้ ขณะเย็นก็มีกาวไร้รอย แต่ผมเชื่อว่า ความรู้สึกของคนที่ต้องการพระชนิดไม่ตัดไม่ต่อจะมีมากกว่า

คราวนี้มาดูระบบ lost wax glass ข้อดีคือสามารถสร้างได้่แทบทุกทรง ข้อเสียคือแม่พิมพ์ปูนพิเศษต้องใช้แม่พิมพ์ 1 ชุดต่อ 1 องค์ และน้ำแก้วชนิด Sodalimesilica เมื่อหลอมเหลวแล้ว อัตราการไหลไม่เหมือนแก้วคริสตัล คือหนืดกว่า ทำให้ลงไปในแม่พิมพ์ปูนได้ไม่ค่อยคมชัด ยกเว้นแต่จะช่วยด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งตรงนี้คนไทยยังต้องทดลองข้อนี้กันอีกมาก จึงทำให้รู้สึกว่า ต้องเข้าสู่ขบวนการที่เสี่ยงอีก คือการทดลองในวิชาแก้วนี้ ค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อนและไม่แน่นอน บางครั้งมีเงินโถมลงไปกี่ล้านก็อาจไม่สำเร็จเลยก็ได้ ทั่วโลกจึงใช้แก้วคริสตัลกับ lost wax glass เท่านั้น เพราะตะกั่วในแก้วคริสตัลมีมากถึง 24% ขึ้นไปของน้ำหนักรวม บางโรงงานใช้มากกว่า 35% ของน้ำหนัก จึงทำให้น้ำแก้วไหลเหมือนโลหะ ทำให้ชิ้นงานคมชัดทุกส่วนแม้ส่วนที่เล็กและน้ำแก้วไหลได้ยาก

 

บนโลกใบนี้ทั้งโลก เรามีโรงงานแก้วที่เก่งมากที่สุดของโลก
ที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกอยู่ไม่กี่โรงงาน คือ
Lalique และ Baccarat และอื่น ๆ อีกไม่กี่โรงงาน
ทั้งสองโรงงานเลือกวิธีการสร้างพระพุทธรูปให้มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกด้วยวิธี
Pressed glass ดังเช่นในรูปนี้เป็นของโรงงาน Baccarat
สร้างพระพุทธรูปจากแก้วใสหน้าตัก 8.5 นิ้ว ( องค์ใหญ่สุดด้านหลัง )
แต่กลับมาเน้นปริมาณการจำหน่ายให้ได้จำนวนมากที่องค์กลาง และองค์เล็ก
เนื่องจากเหตุผลคือราคาองค์หน้าตัก 8 นิ้วเศษองค์ละหลายแสนบาท
ยิ่งถ้าเข้ามาถึงประเทศไทยคงแพงกว่านั้น

แต่ก่อนอื่นต้องทราบว่า ทั้ง 2 โรงงานคือ Baccarat และ Lalique
เป็นโรงงานที่เน้นคุณภาพสุดยอดของโลกทั้งด้านฝีมือแรงงาน
ทั้งด้านความเป็นเอกของเนื้อแก้ว
และทุกองค์ประกอบที่เป็นสุดยอดอันดับ 1 เท่านั้น
ดังนั้น การเลือกวิธี Pressed Glass สำหรับทั้ง 2 โรงงานแก้วชั้นนำของโลก
จึงมีความถูกต้องเพราะเขามีช่างแก้วอันดับหนึ่งที่ทำการแข่งขันกับช่างแก้วชั้นนำของโลก
แทบทุกปีและเขามักชนะที่ 1 ของโลกในทุกสาขาฝีมือด้วย
นี่ก็คือฝีมือของมนุษย์อันดับสุดยอดของโลกมารวมตัวกัน

องค์ประกอบต่อไปคือเนื้อแก้ว จากความเชื่อของช่างแก้วทั่วโลก
เชื่อว่า การม้วนแก้วด้วยเหล็กไม้ซางด้วยเทคนิคพิเศษ
จะได้น้ำแก้วที่ใสบริสุทธิ์แทบหาฟองอากาศไม่ได้
นี่ก็เป็นสุดยอดอันดับหนึ่งของโลก
ซึ่งผิดกับในระบบ lost wax glass
ที่แล้วแต่จะหลอมได้ฟองหรือไม่ได้ฟอง
ไม่มีส่วนของฝีมือมนุษย์เข้าไปเท่าไรนัก

องค์ประกอบอื่น ๆ ก็ยังมีอีกหลายองค์ประกอบครับ
สรุปคือ ฝรั่งเขาปกป้องการใช้ฝีมือแรงงานที่มนุษย์ต้องพัฒนาไปให้ถึงดวงดาว
เป็นสุดยอดอันดับหนึ่งของโลก แก้วเขามักใสจนแทบไม่เห็นฟองอากาศเลย
และอื่น ๆ ที่ผมไม่สามารถยกย่องความเป็นสุดยอดฝีมือของช่างแก้วชั้นนำของโลกอย่างเช่น
Lalique และ Baccarat ได้เลย