ใครไม่เชื่อเรื่องพญานาคต้องดู

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กัณฑกะ, 10 ตุลาคม 2011.

  1. นักขัต

    นักขัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +777
    งู..........................
     
  2. mongko

    mongko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +329
    มันไม่เหมือนจริงเลยครับ สรุปว่าไม่เนียน(one-eye)
     
  3. กลยุทธคำคม

    กลยุทธคำคม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    พยานาค มีจริง แต่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อของมนุษย์ แต่สามารถเห็นได้ด้วยทิพย์จักษุณาณ ตามยุคสมัยที่วิวัฒนาการความเจริญก้าวหน้าถึงขีดสูงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เข้าใจว่าทำไม พระพุทธองค์ ถึงให้ในหลักของกาลามสูตรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้สิบข้อ เกี่ยวกับความเชื่อ ได้อย่างสนิทใจ เช่นเดียวกันกับพระพรหม เทพ เทวดา ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ใดๆได้ เพราะสภาวะของท่านเหล่านั้นเป็นทิพย์ ต้องใช้ความเป็นทิพย์ของใจ ถึงจะเห็นได้ เช่นการฝึกมโนมยิทธิ เพื่อให้มีฤทธิ์ทางใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาบารมีของแต่ละบุคคล ที่ได้สะสม มาว่ามีกำลังเพียงพอไหมที่จะเห็นได้ แต่กว่าจะได้รู้ ได้เห็น สภาวะจิต ของท่านเหล่านั้น ก็ปล่อยวางเกือบหมดแล้ว เราจึงไม่ค่อยได้ยินได้ฟังเรื่องราว เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ของโลกมนุษย์ จากพระอริยะมากนัก เพราะนั่น ไม่ใช่แนวทางของการหลุดพ้น
     
  4. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    ข้าพเจ้าอีก ๑ เสียง ครับว่าพญานาค นั้นมีจริง และมีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เทศกาลบ้องไฟพญานาคมีแต่คนไปดูบ้องไฟพญานาค แต่ไม่มีใครทำบุญแล้วอุทิศบุญลงไปให้เขาบ้างเลย ข้าพเจ้าไปคราวใด อดไม่ได้ที่จะต้องไปทำบุญ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารพระ ตามวัด แล้วไปกรวดน้ำอุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณทั้งหลาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในลำน้ำโขงที่สุขอยู่ก็ให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ที่ทุกข์อยู่ก็ให้ทุกข์นั้นเบาบางลง ด้วย นะโมพุทธายะ [www.marateebook.com]

    [​IMG]
     
  5. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    ในภาพนั้นไม่รู้ว่าจริงไม่จริงแต่ที่แน่ๆเราเชื่อพระไตรปิฏกว่าพญานาคมีอยู่จริงตามที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ อีกทั้งศาสนาอื่นๆทั้ง คริสต์ ฮินดู อิสลามและยิวก็พูดถึงสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายมังกร
     
  6. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
  7. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    พระอรหันต์
    1) พระอรหันต์มี 4 แบบ คือ สุขวิปัสสโก หมดกิเลสแล้ว แต่ไม่มีความรู้พิเศษ เห็นผีเห็นเทวดาไม่ได้ ได้แต่ปลงสังขาร ให้อารมณ์หยุดอยาก คือ ไม่อยากเกิด ไม่อยากมี ไม่อยากเอาดีกับชาวโลก เพราะเห็นว่าเมื่อยังเกิด ตราบใด ก็ยังต้องทุกข์ตราบนั้น ท่านเลยเบื่อเกิด ทั้งเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม ท่านไม่เอาด้วยทั้งนั้น สิ่งที่ท่านต้องการก็คือ พระนิพพาน
    2) พระอรหันต์อีกแบบหนึ่งก็คือ พระอรหันต์ที่เรียกว่า เตวิชโช คือ ท่านทรงวิชชาสาม ได้แก่
    - ทิพยจักขุญาณ มีอารมณ์จิตเป็นทิพย์ รู้เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งอดีตและอนาคต ท่านรู้ได้คล้ายตาทิพย์
    - อันดับที่สอง สามารถระลึกชาติในอดีตได้ทุกชาติที่ท่านเกิดมาแล้ว
    - สาม ท่านละกิเลสหมดทุกอย่างเหมือนท่านสุกขวิปัสสโก
    3) พระอรหันต์อันดับที่ 3 ได้แก่ท่านผู้ทรง อภิญญา 6 คือ
    - แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ
    - มีหูทิพย์ เพราะอำนาจกสิณ
    - มีทิพยจักขุญาณ
    - มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
    - รู้ความรู้สึกนึกคิดของคนและสัตว์ได้
    - ทำกิเลสให้สิ้นไป
    4) พระอรหันต์ประเภทที่ 4 ท่านมีอำนาจฤทธิ์เหมือนท่านผู้ทรงอภิญญา แต่มีญาณพิเศษกว่า คือ มีปัญญาฉลาดเฉียบแฉลม สามารถคิดคำนวณพยากรณ์เหตุการณ์ทุกอย่างได้โดยฉับพลัน มีฤทธิ์คล่องแคล่วกว่าอภิญญา 6
    ท่านอันดับที่ 4 นี้แหละ ที่ท่าน ปิณโฑลภารทวาชะ และท่านโมคคัลลาน์ ท่านทรงได้
    ได้บรรยายเรื่องพระอรหันต์พอให้ท่านผู้อ่านทราบไว้เพียงย่อ ๆ จะได้ไม่เข้าใจผิด เพราะคนส่วนมากก็คิดว่าพระอรหันต์จะต้องเป็นพระมีฤทธิ์เหมือนกันหมดทุกองค์ ความจริงพระอรหันต์ไม่ใช่จะมีฤทธิ์มีเดชเหมือนกันหมดตามที่บอกมาแล้ว
    5) การเดินทางเข้าสู่พระอรหันต์หรือพระอรหัตตมรรคนี่อันดับแรกก็ตัด รูปราคะ อรูปราคะ คือ ใช้ปัญญาพิจารณาว่า รูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี เป็นเพียงแค่กำลังหวังมรรคผลในการตัดกิเลสเท่านั้น เราจะไม่หลงจมอยู่เฉพาะรูปฌาน หรืออรูปฌาน จะทำความดีต่อไป
    ความจริงเป็นพระอนาคามีแล้ว ตัวนี้ไม่ต้องตัดก็ได้นะ มันไม่มีอะไรเกาะ แต่ถ้าพูดกันตามแบบก็ต้องพูด มันเป็น อนุสัย คือ กิเลสเบามาก พระอรหัตตมรรคนี่เป็นการตัดกิเลสจุ๋มจิ๋ม ไม่ใช้กำลังหนัก ไปหนักแค่อนาคามี
    ต่อมาก็ตัด มานะ การถือตัวถือตน การถือตนว่าเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา นี้ยกยอดไปจากจิต คิดว่าคนก็แค่คน สัตว์ก็แค่คน มันแค่กันหรือเปล่า สัตว์บางทีก็สูงกว่าคนนะ อย่างแมลงวันจับบนหัวเรา
    คำว่าแค่กัน หมายความว่า ทุกอย่างต่างก็ธาตุ 4เหมือนกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน ถ้าเราจะเกลียดสัตว์ ก็จงนึกว่าสัตว์กับเรามีอะไรแตกต่างกันบ้าง
    1. เนื้อ สัตว์มีไหม 2. กระดูก มีไหม 3. เลือด เนื้อ มีไหม เรามีเหมือนสัตว์หรือเปล่า สัตว์กับเรามีสภาพเหมือนกัน คือ มีธาตุ 4 เหมือนกัน ร่างกายสกปรกเหมือนกันใช่ไหม
    6) อรหัตตมรรคเข้าไปตัด อุทธัจจะ คือ อารมณ์ฟุ้งซ่าน คือ ความฟุ้งซ่านของจิตน่ะ พระอรหัตตมรรคกับปุถุชนนี้ไม่เท่ากันนะ
    ปุถุชนอารมณ์ฟุ้งซ่านในด้านอกุศลมีมาก จิตคิดในด้านอกุศลมีอยู่ ภาวนาไปบ้าง พิจารณาไปบ้าง ดีไม่ดีภาวนาไป ๆ นึกถึงใครที่ไม่ชอบใจ เลยกลายเป็นภาวนาด่าไปเลย อันนี้มันฟุ้งซ่านเป็นอกุศลได้ ถ้าจิตเข้าถึงพระโสดาบัน จิตนึกไม่ชอบใจยังมีอยู่ แต่จิตคิดประทุษร้ายจริง ๆ ไม่มี ถ้าถึงพวกสกิทาคามี จิตคิดประทุษร้ายจะหายาก โกรธมาปั๊บ โกรธเบามาก แล้วก็หายเร็ว ที่เรียกว่า อภัยทาน ไม่ผูกอาฆาต นี่เรียกว่า พระสกิทาคามี
    พอถึงพระอนาคามี อารมณ์จิตที่มันฟุ้งซ่านเข้ามาอารมณ์จิตอกุศลไม่มี จิตคิดทำลายเขาไม่มี มีแต่คิดว่ากูเป็นอนาคามีนี่วะ พักแค่นี้ก็ได้ ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม ฉันตีตั๋วต่อเลย อันนี้มีบ้าง ไม่มาก
    พอถึงอรหันตตมรรคก็ในลักษณะเดียวกัน ทำไป ๆ เห็นร่างกายมันไม่ดี ปวดบ้าง เมื่อยบ้าง เป็นโน่นบ้าง เป็นนี่บ้าง เอ๊ย เราก็เป็นพระอนาคามีแล้วนี่โว้ย เรื่องเล็ก ๆ น่ะ นอนพักผ่อนเสียได้ ตายเมื่อไรเป็นเทวดา พักหน่อยค่อยไปนิพพาน
    7) อารมณ์พระอรหันต์ นั่นก็คือ คิดว่าไม่หลงในรูปฌาน และอรูปฌาน จิตไม่มีมานะ การถือตัวถือตน จิตไม่มีอารมณ์ฟุ้งซ่านออกนอกรีตนอกรอย จิตไม่ติดในอวิชชา คือ ฉันทะ กับ ราคะ ฉันทะ ความพอใจเห็นว่ามนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกไม่มี ราคะ จิตเห็นว่ามนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก สวยไม่มี ไม่พอใจใน 3 โลก จิตพอใจจุดเดียว คือ นิพพาน
    นี่เป็นอารมณ์พระอรหันต์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารมณ์พระอรหันต์คือ ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ไล่ลงมาอีกทีนะ จิตยอมรับนับถือกฎของธรรมดาว่าธรรมดาคนเกิดมาแล้วต้องแก่ คนเกิดมาแล้วต้องป่วย คนเกิดมาแล้วต้องมีการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ คนเกิดมาแล้วต้องตาย ความปรารถนาไม่สมหวังย่อมมีแก่ทุกคน ถ้าทุกอย่างมันเกิดขึ้น ใจท่านไม่หวั่นไหว ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็จิตคิดว่าร่างกายนี้พังเมื่อไร ฉันไปนิพพานเมื่อนั้น ใจสบาย
    8) ทีนี้มาพูดถึงอารมณ์ของพระอรหันต์ พระอรหันต์นี่ก็ยังมีอารมณ์คิด มีอารมณ์ใคร่ครวญ พระอรหันต์ไม่ใช่ตอไม้ บุคคลบางคนจะรู้สึกว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วจะต้องมีสภาพเหมือนตุ๊กตา หรือตอไม้ บางรายมักจะสร้างแบบขึ้นมาว่า พระอรหันต์นี่ไม่มีการหัวเราะ ไม่มีการยิ้ม เขาคิดอย่างนี้คงเข้าใจว่า เมื่อคนใดเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ คนนั้นคงจะปราศจากจิต คงจะปราศจากวิญญาณ คือ มีสภาพเหมือนคนตายดิบประเภทนั้นกระมัง
    นี่ความคิดอย่างนี้มิใช่ความคิดอย่างเดียว ขนาดพูดออกมาทางปาก นี่เขาเหล่านั้นตามความเข้าใจของฉันคิดว่าท่านที่พูดอย่างนั้นคงจะมีศีล 5 ยังไม่ครบ ถ้าคนมีศีล 5 ครบ ไม่พูดแบบนั้น เพราะคนที่มีศีล 5 ครบถ้วนนี้เป็นพระอริยเจ้า คือ พระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ถ้าเข้าถึงช่วงนี้แล้ว เขาไม่มีความสงสัยในปฏิปทาของพระอรหันต์ เขาคงจะลืมไปว่าแม้แต่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงมีการแย้มพระโอษฐ์
    เป็นอันพึงเข้าใจว่า พระอรหันต์เองก็ยังมีอารมณ์ไม่สงบ ปักอยู่เฉพาะจุด ยังมีอารมณ์คิด แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็มีอารมณ์เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ทั้งหลาย ถ้าสาวกก็เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นกิเลสเหมือนกัน แต่ทว่าความรู้พิเศษในด้านญาณต่าง ๆ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามีความสามารถมากกว่าพระอรหันต์ใด ๆ ที่เป็นสาวก
    9) ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา จงจำไว้ว่าคำว่าถึงพระอรหันต์นะ มันมีอยู่คำเดียวหรืออย่างเดียวคือ เราไม่ติดอะไรทั้งหมด อีกทั้งกำหนดรู้ว่าวัตถุธาตุต่าง ๆ คนก็ดี ใครก็ตามที่ไม่ได้เนื่องกับเราคือไม่ใช่ของเรา แต่เขาเนื่องถึงเราจริงเราสงเคราะห์ หรือทำงานสงเคราะห์ให้ตามหน้าที่ทุกอย่าง แต่เราไม่ผูกพัน คิดว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แม้แต่ร่างกายเราก็ไม่ต้องการ ถ้าคิดอย่างนี้ก็ตรงกับองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสไว้ในท้าย มหาสติปัฏฐานสูตร ว่า
    เธอจงอย่าสนใจกายภายใน คือ กายตนเอง อย่าติดใจกายภายนอก คือ กายคนอื่น และก็จงอย่าติดใจในวัตถุธาตุใด ๆ จงปลดกำลังใจว่า แม้แต่ร่างกายนี้ มันก็ไม่ใช่เป็นของเรา เพียงแค่นี้ทุกคนก็เป็นพระอรหันต์
     
  8. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    การขอโทษและการให้อภัย

    การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด

    เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ

    อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
    เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน
    คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
    จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ

    โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น

    ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใดเพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน

    ทำได้เช่นนี้จะเป็นคุณแก่ตนเองมากมายนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโทสะลดน้อยลงเท่านั้น และเมื่อปล่อยให้ความโกรธดับไปเอง ก็มักหาดับไปหมดสิ้นไม่ เถ้าถ่านคือความผูกโกรธมักจะยังเหลืออยู่ และอาจกระพือความโกรธขึ้นอีกในจิตใจได้ในโอกาสต่อไป

    ผู้อบรมจิตให้คุ้นเคยอยู่เสมอกับการให้อภัย
    แม้จะไม่ได้รับการขอขมา ก็ย่อมอภัยให้ได้

    ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่เคยอบรมจิตใจให้คุ้นเคยกับการให้อภัยเลย โกรธแล้วก็ให้หายเอง แม้ได้รับการขอขมาโทษ ก็อาจจะไม่อภัยให้ได้ เป็นเรื่องของการไม่ฝึกใจให้เคยชิน

    อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไดก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...


    : พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร..
     
  9. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DcXT0osjC5w&feature=related]พญานาคที่หนองคาย - YouTube[/ame]
     
  10. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=JnmBJLbTdhM"]http://www.youtube.com/watch?v=JnmBJLbTdhM[/ame]
     
  11. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    พระอรหันต์อันดับที่ 3 ได้แก่ท่านผู้ทรง อภิญญา 6 คือ
    - แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ
    - มีหูทิพย์ เพราะอำนาจกสิณ
    - มีทิพยจักขุญาณ
    - มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
    - รู้ความรู้สึกนึกคิดของคนและสัตว์ได้
    - ทำกิเลสให้สิ้นไป
     
  12. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    เหมือนภาพ photoshop แบบ เดียวกับจานบิน เลยไม่เป็นธรรมชาติ เลย ดูเหมือน ว่า ถ่ายรูป แล้วมาตัดต่ออีกที ส่วน กล้องที่ถ่ายเป็นกล้อง ติจิตอล ถ้ากล้อง โพลารอยด์ จะไม่สามารถตัดต่อ ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2011
  13. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
  14. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    ลูกติดยา แก้กรรม

    1.ถวายสังฆทาน วันเกิดตนเอง อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ และวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
    2.ไปบนพระประจำวันเกิดลูก หรือรัชกาลที่ 5 (บนวันเกิดลูก ข้างขึ้น 7-15 ค่ำ) ขอบารมีท่านช่วยให้ลูกดีขึ้น
    3.พาลูกไปหาหลวงพ่อ ช่วยสอน
    4.หาผู้หญิงที่เขานับถือมาช่วยอีกแรง
    5.รักลูกมากขึ้น ให้ความอบอุ่นมากขึ้น เข้าใจเขามากขึ้น
    ก่อนใส่บาตร จุดธูป 16 ดอก กลางแจ้ง บอก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินให้ช่วยและขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรมเพื่อทุกอย่างจะดีขึ้น และกรวดน้ำทุกครั้งที่สวดมนต์ ทำบุญ กรวดลงดิน 100 ครั้ง เจ้ากรรมนายเวรจะได้อโหสิกรรม
    ถ้ากรรมหนัก ๆ ควรบวชชีพราหมณ์ หรือตักบาตรด้วยพระเงิน พระทอง สะเดาะเคราะห์กรรมไป ให้อโหสิกรรม (สุดแต่กรรม)
    กรรมนั้น ๆ มาก น้อย ให้ดูที่กายสังขาร และชีวิตที่เป็นไป รีบแก้ก่อนที่จะติดภพกรรม อาจารย์เอาใจช่วย
     
  15. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    บันทึกลึกลับ หยดน้ำพยานาค

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Z2wGxL1rTfs]บันทึกลึกลับ - ตอน หยดน้ำพญานาค - YouTube[/ame]
     
  16. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    พยานาคล่าสุดที่หนองคาย

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=KLtgVpb5xLs]พญานาคโผล่กลางแม่น้ำโขง - YouTube[/ame]
     
  17. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    พญานาคกับตำนานในพระพุทธศาสนา

    ตามตำนาน พญานาค มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ "มุจลินท์" ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ "มุจลินท์" เข้ามาวงด้วยขด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า

    ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองพระศาสดา

    พญานาค...สะพาน (สายรุ้ง) ที่เชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ โลกศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อที่ว่า พญานาค กับ รุ้ง เป็นอันเดียวกัน ก็คือสะพานเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์นั่นเอง
     
  18. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม
    ผู้ฝึกตนดี ควรฝึกผู้อื่น ได้ยินว่าตนแลฝึกยาก
     
  19. pandoral2

    pandoral2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    มีเรื่องสงสัยมากครับ ทั้งๆที่พญานาคเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า ที่อยู่อินเดีย
    ถ้าจะมีจริง น่าจะถ่ายติดหรือมีคลิปจากที่อินเดียหรือที่อื่นทั่วโลก
    มากกว่ามาอยู่ในไทยใช่ไม๊ครับ แต่ทำไมผมไม่เคยได้เห็นเรื่องราวพวกนี้
    นอกประเทศเราเลยละครับ มันน่าจะมีบ้างสักนิด แต่ก็ไม่เคยเจอเลย
    หรือ พญานาค ไม่มีพาสปอร์ตเลยกลับไปบ้านเกิดไม่ได้???????????
     
  20. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ประเทศไทยเมืองพระพุทธศาสนา มีพระอริยสงฆ์อยู่กันมาก พญานาคเขาชอบฟังธรรมะ และได้กลิ่นหอมของผู้มีศีล เขาจึงอยูในแถบลาวไทยกันมากไงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...