ใครศรัทธา..หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เพชรฉลูกัน, 26 พฤศจิกายน 2010.

  1. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    แก้ไขครับ งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 - 13 ธันวาคม 2553 ครับ
     
  2. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,180
    อยากไปจริงๆครับ:cool:ขอบคุณสำหรับข่าวดีๆนะครับเพื่อนๆ
     
  3. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    แล้วเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นสายของหลวงพ่อปานหรือไม่ครับ
     
  4. เงินไหลมา

    เงินไหลมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,413
    [​IMG]


    ปฏิปทาหลวงพ่อปาน โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    ปฏิปทาของหลวงพ่อปาน
    ลูกหลานทั้งหลาย วันนี้วันที่ 29 พฤศจิกายน 2514 วันนี้อากาศอุ่นมากแต่เช้า ฉันเป็นคนแก่มีความจุกจิกหลายเรื่อง แม้แต่อากาศมันร้อนฉันก็ไม่ชอบ มันหนาวฉันก็ไม่ชอบ รวมความว่าฉันไม่ชอบโลกนี้ทั้งโลก เพราะฉันมองไม่เห็นจุดของความสุขมีในโลกนี้เลย วานนี้วันที่ 28 เจ้าพนักงานไฟฟ้าเขามาเก็บค่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้ ฉันไม่มีสตางค์ให้เขา นนทา อนันตวงษ์ เขาสงสาร เขาออกไปให้ 226 บาท เมื่อเขาทราบว่าฉันไม่มีสตางค์ติดตัวแล้ว ฉันยังเป็นหนี้ค่ายารักษาโรคหมออีก 300 บาทเศษ เขาเลยให้อีก 1,200 บาท คนนี้เขาเมตตาฉันเสมอ ฉันอาศัยเขาในความเป็นอยู่มาก ที่เมืองนี้มีอาจารย์สบสุข ประกอบไวทยะกิจ อีกท่านหนึ่ง มีเมตตาสงเคราะห์เป็นปกติให้กินให้ใช้อยู่เสมอ นี่ดีว่ายังไม่ลงทุนไปกรุงเทพฯ นะ ถ้าไปฉันคงรบกวนกระเป๋าใครเข้าให้อีก
    เช่น คณะบ้านท่าน พล.อ.ต. ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์, พ.อ.แสวง แก้วมณี,
    คุณฉลวย ปิณินทรีย์, บ้านคุณสนั่น, วาสนา หุตะสิงห์, บ้านคุณพงศ์,
    พิมพา คุณากร และคณะของท่านเจ้ากรมเสริมอีก มีรายนามไม่จำกัด
    เขาสงสารเขาจึงพากันให้ ชีวิตฉันอยู่ได้เพราะการสงเคราะห์จากท่าน ผู้มีคุณตามที่กล่าวนามมานี้เป็นส่วนใหญ่ ฉันว่าฉันตายเมื่อไร ท่านที่กล่าวนามมานี้ขาดความสิ้นเปลืองไปมาก ลูกหลานจำไว้ว่า ความเกิดเป็นคนไม่ดี เป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ดี เป็นเทวดาและพรหมพอมีดีมั่งแต่ไม่ดีมาก เพราะยังมีกฎบังคับให้เกิดเป็นคนและสัตว์ดิรัจฉานอีก สู้ไปพระนิพพานไม่ได้ ใครเขาจะว่าเราบ้าช่างเขา เราบ้าไปสู่สถานที่สิ้นทุกข์ดีกว่าบ้าสะสมความทุกข์ ฉันเป็นคนแก่พูดบ่นพล่ามเสมอ กว่าจะรู้ตัวก็เข้าไปเกือบ
    10 นาที ต่อไปนี้มาพูดกันตามหัวข้อเรื่อง คือปฏิปทาของหลวงพ่อปาน อาจารย์ฉันดีกว่า
    เรื่องของหลวงพ่อปาน ลูกหลานอยากให้พูดประวัติของท่าน ฉันตรองแล้วเอาประวัติท่านมาพูดไม่ได้ เพราะฉันเกิดทีหลังท่านและไม่ทราบประวัติละเอียด เมื่อพวกเธออยากฟัง ฉันจะเล่าเรื่องของท่านตามที่ฉันทราบ มันมีส่วนพาดพิงถึงฉันด้วย เพราะนอกจากที่ฉันจะสัมผัสกับท่านแล้วเรื่องอื่นรู้ยาก มี บางส่วนที่ฉันไม่เห็นและเกิดไม่ทันแต่ท่านเล่าให้ฟัง ฉันพอนึกออกก็จะนำมาเล่าให้ฟัง มันคงไม่เรียงลำดับเรื่องได้ เพราะนึกไปเล่าไป เอากันแค่เรื่องก็แล้วกันนะ อย่าเอาลำดับเรื่องเลย
    ตามที่ฉันเล่าเรื่องของฉันมาในตอนต้นก็มีความประสงค์จะให้ลูกหลานทราบคุณสมบัติของ หลวงพ่อปาน เรื่องนี้ฉันปกปิดมานาน เพราะเกรงว่าท่านนักปราชญ์จะหาว่าอวดอุตริมนุสธรรม จะปรับโทษฉัน เรื่องฉันจะมีโทษเพราะพูดจริงฉันไม่หนักใจ แต่เกรงว่าท่านที่ลงโทษฉันจะเป็นบาป สงสารท่าน เมื่อลูกหลานขอร้องก็ต้องพูด พูดแล้วก็ไม่หนักใจ เพราะฉันไม่ใช่พระตามทัศนะของชาวบ้าน
    หลวงพ่อท่านบอกให้พวกฉันเป็นฤาษี ตัวฉันเองปกติท่านเรียกว่าอ้ายลิงดำ
    ฉันเลยตั้งชื่อฉันว่าฤาษีลิงดำ เพื่อนฉัน เจ้าสวัสดิ์มันออกป่าไปแล้ว ท่านเรียกอ้ายลิงขาว เพื่อนอีกคนหนึ่งคือเจ้าน้อม ท่านเรียกว่าอ้ายลิงเล็ก รวมความแล้วฉัน 3 คนไม่ใช่พระและไม่ใช่คน เป็นลิงหมดทั้ง 3 ตัว ถ้าจะพูดกันให้เพราะหน่อยก็เรียกว่า สามสัตว์ดิรัจฉาน ค่อยเพราะนิดหน่อย เมื่อลูกหลานฟังฉันพูด จงคิดว่าฟังเรื่องของสัตว์ดิรัจฉานพูดให้ฟัง จะสบายใจมาก เมื่อบวชฉันก็บวชแปลก บวชในสังกัดพระมหานิกาย แต่คำขอบรรพชาแบบธรรมยุตินิกาย เป็นลูก 2 พ่อไป หรือคน 2 ชาติ อย่างคนที่มีพ่อเป็นเจ๊ก แม่เป็นไทย ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไร เมื่อบวชแล้วเรียนแล้วเห็นทั้ง 2 นิกาย ท่านไม่ลงสังฆกรรม (ลงโบสถ์) ร่วมกันก็นึกแปลกใจ ถามหลวงพ่อท่านว่านิกายไหนดีกว่ากัน ท่านบอกว่าราคาเท่ากัน เพราะเป็นพุทธสาวกเหมือนกัน ใช้คำสอนจากพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน แต่แตกสามัคคีกัน ท่านบอกว่าเธอเข้าป่าเป็นฤาษีดีกว่า ไม่ต้องเป็นพวกใคร เป็นพวกพระพุทธเจ้าโดยตรงนั่นแหละดี อย่าเมาลาภ อย่ารับยศ อย่าหลงสรรเสริญ อย่ามั่วสุขกับกามสุข จะ สบายใจมาก จะได้เป็นพระตามคติของพระพุทธเจ้า นอกนั้นทางจะมีความเห็นว่าอย่างไรเป็นเรื่องของท่าน เรื่องของพระฤาษีไม่เกี่ยว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  5. เงินไหลมา

    เงินไหลมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,413
    หลวงพ่อปานเมื่อเด็ก

    หลวงพ่อปานเมื่อเด็ก<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    มาฟังกันตอนที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นพระทรงอภิญญา สามารถจะรู้อะไรก็รู้ดี จะทำอะไรทำได้ นี่เรามาฟังกันตอนปลายเหตุนะ ฉันก็เป็นอย่างนั้น เวลาฉันอ่านหนังสือก็เหมือนกันอ่านตอนจบก่อนว่ามันจบตอนไหนแล้วถึงมาอ่านตอนต้น เวลาฉันเล่าเรื่องหลวงพ่อปาน ฉันก็มาเล่าเรื่องตอนปลายเสียก่อน ตอนที่ท่านธุดงค์นั้นมันตอนปลายเหตุใกล้จะตาย แต่ตอนปลายยังไม่ได้เล่าให้ฟัง ก็บุญตัวด้วย ตายยังไม่เล่านะ ไปเล่าเอาตอนหลัง ทีนี้มาเล่ากันตอนต้นใหม่เถอะ วันหนึ่งฉันจำได้ว่าเป็นวันโกนของอะไรนะ มันเป็นวันแรม 15 ค่ำ วันสารท เอ๊ะ 14 ค่ำ เดือน 10 วันโกนนี่ หลวงพ่อปานถือว่าเป็น วันประชุม คือว่าท่านมีหมายกำหนดของท่านไว้ ประกาศพระในคราวเดียวว่า ให้ถือวันโกนทุกวันโกนเป็นวันประชุมใหญ่ พระอะไรจะขาดไม่ได้ ถ้าป่วยก็ต้องแจ้งมา ไม่ว่าพระเล็กพระใหญ่พระกี่พรรษาก็ตาม ถ้าป่วยต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมา ผมขอลาการประชุม แล้วก็สั่งกันคราวเดียว วันโกนทุกวันโกนเป็นวันประชุม แต่พวกเราไม่ขาดเพราะขาดไม่ได้ ถ้าหากว่าขาดก็ไม่ได้ฟังของดีของถูกใจ เวลาท่านประชุมก็เริ่มกัน 2 ทุ่ม ไปเลิกกัน 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม บางทีมีเรื่องคุยกันมากก็ 6 ทุ่ม แต่ว่าถ้าหากว่าท่านพูดเรื่องสำคัญหมดท่านก็อนุญาตว่า ต่อแต่นี้ไปใครจะคุยกับฉันก็คุย ใครไม่อยากคุยอยากจะนอนมีธุระที่ไหนก็ไป ถ้าอยากจะคุยกับฉันก็อยู่คุยกับฉัน นี่เป็นกรณีพิเศษ พอท่านสั่งงาน เสร็จประชุมแล้ว ท่านก็แนะนำ สั่งสอน พร่ำสอนเสร็จ แต่คำสอนของท่านก็ไม่ผิดละ เรื่องศีลธรรมและวินัยไม่ผิด รู้สึกว่ามีอาการเครียดอยู่มาก การปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา และในสำนักของท่าน พระที่ไม่เอาถ่านก็เยอะ อย่าเข้าใจว่าดีทุกองค์นะ พระที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนานี่ แม้แต่ในสมัยของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน วินัยปรากฎว่ามีตั้งหลายร้อยข้อก็เพราะความชั่วที่พระทำขึ้น ถ้ายังไม่มีใครทำความชั่วเพียงใด พระพุทธเจ้าก็ยังไม่ประกาศพระวินัย ไม่ประกาศเป็นกฎบังคับ แต่กฎบังคับแต่ละข้อ ๆ ที่มันปรากฎตั้ง 200 กว่าข้อ นี่แสดงว่าหลวงพี่สมัยนั้นแกก็ทำความเลวตั้ง 200 กว่าข้อเหมือนกัน นี่แม้แต่สมัยพระพุทธเจ้ายังเป็นอย่างนั้น แล้วสมัยของหลวงพ่อปานอย่าไปคิดนะว่าพระจะดีทุกองค์ พระประเภทที่ต่ำกว่าดีก็มาก แต่ว่าท่านแบ่งประเภทของพระไว้ ท่านแบ่งไว้ว่าพระองค์ไหนขี้เกียจเจริญพระกรรมฐาน พระพวกนี้อยู่กองโยธาธิการทำงานก่อสร้าง องค์ไหนขยันเรียนหนังสือ ขยันเจริญกรรมฐาน พระประเภทนี้ไม่เรียกทำงาน ใครจะสมัครไปทำก็ได้ ถ้ามีงานเกี่ยวกับหนังสือท่านก็เรียกใช้ นี่เป็นปฏิปทาของท่าน ถ้าพระอะไรก็ตาม เป็นพระประเภทไม่เอาถ่าน อยู่ไม่ได้นาน ขี้เกียจ นอนกินอืด แล้วก็เป็นนักเบ่งแต่งตัวสวย ๆ อย่างนี้ไม่มีหวัง อยู่สำนักนั้นไม่ได้นาน ถูกขับ ไม่ใช่ว่าท่านจะมายิ้มกับคนดีคนชั่วทุกอย่างนั้น เป็นอันว่าทราบกันแล้วนะ ว่าพระของท่านไม่ใช่ว่าดีเสมอไป ที่เลวก็มี ที่ท่านด่าพระของท่าน ทีนี้พระของหลวงพ่อปานเป็นพระประเภทนั้น ท่านด่าของท่านด่าดี เวลาท่านจะรู้พระดีพระชั่ว ท่านย่องไปฟังตามหลังกุฏิ ใต้ถุนกุฏิ บางทีท่านก็นั่งที่หลังกุฏิของท่านก็มีเทวดาบ้าง มีพระบ้างบอกท่าน คำว่าพระ ไม่ใช่พระคน พระผี ใครทำอะไรไม่ดีตรงไหนถูกฟ้อง มีนางตะเคียนอยู่ 2 ต้น คอยฟ้องท่านเสมอ อันนี้ ฉันก็เคยถูกนางตะเคียนฟ้องเหมือนกัน ถ้าทำไม่ดีไม่ได้ คนนี้แกเคร่งมาก ถ้าใครไม่ดีไม่ช้าถูกขับ วิธีด่าพระ ท่านใช้ความเป็นคนแก่ของท่านเป็นเครื่องมือด่าพระ หมายความว่าท่านไปที่วัดนู้น วัดทางเหนือก็ตาม วัดทางใต้ก็ตาม ท่านไปเห็นพระร้องเพลง พระทำไม่ดี แต่ว่าตาของท่านไม่ดี ท่านอ่านไม่ออกว่าวัดอะไร นี่เรียกว่าท่านเอาความแก่ของท่านมาสู้ เอาความแก่เข้ามาชนเอา แล้วท่านก็ใช้วิธีด่า จะเล่าให้ฟังวิธีด่าพระ
     
  6. เงินไหลมา

    เงินไหลมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,413
    หลวงพ่อปานเมื่อเป็นหนุ่ม<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ที่บ้านของท่านมีคนรับใช้อยู่คนหนึ่ง เรียกกันว่า ทาส ชื่อว่าพี่เขียว อายุประมาณ 25 ปี ตอนกลางวันอยู่ด้วยกัน 2 คน ท่านเกิดสงสัยเนื้อผู้หญิงขึ้นมา บอกว่าตั้งแต่เกิดมานอกจากเนื้อแม่กับเนื้อพี่แล้ว ไม่เคยจับเนื้อใคร ท่านคิดว่าเนื้อผู้หญิงมันดียังไงผู้ชายถึงอยากได้กันนัก บางทีถึงกับฆ่ากันเลย ก็สงสัยจะบวชแล้วนี่ ถ้ามันดีจริงแล้วก็จะสึก ถ้าไม่ดีก็ไม่สึกละ เมื่อคนว่างก็เข้าไปหาพี่เขียว พี่เขียวแกอยู่ในครัว เป็นทาส แต่ว่าท่านเรียกพี่ในฐานะที่เขาแก่กว่ากว่าตัว ยกมือไหว้บอกว่า พี่เขียวขออภัยเถอะ ฉันขอจับเนื้อพี่เขียวดูหน่อยได้ไหมว่าเนื้อผู้หญิงน่ะมันดียังไงเขาถึงชอบกันนัก พี่เขียวก็แสนดี อนุญาต ท่านก็เลือกจับเนื้อกล้าม เขาเรียกกล้ามเนื้อที่หน้าอก ผู้หญิงนี้มีกล้ามเนื้อพิเศษอยู่ที่กล้ามเนื้อ 2 กล้ามที่หน้าอก แต่ไม่ได้จับมากหรอก จับตรงนั้น แต่ก็ไม่ได้ลวนลามไปถึงไหน ๆ จับ ๆ แล้วก็มาจับน่อง เอ๊ มันคล้ายกัน บอกพี่เขียวว่านี่มันคล้ายกันนี่ พี่เขียวแกก็บอกว่าเป็นอย่างนั้นมันก็คล้ายกัน แล้วท่านก็ถามพี่เขียวว่าทำไมผู้ชายเขาถึงชอบเนื้อผู้หญิงนัก ดันไปถามผู้หญิงได้ นี่ว่ากันอย่างเรา ๆ นะ แล้วเขาจะตอบอย่างไร เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้เขาชอบกันอย่างไร แล้วท่านก็ยกมือไหว้ขอขมาพี่เขียว บอกว่าขอโทษนะพี่เขียวนะ ที่ขอจับเนื้อนี้ไม่ใช่ดูถูกดูหมิ่น อยากจะพิสูจน์เท่านั้นว่ามันดีอย่างไร พี่เขียวให้อภัย แล้วท่านตั้งใจว่าเนื้อหน้าอกของผู้หญิงที่ผู้ชายต้องการ แล้วก็เนื้อของท่านที่น่องมันมีสภาพคล้ายคลึงกัน เนื้อของเราก็มี แล้วไปต้องการเนื้อของเขาทำไม นี่เขาเรียกว่าคิดอย่างคนไม่อยากมีเมียนะ คิดแบบนั้น ถ้าอย่างคนอื่นเขาจะว่าท่านโง่ก็ตามใจเถอะ ท่านก็เลยบอกว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็คิดว่าไม่สึกล่ะ บวชคราวนี้ไม่สึก สึกมาทำไม ให้แต่งงานก็ไปจับเนื้อเหมือนเนื้อ ไอ้เนื้อของเรากับเนื้อของเขาก็เนื้อเหมือนกัน จะต้องไปเอาเนื้อของเขามาทำไม นี่เป็นเรื่องของคนไม่เป็นเรื่องนะ เรียกว่าคนไม่เห็นดีในการแต่งงานเขาคิดกันอย่างนั้น
     
  7. เงินไหลมา

    เงินไหลมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,413
    <TABLE border=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    สู่ร่มกาสาวพัสตร์<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    พอวันรุ่งขึ้นท่านพ่อก็พาถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปวัดบางปลาหมอ เวลาเดินไปตามทาง ท่านไปพบปลาตัวหนึ่งมันอยู่ในหนองน้ำเกือบจะแห้ง เป็นปลาช่อนตัวใหญ่ ท่านก็จับเอาไป พอถึงแม่น้ำท่านก็ปล่อย ท่านบอกว่าในชีวิตของท่านไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ไอ้สัตว์นี่นะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม ถ้าฆ่ามันโดยเจตนาแล้วไม่เคยทำ แม้แต่ยุงก็ไม่เคยตบ แสดงว่าท่านมีบารมีมากเหลือเกิน บุญตามมาหา ไม่เหมือนฉันนะ ฉันนี่ไปเทียบกับท่านไม่ได้ ระยำมามาก ท่านดีมาก แต่ฉันระยำมาก แต่ความจริงถ้าเอาตัวท้ายเหมือนกันนะ แต่มันคนละมาก มากมีราคามาก กับมากไม่มีราคา ของท่านมากมีค่าสูง เรียกว่ามากได้มาสูง ของฉันมากเสียไปสูง ไอ้มากแบบนี้ไม่เป็นเรื่อง อย่าตามฉัน เมื่อท่านเข้าหาหลวงพ่อสุ่น อ้อ พอไปถึงแม่น้ำแล้วท่านปล่อยปลา ปล่อยปลาแล้วท่านพ่อก็พอไปหาหลวงพ่อสุ่น หลวงพ่อสุ่นเห็นเข้ากวักมือเลยบอกว่าเวลานั้น ไม่ทันจะถึงตัวท่าน พอเห็นเข้าก็เรียกชื่อพ่อท่าน พ่อของท่านนี่ฉันลืมเสียแล้ว ลืมชื่อทั้งพ่อทั้งแม่เลยนะ นึกไม่ออกคือไม่ได้นึกมานาน นึกไม่ออกจริง ๆ พอเห็นพ่อท่านก็กวักมือบอกว่า ไง เอ็งพาเจ้าปานมาอยู่วัดหรือ จะเอาเจ้าปานบวชหรืออย่างไร ท่านพ่อบอกว่าใช่ขอรับ เอ้อ ดีจริง ๆ นี่ข้านึกไว้นานแล้วเชียวนา นึกว่าถ้าเจ้าปานมันจะบวชล่ะก็ ข้าจะให้มันมาอยู่กับข้า ถ้าหากว่าแกเอาไปเป็นนาคไว้ที่วัดนางนมโค เวลาข้าไปเป็นอุปัชฌาย์ ข้านึกว่าบวชแล้วข้าจะเอาของข้ามาเลยนา ข้าตั้งใจไว้นานแล้ว เวลานั้นท่านเรียกเข้าไป หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบหลวงพ่อสุ่นก็เอามือลูบหัวบอกว่า ปานเอ๊ยอยู่กับพ่อนะ จะได้ดีนะ นับตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นลูกของพ่อ เอาล่ะ ท่านหันไปบอกพ่อของท่าน เอ็งน่ะกลับไปบ้านได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงไอ้เจ้าปาน มันเป็นลูกของข้าแล้ว แน่ะ แทนที่จะรับเป็นลูกศิษย์ พ่อรับเป็นลูกเลย แล้วแกไม่ต้องห่วง เจ้าปานของข้ามันไม่สึก แล้วต่อไปน่ะข้ามีอะไรข้าจะถ่ายทอดให้มันทั้งหมด ไอ้นี่ข้ามองมาตั้งแต่เล็กแล้ว ตั้งแต่ 4-5 ขวบข้าก็มอง ๆ มา นึกว่าถ้าเจ้าปานนี่มันบวชก่อนข้าตายแล้วข้าจะต้องเอามาไว้ วิชาความรู้ของข้านี่ถ่ายทอดใครไม่ได้ ไม่มีใครรับเอาไปได้หมด ข้ามองมานานแล้วว่าเจ้าปานมันรับของข้าได้ ท่านบอกว่าพอฟังเท่านั้นแหละ ปลื้มใจบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนที่หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอต้องการตัว เพราะเวลานั้นหลวงพ่อสุ่นมีชื่อเสียงพุ่งโด่งดังมากเป็นกรณีพิเศษ มีหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน อะไรพวกนี้มีชื่อเสียงบอกไม่ถูก อ้อ (แต่ว่าหลวงพ่อโหน่ง) ยังมีหลวงพ่อเนียมสินะ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย แล้วก็หลวงพ่อแสง วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม ชื่อก้องเมือง พระ 4-5 องค์นี้ชื่อก้องเมืองขนาดหนัก หลวงพ่อปานบังเอิญไปเป็นศิษย์หลวงพ่อสุ่น หลวงพ่อสุ่นบอกว่าเป็นลูกของท่าน ท่านจะเอาไว้เป็นลูกของท่าน ท่านก็ดีใจใหญ่ ต่อมาเมื่อท่านพ่อกลับแล้ว ท่านก็แนะนำถึงวิธีการบวชว่า ปานเอ๊ย การบวชนี้เป็นของยากนะลูกนะ แต่ ไม่ยากจนเกินไป เจ้าจะบวชจะต้องจำตรงนี้ไว้ก่อน ท่านกางหนังสือเจ็ดตำนานให้ดูถึงตัวขานนาคว่า นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา แปลว่า เราขอรับผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นี่เราอย่าบวชเป็นทาสกิเลสตัณหานะ คิดว่าเวลาบวชน่ะบวชเข้ามาแล้วนะปาน โลกธรรมต้องทิ้งให้หมดนะ อย่าเกาะนะ ถ้าเกาะมันตัวเดียวไม่เป็นพระเลย ถึงแม้ว่าจะห่มผ้าเหลืองโกนหัวก็ตาม จะถือว่าเรามีศีลน่ะไม่จริง โลกธรรม 8 ประการมีอย่างนี้ จะพูดให้ฟังนะ คือ
    1. อยากรวย คือ อยากมีลาภอยากรวย เมื่อได้ทรัพย์มาแล้วดีใจคิดว่าเรามีทรัพย์ เราจะสะสมเป็นทรัพย์สินให้มาก
    2. ถ้าทรัพย์หมดเสียใจ
    3. อยากมียศ อยากมียศฐาบรรดาศักดิ์ ได้ยศมาแล้วปลื้มใจ
    4. เมื่อยศหมดไปเสียใจ
    5. นินทา เมื่อได้รับคำนินทาแล้วเดือดร้อน
    6. ถ้าได้รับคำสรรเสริญก็ยินดี
    7. มีสุขในกามารมณ์ มีความเพลิดเพลิน
    8. มีความทุกข์ก็หวั่นไหว
    สิ่งทั้งหลายเหล่าอื่นไม่ต้องจำ จำว่า 1 บวชพระจงอย่ารวย อย่าสะสมเงิน ถ้าไม่มีเงินก็จงอย่าเดือดร้อน ไม่เป็นไร บ้านเราไม่ต้องเช่า ข้าวเราไม่ต้องซื้อ ชาวบ้านเขาหาให้ อย่าหวังรวย ถ้ารวยแล้ว ไม่ใช่พระ บวชสักกี่ร้อยพรรษาก็ไม่ใช่พระ ถ้าเราจะรวยต้องรวยด้วยศีลด้วยธรรม รวยด้วยบุญบารมี เงินได้มาเท่าไรทำเป็นสาธารณประโยชน์ให้หมด เหลือกินเหลือใช้ตามความจำเป็น แล้วใช้เป็นส่วนสาธารณประโยชน์ให้หมดอย่าให้มันเหลือ นี่จงอย่ารวย รายการที่ 2 อย่ารับยศ ถ้าจำเป็นจะต้องรับยศ อย่าเมายศ จงคิดว่าเราเป็นพระ เราบวชเพื่อพระนิพพาน ยศฐาบรรดาศักดิ์มันเป็นโลกธรรม มันเป็นตัวถ่วง ตัวกิเลส ยศเป็นกิเลส ลาภเป็นกิเลส สรรเสริญเป็นกิเลส ความสุขในกามารมณ์เป็นกิเลส ถ้าเราพอใจในเหตุ 4 อย่างนี่ เราไม่ใช่พระ ถ้าขืนบวชเท่าไรก็ไม่ใช่พระ มันจะตกอเวจีมหานรก จงจำไว้ จงจำไว้ แล้วก็อย่าทำนะ อย่าฝืนไปเกาะตามนั้น คิดอย่างเดียวว่าเราบวชเพื่อพระนิพพาน ปานเอ๋ย วิชาความรู้นะลูก ที่พ่อมีอยู่ทั้งหมด ถ้าเธอมีอารมณ์อย่างนี้พ่อให้ไม่มีเหลือ เอาอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน ในฐานะที่ลูกเข้ามาเป็นวันแรก จะให้เรียนอะไรมันก็ยังไม่ดีนะ ต่อไปนี้ก็ท่องขานนาคเสียให้ครบ แล้วก็ท่องหนังสือสวดมนต์ให้ได้ แล้วเอาคาถานี้ไป คาถาคือธาตุทั้ง 4 นะ มะ พะ ธะ ให้ว่าถอยหลังเอาไปเป่ากุญแจนะ เป่าให้กุญแจมันหลุด กุญแจนี่กดให้มันติดแล้วเป่าให้มันหลุด ถ้าเจ้าเป่ากุญแจหลุดได้เมื่อไรมาบอกพ่อ ต่อแต่นั้นพ่อจะให้ของดีทุกอย่างที่พ่อมีอยู่ ที่สุดของความดีน่ะไม่ว่าอะไรทั้งหมดที่พ่อมีอยู่น่ะพ่อจะให้ไม่เหลือเลย หลวงพ่อปานรับคำแล้วท่านให้จัดสถานที่ให้ เมื่อหลวงพ่อสุ่นจัดสถานที่ให้แล้วท่านก็มาท่องขานนาค ขานนาค หมายความว่าคำขออุปสมบท แล้วก็ท่องหนังสือสวดมนต์พร้อมเป่ากุญแจไปด้วย ท่านบอกว่าท่านนั่งเป่ากุญแจมา 1 เดือน กุญแจกดไว้เป่าเดือนหนึ่งมันไม่ออก กุญแจลอกหมดสีขาวจ๋อง สนิมเหล็กมันหมดไป
    เพราะถูกเหงื่อมือบดสี แต่ทว่าวันหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร พอทำใจสบาย ๆ นอนเผลอ ๆ ลุกขึ้นมาพอจับกุญแจเป่ามันก็หลุด ผลัวะ มันหลุดง่าย เป่ามาตั้งเดือนไม่หลุด ต่อแต่นั้นไปเป่ากุญแจดอกไหนมันก็หลุด หนักเข้า ๆ ไม่ต้องเป่า เอามือไปแตะก็หลุด ผลที่สุดไปซื้อกุญแจ 30-40 ดอก เอาใส่ราวเอามือกดให้ติด เอามือแตะราวเท่านั้นแหละ กุญแจหลุดออกหมด แม้แต่กุญแจจีนก็หลุด เป็นอันว่าเรื่องกุญแจท่านทำได้ นี่เป็นวิธีการของหลวงพ่อสุ่นสอนให้หลวงพ่อปานฝึกสมาธิ เพราะหลวงพ่อสุ่นเป็นคนมีฤทธิ์ ฤทธิ์ ต่าง ๆ จะเกิดมาได้ก็เพราะอาศัยจิตเป็นสมาธิเป็นของสำคัญ แต่ว่าถ้าจะบอกว่าสอนให้ทำสมาธิ อันนี้เป็นจะไม่เอากัน สอนให้สะเดาะกุญแจ ถ้าคิดว่าจะเก่งอย่างขุนแผนก็ให้ใช้คาถาบทนี้เป่ากุญแจให้หลุด ในที่สุดหลวงพ่อปานท่านก็เป่าหลุด พอเป่าหลุดแล้วปรากฏว่าตอนกลางคืนหลวงพ่อสุ่นก็เรียกเข้าหา ถามว่าท่องขานนาคจบแล้วหรือยัง ท่านบอว่าท่านท่องจบแล้ว หนังสือสวดมนต์ท่องถึงตรงไหน ท่านบอกว่าท่องถึงบทนั้นบทนี้จวนจะจบเจ็ดตำนาน แต่ว่าทุกวันท่านเรียกไปสอนจริยาของพระตั้งแต่เป็นนาค สอนวิธีบวช ทุกอย่าง ว่าบวชพระแล้วต้องปฏิบัติอย่างไร เขาเรียนรู้กันมาตั้งแต่เป็นนาค ไม่ใช่บวชแล้วมาเรียนรู้กัน ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ให้อยู่วัด 2 เดือน 3 เดือน ก็เพื่อให้เรียนรู้ตั้งแต่เป็นนาค หลวงพ่อสุ่นถามว่า ไอ้คาถาเป่ากุญแจที่หลวงพ่อให้เอ็งน่ะ เอ็งเป่าได้หรือยัง หลวงพ่อปานบอกว่าเป่าหลุดแล้วขอรับ ท่านก็หยิบกุญแจจีนมากดเสียแน่น หลวงพ่อปานพอหยิบกุญแจจีนหลุดผลัวะกระเด็นออกไปเลย ขนาดกระเด็นหลุดออกนอกตัวไป หลวงพ่อสุ่นหัวเราะชอบใจ ท่านบอกว่า ปาน นี่เป็นพื้นฐานความดีขั้นแรกนะ ความดีต่อไปยังมีอีก วันนี้กลับไปก่อนนะ วันพรุ่งนี้ค่อยมาหาพ่อใหม่ พ่อจะให้เรียนต่อ ลูกไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับพ่อ ๆ ให้ ทั้งหมด อะไรก็ตามที่รู้ว่ามีดีที่พ่อมีอยู่ ถ้ารู้ว่าเจ้าต้องการพ่อจะให้หมด เอ้าสำหรับวันนี้เจ้ากลับไปก่อนนะ หลวงพ่อปานท่านก็กราบ ๆ แล้วท่านก็กลับ เรื่องราวของหลวงพ่อปานมีเยอะนะ แต่ว่าฉันมันพูดไม่ค่อยตรงทาง อาจต้องพูดนานก็ได้ วันนี้ขอลาลูกหลานทุกคนก่อนนะ ขอลูกหลานทุกคนจงปลื้มใจว่าบ้านทิพย์ของลูกหลานทุกคนมีแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแก่บรรดา ลูกหลานทุกคน สวัสดี
    ลูกหลานที่รักทั้งหลาย วันนี้วันที่ 19 มกราคม พ.. 2515 เป็นเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง เศษ ๆ ฉันลงมือบวงสรวง ที่ต้องบวงสรวงก็เพราะว่าเมื่อตอนกลางคืนของวันที่ 18 เวลาที่ฉันนั่งกรรมฐาน ตอนนั้นลุงพุฒิแกมาหาฉัน แกบอกว่า ท่าน เวลาเล่าเรื่องหลวงพ่อปานนะก็ขอให้เล่าเรื่องพระลงอเวจีไว้ให้มากด้วย ถามว่าไปพูดทำไม ฉันจะไปรู้หรือว่าใครจะลงหรือไม่ลง ฉันไม่ใช่พระพุทธเจ้านี่จะได้เป็นสัพพัญญูวิสัย และจะรู้ได้ไง ลุงพุฒิแกก็บอกว่าเรื่องนี้นะ หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ อุปัชฌาย์ของ หลวงพ่อปานเอง เวลาที่หลวงพ่อปานเข้าไปบวชอยู่กับท่านก็ดี หรือขณะที่เป็นนาคก็ดี หลวงพ่อสุ่น สอนเรื่องนี้ไว้มาก บอกว่าป้องกันไม่ให้หลวงพ่อปานตกนรก แล้วการบวชให้บวชอย่างเป็นพระ ถ้าการทำตัวไม่เป็นพระแล้วมันลงนรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระถ้าลงนรกแล้วไม่พ้นอเวจีนมหานรก เพราะว่าพระมีบุญมาก เวลาบาปก็บาปมาก เลยถามแกว่า นี่ ลุงแกมาสอนให้ฉันพูดอย่างนี้นะ แล้วในเมื่อเรื่องนั้นฉันไม่รู้อยู่นี่ แล้วฉันจะเอาเรื่องอะไรมาพูด ถ้าพูดมันก็เป็นการโกหกพกลมให้ลูกหลานฟัง มันจะดีรึ ไอ้เวลาฉันจะลงนรกน่ะ แกไม่ลงกับฉันนา แกเคยชี้หน้าว่าฉันอยู่เสมอว่า กรรมชั่วเป็นกรรมชั่วนา กรรมดีเป็นกรรมดี เรื่องพรรคพวกหรือเพื่อนฝูงนี่น่ะก็ยกไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนความดีความชั่วนี่ยกไว้ส่วนหนึ่งไม่รวมกัน แล้วแกดันมายุให้ฉันพูดเรื่องพระลงอเวจีมหานรกนี่มันจะมีประโยชน์อะไร แล้วฉันจะไปรู้อะไรล่ะ เวลาที่ หลวงพ่อปานบวชหรือไปเป็นนาคน่ะ ฉันเกิดทันที่ไหนล่ะ ฉันไม่ทัน ฉันไม่เคยได้ยินเสียยงหลวงพ่อสุ่นสอนหลวงพ่อปานเลย แล้วลุงจะมาเกณฑ์ให้ฉันพูดว่ายังไง เวลาพูดจบลงไปเท่านี้ก็พอดีปรากฏว่าหลวงพ่อสุ่นกับหลวงพ่อปานท่านมา ท่านก็บอกนี่ลูก หลวงพ่อสุ่นว่ายังงั้นนะ พ่อสอนท่านปานจริง ๆ ก่อนจะบวชหรือก็ตามหรือว่าเวลาบวชแล้วก็ตาม ท่านพร่ำสอนอยู่ทุกวัน เรียกว่าพรรษาแรกทั้งพรรษานั้นไม่มีทาง ห่างกัน อุปัชฌาย์กับสัทธิวิหาริกไม่มีทางห่างกัน ท่านพร่ำสอนอยู่ทุกวันถึงวิธีกันการลงนรก ก็เลยกราบเรียนท่านว่า ถ้ายังงั้นล่ะก็ เวลาผมจะพูดขอหลวงพ่อมาบอกด้วยได้ไหม ท่านก็บอกว่าได้ ต่อแต่นี้ไปเธอจะต้องพูดเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มา เรียกว่าไม่เคยรู้มาก่อน เธอจะต้องบวงสรวงและชุมนุมเทวดาเสียก่อน เมื่อเธอบวงสรวงและชุมนุมเทวดาแล้ว เวลาชุมนุมเทวดาต้องตั้งจิตนึกน้อมไปตั้งแต่พระพุทธเจ้าลง แล้วพรหม ทั้งหมด เทวดาทั้งหมด เวลาบวงสรวงนึกถึงท้าวมหาราชทั้ง 4 ท่าน แล้วท่านจะได้มาบอก ๆ ว่าวิธีบอกแบบเขียนคำบอกน่ะนะ เรียกว่าไม่สะดวก ก็ขอให้บอกอย่างประเภทเข้าสิงใจได้ไหม ท่านบอกว่าได้ เอายังงี้ก็แล้วกันนะ เอาตามวิธีที่เขียนหนังสือพระกรรมฐาน ความรู้สึกมันจะเกิดขึ้นเองแล้วก็พูดไป แล้วก็จะตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง เลยรับคำจากท่าน เมื่อรับคำจากท่านแล้ว แล้วก็เรื่องนั้นเป็นอันว่าหมดกันไปนะ ท่านรับคำแล้วนี่ ตานี้เวลานี้ที่จะพูดก็ต้องบวงสรวงตามท่านสั่ง
    เรื่องการบวงสรวงหรือชุมนุมเทวดานี่นะ ลูกหลานนะ ลูกหลานอาจจะลำบากใจ เพราะว่า นักปราชญ์สมัยใหม่ที่เขามองไม่เห็นด้วยน่ะมันมาก แต่ช่างเขาเถอะนะ สิ่งเหล่านี้มันเป็นปัจจัตตัง ผู้ทำเองเข้าถึงเองจะรู้เองเท่านั้น เหมือนกับเรากินอาหาร เรากินเกลือเราบอกว่าเกลือมีรสเค็ม เรากินส้มบอกว่าส้มมีรสเปรี้ยว เรากินน้ำตาลบอกว่าน้ำตาลมีรสหวาน ในเมื่อเรากินเข้าไปแล้ว เรารู้ว่าความเค็มเป็นยังไง ความเปรี้ยวเป็นยังไง ความหวานเป็นยังไง ตานี้เราจะไปบอกกับคนที่เขาไม่ได้กิน คนที่เขาไม่ได้กินเขาจะรับรู้กับเราได้ยังไงว่ารสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็มมันมีสภาพเป็นยังไง มันกระทบประสาท จะมีความรู้สึกเป็น ยังไง ข้อนี้มีอุปมาฉันใด แม้การบวงสรวงหรือว่าการชุมนุมเทวดาก็เหมือนกัน นักปราชญ์สมัยใหม่ท่านมีความรู้มาก เรียกว่ารู้มากจนไม่เชื่อว่านรกมี สวรรค์มี นี่เป็นเรื่องของท่าน แต่ว่าที่ท่านเชื่อก็มีมากนะ ลู กหลานอย่าไปโทษท่าน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ใครเขาจะรู้ว่าวิธีการบวงสรวงมีจริงหรือไม่ ทำไปแล้วมีผลจริงหรือไม่ การชุมนุมเทวดามีผลประการใด เทวดามาหรือไม่มา นี่ก็เป็นเรื่องของคนบวงสรวงหรือ คนชุมนุมเทวดาเหมือนกัน ถ้าคนเราไม่เข้าถึงเทวดา ไม่เข้าถึงพรหม ไม่เข้าถึงพระ แม้จะเรียกเท่าไหร่ เทวดา หรือพรหม หรือพระ ท่านก็ไม่มา ถ้าหากว่าเราเข้าถึงเสียแล้ว เพียงแต่นึกถึงท่านก็มา แล้วเวลามาท่านพูดว่ายังไง อีตอนนี้ก็ต้องศึกษาตามหลักสูตรของพระพุทธเจ้า สำหรับการศึกษา ลูกหลานที่รักฟังให้ดีนะ ลูกหลานอย่าศึกษาแต่เฉพาะหนังสือนะ การอ่านหนังสือเฉย ๆ นั้นเป็นแต่เพียงฟังคนอื่นเขาเล่าให้ฟังเท่านั้น มันจะไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่เคยกินส้ม กินเกลือ กินน้ำตาล เมื่อเรารู้วิธีการกินเราก็ต้องกินเองด้วย ทำจิตให้เข้าถึงเรื่องของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของนามธรรม นี่ตามที่นักอภิธรรมเขาพูดกันนะ
    ความจริงไม่อยากจะพูดคำนี้ เพราะว่าลูกหลานน่ะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ลูกหลานของฉันทุกคนเป็นคนดี มีความสุภาพ มีจิตอ่อนโยน มีจิตน้อมเข้าไปในธรรม เวลานี้ฉันปลื้มใจที่สุดแล้วนะ ฉันภูมิใจ ที่สุดที่หลวงพ่อปานพยากรณ์ฉันไว้ว่า นับตั้งแต่เธอบวชครบ 20 พรรษาไปแล้ว ความประสงค์ของเธอ ทั้งหมดจะสมหวัง อีตอนนั้นฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าฉันจะทำได้ยังไง คนอย่างฉันน่ะเรอะมีความรู้ก็ไม่เท่าหางอึ่ง ทุนรอนที่จะเรียนกับเขาก็ไม่มี แล้วสติปัญญาก็ต่ำ แต่ทว่าเวลานั้นฉันมีอารมณ์สูงเกินไป ฉันคิดว่าฉันจะพยายามช่วยตัวของฉันให้ได้ เพราะก่อนที่จะเข้ามาบวชน่ะ ลูกหลานก็เคยทราบประวัติของฉันมาแล้วว่า การที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนานี่น่ะ ฉันไม่ได้บวชเพราะศรัทธาความเชื่อเฉย ๆ ฉันเข้ามาพิสูจน์คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เคยได้ฟังพระเทศน์ว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง พรหมโลกมีจริง พระนิพพานมีจริง คำว่าพระนิพพานสูญน่ะ ฟังมาถึงจะสูญหรือไม่สูญ ชื่อของพระนิพพานก็ปรากฏ ตอนฉันอยากจะเห็นสวรรค์ อยากจะเห็นพรหมโลก อยากจะท่องเที่ยวไปสถานที่นั้น ๆ บ้าง ฉันก็หาครูบาอาจารย์ที่ถูกใจฉันมันไม่มี มีแต่พระเทศน์ แต่พระสอนมันไม่มี ในที่สุดฉันก็มาได้หลวงพ่อปาน วัด บางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นคุณาจารย์ประจำตระกูลของฉันเอง ตระกูลของฉันทั้งก๊กเคารพหลวงพ่อปานเหมือนพ่อ ครั้นเมื่อมาพบท่านเข้าท่านก็ท้าทายทุกอย่างว่าสิ่งที่เธอต้องการของฉันมีหมด เอาเข้านั่น นี่มาเจอะคนจริงเข้า แล้วในที่สุดก็บวช บวชพิสูจน์ความจริง ว่าถ้าหาความจริงไม่ได้เราก็จะไม่นับถือพระศาสนา มาสอนโกหกกันแบบนี้น่ะมันใช้ไม่ได้ ไม่เอา เอาเปรียบชาวบ้าน แต่ที่ไหนได้ ครั้นมาอยู่กับท่านเข้า อะไรก็ตามในขั้นต้นในสมัยนั้นท่านสอนให้ได้หมดในพรรษาแรก แล้วฉันเองมันก็คนไม่ค่อยเต็มเต็งนาลูกหลานนา ลูกหลานที่รักอย่านึกว่าฉันเป็นคนดีนะ ฉันนี่น่ะคนไม่ค่อยเต็มเต็งนักนา ถ้าจะเอาอะไรขึ้นมาล่ะก็ ฉันก็สู้มันด้วยชีวิต ฉันเอาชีวิตของฉันเข้าแลกสิ่งเหล่านั้น ถ้าฉันไม่ได้มาฉันจะตายฉันก็ยอมนี่ แล้วฉันมันเป็นคนไม่เต็มบาทกับเขา เวลาทำอะไรทำอย่างชนิดที่ว่าเอาชีวิตเข้าแลกกัน แต่มันกลับปรากฏว่าเป็นผลดีไปได้ตอนต้น ได้แล้วฉันก็มาคิดว่าฉันเคยอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าการสอนคนให้เข้าถึงทิพยสมบัติเป็นของดี ฉันก็ตั้งเข็มทีเดียว ตั้งเข็มว่าฉันจะทำอย่างนั้นบ้าง แต่จัดในวงการแคบ ๆ แต่ว่าลูกหลานที่รักเอ๋ย ในตอนต้นฉันเกิดความเบื่อหน่ายหลายวาระ เพราะการไปพูดอะไรกับบุคคลประเภทอย่างนั้นเข้า (ไปพูดแบบนี้น่ะแบบที่ฉันต้องการ) เขาหาว่าฉันบ้าเสียสิ ฉันเป็นคนที่ไหนเล่า เขาหาว่าฉันบ้า ไปพูดอย่างนั้นมันไม่ถูก สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นฉันพบมาเอง เขาก็ไม่เชื่อ แล้วแถมพวกพระด้วยกันนี่ล่ะนะ พวกโกนหัวห่มเหลืองเหมือนกันนี่แหละ อย่าไปว่าท่าน ทุกองค์นะ บางองค์เท่านั้น ที่ฉันเป็นเพื่อนเป็นฝูงกันพอรู้จักกัน ฉันบอกว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง พวกเราคงจะทำให้ปรากฏเป็นการชดใช้ความดีของพระพุทธเจ้าที่ท่านมีคุณ พวกเหล่านั้นเขาก็หาว่าฉันบ้า ดีไม่ดีพวก นักเทศน์นี่แหละเขาบอกว่าสวรรค์ไม่มีนรกไม่มี พระสูตรทั้งหลายเหล่านี้เป็นคนรุ่นหลังเขียนขึ้น นี่แสดงว่าเขาเกิดก่อนคนเขียน นี่มันเป็นเสียอย่างนี้ซีลูกหลาน ตานี้มาตอนนี้แหละ มานับเอาตั้งแต่ตอนนี้ก็แล้วกัน ตั้งแต่ พ.. 2510 ตั้งแต่เริ่มพล นาวาอากาศเอกอาทร และศิริรัตน์ โรจนวิภาต นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฉันเกิดพบคนจริงเข้า เขาเอาจริงทุกคน อย่างขนาดที่เรียกว่า กลางวันเขามีงานหนัก กลางคืนเขาก็ไปฝึกกับฉัน ไปหาฉันได้ทุกคืน เขายกคณะกันไปกลับดึก ๆ ดื่น ๆ แล้วเขาไปได้ทุกวัน แล้วต่อมาก็มาพบลูกพบหลานทั้งหมดนี่แหละ ใครบ้างก็ช่างเถอะ ไปนั่งเรียงชื่อกันอยู่ได้ยังไงล่ะ ถ้าขืนเรียงชื่อเรียงกันไม่ไหว แล้วฉันก็จำชื่อไม่ได้หมดนี่ เป็นอันว่าพบคนจริงเข้า อีตอนหลังมาพบคนจริงเข้า ฉันเลยเอาจริงเข้าบ้าง แล้วไอ้ความจริงมันปรากฏ ปรากฏยังไง ที่แนะนำให้ลูกหลานทำบุญน่ะรึฉันดีใจ เปล่า ฉันไม่ได้ดีใจหรอก แต่ทำบุญเข้ามาแล้ว จะทุ่มเทเงินกันเข้ามาประมาณนี่ที่ฉันมาอยู่วัดท่าซุงนี่น่ะ คิดจำนวนเงินที่สร้างตึกใหม่นี้ได้ล้านเศษ แล้วคิดวัดสามจีนคือวัดเสริมศรีศุขสวัสดิ์ด้วย รวมกันเข้าไปคิดตัวเงินทั้งหมดล้าน เศษ ๆ แล้วฉันดีใจไหม ลูกหลานที่รักคงคิดว่าฉันจะดีใจกระมัง เปล่า เข้าใจผิด ฉันยังไม่ดีใจ การสร้างวัตถุภายนอกมันยังช่วยชีวิตไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่ดีใจคือลูกหลานทุกคนมีจิตเข้าถึงธรรมะ เข้าถึงธรรมแล้วเข้าถึงมากหรือถึงน้อยก็ตามใจ ฉันพอใจ ขึ้นชื่อว่าคนมีเงินนะ จะมีนับเป็นล้านเป็นโกฎิหรือมีบาทสองบาทฉันก็พอใจ เรียกว่าเป็นคนมีเงินแล้ว ตอนมีเงินแล้วนี่ฉันก็ยังไม่ดีใจมาก ดีใจนิดเดียว มาตอนนี้ซี ฉันขึ้นไปสำรวจผลความดีของลูกหลาน ไปสำรวจที่ไหนล่ะ ก็อาจารย์ของฉันเป็นยังงี้นี่ หลวงพ่อปานน่ะนะ หลวงพ่อปานท่านทำแบบไหน การคบคนเช่นใด พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ย่อมเป็นเหมือนคนเช่นนั้น
    เราคบคนกินเหล้า เราก็ชอบเหล้า เราคบคนเล่นการพนัน เราก็ชอบการพนัน เราคบคนเจ้าชู้ ก็ชอบเจ้าชู้ เราคบคนขี้เหนียว เราก็ชอบขี้เหนียว เราคบคนยุ่ง เราก็ชอบยุ่ง นี่ลูกหลานมาคบเอาหลวงตายุ่ยเข้าซี จ่ายกันไม่ไหวเลย ให้สตางค์มาเป็นค่ายา ค่าอาหาร พ่อเล่นอีลุ่ยฉุยแฉก เอาไปทำอะไรต่ออะไรเสียหมด ดีไม่ดียังไม่ทันจะให้มาเลย เอาเข้าอีกแล้ว ไปทำเข้าก่อน ไปเชื่อสินเชื่อเขามาก่อนนี่คุณยุ่ย ยุ่ยขนาดฉันนี่มันหายากเหมือนกัน แต่ว่าฉันยุ่ยขนาดเดียวกับหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานของฉันท่านก็ยุ่ยแบบนี้แหละ นี่ไอ้ความยุ่งของฉัน นี่ฉันหวังดีกับลูกหลาน ฉันคิดว่าเงินทองของลูกหลานน่ะนะหามายาก แต่ละคนก่าจะได้เงินมาแต่ละบาทต้องเอาชีวิตเข้าแลก ผู้ที่รับราชการน่ะอย่าคิดว่าสบายนะ เวลาไปทำงานต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ที่ไม่พอใจอยู่เสมอ แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่าย คนที่เขาทำไร่ทำนาเขาคิดว่าข้าราชการมีความสุข แต่ก็เปล่า ถ้าเป็นทหารหรือพลเรือนก็ตาม การเคลื่อนไปทำงานจะรู้หรือว่าชีวิตของเราจะไปกระทบอะไรบ้าง แล้วก็มีความลำบากใจเพียงใด พวกพ่อค้าแม่ขายก็เหมือนกัน กว่าจะได้กำไรเข้ามาแต่ละบาทก็แสนจะลำลาก เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ พวกทำนาทำไร่ก็เหมือนกัน ต้องฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง นี่ฉันเห็นว่าเงินของลูกหลานทั้งหมดเป็นของได้มาโดยยาก ฉันเลยกลายเป็นคนยุ่ยไป แต่หากว่าฉันรู้ว่าลูกหลานของฉันได้มาโดยง่ายฉันจะไม่ยุ่ยหรอก ฉันจะเป็นคนขี้เหนียว ทำไมล่ะ ทำไมจึงขี้เหนียวได้มาง่าย ๆ ไม่ลำบาก ฉันก็มาเก็บสะสมเอาไว้ให้มันร่ำรวยเสียบ้างจะเป็นไรไป แต่ทีนี้ฉันเห็นว่าลูกหลานทุกคนเป็นคนลำบาก กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท แสนยากแสนลำบากก็อุตส่าห์หามาด้วยความยาก มาแบ่งให้ฉันใช้ ฉันนั่งคิดว่าฉันกินไปบ้าง ฉันซื้อยารักษาโรคบ้าง อันนี้ก็พอสมควร แต่ว่าส่วนหนึ่งของเงินของลูกหลาน เรียกว่าส่วนใหญ่ฉันจะไปสร้างบ้านให้ ฉันแอบเอาเงินจำนวนนี้ไปสร้างบ้านให้ ฉันไม่บอกลูกไม่บอกหลานหรอก ดีไม่ดีก็จะขัดคอเอา หมายความว่าเขาบอกว่าเขาทำของเขาได้ เงินจำนวนนี้มันไม่มากมายนัก เอาไว้กินไว้ใช้ก็แล้วกน อันนี้ตามธรรมดาของคนแก่นี่ก็ห่วงลูกห่วงหลาน ฉันเลยย่องเอาไปสร้างบ้านให้ แล้วก็มาขัดเกลาจิตใจคราวละเล็กละน้อยตามกำลังศรัทธา ทำแบบสบาย ๆ ไม่ยาก เมื่อถึงเวลาสมควรในระยะปีนี้ ฉันก็ขึ้นไปสำรวจบ้านที่ฉันสร้าง ฉันสร้างให้ลูกให้หลาน คือว่าฉันเป็นหัวหน้าน่ะ ทุนของลูกของหลาน ไม่ใช่ทุนของฉัน ไปดูแล้วมันสวยแพรวพราว ลูกหลานที่รักมันสวยบอกไม่ถูก มีตระการตา อันดับต้นนี้ขนาดหมื่นหลังเศษ เรียกว่าหลาย ๆ จังหวัดด้วยนะ ที่เขามาเอาเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังศรัทธานี่ บ้านในอันดับต้นน่ะมีหมื่นหลังเศษ อันดับที่สองก็รู้สึกว่ามีมาก อันดับที่สามก็มีไม่น้อย ฉันไปตรวจบ้าน เจ้าหน้าที่เขาก็ชี้แจง บ้านหลังนี้ของคนนี้ บ้านหลังนั้นของคนโน้น แล้วเวลานี้อัธยาศัยของคนไหน ๆ เป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ชี้แจงหมด ฉันกลับลงมาแล้วฉันนอนไม่หลับ ปลื้มใจว่าสิ่งที่ฉันตั้งใจมีแค่นี้
    ที่นี้ต่อไปเมื่อวันที่ 19 เมื่อวานนี้น่ะ มีเรื่องใหม่เกิดขึ้น จะเล่าให้ฟัง เรื่องพิเศษควรจะเล่าให้ฟังไว้บ้าง คือว่าในตอนเช้าปรากฏรองผู้บังคับการตำรวจพิษณุโลก กับรองผู้กำกับเขามาหาฉัน เขามาตั้งให้ฉันเป็นอธิบดีกรมตำรวจ เขาตั้งแบบไหนรู้ไหม เขามาตั้งคำถามฉันว่า เมื่อไรเขาจะได้เป็นผู้บังคับการ เมื่อไรผมจะได้เป็นผู้กำกับ ฉันก็นึกครึ้ม ๆ ใจเหมือนกันนา ตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจนี่พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้แต่งตั้ง แล้วก็ต้องมีความรู้ความสามารถดี แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนมายกย่องให้ฉันเป็นอธิบดีกรมตำรวจก็ดีไม่น้อยนา เอาเข้านั่นไหมล่ะ แล้วระดับต่อมาเวลาใกล้เคียงกันก็มีคนมา 2 คน แกมาตั้งให้ฉันเป็นพญายมราช คือ คนหนึ่งพ่อป่วย อีกคนหนึ่งแม่ป่วย แกถามว่าพ่อกับแม่ผมที่ป่วยนี่ เรียก่วา 2 รายด้วยกันนะ พูดรวมกันไปเลย จะหายหรือจะตาย นี่มันเป็นตำแหน่งของพญายมราชนี่ ฉันมีบุญไม่น้อยนะ เป็นอธิบดีกรมตำรวจไม่พอ ยังแถมตำแหน่งพญายมราชเข้าไปอีก อ้ายเรื่องเขาป่วยนี่ ก็พอดีฉันมองหน้าลุงพุฒิแก ๆ เป็นโหรใหญ่ ลุงพุฒินี่แกเป็นหมอดูขนาดใหญ่พิเศษเชียวนะ ใครจะตายไม่ตายนี่แกรู้ ใครตายแล้วไปนรกไปสวรรค์แกรู้ หันไปดูแก เห็นแกยิ้มฟันขาวแหง ยกมือโบกบอกว่า ตำแหน่งนี้ ตำแหน่งพยากรณ์คนตายหรือไม่ใช่คนตายนี่น่ะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แกว่าอย่างนั้น โน่น เป็นหน้าที่ของหมอนิดเขา ท่านอย่าเสือก เอาเข้านั่น อีตาลุงพุฒินี่แกปากไม่ใช่เล่นเหมือนกัน บอกว่าท่านอย่าเสือกนะ อย่าเสือกพยากรณ์ เป็นเรื่องหมอนิดเขาให้หมอนิดเขาพยากรณ์ เป็นเรื่องของเขา ฉันหมดท่าก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกว่ายังงี้ บอกว่าหนูเอ๋ย เอายังงี้ก็แล้วกันนะลูกนะ เรื่องตายหรือไม่ตายนี่หลวงพ่อไม่รู้หรอก แต่ตัวของหลวงพ่อจะตายยังไม่รู้เลย อ้ายเรื่องคนที่เกิดมานี้จะห้ามตายกันไม่ได้นะ ห้ามไม่ได้ เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน ไปหาลวงพ่อ 4 องค์นั่นนะ ที่หลวงพ่อปั่นท่านไว้นะ หลวงพ่อเชิญบารมีท่านไว้ องค์หลังเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุอยู่ แล้วอีก 3 องค์ องค์หน้าทางด้านทิศเหนือหลวงพ่อใหญ่ สามภารวัดนี้เดิม เป็นคนสร้างวัด องค์กลางก็คือหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า องค์ที่สามคือหลวงพ่อปานวัดบางนมโค เอ็งเอาธูปเทียนไปบูชาท่านนะ แล้วก็บอกว่าขอให้ช่วยพ่อแม่ของเอ็งให้หาย ให้อาการโรคคลายเป็นปกติโดยเร็ว ถ้าหายแล้วล่ะก็ จะถวายทององค์ละ 100 แผ่น ผ้าห่มองค์ละ 1 ผืน แล้วก็ต้องบอกท่านด้วยนะว่าถ้าไม่เป็นเหตุเกินวิสัย ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจะต้องตายก็ช่าง แต่ขอให้อาการโรคดีขึ้น มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ แล้วเขาก็ไปกัน พอไปกันแล้ว อีตอนเขาไปแล้วฉันคิดว่า เอ คนป่วยนี้ก็ควรจะไปเยี่ยม เพราะว่าคนที่มารายงานเขาก็สงเคราะห์ฉันอยู่เหมือนกัน เขาใส่บาตรให้กิน เวลามีงานก็เรียกเขามาใช้ แล้วก็วันนี้เรื่องใหญ่เกิดขึ้น ฉันจะต้องพิมพ์คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปานแจก แล้วก็จะนำธงแม่โพสพคือว่าธงมหาลาภน่ะ เขาลือกันนักว่าธงมหาลาภนี่ เขาไปใช้กันได้ผล เขาว่ายังงั้น ฉันก็ว่าถ้าเขาไม่บูชาแล้วก็ </< font>.</B>


    </TD></TR></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. ณัฐวัฒน์

    ณัฐวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,145
    ค่าพลัง:
    +4,047
    ผมมีเหรียญหลวงปู่ปาน ที่มีประสบการณ์กับตัวเอง เรื่องความแคล้วคลาด มาเล่าสู่กันฟัง

    มีวันหนึ่งผมกับน้อง ไปวัดที่พวกผมไปประจำ ขณะขับรถจะกลับกรุงเทพ ผมเป็นคนขับ ส่วนน้องนั่งข้างๆ และหลับ จู่ๆเหมือนมีอะไรดลใจ ให้ผมสะกิดปลุกน้องให้ตื่นและสั่งให้รัดเข็มขัดนิรภัย น้องเขาก็คาดเข็มขัด แล้วก็ถามผมว่าทำไมเรียกให้คาดเข็มขัด ผมก็บอกไม่ถูก เลยบอกว่าไม่รู้ คาดเถอะ สักพักเดียว ขณะที่ผมขับว่ิ่งออกขวาเพื่อแซงรถสิบล้อข้างหน้า (ถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกัน) พอดีกับถนนช่วงนั้นเป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ ทำให้มองไม่เห็นรถที่สวนมา พอขับออกขวาเพื่อแซงก็เห็นรถที่วิ่งสวนมาพ้นจากเนินข้างหน้า ทำให้ผมต้องแตะเบรก และหักรถเข้าซ้ายมือเข้าเลนของเรา แต่พวงมาลัยรถที่ผมหักเข้าด้านซ้าย ตัวรถกลับหมุนไปทางขวาเฉยเลย ทำให้รถหมุนผมก็หักพวงมาลัยกลับ รถผมก็เลยหมุนกลับ เกือบตกถนนด้านขวาไปแล้ว แล้วก็เห็นว่ารถสิบล้อที่วิ่งสวนมาขับชิดขอบทางหลบให้รถผม รถที่ตามมาข้างหลังก็หลบชิดขอบทางเหมือนกัน หยุดรถตั้งตัวได้รู้สึกขาสั่นเลยครับ รอดจากรถสิบล้อทั้งสวนมา และวิ่งตามหลัง และตัวรถที่หมุนเกือบตกข้างทางทั้ง2ข้าง แต่ตอนนั้นผมก็ตั้งสติได้ค่อนข้างดีนะครับ น้องนี่ตาสว่างหายง่วงเลย แล้วก็บอกว่า เหลือเชื่อ รอดได้ไงไม่รู้ และตอนนั้นผมมีเหรียญหลวงปู่ปาน (ของวัดที่จ.ลพบุรี) ห้อยคอติดตัวเหรียญเดียวเท่านั้น

    เหตุการณ์นี้เกิดมาหลายปีแล้วครับ นำมาเล่าสู่กันฟังครับ
     
  9. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,180
    เหรียญที่พีเปี๊ยกว่าไม่ทราบว่าคือเหรียญที่ออกวัด เขาสะพานนาค ปี 02 หรือเปล่าน๊า
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  10. ณัฐวัฒน์

    ณัฐวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,145
    ค่าพลัง:
    +4,047
    ไม่ใช่ของวัดเขาสะพานนาคครับท่าน เหรียญนี้สวยจังครับ แหะ แหะ
     
  11. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,180
    ว่างๆคงรบกวนคุณพี่ถ่ายภาพสวยๆของเหรียญที่มีประสบการณ์ให้ชมกันหน่อยนะครับพี่เปี๊ยก:cool:
     
  12. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    แก้ไขครั้งสุดท้ายครับ พอดีข้อมูลคลาดเคลื่อนไป

    งานประจำปีวัดบางนมโค มีตั้งแต่วันที่ 7 - 12 ธ.ค.53
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,395
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เคยปวดท้องอยู่๒วัน ภาวนาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อปาน แล้วหาย พอกลางคืนท่านมาโปรดในฝันว่า"อะไรๆมันก็อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานะ" กราบหลวงพ่อปานเจ้าค่ะ
     
  14. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
  15. lavar181

    lavar181 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +660
    ที่บ้านผมจะมีน้ำมันชาตรีกับน้ำมันของหลวงปู่ปานติดบ้านตลอดเพราะเคยป่วยทองเสีย กินครั้งเดียวหายขาดครับ น้ำมันมนต์ที่กินแล้วรักษาโรคได้ที่มีประสพการณ์กับตัวผมเองมีอยู่ ๓ องค์ครับ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤษีลิงดำ และหลวงพ่อวิชา ครับ ไม่ต้องสผมยาแต่รักษาได้หายเร็วกว่ายาแผนปัจจุบันครับ กินเข้าไปถ้ารู้สึกเย็นๆท้องแล้วละก็หายแน่นอน
     
  16. boonmobile

    boonmobile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +419
    ผมมีแค่กรุคู้สลอดครับ เนื้อดินของท่านดูไม่ขาดดูยากเลยยอมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0203.JPG
      IMG_0203.JPG
      ขนาดไฟล์:
      135.2 KB
      เปิดดู:
      122
  17. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
  18. ณัฐวัฒน์

    ณัฐวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,145
    ค่าพลัง:
    +4,047

    ตามเหรียญนี้เลยครับ คุณโย
    ขอบคุณ ภาพจากท่านโป้ ครับ
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG] [​IMG]

    กราบ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     
  20. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    กราบหลวงพ่อปานครับ ท่านเป็นผู้ทำให้ผมเข้ามารู้จักทางธรรมมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์องค์แรกเลยที่ทำให้ผมปฎิบัติธรรม ในบันดาครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือมีหลวงพ่อปานองค์เดียวเองที่เคยฝันถึงท่านแต่อย่างไรผมก็นับถือครูบาอาจารย์ผมทุกรูปองค์ครับกราบ กราบ กราบ _/\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...