ใครคือ ฅนขลัง คลังวิชา ตัวจริง

ไหนๆก็มีคนร้อนแทนกันแล้วกับประเด็นหลักใครคือตัวจริงที่เป็นศิษย์หลวงพ่อผู้เรืองฤทธิ์ ก็ท้าพิสูจน์อีก 5 ล้านบาท หากพิสูจน์ได้ว่าคนที่ด่าผู้อื่นลับหลังแต่เป็นผู้นำลัทธินินทาใน FB ไม่ใช่ศิษย์ของใครเลย ไม่ว่าจะเป็น อ.ชุม ของผู้การชมหรือศิษย์หลวงพ่ออภิชิโต เป็นตัวปลอมและมีหลักฐานการอ้อนวอนเพื่อขอข้อมูลข้อเขียนผู้อื่นที่รู้จริง มีหลักฐานการลอกข้อมูลไปลงให้คนอ่านทั้งประเทศแบบที่ผ่านมาโดยตัวตนของเขาเองอย่างชัดเจนและหลักฐานนี้แกล้งทำขึ้นไม่ได้ ยินดีให้ร่วมกันลงขันมาเกิน 5 ล้านบาทก็รับได้

อย่าเอาแต่สงสัยเท่านั้น ให้ใช้สติและวิจารณญาณมากกว่าที่ผ่านมาหากคิดได้ว่าโตมากพอจะคุยรู้เรื่องกันแล้ว หลักฐานการกล่าวหาคนต้องมีแน่ แต่หากอยากเห็นเร็ว อยากรู้มากกว่าขั้นตอนปกติก็อย่ารอช้า ได้บอกชัดแล้วว่าต้องทำอย่างไร การท้าพิสูจน์แบบนี้คงพอเข้าใจกันได้และดีที่สุดกับทุกฝ่าย เพื่อจะรู้อะไรๆกันดีขึ้นบ้างแบบเตือนความจำไปจนวันตาย ดีกว่านั่งหน้าคอมฯและสงสัยเท่านั้น

 

แว่วเสียงเรียกร้อง หลังจากเงินเต็มกุงเกง
คนใหนศรัทธามากก็ลงขันช่วยได้นะ

 

คนในFB และแฟนคลับจะรู้กันบ้างไหมว่าบางคำพูดของเขาที่ว่า “พวกหมูดิ้นพราดๆอยากอ่านกันมากแล้ว รีบเขียนด่วนๆเลย เดี๋ยวมันลงแดง” หมายถึงพวกไหน

การที่เขาลงร้องเรียนครั้งนี้ก็เป็นการเตือนใจให้ระวังคน ระวังสังคมโลกออนไลน์ อย่าเชื่อทุกอย่างที่รู้มา ก็ไปถามหาชื่อจริงในสังคมออนไลน์ ถามหาหลักฐาน หากเขาไม่พร้อมก็คงไม่มีใครเอามือมาซุกหีบแน่นอน เขาท้าให้ฟ้องร้องเลยหากไม่เป็นเรื่องจริง เขาต้องเปิดเผยแน่นอนสำหรับหลักฐานเด็ดมัดแน่นเพียงรอให้ครบองค์ประกอบทั้งศิษย์สะสมและอาจารย์กำมะลอก่อน คณะนี้ทำงานอย่างคนเป็นงานและมีวุฒิภาวะรู้เวลาที่เหมาะสม

ไอ้ที่ว่าเขาโดนแบนจากทางเวปนั้นก็ไม่จริง เพียงแต่จะกล้าเข้ามารับของหนักหรือไม่เท่านั้น อย่าลืมนะครับ 5 ล้านบาทไทย กับการพิสูจน์ของจริง จะได้เห็นคนจริงสักที ยินดีให้รวบรวมกันมาคนละร้อยสองร้อยบาทก็ได้ กลัวจะดีแต่พูดกันเท่านั้นแบบที่ผ่านๆมา ซึ่งเป็นวิสัยของคนอีกแขนงหนึ่งในเมืองไทย

 

มีข้อมูลใหม่ นักสืบเพิ่งได้มา พี่จะส่งไปให้นะ แล้วจะโทรหาเย็นๆ
ใครอยากเจอผมหาไม่ยาก บ้านรั้วฟ้าคาดขาวประตูอัลลอยดสีทองริมถนนแก้วเงินทอง ป้ายชื่อบ้านสีทอง หาไม่ยากแต่เข้าแล้วออกยาก แม้หมาดุแต่คนใจดีเด้อ

 

ขอรอดูหลักฐานแบบปกติตามขั้นตอนดีกว่าครับ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เปื้อนเขม่าเปื้อนดินเปื้อนโคลนมันก็ต้องมีบ้าง ไม่งั้นการสะสมบารมีคงไม่เกิด
เพื่อนเก่าหลายคนแคลงใจกันมาก ผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าพี่หนุ่มเลวขนาดที่เค้าพูดกัน
จะสร้างพระได้ดีขนาดนี้เลยหรือ จะเช่าพระถูกหรือแพงมันก็ความพอใจส่วนบุคคล
ผมหาข้างนอกได้ถูกผมก็เช่าข้างนอก ผมเห็นของพระของพี่หนุ่มสวยเดิม แพงหน่อยผมก็เอา มิได้โง่แต่อย่างใด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอใช้สติและวิจารณญาณรอดูต่อไปครับ

 

คนขลัง คลังโรคร้าย บัลลัย
ตัวเก่งลวงใครๆ บ่อยแท้
จริงหรือไม่ เป็นไร รออยู่ ดูแฮ
เบนเบี่ยงตัวตนแล้ รุ่มร้อน ไฟสุม



คนขลังคลังวิชา เกิดขึ้นมาราว 1 ปี
หวังสร้างขื่อเสียงมี ขอเรื่องดี รี่ลงพลัน
ตอนเริ่ม จำนรรจา ประจบมาสารพัน
อ้อนน้า,อ้อนพี่,กัน ขอให้ฉันสร้างฝันเดิน

พอส่งเรื่องลงให้ มินานไซร้เจ้าตัวเพลิน
มองเห็นเป็นเม็ดเงิน ไม่บังเอิญต้องได้มา
ติดต่อขอให้ช่วย หาพระด้วยอีกทีหนา
จำหน่ายได้หลายครา รวยละหวาครานี้ตู

จากนั้นพลันได้ใจ อ้อนเข้าไปอีกทีดู
ล็อตนี้มีแต่ตู รับอู้ฟู่เพียงผู้เดียว
จึงเริ่มคิดวางแผน ซูเปอร์แมนอยู่ในรู
ส่งพี่ไปบวชอยู่ ดอยสุดกู่เพียงผู้เดียว

ต่อนี้พี่ไม่รู้ ตูวิ่งลู่สบายเชียว
วิ่งซื้อ-ขาย เพรียวๆ ได้หยุดเที่ยวมิเมื่อยมือ
สักพักพี่ใกล้กลับ ก็สับปลับอ้างพันพรือ
ไปบวชอุ้งหัตถ์มือ พระพุทธคือตัวตนเอง

หว่างนั้นก็กลิ้งกลอก ตัดพี่ออกจากบรรเลง
เพราะกลัวจะรู้เป้ง ว่าตัวเองทำไรมา
ขายตรงโดยส่งบอก ให้น้องออกโฆษณา
รับรองแท้แน่นา อัพราคางับเต็มฟัน

ดุจได้อาชาดี ขึ้นควบขี่เร็วรี่ครัน
ยิ่งควบก็ยิ่งมัน ความเร็วนั้นทวีคูณ
สักวันร่วงหล่นมา ขาชี้ฟ้าจะอาดูร
ประมาท-โลภจึงสูญ เสียสมดุลที่ทรงตัว.

 

เรื่องความเป็นมาการสร้างพระเครื่องของหลวงพ่อฯนั้น
คนที่รู้จริงๆได้จากไปหมดแล้ว
แม้กระทั่งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังต้องนึกลำดับความกันนาน
แล้วแต่ละท่านบางครั้งก็จำมาไม่เหมือนกัน
เท่าที่ทราบจะไม่ได้ลำดับรุ่นกันนัก
เพราะผู้ที่จะได้รับพระเครื่องของท่านก็ไม่ง่าย
คุณคนขลังนั่นแหละที่ให้พาไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่หลายท่านแล้วบันทึกเสียงไว้
โดยใช้เครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็ก( อ้อ เพิ่งนึกได้
เครื่องบันทึกเสียงเครื่องนั้นน่ะ ยี่ห้อ sony ผมยืมหลานมาให้เขาใช้ ราคา
3 พันบาทถ้าจำไม่ผิด ฝากบอกว่าให้นำมาคืนด้วย เกือบปีแล้ว
เขาเกรงใจผมเลยให้ยืมมา
เพราะตอนนั้นคุณคนขลังบอกมาว่าในบัญชีเงินฝากเหลืออยู่เพียง 72 บาท
แต่บอกศิษย์ผู้พี่ผมว่า 82 บาท
ตัวเลขที่ไม่ตรงกันไม่ทราบเขาจำผิดหรือศิษย์ผู้พี่จำมาผิด)เรื่อง
สมเด็จเขียว เท่าที่จำได้วันที่พาไปบันทึกเสียงที่กุฏิหลวงพี่พระมหาสงกรานต์ท่านบอกว่า
สร้างปี 2505 ที่ จ.ลพบุรี ส่วนมากแจกแก่ทหาร เพราะลพบุรีเป็นเมืองทหาร
ลูกศิษย์หลวงพ่อที่เป็นทหารมีไม่น้อย ส่วนสมเด็จแดงนั้น ราวปี 2493 หรือ
2496 ไม่แน่ใจ อันนี้ฟังจากปากหลวงพี่ท่าน
ขนาดคุณลุงที่ช่วยทำพระสมเด็จแดงและตัดพิมพ์ด้วย ท่านยังบอกว่าจำไม่ได้
ตอนที่ผมถามคุณลุง ท่านก็อายุ 76 - 77 ปีแล้ว ส่วน
สมเด็จขาวที่บอกว่ารุ่นแรกๆที่ลงในfacebookน่ะองค์นั้นไม่ใช่
แต่เป็นพระสมเด็จที่เจ้าสัวท่านสร้างไว้ราวปี 252...กว่า
รายละเอียดที่สัมภาษณ์หลวงพี่สงกรานต์ส่วนมากถูกคนขลังบันทึกเอาไปแล้ว
พยานมีครับ .

 

อ้อ ลีมเรื่องสมเด็จแดงและสมเด็จเขียวนั้น
คุณลุงได้บอกให้ฟัง(ถ้านับถึงตอนนี้ก็ไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว)

เนื้อพระประกอบด้วยว่านที่หลวงพ่อท่านเป็นผู้ไปเก็บหามาเองทั้งสิ้น
ท่านมีความรู้เรื่องว่านและสมุนไพร

ดี และพระทั้งสองสี มิได้ใช้สีผสมลงไปเลยแม้แต่น้อย
เป็นสีที่เกิดจากตัวว่านนั้นๆเอง ส่วนเรื่องการเสก

คงไม่ต้องถามนะครับ ท่านเสกพระเครื่องลุกนั่งได้เป็นปกติ
แม้กระทั่งให้ลอยขึ้นมา หลวงปู่พลอยก็เสก

ให้ลอยได้เหมือนกัน

ใครที่ต้องการพบขอให้นัดวัน เวลา
สถานที่ และควรจะมาพิสูจน์หลายๆท่าน

ถ้าสะดวกตรงกันก็ O.K. ครับ

 

ผมไปครับ ใครจะไปบ้างลงชื่อไว้หรือ pm มาหาผม เดีี๋ยวนัดกันไปทีเดียว

 

ผมขอบคุณครับที่อย่างน้อยก็ยังมีผู้ใหญ่ที่พอเข้าใจอะไรๆได้บ้าง ผมก็ไม่ใช่คนดีมากมายนัก แต่ดีก็น่าจะมากกว่าเลว และปกติก็จะห้วนๆตรงๆเขียนลงไปก็แบบทหารแท้ๆ ไม่หิหิ หุหุ แอะๆกับใครเขา ไม่ชอบการนินทา ไม่ชอบฟังเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่คนยอมคนนัก เก็บอาการ เก็บข้อมูล รอเวลาและจำนาน ไม่หวานไม่ชมไม่ป้อยอใคร ที่บ้านมดไม่ค่อยมีเพราะไม่หวานหกเรี่ยราดไปทั่ว ในกระบวนการคนที่เปิดให้บูชาพระทั้งหมดแล้ว ผมนี่แหละห้วนที่สุดแต่จริงใจกับทุกคนที่เข้ามา ไม่ค่อยคุยอ้อล้อฟุ่มเฟือยกับใครไปทั่วแบบนักขาย เมื่อสอบถามมาก็ตอบช้าและไม่สนใจจะให้ใครมาเชียร์มาดัน เพราะถือว่าของดีต้องดีที่ของ เราแค่ทางผ่านไปหาผู้เห็นคุณค่า

พระชัยเทวฤทธิ์เป็นของดีจริงและมีหลายเหตุการณ์ของผู้ใช้ที่เจอๆกันมา เพียงแต่หมองไปชั่วขณะเพราะลมปากคน หลายคนถามบูชาพระรุ่นเก่าๆที่ผมเคยสร้างตั้งแต่ครั้งหลวงพ่อกวย ผมก็ไม่เคยคิดเงิน มีที่เก็บไว้ส่วนตัวก็แจกและส่งให้ไปบูชาฟรีๆไม่น้อยกว่าห้าสิบคน รอให้เรื่องผ่านกระบวนการทางศาลแบบเหมายกพวงเสียก่อน บางทีอะไรๆอาจดีขึ้น ผมไม่ได้หวังผลเลิศด้านคดีความแต่รอผลพวงที่จะตามมามากกว่า และสิ่งที่ผมเคยพูดไว้ผมทำแน่นอนครับ

 

ใครอยากพิสูจน์เรื่องจริงที่เหลือเชื่อในโลกแห่งความจริง แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ในสังคมออนไลน์ ลงชื่อไว้เลยครับ ทางกลุ่มศิษย์ของหลวงพ่อตัวจริงๆจะพิจารณาเป็นรายคนและมีจำนวนที่ชัดเจน และจะกำหนดนัดให้เป็นเรื่องเป็นราว บางทีอาจมีของแถมให้เข้าใจเรื่องในมุมมืดมากกว่าที่คิด หากใครยังข้องใจว่าจริงหรือ อาจเมคเอกสาร-พยานหลักฐานเองก็ได้ ก็ยังมี 5 ล้านบาทรอการท้าพิสูจน์และยืนยันครับ ต้องเข้าถ้ำเสือหากจะพิสูจน์ขี้เสือและเสือย่อมไม่มีลายหมา(ภาษาทหาร)

 

ผมอยากทราบเรื่องเหลือเชื่อของหลวงพ่อ ครับ
ผมขอลงชื่อด้วยครับ
(deejai)(deejai)(deejai)

 

ทำไมเพิ่งลบข้อความที่เคยคุยว่า "ที่หายไปนั้นเพราะไปอยู่ในอุ้งหัตถ์ของพระพุทุธเจ้า" ออกจากเฟคบุคเสียแล้วล่ะจ๊ะ ใครทำกันหวา ของแท้คนจริงทำงั้นแล้วจะไห้คิดยังงัยกันดีล่ะเนี่ย แล้วสมาชิกจะคิดกันแบบไหนดีนะ บางคนก็กลัวเสียหน้าเพราะทุ่มไปแล้วสุดตัวเลยไม่ฟังใครๆ มีอีกอย่างนะที่นักวิเคราะห์จิตวิทยาบอกว่าดูคนง่ายในเน็ตคือ พวกหวานเกินพอดีแบบแกล้งดัดจริตเป็นคนอยากดีกับเขามั่งทั้งที่ยังกินเหล้าสูบบุหรี่เที่ยวเตร่ พวกใส่หน้ากากขี้คุยบนสังคมอินเตอร์เน็ตและพวกโจมตีคนอื่นเพื่ออัพตัวเองให้คนสนใจ สามกลุ่มนี้มีมากที่สุดเลยในเน็ต ยิ่งในเวปนี้ก็มากหลายคนเพราะเป็นเวปธรรมะที่ทำแล้วเหมือนจะดูดี ดูง่ายๆก็พวกเรียกกันว่าท่านโน่น ท่านนี่ เอาแบบธรรมดาๆก็พอแล้วมั๊งพี่น้องแบบเดินสายกลาง

 

ไอ้ที่ส่งข้อความมากวนใจน่ะ ไม่สนใจหรอกจ้ะ ยังนอนหลับสบาย คนทำนักสืบ ตามหนี้และ รปภ.นับร้อยๆคนคงไม่ขวัญอ่อนมั๊ง แล้วอย่าทำอีกล่ะหากอยากได้เดี๋ยวจัดไห้ รักษาไห้หายด้วยนะอาการที่ติดยามานานๆแบบนี้ อยู่กับพระต้องใจนิ่งไว้ อย่าสร้างภาพแบบขายก๋วยเตี๋ยวเลย ที่ขาดทุนทุกวันเพียงแค่อยากดัง

 

เรื่องพระเครื่องที่นำไปมอบให้วัดหนองสะเดา เป็นเรื่องจริง ผมเคยไปบูชาหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดหนองสะเดาเมื่อปีที่แล้ว เห็นพระของคุณหนุ่มอยู่ในตู้วัตถุมงคลของวัด และหลวงพี่ที่ดูแลวัตถุมงคลบอกว่า ยังมีอีกเยอะที่อยู่ในตู้เหล็กด้านหลังทั้งหมด.

 

โมทนาครับ

 

จิตวิทยาของการโกหก

คุณเชื่อเรื่องไหน คำถามจาก Life of Pi ที่ทำให้ผู้ชมเกิดคำถาม ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง
หากปล่อยใจไปกับหนัง น่าจะเชื่อเรื่องแรก เพราะหนังทำให้เห็นชัดว่าพายแต่งเรื่องที่สองขึ้นมาเพื่อให้ตัวแทนประกันเขียนรายงาน เนื่องจากเรื่องแรกพิสดารเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

หากมองกันในแง่วิชาการ ตัวแทนประกันน่าจะคิดว่า เรื่องแรกเป็นจินตนาการของพายที่ประสบกับเรื่องเลวร้าย เสียครอบครัว ลอยคออยู่เพียงลำพังกลางทะเล

จินตนาการของพาย เป็นกลไกการป้องกันตัวเองทางจิตของคนเรา จริงแล้วคนเรามีกลไกการป้องกันตัวเองทางจิตหลายรูปแบบ

การเก็บกด ( Repression ) เก็บกดความรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกผิดหวัง ความคับข้องใจไว้ในจิตใต้สำนึก จนกระทั่งลืม การป้ายความผิดให้แก่ผู้อื่น ( Projection ) การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง ( Rationalization ) การถดถอย ( Regression ) หนีกลับไปอยู่ในสภาพอดีตที่เคยทำให้ตนมีความสุข การแสดงปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับความปรารถนาที่แท้จริง (Reaction Formation) การสร้างวิมานในอากาศ หรือการฝันกลางวัน ( Fantasy หรือ Day dreaming ) สร้างจินตนาการ หรือมโนภาพเกี่ยวกับสิ่งที่ตนมีความต้องการ แต่เป็นไปไม่ได้ การแยกตัว( Isolation ) แยกตนให้พ้นจากสถานการณ์ที่นำความคับข้องใจมาให้ การหาสิ่งมาแทนที่ ( Displacement ) เป็นการระบายอารมณ์โกรธหรือคับข้องใจ ต่อคนหรือสิ่งของที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของความคับข้องใจ การเลียนแบบ (Identification ) หมายถึง การปรับตัว โดยการเลียนแบบบุคคลที่ตนนิยมยกย่อง

และเมื่อทบทวนกันให้ดีๆ กลไกการปกป้องตัวเองทุกแบบ นำไปสู่การโกหก

แต่จากการค้นข้อมูล พบว่า มีบางคนโกหกเพราะป่วย เป็นโรคโกหกตัวเอง

โรคโกหกตัวเอง ( Pathological Liar ) มีรากภาษาละตินว่า Pseudologia fantastica การโกหกตัวเองเป็นการหนีปัญหารูปแบบหนึ่ง ผู้ป่วยโรคโกหกตัวเอง อาจมีลักษณะต่อต้านหรือขาดสังคม
ความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ ล้มเหลวในชีวิต

แต่ที่น่าสนใจ คือ สมองของคนปรกติกับสมองของคนเป็นโรคโกหกตัวเองนั้นแตกต่างกัน ความแตกต่างอยู่ที่สมองส่วนหน้าที่เรียกว่าส่วน prefrontal cortex การศึกษาเกี่ยวกับสมองส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับส่วนเนื้อสีเทา ( grey matter ) ของสมอง ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ประมวลข้อมูล แต่เกือบครึ่งของสมองเราประกอบขึ้นด้วยส่วนเนื้อสีขาว ( white matter ) ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissues) ที่นำสัญญานไฟฟ้าจากกลุ่มประสาทหนึ่งไปอีกกลุ่มหนึ่ง พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เนื้อสีเทาคือ ที่ประมวลข้อมูล เนื้อสีขาวทำหน้าที่เชื่อมต่อส่วนต่างๆของสมองเข้าด้วยกัน ซึ่งนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียใต้พบว่า คนเป็นโรคโกหกตัวเองจะมีเนื้อสีขาวในสมองส่วน prefrontal cortex มากกว่าคนปรกติ 25 เปอร์เซนต์ ทำให้สามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆในสมองได้เร็วกว่า พวกเขาสามารถเก็บข้อมูลต่างๆได้เป็นระเบียบ การโกหกของพวกเขาแนบเนียน สามารถอ่านคนที่พวกเขากำลังโกหกอยู่ได้ สามารถเก็บความรู้สึกตัวเองได้ดี และยังเชื่อในคำโกหกของตัวเองได้ด้วย

อาการบ่งชี้ว่าเป็นโรคโกหกตัวเอง คือ เปลี่ยนเนื้อเรื่องตลอดเวลา ชอบโม้ และโกหกตลอดเวลา แม้แต่เรื่องเล็กๆ และไม่น่ายากที่จะบอกความจริง ไปจนถึงเรื่องยากๆ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร พวกนี้สามารถทำได้ดีกว่า ไม่เห็นคุณค่าของความจริง และชอบที่จะอยู่กับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจริง พวกนี้จะแสดงอาการต่อต้านเมื่อถูกตั้งคำถามหรือท้าทาย คิดว่าการโกหกของพวกเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน โกหกเพื่อได้รับความเห็นใจ หรือทำให้รู้สึกดีขึ้น พวกนี้มักไม่เคยยอมรับเรื่องที่โกหกไว้ พวกนี้จะพูดขัดแย้งกับตัวเอง เพราะเขาโกหกจนไม่รู้แล้วว่าเขาได้แต่งเรื่องอะไรไปบ้าง และโกหกเพราะรู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัย

แต่จริงๆแล้ว คนเรามีเหตุผลในการโกหกมากมาย โกหกเพื่อปกป้องตนเอง การโกหกเพื่อเอาตัวรอด โกหกเพราะความกลัว กลัวความผิด กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวเสียเกียรติ กลัวการเผชิญหน้า กลัวความผิดหวัง โกหกเพื่อทำให้ตนเองได้รับการยอมรับ ความไว้วางใจ โกหกเพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ

พอล เอ๊กแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศึกษาเรื่องการโกหกมานานกว่าสี่สิบปี บอกว่า " มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโกหกได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องการโกหกจะเป็นผลดีต่อชีวิต "

นักจิตวิทยาพบว่า มนุษย์เริ่มโกหกเป็นตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเมื่ออายุได้ 5 ขวบ ความสามารถในการโกหกจะพัฒนาขึ้น ส่วนเหตุผลในการโกหกของเด็ก คือ กลัว เรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่ แต่เมื่อโตขึ้นการโกหกซับซ้อนขึ้น

งานวิจัยล่าสุดของ โรเบิร์ต เฟลต์แมน อาจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Liar in Your Life พบว่า ระหว่างการสนทนาทุกๆ 10 นาที จะมีการโกหกประมาณ 2 - 3 ครั้ง และในบางคู่สนทนาอาจเกิดขึ้นได้มากถึง 12 ครั้ง และเจมส์ แพตเตอร์สัน ผู้เขียนหนังสือ The Day America Told the Truth บอกว่าแทบทุกครั้งของการสนทนาจะมีเรื่องโกหกร่วมอยู่ด้วยเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาคนใกล้ชิด อย่าง คู่รัก พ่อ แม่ ลูก

นักจิตวิทยาพบสถิติที่น่าสนใจว่า สามในสี่ของคนโกหก หากไม่มีใครจับได้ จะพูดโกหกต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นนิสัยถาวร

แต่สำหรับคนโกหก ไม่ว่าจะโกหกด้วยเหตุผลใด ผลที่ได้รับทั้งในหนัง ในละคร และในชีวิตจริงคือ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครเชื่อถือและให้ความไว้วางใจ


( บทความน่าสนใจ เรื่อง จิตวิทยาของการโกหก จาก MOVIEREVIEW สืบเนื่องจากหนัง โดย คุณ รัชชพร เหล่าวานิช คอลัมนิสต์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ จากนิตยสาร " เอนเตอร์เทน " issue 1129 หน้า 46 - 47 ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ และขอขอบคุณ คุณ รัชชพร เหล่าวานิช ไว้ ณ ที่นี้ด้วย )

 

ผมอยากทราบเรื่องจริงของหลวงพ่อ ครับ
ผมขอลงชื่อด้วยครับ

 

อยากทราบความจริง ขอลงชื่อด้วยคนครับ