โลกคือพระเจ้า...รู้หรือไม่...

อะนะ ขอบคุณในความปรารถนาดี จะรับไว้พิจารณา

 

คุณ ขวัญ น่า จะั รู้ ทัน มัน แล้ว นี่ ครับ

แล้ว จะ ไป เศร้า หมอง ได้ ยัง ไง อ่า

ถ้า เรา ยัง มอง ไม่ เห็น ตัว เรา

พยายม ที่ ไหน จะ มา มอง เห็น เรา ได้

ถ้า ยัง คิด ว่า มี อยู่ มัน ก็ มี ครับ (อย่า ใช้ ศัพท์สูง มัน สับสน)

 

ยังไม่รู้ทันอีกหลายอย่าง เกิดเศร้าหมองบางทียังไม่รู้เหตุเลย ทำกรรมเยอะในเวลาเดียวกัน แยกแยะไม่ถูกก็มี กิเลสมันมาไวไปไว รู้ทันเรื่องนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่อีกแระ ก็เก็บคะแนนสะสม ถิระสัญญา ให้เกิดสติได้แจ่มๆ จะได้ลดหรือไม่เกิดเป็นเศร้าหมองยาวนาน แต่นะรู้สึกว่า จิตยิ่งละเอียดขึ้น มันจะไวกับความยินดีและเศร้าหมองนะ ทำให้ลดการกระทำบางลงไปแบบอันโนมัติ บางทีเห็นหางก็โดดหนีแล้ว จะว่าแบบนี้ทำบ่อยๆก็ไม่ค่อยดีนะเหมือนจะหนีทุกข์ ก็ต้องพินาเอา ว่าจะเพิ่มกำลังด้วยการหันมาสู้ทนทุกข์ หรือจะเพิ่มปัญญาฉลาดแกมโกงด้วยการหนีทุกข์ แต่ขอให้รู้ตัวรู้สึกถึงทุกข์ได้ก็มีสติได้ปัญญา

 

รู้ แค่นี้ สู้ ไหว ?

 

อ้าว ที่ ฝึก ไม่ ใช่ เพื่อ จะ รู้ ว่า อะไร ทำ ให้ เกิด ที่ คุณ เรียก ว่า ทุกข์ เหรอ

ถ้า รู้ ว่า ทำ อะไร แล้ว มัน จะ เป็น ยัง ไง ก็ คุณ รู้ แล้ว ไม่ ใช่ เหรอ

ถึง คุณ จะ ไม่ รู้ มัน ก็ ดับ ไป แล้ว ไม่ ใช่ เหรอ

ถ้า คอย ตาม ดู เพราะ จิต มัน ดู เอง มัน ก็ เกิด ดับ ไม่ รู้ จบ น่ะ สิ เพราะ มัน เป็น ธรรม ชาติของมัน อย่างนั้น

มัน มา เดี๋ยว มัน ก็ ไป ถูก แล้ว

ถ้า รู้ ทัน มัน ก็ ดี จะ ได้ ไม่ หลง ไป ตาม มัน ไง

ทำ อะ ไร อะ ไร โดย ที่ รู้ ว่า เรา ต้อง การ ผล ยัง ไง นี่ ดี นะ

ถ้า รู้ ว่า ต้อง ทำ ยัง ไง ด้วย แล้ว นี่ สุด ยอด

อยาก ทำ อะ ไร ก็ ทำ ได้ หมด ทำ แล้ว มัน จะ ส่ง ผล อย่าง ไร ก็ รู้ หมด

เลย กำ หนด ได้ ว่า จะ ให้ ผล เป็น อย่าง ไร

 

รู้อยู่แล้วนะท่าน กำลังทำอยู่ในทาง
รู้ว่าทำแบบนี้ได้อะไร ทำแบบนั้นได้อะไร ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วไม่ได้ผลไม่รู้ว่าเพราะอะไรไปไม่ถูก ก็ค่อยไปหาพระอาจารย์ ต่อวิชชาให้ นะท่าน รู้อยู่ว่าองค์ฌาณไม่มี เราก็ทำของเราไปตามทางเท่านั้น รอจิตมันรวมตัวเอง ฟังจากซีดีท่านให้สวดมนต์ก็ได้ ระลึกถึงครูบาจารย์ พระพุทธเจ้า ก็ได้ ระลึกถึงศีลก็ได้ ที่ทำแล้วใจสงบ โล่ง โปร่งเบา ได้หมด ถ้าทำอันไหนแล้วแน่นอก อึดอัดท่านว่าผิดทางไม่ตรงจริตเรา แต่ทางนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะผิด เพราะคนอื่นเขาทำแล้วโล่งโปร่งเบาก็มี เพราะจริตคนมันต่างกัน

 

คุณเกสท์ครับ คุณคิดว่าเป็นการ

 

อนุโมทนา ค่ะ

 

การรู้เกิดดับของจิต หากรู้แบบทำสมาธิ เห็นใน ฌาณ3 ก็ยังไม่พ้นทุกข์ครับ

ต้องเห็นให้จริงกว่านั้น

ส่วนการเห็นเกิดดับแบบ เคขวัญ ถือเป็นการเห็นที่ยังมีคิด แม้เห็นสังขาร
ธรรมดับไป แปรไป ก็ยังไม่ถือว่าเห็นตามจริง

การเห็นตามจริง จะต้องเกิดจากจิตมันทำของมันเอง ไม่ใช่เราทำ
หากเรายังทำ หรือ ถือว่ารู้ เห็นว่าดับ อันนั้นไม่ใช่ของจริง ยังมีเรา
เห็น จึงมีสมมติอยู่

แต่ถ้าจิตมันเห็นเอง ขณะนั้น เราจะไม่มีอยู่ เพราะเป็นการสักแต่ว่าเห็น
ที่เกิดขึ้นตามจริง ไม่ใช่เราทำอารมณ์สักแต่ว่า แต่เป็นจิตเขาสักแต่ว่า
เมื่อนั้นเราไม่มี พาหิยะไม่มี เมื่อนั้นจิตเขาจะเห็นการเกิดดับของจิต
ด้วยตัวเขาเอง แบบนี้ก็จะถือว่า จบ 1 รอบ ( จริงกี่รอบก็ขึ้นกับ
บารมี วาสนาของแต่ละคน )

และเพราะขั้นนี้ จิตมันทำเอง จึงกำหนดเวลาไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้
หากเราทำเหตุไว้ดีสมควรแก่ธรรมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

เหตุที่ทำไว้ดีก็คือ รู้สึก รู้สึก เจริญสติ ไว้เนืองๆ

 

อนุโมทนา เป็นจริงดังที่คุณว่าไว้นั้นและ ยังหยั่งไม่ถึงจิต จิตยังไม่เห็นจิตจิตยังไม่รู้แจ้ง เห็นเพียงสังขารนอกๆ ยังมีเรา แน่นปึ๊กๆ มีอัตตาอยู่หนักๆ

 

อาการ สักแต่ว่า ก็เกิดจาก วิราคะธาตุ

การระลึกรู้ คอยรู้ ตามรู้ ตามดู จะค่อยๆทำให้เกิดวิราคะธาตุ

อย่างเมื่อวาน มีหม้อหุงข้าว บอกว่าเห็น โลภะ ตัวจิ๋ว

ตอนที่เห็น หากไม่ส่งจิตไปข้างยินดีที่เห็น หรือ ยินร้ายที่เห็น

ไม่มียินดี ยินร้าย จะเห็น วิราคะธาตุ เกิดชั่วขณะทันที แป๊ป
เดียวสั้นๆ

ดังนั้น เราก็ภาวนาไปแบบนี้ เห็นกิเลสไหว ก็รู้ทัน แล้วไม่เติม
อะไรลงไปในรู้ ไม่ยินดี ยินร้าย จะทำให้ไปได้เร็ว

พอใครเห็น สภาวะวิราคะธาตเกิด ก็จะเข้าใจการไม่เติมรู้

แล้วก็จะเข้าใจเรื่องการสะสมการเห็น

และก็จะเข้าถึงอกถึงใจละว่า ทำไม่ได้ อย่าทำ และ ยากส์แท้ๆน้อ

 

นะ วันนี้พูดดีมีสาระ นินา เอ... สงสัยพูดถูกใจ ถูกจริตจิต ละมั้ง เลยเกิดยินดี เมื่อได้ยิน นิ

 

และเพราะขั้นนี้ จิตมันทำเอง จึงกำหนดเวลาไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้
หากเราทำเหตุไว้ดีสมควรแก่ธรรมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

เหตุที่ทำไว้ดีก็คือ รู้สึก รู้สึก เจริญสติ ไว้เนืองๆ


อ้าว แล้ว บอก ว่า มี สติ อยู่ เนืองๆ

ต้อง บอก ก่อน นะ ครับว่า

อ่าน ทุก อันนะ ที่ คุณ โพส ไว้ ก่อน หน้า นี้

แต่ ผม ไม่ เข้า ใจ จริงๆ ครับ

ไม่ ถูก ทาง กัน มั๊ง เพราะ ผม ไม่ รู้ และ ไม่ ได้ สน ใจ เลย ไม่ ได้ ใส่ ใจ

แทง ยู จึ้ก จึ้ก จึ้ก สำ หรับ ความ พะยายาม ใคร ผ่าน มา อ่าน เขา ก็ คง ได้ อะไร ะไร ที่ เขา อยาก ได้ ไป มั่ง

ปี สอง ปี สาม ปี จาก นี้ ข้อ ความ ที่ คุณ โพส ไว้ ก็ ยัง อยู่ และ น่า จะ มี คน ที่ ต้อง การ จะ รู้ เรื่อง นี้ เข้า อ่าน

และ ผล บุญ ใน ครั้ง นี้ ที่ คุณ ได้ กระ ทำ ไว้ แล้ว นั้น ก็ น่า จะ ส่ง ผล ให้ คุณ ได้ รู้ ใน ธรรม ที่ คุณ อยาก รู้ และ ยัง ไม่ ได้ รู้ ต่อ ไป ใน ภาย ภาค หน้า

ซ๊าาาาาาาาาาาาาธุ

 

เทพหมื่นโม เขาเป็นของเขาอย่างนั้นอะสิดพี่

ถึงผมไม่พูด เขาก็โมได้ทุกเรื่องแหละ

พี่ลองพูดดีๆ กะเขาดิ เดี๋ยวก็โม

 

อนุโมทนา (บุญ อีกแระ ) สาธุ

 

สติ นั้นเราให้เจริญ

คำว่า เจริญ ไม่ได้แปลว่า มันมี มันยังไม่เกิดครับ

สติ เกิดเมื่อไหร่ มันจะสว่าง

การตามรู้ตามดู เป็นขั้น ทำให้สติมันมีเหตุใกล้ให้เกิด

คนมักไม่เข้าใจ มักคิดว่า การตามรู้ตามดูคือการทำสติ

หลักของเรานั้น ไม่มีใครทำให้สติเกิดได้ เราได้แต่ทำ
เหตุใกล้

คำว่า ตามรู้ เนืองๆ คือ การทำเหตุใกล้ให้เกิด สติ

 

อ่าว... เขาก็พูดดีนินา เราก็ส่องกระจก จากความคิดคนอื่น
เราทำเหตุ ด้วยการเจริญสติ รู้สึก รู้สึก ไว้เนืองๆ ไม่เฉไฉไปทางอื่น ก็ปักหลักไว้ก่อน เด๊ยวถึงเวลาต้องทำอะไรต่อ ก็มาเองรู้เอง

 

คุณ ขวัญ ครับ

แค่ นึก ยินดีก็ได้บุญแล้ว

ถ้า ต้อง การ ให้ คน อื่น รับ รู้ ก็ น่า จะ เป็น กรณี อโหสินะครับ

ต้อง แก้ นะ ไม่ งาม เท่า ไหร่ หรอก

ปล.คุณ เคย รัก ใคร เพียง แค่ เห็น ตัว หนัง สือ ที่ หน้า จอ คอม ฟิว เฟอร์ มั๊ย คร๊าาาา

 

ไม่แปลกหรอกครับ ที่คุณไม่เข้าใจ

เพราะคุณพยายาม ทำ

คุณต้องอ่านแบบไม่ทำความเข้าใจ แล้วเอาใจ รู้สึกแทน

คุณลองดูสิ ความรู้สึก คุณต้องทำไหม

อะไรที่คุณทำ อันนั้นไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นการเพ่ง จ้อง กำหนดจะรู้

หากใช้ รู้สึก มันมีของมันอยู่แล้ว เราหยิบมาใช้เลย

รู้เท่าที่รู้ด้วย ไม่ใช่ไปทำให้รู้สึก เพราะเราจะเอาหน้าที่รู้สึกของจิต
ที่มีอยู่แล้วมาเป็นเครื่องมือ เจริญสติ ให้ได้

 

คุณคิดไปเอง เข้าใจไปเองรึป่าว เขาไม่ได้ชมนิ เขาบอกสิ่งที่เข้าใจเราจากมุมมองของเขา เท่านั้น ที่เขาเห็นก็ถูกที่ว่า เรายังไม่ถึงขั้น จิตเห็นจิต