แบ่งปันพระเครื่องดี รับประกันความแท้ครับ มาใหม่9เม.ย.61 น.43

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kayasid, 13 มีนาคม 2015.

  1. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่8.ปิดรายการครับ

    รายการที่8.พระผงพระพุทธศรีมณฑป วัดสุวรรณดาราราม อยุธยา ปี2517 เนื้อผงอิทธิเจ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ผงธูปไหว้พระ ผงดอกไม้บูชาพระของลป.ดู่ และมวลสารต่างๆมากมายครับ ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ 16 รูป อาทิ ลป.ดู่ วัดสะแก , ลป.โต๊ะ วัดประดุ่ฉิมพลี , ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม ฯลฯ (ตามรายชื่อด้านบนครับ)

    สภาพพระสวย ผิวเดิม ไม่ผ่านการบูชาครับ

    บูชา องค์ละ 1,050 บาท (รวมค่าส่งครับ)


    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s97.jpg
      s97.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.2 KB
      เปิดดู:
      433
    • s98.jpg
      s98.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.6 KB
      เปิดดู:
      196
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  2. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่9. ปิดรายการครับ หมดครับ

    รายการที่9.ตะกรุดเมตตา ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
    ปี 253กว่า ครับ พุทธคุณ เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดครับ




    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  3. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่10.ปิดรายการครับ หมดครับ

    รายการที่10.ตะกรุดเมตตา ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง จ.เชียงใหม่
    ปี 253กว่า ครับ พุทธคุณ เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดครับ




    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  4. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่11. ปิดรายการหมดครับ

    รายการที่11.จระเข้อาคม อุดไม้ทองหลางทองรุ่นแรก ปี47 หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต เนื้อเงิน สภาพสวยพร้อมกล่องเดิม

    บูชา 1,850 บาท (รวมค่าส่งครับ)

    ในกระบวนเครื่องรางของขลังวิชาเฉพาะตัวของ"หลวงปู่สุภา"นอกจาก"แมงมุมเรียกทรัพย์"ที่สร้างชื่อให้ท่านแล้วยังมีเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่ท่านได้ไปเรียนมานอกสำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่า
    นั้นก็คือ "วิชาจระเข้อาคม"

    ������เท่าที่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคลรู้มา
    หลวงปู่สุภาได้สร้างจระเข้อาคมมานานแล้ว แต่เป็นขนาดบูชา คือขนาดใหญ่
    แกะด้วยไม้ทองหลางทอง ผู้ที่ได้รับจระเข้อาคม
    จากท่านไปต่างบอกกันปากต่อปากว่าป้องกันภัยได้ดี
    รักษาทรัพย์คุ้มครองสมบัติเงินทองดีมาก
    แถมยังมีมหาโภคทรัพย์เงินทองทรัพย์สมบัติงอกเงยเพิ่มพูลขึ้น
    คำว่า”ยากจนข้น แค้น”จะ หนีไกลไปเลย
    ไม่ปรากฏกับผู้ที่ได้บูชาจระเข้อาคมของหลวงปู่สุภาไปบูชา
    ทำให้จระเข้อาคมของท่านดังไกลและคงความเข้มขลังในหมู่ลูกศิษย์มานานแล้ว
    ������ประวัติ "วิชาจระเข้อาคม" หลวงปู่สุภาเล่าให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า
    หลังจากท่านได้เรียนวิชาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า สำเร็จแล้ว
    ท่านตั้งใจธุดงค์ต่อไปทางภาค
    เหนือแล้วมาพบกับบ้านคหบดีหลังใหญ่มีของมีค่า มากมาย
    แต่เปิดบ้านเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ ท่านจึงแวะสนทนาธรรมด้วย
    ������เจ้าของบ้านเป็นเศรษฐีใหญ่ใจบุญอายุประมาณ 70 ปี
    ออกมาต้อนรับถวายน้ำปานะ เมื่อฉันแล้วได้สนทนา
    หลวงปู่สุภาถามว่าบ้านของท่านมีของมีค่าเยอะอย่างนี้เปิดบ้านทิ้งไว้
    ไม่กลัว ขโมยหรือ ท่านเศรษฐีตอบว่าไม่กลัวหรอกครับเพราะผมมีของดี
    ว่าแล้วก็หยิบจระเข้ขึ้นมาโชว์
    ������ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่สุภาจึงได้เรียนวิชาจระเข้อาคมจากตำราจนเชี่ยวชาญ
    และสร้างจระเข้อาคมเป็นขนาดบูชาด้วยไม้ทองหลางทองให้ศิษย์ไว้บูชา
    วิชานี้ดีทางป้องกันคุ้มครอง ตัวเรา บริวาร ทรัพย์สิน
    และยังเป็นโภคทรัพย์เงินทองงอกงามเพิ่มพูลขึ้นอย่างทันตา
    ในวาระที่หลวงปู่สุภามีอายุครบ 109 ปี เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2547
    ท่านได้จัดสร้างจระเข้อาคมขนาดห้อยคอรุ่นแรกขึ้น
    อุดด้วยไม้ทองหลางทองตามตำรา ปลุกเสกเดี่ยวสมบูรณ์ แบบที่สุดรุ่นหนึ่ง
    "จระเข้อาคม"
    รุ่นนี้ในขณะปลุกเสกคณะศิษย์ได้เห็นลำแสงเกิดขึ้นบริเวณพานใส่และมือหลวงปู่สุภา
    แสดงถึงพลังอานุภาพของจระเข้อาคม

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • t108.jpg
      t108.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      188
    • t109.jpg
      t109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.6 KB
      เปิดดู:
      205
    • t110.jpg
      t110.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.8 KB
      เปิดดู:
      165
    • LPSupa_pic.jpg
      LPSupa_pic.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.4 KB
      เปิดดู:
      158
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2015
  5. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่12.ปิดรายการหมดครับ

    รายการที่12.พระพุทโธรุ่นแรก หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี พิมพ์กลาง หลังพระธรรม เนื้อผงพุทธคุณ ปี2526

    รับประกันความแท้ 100 %




    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที

    ประวัติการสร้างพระพุทโธ รุ่นแรก หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก

    ย้อนหลังไปประมาณปี 2526 ในขณะนั้นพระอุโบสถวัดทุ่งสามัคคีธรรม จังหวัดสุพรรณบุรี กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

    หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้ ปรึกษาหารือกับสหธรรมมิก ของท่านคือหลวงพ่อสุวรรณ ปภัสโร (( สุวรรณ ทองนาค ) วัดอาวุธ

    โดยท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมมาตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระ )

    ถึงการหาจตุปัจจัยที่จะมาดำเนินการให้แล้วเสร็จ หลวงพ่อสุวรรณ จึงให้ความเห็นว่าควรจะสร้างวัตถุมงคลเป็นพระพุทโธ

    แบบอย่างคุณแม่บุญเรือนเพื่อสมนาคุณแด่ผู้ที่มาร่วมถวายจตุปัจจัย ซึ่งหลวงพ่อสังวาลย์ท่านก็เห็นสมควรด้วย

    หลวงพ่อสุวรรณท่านจึงรับอาสาจัดสร้างพระพิมพ์พุทโธนี้เพื่อถวายแด่หลวงพ่อสังวาลย์โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ

    ท่านหวังเพียงเพื่อร่วมรับอานิสงค์ในการจัดสร้างพระอุโบสถ วัดทุ่งสามัคคีธรรมในครั้งนี้เท่านั้น

    การจัดสร้างนั้นกินเวลาค่อนข้างนานเนื่องจากหลวงพ่อสุวรรณท่านไม่มีความชำนาญในการสร้าง

    ได้ทำการลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ มีการเปลี่ยนและแก้ไขแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและหลังหลายครั้ง

    จนส่งผลให้พระชุดนี้มีความหลากหลายทั้งพิมพ์ทรง และเนื้อหา แต่หากสังเกตดีๆแล้ว

    พระทั้งชุดจะมีความเกี่ยวเนื่องกันในแต่ละองค์ ไม่มากก็น้อย และพระที่สร้างเสร็จในแต่ละคราวก็จะทยอยนำมาที่วัดทุ่งสามัคคีธรรม

    โดยทั้งที่หลวงพ่อสังวาลย์ท่านลงมารับเองและที่หลวงพ่อสุวรรณท่านนำขึ้นไปถวาย

    โดยในช่วงนั้นหลวงพ่อสังวาลย์ท่านขึ้นๆ ลงๆ มาที่วัดอาวุธถึงเดือนละ 4 รอบเลยทีเดียว

    และหลังจากที่ได้พระมาในแต่ละครั้งหลวงพ่อสังวาลย์ท่านจะทำการอธิษฐานจิตด้วยตัวท่านเองเงียบๆ

    โดยไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น จนบางครั้งพระ ชี ในวัดยังไม่ทราบเลยว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่

    จึงเป็นสาเหตุหนึ่งให้พระรุ่นนี้ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเท่าที่ควร หรือได้รับรู้ข้อมูลกันมาแบบผิดๆ

    จึงทำให้พระชุดนี้เป็นของดีที่ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพราะทั้งผู้สร้างและผู้เสกล้วนแล้วแต่เป็นพระผู้ทรงคุณทั้งสององค์

    มวลสารการจัดสร้างพระพุทโธ

    - ดินนิมิต จากวัดเขาสารพัดดี หลวงพ่อสังวาลย์ท่านนั่งเห็นดินที่มีคุณวิเศษในตัวอยู่ในสระน้ำของวัดเขาสารพัดดี

    โดยท่านได้นำหลวงพ่อบุญลือและคณะศิษย์ ไปชี้ตำแหน่งและขุดขึ้นมาโดยปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดกำปั้นผู้ใหญ่

    โดยเอาผ้าห่อเอาไว้แล้วขนกลับมาที่วัด เมื่อมาถึงที่วัดแล้วท่านก็นำบาตรของหลวงพ่อป้อง

    ที่ได้ได้รับการถวายมาจากกำนันวงษ์ ( พี่ชายหลวงพ่อสุวรรณ ) มาใส่น้ำแล้วอธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อป้อง

    ให้ท่านช่วยปลุกเสกดินให้เป็นรอบแรก แล้วจึงนำดินที่เป็นปั้นนั้นลงไปละลายในบาตรเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้าง

    หมายเหตุ : หลวงพ่อป้องเป็นพระที่หลวงพ่อสังวาลย์ให้ความเคารพนับถือมากอีกรูปหนึ่ง

    โดยในปัจจุบันกะโหลกส่วนศรีษะท่านที่เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อสังวาลย์ท่านได้นำมาใส่ไว้ในโกศ

    แล้วเอาสายสิจญ์พันรอบหลายๆชั้นด้วยตัวท่านเอง เพื่อป้องกันการเปิดออก

    โดยในปัจจุบันโกศนั้นตั้งวางให้บูชาอยู่บนเรือนไทย ที่วัดสังฆทาน กทม

    - พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม แตกหัก ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่กุฏิ พระเทพเมธากร เจ้าอาวาสวัดอาวุธในสมัยนั้น

    หลวงพ่อสุวรรณท่านได้ถวายปัจจัยทำบุญ 20,000 บาทแล้วนำมาทั้งหมด โดยได้พระพุทโธแตกหัก

    และผงมวลสารเก่าๆสมัยคุณแม่บุญเรือนประมาณ 2 ถังใหญ่ สาเหตุหลักที่หลวงพ่อสุวรรณท่านเจาะจงมวลสารนี้

    เพราะท่านได้รับคำสั่งสอนมาจากคุณแม่บุญเรือนว่า

    ? ฉันอธิษฐานพระให้เพียงหนเดียวเท่านั้น และพระฉันถึงแตกหักอย่างไร เมื่อนำมาบดแล้วสร้างใหม่

    ก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมเช่นที่ฉันอธิษฐานให้ ?

    ซึ่งหลังจากการอธิษฐานพระพุทโธน้อยแล้วคุณแม่ก็ไม่ได้อธิษฐานพระที่ใดอีกเลย

    - ศิลาน้ำ คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด

    - ข้าวตอกพระร่วง คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด

    ในส่วนผสมนี้หากใช้กล้องส่องจะพบว่าเป็นเม็ดดำๆคล้ายๆนิลอยู่ในเนื้อพระ

    - ปูนแดงเสก คุณแม่บุญเรือน

    - และส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในพระชุดนี้คือ อัฐิธาตุ และ ผงอังคารธาตุ ของคุณแม่บุญเรือน จำนวนมาก

    ที่หลวงพ่อสุวรรณท่านได้เก็บรักษาไว้ โดยหลวงพ่อสุวรรณท่านได้บอกกล่าวขออนุญาตคุณแม่

    แล้วนำมาบดใส่ทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ซึ่งท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนใส่บอกว่า ท่านกำอัฐิธาตุ

    และผงอังคารธาตุที่บดแล้วใส่ในการผสมเนื้อในแต่ละครั้งละเป็นกำๆเลยที่เดียว

    หมายเหตุ

    น้ำที่ใช้ประสานเนื้อในพระชุดนี้เป็นน้ำที่ได้มาจากการทำพิธีเสกน้ำ จากศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือนทั้งสิ้น

    และยังมีน้ำเสกที่คุณแม่เคยเสกไว้ให้ รวมทั้งน้ำที่ได้จากการล้างบาตรหลวงพ่อป้อง (ล้างเพื่อเอาดินที่ติดอยู่ออก)

    ในการปั๊มพระแต่ละครั้งแป้งที่ใช้โรยเพื่อไม่ให้พระติดพิมพ์นั้นก็เป็นแป้งอธิษฐานของหลวงปู่บุดดา ทั้งสิ้น

    โดยหลวงพ่อสุวรรณได้ไปเช่าบูชา มาเป็นลังๆ (แป้งสปริงซอง)

    ส่วนแม่พิมพ์นั้น หลวงพ่อสุวรรณท่านและศิษย์ที่เป็นหมอฟัน ได้ช่วยกันแกะและถอดพิมพ์

    โดยใช้ต้นแบบเค้าโครงจากพระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือน โดยแม่พิมพ์นั้นได้ทำขึ้นมาหลายพิมพ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2015
  6. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    หลวงพ่อเตียง วัดเขาลูกช้าง พิจิตร

    หลวงพ่อเตียง วัดเขาลูกช้าง พิจิตร

    พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณหรือหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้างอดีตพระคณาจารย์ชื่อดังของเมืองพิจิตรศิษย์สายหลวงพ่อเงินวัดบางคลานโดยสืบทอดพุทธาคมมาจากหลวงพ่อพิธวัดฆะมังวัตถุมงคลที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักคือตะกรุดแต่เหรียญรุ่นแรก, รูปหล่อรุ่นแรกปัจจุบันเริ่มหายากสนนราคาปรับสูงขึ้นตามลำดับ
              หลวงพ่อเตียงเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2444 ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น 13 ค่ำเดือน 3 ปีฉลูที่บ้านดงกลางตำบลดงปาคำอำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร
              อุปสมบทเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2466 ณพัทธสีมาวัดดงกลางโดยมีพระครูศิลธรารักษ์ (ยิ้ม ทัดเที่ยง) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรเป็นพระอุปัชฌาย์เจ้าอธิการปุ่นเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระปลัดเป้าเป็นพระอนุสาวนาจารย์ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นธรรมเนียมพระนวกะหรือผู้บวชใหม่
              เคยไปเรียนแพทย์แผนโบราณกับหมอแก้วท่าบัวทองที่อำเภอโพธิ์ประทับช้างด้านพุทธาคมไสยเวทย์เบื้องต้นได้ศึกษาจากเจ้าอธิการปุ่นซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านจากนั้นได้ไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อพิธ วัดฆะมังรวมถึงพุทธาคมไสยเวทย์และสรรพศาสตร์ต่างๆจนมีความชำนาญและเชี่ยวชาญสามารถนำมาใช้และปฏิบัติได้เข้มขลัง
              ตลอดเวลาในสมณเพศท่านเป็นผู้ยึดมั่นเคร่งครัดพระธรรมวินัยอบรมสั่งสอนพุทธบริษัทให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและเอาใจใส่ในการพระศาสนาต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราบั้นปลายของชีวิตท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคาพยาธิต่างๆต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ
              วันที่ 12 มีนาคมพ.ศ. 2520 เวลา 09.20 น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพรวมสิริอายุ 76 ปี 53 พรรษา

    วัตถุมงคลหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง
              วัตถุมงคลของท่านมีหลายชนิดมีทั้งรูปถ่าย ลงยันต์ ,รูปหล่อเหมือน,รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน แต่ที่ได้รับความนิยมรู้จักแพร่หลายคือตะกรุดซึ่งตะกรุดของท่านอั่วหรือหลอดด้านในจะเป็นอั่วทองแดงนอกจากตะกรุดเนื้อตะกั่วแล้วยังมีชนิดม้วนรวมกันสามชั้นคือตะกั่วทองเหลืองทองแดงหากมีการถักเชือกลักษณะการถักคล้ายกับของหลวงพ่อพิธวัดฆะมังมีทั้งลงรักและไม่ลงรักรวมถึงการไม่ถักเชือกอานุภาพในตะกรุดของท่านเด่นทางการคงกระพันชาตรี
              การลงอักขระเลขยันต์ในตะกรุดเฉพาะยันต์ด้านในมีชื่อเรียกตามตำราพิชัยสงครามว่ายันต์ลงตะกรุดคู่ชีวิตหรือยันต์อาวุธพระพุทธเจ้าลงด้วยพระคาถาสัจจาธิษฐานของพระพุทธเจ้าว่าอะสิสัตติธนูเจวะสัพเพเตอาวุธานิจะภัคคะภัคคาวิจุณ
    ณานิโลมังมาเมนะผุสสันติเป็นสำคัญ
              หนุนด้วยธาตุทั้งสี่บารมีสามสิบทิศล้อมรอบด้วยอิติปิโสแปดทิศนวหรคุณและไตรสรณคมณ์พร้อมทั้งยังมียันต์ประทับหลังตะกรุดซึ่งยันต์ประทับหลังนี้ท่านได้เพิ่มเติมยันต์ที่เห็นว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ลงไปอีกเพิ่มจากต้นตำรับเดิม
     
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  7. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่13. ปิดรายการครับ

    รายการที่13.รูปหล่อโบราณ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง จ.พิจิตร ปลุกเสก ปี 2500 แบบหล่อยกช่อ 9 องค์ สร้างน้อยและหายากมากๆครับ ปกติที่หล่อเป็นองค์เดี่ยวๆ มีประสบการณ์มากด้านเมตตาโชคลาภ แคล้วคลาด คงกะพันชาตรี นี่มาแบบยกช่อทีเดียว 9องค์ บูชาประจำบ้าน พุทธคุณสุดยอดครับ มีคุณค่าน่าสะสมและบุชาครับ

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ



    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ



    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1.jpg
      a1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.7 KB
      เปิดดู:
      169
    • a2.jpg
      a2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.2 KB
      เปิดดู:
      270
    • a3.jpg
      a3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      208
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2015
  8. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม

    หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม

    หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
             
    กาลสมภพ
             หลวงปู่บุญชาตะเมื่อวันจันทร์ขึ้น ๓ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก จุลศักราช ๑๒๑๐ สัมฤทธิศกเวลาย่ำรุ่งใกล้สว่าง ตรงกับวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๓๙๑ อันเป็นปีที่ ๒๕ แห่งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ท่านชาตะ ณ. บ้านตำบลท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (ในครั้ง นั้นยังเป็นตำบลบ้านนางสาว อ.ตลาดใหม่ เมืองนครชัยศรี มณฑลนครชัยศรี  ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นบ้านท่าไม้ อ.สามพราน จ.นครปฐม แต่ปัจจุบันนี้ ต.ท่าไม้ ได้โอนไปขึ้นกับ อ.กระทุ่มแบน จ.สุมทรสาคร)

    โยมบิดาของหลวงปู่มีนามว่า "เส็ง" โยมมารดามีนามว่า "ลิ้ม" ท่านมี พี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ๖ คน โดยตัวท่านเป็นคนหัวปี มีลำดับดังนี้

    ๑.พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ)
    ๒. นางเอม
    ๓. นางบาง
    ๔. นางจัน
    ๕. นายปาน
    ๖. นายคง

    เหตุแห่งมีนามว่า "บุญ"
             เมื่อวัยทารก ท่านมีอาการป่วยหนักถึงแก่สลบไป และไม่หายใจในที่สุดบิดามารดาและญาติ เมื่อเห็นว่า ท่านตายเสียแล้วจึงจัดแจงจะเอาท่านไปฝัง แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันที่จะได้ฝังท่านก็กลับฟื้นขึ้นมา บิดามารดา ได้ถือเอาเหตุนี้ตั้งชื่อให้แก่ท่านว่า "บุญ"

    การศึกษาและบรรพชา
             เมื่อครั้งที่หลวงปู่บุญ ยังอยู่ในวัยเยาว์นั้น โยมทั้งสองได้ย้ายภูมิลำเนามาทำนาที่ตำบลบางช้าง อ.สามพราน  เมื่อท่านอายุได้ ๑๓ ปี โยมบิดาได้ถึงแก่กรรม โยมป้าของท่านจุงนำไปฝากให้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับพระปลัด ทอง ณ วัดกลาง ซึ่งในสมัยนั้นมีชื่อว่า "วัดคงคาราม" ต.ปากน้ำ (ปากคลองบางแก้ว) อ.นครชัยศรี เมื่อท่าน อายุได้ ๑๕ ปีเต็มพระปลัดทองจึงทำการบรรพชาให้เป็นสามเณรและได้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ต่างๆ ให้  เมื่อครั้งนั้นท่านได้รับใช้อย่างใกล้ชิดจึงทำให้เป็นที่รักใคร่ของพระปลัดทอง แต่เมื่อมีอายุได้ใกล้อุปสมบท ท่านมีความจำเป็นต้องลาสิกขาเนื่องด้วยความป่วยไข้เบียดเบียน

    อุปสมบท
             หลวงปู่บุญ อุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ณ พัทธสีมา วัดกลางบางแก้ว เมื่อวันจันทร์เดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีมะเส็ง จุลศักราช ๑๒๓๑ เอกศกเพลาบ่ายตรงกับวันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๑๒ ในท่ามกลาง ที่ประชุมสงฆ์ ๓๐ รูป โดยมีพระปลัดปาน เจ้าอาวาสวัดพิไทยทาราม (วัดตุ๊กตา) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระ ปลัดทอง เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว พระอธิการทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดงิ้วราย พระครูปริมานุรักษ์ วัดสุประดิษฐานราม และพระอธิการจับ เจ้าอาวาสวัดท่ามอญร่วมกันให้สรณาคมณ์กับศีลและสวดกรรมวาจา อนึ่ง การที่มีพระอาจารย์ร่วมพิธีถึง ๔ รูปเช่นนี้ก็เพราะพระเถระเหล่านี้เป็นที่เคารพนับถือ ของผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้า ภาพอุปสมบทแล้วพระอุปัชฌาย์ขนานนามฉายาให้ว่า "ขนฺธโชติ" แล้วให้จำพรรษาอยู่กับพระปลัดทอง ที่วัดกลางบางแก้ว

    การศึกษาทางปริยัติและปฏิบัติ
             หลวงปู่บุญ ถูกว่างพื้นฐานในทางธรรมมาอย่างดีแล้วตั้งแต่เป็นเด็กวัดและสามเณร ซึ่งช่วงระยะเวลา ดังกล่าวประมาณ ๕-๖ ปี ที่ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้พระปลัดทอง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นฐานในทางธรรม ของท่านถูกถ่ายทอดมาโดยพระปลัดทองทั้งสิ้น อาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านก็คือพระปลัดปาน เจ้าอาวาส วัดตุ๊กตา ซึ่งจากปากคำของพระครูธรรมวิจารณ์ (ชุ่ม) เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) บางกอกน้อย  เคยกล่าวไว้ว่าหลวงปู่บุญได้เล่าเรียนกรรมฐานและอาคมกับท่านปลัดปาน อันที่จริงนั้นอาจารย์ที่ถ่ายทอด วิชาความรู้ทางธรรม ทั้งปริยัติและปฏิบัติตลอดจนพระเวท และพุทธาคมให้แก่ท่านยังมีอีกหลายรูป แต่จะกล่าวถึงในถัดไป

    สมณศักดิ์และตำแหน่ง
              ในปี พ.ศ. ๒๔๒๙ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอธิการปกครองวัดกลางบางแก้ว
              ในปี พ.ศ.๒๔๓๑ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์
              ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะหมวด
              ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาอีก ๔ เดือน คือวันที่ ๓๐ ธันวาคม ศกเดียวกันก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูมีราชทินนามว่า "พระครูอุตรการบดี"  และยกให้เป็นเจ้าคณะแขวง
    เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๒ ก็ได้รับพระกรุณาโปรดให้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญา บัตรที่ "พระครูพุทธวิถีนายก" และให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรการคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมกับจังหวัด สุพรรณบุรี
              ในปีพ.ศ. ๒๔๗๑ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดให้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะสามัญในราชทินนามที่  "พระพุทธวิถีนายก"
    ประวัติชีวิตหลวงปู่บุญที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนย่อยในทั้งหมดของท่าน เพราะหากจะนำมาเขียนกัน จริงๆ คงต้องยืดยาวมาก อีกทั้งได้มีนักเขียนหลายท่านพรรณาไว้อย่างถูกต้องดีแล้วผู้เขียนจึงเว้นไว้เสีย ไม่นำมากล่าวถึงอีก

    เมตตาธรรม
             ปกติหลวงปู่บุญ เป็นพระที่มีความเมตตากรุณาแก่บุคคลทั้งหลายเป็นอันมาก ได้อุปการะพระลูกวัดตลอดจน สานุศิษย์ และเกื้อกูลชาวบ้านอยู่เป็นนิจ ตลอดอายุขัยของท่าน ทั้งนี้เกิดจากเป็นนิสัยโดยกำเนิดของท่านที่  เป็นผู้มีใจเป็นบุญกุศลและปฏิเสธการกระทำอันเป็นบาปมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว

    ปล่อยปลาหมดข้อง
             สมัยเมื่อหลวงปู่บุญ ยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่กับโยมทั้งสอง ก็มีลักษณะแปลกกว่าเด็กทั้งหลายคือ ไม่ยอมฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต และไม่ชอบการจับเอาสัตว์มาเล่น ทรมานเหมือนเด็กอื่นๆ โยมทั้งสองซึ่งมีอาชีพในการทำนานั้น  ขณะว่างจากงานก็จะเที่ยวหาปลาตามหนองน้ำต่างๆ เพื่อมาทำอาหารบริโภคเช่นเดียวกับชาวนาบททั้งหลาย  และโยมทั้งสองก็มักจะเอาท่านไปด้วย เพราะท่านเป็นบุตรคนหัวปี โดยมอบท่าน สะพายข้องใส่ปลาที่จับได้ ตอนแรกๆ ท่านไม่ยอมไปด้วย ก็ถูกโยมดุว่า ท่านจึงจนใจต้องสะพานย่ามติดตามโยมไปด้วย ในวันหนึ่งโยม จับปลาได้มาก ต่างก็พากันดีใจปลดปลาใส่ข้องได้หลายตัว ครั้นกลับมาถึงบ้านเตรียมนำเอาปลามาทำอาหาร  พอเปิดข้องออกดูปรากฏว่า ไม่มีปลาในข้องเลยแม้แต่ตัวเดียว
             เมื่อโยมถามท่านก็บอกว่าเอาปลาปล่อยไปตามทางหมดแล้ว เป็นอันว่าในวันนั้น แทบจะไม่มีกับข้าว รับประทานกันทั้งบ้าน โยมโกรธท่านมากและไม่ลงโทษเฆี่ยนตีท่าน อย่างรุงแรงหลังจากนั้นมา โยมก็มิได้ เอาท่านไปหาปลาอีกเลย และท่านก็ได้กลายเป็นเด็กที่ซึมเซาเหงาหงอยเบื่อความมีชีวิตอย่างโลภๆ หลวงปู่บุญ เคยเล่าให้ผู้ใกล้ชิดฟังว่าท่านมีความรู้สึกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้วว่า ชีวิตทางโลกเป็นหนทางที่มีแต่ความ เบียดเบียน และมีความปรารถนาจะเข้าวัดบวชเรียนเสียเร็วๆ และก็ได้มีโอกาสบวชเป็นสามเณร เมื่ออายุได้  ๑๓ ปี และมีชีวิตในทางธรรมมาตลอด

    อำนาจ ตบะเดชะ
             แม้ว่าหลวงปู่บุญ จะเป็นผู้เฒ่าที่ใจดี แต่ก็ไม่วายที่จะมีคนเกรงกลัวกันมาก กล่าวกันว่าท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจ ในตัว กอปรด้วยท่านเป็นคนพูดน้อย มีแววตากล้าแข็ง จึงไม่ว่าใครๆ ต่างก็พากันเกรงขามท่านกันทั้งนั้น  ใครก็ตามที่มีธุระทุกข์ร้อยมาหาท่าน ท่านก็จะรับเป็นภาระช่วยบำบัดปัดเป่าทุกข์ภัยนั้น ให้ด้วยความเมตตา กรุณาโดยทั่วหน้ากัน บางคนมาขอฤกษ์ หรือมาให้ท่านทำนายเกณฑ์ชะตาบอกข่าว ในคราวประสพ เคราะห์กรรมต่างๆ บ้างก็ขอให้ท่านรดน้ำพุทธมนต์ หรือมิฉะนั้นก็มาขอยารักษาโรคจากท่าน ครั้นเมื่อท่าน จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ท่านก็จะนั่งนิ่งๆ ไม่พูดจาว่ากระไรอีก คนที่มาหาท่านก็จะลงมือทำงานของท่านต่อไป  โดยปรกติแล้วในวันหนึ่งๆ หลวงปู่หาเวลาว่างจริงๆ ได้ยาก ท่านทำงานของท่านตลอดเวลา เว้นแต่เวลาฉัน  หรือเวลาจำวัดเท่านั้น
             บุคลิกพิเศษของหลวงปู่อีกประการหนึ่งทำให้คนเกรงขามก็คือ แววนัยน์ตาอันแข็งกร้าวอย่างมีอำนาจ ของท่าน ทุกครั้งที่ท่านพูดกับใครนัยน์ตาคู่นี้จะจับต้องนัยน์ตาของผู้นั้นแน่นิ่งอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตา ที่ทรง พลังอำนาจเช่นนี้อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้ขุนโจรใจโหดก็จะไม่กล้าสู่นัยน์ตาท่านได้
             ครั้งหนึ่งมีพระลูกวัด ๒-๓ องค์ แอบไถลมานั่งคุยกันเล่นอย่างสนุกสนานที่ท้ายน้ำหน้าวัดพร้อมกับร้อง ทักทายชาวบ้านที่พายเรือผ่านหน้าวัดไปมา โดยละเลยต่อการปฏิบัติศาสนากิจตามกำหนด หลวงปู่เดินมา เห็นเข้าพระเหล่านั้นต่างตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดเกรงท่าน มีอยู่องค์หนึ่งที่ตกใจมากกว่าเพื่อนไม่รู้ว่า จะหลบหนีหลวงปู่ไปทางไหนดี เลยโดดหนีลงไปในแม่น้ำต่อหน้าต่อตาท่านทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว และน้ำในแม่น้ำก็เย็นจัดหลวงปู่ได้ร้องบอกว่า "ขึ้นมาเถอะคุณเดี๋ยวจะเป็นตะคริวตายเสียเปล่าๆ" แล้วท่านก็ลงมืออบรมสั่งสอนพระเหล่านั้นให้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องทำให้พระทุกองค์พากันเข็ดขยาด ไปอีกนาน
             อีกเรื่องหนึ่งที่ หลวงปู่บุญไม่ชอบ ก็คือ ชาวบ้านที่ชอบนุ่งโสร่งเข้าวัด ท่านมักจะปรารภในเรื่องนี้ว่า "การแต่งกายเป็นเครื่องสอนนิสัยใจคอคน การเข้าวัดเข้าวาไม่ควรนุ่งโสร่งลอยชายมันไม่สุภาพ ควรนุ่งห่มให้เรียบร้อยสักหน่อยจะสมควร" ข่าวอันนี้เมื่อล่วงรู้ไปถึงชาวบ้านละแวกนั้นเข้า ก็กลายเป็น ข้อปฏิบัติที่ว่าต่อไปเมื่อใครจะเข้าวัดจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย โดยจะต้องไม่นุ่งโสร่งเป็นอันขาด

    อาพาธและมรณภาพ
              ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เป็นต้นมา ซึ่งหลวงปู่บุญได้รับพระกรุณาโปรดให้เป็นพระราชาคณะที่พระพุทธวิถี นายกนั้น ท่านมีอายุได้ ๘๑ ปีแล้ว งานบริหารกิจการสงฆ์จังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรีที่ผ่านมาก็ได้ ดำเนินมาด้วยความเรียบร้อย กิจการศาสนาในด้านต่างๆ โดยการนำของท่านก็ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดมาด้วยดี แต่ระยะหลังๆ นี้ หลวงปู่บุญ กำลังเข้าสู่วัยชราภาพมากแล้ว สังขารก็ทรุดโทรร่วงโรยลงไปตาม วันเวลา จะเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละครั้งก็ไม่สะดวก ท่านจึงกราบทูลขอลาออกจากคณะสงฆ์ สมเด็จพระ สังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ มีรับสั่งถามหลวงปู่ว่าเวลานี้อายุได้เท่าไร ท่านก็กราบทูลว่า ๘๑ ปีเศษ ทรงรับสั่งว่า "จงอยู่ไปก่อนเถิด"
             ท่านจึงต้องทนปฏิบัติงานต่อไปจนถึง พ.ศ. ๒๔๗๔ อายุ ๘๔ ปี ทางการคณะสงฆ์จึงเห็นเป็นการสมควร พักผ่อนเสียที โดยให้ท่านได้รับพระราชทานยศเป็นกิติมศักดิ์ จึงได้ติดต่อให้กระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้น  นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงโปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ยกเป็นกิติมศักดิ์ หลวงปู่จึงได้พักผ่อนจากการบริหารคณะสงฆ์ คงปฏิบัติแต่กิจพระศาสนา ทำนุบำรุง พระอารามเป็นการถภายในแต่นั้นเป็นต้นมา

    มีหลักฐานบันทึกต่อไปถึงตอนมรณภาพของหลวงปู่ไว้ว่า
             ท่านเจ้าคุณไม่เห็นแก่ความยากลำบาก มุ่งทำกิจที่เป็นสาธารณประโยชน์ทางศาสนา ด้วยความเคารพ อยู่ในธรรมเป็นประมาณ ควรกล่าวว่ามีจรรยา สมกับพุทธภาษิตที่ว่า "อโมฆ ตสฺส ชีวิตา " บุคคลผู้ประพฤติ ธรรมนั้นชีวิตไม่เป็นหมัน หรืออีกนัยหนึ่งซึ่งพ้องกับภาษิตว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใดๆ ประพฤติธรรมสมควรธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมอยู่ ผู้นั้นเชื่อว่าเคารพนับถือบูชาแก่พระตถาคตเจ้า ด้วย การบูชาอันสูงสุดยิ่ง คือมีความเป็นอยู่ ยังหิตานุหิตประโยชน์ให้สำเร็จแก่ตนและหมู่ชนต่างๆ ชั้น ซึ่งเป็น ตัวอย่างอันดี ที่ธีรชนผู้หวังคุณงามความดี น่าจะพึงดำเนินตามต่อไปหากว่าเจ้าคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ คงทำ ประโยชน์ซึ่งเป็นสาธารณะทางพระพุทธศาสนาอีกมาก
             แต่นี่ท่านมาถึงมรณภาพเสียเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕  ปีชวด เวลา ๑๐.๔๕ น. โดยโรคคาพาธ ณ กุฏิของท่าน สิริรวมอายุท่านโดยปีได้ ๘๙ พรรษา ๖๗
             ทั้งนี้ ก็เพราะสังขารของท่านประกอบด้วยชราภาพ จึงได้แปรปรวนยักย้ายไปตามธรรมดา ถึงแม้ว่าท่าน มรณภาพไปแล้วก็ดี คุณงามความดีซึ่งกระทำไว้ ก็ปรากฏตลอดมาจนบัดนี้ และคงปรากฏต่อไปอีกชั่วกาลนาน

    ปฏิปทา อภินิหาร หลวงปู่บุญ พญาเสือโคร่ง ในวัดกลางบางแก้ว
             
    มีเรื่องเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ในย่าน อ.นครชัยศรี ต่อๆกันมาว่า หลวงปู่บุญ ท่านสำเร็จวิชา "สำเร็จธาตุ" เป็นวิชาเดียวกันกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท สามารถเสกใบไม้เป็นต่อแตน เสกหัวปีเป็นกระต่าย ให้พิศวงต่อผู้พบเห็นกันมาแล้ว หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว ก็มีคุณวิเศษไม่แพ้กัน เรื่องมีอยู่ว่า ในปีหนึ่งหลังช่วงประมาณออกพรรษาได้มี พระรูปหนึ่ง ชื่อ "อาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์" ได้เดินทางมาหาหลวงปู่บุญโดยอ้างว่าอยากให้หลวงปู่บุญแนะทางในเรื่องวิปัสสนาและสอบอารมณ์ จะมาขอพักที่วัดสักเดือน ผ่านไปสองถึงสามวัน ก็แล้วอาจารย์ฮวด ก็ยังไม่ขึ้นไปหาหลวงปู่บุญตามที่เคยแจ้งถึงวัตถุประสงค์ที่มาวัดกลางบางแก้ว วันๆก็เอาแต่คุยอวดอุตริถึงความสามารถของตน ในการลงตะกรุดได้ขลังยิงแทงไม่เข้า มีวิชาผ้ายันต์เมตตา เจอสาวๆจะหลงรัก สามารถล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ และยังคุยว่าที่มาวัดกลางบางแก้วนี้เพราะหลวงปู่บุญเชื้อเชิญให้มาช่วยเหลืองานปลุกเสก บนกุฏิอาจารย์ฮวดวันๆ พลุกพล่านไปด้วยพระเณรและฆราวาส ที่เชื่อในคำอวดอ้างของอาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์ เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาหลวงปู่ตลอด วันหนึ่งหลวงปู่บุญได้เรียกเณรคำ ผู้ซึ่งรับหน้าที่อาจารย์ฮวดให้ไปพบที่กุฏิแล้วส่งแผ่นตะกั่วสี่เหลี่ยมให้พร้อมกำชับว่า "เณรช่วยเป็นธุระให้ฉันหน่อยเถอะจ้ะ...ช่วยเอาแผ่นตะกั่วนี้ไปให้คุณฮวดลงตะกรุดให้ฉันสักดอกหนึ่งนะ จะเอาไปกันปืน เณรรีบเอาไปตอนนี้เถอะปลอดคนแล้ว ช้าเดี๋ยวจะแน่นกันใหญ่" เณรคำรับแผ่นตะกั่วแล้วรีบตรงไปยังกุฏิ อาจารย์ฮวด ระหว่างทางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ตนเป็นผู้ดูแลต้มน้ำร้อน น้ำชา ให้อาจารย์ฮวดมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ แม้แต่หลวงปู่ก็ยังต้องให้อาจารย์ฮวดลงตะกรุดให้ อาจารย์ฮวดเป็นพระใจดีไม่เหมือนหลวงปู่ถึงจะใจดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะเกรงกลัวบารมี เมื่อขึ้นไปบนกุฏิอาจารย์ฮวดนั่งอยู่เพียงองค์เดียว เณรคำได้แจ้งว่า หลวงปู่บูญใช้ให้เอาแผ่นตะกั่วมาให้ลงตะกรุดกั้นปืนไว้ใช้สักหนึ่งดอก อาจารย์ฮวดได้ฟังคำดังนั้นก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจ หันไปหยิบเหล็กจารและยื่นมือออกมารับแผ่นตะกั่วจากเณรคำ พอแผ่นตะกั่วถูกมืออาจารย์ฮวดเท่านั้น เสียงร้องก็ดังขึ้น"โอ๊ย...โอ๊ย...ร้อน..ร้อนเหลือนเกิน" เณรคำอยู่ในอาการตกตลึงในเหตุการณ์เบื้องหน้า พร้อมกับงงแผ่นตะกั่วที่ถือมากับมือก็ไม่เห็นเป็นเช่นที่อาจารย์ฮวดกำลังร้องเสียงหลงอยู่ จึงรีบเข้าไปหมายจะไปดึงแผ่นตะกั่วออกจากมืออาจารย์ฮวดแต่เดชะบุญ ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดกับเหมือนยิ่งติดแน่นเข้าไปอีก อาจารย์ฮวดร้องครวญครางต่อไปอีกจากความรู้สึกตนที่คิดว่าความร้อนมาจากแผ่นตะกั่ว "ร้อน ร้อนจริงๆ ....ไอ้เณรเอาอะไรมาให้กู มือกูพองหมดแล้ว" สักครู่เสียงร้องก็เริ่มเบาลง คะเนว่าความร้อนในแผ่นตะกั่วคงเบาบางลง แต่เหตุใดเล่าแผ่นตะกั่วก็หาได้หลุดจากมืออาจารย์ฮวดไม่ ดังนั้นทั้งสองจึงชักชวนกันไปหาหลวงปู่บุญรีบเร่งตรงไปที่กุฏิหลวงปู่บุญ ก้าวขึ้นบันไดกุฏิพ้นบันไดก็จะเป็นห้องโถง ที่หลวงปู่บุญใช้สำหรับรับแขก เป็นประจำ ทันใดนั้นเอง...! ทั้งอาจารย์ฮวดและเณรคำ ต่างตกใจสุดขีด เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือ พญาเสือโคร่งตัวใหญ่มหึมา นั่งจ้องเขม็งดวงตาเปล่งประกายมายังทั้งสอง พร้อมทั้งไม่ได้จ้องอย่างเดียวแต่ลุกกระโจนมายังทั้งสอง ทั้งสองร้องลั่นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กระโดดลงกุฏิจนจีวรปลิวโดยไม่ได้กลัวขาแข้งหัก ปากก็ร้องลั่นว่า"โอีย! ไม่เอาแล้ว เสือ...เสือ" จนพระ เณร ศิาย์วัดกลางบางแก้วพากันงงไปหมดว่าสองคนนั่นเล่นอะไรกัน ศิษย์ผู้รับใช้หลวงปู่ได้รีบเข้าไปดูที่กุฏิหลวงปู่บุญ ก็ไม่พบเสือตัวไหน อย่างที่สองคนนั่นร้องเสียงหลง เห็นแต่หลวงปู่บุญนั่งอยู่องค์เดียวพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เสียอีกทั้งยังสั่งว่า "ไปดูคุณฮวดหน่อยซิ เขาว่าจะให้ฉันสอบอารมณ์หลายวันแล้วไม่เห็นขึ้นมา" รับคำเสร็จศิษย์ผู้นั้นก็ตรงไปยังกุฏิอาจารย์ฮวด เห็นทั้งอาจารย์ฮวดและเณรคำ นั่งตัวสั่นงันงก ฝ่ายอาจารย์ฮวดไม่สั่นอย่างเดียวมือก็รีบเก็บข้าวขิงใส่ย่ามหยิบผิดหยิบถูกอย่างรีบเร่ง ไม่สนใจคำเชื้อเชิญของหลวงปู่ผ่านศิษย์ให้ไปสอบอารมณ์ เมื่อจัดข้าวของเสร็จฏ็รีบออกจากวัดไปทันที ทิ้งให้เณรคำยื่นถือแผ่นตะกั่วมองตามหลังไปจนลับตา

    ดับไฟที่สำเพ็ง
              หลวงปู่เพิ่ม ลูกศิษย์ ล.ป.บุญ เคยเล่าผ่านศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟัง เมื่อครั้งได้เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่บุญ ว่าท่านมี อำนาจกระแสแห่งญาณสมาบัติแรงนักหนา ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สำเพ็งในกรุงเทพฯ หลวงปู่บุญใช้ให้หลวงปู่เพิ่มไปตักน้ำสักขัน หลวงปู่เพิ่มก็ไปตักน้ำดังคำที่หลวงปู่บอก แต่ไม่เข้าใจว่าจะตักน้ำเพื่ออะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม เมื่อหลวงปู่เพิ่มส่งขันน้ำให้ หลวงปูบุญก็ลุกขึ้นตรงไปยังที่หน้าโต๊ะพระที่ท่านใช้สวดมนต์ประจำ นั่งหลับตาใช้สมาธิจิตอยู่สุกครู่ จากนั้นก็ใช้มือหวิดน้ำในขัน หวิดไปเรื่อยๆ จนน้ำในขันลดไปถึงก้นขัน ท่านจึงหยุดหวิด พร้อมกับวางขันลง นั่งเข้าสมาธิหลับตานิ่งไปอีกครู่ใหญ่ หลังจากละสมาธิหลวงปู่บุญก็ลุกจากโต๊ะพระ เดินกลับมานั่งที่เก่าพร้อมปรารภกับหลวงปู่เพิ่มว่า “ช่วยเขาหน่อย” แค่นั้นสั้นๆ สร้างคำถามขึ้นในใจหลวงปู่เพิ่ม เป็นอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าถาม วันเวลาผ่านไป เมื่อมีพระจากวัดสุทัศน์ เดินทางมาฝึกฝนวิปัสนากับหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่มได้ลืมเรื่อง หลวงปู่บุญหวิดน้ำจากขันไปแล้ว แต่ได้รับจากการบอกเล่าจากพระวัดสุทัศน์ว่าเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สำเพ็ง แต่โชคยังดีที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เสียหายไม่มากนัก หลวงปู่เพิ่มเล่าต่อไปอีกว่าได้มานั่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ วัน เวลา ทุกอย่างตรงกันหมดถึงกับอุทานในใจว่า บารมีหลวงปู่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ คุ้มฟ้า คุ้มดินได้........
    ปัจฉิมกาลของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว   หลวงปู่บุญท่านช่วยสงเคราะห์ประชาชนที่เดือดร้อนด้วยเมตตาธรรม จึงทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย บางคนมาขอฤกษ์ บางคนมาให้ท่านทำนายเกณฑ์ชะตา บางคนมาให้ท่านช่วยสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ มาให้ท่านรดน้ำพุทธมนต์ หรือมิฉะนั้นก็มาขอยาจินดามณีจากท่าน หลวงปู่บุญท่านให้การสงเคราะห์ผู้คนอย่างนี้ทุกวันไม่เคยขาด ทำให้วันหนึ่งๆ แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยก็ว่าได้
       ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ที่หลวงปู่บุญได้รับพระกรุณาโปรดให้เป็นพระราชาคณะที่พระพุทธวิถีนายกนั้น ในขณะที่ท่านมีอายุถึง ๘๑ ปีแล้ว ท่านทำงานปกครองคณะสงฆ์ จังหวัดนครปฐมสมุทรสาครและสุพรรณบุรี ซึ่งท่านปกครองด้วยความเรียบร้อยทุกประการ แต่ระยะในหลังนี้หลวงปูบุญ ย่างเข้าสู่วัยชราภาพมากแล้ว สังขารก็ทรุดโทรมร่วงโรยลงไปตามกาลเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละครั้งก็ไม่สะดวก
       หลวงปู่บุญท่านรับภาระงานปกครองคณะสงฆ์จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๔ เมื่อท่านอายุ ๘๔ ปี ทางคณะสงฆ์จึงเห็นเป็นการสมควรให้หลวงปู่ได้พักผ่อน โดยให้ท่านได้รับพระราชทานยศเป็นกิตติมศักดิ์ และอีก ๔ ปีต่อมาหลวงปู่บุญอาพาธด้วยโรคชรา ในช่วงเวลาก่อนการละสังขารของหลวงปู่บุญ ท่านได้เรียกหลวงปู่เพิ่มเข้ามาเพื่อสั่งเสีย โดยท่านได้มอบมีดด้ามงาแกะที่ท่านติดตัวประจำให้แก่หลวงปู่เพิ่ม พร้อมทั้งกล่าวเป็นนัยว่า “สังขารเกิดจากการปรุงแต่ง ย่อมมีความแตกดับเป็นธรรมดา วิถีแห่งอริยมรรคคือพระวิปัสสนากัมมัฏฐานเท่านั้นที่ทำให้บุคคลล่วงทุกข์ได้” ในเวลานั้นหลวงพ่อวงศ์        วัดเสน่หา ได้แวะมาหาหลวงปู่ ช่วงนั้นก็ได้ช่วยหลวงปู่เพิ่ม ดูแลปรนนิบัติหลวงปู่บุญ เพลานั้นหลวงปู่บุญเกิดอาพาธหนักด้วยโรคเก่า หลังฉันเข้าในวันหนึ่งหลวงปู่บุญมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และมีถ่ายท้องหนัก หลวงปู่เพิ่มนำยามาถวายท่านก็ไม่ยอมฉัน หลวงปู่บุญสั่งให้หลวงพ่อวงศ์จุดเทียนที่หน้าที่หน้าโต๊ะพระภายในกุฏิท่าน เมื่อจุดครั้งแรกเกิดลมกรรโชกดับ ครั้งที่สองก็ดับอีกจวบจนครั้งที่สามเทียนก็ไม่สามารถจุดให้ติดได้ ทิ้งให้เป็นปริศนาธรรมข้อหนึ่งว่า จากการที่จุดเทียนไม่ติดนั้นนั่นหมายถึง “สังขารเมื่อมาถึงจุดดับก็ไม่มีสิ่งใดจะห้ามได้” หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ยกมือขึ้นนัยว่าเป็นการห้าม ท่านนอนหลับตานิ่ง ยกมือประสานที่บนอกและดับขันธ์ละสังขารอย่างสงบเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ เวลา ๑๐.๔๕ นาที สิริรวมอายุได้ ๘๙ ปี พรรษาที่ ๖๗ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ รวมแล้วหลวงปู่บุญมีอายุยืนยาวนานนับ ๖ แผ่นดิน

    วัตถุมงคลหลวงปู่บุญ

    หลวงปู่บุญ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ที่เป็นที่นิยมมากและแพงมากคือ เหรียญเจ้าสัว เบี้ยแก้ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ เหรียญชินราช พระผงยาวาสนาจินดามนี และเครื่องรางหลากหลายชนิด อาทิเช่น เสือ สิงห์ หนุมาน งาแกะ นางกวัก พระปิดตาไม้แกะแบบต่างๆมีสร้างไว้หลายช่วงอายุของท่าน ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  9. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่14.ปิดรายการครับ หมดครับ

    รายการที่14.พระปิดตาไม้รากรักซ้อนแกะ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม สภาพสวยมาก หายากครับ ด้านบนเศียรและก้นขององค์พระมีตะกรุดสอดอยู่ หลวงปู่จารหัวใจพระภควัมบดีกำกับเอาไว้ สุดยอดความเข้มขลัง พุทธคุณยอดเยี่ยมครบทุกด้าน มหาเมตตา มหาโชค มหาลาภ สุดยอดครับ ขนาดองค์พระ กว้าง 1.1 ซ.ม.สูง 2 ซ.ม.

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ



    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ




    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a7.jpg
      a7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      313
    • a8.jpg
      a8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.7 KB
      เปิดดู:
      222
    • a9.jpg
      a9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      150
    • a10.jpg
      a10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.7 KB
      เปิดดู:
      177
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  10. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่15.ปิดรายการครับ หมดครับ

    รายการที่15. พระนาคปรกเล็ก หลังยันต์ เนื้อเมฆพัตร หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม สภาพสวยครับ พุทธคุณยอดเยี่ยมครบทุกด้าน เมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด คงกะพันชาตรี สุดยอดครับ ขนาดองค์พระ กว้าง 1.2 ซ.ม.สูง 2.1 ซ.ม.

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ

    พระนาคปรก เป็นพระพุทธรูปปางประจำวันเสาร์ ที่มีคติความเชื่อกันว่า พุทธานุภาพพุทธคุณสูงส่ง ในอดีตโบราณาจารย์จะนิยมสร้างพระนาคปรกเป็นพระพุทธรูปบูชาขนาดใหญ่ ด้วยเนื้อศิลา เนื้อโลหะ ประกอบกับบางอารามมีพระพุทธรูปปางนาคปรก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด จึงนิยมสร้างพระพิมพ์ขนาดเล็ก เพื่ออาราธนาพกติดตัวไปที่ต่างๆ ได้สะดวกขึ้น เพื่อปกป้องรักษา ปกป้องคุ้มกันภยันตรายให้แก่ชีวิต รวมทั้งเพื่อบรรจุกรุไว้ในสถูปเจดีย์ หรือมงคลสถานต่างๆ
     
    จวบจนในสมัยรัตนโกสินทร์ พระนาคปรกได้รับความนิยมจากพระเถราจารย์ โดยสร้างเป็นพระเครื่องขนาดเล็กไว้สำหรับบูชาติดตัว

    หลวงปู่บุญท่านสำเร็จวิชาธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุ ท่านจึงสร้างพระด้วยเนื้อเมฆพัดขึ้น เพื่อแจกแก่ลูกศิษย์ไว้บูชาครับ

    เมฆพัตร โลหะที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุตามตำราของไทยโบราณ เชื่อว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์มีฤทธานุภาพในตัวเอง เมฆพัตรเป็นส่วนผสมของตะกั่วและทองแดง มีกรรมวิธีการสร้างที่ซับซ้อน ในระหว่างหลอมต้องผสมตัวยาหลายชนิดมีกำมะถัน ปรอท และว่านยาได้แก่ ไพลดำ ต้นหิงหาย ไม้โมกผา ขิงดำ กระชายดำ สบู่แดง สบู่เลือด เป็นต้น ซัดเข้าไปในเบ้าหลอม พอสำเร็จจะได้โลหะสีดำเป็นมันเงาเลื่อมพราย

    "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ



    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ



    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a52.jpg
      a52.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.3 KB
      เปิดดู:
      556
    • a53.jpg
      a53.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.3 KB
      เปิดดู:
      194
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  11. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สมเด็จพระสังฆราชแพ-พระผงเจ้าคุณทิพโกษา ปี2460

    สมเด็จพระสังฆราชแพ-พระผงเจ้าคุณทิพโกษา ปี2460

    พระยาทิพย์โกษา (สอน โลหนันท์) เลขานุการเสนาบดี กระทรวงการต่างประเทศ เป็นคนแรกที่เขียนประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่เกิดทันยุคของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยได้บันทึกเรื่องพระสมเด็จฯ และความนิยมของผู้คนไว้เมื่อ พ.ศ.2473 ความว่า “ วันเมื่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มาถึงวัดระฆังฯ (ท่านมรณภาพที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม) พระธรรมถาวร (ช่วง) พระราชาคณะที่มีอายุ 88 ปี มีตัวถึงวันเรียงประวัติเรื่องนี้ ได้ตักพระพิมพ์แจกชำร่วยแก่บรรดาผู้มาส่งศพ สักการะศพ เคารพศพนั้น แจกทั่วกันคนละองค์สององค์ ประมาณราวสามหมื่นองค์ที่แจกไป และต่อๆ มาก็แจกเรื่อย เดี๋ยวนี้จะหาสักครึ่งองค์ก็ไม่มี มีแต่จำเพาะตนๆ ”

    เนื่องจากเป็นผู้ที่เกิดร่วมสมัยทันในยุคของสมเด็จโต อีกทั้งยังมีความเลื่อมใสเจ้าประคุณสมเด็จเป็นอย่างมาก ว่ากันว่า ท่านเจ้าคุณทิพย์โกษาเก็บพระสมเด็จที่แตกหักชำรุดเสียหายไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของผงพุทธคุณในสร้างสร้างพระเพื่อแจกในคราวงานฉลองแซยิด ตามธรรมเนียมของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในครั้งกระโน้น ท่านเจ้าคุณทิพยโกษาเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก โดยดำรงตนเป็นโยมอุปถากที่อยู่รับใช้ใกล้ชิด ในสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ รวมถึงเป็นผู้มีบทบาทในการจัดพิธีกรรมการพุทธาภิเษกหล่อพระกริ่งของเจ้าประคุณสมเด็จฯเสมอมา พระผงชุดนี้ สร้างสมัยพระสังฆราชแพทรงดำรงเป็นพระพรหมมุณีปลุกเสก เมื่อประมาณปี 2459 - 2460 เจ้าคุณทิพย์โกษาได้ทูลขอประทานอนุญาตเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างพระเนื้อผงพุทธคุณจากสิ่งมงคลทั้งปวงผสมกับผงเกสรดอกไม้บูชาพระ โดยสร้างเป็นพิมพ์พระกริ่งเนื้อผง พระชัยวัฒน์ เนื้อผงดำ พระพิจิตร เนื้อผงดำ และพิมพ์อื่นๆ อีกหลายพิมพ์ เช่นพิมพ์เล็บมือ พิมพ์ล้อพระกรุวัดรังษี เป็นต้น รวมเรียกว่าพระผงเจ้าคุณทิพย์โกษา ส่วนใหญ่จะมีการปิดทองลงในพิมพ์ก่อน พระผงชุดนี้จึงมีทองคำเปลวให้เห็นบนผิวพระ และที่สำคัญ พระผงเจ้าคุณทิพโกษา ทุกพิมพ์ ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกในการสร้างพระชัยวัฒน์กะไหล่ทอง เมื่อ ปี พ.ศ. 2460


    @@@@ ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา@@@@


    พระกริ่งวัดสุทัศน์ ที่สร้างในสมเด็จพระสังฆราชแพ มีด้วยกันหลายรุ่น ซึ่งโดยส่วนมากในแต่ละครั้งที่สร้างนั้น สมเด็จพระสังฆราชท่านก็จะสร้างขึ้นตามกำลังวัน เช่น วันอาทิตย์มีกำลัง 6 วันจันทร์มีกำลัง 15 วันอังคารมีกำลัง 8 วันพุธมีกำลัง 17 วันพฤหัสบดีมีกำลัง 19 วันศุกร์มีกำลัง 21 และวันเสาร์มีกำลัง 10 เป็นต้น โดยแบ่งเรียกเป็นชื่อรุ่นต่างๆ ตามประวัติการสร้าง โดยขอกล่าวเป็นสังเขปดังนี้

    1.พระกริ่งเทพโมลี แบ่งออกเป็นสองรุ่น คือรุ่นแรกจะมีตอกโค๊ตเป็นตัวเลข และรุ่น 2 ไม่มีตอกโค๊ต ซึ่งได้สร้างขึ้นในสมัยเป็นพระเทพโมลี ในปีพ.ศ. 2441-2442
    2.พระกริ่งรุ่นธรรมโกษาจารย์ สร้างในปีพ.ศ.2443-2454
    3.พระกริ่งพรหมมุนี มีสร้างออกมาหลายรุ่นหลายคราว สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2455-2465
    4.พระกริ่งเขมรน้อย สร้างในปีพ.ศ.2458
    5.พระกริ่งรุ่นศิษย์ถวายสำรับ สร้างในปีพ.ศ.2458
    6.พระกริ่งพระยาศุภกร สร้างในปีพ.ศ.2460
    7.พระกริ่งเจ้าคุณทิพย์โกษา สร้างในปีพ.ศ. 2460
    8.พระกริ่งรุ่นพุฒาจารย์ สร้างในปีพ.ศ. 2466-2471
    9.พระกริ่งรุ่นวันรัตสร้างในปีพ.ศ. 2472
    10.พระกริ่งปีพ.ศ. 2478 เป็นพิมพ์ที่ดัดแปลงมาจากพระกริ่งปวเรศ วัดบวรวิหาร โดยต่างกันที่ไม่มีบัวคู่ข้างหลัง
    11.พระกริ่งปีพ.ศ.2479 เป็นกริ่งที่สร้างออกมามากถึง 464 องค์
    12.พระกริ่งหน้าอินเดียสร้างเมื่อปีพ.ศ.2482
    13.พระกริ่งประภามณฑลวัดดอน สร้างเมื่อปีพ.ศ.2480 ที่วัดดอนยานนาวา
    14.พระกริ่งหน้าไทย สร้างเมื่อปีพ.ศ.2482
    15.พระกริ่งปีพ.ศ.2483
    16.พระกริ่งวัดกลางสร้างเมื่อปีพ.ศ.2483 ที่วัดกลางวรวิหาร
    17.พระกริ่งรุ่นบรรจุสุพรรณบัฏ สร้างเมื่อปีพ.ศ.2483
    18.พระกริ่งวัดช้าง สร้างเมื่อปีพ.ศ.2484
    19.พระกริ่งพุทธนิมิตร สร้างเมื่อปีพ.ศ.2484
    20.พระกริ่งปีพ.ศ.2485 เป็นพิมพ์เดียวกับปีพ.ศ.2483 เพียงแต่สีเนื้อต่างกัน
    21.พระกริ่งเชียงตุง สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2486 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายสร้างเป็นจำนวน 108 องค์


    ปัจจุบันพระชัยวัฒน์กะไหล่ทอง ของสายวัดสุทัศน์นี้ หายากจนกลายเป็นพระในตำนานไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์เล็กๆ ราคาค่านิยมเป็นล้านแต่พระผงชุดนี้ ของเจ้าคุณทิพยโกษา ถือได้ว่าเป็นพระของสมเด็จพระสังฆราชแพ ที่ราคาย่อมเยาที่สุด ดีทั้งนอกคือเจตนาการสร้างและพิธีกรรมดีประวัติข้อมูลการสร้างชัดเจนสามารถสืบค้นและเป็นที่ยอมรับกันเป็นสากล ดีทั้งในคือเนื้อหามวลสารดีนับว่าเป็นพระผงที่สร้างจากวัดสุทัศน์อีกชุดหนึ่งที่ทันสมเด็จพระสังฆราชแพ และทรงคุณค่าครบถ้วนสมบูรณ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  12. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่16.ปิดรายการหมดครับ

    รายการที่16. พระผงเจ้าคุณทิพโกษา ปี2460 พิมพ์วัดรังษี เนื้อผงพุทธคุณปิดทองเดิมในพิมพ์ สมเด็จสังฆราชแพปลุกเสก องค์นี้สภาพสวยครับ มาพร้อมตลับเงิน พุทธคุณยอดเยี่ยมครบทุกด้าน ขนาดองค์พระ กว้าง 1.5 ซ.ม.สูง 2.3 ซ.ม.(ไม่รวมตลับ)

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ

    เจ้าคุณทิพย์โกษาได้ทูลขอประทานอนุญาตเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างพระเนื้อผงพุทธคุณจากสิ่งมงคลทั้งปวงผสมกับผงเกสรดอกไม้บูชาพระ โดยสร้างเป็นพิมพ์พระกริ่งเนื้อผง พระชัยวัฒน์ เนื้อผงดำ พระพิจิตร เนื้อผงดำ และพิมพ์อื่นๆ อีกหลายพิมพ์ เช่นพิมพ์เล็บมือ พิมพ์ล้อพระกรุวัดรังษี เป็นต้น รวมเรียกว่าพระผงเจ้าคุณทิพย์โกษา ส่วนใหญ่จะมีการปิดทองลงในพิมพ์ก่อน พระผงชุดนี้จึงมีทองคำเปลวให้เห็นบนผิวพระ และที่สำคัญ พระผงเจ้าคุณทิพโกษา ทุกพิมพ์ ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกในการสร้างพระชัยวัฒน์กะไหล่ทอง เมื่อ ปี พ.ศ. 2460 สมเด็จพระสังฆราชแพ ทรงเป็นเจ้าพิธีครับ



    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ





    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a13.jpg
      a13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.8 KB
      เปิดดู:
      232
    • a14.jpg
      a14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.3 KB
      เปิดดู:
      218
    • b6.jpg
      b6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.5 KB
      เปิดดู:
      158
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2015
  13. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) -พระสมเด็จอรหังต้นแบบพระสมเด็จ

    สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)

    สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี พ.ศ. 2363 อยู่ในตำแหน่ง 3 พรรษา สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2365 พระชนมายุได้ 90 พรรษา

    พระองค์ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2276 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี ได้เป็นพระอธิการอยู่วัดท่าหอย แขวงรอบกรุงเก่า มีพระเกียรติคุณในทางบำเพ็ญสมถภาวนา

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้โปรดให้นิมนต์พระองค์มาอยู่ที่วัดพลับ และให้เป็นที่ พระญาณสังวรเถร พระองค์เป็นพระอาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่ยังอยู่ที่วัดท่าหอย การที่โปรดให้นิมนต์มาอยู่ที่วัดพลับ ก็เนื่องจากเป็นวัดสำคัญฝ่ายอรัญวาสีของกรุงธนบุรี ซึ่งต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า วัดราชสิทธาราม พระองค์ได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เมื่อปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชในอีก 4 ปีต่อมา เมื่อมีพระชนมายุได้ 88 พรรษา ตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร นับว่าเป็นตำแหน่งพิเศษ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นตำแหน่งที่พระราชทานแก่พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ

    เมื่อครั้งเกิดอหิวาตกโรคระบาดในกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2363 มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย ประมาณถึง สามหมื่นคนเศษ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงให้ตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศ โดยพระองค์ทรงศีลและให้ตั้งโรงทาน ส่วนสมเด็จพระสังฆราชทรงให้สังคายนาบทสวดมนต์ในพระราชพิธีดังกล่าว

    ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกพระองค์ว่า "สังฆราชไก่เถื่อน" เพราะร่ำลือกันว่า ทรงช่ำชองวิปัสสนาธุระถึงขนาดทำให้ไก่เถื่อนเชื่องด้วยอำนาจพรหมวิหารได้

    พระสมเด็จอรหัง ต้นแบบของพระสมเด็จ

    การกำเนิดพระสมเด็จ อรหัง
    นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงโปรดให้พระอาจารย์สุกหรือพระญาณสังวรเถระ มาอยู่ที่วัดราชสิทธารามหรือวัดพลับ ที่ อ. บางกอกใหญ่ นครหลวงฝั่งธนบุรี แล้ว ต่อมาวัดนี้ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ การทรงผนวชของพระราชวงศ์แต่ละพระองค์นั้น ภายหลังมักจะเสด็จไปศึกษาวิปัสสนา ที่สำนักพระญาณสังวร ณ วัดราชสิทธารามอยู่เสมอ เช่นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย, พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น พระญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน ก็ได้เป็นพระบรมราชาจารย์ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์นี้ด้วย
    จากการที่สมเด็จฯ ท่านยิ่งใหญ่ด้านอาคมขลังจนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วนั้นจะเป็นด้วยทนการวิงวอนจากบรรดาสานุศิษย์หรือผู้คนที่นับถือท่านมากราย อยากจะได้พระเครื่องของท่านไว้คุ้มครองบ้างก็ได้ ด้วยเหตุนี้เอง, พระเครื่องพิมพ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบชิ้นฟัก ซึ่งสร้างด้วยผงวิเศษสีขาวนั้น สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ จึงได้ให้กำเนิดพระสมเด็จดังกล่าวนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2360
    เล่ากันว่า พระสมเด็จอรหัง ที่สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อนได้เริ่มสร้างเป็นครั้งแรกนั้น ท่านยังดำรงตำแหน่งเป็นพระราชาคณะอยู่ที่วัดพลับ พระเครื่องพิมพ์สมเด็จฯส่วนหนึ่งเมื่อได้รับการปลุกเสกแล้ว ท่านก็แจกจ่ายให้ไปบูชากันโดยถ้วนทั่วและเป็นที่เข้าใจกันว่า พระสมเด็จอรหัง พิมพ์ปฐมฤกษ์นั้นก็คือ พิมพ์ เกศเปลวเพลิง ซึ่งด้านหลังจะไม่ปรากฏมีอักขระคำว่า อรหัง จารึกลงไว้เลย

    สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน ท่านได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการสร้างพระพิมพ์สมเด็จอรหังต่อมาอีก มีหลายพิมพ์ที่เสร็จแล้วท่านก็แจกสานุศิษย์ต่อไปโดยมิได้ลงกรุ แต่พระอีกจำนวนหนึ่งนั้น เมื่อท่านได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช และได้ย้ายมาอยู่ที่วัดมหาธาตุแล้ว ก็เข้าใจว่าพระสมเด็จอรหังส่วนหลังนั้น ท่านคงได้นำมาบรรจุไว้ในเจดีย์ที่วัดมหาธาตุแห่งนี้ไว้เป็นจำนวนมากทีเดียว

    พุทธลักษณะ, เนื้อ,และพิมพ์
    พระสมเด็จอรหัง ของสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อนนี้ เท่านี้ปรากฏอยู่ในวงการพระเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว จะแยกแบบออกได้ถึง 5 พิมพ์ ด้วยกันดังนี้
    1.   สมเด็จอรหัง พิมพ์สังฆาฏิ เป็นพระเนื้อผงสีขาวที่นิยมกันมากมีขนาดกว้าง 2 ซ.ม. สูง 3 ซ.ม. ครึ่ง พุทธลักษณะเป็นพระปางสมาธิประทับนั่งบนฐาน 3 ชั้น เห็นชายสังฆาฏิห้อยชัดเจนทุกองค์ ด้านขอบข้างองค์พระจะถูกอัดออกมาตามแบบแม่พิมพ์โดยไม่มีการตัดด้วยเส้นตอกเลย และโปรดสังเกตการประทับนั่ง เข่าจะแคบและตรง ส่วนด้านหลังจะปรากฏอักขระคำว่า อรหัง จารึกไว้ด้วย พระสมเด็จพิมพ์นี้แยกออกเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบเศียรโต และ 2. แบบเศียรเล็ก
    2.   พระสมเด็จอรหัง พิมพ์ฐานคู่ เป็นพระเนื้อผงสีขาว เข่ากว้างและโค้งกว่าพระพิมพ์สังฆาฏิ โดยเฉพาะฐานสร้างเป็นเส้นเล็กคู่ นอกจากนั้นทั้งขนาด, ขอบด้านข้าง, และหลัง คงเหมือนกับ พิมพ์สังฆาฏิ ทุกอย่าง
    3.   พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เกศเปลวเพลิง นี่เป็นอีกพิมพ์หนึ่งซึ่งนอกจากจะมีน้อยแล้ว แม้จะหาชมก็ยากนัก พระพิมพ์นี้ทั้งความงามและขนาดจะเหมือนกับ พิมพ์สังฆาฏิ มีเพี้ยนอยู่บ้างก็ตรงที่มีเกศขมวดม้วนเป็นตัว อุ และรูปทรงค่อนข้างชะลูด ส่วนฐานประทับถึงแม้จะเป็นแบบ 3 ชั้น แต่ก็หนาวกว่ากันมาก พระพิมพ์นี้เป็นพระเนื้อผงสีขาว ด้านหลังเป็นแบบราบโดยไม่มีอักขระขอมปรากฏให้เห็นเลย ส่วนขนาดจะเท่ากับพิมพ์แรก ๆ
    4.   พระสมเด็จอรหัง พิมพ์โต๊ะกัง ขนาดพระพิมพ์นี้จะเท่ากับ 3 พิมพ์แรกสัญลักษณ์ที่ควรจดจำกับพระสมเด็จพิมพ์โต๊ะกัง นี้ได้ง่าย ๆ ก็คือ เป็นพระผงผสมว่านเนื้อออกสีแดงคล้าย ปูนแห้ง แม้ค่อนข้างหย่อนงามไปบ้าง แต่ก็เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่หาชมได้ยาก ด้านหลังของพระพิมพ์นี้จะถูกปั๊มลึก ปรากฏเป็นอักขระคำว่า อรหัง นูนขึ้นมา ผิดกับ 3 พิมพ์แรกซึ่งถูกจารึกบุ๋มลงไปด้วยการจารึกเส้นเล็ก ๆ ด้วยมือตอนเนื้อพระยังไม่แห้ง
    5.   พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เล็ก พระพิมพ์นี้จะมีขนาดสูงเพียง 2.3 ซ.ม. เท่านั้น เป็นพระเนื้อผงสีขาว ซึ่งมีพุทธลักษณะเหมือนเช่นกับทุก ๆ พิมพ์ที่กล่าวไปแล้ว หากแต่ได้เพิ่มประภามณฑลล้อมรอบเศียรขึ้นมาอีกแบบเท่านั้นเอง นับว่าเป็นพระอีกพิมพ์หนึ่งที่หาชมได้ยากพอ ๆ กับพิมพ์เกศเปลวเพลิงทีเดียวสำหรับด้านหลังจะลงจารึกคำว่า อะระหัง ไว้ด้วยเช่นกัน

    พระสมเด็จอรหัง มีสองกรุ

    พระสมเด็จอรหังทั้ง 5 พิมพ์ ดังได้กล่าวไปแล้วนั้น บางพิมพ์ตรงกัน แต่เนื้อกลับไม่เหมือนกัน หรือบางพิมพ์จารึกที่ลงไว้ด้านหลังกลับเป็นอักขระเล็กบ้าง, ใหญ่บ้าง, โดยไม่เท่ากันนั้น ก็เพราะพระสมเด็จอรหังนี้ มีแยกออกเป็น 2 กรุดังจะกล่าวไว้พอเป็นสังเขปดังนี้

    1.   พระสมเด็จอรหัง กรุวัดมหาธาตุ กล่าวกันว่ามีผู้พบพระเพียง 3 พิมพ์เท่านั้น คือ 1. พิมพ์สังฆาฏิ 2. พิมพ์ฐานคู่ 3. พิมพ์เล็ก โดยจะเป็นพระเนื้อผงสีขาวทั้งหมดส่วนพิมพ์เกศเปลวเพลิงนั้น ต่างก็พูดกันว่า เป็นพระเครื่องพิมพ์แรกที่สมเด็จท่านอาจทำเป็นการทดลอง และได้แจกจ่ายไปก่อนแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ที่วัดพลับก็ว่าได้ พระสมเด็จกรุวัดมหาธาตุนี้ โดยทางเนื้อจะละเอียดขาวและมีความแน่นตัวมาก พระทุก ๆ องค์หากมิได้ใช้ หรือเมื่ออกจากกรุใหม่ ๆ จะมีฝ้าคราบขาวนวลหุ้มติดอยู่ทุกองค์บางองค์ก็ปิดทองล่องชาด และบางองค์ถึงกับเนื้องอกแบบพระวัดพลับก็มี ส่วนด้านหลังอักขระที่จารึกไว้นั้น ตัวอักษรจะเท่ากัน และค่อนข้างใหญ่กว่าของกรุวัดสร้อยทองอีกเล็กน้อย

    2.   พระสมเด็จอรหัง กรุวัดสร้อยทอง พระสมเด็จกรุนี้ได้มีผู้พบภายหลังจากกรุวัดมหาธาตุ ได้เผยโฉมออกมาแล้ว พระที่พบคือสมเด็จอรหังพิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์โต๊ะกัง, และพิมพ์ฐานคู่ ซึ่งเป็นพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด พิมพ์แรกจะเห็นชายสังฆาฏิชัดเจน เช่นเดียวกับกรุวัดมหาธาตุแต่เนื้อจะหยาบกว่า แก่ผงเกสรดอกไม้และมีทรายปนอยู่ด้วย ส่วน พิมพ์โต๊ะกัง เป็นพระเนื้อสีแดง มีคราบกรุจับนวลขาวทั่วไป ตราปั๊มด้านหลังจะปรากฏแบบลึกนูนขึ้นมาชัดเจนอ่านง่าย ส่วนพิมพ์เล็กไม่ปรากฏพบอยู่ในกรุนี้เลย
    เรื่องสมเด็จอรหังกรุวัดสร้อยทองนี้ บางท่านก็ว่าสมเด็จพระสังฆราชสุก ท่านได้สร้างให้กับวัดนี้ไว้ แต่พระภิกษุผู้ชราชื่อ แพร ซึ่งอยู่ที่วัดสร้อยทอง ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า... พระสมเด็จกรุนี้ ความจริงแล้ว ผู้สร้างคือพระอาจารย์ กุย ซึ่งเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อนอีกองค์หนึ่ง ท่านได้สร้างไว้โดยใช้แม่พิมพ์เดิม แต่เนื้อและการลงจารึกด้านหลังจะเล็กผิดกว่ากันมาก

    ส่วนเรื่องพระสมเด็จอรหัง พิมพ์โต๊ะกัง นั้นเข้าใจว่าได้มีชาวจีนสร้างเป็นกุศลร่วมลงกรุไว้ที่วัดสร้อยทอง พระพิมพ์นี้จึงมีสีแดง สีแห่งความรุ่งโรจน์ ซึ่งชาวจีนนิยมกันมาก และที่เรียกว่า พิมพ์โต๊ะกัง ก็เห็นจะเป็นเพราะตราด้านหลังคำว่า อรหัง ซึ่งโดยปกติแล้ว จะใช้เหล็กแหลมเขียน แต่พระสมเด็จอรหังสีแดงพิมพ์นี้กลับใช้ตราปั๊มลึกนูน โดยตัวอักขระหนังสือจะนูนขึ้นมาเหมือนกับตราปั๊มของร้านทอง ตั้งโต๊ะกัง ที่ปั๊มติดกับสร้อย เลยเป็นเหตุให้นักเลงพระยุคนั้นเห็นดีเห็นชอบเรียกชื่อพระพิมพ์นี้ว่า พระสมเด็จอรหัง พิมพ์โต๊ะกัง ตั้งแต่นั้นมา
    เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าคุณจะมีพระสมเด็จอรหังพิมพ์โต๊ะกังหรือไม่โต๊ะกังก็ตามที ขอให้มีพระองค์พอสวยก็แล้วกัน ถ้าไม่พูดถึงพระพุทธคุณท่านเด็ดในทางมหานิยมอยู่แล้ว ผมขอรับรองว่าคุณ ๆ ที่มีพระพิมพ์นี้ไว้จะยืน ยิ้มแบบโต๊ะกัง ได้อย่างสบายมาก เพราะขณะนี้เขาเสนอราคาเช่ากันองค์ละใกล้แสนหรืออาจจะเลยแสนไปแล้วก็ว่าได้

    พุทธคุณของพระสมเด็จอรหัง
    สำหรับเรื่องพุทธคุณการใช้จากผู้ได้ประสบการณ์กับพระสมเด็จพิมพ์นี้มาแล้วนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ดังกระฉ่อนเช่นพระสมเด็จวัดระฆังฯ หรือสมเด็จบางขุนพรหมก็ตาม ได้มีนักเผชิญโชคผู้ได้มีประสบการณ์อันมหัศจรรย์จากพระสมเด็จอรหังมาแล้ว ถึงกับตื่นตะลึงและหวงแหนกันยิ่งนัก เพราะพระสมเด็จพิมพ์นี้ดีทางเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดเหมือนเช่นพระสมเด็จวัดระฆังฯทุกอย่าง ยกเว้นพระสมเด็จอรหังสีแดงเท่านั้นซึ่งนอกจากจะมีมหานิยมแล้วยังเพิ่มด้านกระพันชาตรีไว้อีกทางหนึ่งด้วย
    เพื่อให้เรื่องพระสมเด็จอรหัง ยอดพระ ต้นสกุลพระสมเด็จ ของ สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ ต่อไปนี้ผมจึงขอเสนอเรื่องราวตอนหนึ่งที่คุณ เฉลิม แก้วสีรุ้ง ซึ่งเป็นชาวนนทบุรี ได้เผชิญกับอิทธิปาฏิหาริย์จากพระสมเด็จอรหังจนถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่มาแล้ว เป็นเรื่องทิ้งท้ายไว้ดังต่อไปนี้...
    เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อ พ.ศ. 2508 คุณเฉลิมมีอาชีพรับซื้อขายผลไม้เป็นประจำอยู่ที่เมืองนนท์ วันหนึ่งมีชาวสวนข้างบ้านมาบอกจะขายทุเรียนส่วนหนึ่งให้ และขอร้องให้ไปดูด่วนด้วย คุณเฉลิมรักทุเรียนมากจนลืมลั่นกุญแจบ้าน และลืมจนกระทั่ง พระสมเด็จอรหัง พร้อมด้วยสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท กับกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินอยู่ในนั้นถึงแปดพันบาทด้วย
    คุณเฉลิมมานึกขึ้นได้ก็เหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้วถึง 3 ชั่วโมง เขาจึงรีบกลับบ้านทันทีแต่ก็ต้องถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่เมื่อมาถึงบ้าน เพราะขณะนั้นประตูบ้านได้เปิดอ้า ข้าวของในบ้านถูกรื้อกระจัดกระจายเกลื่อน เสื้อผ้าส่วนหนึ่งและเข็มขัดนาคของภรรยาเขาได้ถูกคนร้ายลักไป แต่...คุณพระช่วย ครับ, คุณพระได้ช่วยคุณเฉลิมไว้อย่างปาฏิหาริย์จริง ๆ ด้วย ที่ว่าปาฏิหาริย์ก็เพราะทั้งสร้อยคอรวมทั้งพระและเงินอีกแปดพันบาท ที่กองอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างชนิดที่ใครโผล่เข้าไปในบ้านก็ต้องมองเห็นได้อย่างถนัดตาทีเดียวนั้น ของดังกล่าวยังคงอยู่ ณ ที่นั้นโดยไม่มีใครมาขยับไปไหนเลย

    เรื่องนี้คุณเฉลิมบอกกับผู้เขียนว่า นั่นคือผลแห่งการแคล้วคลาด อันเกิดจากอิทธิปฏิหาริย์ของพระสมเด็จอรหังได้พรางตาคนร้ายไว้แน่ ๆ หรือถ้าใครว่าไม่แน่ละก้อคนร้ายกลุ่มนั้นก็คงจะตาบอดเท่านั้นเอง
    คุณเฉลิมบอกว่า ขณะนี้ผมได้ย้ายบ้านและเป็นเจ้าของสวนลำไยอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว สาเหตุที่ได้เปลี่ยนอาชีพ จนพอจะมีกินกับเขาบ้างแล้วนี้ ก็เรื่อง พระสมเด็จอรหัง ท่านช่วยผมอีกเหมือนกัน ผมได้อาราธนาบูชาขอโชคลาภท่าน เพื่อขอทุนไปซื้อลำไย ด้วยการไปซื้อลอตเตอรี่ที่จังหวัด 2 ใบ คุณเฉลิมยืนยันว่า ไม่ชอบและไม่เคยซื้อกับเขาเลย นอกจากครั้งนี้เท่านั้น พอถึงเวลาหวยออก ทั้งเขาและภรรยาดีใจจนแทบเป็นลมเป็นแล้งเอาทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะสลากลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบนั้น ใบแรกถูกรางวัลที่ 3 และอีกใบหนึ่งก็ถูกเลขท้าย 3 ตัวด้วย
    นี่คือเรื่องราวที่คุณเฉลม แก้วสีรุ้ง ได้เล่าให้กับผู้เขียนฟังเมื่อ พ.ศ. 2512 ซึ่งขณะนั้นเขาและครอบครัวได้ครองเรือนกันอย่างผาสุกด้วยฐานะที่มั่นคงพอสมควรแล้ว และสิ่งเดียวที่ไม่มีใครมาพรากจากคอเขาได้เลยคือ พระสมเด็จอรหัง เนื้อผงสีขาวองค์เดียวที่เขารักหวงแหนราวกับชีวิตติดตัวเขาอยู่ตลอดเวลาทีเดียว

    เดี๋ยวนี้เราก็รู้แล้วว่า พระสมเด็จอรหัง นอกจากผู้สร้างจะเป็นสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระบรมราชาจารย์ของในหลวงทั้ง 3 พระองค์แล้ว ยังเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ อีกด้วย และสำหรับด้านพระเครื่องฯ พระสมเด็จอรหัง ก็คือพระต้นสกุลพระสมเด็จทั้งหมด อันเปรียบได้ดั่ง จักรพรรดิพระสมเด็จ ซึ่งเปี่ยมด้วยพุทธาคมมนต์ขลังด้านมหานิยมและแคล้วคลาด จากสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน ผู้เลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องได้ดังไก่บ้านไว้เต็มลานนั่นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  14. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่17. พระสมเด็จอรหัง พิมพ์สังฆาฏิ เนื้อแดง กรุวัดสร้อยทอง

    รายการที่17. พระสมเด็จอรหัง พิมพ์สังฆาฏิ (หรือพิมพ์สมเด็จ3ชั้นพิมพ์ใหญ่) เนื้อแดง กรุวัดสร้อยทอง หลังจาร อะ-ระ-หัง (รอยจารกรุวัดสร้อยทองจะตัวเล็กกว่าวัดมหาธาตุครับ) องค์นี้สภาพสวยมากครับ ผิวแห้งเดิมๆจากในกรุ ขนาดองค์พระ กว้าง 2.1 ซ.ม.สูง 3.5 ซ.ม.

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ

    -พระสมเด็จอรหังที่พบที่กรุวัดสร้อยทองเป็นเนื้อสีแดงครับ ด้านหลังมี2แบบ

    1.แบบปั๊มคำว่า อะระหัง หรือเรียกว่าแบบโต๊ะกัง เป็นพระส่วนใหญ่ที่พบ
    2.แบบจารคำว่า อะระหัง พบขึ้นจากกรุน้อยมากครับ

    ค่านิยมในปัจจุบัน พระสมเด็จอรหัง กรุวัดมหาธาตุ เล่นหากันหลายแสนบาท
    พระสมเด็จอรหังกรุวัดสร้อยทอง หลังแบบโต๊ะกัง เล่นหากันหลักแสนต้นๆ ส่วนแบบหลังจาร อะระหัง เล่นหากันราคารองลงมาครับ


    พระสมเด็จอรหัง เป็นพระสมเด็จเนื้อผง รูปทรงแบบสี่แหลี่ยมชิ้นฟัก มีด้วยกันหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ฐานคู่ พิมพ์เกศอุ พิมพ์เล็กมีประภามณฑล และพิมพ์เล็กไม่มีประภามณฑล ที่ด้านหลังของพระมักมีการจารอักขระเป็นตัวหนังสือขอม คำว่า "อรหัง" และอีกส่วนหนึ่งที่ใช้ตราปั้มเป็นคำว่า "อรหัง" ก็มี มักเรียกหลังแบบนี้ว่า หลังตั้งโต๊ะกัง เนื่องจากลักษณะการปั้มด้านหลังคล้ายกับตราประทับเลยก็มีบ้างเป็นส่วนน้อย และพระสมเด็จอรหังนี้ เนื่องจากพระส่วนใหญ่ด้านหลังมีคำว่า "อรหัง" จึงนิยมเรียกกันจนติดปากว่า "สมเด็จ อรหัง" พระสมเด็จอรหัง เนื้อส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อผงปูนขาว เนื้อพระจะแตกต่างกันบ้าง เช่น เป็นแบบเนื้อขาวออกหยาบมีเม็ดทราย แบบขาวละเอียดมีเม็ดทราย แบบเนื้อขาวละเอียด และมีแบบเนื้ออกสีแดงเรื่อๆ เนื้อนี้มักเป็นแบบเนื้อหยาบมีทราย พระสมเด็จอรหัง ส่วนใหญ่แจกที่วัดมหาธาตุฯ และพบบรรจุกรุในองค์พระเจดีย์ที่วัดมหาธาตุ พระที่พบที่วัดมหาธาตุเป็นพระเนื้อสีขาวที่ด้านหลังมักเป็นแบบหลังจาร

    ต่อมามีผู้พบพระแบบเดียวกันที่วัดสร้อยทองอีก ซึ่งพบบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ แต่พระที่พบมักเป็นพระแบบเนื้อสีแดง และที่ด้านหลังมักเป็นแบบหลังโต๊ะกังเป็นส่วนใหญ่ แบบมีจารอรหังพบน้อยมาก และพระที่พบที่วัดสร้อยทองนั้นมักเป็นพระเนื้อหยาบกว่าที่พบที่วัดมหาธาตุฯ เป็นพระสมเด็จอีกตระกูลหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาแต่ในอดีต ปัจจุบัน


    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ





    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a15.jpg
      a15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.5 KB
      เปิดดู:
      641
    • a16.jpg
      a16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.5 KB
      เปิดดู:
      347
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  15. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา

    ประวัติ หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา

    ท่านเกิดเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. 2415 ตรงกับต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ ยอด มารดาชื่อ ขริบ เป็นชาวอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุ 11 ปี บิดาได้จัดการบรรพชาเป็นสามเณรให้ที่ วัดหน้าต่างในครั้นอายุครบ 21 ปี ได้ทำการอุปสมบท โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อินทร์ วัดหน้าต่างนอก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โพธิ์ วัดหน้าต่างใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พุทฺธสโรอุปสมบทแล้วอยู่จำพรรษาที่วัดหน้าต่างใน เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนวิทยาคมต่างๆ กับหลวงพ่อสุ่นและพระอาจารย์โพธิ์ ซึ่งในสมัยนั้น พระสงฆ์สองรูปนี้มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือกันอย่างกว้างขวาง ต่อมาอีกระยะหนึ่งท่านจึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดหน้าต่างนอก ในปี พ.ศ. 2450 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมสิริอายุได้ 92 ปี บวชพระมาได้ 71 พรรษา บวชเณรมาได้ 76 ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอกได้นานถึง 58 ปี

    หลวงพ่อจงท่านเป็นผู้รู้พระปริยัติธรรมตามฐานันดร และตามความต้องการเรียนรู้ให้เข้าใจในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อใช้ปฏิบัติให้บังเกิดความสงบสุข และบรรลุเข้าสู่วิถีแห่งความพ้นทุกข์ พร้อมด้วยใช้เป็นเครื่องกล่อมเกลาบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้อื่นตามควรแก่ฐานานุรูป เหมาะสมตามกาลเทศะ...ตลอดจนได้เป็นผู้รอบรู้เจนจบในทางวิทยาคม ซึ่งพระอาจารย์โพธิผู้เป็นพระอาจารย์ได้ถ่ายทอดไว้ให้และท่านก็สามารถนำไปใช้ช่วยปลดทุกข์ทางกายทางใจแก่ปวงชนมากหลาย แม้แต่ในมหาสงครามโลกครั้งที่สอง สมรภูมิอินโดจีน และสมรภูมิรบในเกาหลี อิทธิบารมีของหลวงพ่อจง ก็ได้สอดแทรกมีบทบาทช่วยให้เหล่าทหารหาญของชาติไทยทั้งสามกองทัพบังเกิดพลังใจใหญ่หลวง กระทำการรบได้อย่างห้าวหาญ มีชื่อเสียงเกรียงไกรไพศาล เป็นที่หวาดหวั่นยั่นระย่อต่อเหล่าข้าศึกไม่น้อย

    เมื่อเผชิญกับการรับรุกบุกเข้าปะทะหมายกวาดล้างของทหารไทย ข้าศึกก็ล้มตายอย่างย่อยยับหรือถอยหนีโดยไม่คิดสู้บ่อยที่สุด...แม้แต่ในวงล้อมของฝูงข้าศึก ที่จอมทัพฝ่ายพันธมิตรคาดหมายว่าอย่างไรเสียกองร้อยทหารไทยคงไม่มีทางรอดเหลือกลับฐานทัพ เพราะคำนวณจากจำนวนทหารข้าศึกที่ล้อมทหารไทยไว้กว่าห้าชั้น ด้วยกำลังรบที่มากกว่าเป็นสิบ ๆ เท่า ไม่มีทางที่จอมทัพฝ่ายพันธมิตรซึ่งทัพไทยร่วมด้วยจะคาดคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ และไม่น่าจะเป็นการคาดคะเนที่ผิดไปเลย

    แต่...ทหารไทยผู้ห้าวหาญก็สามารถต่อสู้กับข้าศึกษาทั้งทางพื้นดินและหลบระเบิดที่เครื่องบินข้าศึกทิ้งปูพรมลงมาไม่ขาดสาย พร้อมกับต้องบุกฝ่าพายุปืนกลหนักเบาจากวงล้อมห้าชั้นทั้งสี่ทิศ หลุดรอดออกมาได้เกือบครึ่งจำนวน... ทหารไทยเลยถูกลือว่าเป็นกองทัพมัจจุราช กองทัพมหากาฬ กองทัพผี สารพัดจะถูกขนานสมญานาม

    มันเป็นการรบในยุทธวิธีตีฝ่าที่ใจห้าวกร้าวแกร่งอย่างอัศจรรย์เหมือนฝัน... จอมทัพพันธมิตรรับรู้ข่าวแสนจะพึงปิติปราโมทย์ด้วยอาการตกตะลึง ต้องสั่นหัวและถามซ้ำเป็นสองสามซ้ำว่า นั่นเป็นรายงานข่าวรับฟังเชื่อได้รึ ? แต่เมื่อเป็นข่าวชัดเจนมีการยืนยันเป็นหลักฐาน จอมทัพพันธมิตรภาคเอเซียก็ต้องเชื่อและอุทานชมลั่น

    ถึงขนาดจอมทัพแม๊คอาเธอร์ ขอพบผู้บังคับบัญชากองทัพ เพราะอยากเห็นตัวเหล่ายอดทหารไทยผู้เกรียงไกร และจอมทัพแม๊คอาเธอร์ก็ได้รู้ว่าเลือดไทยทุกคนระอุอ้าวไปด้วยความห้าวเหี้ยมหาญ คิดเชื่อมั่นกันอยู่แต่ว่า ถ้ายิง ต้องยิงให้ถูกข้าศึก แต่ข้าศึกจะยิงไม่ถูก เพราะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า แห่งบวรพุทธศาสนาท่านคุ้มครอง

    ธรรมต้องชนะอธรรมไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ดี ทหารไทยที่รอดตายเกือบครึ่ง ปรากฏว่า ส่วนใหญ่บ้างมีตะกรุดชุด 16 ดอก บ้างมีตะกรุดโทน บ้างก็ใช้เสื้อพระยันต์ราชสีห์สีแดงบ้างมีพระทุ่งเศรษฐีดำใหญ่ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และจำนวนทหารผู้รอดตายเหล่านั้นเชื่อว่าบรรดาเครื่องรางของขลังที่พวกตนมั่นใจในคุณขลังเหล่านี้มีส่วนช่วยชีวิตของตน

    ทหารรุ่นศึกอินโดจีน และต่อมาในมหาสงครามโลก จนกระทั่งศึกษาเกาหลี ส่วนมากมีความศรัทธานิยมบูชาสักการะต่อตะกรุดโทน ตะกรุดชุด 16 ดอก และเสื้อยันต์แดงราชสีห์ นำติดตัวเข้าสมรภูมิเพื่อเป็นการบำรุงขวัญ

    กองทัพไทยทั้งสามเหล่า ขึ้นชื่อว่าเป็นที่รับรู้ของกองทัพข้าศึก ไม่ว่าครั้งอินโดจีน มหาสงครามโลกครั้งที่สอง หรือสงครามเกาหลี ว่าเป็นทหารหาญที่ทำการรบเก่งกล้าที่สุด ตายและเสียหายน้อยที่สุด เฉพาะขวัญของทหารได้รับการยกย่องว่าเลิศที่สุด

    มนต์ขลังและวิทยาคม เป็นเครื่องประสิทธิ์ประสาทให้ผู้ศรัทธาสักการะ แคล้วคลาด ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ตีไม่แตก และบ้างเป็นมหาลาภ มหาเสน่ห์ มหานิยม ได้จริงจังแค่ไหนเพียงไรหรือไม่ หากจะพิสูจน์กันจริงจัง บางทีอาจจะกระทำได้ยาก เพราะอุปมาดุจดั่งเป็นอิทธิพลหรืออำนาจลึกลับอะไรทำนองนั้น จึงยากจะหาผู้ยืนยันท้าพิสูจน์เป็นผลแตกหัก..แต่อย่างไรก็ตาม ความศรัทธา ความเชื่อมั่นในอิทธิพลบารมี ของความขลังศักดิ์สิทธิ์ในประการเหล่านี้ ก็มีอยู่ในความรู้สึกอย่างมั่นคงของชาวไทย ไม่เลือกชั้น วรรณะ มานานกว่าพัน ๆ ปี...ฉะนั้นใครจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่จิตใจของคนนั้น

    เรื่องหลวงพ่อจงทำน้ำมนต์

    เกี่ยวกับประวัติภาพถ่ายนี้ คือ ในงานพุทธาภิเษกที่วัดสุทัศน์
    ครั้งนั้นทางเจ้าภาพได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ไปหลายรูปด้วยกัน ซึ่งเจ้าของภาพจำ ได้ว่า 2 รูป ที่เขาเห็นและศรัทธาอย่างยิ่งก็คือ

    1.พ่อท่านคล้าย วัดสวนขันธ์
    2.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

    สาเหตุเพราะได้ประจักษ์กับตา ถึงอภินิหารของทั้งสองท่านนี้ แต่ว่าไม่สามารถถ่ายภาพของหลวงพ่อคล้ายได้ ถ่ายได้เฉพาะหลวงพ่อจงรูปเดียวเพราะเขาไม่คิด ว่าจะมีการทดลองวิชาของพระคุณเจ้าเกิดขึ้น ที่มาของภาพมีดังนี้

    ในงานนั้นพ่อท่านคล้ายและหลวงพ่อจง นั่งพักอยู่ใกล้ๆกัน ก็บังเอิญมีโยมคนหนึ่งมาขอให้ พ่อท่านคล้าย ช่วยทำน้ำมนต์ให้ พ่อท่านจึงบอกกับโยมคนนั้นว่า ให้ไปเอาขวดมา และเอาน้ำมาแก้วหนึ่งด้วยท่านจะทำน้ำมนต์ให้ โยมคนนั้นก็ไปเอาขวดและน้ำมาให้พ่อท่านคล้ายทำน้ำมนต์ พ่อท่านรับแก้วน้ำมาแล้วให้โยมคนนั้นเอาขวดไปตั้งไว้ข้างหน้าห่างไปพอสมควร จากนั้น พ่อท่านก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาเหมือนดื่มแต่ไม่ได้ดื่มเพียงอมไว้แล้วก็พ่นน้ำไปที่ขวดใบนั้น พรวดเดียวน้ำเต็มขวดเลย

    หลวงพ่อจงท่านหันมามองแล้วก็หัวร่อ หึ หึ แล้วก็บอกว่า “จ้ะ....ฉันก็ทำได้ ” แล้วก็ให้โยมคนนั้นไปเอาขวดมาหนึ่งใบ โยมคนนั้นก็ดีใจ เพราะวันนี้จะได้น้ำมนต์วิเศษจากพระเกจิอาจารย์ดังถึงสองรูปด้วยกัน และที่สำคัญวิธีทำน้ำมนต์ของท่านนั้นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก จึงรีบไปเอาขวดและน้ำมาให้หลวงพ่อจง หลวงพ่อท่านไม่เอาน้ำ รับไว้เพียงขวดเปล่า จากนั้นท่านก็เอามือประสานกันบนปากขวดก็ปรากฏมีแสงสว่างขึ้นและมีน้ำไหลจากมือหลวงพ่อไหลลงไปในขวด ดังภาพ ฝ่ายพ่อท่านคล้ายเห็นดังนั้น ก็รีบยกมือไหว้แล้วกกล่าวว่า ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว

    หลังจากนั้นเมื่อพ่อท่านคล้ายไปร่วมงานพุทธาภิเษกที่ใด ถ้ารู้ว่าหลวงพ่อจงไปด้วย ก็จะให้ลูกศิษย์ท่านอุ้มท่านมากราบหลวงพ่อจง ( เนื่องจากขาท่านไม่ดี )
    ผู้ที่ถ่ายภาพนี้บอกว่าเสียดายที่ถ่ายภาพตอนพ่อท่านคล้ายทำน้ำมนต์ไม่ทัน แต่พอเขารู้ว่าหลวงพ่อจงจะทำน้ำมนต์ด้วย จึงรีบตั้งกล้องคอยท่าไว้ พอหลวงพ่อทำน้ำมนต์ให้ไหลลงไปในขวดเขาก็เลยถ่ายภาพนี้เอาไว้ได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  16. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่18. ปิดรายการครับ หมดครับ

    รายการที่18. แผ่นปั๊มพระพุทธหลังนางกวักเนื้อโลหะ ล.พ.จง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา สร้างช่วงปี2500 พุทธคุณแคล้วคลาด เมตตาโชคลาภค้าขายดี องค์นี้สภาพสวยมาก มาพร้อมเลี่ยมกันน้ำขนาดองค์พระรวมเลี่ยม กว้าง 2 ซ.ม.สูง 4 ซ.ม.

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ

    รายการนี้บูชาองค์ละ 1,850 บาท




    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a17.jpg
      a17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      264
    • a18.jpg
      a18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      164
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  17. ชาวฟ้า

    ชาวฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +1,493
    จองรายการที่ 12 พระพุทโธ คุณแม่บุญเรือน 1250
     
  18. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    *** คุณ Vipawadee ขอแจ้งยกเลิกการจองเนื่องจากไม่พร้อมครับ 29/4/58 ครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2015
  19. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่18. ปิดรายการครับ หมดครับ

    ายการที่18. รูปหล่อพระสังกัจจายน์อุดกริ่ง วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี ปี2500 ปลุกเสกพิธีใหญ่ พุทธคุณครอบจักรวาล องค์นี้สภาพสวยมาก ขนาดองค์พระกว้าง 1.5 ซ.ม.สูง 1.8 ซ.ม.

    รับประกันความแท้ 100 % ครับ

    รายการนี้บูชาองค์ละ 1,050 บาท



    พระชุดวัดกัลยาณมิตร ปี 2500 จัดสร้างโดยพระครูกัลยานุกูล หรือ ท่านอาจารย์เฮง วัดกัลยา ในปี 2500 ก่อนสร้างท่านได้ติดต่อพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในทางวิทยาคมทั่วราชอาณาจักร ขอให้ช่วยอนุเคราะห์ลงอักขระเลขยันต์บริกรรมปลุกเสกโลหะสำหรับหล่อ จนได้พระอาจารย์ผู้ลงโลหะ (ใน 454 อำเภอ) 1,782 รูป โลหะที่ลง 13,677 ชิ้น ใช้เวลารวบรวมกว่า 3 ปี ประกอบพิธีหล่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2500 ณ วัดกัลยาณมิตร พระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์มนต์ 99 รูป ได้ร่วมกันบริกรรมปลุกเสกโลหะที่จะหล่ออีกวาระหนึ่ง

    ครูบานันตา (พระอาจารย์อ้าย นนฺโท) พระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งม่านใต้ ต.บ้านเป้า ลงทางมหานิยม กันสัตว์ร้ายทุกชนิด กันและขับภูตผีปีศาจ ขุนนางท้าวพระยาเมตตา กันศัสตราวุธทั้งปวง ทำการค้าหรือทำสัมมาชีพเจริญ กันอศนีบาท กันโจรภัย กันภัยทางบก-น้ำ

    ครูบาวัง พฺรหฺมเสโน เจ้าอาวาสวัดบ้านเด่น ต.หนองบัวเหนือ ลงทางกันไฟ คลอดบุตรง่าย เมตตา มหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาด มหารูด มหาอุด อุดปืน กันสัตว์ร้าย กันเขี้ยวงา เจริญโชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์กาย-ใจ

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (อยู่ ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ลงทางแคล้วคลาด กันอสรพิษ ค้าขายดี เป็นเสน่ห์แก่คนทั้งหลาย กันภัยทุกชนิด แก้โรคต่างๆ มหาอำนาจ เจริญศิริมงคล มีลาภผลเนืองๆ

    พระครูกรุณาวิหารี (เผือก ปญฺญาธโร) เจ้าอาวาสวัดกิ่งแก้ว ลงทางคนเมตตาปราณี มหาอุด กันปืน-มีด-ไม้ กันภูตผีปีศาจ กันกระทำยำเยีย กันคุณไสยทั้งปวง กันเขี้ยวงา กันสัตว์ร้าย

    พระพุทธวิธีนายก (เพิ่ม ปุญฺญวสโน) เจ้้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว ลงทางมหาอำนาจ คุ้มกันภยันตรายต่างๆ เมตตา มหานิยม(สาริกาหลงรัง) ซื้อง่าย ขายคล่อง เจริญลาภผล มีปัญญาดี แคล้วคลาดอาวุธทั้งปวง

    พระครูวิริยกิตติ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี ลงทางกันขโมย กันศัตรูพืชต่างๆ(ปักไว้ 4 ทิศ) กันเด็กร้องไห้(ผูกข้อมือ) แก้อาเจียน สู้ความชนะ ศัตรูกลับเป็นมิตร กันอาวุธต่างๆ อยู่คง แคล้วคลาด มหาอุด จังงัง มหานิยม

    พระอาจารย์กวย ชุตินฺธโร เจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม ลง ทางคงกระพัน ค้าขายดี เมตตา แก้ลมเพลมพัด(เมื่อจะใช้ให้จุดธูปเทียนบูชา ระลึกถึงพระอาจารย์ผู้ลงโลหะนี้ แล้วเอาน้ำใส่ภาชนะเอาพระแช่ลงไปสักครู่หนึ่ง จึงเอาน้ำนั้นกินหรืออาบก็ได้ ถอนลมเพลมพัดแล)

    พระครูกัลยาณวิสุทธิ (กึ๋น หรือ กัลยาณ์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดดอน(ทวาย) ลงทางคงกระพัน มหานิยม เจริญลาภผล กันภยันตรายต่างๆ คลอดบุตรง่าย-สะดวก มหาอำนาจ มหารูด กันเขี้ยวงา กันอัคคีภัย กันยาพิษ กันคุณไสยทุกอย่าง

    พระครูพิพัฒน์สิริธร(คง สิริมโต) เจ้าอาวาสวัดบ้านสวน ลงทางแคล้วคลาด เมตตา มหานิยม ประกอบสัมมาชีพเจริญ เป็นเสน่ห์แก่ชายหญิง กันอุบาทว์จัญไร ศัตรูกลับเป็นมิตร มีลาภผลเนืองๆ กันเขี้ยวงาอสรพิษ เจริญสุขสวัสดี

    พระครูพิศิษฐ์อรรถการ(คล้าย จนฺทสุวณฺโณ) "พ่อท่านคล้าย" เจ้าอาวาสวัดสวนขัน ลงทางป้องกันศัสตาวุธ-ภยันตรายทุกอย่าง มหานิยม เจริญลาภผล คนมาสู่สำนักไม่ขาด วาจาสิทธิ มีอำนาจ-คนนับถือยำเกรง คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย ครรภรักษา(ทั้งมารดาและบุตรมีความสุขสบาย) เจริญสุขสวัสดี ศัตรูกลับเป็นมิตร อันอสรพิษ กันและแก้โรคต่างๆทุกชนิด

    พระอาจารย์จง พุทฺธสโร เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก ลงทางแคล้วคลาด อยู่คง เมตตา ค้าขายดี เจริญลาภผล คนมาสู่สำนักไม่ขาด กันศัสตราวุธทุกอย่าง คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย ครรภรักษา มหาสะเดาะ มีปัญญา-ปฏิภาณดี กันภูตผีปีศาจ กันคุณไสยทั้งปวง แก้โรคต่างๆ

    พระครูสิทธิสารคุณ (จาด คงฺคสโร) เจ้าอาวาสวัดบางกระเบา ลงทางเมตตา มหานิยม กันภูตผีปีศาจ แคล้วคลาด อยู่คง มหาอุด กันภัยและอาวุธทุกชนิด เจริญโภคทรัพย์ บริวารซื่อสัตย์-ภักดี คนยำเกรง นับถือ ทรงเกียรติคุณดี (มรณภาพ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2499)

    พระครูเนกขัมมาภิมณฑ์ (ดิศ ติสฺสสโร) เจ้าอาวาสวัดปากสระ ลงทางเมตตา มหานิยม เจริญลาภผล แคล้วคลาด กันสัตว์ร้าย กันอุบัติภัย กันศัตรูทำร้าย สู้ความชนะ (คาถาปลุกเสกว่าดังนี้ - นะ คาบสำเร็จ พระศรีสรรเพชญ์ สำเร็จนะคาบ ว่าให้คนราบกราบไหว้พระองค์ ว่าแก่พระสงฆ์ให้มาวันทา ว่าแก่พญาให้มากราบไหว้ ว่าแก่ชาวไพร่้ใ้ห้มาทำทาน พระศาสดาจารย์เข้าสู่นิพพาน นะคาบแผ่นดินราบรื่น พระสงฆ์ชมชื่นดำเนินนิพพาน พระศาสดาจารย์เข้าสู่นิพพาน นะคาบ นะสูตร ฯ แล้วเสกด้วย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พระเจ้า 5 พระองค์ และเสกด้วย ตรีนิสิงเห อย่างละ 3 จบ)

    พระครูวิชิตพัชราจารย์ (ทบ ธมฺมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสว่างอรุณ ตำบลชนแดน ลงทางเมตตา มหานิยม แคล้วคลาด อยู่คง กันภัยต่างๆ คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย ขายของดี เจริญลาภผล กันผีปีศาจ กันกระทำ

    พระอาจารย์พรหม ถาวโร เจ้าอาวาสวัดช่องแค ลงทางครอบจักรวาล ใช้ได้รอบตัว (เมื่อจะใช้ในทางใดๆ เช่น แก้คุณไสย ก้างติดคอ ลูกตายในท้อง หรือต่อสูคดี ฯลฯ ให้บริกรรมคาถานี้-"โส ภะคะวา อิติปิอะระหัง วิชชาจะระณะสัมปันโน วิชชาจะระณะสัมปันโน วัชชะตะโสภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณังคัจฉามิ วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ" 7 หรือ 9 คาบในน้ำ แล้วเอาน้ำนั้นให้กิน-พ่น-อาบ-ลูบหน้า จะได้รับประสิทธิตามประสงค์แล)

    พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (มุ่ย พุทฺธรกฺขิโต) เจ้าอาวาสวัดดอนไร่ ลงทางแคล้วคลาดและมหารูด (ถ้าจะหาขุนนาง รูดไว้ขวารักเรา ทางแคล้วคลาดเอาไว้ข้างหน้า ถ้าจะไปหาผู้หญิงรูดไว้ข้างซ้าย หญิงรักเรา) คงกระพันชาตรี (เมื่อจะใช้ให้ตั้งนโม 3 จบ แล้วบริกรรมคาถานี้-"นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ นะโมพุทธายะ นะคงทนทรหดคงกระพันชาตรี" แล้วระลึกถึงหลวงพ่อมุ่ย บริกรรม 3 จบ)

    พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง ติสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ ลงทางแคล้วคลาดภัยอันตราย กันอสนีบาต(ฟ้าผ่า) อยู่คงกระพัน คนเมตตาปราณี ทำการค้าหรือประกอบสัมมาชีพเจริญ มีลาภผลเนืองนิจ กันศัสตราวุธทุกอย่าง

    พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) ลงทางรักษาโรคต่างๆทุกชนิด อยู่คงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาด มหาอำนาจ จังงัง กันภยันตรายทุกอย่าง เมตตา มหานิยม เจริญลาภสักการะ คนมาสู่สำนักไม่ขาด

    พระครูวิบูลวชิรธรรม (สว่าง อุตฺตโร) เจ้าอาวาสวัดท่างิ้ว ลงทางอยู่คง มหาอุด แคล้วคลาด เมตตา ค้าขายดี (เฉพาะแคล้วคลาด เมื่อจะใช้ให้อาราธนาคุณพระรัตนตรัยเสียก่อน แล้วว่า-"ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณัง อะหังปิตตัง ชานามิ" ว่า 3 หน แล้วจึงเอาใส่ห่อผ้าสำหรับติดตัวไป)

    พระครูพินิจสุตคุณ (สุข อินฺทโชโต) เจ้าอาวาสวัดตะโหนดหลวง ลงทางคงกระพันชาตรี มหาอุดมหาเสน่ห์ กันอัคคีภัย แคล้วคลาด กันผีปอบ สู้ความชนะ กันคุณไสยทุกชนิด เจริญลาภผล รักษาโภคทรัพย์

    พระอาจารย์เต๋ คงทอง เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ลงทางมหานิยม คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย ค้าขายดี คงกระพัน กันกระทำ เลี้ยงลูกง่าย กันสรรพภัย กันเขี้ยวงา เจริญลาภผล อุดปืน แคล้วคลาด จังงัง กันมีด-ไม้ คนมาสู่สำนักมิขาด คนเกรงกลัวนับถือ

    พระใบฎีกาเทียม สิริปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช ลงทางอยู่คง กันปืน มหานิยม กันคุณไสย ค้าขายดี คลอดบุตรง่าย กันภูตผีปีศาจ (อยู่คง เสกด้วย อิระชาคะตะระสา , กันปืน เสกด้วย นะอัดรังปิจะอะ, มหานิยม เสกด้วย ปิโยเทวะมะนุสสานัง ปิโยพรหมานุมุตตะโม ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิยินทรียังนะมามิหัง , กันคุณไสย เสกด้วย อิติอะระหังกันตังพุทโธ , ค้าขายดี เสกด้วย วาณิชโชวานะชาลีติ )

    พระครูศรีพรหมโศภิต (แพ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ลงทางเมตตามหานิยม กันกระทำ มหาอุด มหาอำนาจ มหาจังงัง มหารูด แคล้วคลาด คลอดบุตรสะดวกสบาย กันภัยต่างๆมีโจรภัย เป็นต้น

    พระครูปราการกิตติคุณ (โต๊ะ ฉนฺโท) เจ้าอาวาสวัดกำแพง ลงทางสังฆคุณและคาถากาสลัก มีอานุภาพป้องกันภัยต่างๆทุกชนิดและกำจัดความหวาดกลัวทุกอย่าง (เฉพาะคาถากาสลักที่เป็นหัวใจมี 4 อักขระดังนี้ - จะภะกะสะ)

    พระอาจารย์โม ธมฺมรกฺขิโต เจ้าอาวาสวัดจันทนาราม ลงทางแคล้วคลาด กันสัตว์ร้าย กันเขี้ยวงา มหานิยม ค้าขายดี กันภูตผีปีศาจ กันโจร เจริญลาภผล อยู่คง กันสรรพศัสตราวุธ คลอดบุตรง่ายและปลอดภัย ครรภรักษา (มารดาและทารกเจริญสุขสวัสดี)

    พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ อินฺทสุวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดเสด็จ ลงทางเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ แคล้วคลาดอาวุธ อยู่คงกระพัน กันภูตผีปีศาจ กันกระทำยำเยีย กันเขี้ยวงาอสรพิษ คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย ครรภรักษา เจริญลาภสักการะเนืองๆ ประกอบสัมมาชีพเจริญรุ่งเรือง คนมาสู่สำนักมิขาด สามีภรรยาอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกสมบูรณ์

    พระอาจารย์น้อย อินทสโร เจ้าอาวาสวัดธรรมศาลา ตำบลธรรมศาลา ลงทางมหาอุดกันกระทำ มหานิยม คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย กันภยันตรายต่างๆ เลี้ยงบุตรง่าย กันเด็กขี้อ่อน กันแท้งลูก ใส่ก้นถุง-มีเงินใช้ไม่ขาด มีอำนาจ

    พระครูนนทวุฒาจารย์ (ช่วง จนฺทโชโต)เจ้า คณะตำบล พระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ตำบลสวนใหญ่ ลงทางเมตตา คลอดบุตรง่าย-ปลอดภัย แคล้วคลาด ซื้อง่ายขายคล่อง(ค้าขายดี)อยู่คง กันผีปีศาจ ทำให้เสียงดี(มหานิยมทางเสียง - เหมาะกับนักเทศน์ นักร้อง นักปาฐกถา)

    พระมหาชวน โอภาสี นาม ฉายาของราษฎร "หลวงพ่อโอภาสี" สำนักสวนพุทธบูชา ตำบลบางมด ลงทางมหานิยม คนมาสู่สำนักไม่ขาด เจริญลาภสักการะ เมตตา รักษาโภคทรัพย์ดี มหาเสน่ห์(คนทั้งหลายติดเนื้อต้องใจ)แคล้วคลาดอาวุธ กันภยันตรายทุกอย่าง (คาถาสำหรับสวดหรือบริกรรมว่าดังนี้ - อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง - สวดหรือบริกรรมทุกวัน วิเศษนักแล)

    พระครูปลัดแฉ่ง สีลปญฺญา เจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม(บางพัง)ตำบลบางพูด ลงทางเมตตา มหาเสน่ห์ ค้าขายดี เจริญลาภผล รักษาโภคทรัพย์ กันเด็กขี้อ้อน ครรภรักษา กันแท้งลูก คนนิยมนับถือ ปลอดภัยทุกอย่าง แคล้วคลาดอาวุธทุกชนิด หาเงินคล่อง

    เกจิ

    คณาจาร ย์ 99 รูป ปลุกเสก เช่น สมเด็จพระสังฆราช อยู่ วัด

    สระเกศ ค รูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่

    ฉิมพลี หลวง พ่ อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกึ๋น วัดดอน

    ยานนาว า หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน พ่อท่านคล้าย วัดสวน

    ขัน หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อทบ วัดชนแดน

    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อ

    เทียม วัดกษัตราธิราช ฯ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a21.jpg
      a21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.3 KB
      เปิดดู:
      302
    • a22.jpg
      a22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      290
    • a23.jpg
      a23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25 KB
      เปิดดู:
      160
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2015
  20. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่19 ปิดรายการครับ

    รายการที่19 พระผงในหลวงทรงผนวช พ.ศ. 2507 วัดบวรนิเวศฯ เนื้อผงพุทธคุณสีแดง สภาพสวยมาก หายากครับ

    รับประกันความแท้ 100%



    รายการนี้สนใจกรุณา p.m. หรือโทรสอบถามครับ



    พระผงในหลวงทรงผนวช สร้างเป็นที่ระลึก ถึงครั้งที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเมื่อ พ.ศ. 2499 ออกที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2507

    ทรงพระราชทานมวลสารจากพระองค์ (มวลสารเดียวกับที่สร้างพระสมเด็จจิตรดา)

    พิธีใหญ่มาก สมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานพร้อมด้วยพระคณาจารย์
    นั่งภาวนาปลุกเสก ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น มาร่วมพิธี 108 รูป

    พระเครื่องเนื้อดินจะมี 3 สี ได้แก่ สีดำ สีแดง และสีขาว

    สำหรับ " ดำ " จะไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก เพราะจัดว่าหายากมาก และตามหากันอย่างมาก ถือว่าเนื้อดำจัดได้ว่า นิยมสุด ครับ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a30.jpg
      a30.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.9 KB
      เปิดดู:
      192
    • a31.jpg
      a31.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      158
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...