แนะนำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ทางจิตและ แนะนักทดลองทางพลังจิต

ในห้อง 'การทดลองทางจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 29 มีนาคม 2006.

  1. pramote-007

    pramote-007 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอให้ท่านสมปราถนาด้วยเทอญกับการกระทำครั้งนี้
    ยังไงก็ขอทราบอีเมล์คุณโสนว์ด้วยครับ เพราะต้องการ
    ไฟล์หลาย ๆ ไฟล์เพื่อฟังเองและเผยแพร่ ค่าใช้จ่าย
    ไม่มีปัญหาครับ เต็มใจอย่างยิ่ง ขอบพระุคุณ
     
  2. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    สาธุ ๆ ๆ.........................
     
  3. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    ขออนุญาติแนะนำวิธีการฝึกในแบบที่อาจจะดูแปลกหน่อย คือการทำสมาธิและนึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เราพึงพอใจ ขึ้นมา 1 รูป เท่าที่พอจะจำได้ เริ่มจากนึกถึงรูปทรง เมื่อครบแล้ว นึกให้พระท่านลอยไปลอยมา และหมุนเบาๆ โดยให้เห็นรูปทรงชัดเจนในแบบ 3 มิติ พอได้ที่นิ่งแล้วจะเข้าสู่สมาธิที่ละเอียดขึ้น ให้นึกถึงรายละเอียดของพระพุทธรูปนั้น ได้แก้ ใบหน้า ลวดราย จีวร นิ้ว และส่วนอื่น ออกมาให้ชัดเจนพร้อมกับ หมุนเบาๆ ไปทางทิศใดก็ได้ตามสะดวก โดยให้เห็นรายละเอียดพระท่านชัดเจนในแบบ 3 มิติทั้งองค์ นึกแบบสบายๆ ไม่ต้องเกรง ไม่ต้องกดคิ้ว พอได้แล้วทำสมาธิไปเรื่อยๆ องค์พระท่านชัดเจนลอยเด่น มีรายละเอียดทุกมุมมอง และจิตใจสงบ นั้นก็คือสมาธิที่ละเอียดขึ้นอีกชั้น ต่อไป ค่อยๆนึกให้พระท่านลอยไปอยู่ด้านใด ด้านหนึ่ง อยู่อย่างนั้น แล้วค่อยๆ นึกพระท่านขึ้นมาอีกองค์ที่อีกด้านหนึ่ง นึกแบบเดียวกับองค์แรก ขณะที่กำลังสรา้งพระท่านขึ้นมาอีกองค์ องค์เดิมต้องยังลอยอยู่ชัดเจน หากทำได้แล้ว ให้นึกให้พระท่านลอยสลับข้างกันไปมา โดยพระท่านองค์ไดองค์หนึ่งไม่ลางหายไป เมื่อนิ่งดีแล้ว ให้กำหนดเอาพระท่านลอยไปไว้ด้านซ้ายและขวา หรือยังไงก็ได้ แต่ต้องมีพื้้นที่ว่างสำหรับการนึกภาพพระท่านขึ้นมาอีก 1 องค์ พอครบสามองค์แล้วท่านลอยไปมามีรายละเอียดครบ ไม่จางหายไปทั้ง 3 องค์ แสดงว่าสมาธิละเอียดขึ้นไปอีดชั้นแล้ว เมื่อนิ่งแล้วให้กำหนดพระท่านทั้งสามองค์ลอยมารวมกันเหลือ 1 องค์ มีรายละเอียดครบแบบ 3 มิติ มองพระท่านไปเรื่อยๆ จนกระทั้งพระท่านค่อยๆหายไป ณ จุดนี้ ถ้าพอมีสติ ให้นึกพระองค์เล็กที่สุดเท่าที่เคยคิดโดยให้รายละเอียดครบถ่วน พอนิ่งแล้ว กำหนดให้พระท่าน ค่อยใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ มีรายละเอียดชัดเจน ใหญ่เท่าที่จะใหญ่ได้ และให้กลับไปสู่ขั้นตอนแรก โดยให้องค์พระที่มีขนาดใหญรายละเอียดครบ คอบเราไว้ หรือเราอยู่ใจกลางพระท่าน นั้นเอง ใครทำได้แบบนี้แล้ว ช่วยเล่าประสพการณ์ให้ฟังด้วยนะครับ

    ผมฝึกมาแล้วแต่ถึงแค่พระ 3 องค์แรก จะเลือนหายเอา มีผลทางสมองโดยตรงครับ ทั้งด้านความคิด และสมาธิ ผมลองกำหนดจิตตนเองไปถึงสถานที่หนึ่งๆ ปรากฏเห็นภาพขึ้นจากข้างใน เป็นภาพของสัมพเวสี หน้าซีดๆ ตากลวงๆลึกๆ แต่ก็ยังไม่กล้าถามคนอื่นว่า สิ่งที่เห็นจริงหรือไม่ หากใครทดลองฝึกแบบนี้แล้ว ทดลองใช้ดู มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
     
  4. แจ้งเกิด

    แจ้งเกิด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +7
    อ่านแล้วสนุกดีนะครับ ... ขอบคุณมากครับ
     
  5. W i n D

    W i n D สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3
    การทดลองทางสมาธิ

    การทดลองทำสมาธิของผม ผมได้ฝึกสมาธิแบบท่องพุทธโธ แล้วกำหนดจิตที่ปลายจมูก ได้ลองทำมาหลายครั้ง แต่ผมสงสัยว่า ทำไมบางวันทำสมาธิได้ดี ทำไมบางวันทำสมาธิได้ไม่ดี
    คำตอบที่พบคือ
    1. การเริ่มต้นกำหนดพุทธโธโดยวางฐานไว้ที่ปลายจมูก ต้องทำให้เกิดความรู้สึกที่ปลายจมูกจริงๆโดยไม่ได้คิดขึ้นเอง
    2. การนึก พุทธโธ ต้องนึกพุทธโธ ในความคิด ไม่ใช่จากลำคอหรือพยายามทำให้มีเสียงออกมาจริงๆ ให้นึกพุทธโธแค่การนึกเท่านั้น
    3. ให้ย้ำพุทธโธไปที่ความรู้สึกที่ปลายจมูก แต่ต้องเป็นความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่การนึกเอาเอง (การทำส่วนมากจะเกิดความรู้สึกที่แท้จริงในเบื้องต้น หลังจากทำสักพักส่วนมากจะเกิดความนึกคิดไปเองว่าอยู่ตรงนั้น ซึ่งไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริง ในเบื้องต้นต้องระวังตรงนี้ให้ดี )
    4. เมื่อรักษาความรู้สึกจริงได้พอสมควร ให้ทิ้งคำบริกรรม เพื่อไม่ให้จิตแบ่งทำงานหลายส่วน พลังสมาธิจะไม่เกิด
    5. อุปสรรคที่จะเกิดขึ้น หลังจากกำหนดความรู้สึกได้พอสมควร ส่วนมากของผมจะเป็นความคิดที่เราไม่ได้สร้างขึ้นมา หรือ ภาพต่างๆที่จะแทรกแซงขึ้นมา การที่เกิดสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องย้อนไปบริกรรม พุทธโธ ใหม่ ให้เรารู้สึกถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ปลายจมูกให้ได้อย่างต่อเนื่อง ถึงภาพจะเกิดหรือมีเสียงในส่วนลึกที่เก็บเอาไว้โผล่ขึ้นมา เราสามมารถดูได้ ฟังได้ ไม่ได้ห้าม แต่อย่างทิ้งความรู้สึกที่ปลายจมูก ถ้าทิ้งความรู้สึกไปดูหรือฟังสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเดียวจะทำให้กำลังสมาธิตกลง แล้วต้องไปเริ่มนึก พุทธโธ ใหม่ แต่ถ้าเรายังรู้สึกที่ปลายจมูกนั้นพร้อมกับดูหรือฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในสมาธิไปด้วย สมาธิจะทรงตัวได้ แต่ไม่อาจทำให้กำลังสมาธิเพิ่มขึ้นได้ พยายามอยู่ที่ความรู้สึกที่ปลายจมูกอย่างเดียว โดยไม่สนใจภาพเสียงที่เกิด กำลังสมาธิจะพัฒนาต่อไป
    (ยิ่งกำลังสมาธิมาก ภาพหรือเสียงจะยิ่งชัดแจ่มใสขึ้น ทำให้ตัวหลอกดูเสมือนจริงมาก ถ้าติดแล้วจะเพิ่มกำลังสมาธิต่อไปไม่ได้) สาเหตุที่ไม่พัฒนา เนื่องจากเราแบ่งจิตไปดู พร้อมกับแบ่งจิตกำหนดความรู้สึก มันจึงไม่เกิดความเป็นหนึ่ง ขอให้ละให้ได้ กำลังสมาธิจะเพิ่มขึ้น
    ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้ ถ้าพัฒนาไปอีกจะมาแชร์วิธีการให้อ่านกับนะคับ
    อีกอย่างคับ ผู้ที่ทำใหม่ๆ ควรจะฝึกเลี้ยงความรู้สึกให้ได้ต่อเนื่อง เพราะแรกๆเวลาภาพหรือเสียงเกิด ส่วนมากเราจะทิ้งความรู้สึกไปอยู่กับสิ่งที่แทรกเข้ามา ทำให้กำลังสมาธิตก แนะนำให้เดินจงกรม มากๆคับ จะทำให้เลี้ยงความรู้สึกได้
     
  6. 7starshido

    7starshido สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +7
    เดาว่าที่คุณยังไม่บรรลุก็น่าจะมาจากประเด็น สัมผัสที่หก ครับ
    สัมผัสที่ 6 (หก) เป็นน้ำในอวัยวะชิ้นเล็กๆรูปหอยอยู่ในหูชั้นในสุดทั้งสองข้าง เราสามารถทรงตัวอยู่ได้ รู้ว่าพื้นเอียง รู้ว่าเรายืน หรือ นอน โดยที่เราไม่ต้องใช้ตามอง ก็ด้วยอวัยวะชิ้นนี้ หากมีความไม่สมดุลระหว่างอวัยวะรูปหอยนี้ทั้ง 2 ข้าง เราจะทรงตัวอยู่ไม่ได้

    พี่สาวของผม เธอมีอาการเวียนหัว ลุก นั่ง เดิน เหิน ทรงตัวไม่ได้ จากการเอ็กซเรย์ดูพบว่ามีหินปูนไปเกาะอยู่ที่อวัยวะรูปหอยนี้อยู่ข้างหนึ่ง วิธีเอาออกไม่สามารถผ่าตัดได้เพราะอยุ่ในสุด เกือบถึงกึ่งกลางของศีรษะ คณะแพทย์ใช้วิธีจับเหวี่ยง เหวี่ยง และ เหวี่ยง จนหินปูนหลุดออก อาการจึงเป็นปกติ ทรงตัว ลุก นั่ง เดิน เหิน ได้ดังเดิม

    แต่เรื่องนี้ไม่มีการอ้างถึงในคัมภีร์ทางศาสนาใดๆ มันก็แปลก ที่กล่าวกันว่า รู้จริงทุกสิ่งๆ แต่สิ่งนี้กลับไม่มี นอกจากทางแพทย์เท่านั้น

    สัมผัสที่ 7 (เจ็ด) ถึงจะเป็นจิต

    [ป.ล. เดี๋ยวจะนึกเอาว่า ผมบรรลุแล้ว เพียงแต่รู้ความจริงเรื่องนี้เท่านั้นนะ]

    yimm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในความหมายของหลวงปู่มั่น ว่าช้างเผือกหนุ่มมีอภินิหารนั้น หมายถึงอภินิหาร ๓ อย่าง


    1. อิทธิปาฏิหารย์ แสดงฤทธิ์ได้นานาประการ
    2. อาเทสนาปาฏิหารย์ มีญาณรู้วาระจิตคนอื่น แล้วพูดดักใจคนอื่นได้
    3. อนุ สาสนีปาฏิหารย์ มีความสามารถแสดงธรรมได้อย่างมีเหตุผล ทำให้คนที่ฟังเข้าใจในความหมายได้อธิบายธรรมหมวดที่คนเข้าใจได้ยาก มาอธิบายให้คนเข้าใจง่าย อธิบายธรรมหมวดยาว สามารถย่นย่อธรรมที่ยาว มาอธิบายโดยย่อให้คนเข้าใจได้

    ข้อคิดเตือนสติ ไม่มีอะไรสำคัญเท่าทำจิตของท่านให้หลุดพ้นอย่างสิ้นเชิง
     
  8. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้ท่าน websnow อย่างยิ่งครับ... การทดลองนี้หากทำสำเร็จตามที่ท่านตั้งเป้าหมายไว้ในการพิสูจน์พระธรรมคำสอนให้ออกมาเป็นรูปธรรมในทางวิทยาศาสตร์ จะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างมากมายมหาศาล สมกับเป็นกำลังใจของพุทธภูมิจริงๆ ผมขอเอาใจช่วยครับ
     
  9. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    สาธุคะพี่ ถึงไม่รู้จักกัน แต่ได้อ่านแล้ว รู้สึกว่าพี่เป็นคนอบอุ่นและอารมณ์ดีคะ ..ขอให้สมปราถนาทุกประการนะคะ
     
  10. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2014
  11. ศรีอารย์

    ศรีอารย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +71
    สวัสดีครับ เท่าที่เคยทำมา

    ผมเคยเพ่งแสงตะวันที่ผ่านรูตะปูฝาบ้านแล้วจิตก็สงบ รู้สึกตัวเบา

    ต่อมาก็เพ่งลมหายใจพอจิตตกภวังค์ปรากฏนิมิตเป็น
    ดวงอาทิตย์ หรือเป็นดวงไฟ

    พอฝึกมากขึ้น พอจิตตกภวังค์ปรากฏนิมิต มีตัวเราอีกตัวลอยได้
    ลอยไปลอยมาแต่บังคับไม่ได้ มันจะเหาะของมันไปเรื่อยๆ

    พอฝึกมากขึ้นอีก พอจิตตกภวังค์ ปรากฏเป็นสองร่าง ร่างหนึ่งนอนกับที่
    อีกร่างหนึ่งยืนดูร่างที่นอน

    ต่อมาฝึกมากขึ้นอีก มันจะแสดงอาการไม่เหมือนกัน เป็นอย่างนี้หลายปี

    ต่อมาหัดเดินปัญญา พิจรณาร่างกาย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
    เพื่อทำลายกิเลสครับ

    บอกเล่าประสบการณ์ของผมนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2014
  12. kadomasaitou

    kadomasaitou Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +31
  13. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    มาตามlinkเรื่อยๆจึงเจอตรงนี้ที่ถูกใจ
    ด้วยเวปมาสเตอร์เข้าข่ายมีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์
    โห...หัวข้อนี้ตั้งมาตั้งแต่ปี2006แล้ว นี่ปี2016
    เดี๋ยวจะขอร่วมการทดลองด้วยการตั้งหัวข้อใหม่นะครับ

    ผมก็เรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์
    สงสัยอยู่เหมือนกันว่าที่พระบางรูปที่บอกเลขหวยได้ถูก มันจริงหรือเปล่า
    ถ้าจริง มันก็น่าจะหมายถึง อนาคตหน่ะมีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ปรากฏเพราะเวลาสัมพัทธ์ยังมาไม่ถึง

    สมมตว่ามีพระรูปหนึ่งบอกหวยได้ถูกจริง
    ดูสิว่าพระเขาทำได้อย่างไร?
    พระเขาทำได้เพราะพระเขาทำสิ่งที่เรียกว่า สมาธิ
    เพราะฉะนั้น "สมาธิ"น่าจะเป็นเครื่องมือหรือวิธีการ ที่สามารถดักจับ "คลื่นอนาคต"ได้

    ยุคนี้คงไม่ยากที่จินตนาการว่า รอบตัวเรามี คลื่นแห่งความรู้-หนัง-ละคร-หนังสือ-ดนตรี-ข่าวสารสารพัดอยู่รอบตัวเรานี่เอง ขอเพียงเรามีอุปกรณ์เครื่องมือที่เหมาะสมเช่น คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ กับ wifi เราก็จับมันมาแสดงให้ดูได้

    เราว่าทำนองคล้ายกัน ถ้าเราทำสมาธิได้ดีมากพอ เราก็ดักจับคลื่นอนาคต(หรืออดีต)ได้

    โดยเหตุนี้เราจึงหัดฝึกสมาธิ และได้ผลดีตามสมควรจนเห็น บางชิ้นส่วนของอนาคตได้

    โดยที่บางคนนิยาม"วิทยาสตร์"ว่า เป็นการทำนายที่ได้ผลถูกต้อง 99.99%
    จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมี"หนูทดลอง"ให้ประมวลประเมิณ"ผลลัพธ์"ที่ได้
     
  14. badboy_gt10

    badboy_gt10 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +81
    รายงานตัวครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...