แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

อนุโมทนาค่ะน้องนัท

"การบรรลุมรรคผล จิตนั้นจะไม่มีอะไรแทรกแซงในจิตเลย แม้แต่ความเห็นว่า จิตของตนนั้นใสดั่งแก้ว ก็ไม่มีเลย"

ขอถาม ถ้ายังไม่บรรลุมรรคผล เราสามารถอนุโลมให้เห็นว่า จิตของตนใสดั่งแก้ว 1. ได้ไหม? 2. ผิดหรือเปล่าอ่ะ???

 

ขออนุญาตตอบครับ
ไม่มีอะไรผิดหรอกครับพี่ลี
ปฏิบัติตามแนวพระพุทธองค์หรือตามแนวครูบาอาจารย์
ที่เหมาะกับจริต
ถูกกับจริตของตน
ทำแล้วสุขในใจก็พอ
....
ฝนตกลงมาบนพื้นโลก
ไหลรวมไปเป็นแม่น้ำเป็นที่พักอาศัย
นานเท่านาน
มาถึงมหาสมุทรเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเสียแล้ว
(เอ้อ ฝนบางส่วนก็หนีไปตกที่มหาสมุทรโดยตรงก็มีนะครับ)

 

พี่ลี ถามผมจริงๆ หรอครับ ผมไม่ทราบเลยครับพี่

ไม่รู้จะตอบยังไง เอาข้อความครูบาอาจารย์มาให้อ่านเฉยๆ จ้า

 

พี่ลีนี่มีคำถามเด็ดๆ มาให้น้องๆ ได้พิจารณาเสมอเชียวนะ

"การบรรลุมรรคผล จิตนั้นจะไม่มีอะไรแทรกแซงในจิตเลย
แม้แต่ความเห็นว่า จิตของตนนั้นใสดั่งแก้ว ก็ไม่มีเลย"

ณ คิดว่าคำกล่าวของครูบาอาจารย์หมายถึง
หากบรรลุมรรคผล บุญหรือบาป ย่อมเสมอกัน เพราะเป็นสมมติ
แต่ก่อนที่เราจะไปถึงมรรคผล เราย่อมต้องคว้ากิ่งไม้ที่แข็งแรง
เพื่อจะดึงตัวเราขึ้นไปให้ถึงยอดแห่งมรรคผล
กิ่งไม้ก็เปรียบได้กับบุญกุศล ที่เราต้องทำ เพื่อส่งให้เราห่างไกลจากบาป
และเมื่อถึงยอดแล้ว เราก็ไม่มีอะไรต้องคว้าอีก หากเหลือเพียงการทรงตัว
เลี้ยงตัวให้อยู่บนยอดแห่งมรรคผลนั้นได้

การอนุโลมให้จิตของตนใสดั่งแก้ว ก็เป็นการเสริมให้เกิดความมั่นคง
เสริมให้กิ่งไม้แข็งแกร่งขึ้น แข็งแรงขึ้น เพื่อจะให้สามารถยกน้ำหนักของเราขึ้นไปได้
ไม่มีผิด ไม่มีถูก มีเพียงแต่เหมาะสมกับสภาวะของเราหรือไม่เท่านั้น
หากสิ่งที่ทำขณะนี้ ทำให้เราเจริญก้าวหน้าในทางธรรม ก็ทำต่อไปโลด
จริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้
อย่าตีกรอบ ยึดกรอบซะเหนียวแน่น นั่นคือมานะทิฐิโดยแท้
ทั้งนี้เราก็ต้องใช้สติประกอบด้วยปัญญาพิจารณาอยู่เสมอด้วย
ครูบาอาจารย์ท่านดูเราอยู่เสมอ
ความผิดพลาดคือหนทางสู่เส้นชัย ผู้ไม่ผิดคือผู้ที่ไม่เคยทำอะไรเลย
ในโลกนี้ไม่เห็นมีสักคน เพียงแต่ให้เรารู้จักยอมรับความผิดพลาดนั้น
แล้วแก้ไข ไม่เดินย่ำซ้ำรอยเดิมอีก แล้วเราก็จะไปถึงเส้นชัยได้อย่างงดงาม<!-- google_ad_section_end -->

 

การเลี้ยงตัวให้อยู่บนยอดมรรคผลทำอย่างไร
ขอยกคำกล่าวของพระสารีบุตรที่สอนพระบวชใหม่
ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยนำมากล่าวไว้

ผู้ปฏิบัติต้องฉลาดในการเลือก เลือกเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งที่เราพอจะทำได้
ทีนี้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า นิพพาน เราจะไปนิพพานจริงๆ เราจะตัดตัวไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังความเป็นพระอรหันต์ ก็ต้องดูตัวอย่าง พระสารีบุตร
ที่ท่านแนะนำพระ เมื่อพระบวชใหม่บวชเสร็จก็ไปลาพระพุทธเจ้าจะเข้าป่า
เมื่อพระพุทธเจ้าสอนแล้ว พระพุทธเจ้าถามว่า เธอไปลาพระสารีบุตรแล้วหรือยัง
พระบอกว่ายัง ท่านบอกให้ไปลาพระสารีบุตรด้วย แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านทราบ
ไม่ได้นัดกันว่าพระสารีบุตรจะพูดเรื่องอะไร ฉะนั้นพระจึงไปแวะหาพระสารีบุตร
พระพวกนั้นก็ถามพระสารีบุตรในธรรมะต่างๆ ข้อปฏิบัติต่างๆ พระสารีบุตรก็อธิบายให้ฟัง
ในที่สุดก็ถามว่า เวลานี้ผมเป็นปุถุชน ต้องการเป็นพระโสดาบันจะทำยังไง
ท่านบอกว่า ให้ตัดขันธ์ 5 ให้ตัดรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ 5
ถ้าตัดได้อย่างหยาบก็เป็นพระโสดาบัน
พระพวกนั้นถามว่า ผมเป็นพระโสดาบันแล้วต้องการเป็นพระสกิทาคามีจะทำยังไง
ท่านก็บอกว่า ก็ตัดตัวเดียวกัน ถ้าละเอียดลงไปอีกหน่อยหนึ่งก็พระสกิทาคามี
พระท่านถามว่า ถ้าเป็นพระสกิทาคามีแล้วต้องการเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง
ก็ตัดตัวเดียวกัน จนเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกาย เบื่อหน่ายในกามคุณ
เบื่อหน่ายในความโกรธ ก็เป็นพระอนาคามี
พระก็ถามว่า ในเมื่อเป็นพระอนาคามีแล้วทำยังไง
ก็บอกว่าตัดตัวเดียวขันธ์ 5 ตัดขาดทั้งหมด อวิชชาด้วย ก็เป็นพระอรหันต์
พระพวกนั้นก็ถามว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วเลิกทำใช่ไหม
ท่านบอก ไม่ใช่ พระอรหันต์ขยันทำมากกว่าพระธรรมดา
เพราะรู้จักความทุกข์ เหตุของความทุกข์และผลของความทุกข์
ปฏิบัติเพื่อความอยู่เป็นสุข อันนี้จะเห็นว่าการตัดสังโยชน์ 10 ประการ
เขาตัดกันตัวเดียวคือ สักกายทิฏฐิ
สักกายทิฏฐิต้องใช้อารมณ์ไม่เหมือนกัน
อย่างพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
มีสมาธิเล็กน้อย กับมีศีลบริสุทธิ์และมีปัญญาเล็กน้อย
ใช้ปัญญาแค่คิดว่าชีวิตนี้ต้องตาย นี่เป็นสักกายทิฏฐิ
ตัดตรงนี้ให้มีความรู้สึกจริงๆ ว่าร่างกายนี้มันต้องตายแน่
วันนี้น่ะมันไม่ตาย แต่วันหน้ามันอาจจะตายก็ได้ ยังไงๆ มันก็ตายกันแน่นอน
ทีนี้ต่อไปถ้าเป็นอารมณ์พระอนาคามี จะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในร่างกาย
เบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เบื่อหมดจนไม่มีความรู้สึกพอใจอะไรทั้งหมด
อันนี้เป็นอารมณ์พระอนาคามี
ถ้าเป็นพระอรหันต์มี สังขารุเปกขาญาณ วางเฉยทุกอย่าง
ร่างกายเราก็เฉย จะแก่ก็เชิญแก่ มันจะป่วยก็เชิญป่วย
มันจะตายก็เชิญตาย เป็นหน้าที่ของมัน
ร่างกายคนอื่นก็เช่นเดียวกัน ทรัพย์สมบัติก็เหมือนกัน
มันมีอยู่ก็มี ไม่มีมันจะพังมันจะหายไปก็เรื่องของมัน เป็นของธรรมดา
แค่นี้เราจะเห็นว่าการตัดสังโยชน์ 10 ประการ อยู่ข้อเดียวคือ สักกายทิฏฐิ

 

5โหล 5โหล ประกาศจ้า ประกาศ

มีท่านเจ้าภาพแจ้งมาว่า
จะมีการเทปูนหล่อพระชำระหนี้สงฆ์ 2 องค์
ณ วัดถ้ำผาแดง กาญจนบุรี ในเดือนมิถุนายน
เสาร์อาทิตย์ไหน ยังไม่กำหนด ถ้ารู้แน่จะรีบแจ้งให้ทราบ

เราจะไปค้างที่วัดนี้ 1 คืน
อาจกางเต้นท์นอนรอบๆ ศาลาวัด หรือตามจุดต่างๆ ที่พอจะนอนได้
ไฟฟ้าไม่มีใช้ ใช้แต่Solar cell แต่ก็ให้แสงสว่างได้ไม่กี่ดวง
แม้กลางวันจะร้อนสักหน่อย แต่ตกค่ำ อากาศก็คงจะเย็นเพราะอยู่เชิงเขา
ณ มั่นใจว่าท้องฟ้า และดาวยามค่ำคืนคงจะสวยมากแน่ๆ
ที่สำคัญไฟฉายจะมีประโยชน์มาก...พกๆ กันเอาไว้
น้ำใช้ก็มีพอสมควร น้ำดื่มก็ต้องหากันขึ้นไปนะจ๊ะ

อาหารการกินอยู่ก็ต้องแบบง่ายๆ เราคงเน้นอาหารสำเร็จรูป
กินง่ายอยู่ง่าย ถือว่าเป็นการฝึกกายฝึกจิตไปในตัว
ที่วัดนี้ยังขาดอีกมาก ใครจะนำของมาร่วมทำบุญ
ถวายสังฆทานก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

หากมีผู้ใดสนใจ มาร่วมกันขนปูน ขึ้นไปเทหล่อองค์พระ
ก็มาลงชื่อไว้ได้นะคะ
หรือใครอยู่จังหวัดใกล้เคียงก็เดินทางมาร่วมได้เลยค่ะ
เดี๋ยวถ้ามีแผนที่จะเอามาลงให้
มาร่วมบุญกันหลายๆ คนสนุกดีค่ะ แถมได้บุญด้วย

ว่าจะยกแก๊สปิคนิคเล็กๆ ขึ้นไปทำอาหารง่ายๆ กินกันเอง
ใครมีฝีมือก็ได้โชว์กันล่ะงานนี้ ง่ายๆ สบายท้อง...หุหุ
ถือเป็นการฝึกตัวเองไปในตัว
ไหน...ชาวแคร่คนไหนสนใจชูรักแร้ด้วยเน้อ...

 

ยกมือ สนใจ ไปร่วมสร้างพระด้วยคนครับ

เอ งั้นขอเสนอวัน เสา อาทิตย์ ก่อนแล้วกันครับ ส่วนอาทิตย์ไหน ทุกท่านช่วยกันออกความคิดเห็นหน่อยจ้า

 

โอ้ววววว ..... งานหล่อพระ...ชอบ ชอบ (^_^)
ขอเป็นเสาร์-อาทิตย์นะจ๊ะ ... ไปด้วยคนเด้อค่า
ดีจังเลยจะได้หล่อพระอีกแล้วววววว ..
ขอบคุณนัองนัทมากๆ เลยนะค่ะที่บอกข่าวดีๆ เช่นนี้

 

วันนี้มีเรื่องหมูปิ้งของเด็ก 3 ขวบ มาเล่าให้ฟัง
เช้าวันอาทิตย์ น้องชินตื่นแต่เช้า หลังจากเล่นซนจนรู้สึกหิวก็เลย
เดินไปป่วนเปี้ยนใกล้ๆ แม่ที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
แม่เดินไปทางไหนก็เดินตาม ต้อยๆ แม่เห็นกริยาอาการ ก็รู้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
ก็เลยหยุดทำงานแล้วหันมามองแล้วยิ้มให้ เจ้าหนูส่งยิ้มตอบมาอย่างน่ารัก
พร้อมกับพูดเสียงอ่อยๆ

น้องชิน : "แม่จ๋า...น้องชินหิวจังเลย น้องชินจะกินหมูปิ้ง หิ้ว... หิว... หิว..."
พูดพร้อมกับแสดงอาการหิวจริงๆ แม่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แม่ : "ไป...ออกไปซื้อปากซอยกัน"
สองแม่ลูกจูงมือกันออกไปปากซอย ก็ราว 800 เมตร
น้องชินฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
พอไปถึงร้านหมูปิ้งขาประจำ แม่ค้าก็ยิ้มรออยู่แล้ว
แม่ค้า : "วันนี้กินกี่ไม้ดีน้องชิน"
แม่ค้าถามเจ้าหนูตัวน้อย น้องชินหันไปมองหน้าแม่
แม่ : "หมูปิ้ง 10 ไม้จ้า ไม่เอา..."
พูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ พูดแทรกขึ้นมา
น้องชิน : "เอาแต่เผือก"
แม่ค้าและแม่ ได้ยินก็หันไปมองเจ้าตัวน้อย
แล้วก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน...

คิดกันได้หรือยังเอ่ยพวกเขาหัวเราะอะไรกัน
ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก

เอาแต่เผือกของน้องชิน คือ ไม่เอามัน
หุหุ ตามกันไม่ทันละสิ
น้องชินเข้าใจว่า คำว่า "มัน" ในร้านกล้วยทอด กับ"มัน"ในร้านหมูย่างคือสิ่งเดียวกัน
มันก็เลยออกมาเป็น "เอาแต่เผือก" (deejai);aa47

 

มือใหม่หัดฝึก ขอบคุณคร้าบบบ

ขอบคุณค่ะ อาจาม...เอ้ยอาจารย์หนอน แต่ยังมีสงสัย
ตรงพวกฝน ฝน น้ำ น้ำ เนี่ยหมายยยยความว่าอย่างไรหรือ งงงงงอ่ะ

ขอบคุณน้อง ณ. อธิบายแถลงไขแสดงให้เข้าใจง่ายยยย ดีจัง

 

ฝนตกลงมาบนพื้นโลก
ไหลรวมไปเป็นแม่น้ำเป็นที่พักอาศัย
นานเท่านาน
มาถึงมหาสมุทรเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเสียแล้ว
(เอ้อ ฝนบางส่วนก็หนีไปตกที่มหาสมุทรโดยตรงก็มีนะครับ)
ส่วนของอาจารย์หนอนก็ให้พี่ท่านมาตอบเองนิ...

ณ คิดว่ามันเป็นเช่นนี้ได้ไหมน๊อ
ฝน = คน, สัตว์โลก
ตกลงมา = เกิด
บนพื้นโลก = สถานที่ดำรงอยู่
ไหล = การปฏิบัติ
ระหว่างการไหล ก็มีการปนเปื้อน มีการระเหย มีการแข็งตัว
เทคนิคในการไหล ก็ไม่เหมือนกัน
ไหลแบบเอื่อยๆ ช้าๆ แทบมองไม่เห็นการกระเพื้อมของผิวน้ำ
ไหลแบบเรื่อยๆ ไปตามลมพลิ้ว แผ่วเบา มีระรอกน้ำเล็กๆ ให้เห็นเป็นระยะๆ
ไหลแบบพุ่งพรวดพราด เป็นน้ำพุ พุ่งปี๊ดขึ้นมา
ไหลแบบโหมกระหน่ำ เป็นพายุรุนแรงซัดสาด
ไหลแบบเนียนๆ ไปรวมอยู่กับสิ่งมีชีวิต เท่าที่รู้ 70% ในตัวเรานี่หละ
และไปอยู่กับสิ่งไม่มีชีวิตเช่นเป็นองค์ประกอบของอิฐหินดินทรายเป็นต้น
ไหลแบบค่อยๆ ซึม ค่อยๆ แทรก
การซึมก็มีหลายแบบ เช่นแบบน้ำซึมบ่อทราย น้ำซึมผ่านหิน
หรือซึมผ่านสิ่งต่างๆ ความยากง่ายก็ต่างกันไป
นอกจากเทคนิคในการไหลแล้ว ก็ยังมีเรื่องเส้นทางอีก
น้ำไหลไปตามทางต่างๆ ทางคดทางโค้งบ้าง ทางอ้อม
ทางวกวน ทางยึกยัก ทางซิกแซก ทางขรุขระ
จับหลักได้หน่อยไปทางตรง ก็ถึงได้เร็วขึ้น
นั่นแหละการเดินทางของเม็ดฝน
เม็ดฝนแต่ละเม็ด ย่อมมีความแตกต่างของสถานะ
เทคนิคในการไหล และเส้นทางการไหลผ่านที่ต่างกันไป
แต่สุดท้ายก็มารวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือมหาสมุทร
"คนสามบ้าน กินน้ำบ่อเดียว เดินทางเดียว ไม่เหยียบรอยกัน"
คุ้นมะพี่ คุ้นมะ...อิอิ
ส่วนอาจารย์ท่านพี่หนอนจะอธิบายว่ากระไรก็เชิญโลดเจ้าค่ะ
ณ แค่แสดงความคิดเห็นส่วนตั๊วส่วนตัว...

 

ไปกันวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ 5 -6 มิย. เลยครับ

 

แฮ่ๆ ขอไปด้วยคนค่ะ แต่ว่าขอเป็นเสาร์-อาทิตย์ ที่ 19-20 มิ.ย. แทนจะได้มั๊ยเอ่ย
แบบว่าวันที่ 5-6 มิ.ย. เนี้ย มีนัดทำงานบุญใหญ่ที่บ้านเกิดตัวเองแล้วอ่ะเจ๋เจ้

สาธุ "^^

 

ขอแจ้งข่าว งานบุญหน่อยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม นี้จะมีหล่อพระ 6 องค์ ที่ อ.บางเลน

ณ สถานปฏิบัติธรรมพุทธบูชา เรื่องกำหนดการเวลาจะกลับมาแจ้งอีกทีนะครับ

ส่วนวันที่ 28 พฤษภาคม นี้ตรงกับวันวิสาขบูชา จะมีหล่อพระทองคำ ที่วัดชินวนาราม

จังหวัดปทุมธานี ครับ เวลาหล่อพระ ประมาณ 3 ทุ่ม เป็นต้นไปจ้า

ท่านใดสนใจจะไปด้วยกัน สอบถามมาได้เลยจ้า

 

น่าไปหล่อพระจังเลย ขอดูวันเวลาอีกรอบ จะได้ตามสอยห้อยท้ายไปด้วย ^^

 

ดีจ้า น้องตุ้ยมาร่วมบุญกัน อยากเจอน้องตุ้ยเหมือนกัน
ไม่ได้เจอมานานแล้ว...คิดถึงนะไอ้น้อง...
ปล. วันที่ 9 พี่ไม่ได้ไปเน้อ ติดธุระไปต่างจังหวัด ส่วน 28 ไม่น่าพลาด

 

คิดถึงพี่ ณ เหมือนกันครับ เจอเมื่อไหร่สงสัยโดดกอดแน่เลย แฮๆ

 

555555555 ได้เจอกันแน่น้อง
แหม...เหมือนท้าประลองยุทธเลยแฮะ

 

ข่าวดีจ้า ข่าวดี ตะลอนบุญเล็กๆ ที่จะไปเทปูนหล่อพระชำระหนี้สงฆ์
ที่กาญจนบุรี วัดถ้ำผาแดง ท่านเจ้าภาพแจ้งมาว่าอยากให้มีคนไปรวมบุญกันเยอะๆ
จึงเมตตาจัดรถตู้พาไปฟรี รีบมาลงชื่อกันนะคะ
เพื่อทุกคนจะได้มาร่วมกันสร้างบุญกุศลในครั้งนี้
เจ้าภาพแจ้งเพิ่มเติมมานิดนึ่งค่ะ
คือวันอาจจะเลื่อนนิดหน่อย จากวันเสาร์กับอาทิตย์
เป็นวันศุกร์กับเสาร์แทน เนื่องจากวันเสาร์เป็นฤกษ์ดี
จึงอยากให้ไปเตรียมงานกันในวันศุกร์ วันเสาร์จึงเริ่มกันค่ะ


Thanks the original...http://lh5.ggpht.com/_wqZVI6nmUAo/Sz4BMdQtZWI/AAAAAAAAAtM/HgOSc6nRBKw/111_1246023657.jpg

 

เย้ เย้ เย้.... ดีใจออกนอกหน้าเลยแระ

ขอยกมือไปด้วย 1 ที่ แต่ต้องไม่ใช่วันที่ 28-29 พ.ค.

เพราะติดงานบุญอื่นจ้า