เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์จากพระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ให้ไปเป็นประธานในการทำบุญ งานครบรอบ ๓๐ ปีการก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    การก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีนั้น กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้คิดที่จะตั้งเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะมีภาระในที่ใดที่หนึ่ง เมื่อออกจากวัดท่าซุงมาแล้ว ด้วยความที่ต้องมานึกว่าเราจะไปที่ไหนดี ก็ไปนึกถึงสถานที่หนึ่ง ทางด้านห้วยตาทะ ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเคยธุดงค์ไปสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง แล้วเกิดชอบใจสถานที่มาก

    ที่นั่นเป็นหุบเขา มีทางเข้าแคบ ๆ กว้างประมาณ ๒ เมตรเศษเท่านั้น และทางเข้านั้นมีลำห้วยไหลออกมาเต็มพื้นที่เลย พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ถ้าจะเข้าสู่หุบเขาแห่งนั้น อย่างน้อยก็ต้องลุยสวนน้ำเข้าไป เมื่อข้ามลำห้วยเข้าไปแล้ว ทางด้านซ้ายมือจะค่อย ๆ ลาดสูงขึ้น เป็นเนินที่ไม่สูงมากนัก ถ้าหากว่าจะสร้างกุฏิที่พักอะไร จะเป็นที่เหมาะสมมาก ก็คือแม้ว่าจะเป็นหน้าน้ำก็ตาม ถึงน้ำป่าหลากมา ก็จะไม่กระทบกระเทือน เพราะว่าอยู่บนเนินที่ค่อนข้างสูง

    แต่ว่ากระผม/อาตมภาพในช่วงนั้นไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเลย เนื่องเพราะว่าทางด้านขวามือนั้น เมื่อเดินตามลำห้วยไปเรื่อย ๆ ไม่ไกลมาก ก็จะเป็นต้นของลำห้วยตาทะสายนั้น คือจะเป็นน้ำผุดขึ้นมาจากพื้นดินโดยตรง เป็นช่องใหญ่ประมาณบาตรพระขนาด ๘ นิ้วครึ่ง น้ำสายนั้นผุดมาจากลำธารใต้ดิน แล้วก็ไหลไปกลายเป็นลำห้วยตาทะ กว้างออกไป ๆ จนกระทั่งใหญ่ปิดปากทางเข้าสู่หุบเขาแห่งนั้น และที่ดีไปกว่านั้นก็คือ เหนือตาน้ำที่ผุดขึ้นมานั้นมีถ้ำใหญ่ ถ้าหากว่าจะเป็นที่อาศัยในการเจริญภาวนาก็นับว่าดีมาก

    เมื่อระลึกได้ว่าสถานที่นั้นมีอยู่ กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนบอกกับหัวหน้าเดิม (นายประเดิมชัย แสงคู่วงษ์) หัวหน้าศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ซึ่งดูแลหน่วยจัดการต้นน้ำทั้งในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ว่าขอไปอยู่อาศัยยังสถานที่นั้นจะได้หรือไม่ ?

    หัวหน้าเดิมเมื่อพิจารณาแล้วก็บอกว่า สถานที่ห่างไกลจนเกินไป ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจะดูแลกันลำบาก ขอให้มาอยู่ทางด้านข้างที่ตั้งศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ก็แล้วกัน สถานที่นั้นเป็นเกาะเล็ก ๆ มีน้ำล้อมรอบ เมื่อกระผม/อาตมภาพเป็นผู้ขอ ก็ต้องแล้วแต่ว่าผู้ให้เขาจะให้ตรงไหน เมื่อไม่ได้สถานที่ซึ่งตนเองชอบใจ ก็ไปยังสถานที่ซึ่งเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    เมื่อไปถึงสถานที่นั้นแล้วก็ชอบใจตรงที่ว่า เป็นเกาะเล็ก ๆ มีน้ำไหลล้อมรอบ สถานที่ร่มรื่นน่าอยู่เป็นอันมาก แล้วทางด้านหัวหน้าเดิมได้ให้ลูกน้องไปทำกระต๊อบเล็ก ๆ เป็นกระต๊อบทำจากไม้ไผ่ มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก และทำห้องน้ำห้องส้วมเอาไว้ให้ ก็คือเป็นห้องอาบน้ำหนึ่งห้อง และห้องสำหรับถ่ายหนักเบาหนึ่งห้อง กระผม/อาตมภาพจึงย้ายไปอยู่ในสถานที่นั้น ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖

    หลังจากที่อยู่ได้ไม่นาน สถานที่นั้นก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นมา จากที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดจะก่อสร้างอะไรเลย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว การบิณฑบาตก็ใช้วิธีเดินขึ้นไปรับบาตรจากหมู่บ้านของคนงาน ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ ๕ กิโลเมตรครึ่ง คำว่าเดินเขาขึ้นไปก็คือ เดินขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ ตามถนนสายที่ตรงไปยังน้ำตกผาสวรรค์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทางเดินเท้าอยู่ เมื่อเดินไปประมาณ ๕ กิโลเมตรครึ่ง ก็จะถึงหมู่บ้าน หรือบางท่านก็เรียกว่า "แคมป์คนงานของศูนย์จัดการต้นน้ำ" ซึ่งจะมีบรรดาพี่น้องมอญพม่าอาศัยอยู่ตรงนั้นให้บิณฑบาตได้

    ครั้งแรกที่ขึ้นไปถึง ทุกคนดีใจจนน้ำตาไหล โดยเฉพาะตาลานหัวหน้าหมู่บ้าน บอกว่า "กระผมอยู่ตรงนี้มา ๑๙ ปีแล้ว เพิ่งจะมีพระมาโปรดวันนี้เอง" แล้วก็บอกให้ลูกบ้านของตนเองเตรียมหุงข้าวไว้ใส่บาตรทุกวัน ช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉันอาศัยแค่มื้อเดียว เนื่องเพราะว่าออกเดินบิณฑบาตตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้า กว่าที่จะกลับมาถึงยังสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ก็เกือบจะ ๑๐ โมงแล้ว

    แต่แม้ว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยก็ตาม อยู่ไปเพียงไม่กี่วัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งท่านมรณภาพ และกระผม/อาตมภาพได้ร่วมกับพี่น้องจัดงานศพถวายท่าน จนกระทั่งส่งท่านขึ้นสู่มณฑปในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตรเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ยังสถานที่แห่งนั้น

    หลวงพ่อท่านมา แบบภาษาวัยรุ่นว่า "ตัวเป็น ๆ" เลย มาถึงก็บอกว่า "แกช่วยสร้างศาลาสักหลังหนึ่งสิ เวลาญาติโยมมาหาแกจะได้มีที่หลบแดดหลบฝนบ้าง" กระผม/อาตมภาพจึงกราบเรียนว่า "ถ้าญาติโยมมาหา ห้องน้ำห้องส้วมน่าจะสำคัญกว่าที่หลบแดดหลบฝนนะครับ" หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจึงได้บอกว่า "ข้ากำลังจะบอกให้แกสร้างห้องน้ำห้องส้วมด้วย"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    กระผม/อาตมภาพที่เคยเจอครูบาอาจารย์โดนมาเองแล้ว ก็คือพระท่านมาสั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ให้สร้างวิหาร ๑๐๐ เมตร ตอนแรกก็แค่บอกให้ทำเป็นเพิงหมาแหงนแล้วมีพระประธานสักองค์หนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งต่อโน่นเติมนี่มาเรื่อย จนกระทั่งกลายเป็นมหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตรของวัดท่าซุง..!

    เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผมจึงได้กราบเรียนหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านไปว่า "หลวงพ่อจะให้ทำอะไรบ้าง โปรดบอกมาทีเดียวเลยครับ ผมขี้เกียจรับคำสั่งหลายรอบ..!" หลวงพ่อท่านจึงได้บอกให้ทำอาคารตรงโน้นตรงนี้ รวมทั้งหมดแล้ว ๑๓ หลังด้วยกัน มีทั้งกุฏิที่พัก มีทั้งศาลา มีทั้งหอฉัน มีทั้งอาคารที่ใช้แทนโบสถ์

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ไปปักไม้ขึงเชือกเอาไว้ตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง โดยกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไปว่า "กระผมเองตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ขอใครเลยแม้แต่บาทเดียว ถ้าหากว่าหลวงพ่อจะให้ผมสร้างสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ต้องไม่ให้ผมออกปากขอใครเลย ถ้าต้องขอใครแม้แต่บาทเดียว กระผมจะเลิกสร้างทันที..!"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมองหน้าแล้วถามว่า "แกจะเอาแบบนี้แน่นะ" กระผม/อาตมภาพยืนยันไปด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่า "แน่ครับ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็สบายใจ เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่า "แกจะเอาแบบนั้นก็ได้" หลังจากนั้นก็นอนตีพุง เพราะว่าไม่ขอใคร ไม่บอกใคร จะมีใครสามารถที่มาทำให้กระผม/อาตมภาพก่อสร้างได้..!?

    แต่กระผม/อาตมภาพเองประเมินครูบาอาจารย์ของตนเองผิดไป เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน หัวหน้าเดิมก็ได้พาเพื่อนชื่อพนม สุธาพจน์ มายังสถานที่นั้น คุณพนมเดินดูสถานที่อยู่พักใหญ่ แล้วก็มานั่งแปะอยู่หน้ากุฏิหลังแรก พร้อมกับกราบเรียนว่า "สถานที่สวยนะครับ" กระผม/อาตมภาพก็รับสนองว่า "ใช่..สวยมาก" "แล้วหลวงพี่ไม่คิดจะสร้างอะไรเลยหรือครับ ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่มีเงิน..ไม่สร้างหรอก"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    หัวหน้าเดิมกับคุณพนมหายไปประมาณ ๒ ชั่วโมง ปรากฏว่าคุณพนมกลับมาใหม่ พร้อมกับแปลนศาลาคร่าว ๆ ที่ตนเองไปร่างแบบมาเรียบร้อยแล้ว บอกว่า "มีศาลาขนาดนี้สักหนึ่งหลังก็จะดีนะครับ" กระผม/อาตมภาพมองแล้วก็บอกว่า "ดี..แต่ไม่ทำ..เพราะว่าไม่มีเงิน" ปรากฏว่าคุณพนมหายไปเฉย ๆ ผ่านไปสามวัน ก็พาลูกน้องขนวัสดุก่อสร้างมา มาถึงก็ลงไม้ลงมืออีโล้งโช้งเช้งทำเองไปเรื่อย กระผม/อาตมภาพก็ยังบอกว่า "เฮ้ย..ไม่มีเงินนะเว้ย ถึงคุณทำไปก็ไม่ได้สตางค์หรอก" คุณพนมก็ไม่สนใจ สั่งให้ลูกน้องทำไปเรื่อย

    มีอยู่คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ปลุกกระผม/อาตมภาพแต่เช้ามืด บอกว่า "ให้เข้ากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลย..!" กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง ซึ่งตอนนั้นกว่าที่จะออกจากเกาะพระฤๅษีได้ ก็ต้องไปแจ้งทางป่าไม้ว่า "ช่วยเอารถยนต์ไปส่งที่ท่ารถอำเภอทองผาภูมิให้หน่อย" หลังจากนั้นก็ขึ้นรถเมล์แดงลงไปยังท่ารถ บขส.กาญจนบุรี แล้วค่อยต่อรถทัวร์เข้าสู่ยังสายใต้ เพื่อที่จะเดินทางไปยังจุดหมายอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ต่อไป

    ปรากฏว่าเมื่อนั่งรถทัวร์มาจนถึงแถว ๆ เกือบจะถึงแยกอรุณอัมรินทร์ ก่อนที่จะขึ้นสู่สะพานพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เห็นหลวงปู่มหาอำพัน (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์) มายืนองค์โตเต็มถนน บอกว่า "คุณ..แวะวัดเทพศิรินทร์หน่อยครับ" กระผม/อาตมภาพก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า "กระผมได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ยังไม่ทราบเลยครับว่าท่านจะให้ไปไหน"

    หลวงปู่ท่านบอกว่า "หลวงพ่อท่านให้ไปรับเงินที่วัดเทพศิรินทราวาส" กระผม/อาตมภาพเมื่อลงรถแล้ว จึงต้องต่อแท็กซี่แบบงง ๆ เพื่อที่จะเดินทางไปยังวัดเทพศิรินทราวาส โดยเข้าทางด้านโรงเรียนเทพศิรินทร์

    เมื่อก้าวเข้าประตู ปรากฏว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งเดินสวนออกมา พอเห็นหน้า ฝ่ายชายก็ถามว่า "หลวงพี่มาจากไหนครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "อาตมภาพมาจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี" ท่านก็ถามต่อว่า "มาธุระอะไรครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "หลวงพ่อฉันให้มาเอาเงินที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามาเอาเงินกับใคร" ผู้ชายคนนั้นจึงถามว่า "มาเอาเงินไปทำอะไรครับ ?" จึงได้เรียนบอกเรื่องการสร้างศาลา

    ชายผู้นั้นจึงควักกระเป๋า เอาเงินสดถวายมา ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมกับนามบัตรใบหนึ่ง ซึ่งใครเห็นนามสกุลก็ต้องร้องอ๋อทันที เพราะว่าช่วงนั้นเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่ ๆ โต ๆ ในประเทศของเรานี่เอง พร้อมกับบอกว่า "กระผมปวารณาครับ ไม่ว่าท่านจะก่อสร้างขนาดไหนก็ตาม ถึงเวลาโทรมา กระผมจะถวายปัจจัยสนับสนุนงานให้เอง" กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะทราบว่า ครูบาอาจารย์ท่านหาเงินให้ด้วยวิธีนี้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,283
    ค่าพลัง:
    +26,015
    เมื่อญาติโยมเห็นว่ามีการก่อสร้าง คนโน้นก็ควักกระเป๋าช่วย คนนี้ก็ควักกระเป๋าช่วย งานก่อสร้างต่าง ๆ จึงดำเนินไปโดยสะดวกมาก ระหว่างนั้นก็มีเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ กันไป อย่างเช่นว่ากระผม/อาตมภาพเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อกลับมา ช่างรับเหมาก่อสร้างก็ถามว่า "พระอาจารย์ครับ หลวงพ่อองค์ดำ ๆ ใส่แว่นถือไม้เท้านั้นอยู่กุฏิไหน ? กระผมจะไปกราบท่านสักหน่อย"

    ถามว่า "เอ็งเจอตั้งแต่เมื่อไรวะ ?" ช่างบอกว่า "ตอนที่พระอาจารย์ไม่อยู่ครับ ผมกำลังให้ลูกน้องตีแบบหล่อเสาอยู่ ท่านมาชี้บอกว่า "ขาดไปสามนิ้ว ให้ตีแบบเพิ่มขึ้นด้วย" กระผมก็ไม่คิดว่าลูกน้องจะมักง่าย ไม้หมดแค่ไหนก็ทำแค่นั้น ไม่ได้ต่อไม้ขึ้นไป เมื่อเข้าไปวัดดู ปรากฏว่าขาดไปสามนิ้วจริง ๆ ครับ..!"

    กระผม/อาตมภาพจึงนำเอารูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้ดู ถามว่า "ใช่พระองค์นี้หรือเปล่า ?" ทุกคนยืนยันว่า "ใช่ครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ข้าก็ไม่รู้จะบอกพวกแกว่าอย่างไร แต่นี่คือหลวงพ่อของข้าเอง และท่านก็มรณภาพไปหลายเดือนแล้ว..!" ทำเอาทุกคนขนลุกขนชันกันไปหมด..!

    จนกระทั่งท้ายสุด บรรดาช่างทั้งหมด ๔๐ กว่าคน ต่างก็เลิกเหล้ากันโดยสิ้นเชิง เพราะว่าหลวงพ่อท่านมาให้เห็นเป็นระยะ ๆ กระผม/อาตมภาพจึงใช้เวลาแค่ไม่นาน ในการสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี มีอาคารมาตรฐาน คอนกรีตเสริมเหล็ก ๑๓ หลังด้วยกัน สำเร็จเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวจริง ๆ..!

    แล้วเมื่อได้รับการอาราธนาจากแม่ชีชื่น ศรีสองแคว ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ทางด้านสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีก็มีผู้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแลเป็นระยะ ๆ อย่างเช่นว่าทิดกวาง (พระสมุห์กำพร สุชาโต) พระครูแสง (พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล ) ปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) เป็นต้น มาจนถึงรูปปัจจุบันคือพระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. ซึ่งมาจัดงานทำบุญครบรอบ ๓๐ ปี การก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีในวันนี้เอง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...