เสียงตัวเอง ถามตัวเอง ตอบตัวเอง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รู้รู้ไป, 14 ธันวาคม 2010.

  1. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    เสขะ บุคคล ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนเห็นตน ตนจึงเห็นเหตุเห็นผลแห่งตน จึงดับเหตุดับผลแห่งตน ด้วยตน ใช่ผู้อื่นทำให้ไม่ อนุโมทนาครับ

    adugug ขึ้นอยู่กับเราจะเห็นค่า หรือให้ค่า อย่างไร เป็นเช่นนั้นจริงๆ

    อนุโมทนาในธรรมครับ สาธุ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนอื่นเห็นอะไรเห็นแค่ไหน ไม่สำคัญเท่าเราเห็นสิ่งนั้นด้วยตัวเราเอง
    ธรรมะของผู้อื่นดีเลิศประเสริฐเพียงใด ก็ไม่สู้เรารู้ธรรมะที่อยู่ในใจของเราเอง

    กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา อัพยากตาธรรมา
    ล้วนเป็นธรรมะที่เกิดในใจเราตลอดเวลา
    รวมถึง รัก โลภ โกรธ หลง กิเลส ตัณหาและอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ รวมถึงอาการ ยินดี ยินร้าย
    เมื่อธรรมะใดเกิดมีสติปัญญารู้ว่าธรรมะนั้นเกิดแล้ว
    เมื่อธรรมะใดดับมีสติปัญญารู้ว่าธรรมะนั้นดับแล้ว
    ก็เรียกว่าทำความเพียรรู้ตามธรรมะที่เกิดแล้วดับแล้วในใจตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  3. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    k.kwan โมทนาครับ รู้กุศล รู้อกุศล ก็เป็นทางให้อยู่เหนือกุศล เหนืออกุศล ในใจตน

    ขอบคุณในธรรมครับ
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มีใครบ้าง ที่ยกอาการ "จิตถามเอง ตอบเอง" มาตามรู้ทันบ้าง คงไม่เสร็จ
    มันยึดวิญญาณขันธ์เป็นตนไปเสียหมดนะ

    หากใครก็ตามได้ลองยกพิจารณาดู จนเห็นอาการ "เบื่อหน่าย" เกิดขึึ้น ตั้งอยู่
    แต่ไม่เห็นมันดับ จึงทำให้ไม่เห็นการ"คลายกำหนัด" อาการที่เข้ามาขวางคือ
    คำถามคำตอบ(อาการบางอย่างสั้นๆ กว่าจะเป็นคำพูด) ที่เหมือนยักษ์มาเหยีบหัวอก
    มาเหยีบร่างกายไว้ทั้งร่าง หรืออะไรก็ตามที่คุณยึดเป็นเรือนรูป จะถูกคุกคามให้อาศัย
    อยู่ไม่สละออก ตรงนี้คือ "มโนสัญเจตนา" เราเรียกว่าเป็นอาหาร เพราะมันคือปัจจัย
    พิเศษของ "การถามเอง ตอบเอง" ตัวนั้นนั่นแหละ

    หากใครเห็นอาการดังกล่าว ก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า ข้ามฝากตาย มาให้พิจารณาหยิบยก
    ตรงนี้หากไม่ "แยกรูปถอด" คือ มายืนแต่ส่วนนามรูปเท่านั้น (ไม่ยืนในส่วนของ "รูป")
    ไว้เนืองๆ ก็จะพอยกอาการ "มโนสัญเจตนาหาร" นี้เป็นสิ่งถูกรู้ถูกดูได้ ดูจนกว่าสติ
    จะตามทันก็จะเกิด นิพพิททา เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดนิพพิททาแล้ว จะเห็นได้ว่า (มา
    ถึงตรงนี้ได้ จะเห็นว่า ตนข้ามฝากตายได้บ้างแล้ว ตายก่อนตายคืออย่างงี้ๆ และ
    จะเห็นว่า เป็นสมาธิที่รู้เนื้อรู้ตัวตลอด ไม่ใช่ งมนิ่งเหลือแต่จิตแบบทิฏฐิพราหมณ์กินกะบาล)

    ทำไม พระพุทธองค์ตรัสว่า มโนสัญญเจตนาหาร นี่แหละ คือ สิ่งที่พาเข้าสู่กามวจรภพ
    (จิตถามเอง ตอบเองนั้นแหละ) เมื่อดูจนพอรู้ว่า อ๋อ นี่ทางของสุญญตา ที่จะพาไปสู่
    การเป็นวิหารธรรม "อุปสัมมานุสติกรรมฐาน" ก็จะรู้ว่า อ๋อ การทรงอารมณ์นิพพาน
    "ดับภพคือนิพพานๆ" ที่พระสารีบุตรใช้เป็นกรรมฐานนั้น คือทำอย่างไร

    พอพิจารณากลับมาที่ "จิตถามเอง ตอบเอง" พร้อมกับ "แยกรูป(ไม่สำคัญว่าปัฐวี
    ธาตุคือปัฐวีธาตุ ไม่สำคัญว่าอาโปธาตุคืออาโปธาตุ ไม่สำคัญว่าวาโยธาตุคือวาโยธาตุ
    ไม่สำคัญว่าเตโชธาตุคือเตโชธาตุ)ถอด" พร้อมกับ การมีศีลประกอบจิตถามเอง
    ตอบเอง ก็จะรู้ว่า 1.การศรัทธาคำสอนของพระพุทธองค์เรื่องอุปสัมมานุสตกรรมฐาน
    มีอยู่ 2.ศีล5บริสุทธิมีอยู่ 3.ดับภพคือนิพพาน(จิตถามเองตอบเอง แต่ยกดู
    เสีย จึงกลายเป็นการเห็น สัญญาอย่างหนึ่งเกิด สัญญานั้นดับไป)ทรง
    อารมณ์นิพพานมีอยู่ ก็จะ อ๋อการทรงอารมณ์พระโสดาบันคืออย่างนี้ๆ

    พอทำกรรมฐานนี้อยู่ หากเจอพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ก็จะทรงตรัสถามว่า เธอ
    รู้เครื่องธรรมให้บรรลุโสดาบันหรือ เมื่อทบทวนไปที่ จิตถามเอง ตอบเองด้วยดี
    แล้วจะรู้ว่า

    1.ปัญญาของตน ที่เงียบๆ นั้นส่วนหนึ่ง ปัญญานี้มีตนเท่านั้นที่เห็นแน่ๆ
    2.ความรู้ที่พูดเป็นภาษาขึ้นมาได้ อันเกิดจาก เคยสดับธรรมะมาก่อน นั้นส่วนหนึ่ง
    ความรู้นี้หากไม่เคยสดับมาก่อน ก็คงพูดออกมาไม่ได้ บรรยายไม่ถูกแน่ๆ
    3.การที่ยกความรู้ความเห็นเหล่านั้นเป็นของตามรู้ตามดู ไม่ยึดไว้ว่าเป็นตนผู้ค้นพบ
    อย่างคนไม่รู้คุณคน นั้นส่วนหนึ่ง [ สมัยพุทธกาล มีพระท่านหนึ่ง ยกว่าวิญญาณ
    ขันธ์ถามเองตอบเอง เทียวไปนี่แหละ คือที่สุดแห่งตน จึงถูกปรามว่า มีธรรมลามก ]

    สรุปความทั้งสาม หากได้สดับบท พระสารีบุตร ตอบแก่ พระสมณะโคดมแล้วก็จะ
    ลงเอยด้วยอาการหงายของที่คว่ำได้ดังนี้

    โสตาปัตติยังคะ คือ...
    ๑. สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ
    ๒. สัทธัมสวนะ ฟังคำสอนของท่าน
    ๓. โยนิโสมนสิการ กระทำไว้ในใจ โดยอุบายที่ชอบ
    ๔. ธัมมานุธัมมปฏิบัติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

    เมื่อทบทวนไปอีก ก็จะรู้ว่า อาการจิตถามเอง ตอบเอง ไม่ใช่เราพึ่งไปทำขึ้นมา
    ด้วยการทำสมาธิอย่างเอกอุ หากใช้ชีวิตสัมมาสัมชีวาตาไปเรื่อยๆ จะพบว่า สิ่ง
    เหล่านี้มีอยู่ก่อนโดยตลอด เพียงแต่เราอร่อยเหาะกับมัน ไม่เคยยกมันมาดูว่ามัน
    นำกามภพทั้งสามมาให้ ทั้งโลกมะนุด โลกเทวดา โลกสมาธิแบบพรหมณ์ การ
    ภาวนาจึงเป็นกองขันธ์อย่างหนึ่ง ที่เป็นเพียงเครื่องมือให้เรากลับมา ดูกายดูใจ
    ตนอย่างตั้งมั่น เป็นกลาง เท่านั้น

    หากเข้าใจทั่วถึงดี ก็จะพบว่า "เราไม่ได้อะไรมา และก็ไม่ได้เสียอะไรไป"
    อะไรทีเป็นของโลกมีแบบโลกเขาก็อยู่และดำเนินส่วนโลก ไม่เกี่ยวอะไร
    กับผู้ที่อยู่พ้นโลก ยิ่งเป็นผู้เที่ยงต่อการพ้นโลกก็คงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ท่าน..ว.วชิร เมื่อใดจะหยุดเล่น "สัญญา" ผ่านสื่อเสียทีล่ะ ดังระเบิดระเบ่อแล้ววว หากเข้าถึงธรรมชาติจริง.. นิมนต์อย่าเลือกเล่น "สัญญา"..นะท่านนะ มันไม่ยุติธรรมเดี๋ยวจะเข้าไม่ถึงธรรม ท่านผู้รู้ธรรม..!
    โลกนี้มันพร่องอยู่เป็นนิจนะท่าน อย่าลืมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
    .. เฮ๊ยยยยย..ไพร่สถุลบังอาจมาสอนพระรึ..ก็นานเอาทีมันคันครับ.!(สับสนตอบ)
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปัดติโถ ผมก็สงสัยอยู่ว่า ตอนนี้แกงค์ไหน ไปลากท่าน ว. มาปูยี้ปู้ยำ

    ยุติธรรม ยำยุติธรรม

    แหม ไม่ใกล้ ไม่ไกลเลยเนาะ

    ว่ากันไป.......

    กัมมุนา วิตติโลโก กุ๊กๆ(สร้อย กุ๊กๆ นี่สำหรับกล่าวกับคนที่ทำอาการ เชยๆ )

    * * * *

    ว่าแต่ว่า คุณอโศ คุณขันธ์ เขาเห็นดีเห็นงามใน พี่สับสน หรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ผมไม่เกี่ยว..พี่เอกวีร์ ผมแค่ชี้ธรรมจริงให้ท่านเห็นบ้างเดี๋ยวจะเพลินไปกับชื่อเสียงมากเกินไป..เสียดาย..เพิ่งจะแตกพาน เดี๋ยวจะบอบช้ำหนักแล้วจะเลี้ยงโตยาก..
    ความรู้ทางโลก เรียนยังไงก็ไม่จบ เรียนตัวเองให้จบก่อนเถอะเมื่อโอกาสดี เวลาดี อย่างนี้...ทำไมไม่รีบทำ วันๆทำอะไรอยู่ทั้งที่พร้อมหมดจด มานั่งประดิษฐ์ถ้อยคำขายผ่านสื่อ แบบลำเอียงเที่ยงธรรม ไปเพื่ออะไร..!
    พี่เอกวีร์ รู้จัก พระนกเขารึปล่าว..! ทำไมไม่เป็นปราชญ์แบบ ท่านปยุตย์..บ้างล่ะองค์นี่นะสละชีวิตเพื่อธรรมได้ของจริง..!
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อย่า ประมาทก็แล้วกัน จะทำอะไร

    ผมจะพูดเพื่อห้าม ก็ไม่ใช่ฐานะ เนาะ แต่ก็ขอให้ทำอย่างระมัดระวังเท่านั้นเอง

    อะไรที่ว่า เอียง หนะ ลองตรึกย้อนไปดูสิ ว่ามีอะไรเป็นปัจจัย

    นี่ถ้าจะ ทักทายท่าน เพื่อให้ ใครดันขึ้นมานะ เจอตัวปัจจัยที่ๆหนุนนั้นเข้า
    ไปนะ เสร็จนะ คราวนี้จบ

    แต่ถ้าจะ ทักทายท่าน เอาสีสรรในเว็บไปวันๆ อันนี้ก็ว่ากันไป ชินและ

    เดินออกมาจากบ้าน เรื่องจะไม่เจอกองขี้หมา นี่ไม่มีหร๊อก

    เชยนะ ทำเรื่องที่มีอยู่โดยปรกติ คนในโลกทำกันอยู่เป็นประจำไม่ใช่
    พี่เกิดพึ่งหันมาทำคนเดียวในโลกหร๊อก

    กุ๊กๆ
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ผมรู้ว่าทำอะไรอยู่..พี่เอกวีร์ มองพระแค่ผ้าเหลือง..จึงมองคนละมุมกับผม..ผมมองหน้าที่พระเป็นหลัก.. "ถ้าพ้นแล้วก็ว่าไปอย่าง"..มันมีเงาบอกเรื่องราว ผู้รู้เขามองออก เอะอะก็..ห้ามเถียง.. ห้ามถาม ..ห้ามสงสัย..ห้ามสับสน...

    ใครหนอมันปลูกปั่นผู้คนจนกลายเป็นวัฒนะธรรมองค์โจร..ไปแล้ว..กะลามสูตร10 นี่ใครบัญญัติ ใครสอนหือพี่เอกวีร์..! ฝรั่งเขาถึงกล้าทิ้ง พระเจ้า กันเป็นแถวเพราะอะไร..
    กาลามาสูตร10..บัญญัติไว้อย่าง..แต่พวกมันสอนกันอีกอย่าง..บางแห่งมันไม่สอน พุทธวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ เถรสมาคม ว่าไง..สอนแบบไหนผู้คนจึงมีแต่ศรัทธา ปัญญาล่ะ ..!
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอางี้

    คือ ผมพอรู้มาบ้างว่า เวลาท่าน ว. เขียนหนังสือ เสร็จ จะมีคำปรารภ
    ของใครจะพูดกับท่านว่า "ส่งมาให้อ่านด้วยนะ"

    แล้วคนที่ปรารภอย่างนั้น ใครจะทัดทานไม่เขียนเสร็จแล้วส่งไปให้ นั้น
    เป็นเรื่องยาก

    และธรรมดาอยู่เอง ที่คนที่รับหนังสือไปอ่านท่านนั้น จะมีผลต่อเนื้อหา
    สาระในตัวหนังสืออยู่บ้าง

    คราวนี้ พี่เกิด ลองตรองดูให้ถี่ถ้วนว่า คนทั่วๆไปอย่างพี่เกิดหาก
    ปรารภให้ส่งหนังสือมาให้ แล้วขัดไม่ได้มีใครบ้าง

    คราวนี้ ก็ลองตรองซ้ำอีกทีว่า

    แน่ใจแล้วหรือ ที่จะเรียกว่า "วัฒนธรรมองค์กรโจร" ในเมื่อแผ่นดิน
    นี้พี่เกิดก็อาศัยร่วมอยู่กับ ผู้เป็นเหตุปัจจัย นั้นๆ
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    " ผมเป็นผู้ถูกกระทำ"..จนช้ำจิต จะให้เชื่อพระองค์ไหนได้อีก เข้าใจไหมออกสื่อทุกวันนน..
    ผมช้ำจิต..ไม่อยากฝากตัวไปรักพระ ไหนใครอีกแล้ว..พระหลอกลวงลวงมากเหลือเกินเพื่อเงิน..แล้วจะสอนลูกหลานผมด้วยตำราเล่มใด..เอาพระองค์ไหนเป็นต้นแบบ องค์กรระดับชาติ ยังเชื่อถือมิได้ สื่อมันก็สับสนปนเป..ไปจนขนาดตัวผมเองเกิดมาจนจะแก่ตายแล้ว ทั้งที่ผ่านโลกมามากยังเขวววววววว งงไปหมด โอ๊ย..ปวดใจ ปวดตับ ปวดใส้ ปวดม้าม ไปหมด..!
    ขนาดพระไตรปิฏก..พระเล่นสื่อจนดังบางองค์ยังบอกว่าผิด ..องค์กรพุทธมันก็ยังปล่อยให้คนกราบไหว้พระองค์นี้กันอยู่จนหลงว่าเป็นอริยะ ดูสื่อมันเล่น..หรือใครทำ..ดูสื่อมันปั้นไปถามพี่แก้วฯล..โน่นเขารนณรงค์อยู่..!
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปัดโถ่พี่เกิดที่รักของผม

    นี่คุยกันมาตั้งนาน พี่เกิดไม่รู้ถึงความในของน้องนี้บ้างเลยเหรอว่า


    ผมหนะ รอ พระในใจพี่เกิดอยู่ต่างหากหละ พี่เกิดนั้นแหละพระ

    พี่จะต้องไปหาพระที่ไหนอีกเล่า ทำตัวพี่เกิดให้เป็นพระไปตรงๆนี่แหละ

    เร็วๆเข้า

    ก่อน 2012 อย่ามัวเพลินอยู่กับ คัดง้าง พลังแผ่นดิน เดี๋ยวจะไม่มี
    แผ่นดินจะยืนนะจะบอกให้

    [ อันนี้ ไม่ได้หมายเอาว่า 2012 จะมีอะไรเกิดขึ้นนะ แต่อาศัยโลก
    เขามีมรณะสัญญาผูกติด ก็เลย เอา มรณะสัญญา มาเสนอด้วยรูป
    แบบสั้นๆว่า 2012 ตามสมัยนิยมหนะ ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ตะกี้ ผมเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เอ พระอาจารย์สงบ เคยเทศ อุปสัมมานุสติกรรมฐาน
    หรือ การทรงอารมณ์พระโสดาบัน บ้างไหม

    เดชะบุญ เข้าไปปั๊ป ท่านเอาขึ้นมาแสดงไว้ก่อนแล้ว เป็นไฟล์เทศน์เมื่อวานนี้เอง

    สงสัย พี่ รู้รู้ไป จะมี วิญญาณขันธ์ของกลาง(จิตถามเอง ตอบเอง)
    แรงกล้า จนกระทั่งทำให้ท่านหยิบจับออกมาได้พอดิบพอดี

    ลองไปอ่านดูนะ ธรรมะของท่านคราวนี้ ไม่เหนือนธรรมชาติ แว๊ว!!!

    ธรรมะคราวนี้คือ ธรรมชาติ ธรรมะคือธรรมชาติ รู้เห็นไปอย่างซื่อๆ ไม่ได้อะไร
    มา ไม่เสียอะไรไป สมาธิเป็นเพียงเครื่องมือ ช่วยแยกวัตถุ(รูป)ถอด เท่านั้น

    "ธรรมะ เหนือ ธรรมชาติ ธรรมชาติคือโลก คือกิเลส" อันนี้ ก็ฟังได้นะ
    แต่
    "ธรรมะคือธรรมชาติ" ในกัณฑ์นี้ ไพเราะที่สุดตั้งแต่เคยฟังมา

    ไปหาอ่านเองนะ หากให้ผมเอามา ผมจะ แทรกให้เห็นเลยว่า ตรงไหนท่าน
    พูด แยกรูปถอด ตรงไหนพูด มโนสัญญเจตนา ตรงไหนพูดวิญญาณขันธ์
    จุดไฟเผาตัวเองแท้ๆ สร้างภพเพื่ออยู่แท้ๆ

    ตรงจุดไฟนี่ หากไปอ่าน พระสารีบุตรสูตร ก็จะเห็นว่า ท่านใช้อุบายธรรม
    เดียวกันในการอธิบาย บางคนไม่รู้ว่คือไฟ ก็เลยต้องอุปมาให้เห็นว่า คือ ไฟนะจ๊ะ
    มันคดในข้องอในกระดูกนะจะเจ้าถามเอง ตอบเองนั่นหนะ หากไม่มีศีลละก้อ
    ยุ่ง


    เทศนการทรงอารมณ์พระโสดาบัน อุปสัมมานสติกรรมฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  14. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    เอกวีร์ ถามเองตอบเอง นั้น มันก็นานแล้วนะพี่เอกวีร์ 10 ปีได้แล้วละครับ ทุกวันนี้ผมก็เอาอย่างชื่อนี่ละครับ อะไรอะไร ก็รู้รู้ไปไว้ก่อนชอบที่จะเห็นมันผุด แล้วฟุ่บ ลงไปเรื่อยๆ ก่อนตอนนี้
    อยู่ที่ว่าจะรู้ได้ หรือไหลตามมันไปเสียก่อนเท่านั้นเอง

    บางคราวหยิบยกเอาสัญญามาเล่าสู่ ก็ด้วยหมายบางอย่างไว้ในใจ

    หากเพลงนั้นจะสื่อได้ถึงประโยชน์ที่พี่เอกวีร์หมายไว้แล้ว ก็เปิดเถอะครับ
     
  15. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    สับสน! คนที่สนทนาธรรมกับผมท่านหนึ่ง มีนิสัยประหลาด วันวันเรื่องตัวเอง เป็นหลักก่อน เรื่องคนอื่นไว้ทีหลัง แต่เมื่อเริ่มภาวนา กลับภาวนาทีเป็นชั่วโมง สิ่งที่ผมเรียนรู้ใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ เขากลับทำได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่า หลายเท่า และบางอย่างก็ทำได้ดีกว่าเสียด้วย
    วันหนึ่ง เขาก็กล่าวกับผมว่า คนที่ยุ่งกับเรื่องพระนี่เขาเก่งนะ เขาไม่กล้ายุ่งไม่กล้ามีความเห็นหรอก เป็นเรื่องของสงฆ์ ของสมมุติสงฆ์ ศีลเราไม่เท่า เราไม่กล้า เราเคารพ
    เขาเห็นเหมือนกับผมนะ
    สำหรับผมแค่ผ้าเหลือง ก็เป็นเครื่่องน้อมให้ถึงซึ่งพระรัตนตรัย ตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงประธานไว้ให้ ใครจะเข้าถึงได้แค่ไหนก็ตามกำลัง ที่สั่งสมมา ก่อนจะถึงวันซึ่งแม้จีวรติดปลายหูยังไม่มีให้ได้เห็น สะสมความรู้ ตามกำลังตามโอกาส ที่ได้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนไว้ ให้ได้มากที่สุดก่อน
    หรือพี่สับสนเห็นว่าอย่างไรครับ
     
  16. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    โอ..เขี่ยบอลเข้าเท้าพี่เอกวีร์ จนได้
    ท่าน รู้รู้ไป..ขอบคุณที่ชม อย่าถือสาผมเลยครับ ผมแค่เจ็บปวดหัวใจกับความรู้สึกเดิมๆที่ถูกทำให้ "สับสน"..มานานปี จากใครก็ไม่รู้ สังคมมันวิปริตไปหมด ในใจผมมันเจ็บใจ หากปล่อยความรู้แบบตรงไปตรงมาผมก็ไม่ควรเกิดมา "สับสน" ใช่ไหมครับ
    ผมมองพระด้วย "หน้าที่" ไม่ใช่ "ผ้าเหลือง"..จะดูกร้าวร้าวแต่เป็นสัจจะธรรมครับ ขออภัยที่ใช้กระทู้ท่าน รู้รู้ไป ซะเลยเถิด ขออภัยครับ..โทษพี่เอกวีร์ กระวาดเลยครับอีกคน (เข้ามาอ่านอีกรอบจึงรู้ว่าเข้าใจผิด ..นึกว่าท่านรู้รู้ไป..ชมผ๊ม ขออภัย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  17. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    สับสน! สิ่งที่น่าชมในตัวพี่สับสน ก็คือความตรงไปตรงมา ความจริง ความเป็นตัวของตัวเองของตัวพี่สับสน
    พี่ตรงซะยิ่งกว่าผมซะอีก ใครใครก็รู้รู้กันอยู่ ขึ้นอยู่กับว่า พี่จะใช้มันอย่างไร เมื่อไหร่ให้เกิดประโยชน์ต่อตน หรือจะเพื่อประโยชน์ผู้อื่น เท่านั้นเอง
    อันนี้ชมจริงๆครับ พี่สับสน อยู่ที่พี่เลือกใช้เองจริงๆ ของดีของพี่ เมื่อไหร่พี่ใช้ ต่อตนพี่ก็ได้ประโยชน์ต่อตน อันนี้ชมจริงๆครับ
     
  18. kontatip

    kontatip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +112
    เขียนอะไรกันเข้าใจยากชะมัด

    เราเองได้ยินเสียงตอบของตัวเองมาตั้งเเต่เด็กแล้ว

    มันก็แค่ควมคิด

    จบ

    พูดใช้คำเหมือนดูดีเเต่เข้าใจยากชะมัด

    ธรรมะคืออะไร

    คือสิ่งที่มีอยู่ทั่วไป

    คือธรรมชาตินั่นเอง
     
  19. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    kontatip ธรรมมะ คือธรรมชาติ คือความเป็นไปอย่างธรรมดา เมื่อทุกอย่างเป็นเป็นธรรมดา อย่างเป็นธรรมชาติ ก็เข้าใจทุกอย่าง อย่างเป็นธรรมดา อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ไม่มีง่ายก็ไม่มียาก

    ความคิดนี้แลเป็นตัว ทุกข์ เป็นตัณหา เป็นการปรุงแต่ง
    ทุกข์ได้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ มากน้อยตามกำลัง
    ใครนำทุกข์ นำคิดทั้งหลาย มาใช้ประโยชน์ได้
    ก็พลิกจากความเป็นทาสแห่งคิด มาเป็นนายเหนือคิดได้ ก็ด้วยอาศัยคิดนั้นเอง
    เป็นอิสระจากคิดได้ ก็จบ ก็หมดกิจ จากคิด

    ขอบคุณที่ได้มาแสดงธรรมให้ได้เห็น ให้ได้พิจารณาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...