เรื่องเล่า พ่อท่านบ้านเรา อริยสงฆ์เมืองใต้

wichu · 11 สิงหาคม 2015

ขอเชิญร่วมบุญ สร้างมณฑปเพื่อเก็บสรีระสังขารของพ่อท่านเสือเล็ก หิรัญฺโญ
ณ. วัดควนซาง ตำบลหนองบัว อำเภอรัษฏา จังหวัดตรัง

ท่านที่ร่วมบุญ 99 บาท จะได้รับวัตถุมงคลที่ระลึกตามนี้ครับ

พระพิมพ์ บรรจุกรุ พินัยกรรม
ลูกอมเทียนชัย ผสมเกศา จีวร พ่อท่าน
จีวร
รูปขนาดห้อยคอ

‪#เงินร่วมบุญ‎ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น‬ ‬
จะนำไปซื้อทราย หิน เพื่อใช้ในสร้างมณฑป ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้
ขอบารมีของพ่อท่านเสือเล็ก ช่วยอำนวยอวยพรให้ท่านเเละครอบครัวประสบความสุขความเจริญ
ทำกิจการงานใด ให้เจริญรุ่งเรือง เเคล้วคลาด ปลอดภัย ปราศจากโรคภัยทั้งปวง สาธุ
สนใจ ดูได้ในเฟส พ่อท่านเสือเล็ก วัดควนซางได้ครับ

wichu · 15 กันยายน 2017

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง อนุภาโส (พระครูอนุภาสวุฒิคุณ) แห่งวัดน้ำรอบ[/FONT]

[FONT=&quot]ยอดพระเกจิแห่งลุ่มน้ำพุมดวงที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์คาถาอาคม และโหราศาสตร์ที่เป็นเลิศ หลวงพ่อกระจ่าง อนุภาโส (พระครูอนุภาสวุฒิคุณ) วัดเกาะกลาง (เดิมท่านอยู่วัดน้ำรอบ) อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง ผู้เป็นสหธรรมิก ร่วมธุดงค์ กับพ่อท่านวงศ์ วุฒิคุณ วัดประชาวงศาราม[/FONT]

[

wichu · 15 กันยายน 2017

[FONT=&quot]พ่อท่านกระจ่าง อนุภาโส ”พระครูอนุภาสวุฒิคุณ”
[/FONT]

[FONT=&quot]ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดน้ำรอบ,เจ้าคณะตำบลหนองไทร,เจ้าคณะอำเภอเคียนซา และพระอุปัชฌาย์ [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านสืบสายวิชามาจากหลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ , หลวงพ่อว่อน วัดท่าเสม็ด (สายเขาอ้อ) จ. นครศรีธรรมราช , หลวงพ่อแดง วัดวิหาร , หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน [/FONT]

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง อนุภาโส วัดน้ำรอบ [/FONT][FONT=&quot]ศึกษานักธรรม และไสยเวท [/FONT]

[FONT=&quot]บวชแล้วพระจ่าง (กระจ่าง) อนุภาโส ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดน้ำรอบ เพื่อปฏิบัติอุปัฎฐากอาจารย์ ก็คือ พระครูปิยศีลวัตร (นึก) เจ้าอาวาส วัดน้ำรอบ ขณะนั้น [/FONT]
[FONT=&quot] ซึ่งท่านได้เคยให้ความเมตตาเอ็นดู สมัยที่พระจ่างยังเป็นเด็กวัดอยู่ในความดูแลของท่านขณะยังไม่ได้อุปสมบท [/FONT]
[FONT=&quot]อยู่ปรนนิบัติอาจารย์และร่ำเรียนพระธรรมวินัยแล้วท่านก็สอบได้นักธรรมชั้นตรี ในพรรษาแรกนั่นเอง พรรษาที่สาม ก็สอบได้นักธรรมชั้นโท และพรรษาที่สี่ ก็สอบได้นักธรรมชั้นเอก [/FONT]

[FONT=&quot]ศึกษาวิชาไสยเวท[/FONT]

[FONT=&quot]ร่ำเรียนได้ดีกรีนักธรรมชั้นเอกแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านก็ขออนุญาตพระอาจารย์ (พระครูปิยศีลวัตร) ออกเดินทางไปแสวงหาวิชาความรู้ [/FONT]
[FONT=&quot]โดยได้เดินทางไป วัดท่าเสม็ด อ.ชะอวด จ. นครศรีธรรมราช [/FONT]
[FONT=&quot]กราบหลวงพ่อว่อน (พระครูวิสาท) เป็นอาจารย์ เพื่อศึกษาวิชาคาถาอาคมต่างๆ [/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับท่านพระครูวิสาท (หลวงพ่อว่อน) ผู้ถ่ายทอดวิชาสายเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]วัดท่าเสม็ด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. [/FONT][FONT=&quot]2495 - 2497[/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านว่อน เป็นศิษย์องค์สำคัญองค์หนึ่งของพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ระดับปรมาจารย์ทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อ จงหวัดพัทลุง[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อพ่อท่านจ่างตั้งใจแน่วแน่แล้ว จึงได้เดินทางออกจากวัดน้ำรอบไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช[/FONT]
[FONT=&quot] แห่งแรกที่ท่านนึกถึงมาก คือ ท่านพระครูวิสาท หรือพ่อท่านว่อน [/FONT]
[FONT=&quot]แห่งวัดท่าเสม็ด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช [/FONT]

[FONT=&quot]เรียนวิชาด้านคงกะพัน และตะกรุดพิศมร
[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมด้านอยู่ยงคงกระพัน[/FONT]
[FONT=&quot] ได้ฝึกฝนทำตระกรุดทิศหมอน หรือตระกุดพิศมร[/FONT]

[FONT=&quot] พ่อท่านว่อนได้ถ่ายทอดวิชาอาคมกันปืนด้วยคาถา อุดธัง อัดโธ โธอุด ธังอัด ฯ [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านได้ใช้เวลาฝึกฝนนานมาก วิชากันปืนไม่ใช่จะศึกษากันง่ายๆ...[/FONT]
ต้อง [FONT=&quot] ฝึกฝนด้วยพลังจิต [/FONT][FONT=&quot]จิตต้องกล้าแกร่ง อดทนพากเพียรเต็มที่ ใจต้องกล้าหาญจึงจะเรียนสำเร็จได้ [/FONT]

[FONT=&quot]กว่าจะผ่านแต่ละขั้นตอนออกมาได้ก็ต้องถูกพ่อท่านว่อนทดสอบแล้วทดสอบอีก[/FONT]
[FONT=&quot] ในที่สุดพ่อท่านจ่างสอบผ่านทำตระกรุดทิศหมอนกันปืนได้สำเร็จ[/FONT]

[FONT=&quot]วิชาเมตตา ทำน้ำมนต์
[/FONT]
[FONT=&quot]ขั้นต่อไปพ่อท่านว่อนให้ท่านเจริญเมตตาและศึกษาวิชาอาคมเสกเป่าทำน้ำมนต์[/FONT]
[FONT=&quot] วิชานี้ดูจะเบามาก ผ่านได้ง่ายเมื่อเทียบกับตระกรุดทิศหมอน [/FONT]

[FONT=&quot]สมันนั้นพ่อท่านจ่างหุงน้ำมันเสกเป่าเป็นว่าเล่น หุงแล้วเสก หุงแล้วเสกอยู่อย่างนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]สนุกกับวิชาอาคมมาก [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างได้ศึกษาวิชาเกี่ยวกับการเสกน้ำมัน เสกของให้คนกิน [/FONT]
[FONT=&quot]คนที่ถูกของถูกผีเข้ามีเยอะมาก ปกติท่านจะเสกให้กิน [/FONT]
[FONT=&quot]อาจจะเป็นพวกสมุนไพรและผลไม้ แต่ถ้าโดนมาหนักก็ต้องเสกน้ำมนต์รักษา [/FONT]

[FONT=&quot]เวลาดูแลรักษาผู้ที่โดนผีเข้าหรือโดนของจะสั่นงันงกร้องโอดโอยโหยหวน [/FONT]
[FONT=&quot]บางคนก็ไปโดนลมเพลมพัดมา บางคนถูกยาสั่ง* [/FONT]
[FONT=&quot](* ผู้ที่ถูกยาสั่งลักษณะภายนอกขอบตาจะดำ [/FONT]
[FONT=&quot]หากกินอาหารหรือสิ่งของที่ผู้ทำไสยเวชสั่งไว้นั้นแล้วอาจถึงตายได้[/FONT]
[FONT=&quot] หรืออาจจะปวดท้องอยู่ตลอดเวลา...[/FONT]
[FONT=&quot] การรักษาจึงต้องให้ความรู้ตามหลักไสยเวชที่ศึกษามา [/FONT]
[FONT=&quot]เพราะถ้าแก้ไม่ถุกอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้)[/FONT]

[FONT=&quot] พ่อท่านจ่างบอกว่าตอนเรียนนั้นมีชาวบ้านโดนยาสั่ง [/FONT]
[FONT=&quot]หรือผีเข้ามาให้ทดลองอยู่เรื่อยตลอดเวลาไม่ขาดสาย [/FONT]
[FONT=&quot]การทดสอบวิชาของพ่อท่านว่อนจะคอยกำกับควบคุมสั่งสอนอย่างใกล้ชิด[/FONT]
[FONT=&quot]ไม่ให้พลั้งเผลอแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าคุมกันทุกฝีก้าวเลยก็ว่าได้[/FONT]
[FONT=&quot]โดยเฉพาะผู้ที่ถูกยาสั่งซึ่งมีพิษ จะต้องรักษาโดยการใช้สมุนไพรเสกให้กินเพียงอย่างเดียว[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับท่านพระครูวิสาท (หลวงพ่อว่อน) เรียนทำผงอิทธิเจ และรักษาโรค[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านว่อน ยังได้สอนให้พ่อท่านจ่างทำผงอิทธิเจ ซึ่งเป็นวิชาเมตตามหานิยม [/FONT]
[FONT=&quot]ผงอิทธิเจเกิดจากการใช้ผงดินสอพองซึ่งเป็นผงจากปูนเปลือกหอย[/FONT]
[FONT=&quot] มาปั้นเป็นแท่งดินสอที่เรียกว่าดินสอพอง[/FONT]
[FONT=&quot] แล้วเขียนสูตรคาถาเป็นตัวอักขระหนังสือขอม เขียนให้ครบสูตรจนจบ[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วแพ่งภาวนาลบตัวอักขระลงมาเป็นผงเก็บไว้ แล้วเขียนใหม่ลบอีก[/FONT]

[FONT=&quot] เขียนๆ ลบๆ อยู่อย่างนั้นจนครบบทคาถาอาคม แล้วเอาผงนั้นซึ่งเรียกว่า ผงอิทธิเจ [/FONT]
[FONT=&quot]เอาไปผสมแป้ง ผสมสีผึ้ง หรือผสมน้ำมัน[/FONT]
[FONT=&quot] พ่อท่านว่อนเคี่ยวเข็ญจนท่านได้ศึกษาได้สำเร็จทำได้อย่างเดียวกับอาจารย์[/FONT]

[FONT=&quot]นอกจากนี้ พ่อท่านว่อนยังได้สอนวิชาเกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรค [/FONT]
[FONT=&quot]ซึ่งพ่อท่านจ่าง ให้ความสำคัญกัวิชานี้มากและตั้งใจศึกษาอย่างเต็มที่[/FONT]
[FONT=&quot] เนื่องจากสมัยก่อนในชนบทไม่มีโรงพยาบาลหรืออนามัยหมู่บ้าน[/FONT]
[FONT=&quot] เจ็บป่วยแต่ละครั้งต้องเดินกันเป็นหลายสิบกิโลถึงจะเข้าตัวเมืองได้ [/FONT]
[FONT=&quot]การคมนาคมก็ไม่สะดวก การรักษาโดยใช้สมุนไพรจึงจำเป็นอย่างยิ่ง[/FONT]

[FONT=&quot]การเรียนวิชาไสยเวชศาสตร์ นอกจากท่องบทคาถาแล้ว ...[/FONT]
[FONT=&quot]ผู้เล่าเรียนจะต้องลงมือปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย [/FONT]
[FONT=&quot]สองปีเต็มที่พ่อท่านจ่างทุ่มเทเล่าเรียนวิชาคาถาอาคม [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านว่อนจึงสั่งให้พ่อท่านจ่างงดบิณฑบาต [/FONT]
[FONT=&quot]ให้ฝึกสมาธิรักษาศีลและฝึกฝนวิชาการเรียนอาคมอย่างเดียว[/FONT]

[FONT=&quot]ท่านจึงเก่งและขลังในเรื่องของคงกระพันชาตรี ...[/FONT]
[FONT=&quot]แม้การหุงน้ำมันพ่อท่านจ่างเล่าว่า พ่อท่านว่อนเป็นอาจารย์ที่ดุ และเคร่งครัดมาก[/FONT]
[FONT=&quot] เวลาเรียนวิชาคาถาอาคมจะทำเป็นเล่นไม่ได้ต้องเรียนกันจริงๆ จังๆ [/FONT]
[FONT=&quot]ฝึกจริงและให้รู้จริงก็ต้องทำได้จริง มีผลให้พิสูจน์และท่านตรวจสอบได้ [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างโดนพ่อท่านว่อนสอบเป็นประจำ [/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อมอบวิชา มอบคาถาอาคมบทไหนไปฝึกสำเร็จแล้วได้ผลอย่างไรต้องมาทำให้ท่านดู [/FONT]

[FONT=&quot]เวลาทำให้ท่านดูก็ไม่ใช่ว่าจะให้ท่านดูได้เพียงครั้งเดียว ต้องทำให้ท่านดูจนมั่นใจ[/FONT]
[FONT=&quot]ทำจนเชื่อได้ว่าทำได้แล้วจริงๆ เรียกว่าเจนจบในวิชานั้นแล้วจึงจะต่อในวิชาต่อไป [/FONT]

[FONT=&quot]ผู้ได้ฝึกฝนวิชาคาถาอาคมเวทย์มนต์ไสยศาสตร์จากพ่อท่านว่อน จึงไม่ต่างจากได้เรียนกับพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา นั่นเอง[/FONT]
[FONT=&quot]วิชาที่สำเร็จจึงไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด[/FONT]
[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช เรียนวิชาเรื่องฤกษ์ยาม[/FONT]

[FONT=&quot]ขณะที่หลวงพ่อศึกษาวิชาไสยเวชศาสตร์กับพ่อท่านว่อน วัดท่าเสม็ด [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านพบกับท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ศึกเป็นศิษย์พ่อท่านเช่นกัน [/FONT]

[FONT=&quot]ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้ชักชวนท่านไปศึกษาวิชาไสยเวทย์ ณ สำนักเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นคนแนะนำพ่อท่านจ่างว่าฤกษ์งามยามดีเป็นสิ่งจำเป็น[/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างจึงสนใจศึกษาวิชาโหราศาสตร์ โดยมีท่านขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นผู้สอนคนแรก [/FONT]

[FONT=&quot]และนอกจากนี้ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ยังเป็นเป็นผู้จุดประกายให้พ่อท่านจ่าง[/FONT]
[FONT=&quot]สร้างโรงเรียนเพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาเล่าเรียน ทำให้พ่อท่านจ่างได้สร้างโรงเรียนบ้านเกาะกลาง และโรงเรียนบ้านศรีไพรวัลย์ ในกาลต่อมา[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับพ่อท่านพิมพ์ ภัทรมุนี[/FONT][FONT=&quot] เรียนรักษาโรค และทำขี้ผึ้ง[/FONT]
[FONT=&quot]วัดหัวสวน ตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี[/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านพิมพ์ เก่งทางด้านวิชาแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะยารักษาโรคที่แก้โรคภายในภายนอก[/FONT]
[FONT=&quot]โรคจำพวกฝี หรือฟกช้ำ เรียกว่าพอเห็นปั๊บจะรุ้ทันที่ว่าเป็นฝีประเภทไหน [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างมีโอกาสได้ศึกษาวิชาอาคม ตลอดจนเรื่องตำรายาหยูกยาแก้ฝีกับพ่อท่านพิมพ์[/FONT]

[FONT=&quot] วิชาทำขี้ผึ้งเป็นเมตตามหานิยมก็ได้จากพ่อท่านพิมพ์เหมือนกัน [/FONT]
[FONT=&quot]สีผึ้งเมตตามหานิยมพ่อท่านจ่าง ท่านมักเรียกว่า " ขี้ผึ้ง " [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านจะเอาผงอิทธิเจที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากพ่อท่านว่อน วัดท่าเสม็ด ผสมลงไปด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับ ท่านพระครูสถิตสันตคุณ (พ่อท่านพัว เกสโร) กับการเรียนบทเมตตามหานิยม[/FONT]

[FONT=&quot]ที่วัดจันทร์ประดิษฐาราม (วัดบางเดือน) ตำบลบางเดือน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อสำเร็จวิชาจากพ่อท่านว่อน ด้วยวิชาอาคมความรู้ที่อัดแน่นเต็มหัวใจ [/FONT]
[FONT=&quot]ด้วยจิตที่ทรงพลังเข้มแข็งขึ้นด้วยพลัง อุดธัง อัดโธฯ อาคมคงกระพันชาตรี[/FONT]
[FONT=&quot]ที่ได้รับการถ่ายทอดมา ทำให้ท่านมีความมั่นคงและความมั่นใจตนเองยิ่งขึ้น[/FONT]

[FONT=&quot] ก็มาได้ข่าวว่า พ่อท่านพัว วัดบางเดือน ท่านมีวิชาอาคมด้านเมตตามหานิยมเป็นเลิศ [/FONT]
[FONT=&quot]สมัยนั้นหลวงพ่อจ่างท่านห้าวหาญมาก คำพูดคำจาไม่กริ่งเกรงผู้หนึ่งผู้ใด [/FONT]
[FONT=&quot]ยิ่งได้ชิชาดีทางด้านคงกระพันชาตรีเยี่ยมยอดอย่างนี้ยิ่งห้าวหาญหนักเข้าไปใหญ่ [/FONT]

[FONT=&quot]คนที่รู้ประวัติเดิมพ่อท่านจ่าง ก่อนจะมาบวชเป็นพระนั้น[/FONT]
[FONT=&quot] ท่านเองก็เหมือนเสือร้ายดีๆ นี่เอง มุทะลุ ดุดัน ไม่เป็นสองรองใคร[/FONT]
[FONT=&quot] เรื่องยอมคนสำหรับพ่อท่านจ่างนั้นยากมาก[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อ มาได้พ่อท่านพัวเป็นครูอาจารย์ ท่านก็อบรมว่า เราอยู่ อย่าให้คนเขาเกลียด [/FONT]
[FONT=&quot]อยู่ให้คนเขารัก สิ่งสำคัญมันอยู่ที่กริยามารยาท อยู่ที่วาจา [/FONT]
[FONT=&quot]ภายนอกให้ดีอย่างไรข้างในก็ให้เป็นไปตามนั้น [/FONT]

[FONT=&quot]หลวงพ่อพัวให้ท่านเริ่มต้นกับวิชาเมตตามหานิยม [/FONT]
[FONT=&quot]ชนิดที่คนทั่วไปได้ยินแล้วต้องคิดว่าง่ายแสนง่าย[/FONT]
[FONT=&quot]... แต่กับหลวงพ่อกระจ่างวิชานี้ไม่ง่ายเลย [/FONT]

[FONT=&quot]คาถาอาคมบทแรกที่หลวงพ่อพัวให้หลวงพ่อกระจ่าง ทำให้แตกฉานให้สำเร็จ[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นเมตตามหานิยมสุดยอดขึ้นมาให้ได้ก็คือ นะ เมตตา โม กรุณา พุท ปราณี ธา ยินดี ยะ เอ็นดู [/FONT]
[FONT=&quot]เพียงแค่นี้ แต่ทว่าหลวงพ่อกระจ่างต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากที่จะทำให้นะเมตตา ปรากฎเป็นมหานิยมได้[/FONT]

[FONT=&quot]สมัยก่อนครูบาอาจารย์ท่านจะใช้คาถาบทนี้อักขระ [/FONT][FONT=&quot]5 [/FONT][FONT=&quot]ตัว หรือพระเจ้า [/FONT][FONT=&quot]5 [/FONT][FONT=&quot]พระองค์ [/FONT]
[FONT=&quot]ด้วยการตื่นแต่เช้าลงไปยืนข้างๆ ต้นไม่ริมรั้ว ที่มียอดฟักทองเลื้อยเกาะ [/FONT]
[FONT=&quot]แล้วท่านจะยื่นแขนออกไปให้ห่างจากยอดฟักทองเล็กน้อย [/FONT]
[FONT=&quot]แล้วท่านจะหลับตาภาวนาคาถาพระเจ้า [/FONT][FONT=&quot]5 [/FONT][FONT=&quot]พระองค์ บทนี้ไปเรื่อยๆ [/FONT]
[FONT=&quot]จิตของท่านจะพุ่งจับอยู่ที่ยอดฟักทอง แล้วดึงจิตกลับมาที่แขนของท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]...ให้พุ่งเข้าไปอยู่กลางใจของท่าน จนทำให้ยอดฟักทองเลื้อยออกมาพันแขน [/FONT]
[FONT=&quot]จากนั้นท่านก็จะตัดเอายอดฟักทองมาผสมทำผงพระ เป็นมวลสารสุดยอดมหานิยมที่หาได้ยากที่สุด [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างฝึกฝนด้วยคาถาบทนี้จนเกิดพลังจิตอันยิ่งใหญ่ เป็นพลังจิตที่ขาวสะอาด[/FONT]
[FONT=&quot]จนความมุทะลุดุดันที่มีมาแต่เก่าก่อนได้ลดลงและหมดไปโดยสิ้นเชิง [/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]

[FONT=&quot]ระยะนี้เองที่หลวงพ่อมีราศีเจิดจ้า ใครเห็นใครรัก เมตตามหานิยมนี้บังเกิดอยู่อย่างพอเพียง [/FONT]
[FONT=&quot]พลังเมตตาท่วมท้นหัวใจท่าน จะกล่าวคำหนึ่งคำใดกับผู้ใดก็มีแต่ความเมตตากรุณา [/FONT]
[FONT=&quot]คำพูดคำจาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงโดยมิได้ปั้นแต่ง สมกับที่พ่อท่านพัวสอนว่า...[/FONT]
[FONT=&quot]... สิ่งสำคัญมันอยู่ที่กริยามารยาท วาจา ภายนอกเป็นอย่างไร ข้างในก็ให้เป็นไปตามนั้น[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับพ่อท่านแดง คุณสัมปัญโน[/FONT][FONT=&quot] เรียนวิชาสมุนไพรและบทคาถาเวทมนต์[/FONT]
[FONT=&quot]วัดวิหาร ตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี[/FONT]

[FONT=&quot]ขณะที่พ่อท่านจ่างศึกษาวิชาไสยเวชศาสตร์อยู่กับพ่อท่านพัว วัดบางเดือน สุดยอดพระเกจิอาจารย์เมตตามหานิยมอาคมขลัง[/FONT]
[FONT=&quot] พ่อท่านจ่าง ท่านยังได้ไปศึกษากับพ่อท่านแดง วัดวิหารควบคู่กันไปด้วย [/FONT]
[FONT=&quot]โดยได้ทั้งเรื่องหยูกยารักษาคนด้วยสมุนไพร และเวทมนต์คาถาอีกมากมาย[/FONT]

[FONT=&quot]ในช่วงที่ได้ศึกษาวิชาอาคมทั้งหลายจากพ่อท่านพัว วัดบางเดือน และพ่อท่านแดง วัดวิหาร [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างเล่าว่าท่านถูกอาจารย์ทั้งสองเรียกตัวไปสอบจิต[/FONT]
[FONT=&quot] ว่ามีความสามารถเชี่ยวชาญในวิชาอาคมอยู่ในขั้นใด และขาดสิ่งใด[/FONT]
[FONT=&quot] เพื่อจะได้สอนเพิ่มเติมให้ ก็มาพบว่า สิ่งที่ต้องเคี่ยวเข็ญหนักก็คือ ...พลังจิต...[/FONT]

[FONT=&quot] ยิ่งตอนที่ท่านไปฝึกกับพ่อท่านพิมพ์ ท่านสอนว่า จะทำอะไร แก้ไขสิ่งใด [/FONT]
[FONT=&quot]...ก็ให้ยกจิตให้สูงไว้ อย่าได้อยู่ในความประมาท และอย่ากลัว......[/FONT]
[FONT=&quot] เพราะผู้ที่จะทำทิศหมอนได้จิตใจต้องมีพลังและต้องสะอาด คือมีจิตสูงนั้นเอง[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง เข้าเรียนวิชาของ สำนักตักศิลาวัดเขาอ้อ[/FONT]
[FONT=&quot]วัดเขาอ้อ ตั้งอยู่หมู่ที่ [/FONT][FONT=&quot]3[/FONT][FONT=&quot] ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง[/FONT]

[FONT=&quot]ขณะที่หลวงพ่อศึกษาวิชาไสยเวชศาสตร์กับพ่อท่านว่อน วัดเท่าเสม็ด อยู่นั้น [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างได้พบกับท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ศิษย์ฆราวาสคนสำคัญของสำนักเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]และท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ชักชวนพ่อท่านจ่างไปศึกษาวิชา ณ สำนักเขาอ้อด้วยกัน [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างได้เดินทางไปยังสำนักเขาอ้อ ซึ่งเป็นแหล่งวิทยาคมไสยเวชศาสตร์[/FONT]
[FONT=&quot] ที่มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่สมัยโบราณจนมีการขนานนามว่า " ตักศิลาแห่งไสยศาสตร์ " [/FONT]
[FONT=&quot]สำหรับสำนักเขาอ้อนั้นมีพิธีกรรมที่สำคัญอยู่ [/FONT][FONT=&quot]4[/FONT][FONT=&quot] อย่าง คือ[/FONT]
[FONT=&quot]1.[/FONT][FONT=&quot]พิธีเสกว่าให้กิน ทำโดยการนำว่าที่เชื่อว่ามีสรรพคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพันมาลงอักขระเลขยันต์[/FONT]
[FONT=&quot] แล้วนำไปปลุกเสกด้วยคาถาอาคม หลังเสร็จพิธีจะนำมาแจกจ่ายให้กิน[/FONT]
[FONT=&quot]2.[/FONT][FONT=&quot]พิธีหุงข้าวเหนียวดำ ทำโดยนำเครื่องยาสมุนไพรหรือว่านต่างๆ ไม่น้อยกว่า [/FONT][FONT=&quot]108[/FONT][FONT=&quot] ชนิด [/FONT]
[FONT=&quot]มาต้มเอาน้ำยาใช้หุงกับข้าวเหนียวดำ เมื่อข้าวเหนียวสุกแล้วนำไปเข้าพิธีปลุกเสกก่อนนำมาป้อนให้กิน[/FONT]
[FONT=&quot]3.[/FONT][FONT=&quot]พิธีเสกน้ำมันงาดิบ ทำโดยใช้น้ำมันงาดิบหรือน้ำมันยางแดงผสมว่าน [/FONT]
[FONT=&quot]พระอาจารย์เป็นผู้ประกอบพิธีนั่งบริกรรมคาถาจนน้ำมันแห้งแล้วจึงนำมาป้อนให้กิน[/FONT]
[FONT=&quot]4.[/FONT][FONT=&quot]พิธีแช่ว่านยา ทำโดยให้ผู้ต้องการเข้าประกอบพิธีกรรม ลงไปนอนแช่ในน้ำว่านยา[/FONT]
[FONT=&quot]ที่ได้ปลุกเสกตามหลักไสยเวชศาสตร์จากพระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีกรรมแล้ว[/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง ได้ลงไปแช่น้ำว่านที่บนเขาในพิธีของสำนักวัดเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านบอกว่าแช่ครั้งละหลายวัน แช่กันเป็นเดือน เวลาแช่น้ำว่านจะเป็นพระหรือฆราวาส[/FONT]
[FONT=&quot]ก็ลงไปแช่พร้อมกัน นอนโผล่แต่จมูกพอให้หายใจได้ ให้น้ำว่านซึมเข้านื้อ[/FONT]

[FONT=&quot] นอนพร้อมกันครั้งละ [/FONT][FONT=&quot]7 [/FONT][FONT=&quot]คน เรียงกัน ในพิธีห้ามผู้หญิงเข้าไปเด็ดขาด[/FONT]
[FONT=&quot] มีสายสิญจน์ล้อมรอบ เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของสำนักวัดเขาอ้อ [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างบอกว่าการแช่น้ำว่านที่สำนักวัดเขาอ้อ แช่เพื่อให้หนังเหนียว คงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า [/FONT]
[FONT=&quot]ว่านที่เอามาแช่เยอะมากมายหลายอย่าง โดยนำมาแช่รวมไว้ในรางปูน[/FONT]
[FONT=&quot]หรือบางครั้งก็ใส่เรือ มีเครื่องปรุงน้ำว่านมากมายต้องปลุกเสกแล้วเอามาต้ม [/FONT]
[FONT=&quot]ขนาดลงไปแช่เฉยๆ โผล่มาแต่จมูกกับใบหน้า แช่กันทั้งวันทั้งคืนไม่เป็นอันกินอันนอน[/FONT]

[FONT=&quot] คนหนุ่มจิตใจมันห้าวหาญคิดจะแช่ให้หนังเหนียวอย่างเดียว เรียกว่าแช่กันจนตัวดำเป็นเมี่ยง [/FONT]
[FONT=&quot]อาจารย์ที่เสกว่านก็คือ ท่านอาจารย์ปานแห่งสำนักเขาอ้อ ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ[/FONT]
[FONT=&quot] พ่อท่านเอียดเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนศาลา[/FONT][FONT=&quot] ทั้งสองท่านเป็นปรมาจารย์ไสยเวชศาสตร์ แห่งสำนักเขาอ้อ[/FONT]
[FONT=&quot] หนังเหนียวทั้งคู่ ไม่มีใครแพ้ใคร พ่อท่านทองเฒ่า อดีตเจ้าอาวาสปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเข้าอ้อ[/FONT]
[FONT=&quot] จึงต้องส่งพ่อท่านเอียดไปดูแลสืบสานวัดดอนศาลาเอาไว้ ส่วนท่านอาจารย์ปาน ก็อยู่ที่สำนักเขาอ้อและเป็นเจ้าอาวาสในกาลต่อมา[/FONT]

[FONT=&quot] อีกองค์หนึ่งที่ขลังมากทางเมตตามหานิยมอาคมแคล้วคลาดสุดยอด คือหลวงพ่อคล้อย อโนโม วัดภูเขาทอง ศิษย์เอกพ่อท่านเอียด[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับปู่โทน หลำแพร [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างเคยได้พบกับ ปู่โทน หลำแพร ที่บ้านตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ [/FONT]
[FONT=&quot]ซึ่งเป็นศิษย์ฆราวาสคนสำคัญของพระครูโลกอุดร พบพระครูโลกอุดรโดยทางม้ายนต์ [/FONT]

[FONT=&quot]ทั้งพ่อท่านจ่างและปู่โทนรู้จักชอบพอกันมานาน เคยได้แลกเปลี่ยนคาถาอาคม[/FONT]
[FONT=&quot]และเคยนั่งม้ายนต์ซึ่งเป็นม้าไม้ด้วยกันมาแล้ว[/FONT]

[FONT=&quot] ปู่โทนเก่งวิชาคาถาอาคมเมตตามหานิยม ทั้งพ่อท่านจ่างและปู่โทนได้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ[/FONT]
[FONT=&quot] หากมีงานพิธีที่สำคัญของหลวงพ่อกระจ่างก็จะเห็นปู่โทน [/FONT]
[FONT=&quot]กลับกัน หากปู่โทนมีงานพุทธาภิเษกก็จะนิมนต์หลวงพ่อเป็นประจำ [/FONT]
[FONT=&quot]จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตของปู่โทน พ่อท่านจ่างก็ไปร่วมงานฌาปณกิจ ปู่โทนเสียชีวิตมีอายุ [/FONT][FONT=&quot]108 [/FONT][FONT=&quot]ปี[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับเรื่องเล่าเมื่อได้ออกธุดงค์[/FONT]

[FONT=&quot]มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อท่านจ่างธุดงค์ไปทางภาคเหนือเป็นหมู่คณะชัก [/FONT][FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]รูปเห็นจะได้ [/FONT]
[FONT=&quot]ไปถึงจังหวัดอุทัยธานี มีพระ [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]รูป มีลายแทงเรื่องยาผีบอกว่าพวกฤษีทำไว้ [/FONT]

[FONT=&quot]พอไปถึงก็มีหินกลิ้งลงมาหาข้างในมียาที่ฤษีทำไว้ ธุดงค์กันต่อไปถึงถ้ำแห่งหนึ่งหาทางเข้าปากถ้ำไม่ได้[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นถ้ำที่สำคัญมากก็ไปนอนพักเอาแรงกัน กำลังหลับอยู่พระรูปหนึ่งก็ร้องขึ้นมาว่า ...[/FONT]
[FONT=&quot]“โยมอย่าข้าม” ก็ถามท่านว่า เกิดอะไรขึ้น[/FONT]

[FONT=&quot] พระรูปนั้นเล่าว่าฝันเห็นโยมชาวบ้านมาเดินข้ามตัวท่าน ก็พากันเดินไปทางเดียวกับที่โยมชาวบ้านเดินไปนั้นเอง[/FONT]
[FONT=&quot] พบว่า ทางนั้นเป็นช่องทางที่เข้าไปในถ้ำได้ แต่ต้องมุดคลานเข้าไปทีละคน [/FONT]
[FONT=&quot]ไปเจองูจงอางขนาดใหญ่เท่าต้นขา แผ่แม่เบี้ยขู่ดังฟ่อๆ ก็ยืนแผ่เมตตาให้ [/FONT]
[FONT=&quot]งูจงอางก็เลื้อยหายไปอีกทางหนึ่ง เดินต่อไปก็เห็นตรงที่งูจงอางขดอยู่นั้นมีไหยาวางอยู่ [/FONT][FONT=&quot]2 - 3 [/FONT][FONT=&quot]ไห [/FONT]

[FONT=&quot]พอเดินเข้าไปถึงจึงรู้ว่านั้นเป็นหินรูปไหตั้งเรียงกันอยู่ มีน้ำไหลออกมาจากไห[/FONT]
[FONT=&quot] เอามือไปรองน้ำก็พบว่าเป้นน้ำมูดผา ลักษณะเป็นน้ำที่ข้นเป็นเมือกๆ ขังอยู่ในหิน[/FONT]

[FONT=&quot]น้ำมูดนั้น มีอนุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก กินแล้วมีพลัง ท่านก็ได้เอาน้ำนั้นมาด้วย [/FONT]
[FONT=&quot]ถ้ำนี้มีชื่อว่า ช่องกลิ้งช่องกลด[/FONT][FONT=&quot] จากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ไปยังเขตสุโขทัย ไ[/FONT]
[FONT=&quot]ปถึงเขาหลวง ได้ไปพักปักกลดอยู่ที่ถ้ำมเหรถแล้วจึงเดินออกไปยังถ้ำเขาเขียว[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง ได่สร้างวัดเกาะกลาง วัดใกล้บ้านเกิดของท่าน[/FONT]

[FONT=&quot]ในระยะแรกท่านได้สร้างสะพานเพื่อข้ามทุ่งนาที่มีน้ำขังเพื่อให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น [/FONT]
[FONT=&quot]ต่อมาได้ร่วมกับญาติโยมพุทธบริษัทชาวบ้านเกาะกลางและพื้นที่ใกล้เคียง สร้างสำนักสงฆ์สุวรรณวาปี[/FONT]
[FONT=&quot] (สำนักสงฆ์สุวรรณวาปี "สุวรรณ = ทอง [/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]วาปี = หนอง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]บึง " เป็นชื่อที่พระเทพรัตนกวี เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นผู้ตั้ง [/FONT]
[FONT=&quot]เพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่ตั้งสำนักสงฆ์ ซึ้งตั้งอยู่ ณ บริเวณหนองขุดทอง) [/FONT]
[FONT=&quot]พร้อมกันนี้ หลวงพ่อกระจ่างได้ชักชวนชาวบ้านสร้างสะพาน และสร้างถนนสำหรับการสัญจรควบคู่กันไปด้วย [/FONT]

[FONT=&quot]ในระหว่างนี้พ่อท่านจ่างได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างคร่ำเคร่งเต็มที่ ถึงขนาดขังตัวเองอยู่ในห้อง [/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot] วันเต็มๆ [/FONT]
[FONT=&quot]ไม่ฉันอาหาร เข้าสมาธิกรรมฐานอย่างเดียว จนชาวบ้านพากันตกใจ คิดว่าหลวงพ่อมรณภาพ [/FONT]
[FONT=&quot]ชาวบ้านต่างร้องไห้บอกกันต่อๆ กันไปว่าหลวงพ่อกระจ่างตายแล้ว [/FONT]

[FONT=&quot]พอครบ [/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot] วัน พ่อท่านจ่างออกจากห้องกรรมฐาน ปรากฏว่าชาวบ้านไปนั่งร้องไห้ออกันอยู่เต็มหน้าห้อง [/FONT]
[FONT=&quot]พอเห็นท่านเดินออกมาจากห้องต่างก้ดีใจวิ่งเข้าหาเกาะแข้งเกาะขา บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็หัวเราะกันอื้ออึ้งด้วยความดีใจ[/FONT]
[FONT=&quot] มีผู้ถามท่านว่า นั่งอยู่ได้อย่างไร [/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot] วัน [/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot] คืน ไม่ฉันข้าวฉันน้ำ [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านได้แต่ยิ้มโดยไม่ตอบคำถามใดๆ* [/FONT]
[FONT=&quot](*เรื่องนี้ท่านได้เล่าภายหลังถึงการไม่ฉันข้าว ดื่มน้ำ ท่านบอกว่า การเข้าสมาธิจิตใจจะเกิดปิติ จึงไม่รู้สึกหิว ง่วง [/FONT]
[FONT=&quot]หรือเหนื่อยล้าแต่อย่างใด แต่หากร่างกายต้องการอาหาร ก็จะเกิดนิมิตว่าโยมแม่นำอาหารมาถวาย [/FONT]
[FONT=&quot]จึงไม่มีอาการหิวแต่อย่างใด)[/FONT]

[FONT=&quot]การฝึกวิปัสสนาสมาธิพ่อท่านเล่าว่า สามารถติดตามดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับได้ [/FONT]
[FONT=&quot]ในบางครั้งหากเกณฑ์ชะตายังไม่สิ้นอายุไขก็อาจตามกลับมาร่างเดิมได้ [/FONT]

[FONT=&quot]อย่างเช่น มีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อนายพริ้ง ปกติเป็นคนเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นตอนเช้ามืด (ตีสี่ก็ตื่นแล้ว) [/FONT]
[FONT=&quot]...แต่วันนั้นตาพริ้งเข้านอนแต่ตอนค่ำตีสี่แล้วยังไม่ตื่น จนสายปลุกเท่าไหร่ก็ยังไม่ตื่นอีก [/FONT]
[FONT=&quot]จับตัวให้ลุกขึ้นนั่งก็ยังหลับคออ่อนคอพับ ยกให้ขึ้นยืนก็ยืนได้แต่ไม่ตื่น ไม่ยอมลืมตา ไม่รู้สึกตัวใดๆทั้งสิ้น [/FONT]

[FONT=&quot]ลูกชายก็วิ่งไปหาพ่อท่านจ่างให้ไปช่วยปลุกตาพริ้งให้ตื่น พ่อท่านจ่างห่มผ้าตามไปที่บ้าน เห็นตาพริ้งหลับไม่ตื่นจริง [/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านก็เข้าสมาธินิ่งเกือบชั่วโมง ตาพริ้งก็ลืมตาขึ้นมางงๆ พ่อท่านจ่างก็ออกจากสมาธิไล่ๆ กัน [/FONT]
[FONT=&quot]แล้วหลวงพ่อกระจ่างก็บอกลากลับวัด [/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างบอกว่าวิญญาณตาพริ้งออกจากร่างไปไม่กลับ แต่ดวงคนมันยังไม่ถึงที่ [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านก็ไปตามดวงวิญญาณกลับมาเข้าร่าง กว่าจะหาเจอก็นั้นแหล่ะเล่นเอาเกือบชั่วโมงเต็ม [/FONT]
[FONT=&quot]โน่น! ตามจนเจอที่วัดวิหารโน่น [/FONT]

[FONT=&quot]อีกตัวอย่างหนึ่ง เด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นไข้และนอนสลบอยู่ พ่อแม่ก็จะเอาไปฝังเพราะสำคัญว่าตายแน่แล้ว [/FONT]
[FONT=&quot]เนื่องจากเด็กไม่หายใจ พ่อท่านจ่างดูแล้วว่าเด็กมันยังไม่ถึงที่ตาย [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านเพ่งดูทางจิตก็นั่งสมาธิตามวิญญาณไปเอากลับมาเข้าร่างได้[/FONT]

[FONT=&quot]เรื่องปราบผีเป็นเรื่องใหญ่ของชาวบ้าน แต่เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นของจำเจ [/FONT]
[FONT=&quot]ก่อนที่จะทำการรักษาพวกถูกผีเข้าสิง บางคนมีภูตเข้ามาแฝงร่างเหมือนคนบ้า เพ้อเจ้อ พูดไม่รู้เรื่องเลย [/FONT]
[FONT=&quot]หลวงพ่อกระจ่างต้องตรวจสอบดูแต่ละคนว่าโดนมาจากไหน จะทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ [/FONT]

[FONT=&quot]ที่ยากที่สุดท่านว่า คือ พวกที่ถูกคนธรรณ์ต้องใช้เวทมนต์คาถาบางบทที่ไม่ธรรมดา [/FONT]
[FONT=&quot]แต่ว่าเราต้องมีพลังเหนือมัน[/FONT][FONT=&quot] บางครั้งก็ใช้แค่น้ำมนต์ บางคราวถึงขนาดต้องสู้กับพวกหมอผี [/FONT]
[FONT=&quot]สู้กันขนาดหนักจนกระทั่งหมอผีต้องถอยหนีถูกของตัวเองย้อนกลับเข้าหาตัวเองก็มี[/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างบอกว่า ท่านศึกษาวิชาไสยเวชศาสตร์จากครูบาอาจารย์เพื่อช่วยชาวบ้านและตัวท่านเอง[/FONT]
[FONT=&quot] ตลอดจนเกจิอาจารย์ขลังอีกหลายรูปก็ศึกษาวิชาอาคมเพื่อตั้งใจช่วยชาวบ้านเช่นนี้[/FONT]
[FONT=&quot] ก็ถ้าท่านไม่ช่วยแล้วใครเล่าจะช่วยผู้เคราะห์ร้ายได้รับความทุกข์เหล่านี้ได้[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง เข้าสำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดพระบรมธาตุไชยา[/FONT]

[FONT=&quot]ปี พ.ศ. [/FONT][FONT=&quot]2498 [/FONT][FONT=&quot]ที่วัดพระบรมธาตุไชยราชวรวิหาร มีครูมาสอนวิปัสสนากรรมฐานแบบภาวนา ยุบหนอพองหนอ [/FONT]
[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างก็ได้ไปอบรมกรรมฐานที่นั้น ได้เรียนอยู่ถึงสองปีเต็ม[/FONT]

[FONT=&quot] ท่านเล่าว่าไปเรียนกรรมฐานที่วัดบรมธาตุไชยาในตอนนั้น รู้สึกมันดีมาก มันได้พละ มีความรู้สึกว่าจิตมันนิ่งดี[/FONT]
[FONT=&quot] ท่านต้องฝึกจิตมาตลอด [/FONT][FONT=&quot]24 [/FONT][FONT=&quot]ชั่วโมงเต็ม นั่ง [/FONT][FONT=&quot]9 [/FONT][FONT=&quot]โมงเช้า ไปจนถึง [/FONT][FONT=&quot]9 [/FONT][FONT=&quot]โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ไม่หยุดไม่พัก[/FONT]

[FONT=&quot] เพราะเข้าสมาธิมันเท่ากับพักผ่อนจิตไปในตัวอยู่แล้ว คือจิตมันนิ่งอยู่กับที่ มันโปร่ง มันเบาเหมือนไม่หายใจ [/FONT]
[FONT=&quot]ตัวตนหายไปหมด สบายเหมือนไม่มีอะไรเลย [/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 12 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง เริ่มก่อสร้าง สำนักวิปัสสนา ณ วัดน้ำรอบ[/FONT]

[FONT=&quot]หลังจากที่ท่านเรียนวิปัสสนากรรมฐานและสอบผ่านครบหลักสูตรแล้ว [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านได้เดินทางกลับวัดน้ำรอบ และเปิดสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดน้ำรอบ [/FONT]
[FONT=&quot]ซึ่งมีคนมาปฏิบัติกันเยอะมาก ตอนนั่งกรรมฐานจะมีนิมิตมาหลายอย่างด้วยกัน ปรากฏให้เห็นชัดแจ้ง[/FONT]

[FONT=&quot]แม้ในสิ่งที่เราเคยทำ ทำดีก็ได้เห็น ทำไม่ดีก็ได้เห็น เห็นมาทั้งหมดทั้งภูตผีปีศาจ [/FONT]
[FONT=&quot]โดยสำนักวิปัสสนากรรมฐานเปิดอบรมอยู่ได้ ประมาณ [/FONT][FONT=&quot]4 [/FONT][FONT=&quot]ปี ท่านจึงได้เดินทางไปสร้างสำนักสงฆ์ที่บ้านเกาะกลาง [/FONT]
[FONT=&quot]ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยท่านเห็นว่าบ้านเกาะกลางเป็นชุมชนทางเสือผ่าน เพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย [/FONT]
[FONT=&quot]และป้องกันไม่ให้ลูกหลานญาติพี่น้องจะต้องตกไปเป็นโจรตามสภาพแวดล้อมดังกล่าว[/FONT]

[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 13 สิงหาคม 2015

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่าง กับช่วงเวลาในการศึกษาทั้งทางธรรมและไสยเวท
[/FONT]

[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านสอบได้นักธรรมชั้นตรี ในพรรษาแรกนั่นเอง พรรษาที่สาม ก็สอบได้นักธรรมชั้นโท และพรรษาที่สี่ ก็สอบได้นักธรรมชั้นเอก [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อท่านร่ำเรียนได้ถึงนักธรรมชั้นเอกแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]ท่านก็ขออนุญาตพระอาจารย์ (พระครูปิยศีลวัตร) ออกเดินทางไปแสวงหาวิชาความรู้ [/FONT]
[FONT=&quot]โดยได้เดินทางไป วัดท่าเสม็ด อ.ชะอวด จ. นครศรีธรรมราช [/FONT]
[FONT=&quot]กราบหลวงพ่อว่อน (พระครูวิสาท) เป็นอาจารย์ เพื่อศึกษาวิชาคาถาอาคมต่างๆ [/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อว่อน จนสำเร็จครบถ้วนแล้ว จึงกราบลาเพื่อเดินทางกลับ[/FONT]

[FONT=&quot]ในปี [/FONT][FONT=&quot]2497[/FONT][FONT=&quot] ได้เดินทางไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมที่สำนักเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]โดยได้สมัครตัวเข้าเป็นศิษย์กับพ่อท่านปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ [/FONT]
[FONT=&quot]และได้ศึกษาวิชาอาคม จาก พ่อท่านปาน จนหมดสิ้น เป็นเวลาประมาณ [/FONT][FONT=&quot]1[/FONT][FONT=&quot] ปี [/FONT]

[FONT=&quot]ในช่วงนั้นท่านได้ร่ำเรียนวิชาไปพร้อมกับศิษย์รุ่นพี่อย่าง ท่านพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งก็เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากสอบนักธรรมชั้นเอกได้ ก็กลับมาสุราษฎร์ธานี มาอยู่ที่วัดน้ำรอบ[/FONT]
[FONT=&quot] และได้เริ่มสร้างวัดเกาะกลาง ในปี [/FONT][FONT=&quot]2498[/FONT]
[FONT=&quot]จากนั้นจึงได้ไปศึกษาฝ่ายวิปัสสนากัมมัฎฐาน ที่วัดพระบรมธาตุไชยา[/FONT]

[FONT=&quot]ปี [/FONT][FONT=&quot]2499[/FONT][FONT=&quot] ท่านได้กลับมาเปิดสำนักปฏิบัติ ณ. วัดน้ำรอบ [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ปี [/FONT][FONT=&quot]2500[/FONT][FONT=&quot] มาจำพรรษา ณ วัดเกาะกลาง ได้เริ่มสร้างสะพานข้ามมาวัด ตั้งแต่นั้นมาได้สอนกัมมัฎฐาน[/FONT]

[FONT=&quot]ปี [/FONT][FONT=&quot]2501[/FONT][FONT=&quot] เริ่มออกธุดงค์ ไปทางฝ่ายใต้ พังงา [/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]ภูเก็ต [/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]กระบี่ [/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]ตรัง เป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจาก นั้นได้กลับมาทำงานที่วัดเกาะกลาง[/FONT]

[FONT=&quot]ปี [/FONT][FONT=&quot]2502 ท่านได้[/FONT][FONT=&quot]เข้าร่วมประชุมเรื่อง วิปัสสนากัมมัฎฐาน ณ. วัดมหาธาตุ [/FONT]
[FONT=&quot]และได้สอนนักธรรมต่อควบคู่กับทำงานไปด้วย [/FONT]

[FONT=&quot]ในช่วงต่อมาท่านก็ได้ออกธุดงค์ อยู่เสมอ โดยเดินธุดงค์ กับพระประมาณ [/FONT][FONT=&quot]4-5 [/FONT][FONT=&quot]รูป [/FONT]
[FONT=&quot]และได้เดินธุดงค์ร่วมในคณะของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) ทุกปี [/FONT]
[FONT=&quot]จนสมเด็จพุทธฒาจารย์สิ้นบุญ พ่อท่านจ่างก็ยังคงออกเดินธุดงค์อยู่ทุกปี[/FONT]

[FONT=&quot]การเดินธุดงค์ไกลที่สุดก็ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปจนถึงจังหวัดเชียงใหม่ [/FONT]
[FONT=&quot]ใช้เวลาในการธุดงค์ ประมาณ [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]เดือน [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]จนถึง พ.ศ. [/FONT][FONT=&quot]2524 [/FONT][FONT=&quot]พระอาจารย์ปิยศีลวัตร (นึก) เจ้าอาวาสวัดน้ำรอบถึงมรณะภาพไป [/FONT]
[FONT=&quot]หลวงพ่อกระจ่างต้องไปอยู่วัดน้ำรอบ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส [/FONT]
[FONT=&quot]ในระหว่างนั้นท่านก็ต้องไปร่วมประชุมเรื่องกัมมัฎฐานบ้าง และร่วมทำพิธีพุทธาภิเษกอยู่บ่อยครั้ง[/FONT]

[FONT=&quot]พ่อท่านจ่างอยู่ สร้างวัดน้ำรอบมาเป็นเวลาประมาณ [/FONT][FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]ปีเศษ เสนาเสนาะมีพอประมาณแล้ว ท่านจึง ได้กลับไปจำวัด ที่วัดเกาะกลาง ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด จนถึงปัจจุบัน[/FONT]




[FONT=&quot]ขอขอบคุณข้อมูลของพ่อท่านจ่าง ซึ่งบางส่วนได้นำมาจาก
[/FONT]
[FONT=&quot]จากบล็อกโพส ใน[/FONT][FONT=&quot]http://luangporkrajang.blogspot.com[/FONT] และ <cite class="_Rm">watwaterround.igetweb.com/</cite>

wichu · 5 กันยายน 2015

พ่อท่านสังข์ กตปุญโญ วัดบ้านนา เทวดาหน้าเขาเหมน

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557
ผมได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนที่ชอบกราบพระดี ว่า
"มีพระเก่งแห่งอำเภอช้างกลาง พ่อท่านสังข์ กตปุญโญ
ช้างเผือกในป่าขุนเขาตะวันตกของเมืองนครศรีธรรมราช
ท่านอาพาธ มารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครินทร์ ในเมืองนครศรีธรรมราช"

หลังจากนั่งพูดคุยกันพักใหญ่
ผมก็ได้แวะไปกราบพ่อท่านสังข์ที่โรงพยาบาล

ได้นั่งพูดคุยกับหลวงพี่ที่เฝ้าดูแลท่านอยู่
ทราบเรื่องราวของท่านพอเป็นบทสรุปย่อๆ

พ่อท่านสังข์ บวชพระตั้งแต่หนุ่ม หลังจากได้เรียนวิชาจากครูอาจารย์แล้ว
ท่านก็ออกธุดงค์ตลอดมา ไม่ชอบอยู่ประจำที่ไหน
จะอยู่ในป่า ในถ้ำ บนภูเขา
จนกระทั่งอายุมากแล้ว ลูกหลานเป็นห่วง จึงขอให้ท่านมาอยู่ที่วัดบ้านนา

หลังจากนั้นเมื่อพ่อท่านอาการดีขึ้น...ผมก็แวะเวียนไปกราบทำบุญกับท่านอยู่เสมอ

เนื่องจากพ่อท่านล้ม ทำให้แขนขาด้านขวาข้างขวาของท่านไม่มีแรง
และเป็นอัมพฤษต์ ต้องฉันอาหารเสริมทางท่อที่สอดเข้าทางจมูกลงสู่หลอดอาหาร
ผมและเพื่อนๆจึงแวะเวียนไปทำบุญถวายปัจจัยค่ารักษาพยาบาลกับท่าน

ต่อมาทางพระลูกศิษย์ของท่าน ได้เขียนเรื่องราวของพ่อท่านใน
หน้าเฟส "‎เกียรติคุณแห่งอริยะสงฆ์ฝั่งขุนเขาทิศตะวันตกและพ่อท่านสังข์ กตปุญฺโญ"
จึงทำให้เรื่องราวของท่านได้รับการเผยแพร่ สู่สาธารณะชน

wichu · 5 กันยายน 2015

พ่อท่านสังข์ กตปุญโญ วัดบ้านนา เทวดาหน้าเขาเหมน

ขออนุญาติเผยแพร่กิตติคุณพ่อท่านสังข์ กตปุญฺโญ เทวดาหน้าเขาเหมน ขอรับ
ปฐมบทวัยเยาว์
ด.ช.สังข์ถือกำเนิดขึ้น ในวันจันทร์ ที่ 6 กรกฎาคม พศ.2458 ปีมะเมีย
เป็นบุตรคุณตาจิต คุณยายหวาน หวานสนิท สกุลฝ่ายมารดาสันตจิตร
มีพี่น้อง 7 คน

ท่านมีสักเป็นหลานลุง ของพระครูคีรีกัณฑ์(พ่อท่านหมึก) เพราะแม่ของท่านเป็นน้องสาวของพ่อท่านหมึก

ดช.สังข์ จึงได้เรียนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์พร้อมคาถาอาคมของพ่อท่านหมึก

พร้อมวิชาต่างๆ อาทิ มหาทะมืน พะยาคางคก ทำขวัญนาค วิชาปราบผี และโดยเฉพาะ วิชาพระเจ้า 16
อาจารย์บอกว่า สมัยเด็กๆ ถ้าจำไม่ได้จะโดนทำโทษอยู่บ่อยๆ อาจารย์เป็นคนชอบเรียนวิชา ใฝ่ศึกษาเลยไม่เคยท้อถอย

และท่านได้บวชครั้งแรกในปี 2481 จนถึงปี 2485 ท่านก็ได้ลาสิกขา เพื่อจะมาเรียนวิชา กับทวดเรือง "ผู้ได้ชื่อว่า ผู้มัดเทวดาภูเขาดินไว้ได้" เพื่อเอาของมีค่าสมบัติที่ฝังอยู่ไว้

ที่ทวดเรืองสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเชื่อกันว่า ท่านคือผู้สืบทอดวิชาจาก"ทวดเหมน" พี่ใหญ่สุดในเทวดาภาคใต้

และช่วงที่ท่านบวชช่วงแรกท่านสนิมสนมกับพ่อท่านรุ่น วัดมุขธาราม มาก

ปล.ติดตามตอนต่อไปเมื่อท่านได้เรียนวิชากับพ่อท่านปลอด วัดนาเขลียง และ พ่อท่านคล้าย ได้มอบคาถาพร้อมพรอันประเสริฐแก่ท่าน ครั้งร่วมสร้างสะพานโค้งและพระเจดีย์ วัดธาตุน้อย ขอรับ

wichu · 5 กันยายน 2015

พ่อท่านสังข์ กตปุญโญ วัดบ้านนา เทวดาหน้าเขาเหมน

พ่อท่านสังข์ เทวดาหน้าเขาเหมน ตอนที่ 2 ขอรับ

ครั้งสมัยนั้นพ่อท่านหมึก เห็นว่าหลานชาย นายสังข์ เป็นคนใคร่แก่เรียน
มีความจำดี ชอบในการศึกษาและสรรพวิชา ทั้งหลาย
ท่านจึงได้แนะนำและฝากฝังให้หลานชายได้มาศึกษาวิชากับพ่อท่านปลอด วัดนาเขลียง

ซึ่งในสมัยนั้นพ่อท่านหมึกท่านบอกว่า "พ่อท่านปลอดก็เป็นผู้มีวิชาและคงแก่เรียน"
นายสังข์หลายชายพ่อท่านหมึกจึงได้มาเรียนวิชากับพ่อท่านปลอด

ในภาพ ด้านซ้ายและขวา คือพระธาตุเจดีย์ วัดธาตุน้อย ที่พ่อท่านสังข์ได้ไปช่วยพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ก่อสร้าง ปัจจุบันในเจดีย์ได้เก็บสังขารพ่อท่านคล้ายที่อยู่ในโลงแก้ว

เวลาผ่านเลยไป นายสังข์ได้ศึกษาวิชาต่างๆ มากมาย ทั้งครูพระ ครูคฤหัสถ์
จนกระทั้งครั้งพ่อท่านคล้าย มาสร้างพระเจดีย์วัดธาตุน้อย
นายสังข์ซึ่งในขณะนั้นศรัทธาพ่อท่านคล้ายมาก และ โอกาสดีที่ท่านนั้นได้รู้จักสนิทสนมกับ ตาฉาย
ซึ่งตาฉายนั้นสนิทกับพ่อท่านคล้ายมาก
พ่อท่านคล้ายจะเรียกติดปากว่า บ่าวฉาย

นายสังข์ในขณะนั้นกับตาฉายจึงได้ชวนกันมาช่วยทำเจดีย์ธาตุน้อย โดยมาช่วยขนทราย จากสะพานโค้งจันดี ไปยังพระธาตุน้อย และ ได้นอนพัก ณ ที่นั้น

คืนหนึ่งตาฉายกับนายสังข์ได้ขึ้นไปบนกุฎิพ่อท่านคล้าย พ่อท่านคล้ายได้สอนคาถาบทหนึ่งให้คนทั้งสอง ให้ท่องจำ และ ได้ให้พรคนทั้งสอง

ตาฉายเล่าไว้ว่า หลังจากให้พรท่านเสร็จ ได้หันไปให้พรนายสังข์ โดยพ่อท่านบอกว่า "ต่อไปจะได้บวชเป็นที่พึ่ง ในพระพุทธศาสนา ทำไหรก็ศักสิทธิ์ ศักสิทธิ์ แหละ บ่าวเห้อ"

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

เรื่องเล่า พ่อท่านบ้านเรา อริยสงฆ์เมืองใต้

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

มณฑป.jpg

พ่อท่านเสือเล็ก580810.jpg

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

พ่อท่านวงศ์ท่านจ่าง.jpg

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

พ่อท่านจ่าง101.jpg

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

พ่อท่านสังข์580905.jpg

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

2พ่อท่านสังข์580905.jpg

wichu เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

4พ่อท่านสังข์580905.jpg

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เรื่องเล่า พ่อท่านบ้านเรา อริยสงฆ์เมืองใต้

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา