เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    นักปฏิบัติธรรม หากยังไม่พ้นฝั่งทุกข์
    ย่อมรู้กันคนละเล็กน้อย อัน "อัตตา"
    ที่ทำให้ยึดความรู้ส่วนตน ทำให้คับแคบ


    ทำไมไม่ยอมรับเพื่อแลกเปลี่ยนความต่างแล้วผสานเป็นหนึ่งเดียว?
     
  2. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    หากคุณหรือใคร ไม่ค่อยได้ไปวัด ไปกราบหลวงปู่นาน ๆ นานเป็นปี, 2-3 ขึ้นไป หรือคุณจะบอกว่าเป็นศิษย์ของท่าน<O:p</O:p

    ...ผมก็อยากเรียนว่าตอนนี้ท่านก็อยู่ดี อยู่ที่เดิม ทางหลวงพ่อที่วัดป่าสีดา ฯ ก็กำลังพาสร้างปราสาทหรือวิหารพระศรีอาริยเมตไตรย์ เพื่อครอบสถานที่ ที่หลวงปู่เคยพำนัก ทั้งพระพุทธรูปเทวรูป และสังขารท่านที่ไม่เน่าเปื่อย ให้คงทนถาวรและสมแห่งเกียรติของอันสูงของหลวงปู่ ตามที่ท่านหลายคนเชื่อศรัทธาในตัวของหลวงปู่ว่าท่านบำเพ็ญบารมีอย่างไร และเพื่อเป็นที่บูชา หรือพึ่งพิงของชนรุ่นหลังสืบไป
    <O:p</O:pก็มีคนมาช่วยกันเกื้อกูลปัจจัยในการก่อสร้างเป็นระยะ ๆ ตอนนี้เทคานชั้นสองแล้ว และปูพื้นชั้นสอง ทั้งนี้งานโครงสร้างก็ต้องเร่ง และยังขาดปัจจัยอีกมาก โครงสร้างส่วนหนึ่งท่านก็อยากให้เสร็จทันฤดูฝนปีนี้ไปก่อน<O:p</O:p

    ตอนนี้ทางลูกศิษย์หลวงปู่ทั้งเก่า(และได้ปฏิบัติตามคำสอนท่านมา)-ทั้งใหม่ ทั้งไปวัดบ่อย-หรือไปไม่บ่อย และที่เคยไปครั้งเดียว-หรือไม่เคยไป ได้สามัคคีระดมกำลังปัจจัยมาช่วยสร้างอยู่ครับ จะร่วมทำบุญวันสงกรานต์นี้ ผมก็ขอเรียนเชิญร่วมใจกันนะครับ

    <O:p</O:pหลวงปู่สอนให้เราเป็นคนดีทั้งนั้น แต่ทางเดินคนก็อาจต่างกัน คิดมองต่างกันก็เรื่องธรรมดา ซึ่งเรา ๆ เป็นโยมท่านก็สอนให้
     
  3. เสือเผ่นป่าราบ

    เสือเผ่นป่าราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,493
    ความเห็นของผม

    ถ้ามีเรื่องจะคุยกัน ก็โทรคุยกันนะครับ หรือจะส่งข้อความส่วนตัวหากันก็ได้ หรือจะไปเล่น msn คุยกัน น่าจะดีกว่านะครับ

    หน้าเวบนี้เป็นห้องรวม ไม่อยากอ่านเรื่องส่วนตัวครับ แล้วก็ขอรบกวน ช่วยลบข้อความที่คุยกันเป็นการส่วนตัวทิ้งด้วยนะครับ มันเปลืองหน้าเวบครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ส่วนเรื่องของหลวงปู่ ทองทิพย์ ผมก็อยากติดตามครับ หวังว่าคงมีคำสอนดีๆ ของหลวงปู่ที่จะนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติครับ

    ส่วนคนที่ชอบอ้าง อิทฤทธิ์ ต่างๆ นาๆ ก็พิจารณาตัวนะครับ
     
  4. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สำหรับท่านที่สนใจจะไปร่วมงานหล่อมงกุฏพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ผมจะโพสถ์แผนที่วัดแก้วฟ้ามาให้ทีหลังครับ


    สำหรับ อ.เตียงนั้น ก่อนหลวงปู่มรณภาพ อ.เตียงได้ไปสร้างวัดอยู่ที่ จ. โคราช หลังจากนั้นไม่นานก็ทราบข่าวว่าสึก และช่วงหลังก็ทราบข่าวว่า อ. เตียง บวชอีกครั้งนึงครับ

    สำหรับ พระปางนั้น เป็นหัวหน้าคณะที่นำสังขารหลวงปู่ทองทิพย์ไปไว้ที่ทุ่งนา ที่บ้านแมดเพื่อจะทำการฌาปนกิจ และทรัพย์สินของวัดป่าสีดาฯที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีและรวมทั้งญาติของหลวงปู่ทองทิพย์บางคนเข้าไปรื้อค้นออกไปจากกุฎีหลวงปู่จากวัดป่าสีดาฯนั้น ส่วนหนึ่งพระปางก็ได้นำเอาไป ผมพบกับพระปางครั้งสุดท้ายก็ประมาณปลายปีที่แล้ว ก็ดูทรุดโทรมไปมาก ตอนนี้ก็ทราบข่าวว่าพระปางเสวยวิบากกรรมไม่น้อย ครับ หากใครไปที่วัดป่าสีดาฯ ให้ไปถามหลวงพี่ต๋อย ดูได้ครับ

    หลายท่านสนใจเรื่องสถานที่ตั้งของหอพระธาตุที่จะประดิษฐานองค์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่จริงก็มีหลายแนวทางที่จะสามารถปฏิบัติได้ หลวงพี่ต๋อย(หลานชายหลวงปู่)ซึ่งอยู่ที่วัดป่าสีดาฯในขณะนี้ บอกกับผมว่า ให้นำพระมาถวายไว้ที่วัดป่าสีดาฯได้เลย หลวงพี่ต๋อยและพระสงฆ์ลูกศิษย์หลวงปู่จะรับให้เอง

    ชาวบ้านตำบลสีกาย ผู้เฒ่าผู้แก่จำนวนมาก ต้องการให้นำพระฯไปประดิษฐานถวายหลวงปู่ในสถานที่ไม่ไกลจากวัดหลวงปู่มากนัก ชาวบ้านบางคนเสนอขายที่ดินให้ในราคาถูกเพื่อให้สร้างหอพระธาตุถวายหลวงปู่ทองทิพย์ เพราะเขาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์เคยได้ยินหลวงปู่ท่านปรารภเรื่องพระพุทธเจ้า 5 พระองค์กันทุกคน

    หรือแนวทางนึงก็คือซื้อที่ดินใกล้ๆวัด สร้างหอพระธาตุแล้วก็นิมนต์พระเถระต่างๆมารับเป็นที่สาธารณกลางแล้วก็อุทิศถวายหลวงปู่ทองทิพย์ไปเลย

    หรืออีกแนวทางนึงก็คือซื้อที่ดินที่เหมาะสมในเขต จ. หนองคาย แล้วก็สร้างเป็นวัดใหม่ขึ้นมา เมื่อสร้างหอพระธาตุเสร็จแล้วก็นิมนต์พระสงฆ์มาอยู่จำพรรษา

    และมีผู้มาติดต่อขอนำพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ไปประดิษฐานไว้ในหลายสถานที่ เช่น ในเขต อ. โพนพิสัย และ จ. ศีรษะเกษ เป็นต้น

    แต่ลึกๆแล้วก็พอทราบอยู่ว่าสุดท้ายพระพุทธเจ้า 5 พระองค์จะไปประดิษฐาน ที่ไหน ก็จะรอดูว่าจะลงตัวอย่างที่ตนเองทราบมาจากหลวงปู่ทองทิพย์หรือไม่
     
  5. pal_bh

    pal_bh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +132
    คุณอัญญาสิทธิ ผมอยากเห็นความคืบหน้างาน(พระเจ้า ๕ พระองค์) ช่วยโพสต์ภาพความคืบหน้าให้ดูได้ไหมครับ เมื่อเห็นแล้วจะได้อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2007
  6. เสือเผ่นป่าราบ

    เสือเผ่นป่าราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,493
    ผมว่าแล้ว

    ผมกะไว้แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้ คณะศิษย์วัดป่าก็เตรียมใจขัดแย้งกันอีกรอบนะครับ

    ที่ท่านผู้พันบอกว่าชาวบ้านเสนอขายที่ให้ ก่อนหน้านี้มีคนมาโพสต์บอกแล้วนะครับว่าท่านผู้พัน ไปตระเวณขอซื้อที่จากชาวบ้าน ไปโกหกชาวบ้านว่ายังสนิทสนมกับหลวงพี่และ โยมแม่..(ผมจำชื่อไม่ได้) แถมโกหกชาวบ้านอีกว่าได้เข้าไปวัดมาแล้ว ทั้งที่จริง ท่านไม่ได้เฉียดเข้าไปในวัดเลย

    เรื่องการสร้างพระ ท่านองคมนตรี ก็รับทราบแล้วไม่ใช่เหรอว่า ท่านผู้พันจะนำไปไว้ที่ริมแม่น้ำโขง แล้วภพภูมิ จะย้ายตามไปด้วย

    ผมว่าทำให้เรื่องจบง่ายๆดีกว่าครับ ท่านจะดื้อรั้น เอาชนะให้ได้เหรอครับ

    น้ำลายตัวเองคงจะอร่อยนะครับ ถ่มออกมา แล้วก็กินกลับเข้าไป

    งานนี้ผมว่าไม่จบง่ายแน่ ครั้งนี้คงเป็นศึกใหญ่

    คณะศิษย์วัดป่าฯ Vs ปลาไหล
     
  7. dsi

    dsi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +42
    น่าจะนำไปไว้ริมน้ำโขง เหมือนพระธาตุกลางน้ำนะคะ จะได้เป็นจุดชมวิวด้วย ตอนเย็นๆบรรยากาศดีมากๆค่ะ
     
  8. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    กลางลำน้ำโขงไปเลยครับคนไทยกับคนลาวจะได้ข้ามไปนมัสการได้ เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศไปด้วยในตัว
     
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เรื่องของพระแก้วมรกตนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างไทย-ลาว มีผู้ใหญ่บางท่านให้ข้อคิดมาว่าถ้าจะนำไปไว้ริมโขงจริงๆก็ให้คิดมุมกลับว่า ชาวลาวเองเขาอาจจะไม่ได้ยินดีอย่างที่เราคาดคิดไว้ก็ได้ เพราะเรื่องพระแก้วมรกต นั้นกระทบกระเทือนความรู้สึกของคนลาวมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    สำหรับความก้าวหน้าในการสร้างองค์พระฯนั้น โรงหล่อโทรมาบอกว่าได้ทำการเชื่อมต่อองค์พระได้ 2 องค์แล้วครับ ตอนนี้พระยังอยู่ในสถานที่หล่อ ที่วัดธรรมศาลา แต่ผมยังไม่มีเวลาไปดูครับ หากมีเวลาไปเมื่อไหร่ก็จะถ่ายภาพมาให้ชมกันครับ

    วันนี้มีเพื่อนจากจังหวัดเพชรบูรณ์ โทรมาบอกเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ยี ว่าตอนนี้ท่านได้ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่ง ทางภาคเหนือ หากมีเวลาเพื่อนบอกให้ผมไปหาท่านที่นั่น คณะของเพื่อนได้ไปหาท่านแล้วหลายคน และลูกศิษย์ที่เคยใกล้ชิดกับหลวงปู่ยีก็ยืนยันว่าเป็นหลวงปู่ยีจริงๆด้วย ก็น่าคิดนะครับสำหรับคนมีบุญญฤทธิ์อัศจรรย์แบบหลวงปู่ยี ถ้าเป็นไปอย่างที่เพื่อนบอกเล่ามา ก็เข้าใจว่าจิตส่วนหนึ่งของท่านไปเกิด ก่อนที่ร่างที่มีชีวิตอยู่ในขณะนั้นจะดับลง
     
  10. treeufo

    treeufo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +30
    สำหรับคนธรรมดาที่ยังไม่แต่งงานแบบผมคงไม่ไปร่วมงานบุญสร้างปราสาทหรือวิหารพระศรีฯ ในครั้งนี้ ที่วัดป่าสีดาฯ เนื่องจากไม่มีจิตศรัทธา หวังว่าคงจะไม่ว่ากันนะครับ และเรื่องราวที่ผมได้เคยกล่าวไปในกระทู้นี้ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เกิด และอื่นๆ ก็ให้มองเป็นอุปทานของผมไปละกันครับ เพราะถึงเวลาที่จะกล่าวผมก็กล่าวไม่ถึงเวลา ผมก็ไม่กล่าวครับ ก็แล้วแต่เรื่องที่จะกล่าวเช่นกันและโดยทั่วไปแล้วผมก็จะกล่าวโดยส่วนใหญ่ไว้ก่อนครับอย่างเช่น เรื่องภัยภิบัติ นักปฎิบัติก็ส่วนนักปฏิบัติ แล้วบุคคลที่ยังไม่ได้ปฏิบัติละครับอาทิ เด็กเล็กๆ คนที่ยังไม่มีจิตศรัทธา คนที่ไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษที่กำลังจะกลับตัวเป็นคนดี และชาวต่างชาติ พวกเขาเหล่านี้จะไปหลบที่ไหนครับ เขายังคงกลัวความตายอยู่ กรุณาอ่านและทำความเข้าใจให้ดีด้วยครับว่าผมหมายถึงอะไร เพราะบางสิ่งบางอย่างจะกล่าวกันตรงๆไม่ได้ครับ และผมก็ไม่ใช่นักตอบปัญหาชีวิตส่วนตัวแบบรายวันให้ใครด้วยครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยไปพิจารณาดูกันเอาเองครับ และคำนึงถึงประโยคนี้ให้มากๆครับ ------> โปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ

    คนที่มีสัมมาทิฐิจะเข้าใจดีครับว่า มันเกิดจากตัวศิษย์เองไม่ได้เกี่ยวข้องกับครูบาอาจารย์ท่านเพราะโดยส่วนมากศิษย์ที่เป็นมิจฉาทิฐิ มักจะแปลความและแอบอ้างเข้าข้างตัวเองเสมอๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ส่วนครูบาอาจารย์นั้นท่านจะเป็นอย่างไรเราก็พิจารณาในสิ่งที่ท่านสั่งสอน อบรมเรา ว่าจริงแท้แค่ไหนแล้วจึงเชื่อ และเรื่องบางเรื่องก็เกินวิสัยจะรับรู้ได้เช่นกัน

    โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมคิดว่าส่วนใหญ่คุณอัญญาสิทธิ์ได้กล่าวไว้จริงครับ จะแนวไหนก็แล้วแต่ ก็ไปพิจารณาเองสิครับ ก็ถือเป็นการปฏิบัติอย่างหนึ่ง

    ขอฝากสิ่งเหล่านี้ให้กับบุคคลทั่วไปครับ
    การทำบุญบำรุงพระศาสนานั้นเป็นการดีครับ แต่ต้องบำรุง บุพการี ผู้อุปการะ ตนให้ดีเสียก่อนครับ ถึงจะบำรุงพระศาสนาและต้องไม่เป็นหนี้เป็นสินให้กับตนเอง ครอบครัว และบรรดาญาติๆทั้งหลาย มีน้อยทำน้อยมีมากทำมากตามกำลังที่มีอยู่

    และเช่นเคย โปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ บางเรื่องมันเป็นเรื่องราวรับรู้เฉพาะตน ตามที่คุณอัญญาสิทธิ์ ได้เคยกล่าวเอาไว้ครับ
     
  11. เสือเผ่นป่าราบ

    เสือเผ่นป่าราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,493
    กะไว้แล้ว

    สรุปว่าจะไม่เอาไปไว้ที่ริมโขง ตามที่เคยประกาศให้สมาชิกได้รับทราบแล้วใช่รึเปล่าครับ

    ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะครับ จะมีที่ไหนเหมาะสมเท่ากับวัดป่าฯ อย่างน้อยก็ขอให้ใกล้ๆ วัดไว้ก่อน

    ท่านผู้พัน ก็รีบไปขอซื้อที่ดินกับชาวบ้านแถวนั้นนะครับ

    อย่าลืมโทรไปเรียนท่านองคมนตรี ให้ทราบด้วยนะครับ
     
  12. เสือเผ่นป่าราบ

    เสือเผ่นป่าราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,493
    อันนี้ผมเห็นด้วย

    "ส่วนมากศิษย์ที่เป็นมิจฉาทิฐิ มักจะแปลความและแอบอ้างเข้าข้างตัวเองเสมอๆ"

    อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะคนๆ นั้น หาเรื่องมาโม้อยู่เรื่อยๆ ไงครับ
     
  13. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    ...ในโลกนี้บิดามารดาบุพการีนั้นเป็นสิ่งสูงสุดของชีวิต การเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นหนึ่งในมงคลชีวิตที่พระพุทธองค์ทรงเคยบัญญัติไว้ ในศาสนาฮินดูก็ไม่ต่างกับการบูชาพระศิวะ(ศิวลึงค์)และพระแม่ปวารตี(โยนี)

    ในข้อเท็จจริงเนื่องจากท่านให้ร่างกายสังขารเรามา พูดง่ายๆ คือจิตนี้เป็นของเราแต่ร่างกายเป็นของท่าน

    นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมศีลข้อ 3 เมื่อผิดกับลูกสาวถึงไปล่วงถึงบิดามารดาด้วย และก็มีศีลห้ามฆราวาสในข้อนี้ไว้ พระคุณพ่อและแม่เราทดแทนเท่าไหร่ในชาตินี้ก็ไม่หมดหรอกครับ

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมร่างกายสังขารนี้เมื่อเราปฏิบัติบูชาเอาชีวิตแลกต่อพระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ ถึงมีอานิสงค์ไพศาล(มีตัวอย่างในอดีตกาลและในชาดก )

    หรือเช่น การที่พระบรมครูของเราในอดีตที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์หนีบิดามารดา ครอบครัวมาปฏิบัติธรรมเพื่อแสวงหาการหลุดพ้น จนในที่สุดได้เห็นมรรคในหนทางแห่งการพ้นทุกข์จริงๆ ทำให้เราได้พระธรรม และพระสงฆ์ ครบ ความล่วงรู้ถึงเทวดา เทพ พรหม พระจักรพรรดิ์ พระโพธิสัตว์ และมนุษย์ ล้วนอนุโมทนาสาธุการยกย่องสรรเสริญ ต้องการที่จะไปพบเจอเพื่อขอแบ่งธรรมะที่ท่านได้รู้มา นำมาใช้พิจารณาให้ตนเองได้เกิดธรรมอาสวักขยญาณนี้ขึ้นบ้าง เกิดสะเทือนไป 3 โลก เพราะพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้ว คุณที่ใหญ่หลวงเกิดขี้นแล้ว

    ผมยกเรื่องนี้มาเป็นองค์ครูเพราะคงไม่มีใครปฏิเสธ ดังนั้นปัญหาเรื่องครอบครัวพ่อ แม่ พี่น้องจึงไม่ใช่ที่สุดในหนทางการหลุดพ้น แต่เป็นหนทางของภพ ชาติ ชรา มรณะ แต่ถ้าเป็นฆราวาสผู้ครองเรือนนั้นก็มีหลักปฏิบัติในฆราวาสธรรมซึ่งเป็นธรรมอีกแบบสำหรับผู้ครองเรือน

    การปฏิบัติในทางทาน ศีล หรือภาวนาสมาธิกรรมฐาน จะเน้นด้านใด ด้านที่เหลือก็ต้องทำแต่จะมากน้อยก็สุดแท้แต่ละบุคคล การที่มีอานิสงค์ต่างกันเหตุเพราะว่า คุณ(ความดี ประโยชน์ ต่อสรรพสัตว์ของท่านเหล่านั้น)ในแต่ละสิ่งไม่เสมอกัน

    ครูบาอาจารย์สอนว่าคุณพระพุทธ มีกำลัง 56 คุณพระธรรมมีกำลัง 38 คุณพระสงฆ์มีกำลัง 14 หรือพระรัตนตรัยรวมเป็น 108 คุณพระแม่โพสพ 39 คุณพระแม่ธรณี 21 และคุณบิดามารดาคนละ 16 รวมเป็น 32 เป็นต้น

    การทำอานิสงค์บุญบารมีคนทำถึงเท่านั้นถึงจะรู้ว่าคืออะไร...บางครั้งผมมองเป็นปัจจัตตังด้วยซ้ำ

    ถ้าเปรียบมะม่วงเหมือนกรรมฐาน 40 กอง คุณกินมะม่วงพันธุ์ที่คนอื่นเคยกินคนนั้นก็รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าคุณกินมะม่วงพันธุ์ที่คนอื่นไม่รู้จักคนนั้นจะมาบอกคุณว่ารสชาติมันแบบนั้น แซบแบบนี้ก็ดูจะอวดเกินไปหน่อย ความคิดเห็นแบบนั้นบางครั้งอาจเรียกมิจฉาทิฏฐิด้วยซ้ำ เนื่องจากเกิดจากการไม่รู้และมีอคติในบางเรื่อง

    และคุณแบบไหนล่ะที่เราปฏิบัติต่อท่านแล้วเกิดผลบุญได้มากน้อย ผมเชื่อว่าเราก็ต้องศึกษาเอาเองตามวาสนาบารมี ผมเชื่อว่าบุญก็เหมือนอาหารแต่เป็นอาหารเสบียงเลี้ยงเราในภพหน้า สร้างพระ หล่อพระก็ได้ความเป็นพระ กายทิพย์สว่างสดใส สร้างวิหาร โบสถ์ทานก็ได้วิมานอยู่อาศัยยังไม่เข้าถึงนิพพานแล้วไซร้ก็ได้เป็นเทวดาก็ไม่ต้องเร่ร่อน ไปอยู่ตามต้นไม้ป่าเขา อานิสงค์จะบังเกิดเมื่อใดจะในชาตินี้หรือชาติหน้าหรือในภพใดก็สุดแท้แต่กรรมไม่ดีที่คอยฉุดรั้งเราไว้ วงล้อกรรมตราบใดที่ยังไม่ทับเรานั่นก็เพราะเรายังคงทำบุญบารมีอยู่

    บางคนอาจสงสัยว่าทำบุญกับพ่อแม่หรือพระดีกว่ากัน(จริงๆไม่ควรมาเปรียบเทียบกัน) ผมว่าดีเหมือนกันหมด แต่ดีคนละแบบ ก็ขอให้ศึกษาให้รู้อย่างแท้จริงก่อนจะกล่าวสิ่งใดไป ผมก็มีปัญหาถามว่า ทำไมพ่อแม่ต้องให้ลูกชายบวชเพื่อเอาอานิสงค์จากผ้าเหลืองหรือการบวชเป็นลูกพระพุทธเจ้าล่ะครับ หลวงพ่อฤษีลิงดำเคยกล่าวว่าแค่ลูกชายตั้งใจบวช เครื่องบวชครบนี่ก็อานิสงค์พ่อแม่ไม่ตกนรกภูมิแล้ว ลูกชายยังไม่บวชด้วยซ้ำ ส่วนการทำบุญกับพ่อแม่หรือเลี้ยงดูท่านผมว่าเป็นสิ่งดี แต่ทำไมท่านและเราเองก็ยังมีโอกาสไปนรกภูมิเท่าๆกัน และทำไมบุญอุทิศจากการทำบุญในศาสนา(ทาน ศีล ภาวนา) และทำบุญสร้างโรงเรียน สงเคราะห์คนจน ยากไร้(จาคะ)ทำบุญร้อยบาทเท่ากันอานิสงค์ไม่เหมือนกัน

    หรือทำไมเราทำบุญถวายพระโดยตรงกับภิกษุ หรือทำบุญถวายพระผ่านฆราวาสไปยังภิกษุ ผลที่ขยายในภาคบุญถึงต่างกัน ลองศึกษาดูนะครับ ในความจริงเราจะทำความดีกตเวทิตาก็ควรทำทั้งหมดเท่าที่จะทำได้นั่นแหล่ะ แต่ถ้าวันนึง( ถ้ามีโอกาสในชีวิตที่ต้องเลือก ด้วยเพราะเหตุผลที่เราเข้าถึงในสิ่งที่เรียกว่า คุณอย่างแท้จริง ) ก็ขอให้คุณตัดสินใจเอาว่าจะเลือกสิ่งไหนก่อนหลัง

    ขอเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องการทำบุญและตนเองหรือใครจะไม่ได้รับการเหลียวแลหรือเดือดร้อนหรือไม่เดือนร้อน หรือมีมากทำมากมีน้อยทำน้อยครับ อันนี้ผมมองเป็นเรื่องตาบอดคลำช้างครับ ขอโทษที่ต้องพูดแบบนั้น เพราะอยากให้เข้าใจว่า สิ่งที่เรียกว่า บารมี คือ กำลังใจ (จะด้านดีด้านไม่ดี)จะมากน้อยจะทำให้ใครเดือนร้อนหรือไม่ ผมเอาเรื่องคุณเป็นที่ตั้ง และสัจจะเป็นตัววัดครับ จะบอกให้ใครเป็นแบบไหนอย่างไร ดีไม่ดีอย่างไรนั่นเพราะคุณไม่เคยชิมมะม่วงพันธุ์นั้นเอง แต่ก็รสชาติจริงๆ ก็คล้ายกันครับจึงไม่ใช่ประเด็นในเรื่องดีหรือไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และที่สำคัญคงต้องลองกลับไปศึกษาสิ่งที่เรียกว่าบารมีใหม่ก่อนก็จะดีนะครับ


    คนเราผมเชื่อว่ารักทุกสิ่งและเคารพทุกสิ่งที่มีคุณกับเราทั้งนั้นแหละครับ ในจิตใจก็คิดจะตอบแทนทั้งหมดอยู่แล้วถ้ามีโอกาสและเวลา เราปฏิบัติธรรมกันทุกวันนี้ เราก็พอจะรู้ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาชาติเดียวเท่านั้น แต่ละคนผ่านการเกิดตายมาอย่างโชกโชน บางคนต้องลำบากทนทุกข์เพื่อรักษาธรรม รักษาความดีก็มี ถ้ายิ่งผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าด้วยแล้ว ก็ต้องเกิดประมาณเม็ดหินเม็ดทรายเลยทีเดียว ใครปรารถนาแบบนั้นผมขออนุโมทนาครับ

    สรุปประเด็นผมก็คือ ทำบุญอย่างไรกับผู้ใดและใครผู้หนึ่งอานิสงค์ที่แปรออกไปต่างกันแน่นอนครับ ทั้งผู้ให้ทาน(คนหว่านข้าว) และผู้รับทาน(เนื้อนาบุญ) และกาลโอกาส จะมากน้อยแปรไปตามคุณของสิ่งนั้นเหมือนสมการที่มีหลายตัวแปร

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2007
  14. มะม่วงสุก

    มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    สำหรับเรื่องสรุปบัญชีที่ผมเคยถามไปกาลครั้งนึงนานมาแล้ว ผมเองก็กำลังรอดูผลเหมือนกันครับว่าเป็นอย่างไร ผลมี 2 ด้าน ผมภาวนาให้เป็นสิ่งดี คนเราในชีวิตนึงตัดสินคนในบางเรื่องจากความจริงหรือสัจธรรมนี่แหล่ะครับ...
     
  15. treeufo

    treeufo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +30
    สำหรับเรื่องการออกผนวช ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นยังมีผู้คนเข้าใจผิดๆอยู่เนื่องจากอาจจะเข้าใจว่าพระราชบิดาและพระราชมารดา ทรงห้ามพระโพธิสัตว์ออกผนวช นั้นไม่เป็นความจริงทรงมิได้ห้ามปราม แต่ทรงเป็นห่วงใย เนื่องด้วยเกรงว่า พระราชบุตร ( องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ) จะลำบากและเป็นอันตรายต่อพระวรกายของพระองค์เอง และที่พระองค์ท่านปรารถนา ตรัสรู้ก็เนื่องจาก ทรงเบื่อหน่าย มิใช่ทรงหลีกหนี ทรงเบื่อหน่ายอะไรนั้น อันนี้ไปศึกษาเอาเองครับ และพระราชบิดา พระมารดา ของพระองค์ท่าน ทรงเกษมสำราญอยู่มิได้ขาดและมิได้ทรงลำบาก

    คำกล่าวที่ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวนั้น เป็นความจริง แต่ถ้าไม่มีร่างกายแล้ว จิตจะไปยึดเกาะอะไรครับทำไมจิตต้องยึดเกาะ เพราะถ้าไม่ยึดเกาะก็ไม่สามารถลงมาเกิดได้ครับ และการที่จะมาเกิดได้นั้นถ้าไม่มีผู้ให้กำเนิด แล้วเราจะเกิดจากไหนละครับเพื่อที่จะมา บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม มาปรารถนาสัจจะต่างๆนาๆ มาปรามาสผู้อื่น มาทำบุญทำกุศล มาทำความชั่ว มายึดติดสัจจะและบารมี อื่นๆอีกมากมาย ล้วนแต่ต้องอาศัยร่างกายทั้งสิ้น ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญ ผู้มีความกตัญญู รู้คุณ ตอบแทนคุณ ต่อบิดาและมารดา เป็นอานิสงฆ์หลักอย่างหนึ่งและการเตรียมจิตใจในการเข้าพระนิพพาน

    ฉะนั้น ไม่ว่าบิดามารดา ท่านจะเป็นอย่างไรเรื่องของท่าน ให้มองดูแต่ตัวเราพอครับและปฏิบัติต่อท่านให้ดีให้ท่านมีความสุขกาย สบายใจ เพราะท่านคือผู้ให้กำเนิดเรามา ให้เราได้มี โอกาส มาพบธรรมะของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ ส่วนพบแล้วจะทำอย่างไรก็เรื่องของคุณ กรรมใครก็กรรมมันละ เพราะทุกอย่างได้มีกล่าวไว้ในธรรมะของพุทธองค์ มีใครจะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้บ้างครับ ตอนนี้ใครยังปฏิบัติไม่ดีกับท่านหรือผู้มีพระคุณ ก็เลิกซะนะครับ

    ในเรื่องของพันธุ์มะม่วงนั้น ถ้าไม่มีร่างกาย อันประกอบไปด้วยตา หู จมูก ปาก สัมผัสผิวหนังที่ปาก( รสชาติ ) คุณจะพิจารณาได้อย่างไรว่าพันธุ์มะม่วงนั้น สุก สีอะไร รสชาติเป็นยังไง รูปร่างแปลกประหลาด หรือไม่ และถ้าไม่มีร่างกาย คุณก็จะไม่มีโอกาสได้ชิมมะม่วงสุก และปฏิบัติกรรมฐานครบ 40 กอง แม้แต่ตาบอดคลำช้างก็ยังต้องใช้ร่างกายอยู่ดีในการคลำช้าง

    เรื่องการทำบุญนั้น สมมุตินะครับยกตัวอย่าง ถ้าคุณมีเงิน 1000 มีคนบอกให้คุณทำบุญ 1000 และบอกว่าคุณจะได้อานิสงฆ์อย่างนั้นอย่างนี้ และคุณเชื่อเขาคุณทำหมด 1000 แล้วถ้าคุณมีครอบครัวลูก ภรรยาและพ่อแม่ของคุณ เขาเหล่านี้จะเอาเงินที่ไหนซื้อของกิน ซื้อเสื้อผ้า ใช้จ่ายด้านอื่นๆ ละครับ แบบนี้คุณว่าเดือดร้อนมั้ยครับ และจะได้บุญหรือกรรมชั่วแทน พิจารณาเองละกันครับและถ้าพระพุทธองค์ท่าน ทรงธรรมเทศนาเรื่องในทำนองที่ว่า ให้ทำบุญแล้วผู้อื่นต้องเดือดร้อน ถ้ามี โปรดนำมาแสดงไว้ให้ผมได้ศึกษาด้วยครับ เกี่ยวกับการบวช ถ้าพ่อแม่ไม่พร้อมให้บวช เราก็บวช ไม่ได้ เช่นกันครับ ถ้ายังไม่เข้าใจจุดนี้ก็น่าจะไปศึกษามาให้ดีก่อนจะมากล่าวครับ

    ดังนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงธรรมเทศนา เกี่ยวกับ ทางสายกลางไว้ เป็นอย่างไรเว็ปนี้มีคำตอบ ไม่ว่าอะไรก็ตาม วิริยะ อุตสาหะ สัจจะบารมี วิปัสนากรรมฐานและอื่นๆ ก็สายกลางหมด แม้แต่เรื่องเงินก็สายกลาง

    สำหรับบุคคลที่ยังหลงยึดติดกับการทำ สัจจะ บารมี และสัจจะบารมี สิ่งเหล่านี้เป็นกับดักอย่างดีสำหรับนักปฏิบัติ แต่มิได้ห้ามทำ ให้ทำแต่พอดี ดำเนิน สายกลาง ครับและสำหรับบุคคลที่ยังศึกษาเกี่ยวกับบารมีมาไม่ดีพอ สัจจะ วัดบารมีไม่ได้นะครับ และพระพุทธองค์ไม่ทรงธรรมเทศนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เลยครับ ถ้ามีก็นำมาแสดงไว้ด้วยครับ ถ้าไม่มีก็ ปรามาสละครับงานนี้และการจะตัดสินคนๆนึงก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เพราะถ้าเรายังไม่รู้ว่าเขาคือใคร ปฏิบัติมาอย่างไร กรรมชั่วจะมาตัดสินเราเองครับและถ้าคนบางคนยังไม่เข้าใจประโยคนี้นะครับ -----> โปรดใช้วิจารณญาณ ก็ไปเน้นทบทวนให้ขึ้นใจอยู่เสมอๆนะครับ และผมก็คิดว่าผมพิมพ์ภาษาไทยมาดีแล้ว กรุณาอ่านและทำความเข้าใจอย่าให้ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกครับ

    Tree

    โปรดใช้วิจารณญาณให้ดีนะครับ เพราะที่นี่คือที่ สาธาณะ จะคิดจะตอบอะไรพิจารณาให้ดีๆรอบคอบเสียก่อนนะครับ สำหรับบางท่านที่สนใจจะสนทนาธรรมกับผม เชิญคนต่อไปได้เลยครับ ถ้าผมเห็นสมควรและเหมาะสมก็จะตอบให้ครับ และขอให้เจริญในธรรมเช่นกันครับ
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เรื่องบัญชีการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ฝ่ายบัญชีได้แสดงต่อที่ประชุมคณะทำงานฯไว้หลายวันแล้วครับ และเป็นตัวเลขจริงที่นำมาแสดงต่อสาธารณะได้เลย ที่จริงคณะทำงานมีความพร้อมสามารถโพสถ์รายละเอียดบัญชีลงมาได้นานแล้วครับ แต่เราต้องการทดสอบดูอนุสัยของบุคคลที่เรียกร้องขอดูบัญชีการทำบุญว่าเป็นอย่างไร

    ดังนั้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อกันและกัน ทางคณะฯและหลายๆท่านในที่นี้คงอยากจะรู้จักตัวจริงเสียงจริงของบุคคลที่เรียกร้องขอดูบัญชี ก็ขอให้แสดงตัวตนที่แท้จริงต่อสาธารณะด้วยครับ

    คณะทำงานฯ จะให้เวลาคิดพิจารณาสัก 1 วัน ที่จะให้ผู้ที่เรียกร้องขอดูบัญชีแสดงชื่อ-สกุลจริงบนหน้าเวปนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจครับ และหากผู้ที่เรียกร้องได้ร่วมทำบุญในการสร้างพระฯ ก็ขอให้บอกหลักฐานมาด้วยครับ เช่น การโอนเงิน เข้าบัญชีไหน จำนวนเงินเท่าใด วันที่เท่าไหร่ เป็นต้น หรือถ้าหากใส่ซองร่วมทำบุญมาก็บอกชื่อ-สกุลมาก็ได้ครับ เพราะซองรายชื่อนั้นมีอยู่ครบถ้วน รวบรวมไว้ทุกซอง สามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ร่วมทำบุญได้ครับ

    หลังจาก 1 วันไปแล้วทางคณะฯจะโพสถ์รายละเอียดบัญชีลงมาให้พิจารณากันครับ สำหรับบุคคลที่เรียกร้องขอดูบัญชีแต่ไม่กล้าแสดงตัวต่อสาธารณะ ก็ถือว่าท่านไม่มีความบริสุทธิ์ใจต่อบุคคลอื่นๆในที่นี้นะครับ

    สำหรับท่านที่ไม่ได้เรียกร้องขอดูบัญชีก็ไม่จำเป็นที่จะแสดงตัวในที่แห่งนี้ครับ
     
  17. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    (((จิตญาณพระศรีอาริย์)))

    [​IMG]

    ก่อนอื่นตัดความกังวลให้หมดก่อน
    แล้วคิดเสมอว่าบุญทานเต็มแล้ว เหลือแต่ภวนาก็มาเร่งความเพียร
    เจริญสติมากๆ เมื่อเหตุปัจจัยสมบูรณ์แล้ว อารมณ์ที่จะบรรลุธรรมวิเศษก็จะเกิดเองเป็นขึ้นมาเอง
    โดยไม่อ้างกาลอ้างเวลา อารมณ์ที่จะบรรลุธรรมวิเศษไม่สามารถที่จะตกแต่งเอาเองได้
    เกิดขึ้นจากธรรมชาติล้วนๆ ที่สมบูรณ์แล้วทั้งสิ้น
     
  18. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พ้นภาษา

    แสดงทัศนะในทำนองเดียวกัน หากมีคนถามถึงพระนิพพานและอีกคนหนึ่งตอบ ทั้งสองคนนั้นไม่รู้เรื่องพระนิพพานเลย
    วัตถุที่ตั้งแห่งการคิดคำนึงหรือการอรรถาธิบาย คำพูดมิอาจจะอธิบายถึงสัจจะได้ครบถ้วน ทั้งนี้ เพราะสัจจะนั้นอยู่เหนือการรับรู้ทางอายตนะ เหนือความนึกคิดซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทัศนะและคำพูด ชี้ตรง
     
  19. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เราเป็นใครแน่ เจ้าไม่รู้จัก

    มีคือไม่มี ไม่มีคือมี มีไม่มีเริ่มที่เดียวกัน
    รูปคือว่าง ว่างคือรูป ไม่ใช่รูปไม่ใช่ว่าง
    โลกครั้งนั้น แยกไม่ออก เป็นแบบอย่าง
    เป็นกลุ่มพลัง ปราศกลิ่นเสียง รูปลักษณ์ใด
     
  20. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เมื่อวาน( 2เม.ย)ได้มีโอกาสแวะไปที่วัดธรรมศาลา ไปดูความก้าวหน้าของการหล่อองค์พระ ก็เริ่มประกอบเป็นองค์และช่างก็ตกแต่งองค์พระไปบางส่วนแล้วครับ

    วันนี้จะหาเวลาว่างโพสถ์บัญชีการทำบุญสร้างพระฯ มาให้พิจารณากันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1.JPG
      P1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.1 KB
      เปิดดู:
      41
    • P3.JPG
      P3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.6 KB
      เปิดดู:
      45
    • P5.JPG
      P5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      47
    • P2.JPG
      P2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.2 KB
      เปิดดู:
      48
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...