เรื่องนอกกรอบ

อาจมีหลายคนคิดว่า เราทำไปเพราะ ต้องการ เป็นครู ผู้นำ หรือ อาจารย์ แต่ไม่ไช่เลย
นี่คือโอกาสที่เราให้กับทุกคน เพราะเราเอง ก็ เป็นเช้นนี้ได้ เพราะได้รับโอกาส จากพุทธองค์ทั้งหลาย เรา เมตตา ไม่มีประมาณอยู่แล้ว

 

ไม่รู้สึกอะไร เพราะ เราได้ทำแล้ว เราทำแล้ว เราช่วยแล้ว เราให้โอกาสแล้ว
เราพ้นแล้ว เราไม่ได้เกาะเกี่ยวกับสิ่งใดแล้ว

ชีวิตนี้สั้นนั้ก โอกาศก็มี เท่าที่ ชีวิตเรายังมี เมื่อเราดับ ตามกฏไตรลักษณ์ไป
เราก็ถือว่า เราได้ทำในสิ่งที่ เราได้ให้โอกาส แก่ทุกสรรพสัตว์แล้ว
เราทำถูกแล้ว เรา พ้นแล้ว เรา ดับได้ ตาม กฏ

 

เราไม่ได้เลือกให้ใคร เราแค่ให้โอกาส
เราไม่ได้หวังสิ่งใด เราแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ
เราปรารถนา ว่า ท่าน จะ เลือก หรือไม่เลือก ไม่ได้เกี่ยวกับเรา
เพราะ เรา ได้ทำแล้ว ที่เหลือ ก็คือ กรรม หรือ การกระทำที่พวกท่าน ได้เลือก เอง

 

........ดูสภาวะจิตของตนเองสิว่ามีการเปลี่นนแปลงอย่างไร?.....

 

พวกท่าน ยอมรับ กับสิ่งที่ตนเองเลือก หรือไม่ นั้น
ก็ ตามกรรม ที่ท่าน กระทำ วัฏะสงสาร ท่านเลือกเอง
เราหยุดแล้ว พวกท่าน ไม่หยุดเอง เลือกเอง
จงเข้าใจสิ่งที่พวกท่าน เลือกเอง กระทำเองเถิด

 

การดูนั้น ไม่สำคัญแล้ว
เพราะ การกระทำ ที่ได้กระทำ มันบ่งบอก ความจริง
เรายอมรับแต่ ความจริงเท่านั้น นี่คือ สมมุติที่ กระทำต่อสมมุติ

หามีสาระ สิ่งใดไม่ ท่านดูตนเองเถิด 2554

 

นี่ก็ 2556 แล้ว ท่านยังไม่ เดินตามธรรมชาติ เลย
ท่านยังคง เกาะเกี่ยว สมมุติอยู่
หรือท่าน ปฏิเสธความจริง

 

ท่านดูตนเองเถิด อย่ามาดูเรา
ท่านจงรู้และเข้าใจตนเองเถิด อย่ามารู้หรือดูเรา
ท่านจึงจะได้ สัมผัส ความจริง ที่มีในตน

 

รู้ ว่าท่านเก่ง
แต่ความเก่ง คือ เงื่อนไขในการ ผูกมัดตัวท่านเอง
ละวางความเก่งนี้ซะ เพราะมันคือ อัตตาตัวตน ที่ท่าน สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ ตัวตน
ความไม่มีอะไร ต่างหาก คือ อิสระ ที่แท้จริง

 

ปัญญาใดใดที่เกิดแก่เรา จงเกิดแก่ท่าน
สิ่งใดที่มีในเราจงมีในท่าน
ความไม่มีอะไร ที่มีในเราท่านจงสัมผัส

 

เมื่อสัมผัสแล้วแค่รู้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
จงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานเถิด
รู้ รู้ เท่านั้น ล้วนว่างเปล่า

 

........ตราบใดถ้ายังอยู่ในโลกนี้ สภาวะจิตสำคัญ ต่อ ตัวผู้นั้นเอง

ตลอดเวลาจนกว่าจะหมดอายุขัย

เราดูของเราจนเป็นปกติ ทำให้เรารู้ว่า

สภาวะจิตของผู้ถามเป็นอย่างไร เราถึงให้

ตรวจสอบสภาวะจิต สภาวะธรรมของผู้ถามเอง แต่ผู้ถามกลับไม่เข้าใจ

บ่งบอกได้ว่า ยังตกอยู่ในความประมาทอยู่ สิ่งที่ได้ทำแล้ว

กับสิ่งที่ปรากฏปัจจุบันย่อมต่างกันอย่างสิ้นเชิง แสดงให้ได้รู้ว่า แจ้งจริง

ในโลก ในจักรวาล ดังที่ตนเข้าใจหรือไม่.........

 

รู้ ก็จริง ไม่รู้ ก็จริง
ถูก ก็จริง ผิดก็จริง
ความจริงคืออะไร ท่านไม่จริง
เพราะ ที่แน่นอนที่สุด คือไตรลักษณ์ ความไม่แน่นอน นั่นเอง
ท่านจะหาสิ่งใดเป็นแก่นสารได้เล่า นอกจาก ความไม่แน่นอน

 

กรรม การกระทำ เวลายังมีชีวิตอยู่ ท่านทำหรือไม่ กระทำหรือไม่
หรือท่าน ไม่คิด ไม่ทำ ไม่สน ไม่แยแสล่ะ
ทำตามที่ ควรกระทำ นั่นแหล่ะ อย่าเอา ผิดถูก มาตัดสิน ว่า ตนเองทำแล้ว ได้อะไร

คำตอบทั้งหมด ก็แค่ ได้ทำ เวลาที่มีชีวิตอยู่ หรือไม่จริงล่ะครับ

 

จงอยู่กับตนเอง ดูตนเอง รู้ตนเอง

นี่คือ สิ่งที่ ท่านต้อง กระทำ

 

.....กลับไปทบทวนตัวเองใหม่ พิจารณาให้ถ่องแท้

และรอบคอบมากกว่านี้ หรือให้แจ้งมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสวนากันใหม่

ระดับนี้แล้ว คงไม่เป็นดังคำ " หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม "

ก็พอหอมปากหอมคอ ยินดีที่ได้เสวนา.......☺

 

เมื่อใดที่ท่าน ดูคนอื่นรู้คนอื่น ท่านก็จะ ออกห่าง จากความจริง ของตนเอง
ท่าน เข้าใจ มั้ยล่ะ

 

เลิกคิดที่จะพิสูจน์คนอื่น
จงพิสูจน์ตนเอง เท่านั้น เท่านั้นเอง

 

ขอบคุณ ที่ เมตตา ขอท่านจงสำเร็จในสิ่งที่ท่านปรารถนาเถิด

 

จงดู สมมุตืที่ตนเอง เป็นอยู่เถิด นี่คือ คำแนะนำสุดท้าย