เรียนถามอาจารย์ท่านผู้รู้ ผู้มองเห็นธรรม ผู้มองเห็นจิตทั้งหลาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย babifun, 24 พฤษภาคม 2007.

  1. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    "จิต คือ พุทธ"

    <CENTER>[SIZE=+2]"จิต คือ พุทธ"[/SIZE] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>
    [​IMG]





    </CENTER><CENTER></CENTER>
    [SIZE=+1]<DD>พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียง จิตหนึ่ง นอกจาก จิตหนึ่ง แล้วมิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย <DD>จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้เลย มันไม่ใช่เป็นของมีสีเขียวหรือสีเหลือง และไม่มีทั้งรูป ไม่มีทั้งการปรากฏ ไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่งทั้งที่มีการตั้งอยู่ และไม่มีการตั้งอยู่ ไม่อาจจะลงความเห็นว่า เป็นของใหม่หรือของเก่า ไม่ใช่ของยาวหรือของสั้น ของใหญ่หรือของเล็ก ทั้งนี้เพราะมันอยู่เหนือขอบเขต เหนือการวัดเหนือการตั้งชื่อ เหนือการทิ้งร่องรอยไว้ และเหนือการเปรียบเทียบทั้งหมดทั้งสิ้น <DD>จิตหนึ่ง นี้เป็นสิ่งซึ่งเราเห็นตำตาเราอยู่แท้ๆ แต่จงลองไปใช้เหตุผล (ว่ามันเป็นอะไร เป็นต้น) กับมันเข้าดูซิ เราจะหล่นลงไปสู่ความผิดพลาดทันที สิ่งนี้เป็นเหมือนกับความว่างอันปราศจากขอบทุกๆ ด้านซึ่งไม่อาจจะหยั่งหรือวัดได้ <DD>จิตหนึ่ง นี้เท่านั้นเป็น พุทธ ไม่มีความแตกต่างระหว่าง พุทธ กับสัตว์โลกทั้งหลาย เพียงแต่ว่าสัตว์โลกทั้งหลายไปยึดมั่นต่อรูปธรรมต่างๆ เสีย และเพราะเหตุนั้นเขาจึงแสวงหา พุทธภาวะ จากภายนอก การแสวงหาของสัตว์เหล่านั้นเองทำให้เขาพลาดจาก พุทธภาวะ การทำเช่นนั้นเท่ากับการใช้สิ่งซึ่งเป็น พุทธ ให้เที่ยวแสวงหา พุทธ และการใช้จิตให้เที่ยวจับฉวยจิต <DD>แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะได้พยายามจนสุดความสามารถของเขาอยู่ตั้งกัปป์หนึ่งเต็มๆ เขาก็จะไม่สามารถบรรลุถึงพุทธภาวะได้เลย เขาไม่รู้ว่าถ้าเขาเองเพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่ง และหมดความกระวนกระวาย เพราะการแสวงหาเสียเท่านั้น พุทธ ก็จะปรากฏตรงหน้าเขา เพราะว่าจิตนี้คือ พุทธ นั่นเอง และ พุทธ ก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง สิ่งๆ นี้เมื่อปรากฏอยู่ที่สามัญสัตว์จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็หาไม่ และเมื่อปรากฏอยู่ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะเป็นสิ่งใหญ่หลวงก็หาไม่ <DD>สำหรับการบำเพ็ญปารมิตาทั้งหกก็ดี การบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติที่คล้ายๆ กันอีกเป็นจำนวนมากก็ดี หรือการได้บุญมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาก็ดี เหล่านี้นั้น จงคิดดูเถิดเมื่อเราเป็นผู้สมบูรณ์โดยสัจจะพื้นฐานในทุกๆ กรณีอยู่แล้ว คือเป็นจิตหนึ่ง หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ พุทธ ทั้งหลายอยู่แล้ว เราก็ไม่ควรพยายามจะเพิ่มเติมอะไรให้แก่สิ่งซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ด้วยการบำเพ็ญวัตรปฏิบัติต่างๆ ซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้นไม่ใช่หรือ เมื่อไหร่โอกาสอำนวยให้ทำ ก็ทำมันไป และเมื่อโอกาสผ่านไปแล้วอยู่เฉยๆ ก็แล้วกัน <DD>ถ้าเรายังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิต นั้นคือ พุทธ ก็ดี และถ้าเรายังยึดมั่นต่อรูปธรรมต่างๆ อยู่ก็ดี ต่อวัตรปฏิบัติต่างๆ อยู่ก็ดี และต่อวิธีการบำเพ็ญบุญกุศลต่างๆ ก็ดี แนวความคิดของเราก็ยังคงผิดพลาดอยู่ และไม่เข้าร่องรอยกันกับทางๆ โน้นเสียเลย <DD>จิตหนึ่ง นั่นแหละ คือ พุทธ ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก ไม่มีจิตอื่นใดที่ไหนอีก มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับความว่าง คือ มันไม่มีรูปร่าง หรือปรากฏการณ์ใดๆ เลย ถ้าเราใช้จิตของเราให้ปรุงแต่งความคิดฝันไปต่างๆ นั้น เท่ากับเราทิ้งเนื้อหาอันเป็นสาระเสีย แล้วไปผูกพันตัวเองอยู่กับรูปธรรมซึ่งเป็นเหมือนกับเปลือก พุทธ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลนั้น ไม่ใช่ พุทธ ของความยึดมั่นถือมั่น <DD>การปฏิบัติปารมิตาทั้งหก และการบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเจตนาที่จะเป็น พุทธ สักองค์หนึ่งนั้นเป็นการปฏิบัติชนิดคืบหน้าทีละขั้นๆ แต่ พุทธ ซึ่งมีตลอดกาลดังที่กล่าวแล้วนั้นหาใช่ พุทธ ที่บรรลุถึงได้ด้วยการปฏิบัติเป็นขั้นๆ เช่นนั้นไม่ เรื่องมันเป็นเพียงแต่ ตื่น และ ลืมตา ต่อ จิตหนึ่ง นั้นเท่านั้น และไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร นี่แหละ คือ พุทธที่แท้จริง พุทธ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย <DD>จิตเป็นเหมือนกับความว่าง ซึ่งภายในนั้นย่อมไม่มีความสับสนและความไม่ดีต่างๆ ดังจะเห็นได้ในเมื่อดวงอาทิตย์ผ่านไปในที่ว่างนั้น ย่อมส่องแสงไปได้ทั้งสี่มุมโลก เพราะว่าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นย่อมให้ความสว่างทั่วทั้งพื้นโลก ความว่างที่แท้จริงนั้นมันก็ไม่ได้สว่างขึ้น และเมื่อพระอาทิตย์ตก ความว่างก็ไม่ได้มืดลง ปรากฏการณ์ของความสว่างและความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกัน แต่ธรรมชาติของความว่างนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง จิต ของ พุทธ และของสัตว์โลกทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น <DD>ถ้าเรามองดู พุทธ ว่าเป็นผู้แสดงออกซึ่งความปรากฏของสิ่งที่บริสุทธิ์ ผ่องใส และรู้แจ้งก็ดี หรือมองสัตว์โลกทั้งหลายว่า เป็นผู้แสดงออกซึ่งความปรากฏของสิ่งที่โง่เง่า มืดมน และมีอาการสลบไสลก็ดี ความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ อันเป็นผลเกิดมาจากความคิดยึดมั่นต่อรูปธรรมนั้น จะกันเราไว้เสียจากความรู้อันสูงสุดถึงแม้ว่าเราจะได้ปฏิบัติมาตลอดกี่กัปป์นับไม่ถ้วน ประดุจเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาแล้วก็ตาม มีแต่จิตหนึ่งเท่านั้นและไม่มีสิ่งอื่นใดแม้แต่อนุภาคเดียว ที่จะอิงอาศัยได้ เพราะจิตนั้นเองคือ พุทธ <DD>เมื่อพวกเราที่เป็นนักศึกษาเรื่องทางโน้น ถ้าไม่ลืมตาต่อสิ่งซึ่งเป็นสาระ กล่าวคือ จิตนี้ พวกเราจะปิดบังจิตนั้นเสียด้วยความคิดปรุงแต่งของเราเอง พวกเราจะเที่ยวแสวงหาพุทธนอกตัวเราเอง พวกเรายังยึดมั่นถือมั่นต่อรูปธรรมทั้งหลายต่อการปฏิบัติเมาบุญต่างๆ และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้น ทั้งหมดนี้เป็นอันตราย และไม่ใช่หนทางอันนำไปสู่ความรู้อันสูงสุดที่กล่าวนั้นแต่อย่างใดเลย <DD>เนื้อแท้แห่งสิ่งสูงสุดสิ่งนั้น โดยภายในแล้วย่อมเหมือนกันไม้หรือก้อนหิน คือ ภายในนั้นปราศจากความเคลื่อนไหว และโดยภายนอกแล้วย่อมเหมือนกับความว่าง กล่าวคือ ปราศจากขอบเขต หรือสิ่งกีดขวางใดๆ สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นฝ่ายนามธรรมหรือฝ่ายรูปธรรม มันไม่มีที่ตั้งเฉพาะ ไม่มีรูปร่าง และไม่อาจจะหายไปไหนได้เลย <DD>จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และสัตว์โลกทั้งปวงก็เป็นเช่นนั้น พวกเราเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเองออกจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น พวกเราจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง <DD>หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ เลย จิตนี่แหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่จิต จิตนั้นโดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ มิใช่จิต การที่กล่าวว่าจิตนั้น มิใช่จิตดังนี้ นั่นแหละ ย่อมหมายถึงสิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริงสิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ผูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิต ก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว <DD>จิตนี้คือ พุทธโยนิ อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน สัตว์ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดกระดุกกระดิกได้ทั้งหมดก็ดี พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็ดี ล้วนแต่เป็นของแห่งธรรมชาติ อันหนึ่งนี้เท่านั้น และไม่มีแตกต่างกันเลย ความแตกต่างทั้งหลายเกิดขึ้นจากเราคิดผิดๆ เท่านั้น ย่อมนำเราไปสู่การก่อสร้างกรรมทั้งหลายทั้งปวง ทุกชนิดไม่มีหยุด <DD>ธรรมชาติแห่งความเป็น พุทธ ดั้งเดิมของเรานั้นโดยความจริงอันสูงสุดแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน แม้แต่สักปรมาณูเดียว สิ่งนั้นคือความว่าง เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกแห่ง สงบเงียบและไม่มีอะไรเจือปน มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับ และก็หมดกันเพียงเท่านั้นเอง <DD>จงเข้าไปสู่สิ่งๆ นี้ได้ลึกซึ้ง โดยการลืมตาต่อสิ่งนี้ด้วยตัวเราเอง สิ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าเรานี้แหละคือ สิ่งๆ นั้น ในอัตราที่เต็มที่ทั้งหมดทั้งสิ้น และสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้อีกแล้ว <DD>จิต คือ พุทธ (สิ่งสูงสุด) มันย่อมรวมสิ่งทุกสิ่งเข้าไว้ในตัวมันทั้งหมด นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วทั้งหลาย เป็นที่สุดในเบื้องสูง ลงไปจนกระทั่งถึงสัตว์ประเภทที่ต่ำต้อยที่สุด ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่ด้วยอีก และแมลงต่างๆ เป็นที่สุดในเบื้องต่ำ สิ่งเหล่านี้ทุกสิ่งมันย่อมมีส่วนแห่งความเป็น พุทธ เท่ากันหมดและทุกสิ่งมีเนื้อหาเป็นอันเดียวกันกับ พุทธ อยู่ตลอดเวลา <DD>ถ้าพวกเราเพียงแต่สามารถทำความเข้าใจในจิตของเราเองนี้ได้สำเร็จ แล้วค้นพบธรรมชาติอันแท้จริงของเราเอง ได้ด้วยความเข้าใจอันนั้นเท่านั้น มันก็จะเป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราจำเป็นที่จะต้องแสวงหา แม้แต่อย่างใดเลย <DD>จิต ของเรานั้น ถ้าเราทำความสงบเงียบอยู่จริงๆ เว้นขาดจากการคิดนึก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้น้อยที่สุดเสียให้ได้จริงๆ ตัวแท้ของมันก็จะปรากฏออกมาเป็นความว่าง แล้วเราจะได้พบว่ามันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป มันไม่ได้กินเนื้อที่อะไรๆ ที่ไหน แม้แต่จุดเดียว มันไม่ได้ตกลงสู่การบัญญัติว่า เป็นพวกที่มีความเป็นอยู่ หรือไม่มีความเป็นอยู่ แม้แต่ประการใดเลย เพราะเหตุที่สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ เพราะจิตซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้ของคนเรานั้นมันเป็นครรภ์ หรือเป็นกำเนิด ไม่มีใครทำให้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้เลย <DD>ในการทำปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ นั้น มันเปลี่ยนรูปของมันเองออกมาเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ เพื่อสะดวกในการพูดเราพูดถึงจิตในฐานะที่เป็นตัว สติ ปัญญา แต่ในขณะที่มันไม่ได้ทำการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมคือ ไม่ได้เป็นตัวสติ ปัญญาที่คิดนึก หรือสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมานั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกกล่าวถึง ในการที่จะบัญญัติว่ามันเป็นความมีอยู่หรือไม่ใช่ความมีอยู่ <DD>ยิ่งไปกว่านั้นอีก แม้ในขณะที่มันทำหน้าที่สร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา ในฐานะที่ตอบสนองต่อกฎแห่งความเป็นเหตุและผลของกันและกันนั้น มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมโนทวารอยู่นั่นเอง ถ้าเราทราบความเป็นจริงข้อนี้ เราทำความสงบเงียบสนิทอยู่ในภาวะแห่งความไม่มีอะไรในขณะนั้น พวกเรากำลังเดินอยู่แล้วในทางแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายโดยแท้จริง ดังนั้นเราควรเจริญจิตให้หยุดอยู่บนความไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น <DD>มูลธาตุทั้ง 5 ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นวิญญาณนั้นมันเป็นของว่างเปล่า และมูลธาตุทั้ง 4 ของรูปกายนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นตัวของเรา จิตจริงแท้นั้นไม่มีรูปร่างและไม่มีอาการมาหรืออาการไป ธรรมชาติเดิมแท้ของเรานั้น เป็นสิ่งๆ หนึ่งซึ่งไม่มีการตั้งต้นที่การเกิด และไม่มีการสิ้นสุดลงที่การตายแต่เป็นของสิ่งเดียวกันรวด และปราศจากการเคลื่อนไหวใดๆ ในส่วนลึกจริงๆ ของมันทั้งหมด <DD>จิต ของเรากับสิ่งต่างๆ ซึ่งแวดล้อมเราอยู่นั้นเป็นสิ่งๆ เดียวกัน ถ้าเราทำความเข้าใจได้ตามนี้จริงๆ เราจะได้ลุถึงความรู้แจ้ง เห็นแจ้งได้โดยแวบเดียวในขณะนั้น และเราเป็นผู้ที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องในโลกทั้งสามอีกต่อไป เราจะเป็นผู้อยู่เหนือโลก เราไม่มีการโน้มเอียงไปสู่การเกิดใหม่อีกแม้แต่นิดเดียว เราจะเป็นแต่ตัวของเราเองเท่านั้น ปราศจากความคิดปรุงแต่งโดยสิ้นเชิงและเป็นสิ่งๆ เดียวกับสิ่งสูงสุดสิ่งนั้น เราจะได้บรรลุถึงภาวะแห่งความที่ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีกต่อไป ฉะนั้นนี่แหละคือหลักธรรมที่เป็นหลักมูลฐานอยู่ในที่นี้ <DD>สัมมาสัมโพธิ เป็นชื่อของการเห็นแจ้งชัดว่าไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้วของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา <DD>ปรัชญา คือ ความรู้แจ้ง ความรู้แจ้ง คือ จิตต้นกำเนิดดั้งเดิมซึ่งปราศจากรูป ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ว่า ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือ จิตและวัตถุเป็นของสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกันนั้นแหละจะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งและลึกลับเหนือคำพูด และโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจจธรรมที่แท้จริงโดยตัวเราเอง <DD>สัจจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น ไม่ได้หายไปจากเราแม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิดด้วยอวิชชา และไม่ได้รับกลับมาในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่ง ภูตตถตา ในธรรมชาตินี้ ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฏฐิ มันเต็มอยู่ในความว่าง เป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว อารมณ์ต่างๆ ที่จิตของเราได้สร้างขึ้น ทั้งฝ่ายนามธรรมและฝ่ายรูปธรรมจะเป็นสิ่งซึ่งอยู่นอกความว่างนั้นได้อย่างไร <DD>โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั้น เป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆ แห่งการกินเนื้อที่ คือ ปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม และปราศจากสัมมาทิฏฐิ พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่าโดยแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธ ทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนั้น ไม่มีอะไรบรรจุอยู่แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งสามารถจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฎแห่งการกินเนื้อที่เลย มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิเป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้ด้วยตัวมันเองและเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ เราต้องแยกรูปถอดด้วย วิชชา มรรค จิต เหตุต้องละ ผลต้องละ ใช้หนี้ก็หมดพ้นเหตุเกิด <DD>สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ในจักรวาลมีนับไม่ถ้วน รวมแล้วมีรูปกับนามสองอย่างเท่านั้น นามเดิมก็คือความว่างของจักรวาลเข้าคู่กันเป็นเหตุเกิด ตัวอวิชชาเกิดเหตุก่อ ที่ใดมีรูปที่นั้นต้องมีนาม ที่ใดมีนามที่นั้นต้องมีรูป รูปนามรวมกันเป็นเหตุเกิด ปฏิกิริยาให้เปลี่ยนแปลงตลอดกาล และเกิดกาลเวลาขึ้น คือ รูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหวและหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย รูปเคลื่อนไหวได้ต้องมีนาม ความว่างกั้นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้ <DD>เมื่อสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ สรรพสิ่งของวัตถุ สสารมีชีวิตและไม่มีชีวิตจึงต้องเปลี่ยนแปลงเป็นไตรลักษณ์เกิดดับสืบต่อทุกขณะจิต ไม่มีวันหยุดนิ่งให้คงทนเป็นปัจจุบันได้ จิตวิญญาณก็เกิดมาจากรูปนามของจักรวาล มันเป็นมายาหลอกลวงแล้วเปลี่ยนแปลงให้คนหลง จากรูปนามที่มีชีวิตมาเป็นรูปนามที่ไม่มีชีวิต ที่มีจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณก็เปลี่ยนแปลงแยกออกจากกัน คงเหลือแต่นามว่างที่ปราศจากรูป นี้เป็นจุดสุดยอดของการหลอกลวงรูปนาม <DD>ต้นเหตุเกิดรูปนามของจักรวาลนั้น เป็นเหตุเกิดรูปนามพิภพต่างๆ ตลอดทั้งดวงดาวนับไม่ถ้วน เพราะไม่มีที่สิ้นสุด รูปนาม พิภพต่างๆ เป็นเหตุให้เกิดรูปนามพืช รูปนามพืชเป็นเหตุให้เกิดรูปนามสัตว์เคลื่อนไหวได้ จึงเรียกกันว่าเป็นสิ่งมีชีวิต ความจริงรูปนามจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตมันก็เคลื่อนไหวได้ เพราะมันมีรูปกับนาม เป็นเหตุเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ในตัว ให้เคลื่อนไหวตลอดกาลและมีการเปลี่ยนแปลง เรามองด้วยตาเนื้อไม่เห็น จึงเรียกกันว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เมื่อรูปนามของพืชเปลี่ยนมาเป็นรูปนามของสัตว์ เป็นจุดตั้งต้นชีวิตของสัตว์ และเป็นเหตุให้เกิดจิตวิญญาณ การแสดง การเคลื่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดกรรม <DD>สัตว์ชาติแรก มีแต่สร้างกรรมชั่ว สัตว์กินสัตว์ และมีความโกรธ โลภ หลง ตามเหตุปัจจัยภายนอก ภายใน ที่มากระทบ กรรมที่สัตว์แสดง มีตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 อย่าง ไปกระทบกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส 5 อย่าง แล้วก็มาประทับ บรรจุ บันทึกถ่ายภาพติดอยู่กับ รูปปรมาณู ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่าง เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาได้ ที่แฝงอยู่ในความว่างระวางคั่นตา หู จมูก ลิ้น กาย นั้นไว้ได้หมดสิ้น <DD>เมื่อสัตว์ชาติแรกเกิดนี้ได้ตายลง มีกรรมชั่วอย่างเดียวเป็นเหตุให้สัตว์เกิดอีก เพื่อให้สัตว์ต้องใช้หนี้กรรมชั่วที่ได้ทำไว้ แต่สัตว์เกิดขึ้นมาแล้วหายอมใช้หนี้เกิดกันไม่ มันกลับเพิ่มหนี้ให้เป็นเหตุเกิดทวีคูณด้วยเพศผู้ เพศเมีย เป็นสุขุมรูปติดอยู่ใน 5 กองนี้เป็นทวีคูณ จนปัจจุบันชาติ ดังนั้นด้วยอำนาจกรรมชั่วในสุขุมรูป 5 กอง ก็เกิดหมุนกันเข้าเป็น รูปปรมาณูกลม คงรูปอยู่ได้ด้วยการหมุนรอบตัวเอง ไม่หยุดนิ่ง เป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอดก็ได้ เพราะถอดมาจากนามระวางคั่นตา หู จมูก ลิ้น กายนั้นเอง ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่างรูปวิญญาณ จึงมีชีวิตคงทนอยู่นานกว่ารูปหยาบ มีกรรมชั่วคอยรักษาให้หมุน คงรูปอยู่ ไม่มีเทพเจ้าองค์ใดฆ่าให้ตายได้ นอกจากนิพพานเท่านั้น รูปวิญญาณจึงจะสลาย <DD>ส่วนการแสดงกรรมของสัตว์ที่ประทับอยู่ในสุขุมรูป มีรูปตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 กองนั้น รวมกันเข้าเรียกว่า จิต จึงมีสำนักงานของจิตติดอยู่ในวิญญาณ 5 กองรวมกัน เป็นที่ทำงานของจิตกลาง แล้วไปติดต่อกับตา หู จมูก ลิ้น กายภายนอก ซึ่งเป็นสื่อติดต่อของจิต ดังนั้น จิต กับ วิญญาณ จึงไม่เหมือนกัน จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้ เป็นผู้รักษารูปสุขุม (รูปที่ถอดจากรูปหยาบมีรูปเพศผู้ เพศเมีย รูปตา หู จมูก ลิ้น กาย) อยู่ในวิญญาณไว้ได้ เป็นเหตุเกิด สืบภพ ต่อชาติ <DD>เมื่อสัตว์ตาย ชีวิตร่างกายหยาบของภพภูมิชาตินั้นๆ ก็หมดไปตามอายุขัยชีวิตร่างกายหยาบของภูมิชาตินั้นๆ ส่วนชีวิตแท้ รูปปรมาณูวิญญาณ จะไม่ตายสลายตาม จะต้องไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ ตามเหตุปัจจัยของวัฏฏะ หมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วยชีวิตแท้ รูปถอดหรือ วิญญาณหมุนรอบตัวเอง นี้เองเป็นเหตุให้จิตเกิด​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2007
  2. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    อเหตุกจิต ๓ ประการ

    ๑. ปัญจทวาราวัชชนจิต คือ กิริยาจิตที่แฝงอยู่ตาม อายตนะ หรือทวารทั้ง ๕ มีดังนี้
    ตา ไปกระทบกับรูป เกิด จักขุวิญญาณ คือการเห็น จะห้ามไม่ให้ ตา เห็นรูปไม่ได้
    หู ไปกระทบเสียง เกิด โสตวิญญาณ คือการได้ยิน จะห้ามไม่ให้ หู ได้ยินเสียงไม่ได้
    จมูก ไปกระทบกับกลิ่น เกิด ฆานวิญญาณ คือการได้กลิ่น จะห้ามไม่ให้ จมูก รับกลิ่นไม่ได้
    ลิ้น ไปกระทบกับรส เกิด ชิวหาวิญญาณ คือการได้รส จะห้ามไม่ให้ ลิ้น รับรู้รสไม่ได้
    กาย ไปกระทบกับโผฏฐัพพะ เกิด กายวิญญาณ คือการสัมผัส จะห้ามไม่ให้ กาย รับสัมผัสไม่ได้
    วิญญาณทั้ง ๕ อย่างนี้ เป็นกิริยาที่แฝงอยู่ในกายตามทวาร ทำหน้าที่รับรู้สิ่งต่างๆ ที่มากระทบ เป็นสภาวะแห่งธรรมชาติของมันเป็นอยู่เช่นนั้น ก็แต่ว่า เมื่อจิตอาศัยทวารทั้ง ๕ เพื่อเชื่อมต่อรับรู้เหตุการณ์ภายนอก ที่เข้ามากระทบ แล้วส่งไปยังสำนักงานจิตกลางเพื่อรับรู้ เราจะห้ามมิให้เกิด มี เป็นเช่นนั้น ย่อมกระทำไม่ได้
    การป้องกันทุกข์ที่จะเกิดจากทวารทั้ง ๕ นั้น เราจะต้องสำรวมอินทรีย์ทั้ง ๕ ไม่เพลิดเพลินในอายตนะเหล่านั้น หากจำเป็นต้องอาศัยอายตนะทั้ง ๕ นั้น ประกอบการงานทางกาย ก็ควรจะกำหนดจิตให้ตั้งอยู่ในจิต เช่นเมื่อเห็นก็สักแต่ว่าเห็น ไม่คิดปรุง ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่คิดปรุง ดังนี้ เป็นต้น (ไม่คิดปรุงหมายความว่า ไม่ให้จิตเอนเอียงไปในความเห็นดีชั่ว)

    ๒. มโนทวาราวัชชนจิต คือ กิริยาจิตที่แฝงอยู่ที่มโนทวาร มีหน้าที่ผลิตความคิดนึกต่างๆ นานา คอยรับเหตุการณ์ภายในภายนอกมากระทบ จะดีหรือชั่วก็สะสมเอาไว้ จะห้ามจิตไม่ให้คิดในทุกๆ กรณีย่อมไม่ได้
    ก็แต่ว่าเมื่อจิตคิดปรุงไปในเรื่องราวใดๆ ถึงวัตถุ สิ่งของ บุคคลอย่างไร ก็ให้กำหนดรู้ว่าจิตคิดถึงเรื่องเหล่านั้น ก็สักแต่ว่าความคิด ไม่ใช่สัตว์บุคคล เราเขา ไม่ยึดถือวิจารณ์ความคิดเหล่านั้น
    ทำความเห็นให้เป็นปกติ ไม่ยึดถือความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น จิตย่อมไม่ไหลตามกระแสอารมณ์เหล่านั้น ไม่เป็นทุกข์

    ๓. หสิตุปบาท คือ กิริยาที่จิตยิ้มเอง โดยปราศจากเจตนาที่จะยิ้ม หมายความว่าไม่อยากยิ้มมันก็ยิ้มของมันเอง กิริยาจิตอันนี้มีเฉพาะเหล่าพระอริยเจ้าเท่านั้น ในสามัญชนไม่มี

    สำหรับ อเหตุกจิต ข้อ ๑ และ ๒ มีเท่ากันในพระอริยเจ้า และในสามัญชน นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เมื่อตั้งใจปฏิบัติตนออกจากกองทุกข์ควรพิจารณา อเหตุกจิต นี้ให้เข้าใจด้วย เพื่อความไม่ผิดพลาดในการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม
    อเหตุกจิต นี้ นักปฏิบัติทั้งหลายควรทำความเข้าใจให้ได้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว เราจะพยายามบังคับสังขารไปหมด ซึ่งเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติธรรมมาก เพราะความไม่เข้าใจใน อเหตุกจิต ข้อ ๑ และ ๒ นี้เอง

    อเหตุกจิต ข้อ ๓ เป็นกิริยาจิตที่ยิ้มเองโดยปราศจากเจตนาที่จะยิ้ม เกิดในจิตของเหล่าพระอริยเจ้าเท่านั้น ในสามัญชนไม่มี เพราะกิริยาจิตนี้เป็นผลของการเจริญจิตจนอยู่เหนือมายาสังขารได้แล้ว จิตไม่ต้องติดข้องในโลกมายา เพราะความรู้เท่าทันเหตุปัจจัยแห่งการปรุงแต่งได้แล้ว เป็นอิสระด้วยตัวมันเอง

    :cool:
     
  3. babifun

    babifun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +81
    ความจริงแล้วผมไม่มีความสงสัยในความรู้ของผมหรอกครับ
    แต่ที่ผมสงสัยนั้นคือว่าในสิ่งที่ผมรู้มีส่วนใหน
    ผมเห็นผิดเป็นถูก และ อะไรถูกกันแน่
    ทุกท่านเหมือนกระจกที่ส่องให้ผมเห็นตัวเอง
    เพราะผมอาจกำลังตกอยู่ในกิเลส
    อยู่ในความเชื่อของตัวเองจนทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่ถูกต้อง
    ผมไม่คิดว่าผมเห็นธรรมแน่แท้แล้ว
    เพราะตอนนี้ผมยังมีกิเลสอยู่(ต.ย.นั่งเล่นคอมอยู่นี่ไง)
    ยังต้องเรียน ยังต้องอ่านหนังสือ
    ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกระจกและแสงส่องทาง
    หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องอยู่ในวิจารณญานนะครับ
     
  4. babifun

    babifun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +81
    สัมหรับท่านสัปเหร่อ
    ท่านอนุญาติให้ผมถามผมขอถามนะครับ

    ปุชฉา"พระพุทธเจ้านิพพานตอนใหนครับ?"

    เห็นมีแต่ตรัสรู้(รู้วิธีนิพพาน)-ปรินิพพาน(ตาย)

    เรื่องสวรรค์-นรกผมเชื่อนะครับว่ามี(พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้)
    แต่ที่ผมไม่เชื่อก็คือที่เป็นสถานที่(นอกโลกก็เป็นspace ใต้โลกก็มีlavaใครจะไปอยู่ได้)
    ผมคิดว่าต้องมีบางอย่างที่อธิบายได้แต่เราไม่รู้กัน(ก็ยังติดกุศโลบายกันอยู่นี่น่า)
    ผมจะลองเชื่อมโยงสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฏกดูนะครับ
    แต่ถ้าใครพบแล้วช่วยบอกด้วยนะครับ
    (ไม่เอากุศโลบายนะเพราะเหตุที่ผมศรัธาเพราะพระพุทธเจ้าตรัสแต่ความจริงเท่านั้น)
    อ้ออีกอย่างคนที่ตอบคำถามรบกวนช่วยทำให้เข้าใจง่ายอีกนิดนะครับ
    ผมปัญญาน้อยอ่านไม่เข้าใจ
     
  5. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ปุชฉา"พระพุทธเจ้านิพพานตอนใหนครับ?"

    เห็นมีแต่ตรัสรู้(รู้วิธีนิพพาน)-ปรินิพพาน(ตาย)

    วิสัชนา

    พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อยู่ในฐานะพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม ดังนี้
    เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ "อริยะสัจสี่"คือ รู้ทางพ้นทุกข์ด้หมดแล้ว
    ท่านยังทรงไม่หยุดปฎิบัติจิต ดังนั้น จึงระลึกชาติต่อๆ ไปได้อีก

    ท่านจะบรรลุสามชั้น (ต่างจากอรหันตสาวก) คือ อะไรบ้างนั้น
    ผมจำศัพท์ไม่ได้ เช่น ยามหนึ่งบรรลุการระลึกชาติ แล้วก็ได้
    บรรลุการเกิดแก่เจ็บตายของสัตว์

    มาถึงตรงนี้ ท่านจะตรัสรู้ "การหยุดการเวียนว่าย" คือ การ
    ดับขันธปรินิพพาน ไม่มีการเกิดอีก (แต่ยังไม่ทำในทันที
    ยังไม่ละทิ้งสังขาร เพราะท่านจะระลึกความปรารถนาใน
    อดีตชาติได้)

    ด้วยเพราะพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ทรงมีมหากรุณา มหาเมตตา
    คือ ช่วยสรรพสัตว์ทุกทั่วตัวตนไม่แบ่งแยก ดังนี้ พระพุทธเจ้าจึง
    ทรงปรารถนาจะช่วยหมดทั้งสามภพอย่างเท่าเทียมกัน ทว่า เป็น
    ไปไม่ได้เลยว่าความปรารถนานี้จะเป็นจริง

    สุดท้ายท่านหยุดได้เมื่อตรัสรู้ "บัวสี่เหล่า" คือ เลือกช่วยคนที่
    ช่วยได้ ก็เท่านั้นเอง ท่านจึงหยุดความปรารถนาแห่งโพธิได้


    ดังนี้ ท่านได้ "กิเลสนิพพาน" นานแล้ว แล้วก็บรรลุอีกหลาย
    อย่าง ก่อนที่จะหยุดลง เอาเพียงแค่เท่าที่ทำได้

    อันนี้ ผมคาดเดาเอาเอง ลองศึกษาดูเองหลายๆ ด้านนะครับ

    -------------------------------------------------------

    ปุชฉา

    เรื่องสวรรค์-นรกผมเชื่อนะครับว่ามี(พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้)
    แต่ที่ผมไม่เชื่อก็คือที่เป็นสถานที่(นอกโลกก็เป็นspace ใต้โลกก็มีlavaใคร

    จะไปอยู่ได้) ผมคิดว่าต้องมีบางอย่างที่อธิบายได้แต่เราไม่รู้กัน(ก็ยังติด
    กุศโลบายกันอยู่นี่น่า)

    วิสัชนา

    เริ่มต้นไม่มีโลกมนุษย์ มีแต่พรหมณ์ แล้วพรหมณ์นั้นเสื่อมมาเกิดเป็นมนุษย์
    ก่อน (ตามไตรปิฎกได้กล่าวเช่นนี้) ดังนี้ จึงเกิดเป็นภพ พรหมณโลก,
    มนุษยโลก เป็นเบื้องต้น จากนั้น มนุษย์มากมายเสื่อมลงอีก แล้วตายลง
    ดวงจิตและวิญญาณก็เต็มโลกเวียนวน เริ่มมีปัญหาขึ้น

    ได้จุติเทพชนิดหนึ่ง ไปทำหน้าที่จัดการกับดวงจิตที่ตายลงจากร่าง
    เหล่านี้ ได้แก่ ยมทูต, และเทวทูต เขาพวกนี้ จะรู้ว่าใครจะตาย ก็จะรู้ว่าใคร
    ควรจะลงนรก หรือขึ้นสวรรค์ แล้วก็ไปปรากฎรับดวงจิตวิญญาณนั้นๆ
    เช่นนี้ คนที่จะลงนรก มักเห็นยมทูต และคนที่ดีจะเห็นเทวทูต พวกเขา
    จะถูกจับไปรวมกันที่ๆ หนึ่ง แล้วยมบาล ก็ตัดสินคร่าวๆ แยกเข้าไปในนรก
    แต่ละชั้น อย่างตรงไปตรงมา

    หากไม่มีเทพทำหน้าที่นี้ วิญญาณเร่ร่อนจะไม่รู้ที่ไป และวนเวียนเต็มโลก
    ซึ่งหากเรามีตาที่สาม จะเห็นว่าตอนนี้วิญญาณมากมายจะล้นโลกอยู่แล้ว
    เพราะมีดวงจิตวิญญาณ ที่หนียมทูตเยอะมาก บ้างตายก่อนอายุขัยก็มี

    ดังนี้ ภพสวรรค์ และนรก ก็เกิดจากการที่มีเทพไปสร้างไว้

    เหมือนสุขาวดีพุทธเกษตร ได้เกิดขึ้นด้วยผลบุญบารมี ของพระพุทธเจ้า
    พระองค์ก่อนๆ เช่น พระอมิตาภะ, พระไภสัชคุรุพุทธเจ้า มีเทพต่างๆ ดู
    แล มีกฎระเบียบ (กฎสวรรค์ กฎนรก) มีผู้ปกครอง เช่น ท้าวจตุมหาราชิกา

    เราต้องเข้าใจก่อนว่า

    1. คนตายแล้ว "จิต" ไม่สูญ จิต คือ พลังงานรูปหนึ่ง สสารและพลังงาน
    ไม่สูญไปไหน และเป็นพลังงานที่รียกว่าพลังชีวิต อันจะเวียนวนมาเกิดมา
    เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสิ่งมีชีวิตนั่นเอง

    2. จิต มีความถี่และลักษณะเฉพาะตัว เปลี่ยงแปลงได้ยาก หากไม่ฝึกจิต
    เพื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว จิต จะมีกิเลสเดิมๆ พฤติจิตเดิมๆ จึงเกิดรอยกรรม
    รอยเกวียนเดิมๆ และจิตเมื่อออกจากร่างแล้ว ยังคงทำแบบเดิมๆ เช่น ไม่
    มีร่างเนื้อ แล้วยังคิดว่าตนต้องกินอีก ยังหิวอีก (ไม่รู้กินไปทำไม-เพราะ
    อวิชชา ทำให้หลงคิดว่าต้องทำแบบเดิมๆ เพื่ออยู่รอดนั่นเอง) ดังนั้น
    เราจึงเห็นวิญญาณเร่ร่อนขอส่วนบุญมากมาย (ถ้ามีตาที่สามจะเห็นได้)

    3. เมื่อวิญญาณมากมายก่ายกอง จำต้องมีการ "จัดการ" จึงมีการสร้าง
    ภพ-สวรรค์ ขึ้นมา รองรับดวงจิตวิญญาณต่างๆ นรก ที่แย่อย่างนั้นเพราะ
    ดวงจิตแย่ๆ ถูกจับไปรวมกันแล้วยัดร่วมกันไว้ จึงก่อกรรมกันเองอย่างรุน
    แรง มีทั้งดวงจิตที่คิดว่าตนจะต้องลงโทษคนอื่น จึงไม่มีการห้ามการทารุณ
    กัน จวบจนสิ้นสภาพ คือ วิญญาณสูญ จิตจะเคลื่อน (จุติจิต) ไปยังภพอื่น
    ในที่สุด นี่จึงเป็นเหตุให้ต้องมนรกมารองรับ และช่วยให้เกิดใหม่เร็วขึ้น


    นี่เท่าที่ผเข้าใจนะ ศึกษามาเท่านี้ จะศึกษาต่อไป ยังขอเสนอเป็นทฤษฎีก่อน
    -------------------------------------------------------------------
     
  6. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    อิทธิฤทธิ์และบุญบารมีสามารถสร้างภพได้ สร้างสวรรค์ได้
    เช่น ผลแห่งบุญบารมีของพระอมิตาภะก็ก่อเกิดสุขาวดี
    เฉกเช่น เวลาเราสร้างผลบุญ ยังทำใหเกิดวิมานของเราบน
    สวรรค์ได้ฉันใด พระโพธิสัตว์ที่ตั้งความปรารถนาจะใช้ผล
    บุญบารมีของตนไปสร้างสวรรค์บ้างก็เป็นได้ฉันนั้น

    อย่าลืมว่าพระโพธิสัตว์สะสมบุญบารมียาวนานมากมายก่ายกอง
    ถ้าจะนับเป็นวิมาน ก็ยิ่งกว่าบ้านเรือนคนบนโลกนี้รวมกันอีก ดัง
    นี้ ไม่ยากที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ หากไม่หยุดบำเพ็ญบุญบารมี

    อิทธิฤทธิ์ ของพระพุทธะ องค์ก่อนๆ สูงมาก การจะสร้างขอบเขต
    ป้องกันและเกิดเป็นนรกสวรรค์ก็ไม่ยากเช่นกัน
     
  7. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เป็นเรื่องของผลบุญ กรรม และการจัดการจักรวาล ที่ทำมายาวนาน
    ตั้งแต่พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของจักรวาลนี้ ก็ได้รับแนวทางนี้มา
    จากจักรวาลอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีที่สุดแห่งการเกิด และการดับ


    ไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก ไม่ใช่กุศโลบาย หรือมหาอุบายแต่อย่างใด
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ตอบคุณเจ้าของกระทู้

    ข้าพเจ้าสอนเฉพาะสิ่งที่มีในตัวเท่านั้น สิ่งที่ไม่มีในตัวข้าพเจ้าไม่สอน
    คุณไม่ต้องถามว่าข้าพเจ้าทำได้หรือไม่ คำตอบอยู่บรรทัดแรก และคุณควรหาคำตอบจาก
    กระทู้ " การเกิดโรคจิตประสาท"
    "ศีล สมาธิ ปัญญา"
    "ธรรมะชั้นพื้นฐาน"
    มรรคผล ชั้นพื้นฐาน ตอนที่ 1 ,2 ล,3

    อ่านเอาเองก็จะรู้คำตอบและจะได้ไม่หลงผล คิดว่าไม่มีตัวกู ไม่มีของกู
    เพราะถ้าคิดอย่างนั้น ทางจิตเวชศาสตร์ เขาถือว่า เป็นโรคจิตประสาทชนิดหนึ่ง
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ตอบคุณเจ้าของกระทู้

    ข้าพเจ้าสอนในสิ่งที่มีในตน คือตนเองทำได้ จึงจะสอน ไม่อย่างนั้นจะประกาศตนว่า เป็น "ศรีอารียะเมตไตย" ได้อย่างไรละ
    ส่วนคำตอบอื่นๆ คุณหาอ่านจาก กระทู้ในเวบพลังจิตนี้ คือ

    "ระลึกชาติได้"
    "ศีล สมาธิ ปัญญา"
    "ธรรมะชั้นพื้นฐาน"
    "มรรคผล(สติ สัมปชัญญะ) ชั้นพื้นฐาน ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3

    อนึ๋ง บุคคลใดก็ตาม หากมีความคิดที่รุนแรง ว่า ไม่มีตัวกู ของกู ทางจิตเวชเขาถือว่า เป็นโรคจิตประสาทขอรับ (เฉพาะความคิดที่รุนแรงนะขอรับ)
     
  10. babifun

    babifun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +81
    ผมว่านั้นอาจเป็นเพราะความไม่ถึงพร้อมนะครับ
    ก็เลยทำให้พื้นฐานไม่ดีเป็นผลให้ล้มง่ายๆ
    เช่นในบ้านยังขายหวย เล่นการพนัน
    แต่คนในบ้านอ่านหนังสือธรรมมะ
    ฝึกจิตไปด้วยแจกไพ่ไปด้วย อย่างนี้ผมว่าอันตราย
    หรือแม้กระทั่งคนที่อยู่เฉยๆแต่เคยทำความชั่วในอดีตชาติ
    ผลกรรมยังวนเวียน อันนี้ก็อันตรายเช่นกัน
    ต้องเริ่มกันที่0ใหม่ฐานแห่งความเข้าใจธรรมจะได้แข็งแรง
     
  11. jinnivan

    jinnivan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +250
    คำถามเป็นสิ่งดี และคำถามบางคำถามยากจะหาคำตอบ และอย่าเชื่อคำตอบใดๆโดยการต่างๆ ปฏิบัติเอง เข้าใจเอง เห็นเอง นับเป็นยอด
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ๋อ..มันเป็นเช่นนี้เองหรอกหรือครับ
    ผมค่อนข้างจะรู้จักคุณ 12ปันนามานานแล้ว
    ผ่านทางข้อเขียนต่างๆ..
    และค่อนข้างเชื่อมั่นในภูมิจิตภูมิธรรมของท่านนี้..

    ดังนั้น..ข้อความที่คุณ 12ปันนา เขียนไว้นี้
    ผมก็ว่าควรที่ท่านผู้อ่านจะนำไปพิจารณาด้วยนะครับ
     
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post207669 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>12punna<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_207669", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 05:24 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2005
    สถานที่: siamnipparn@hotmail.com
    ข้อความ: 272 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 143 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,951 ครั้ง ใน 205 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 292 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_207669 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] ความลับห้องอภิญญา 8 ที่บ้านสายลม
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง อิอิ ^^

    มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง วันนั้นไป เจริญ อภิญา 8 ทีบ้านสายลม
    เริ่ม ฝึก 12.30น แต่ ผมไป นั้งรอ 11.30 น คนก็เริ่ม เข้ามา
    จับจองที่ ที่ริมกำแพง (ส่งสัยกลัวเมื่อย) ไอ้กระผม ก็ เป็นคน ปวดหลัง
    บ่อยๆๆ แต่หา ที่ริม กำแพง ไม่มีเยย เลยนั้ง มันกลางห้องเลยนั้นละ

    ตรงด้านหน้า ก็จะมี โต๋หมู่บูชา กำแพงจะมีรูปหลวงพ่อ พระฤาษีลิงดำ
    ใน ระหว่างที่นั้ง กลางห้องหน้าๆๆ ไอ้จิต ที่เรียกว่า จิตทิพ ของเรา มันก็ดัน
    ทำงานทันที บอกให้ไป นั้ง อีกมุมๆๆทาง ซ้าย เพราะ จะใกล้ครู ไอ้เรา
    ก็ไม่สงสัยใน จิต ก็เดินไปนั้ง ตรงที่จิต มันอยากนั้ง ก็นั้งไปเรื่อยๆๆ ก็เบื่อๆๆ
    เลย หลับตา ใช้จิต ตรวจสอบ ห้องนี้เล่นๆๆดู แว้ปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เห็นหลวงพ่อ ฤาษียืน ทางด้านซ้าย หลวงปู่ปาน ยืนด้านขวา คนละฝั่ง
    ไอ้เรา ก็จ้อง แต่หลวงพ่อ หลวงพ่อเรียก ผมว่า ไอ้................ (ขอสงวนชื่อ นะ ไม่อยากพูด) แล้ว ท่านก็หัวเราะๆๆ พอเจอท่าน ผมรู้สาเหตุเลย ว่าทำไม จิตผมให้ มานั้งตรงนี้ เพราะหลวงพ่ออยากให้ ผมอยู่ใกล้ ครู พอหยุดคุย
    กับหลวงพ่อสักพัก ตรงหน้าโต๋หมู่บูชา ก็เห็น เทพ 4 พระองค์ ยืน อยู่ น่าจะเป็น ท่านท้าวมหาราช เห็นท่านยืนอยู่ 4 พระองค์ จิต ก็อยากรู้อีกว่า รอบๆๆ ห้อง
    มีอะไรไหม ก็ รับรู้ได้ว่า เทวดา มาตรึม มาเยอะมากๆๆ มานั้งรอบๆๆ บ้าง
    แทรก ตามคนนั้งบ้าง
    สักพัก ครูฝึกมา ถึง กรรม มานั้ง ข้างหน้าผมเลย โดยที่ไม่ได้นัดหมาย

    พอทุกคน เริ่มนั้ง กัน เต็มห้อง ก็ สังเกตุ เห็น หลวงพ่อ ท่าน เดิน ไปรอบๆๆ
    คนที่ มาฝึก ญาน8 เห็นท่าน เดินไป ดู คนที่มาฝึก รอบๆๆ ตอนนี้ไม่ได้สังเกตุ
    หลวงพ่อปาน แต่รู้ว่าท่าน ยืนอยู่

    เล่าแค่นี้และ เล่าสู่กันฟัง เออๆๆ ลืมบอกไป ในระหว่างที่ฝึก อะนะ
    เห็นมี เทวดา มารอบๆๆกาย คนที่ฝึกด้วย แต่ละคน มีมากบ้าง น้อยบ้าง
    ไม่เท่ากัน แต่ผมมี 4 องค์เอง อยู่รอบๆๆ นั้งแทรกอยู่

    เล่าสูกันฟัง

    หรือ ใครเห็นอะไรมากกว่านี้ มาเล่าได้นะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จาก
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=29939
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2007
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post6145 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อู่เย่<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6145", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 17-11-2004 12:31 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2004
    สถานที่: ภาคกลาง
    ข้อความ: 72 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 48 ครั้ง ใน 27 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 45 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_6145 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สิ่งที่ผมเห็น
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมนึกถึง ครูณฐมณฑ์ ผมเห็นเป็นห้องสมุด(หนังสือ)

    ผมนึกถึงโยทะกา ผมเห็นบึงน้ำใสรู้สึกได้ว่าเย็นมาก

    ผมนึกถึงเวบสโนว์ ผมเห็นการตีลังกากลับหลังบ้างไปหน้าบ้างเพชรเต็มตัว

    ผมนึกถึงศดานัน ผมเห็นนางแก้วจากอุตรกุรุทวีป

    ผมนึกถึงคุณบรรพต ท่านอนุญาติก่อนผมจึงกล้าบอกได้

    ผมนึกถึงพี่แม่บ้านMBNY ผมเห็นว่าท่านเป็นพระมเหสีเต็มยศ

    ผมนึกถึงคุณฉิม ผมเห็นท่านเป็นพรหมหรือเทวดา(ไม่แน่ใจ)ถือสมุดสี
    ทองเขียนว่า กฎ กติกา มารยาท

    ยินดีที่รู้จักทุกท่านครับเราเดินไปเส้นทางเดียวกันคือสนุกด้วยมีธรรมด้วยสำหรับเวปพลังจิต
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    ยังเลวอยู่จึงหวังมาขัดเกลา
    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post8405 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ณฐมณฑ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8405", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 25-04-2006 06:18 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: สุวรรณภูมิ
    ข้อความ: 307 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 666 ครั้ง ใน 138 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 131 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_8405 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->Re: สิ่งที่ผมเห็น
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">Originally posted by อู่เย่
    ---------------------------------------------------------------

    ผมนึกถึงคุณฉิม ผมเห็นท่านเป็นพรหมหรือเทวดา(ไม่แน่ใจ)ถือสมุดสี
    ทองเขียนว่า กฎ กติกา มารยาท

    ยินดีที่รู้จักทุกท่านครับเราเดินไปเส้นทางเดียวกันคือสนุกด้วยมีธรรมด้วยสำหรับเวปพลังจิต
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณฉิมถามดิฉันหลายครั้งแล้ว
    ดิฉันเลี่ยงที่จะทำนายจาก_าณมาตลอด
    แต่คราวนี้ถือว่าเป็นกรณียกเว้นสักครั้งนึงนะคะ เพราะจำได้เมื่ออ่านข้อความนี้ของคุณอู่เย่
    ขอตอบแบบ..."เม็ดเดียว ครั้งเดียว"เลียนแบบยาถ่ายพยาธิบางยี่ห้อนะคะ
    ว่า...
    เคยคุ้นๆ ว่าคุณฉิมเคยเป็นเทพในยมโลก มีหน้าที่ดูแลระบบระเบียบอะไรบางอย่างในแดนนั้น
    บางชาติเคยเป็นคนเพศชายที่เป็นทหาร

    ไม่จำเป็นต้องเชื่อดิฉันนะคะ ดิฉันตอบตามที่เคยสัมผัสได้
    แต่อย่างไรก็ยังตั้งใจว่าจะไม่ตอบเรื่องทางโลกจาก_าณอีกนะคะ
    บังเอิ_ว่าข้อนี้มาเห็นข้อความของคุณอู่เย่แล้วเห็นว่าคล้ายกับที่ดิฉันทราบมา
    ก็เลยแวะมาซะหน่อย...
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post8424 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>telwada<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8424", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:47 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: 31 Mau 1 sansai T. sansailaung A.Muang chiangrai
    ข้อความ: 960 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 650 ครั้ง ใน 348 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 194 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_8424 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->แล้วคุณไม่เห็นตัวคุณหรือ ถ้าไม่เห็นก็หัดมองตัวคุณ ก่อนที่จะมองคนอื่นนะคุณ มองให้เห็นตัวคุณทุกกระเบียดนิ้วเลยนะคุณ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    telwada
    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post8596 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 09-11-2004, 01:03 AM <!-- / status icon and date --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post8596 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อู่เย่<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8596", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 17-11-2004 12:31 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2004
    สถานที่: ภาคกลาง
    ข้อความ: 72 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 48 ครั้ง ใน 27 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 45 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_8596 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คุณโมฆบุรุษมีพลังแสงวงกลมประกายขนเม่นแหลมๆอยู่เบื้องหลังสว่างขาวจ้ามาก เป็นแบตเตอรี่ของคุณแต่ยังไม่ต่อสายถ้าต่อสายแล้วคุณจะเหาะเหิรเดินอากาศยังถือว่าเล็กน้อยและคุณเป็นเจ้าชายสง่างามมาก

    กระเจียวรู้จักย่าประภาศรีไหมถ้าไปวัดท่าซุงให้เช่าบูชามา 1 องค์แล้วหนูจะทำสมาธิแบบสอบเทียบ บูชาแบบเคารพรักด้วยใจจริง

    คุณเทวดาต้องการเป็นพุทธองค์หรือครับต้องเรียนรู้ทั้งภพเบื้องบนและเบื้องล่างนะครับผมขอผ่านนะที่อยู่ด้านหลังคุณเล็บยาวถึงพื้นเลย

    คุณปาริสัชชาผมขอกราบคุณงามๆก็แล้วกันครับ

    คุณธนาสิ่งที่คุณต้องการนั้นถึงครับ ได้ครับ โมทนาครับขอขมาพระรัตนตรัยทุกวันนะครับผมก็ขอขมาทุกวันครับ ไม่ทราบว่าเคยอาราธนาขอกรรมฐานทุกวันไหมครับ ดูหนังสือขอกรรมฐานหลวงพ่อนะครับ

    คุณบรัชเส้นทางนี้เดินคนเดียวนะครับ

    คุณพลอยครับช้ำนักรักนี้แต่ดีได้ธรรมครับ(ไม่เห็นทุกข์หรือจะหาธรรม)

    เวปสโนว์อีกซักทีน่าให้บริจาคเงินสร้างทางสั_จรไปมาอะไรก็ได้แล้วอธิฐานขอให้การงานราบรื่นในปัจจุบัน

    มิสกี้เคลลี่ มีครูดีไม่ต้องแนะนำเลยฮ่าฮ่า

    บัวใต้น้ำติดอยู่ขั้นนี้มานานแล้ว "ลูกหลานของฉันตอนอยู่อาจจะโต๋เต๋ไปบ้างแต่ตายแล้วลูกหลานฉันไปนิพพานหมด" (ใครพูดเนี่ย)

    สตาร์แพลทตินั่มที่จริงต้องมีเดอะเวิลด์ด้วยนะครับเพราะว่าหยุดเวลาได้
    ดีครับเล่นฌาณสมาบัติทุกชาตินะครับ

    คาเมนไรเดอร์เลือกหรือยังครับจะเป็นพุทธ,ปัจเจก,หรือสาวกเล่นไปเรื่อยๆอย่างนี้เสียเวลาต่อเป้าหมายนะครับ บารมีเต็มโอ่งแล้วเลือกแบบคำตอบสุดท้ายไปเลย ไม่มีตัวช่วยห้ามเปลี่ยนคำตอบ

    เป็นความรู้สึกนะครับจะมากะเกณฑ์เอาผิดเอาถูกก็ไม่ได้ซะด้วยคิดว่าลมพัดมาแล้วก็พัดไป ใจเย็นๆเหมือนน้ำสบายจริงๆ
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post8606 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">09-11-2004, 01:16 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #11 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>[​IMG] WebSnow<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8606", true); </SCRIPT>
    เว็ปมาสเตอร์ (วีระชัย)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:02 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: London, England
    อายุ: 32 ปี
    ข้อความ: 6,023 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 884 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 20,662 ครั้ง ใน 3,072 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 5000 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_8606 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อู่เย่ มีตาทิพย์ดูได้แม่นเลยนะ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    Back in action


    ------------------------------------------------

    ผมมียศถาบรรดาศักดิ์ ชื่อแบบเต็มๆ
    พล.อ. ศ.ดร. นพ. ผอ. รด. นร. ดช. อภิมหาอมตะ WebSnow เร็วกว่าแสง แซงหน้าใคร ขวัญใจสาวๆ จากจักรวาลคู่ขนาน อภินิหารสุด
    <!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("8606")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG] <!-- End Post Thank You Hack -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 8606 popup menu -->
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>WebSnow</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ WebSnow</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่ง Email ถึง WebSnow</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Visit WebSnow's homepage!</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ WebSnow</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>เพิ่ม WebSnow ในรายชื่อคู่หูของคุณ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / post 8606 popup menu -->
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post8825 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">09-11-2004, 04:39 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #33 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>มารวิกะ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_8825", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 24-05-2007 12:12 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: ใกล้ๆเขาพระงาม
    ข้อความ: 168 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 174 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 145 ครั้ง ใน 51 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 64 [​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_8825 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ว่าแต่เล็บยาวถึงพื้นคือ???
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("8825")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG] <!-- End Post Thank You Hack -->[​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post9400 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">11-11-2004, 12:39 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#79 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ลูกพระ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_9400", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 10-01-2007 05:36 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2004
    สถานที่: Bangkok
    ข้อความ: 22 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 14 ครั้ง ใน 4 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_9400 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขออนุญาตสอบญาณนะ พอดีพี่เคยดูไว้เอง กลัวตนเองอุปาทาน ดังนี้
    1. คุณยายพี่ตอนนี้อยู่ภพไหน หรือรู้อะไรมากกว่านี้ลองบอกนะ
    2. แม่แฟนพี่ ตอนนี้อยู่ไหนครับ

    คุณกำลังคล่องๆ ลองดูนะ จะได้ก้าวหน้าพร้อมๆ กัน ผมจะไล่ตามล่ะ รู้สึกจะแซงหน้าไปซะแล้ว ฮ่าๆๆ
    <!-- / message -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...