เพื่อการกุศล ((เริ่มแล้ว..มหากุศลครั้งใหญ่"เจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี"ถวายแด่ ลต.อภิชาตบุตร(ลป.สุมา สัจจฺวโร)เริ่มหน้า11ครับ))

ขอบุญรักษา...ตลอดกาลครับ...สาธุ

 

วันนี้ได้รับพัสดุ EP070976472TH และวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้วนะครับ
ขออนุโมทนา และขอบพระคุณครับ

 

บุญใหม่มาแล้วครับเพื่อนสมาชิกนักบุญที่เคารพทุกท่าน
-------------------------------------------------------------------------------------------
...เมื่อวาน (10 ม.ค.59) มีโอกาสพาครอบครัวไปกราบคารวะหลวงตาอภิชาตบุตร(ลป.สุมา สจฺจวโร)หลังจากที่ผมได้ลาสิกขาบทจากวัดนาหลวงมาเป็นครั้งแรก ของปี 2559 เพื่อการเริ่มต้นใหม่ที่ดี..หลวงตาท่านให้พร ปะพรมน้ำมนต์ให้ และผูกแขนให้..รู้สึกมีพลังจิตพลังกาย กำลังใจที่จะต่อสู้กับทุกภาระงานอย่างเต็มที่ครับ...
...เมื่อสนทนากับหลวงตาพักใหญ่..ท่านก็ได้นำล็อกเก็ตรุ่นแรก"รุ่นอภิชาตบุตร" ที่เราท่านทั้งหลายได้ร่วมทำบุญเจ้าภาพกฐินไปแล้ว ส่งท้ายปี เมื่อเดือน พ.ย.2558 ที่ผ่านมา ซึ่งหลวงตาบอกว่า "ยังเหลือล็อกเก็ตอีกจำนวนหนึ่ง ที่เก็บเอาไว้ให้โยมครูป้อม เพื่อไปแจกญาติพี่น้องเจ้านายลูกน้อง ผูกมิตรไมตรีกันเอาไว้ และเป็นการสร้างบุญสร้างบารมีอีกด้วย" หลวงตาท่านว่าครับ และหลวงตาท่านเก็บไว้ให้ก่อนผมจะลาบวช นำมามอบให้ผมมานับได้จำนวน 54 องค์พอดี
...เลยเรียนกับหลวงตาท่านว่า..."ลูกได้นำของขวัญของที่ระลึกไปแจกไปมอบให้บุคคลอันเป็นที่รัก หมดแล้วล่ะครับหลวงตา...จึงขออนุญาตนำมงคลส่วนที่มีอยู่นำออกมาให้เพื่อนได้ทำบุญ สร้างบุญ สร้างบารมีกันน่าจะดีกว่า"

เพราะก่อนผมลาบวช หลวงตาท่านได้ปารภกับผมว่าจะต่อเติมศาลาการเปรียญอยู่ และพาไปดูพื้นที่ที่จะก่อสร้าง ในคราวก่อน และตอนนี้ได้เริ่มลงมือก่สร้างแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ...

"ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น นำมาถวายหลวงตา..เพื่อร่วมสร้างฯในครั้งนี้จะดีกว่า..."
...หลวงตาท่านก็อนุญาตตามนั้น ไม่ว่าอะไรเพราะได้มอบคืนให้แล้ว "ก็แล้วแต่จะไปดำเนินการกัน...หากนำไปทำอย่างที่บอกมา..หลวงตาก็ขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้กับญาติโยมที่จะร่วมบุญตามศรัทธากันเด้อ โยมลุกครูป้อม..."

นี่เป็นที่มาของสะพานบุญในครั้งนี้..ที่ผมขออนุญาตนำเรียนมาเพื่อทราบที่มาที่ไปโดยทั่วกันครับผม
--------------------------------------------------------------
จึงถือโอกาสเรียนเชิญแจ้งข่าวบอกบุญมาในกระทู้เก่ากระทู้เดิมนี้ เพื่อร่วมด้วยช่วยกันอีกครั้งครับ...บริจาคทำบุญสมทบปัจจัยร่วมสร้างต่อเติมศาลาการเปรียญ วัดป่าดอนนาวศรีสามัคคีธรรม ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เพื่อร่วมสะพานบุญ สร้างสะสมบุญบารมีกันนะครับ และขออนุโมทนาบุญ ในครั้งโดยทั่วกันครับ สาธุ
(ปัจจัยจะนำถวายหลวงตา..เพื่อร่วมสร้างทั้งหมดครับผม)

ปัจจุบันกำลังก่อสร้าง ยังไม่แล้วเสร็จครับ

นับเป็นจังหวะบุญพอดิบพอดีที่เราจะได้ร่วมสร้างกันครับ

​

 

มงคลล็อกเก๊ตรุ่นแรก"รุ่นอภิชาตบุตร"ที่หลวงตาท่านมอบคืนให้ครับ


-ให้ทำบุญชุดละ 550.- รวมค่าจัดส่ง EMS แล้วครับ (1 ชุดมี 3 องค์ครับ)
-มีจำนวน 18 ชุดเท่านั้นครับผม
-โพสต์แจ้งความประสงค์ในกระทู้ หรือโทรแจ้งนะครับ
-ขออนุญาตจัดเป็นชุดหมายเลขตามภาพที่โพสต์นะครับ เปลี่ยนแปลงไม่จ้า
-โอนร่วมบุญได้ถึงสิ้นเดือนนี้ 31 ม.ค.2559 หรือจนกว่าจะหมดครับ
-โอนร่วมบุญตามรายละเอียดข้างล่างนี้ครับ

​

 

<table align="center" border="0" cellpadding="5" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="style3" background="../picture/bg.png">

อานิสงส์สร้างศาลา​

</td> </tr> <tr> <td class="style3">

​

อารัมภกถา
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้ความหมายของคำว่า ศาลา ว่า ศาลา น. อาคารที่ปลูกสร้างเป็นห้องโถงเพื่อใช้เป็นที่พัก หรือเพื่อประโยชน์ การงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ศาลาที่พัก ศาลาการเปรียญ ศาลากลาง ศาลากระทรวงมหาดไทย. (ส.).
ในสมัยพระพุทธกาล ข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุ ว่าด้วยสันโดษด้วยปัจจัย ๔ ของพระภิกษุ ได้แก่ การครองผ้าบังสุกุล ฉันอาหารที่ได้มาจากการบิณฑบาต อยู่เสนาสนะโคนไม้ และยาน้ำมูตรเน่า เข้าใจว่าเดิมทีพระภิกษุไม่นิยมที่จะพำนักอาศัยอยู่ในบรรณศาลา (ที่สำนักของฤๅษีหรือผู้บำเพ็ญพรตเป็นต้น ถือกันว่ามุงด้วยใบไม้) แต่คงจะอาศัยโคนต้นไม้เป็นที่พำนักอาศัย ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คัมภีร์พุทธวงศ์ กล่าวถึงโทษ ๘ ประการของบรรณศาลา คือ การที่สร้างให้สำเร็จจำต้องใช้เครื่องสัมภาระมาก ๑ จะต้องบำรุงอยู่เป็นนิตย์ ๑ คิดเสมอว่า ขึ้นชื่อว่าเสนาสนะจักทรุดโทรมไป ๑ ต้องทำนุบำรุงถนอมร่างกายเพราะกระทบเย็นร้อน ๑ ต้องปกปิด คำครหาที่ว่า ผู้ที่เข้าไปในเรือนอาจทำชั่วอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ๑ มีความหวงแหนว่านี้เป็นของเรา ๑ ต้องนึกอยู่เสมอว่า นี้บ้านเรือนมีอยู่อย่างผู้มีเพื่อน ๑ และเป็นที่อาศัยอยู่ทั่วไปของสัตว์ทั้งหลาย เช่น เล็น หมัด เลือด จิ้งจกเป็นต้น ๑ การที่มีการกล่าวโทษ ๘ ประการของบรรณศาลาด้วยเห็นว่าเป็นโทษนั้น พระภิกษุในสมัยพุทธกาลคงจะพำนักอาศัยในศาลาเฉพาะแต่ในเวลาเดินทางเท่านั้น ธรรมเนียมนี้ยังคงเป็นวัตรปฏิบัติของพระภิกษุในกลุ่มคนไทยในสมัยยุคแว่น แคว้น ดังเช่นความในจารึกวัดศรีชุม อายุประมาณพุทธศักราช ๑๘๘๔–๑๙๑๐ พบในอุโมงค์วัดศรีชุม อำเภอเมือง สุโขทัย คำจารึกด้านที่ ๑ กล่าวถึงพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีรัตนลงกาทีป มหาสามีเป็นเจ้า ซึ่งเป็นบุตรของพระญาคำแหง (พระราม) และเป็นหลานของพ่อขุนผาเมือง
การสร้างศาลาในทศชาดกเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระมโหสถ กล่าวถึงศาลาและสระโบกขรณีที่มโหสถกุมารเรี่ยไรเงินจากพวกกุมารที่เป็น สหชาติกันเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เพื่อใช้ประโยชน์แก่สมณะชีพราหมณ์ คนท่องเที่ยวเดินทางได้ใช้เป็นที่พำนักพำนักขณะเดินทาง และใช้เป็นที่แสดงโอวาทสั่งสอน ตัดสินคดีความแก่คนทั้งหลาย ความพิสดารใหญ่โต และสวยงามของศาลาและสระโบกขรณีที่มโหสถกุมารสร้างว่า เปรียบเสมือนดั่งนันทอุทยานในสวรรค์ดาวดึงส์
เนื้อความในเรื่องทศชาดกตอนที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร เมื่อพระมหาสัตว์เสด็จอยู่ในครรภ์พระมารดา พระนางผุสดีกล่าวทูลขอพระเจ้าสัญชัยว่าพระองค์ต้องการที่จะสร้างศาลาโรงทาน ขึ้น ๖ แห่ง ปลูกไว้ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ ที่ใจกลางเมือง และที่ประตูพระราชนิเวศน์ รวมเป็น ๖ แห่ง เรียกว่า “ฉทานศาลา” และให้บริจาคพระราชทรัพย์วันละหกแสนกหาปณะเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน พระเจ้าสัญชัยตรัสถามนิมิตกับเหล่าปุโรหิตย์ถึงความปรารถนานี้ว่าเป็นเพราะ อะไร พราหมณ์ผู้รู้พยากรณ์ว่า การที่พระนางผุสดีประสงค์ที่จะสร้างฉทานศาลานี้แสดงถึงพระนิมิตว่า ผู้ที่มีความยินดียิ่งในทานจะมาอุบัติในครรภ์ของพระนางผุสดี คือ พระโพธิสัตว์ที่จะทรงเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรนั้นเอง
ธรรมเนียมการสร้างศาลาแพร่หลายไปยังกลุ่มชนต่าง ๆ ที่นับถือศาสนาพุทธ ปรากฏเนื้อความในจารึกสุรินทร์ ๒ บันทึกด้วยอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึงในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ.๑๗๒๔–๑๗๖๑) แห่งอาณาจักรขอมพระนคร พระองค์ทรงโปรดให้สร้างอโรคยาศาลา (โรงพยาบาล) ขึ้นเพื่อประโยชน์ของอาณาประชาราษฎร์
ยังมีศาลาประเภทหนึ่งในล้านนาเรียกว่า ศาลาบาตร เป็นศาลาที่สร้างเป็นหลัง ๆ อยู่ข้างพระวิหาร สำหรับพระสงฆ์วางบาตรไว้เพื่อให้ศรัทธาตักบาตรโดยไม่ต้องรอให้พระมาบิณฑบาต เอง ธรรมเนียมการสร้างศาลาบาตรไว้ในวัดนี้ มีเนื้อความในจารึกเจ้ามหาวงศ์ฯ ซ่อมพระธาตุแช่แห้ง พ.ศ. ๒๓๘๙ กล่าวถึงเจ้ามหาวงศ์ฯ เจ้าเมืองน่าน ทรงเป็นประธานในการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระมหาชินธาตุ พระวิหารหลวง และศาลาบาตร
อานิสงส์ของการสร้างศาลาถวายเป็นทานนั้น ปรากฏเนื้อความในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายอปทาน ตอน สมาทปกเถราปทาน ความว่า
พระสมาทปกเถระ เมื่อยังอยู่ในสำนักพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ได้บำเพ็ญกุศลสมภารสั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ครั้งหนึ่งได้ประชุมหมู่อุบาสกเพื่อจะช่วยกันสร้างกูฏาคารศาลาเรือนยอดถวาย พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ด้วยบุญนั้น ตายแล้วได้ไปเกิดในเทวโลก เสวยสมบัติในกามาวจร ๖ ชั้น ต่อมาไปเกิดในมนุษยโลก ได้เสวยจักรพรรดิสมบัติ และในพุทธุปบาทกาลนี้ จะได้ฟังธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเกิดศรัทธาออกบวช เป็นผู้ที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยศีล วัตรปฏิบัติ ได้บรรลุคุณวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ได้บรรลุพระอรหัต ก็เพราะได้สร้างกูฏาคาร ศาลาเรือนยอดถวายพระพุทธเจ้านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีเนื้อความเกี่ยวกับการสร้างศาลาถวายเป็นทานในตอนอา ยาคทายกเถราปทาน กล่าวถึงพระอายาคทายกเถระครั้งเมื่อเกิดในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า สิขี พระอายาคทายกเถระมีความเลื่อมใสในพระศาสนา ได้ว่าจ้างนายช่างให้สร้างศาลาโรงฉันถวายเป็นทานแด่พระพุทธเจ้า เมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในเทวโลกนาน ๘ กัป เมื่อไปเกิดในมนุษยโลกก็ได้เป็นพระจักรพรรดิ ๓๐ ครั้ง สุดท้ายมาเกิดในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็จะได้บรรลุคุณวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ได้บรรลุอรหัตผลก็ด้วยสร้างศาลาโรงฉันถวายเป็นทานนั้น
ความเชื่อเรื่องอานิสงส์การสร้างศาลาถวายเป็นทานนั้น ในอาณาจักสุโขทัยก็มีคติความเชื่อในเรื่องนี้ ปรากฏเนื้อความที่เกี่ยวกับคติความเชื่อในเรื่องของบุญที่ได้จากการสร้าง ศาลาถวายเป็นทานในศิลาจารึกออกแก้วไสดำ (พุทธศตวรรษที่ ๒๑) สันนิษฐานว่าอายุอยู่ในปี พ.ศ. ๒๐๔๖ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง สุโขทัย เนื้อความกล่าวถึงอุบาสิกา ผู้หนึ่ง ชื่อว่า “ออกแก้วไสดำ” สร้างศาลา อาสนะเครื่องลาด และเจดีย์ถวาย แสดงถึงคติความเชื่อในเรื่องของบุญ ความปรารถนาของผู้สร้างขอให้ได้เป็นแม่พระ (พุทธมารดา) ตนหนึ่งในอนาคต
อานิสงส์ของการสร้างศาลาตามคติความเชื่อของชาวล้านนาก็ไม่แตกต่างไปจาก ชาวสุโขทัยมากนัก ดังเนื้อความในคำโอกาสเวนทานสร้างศาลาสำนวนหนึ่ง กล่าวถึงคำอธิษฐานขอให้กุศลที่ได้ถวายศาลาเป็นทาน ส่งผลให้ได้ไปเกิดในที่ที่ดี ที่ประเสริฐ ปราศจากคนพาลไปในทุก ๆ ชาติ (ไม่ได้พบซ่องเสพกับคนพาล) ได้พบพระนิพพาน
ชาวล้านนามีคติความเชื่อในเรื่องของการทำบุญประจำปีเกิด คือการถวายหรือมีส่วนร่วมในการถวายของบุคคลที่เกิดในปีชวดหรือปีไค้ (ไค้) ว่า พึงถวายหรือมีส่วนร่วมสร้างถวายศาลาและบ่อน้ำเป็นทาน และบุคคลที่เกิดในปีขาลหรือปียี (ยี)ว่า พึงถวายหรือมีส่วนร่วมสร้างถวายศาลาบาตรเป็นทาน
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่าอาณาจักรโบราณที่มีมาก่อนในดินแดนแห่งนี้ รวมทั้งอาณาจักรสุโขทัยและล้านนา ต่างก็มีธรรมเนียมในการสร้างศาลาไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ทั้งเพื่อบุคคลทั่ว ไป และเพื่อสมณะชีพราหมณ์ที่ใช้เป็นที่พำนักอาศัยค้างแรม ต่อมาจึงเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นการสร้างเพื่อประโยชน์ในทางพระศาสนา โดยมีคติความเชื่อในเรื่องอานิสงส์ของการสร้างศาลาเป็นทานเป็นส่วนสำคัญที่ ผลักดันให้ศาสนิกชนได้สร้างหรือมีส่วนสร้างศาลาถวายเป็นทานนั้นเอง

สาระสังเขปอานิสงส์สร้างศาลาฉบับวัดทุงยู

​

มีชายยากจนผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองโกสัมพี เก็บหญ้าและฟืนมาขายเลี้ยงชีพลูกและเมียตนในเมือง วันหนึ่ง มีคหบดีผู้หนึ่งได้สร้างศาลาและขุดบ่อน้ำไว้ข้างทางเป็นทานแก่ผู้สัญจรไปมา ชายยากจนเดินผ่านไปเห็นเช่นนั้นก็ถามท่านเศรษฐีว่าสร้างศาลาขุดบ่อนำเพื่อ ประโยชน์อะไร มีกุศลเช่นใด ท่านเศรษฐีกล่าวตอบว่า กุศลที่ได้จากการให้ทานรักษาศีลย่อมก่อให้เกิดทรัพย์สมบัติอันมาก เช่นเดียวกันว่าในกาลเมื่อก่อนตนคงจะได้ทำบุญให้ทานไว้มาก ชายยากจนได้ยินเช่นนั้นก็คิดได้ว่า ในกาลเมื่อก่อนตนคงจะไม่เคยได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา เมื่อเกิดมาในชาตินี้จึงเป็นคนยากไร้เข็ญใจ กลับมาถึงที่อยู่แล้วก็กล่าวกับเมียของตนว่าจะเอาตนเองออกขายเพื่อนำเงินที่ ได้มาสร้างศาลาเป็นทาน เมียชายยากจนก็กล่าวว่าให้ชายยากไร้เอาตนออกขายแทน เมื่อลูกของชายยากจนรู้เรื่องดังกล่าวก็ขอให้พ่อนำตนออกขายแทน ชายยากจนนำลูกตนไปยังเรือนของท่านเศรษฐีเพื่อที่จะขาย ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นก็ถามว่าจะขายให้เท่าใด ชายยากจนก็ว่าแล้วแต่ท่านเศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงจ่ายเป็นเงินค่าตัว ๕๐๐ กหาปณะให้แก่ชายยากจน ชายยากจนได้เงินแล้วก็รีบกลับ กล่าวกับเมียตนว่าจะสร้างศาลาขุดบ่อน้ำเป็นทาน สร้างเสร็จแล้วก็ให้ประดับด้วยช่อธง ประทีปธูป และดอกไม้ของหอมต่าง ๆ นิมนต์พระสงฆ์มาฉลองมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วก็ถวายข้าวบิณฑบาตทุกวันไม่ขาด เงินที่ได้จากการขายลูก ๕๐๐ กหาปณะ ก็ใช้ในการถวายทานครึ่งหนึ่ง ที่เหลือก็เอาไว้ใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนตราบสิ้นอายุขัย ส่วนท่านเศรษฐีก่อนตายก็ได้มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้วยกลูกชายของชายยากจน ให้เป็นเศรษฐีแทนตน ชายยากจนเมื่อตายไปแล้วก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนางฟ้าเป็นบริวารพันตน เช่นเดียวกับภริยาของชายยากจนก็ได้เสวยผลบุญอย่างเดียวกัน เมื่อกลับมาเกิดในมนุษยโลกก็ได้เกิดในตระกูลเศรษฐี ตายจากมนุษยโลกแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ กลับมาเกิดในมนุษยโลกก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ผู้ใดก็ดีสร้างศาลาขุดบ่อน้ำเป็นทาน ก็จะได้เกิดเป็นพระอินทร์ ๓๖ ครั้ง เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๖ ครั้ง บุคคลที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยทรัพย์ผู้อื่น ทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาอยู่เสมอ จะได้ถึงพระนิพพานแน่นอน ผู้ที่ได้สร้างศาลาขุดบ่อนำเป็นทานก็จะได้ฟังธรรมในสำนักพระศรีอาริยเมตไตรย ได้บวชบรรพชา และได้บรรลุพระอรหัต

(สรุปความจาก อานิสงส์สร้างศาลา ฉบับวัดทุงยู ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไมโครฟิล์ม ๗๘.๐๐๙.๐๑I.๐๔๒-๐๔๒)

</td> </tr> <tr> <td valign="top">

ผู้เขียน นายชัปนะ ปิ่นเงิน และนางสาวพรรณเพ็ญ เครือไทย
ภาพประกอบโดยนางสาวอารีรัตน์ เฟื่องวรธรรม

​

</td> </tr> <tr> <td class="style3"> </td></tr></tbody></table>

 

ชอบชุดไหน เลขอะไร เรียนเชิญนะครับผม มี 18 ชุดเท่านั้นครับ
กระซิบเบาๆ...ล็อกเก็ตรุ่นนี้...ปืนไม่แตกนะครับ...เป็นความสัจจ์ จากเหตุการณ์ชาวบ้านกิ่ว-ดงมะไฟ ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นหมู่บ้านอื่น และเล่นอาวุธหนักกัน เดชะบุญที่รอดชีวิตมาได้ เพราะปืนไม่ลั่นไม่ทำงาน...สาธุ...กราบขมาหลวงตานะครับ ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่เพื่อนๆฟัง...ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น แต่อยากให้ลูกศิษย์ลูกหาที่ยังไม่มีจะได้ไม่พลาดโอกาสได้มงคลดีๆและได้ร่วมบุญในครั้งนี้เป็นโชคปีใหม่ 2 ชั้นด้วยเลยครับ
rabbit_run_awayrabbit_run_awayrabbit_run_away
​

 

ขอร่วมบุญ ๓ชุดครับ(ชุดที่๔ ๗ ๘ครับ)

 

รับทราบบุญนี้จากท่าน j999 ขออนุโมทนาสาธุครับ ขอบุญที่ร่วมสร้างจงสำเร็จๆๆโดยพลันตามประสงค์เถิด...

 

ร่วมทำบุญชุดที่ 2 ครับคุณครู

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ..รบกวนแจ้งชุดที่.?..ด้วยนะครับท่าน redalert ขอบพระคุณมากครับ...เฮงๆรวยๆนะคร้าบบ

 

รายงานรายการ-ชุดที่เหลือ ในวงกลมจองร่วมบุญแล้วนะครับผม



;41;41;41;41
​

 

ขอโทษด้วยครับที่รูปภาพหน้ากระทู้ต้นหายไป...ผมฝากไฟล์ภาพเอาไว้หายไปเยอะเลย..เพื่อนๆอยากเห็นรูป เลยนำมาให้ชมกันใหม่นะครับ..

มวลสารสุดบรรยายครับผม...


แจ้งรายการที่เหลือล่าสุดครับ
ขออนุโมทนาบุญกับพี่นอกเว็ปที่โทรแจ้งประสงค์ร่วมบุญรายการที่ 6 และ 12 ขอให้เฮงๆรวยๆนะครับ...สุขภาพแข็งแรง...สุขสมหวังตลอดปีใหม่ 2559 และตลอดไปครับผม

 

ขอจอง 1 ชุดรายการที่7 ครับ

 

ร่วมบุญด้วยชุดที่ ๑๔

มีลูกอมเหลือสักลูกไหมครับ...

 

รับทราบบุญนี้จากท่าน wiruch99 รบกวนท่านเปลี่ยนแปลงรายการที่ 7 เป็นรายการอื่นนะครับ เพื่อนสมาชิกจองแล้วจ้า

รับทราบบุญนี้จากท่านอาณัติ...เดี๋ยวดูให้นะครับท่าน

 

รายงานรายการ-ชุดที่เหลือ
ในวงกลมจองร่วมบุญแล้วนะครับผม



;41;41;41;41​

 

ชุดที่ 2 ครับท่าน

 

จองชุดที่17ครับ

 

รายงานรายการ-ชุดที่เหลือ
ในวงกลมจองร่วมบุญแล้วนะครับผม


​

 

ว่าด้วย"ผงพรายกัญญา"ที่บรรจุเป็นมวลสารในมงคลชุดนี้ครับ

ทึ่ง!พระขุนแผนพรายกัญญา
อาถรรพ์จริง-แม่ค้าขอขายของดีสุดๆ
ผู้สื่อข่าวคัมภีร์นิวส์ รายงานว่า ขณะนี้มีข่าวฮือฮาในหมู่นักสะสมที่นิยมพระขุนแผนในจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากมีพระเครื่องเพิ่งออกมารุ่นหนึ่ง สร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้ที่นำไปใช้บอกต่อถึงอาถรรพ์จากการได้บูชาในเรื่อง โชคลาภ ค้าขาย และเมตตามหานิยมเป็นยอด เรียกขานกันว่า “พระขุนแผนพรายกัญญา” ซึ่งเป็นผลงานของ วัตรป่าเจ้าสัว จ.อุบลราชธานี ที่มี ญาคูจุณฑ์ หรือ พระอาจารย์จุณฑ์ เป็นประธานในการจัดสร้าง และกดพิมพ์ด้วยตัวท่านเองทั้งหมด
ศิษย์กล่าวว่า “พระขุนแผนพรายกัญญา” รุ่นนี้สร้างตามตำราโบราณกดพิมพ์ทีละองค์ภายในมณฑลพิธีวัตรป่าเจ้าสัว (ที่ไม่ใช้คำว่าวัด เพราะยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม) ที่ซึ่งพระคณาจารย์สายปฏิบัติเคยใช้เป็นที่ปลีกวิเวก ที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าช้า ถึงจะเป็นพระที่สร้างขึ้นไม่นาน แต่มวลสารไม่ธรรมดา มีความเป็นอาถรรพ์จนยากจะอธิบาย แต่บอกมาอย่างเดียวก็เสียวไส้แล้ว คือเถ้าผู้หญิงพรหมจรรย์ตายโหงวันเสาร์เผาวันอังคาร เหตุที่ต้องใช้เถ้า เพราะเป็นสิ่งที่รวมของอาการ 32 ของมนุษย์ ถือว่าเป็นสุดยอดของอาถรรพ์ สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆษิตาราม สะกดและเก็บหน้าผาก หรือปั้นเหน่งของแม่นาค ส่วนหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง พระขุนแผนผงพรายกุมารของท่าน มีส่วนผสมของ กะโหลกเด็กจากหญิงตายทั้งกลม เรียกว่า ”ผงพรายกุมารมหาภูติ“
“สมัยก่อนของอาถรรพ์คนจะกลัว เช่น ไม้ตะเคียน เสาตกน้ำมัน ศพคนตายวันเสาร์เผาวันอังคารสิ่งเหล่านี้ถ้านำมวลสารมาทำเครื่องรางของขลัง ถึงจะเข้มขลัง สมัยนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งมีส่วนผสมยิ่งชอบ เพราะถ้าอยู่ด้วยเป็น มีการบอกกล่าวมีการบวงสรวงมีของเซ่นไหว้ ส่วนใหญ่จะให้เรื่องเมตตามหานิยมโชคลาภดีนักแลได้ผลทันตา นี่เลยทำให้พระขุนแผนพรายกัญญา มาแรง เพราะมีส่วนผสมของสิ่งอาถรรพ์มากมายสัมผัสได้จริงๆ”
ด้าน คุณมณี อาชีพแม่ค้าในตลาดกลางเมืองอุบลราชธานี ผู้ที่ได้ครอบครองพระขุนแผนพรายกัญญา และห้อยติดคอตลอด เล่าถึงประสบการณ์ของพระรุ่นนี้ว่า เป็นพระที่แรงจริงๆ ขออะไรจะได้ทันที ส่วนตัวจะขอเรื่องค้าขายได้ผลเห็นทันตา เรื่องเสี่ยงโชคมีคนขอแล้วถูกหวยหลายงวดติดๆกันเลย อย่างแม่ค้าดอกไม้ข้างร้านบ่นให้ฟังว่าขายไม่ค่อยดี ลูกหนี้ก็ติดหนี้ไม่ยอมเอาเงินมาคืน เชื่อมั้ยฉันให้ลูกอมพรายกัญญาไปเม็ดเดียว ขอได้ผลทันที เขาบอกขอให้ขายดอกไม้ดีๆนะนิด(ผงเถ้าจากคนตายที่ชื่อนิด) และลูกหนี้ที่ติดหนี้อยู่ให้เอาเงินมาคืน ไม่น่าเชื่อวันนั้นขายได้ 7 หมื่น ลูกหนี้ก็ตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้ เหลือเชื่อจริงๆ
หลังจากข่าว“พระขุนแผนพรายกัญญา” แพร่สะพัดออกไป ส่งผลให้มีผู้สนใจบูชาเป็นจำนวนมาก พิมพ์พิเศษสีต่างๆมีจำนวนน้อย เล่นกันองค์ละ 3,000 บาทขึ้นไป บางองค์เป็นหมื่น ส่วนเนื้อก้นครกซึ่งมีมากหน่อย จำหน่ายอยู่องค์ละ 999 บาท ด้วยเป็นพระที่กดมือทีละองค์ ขนาดองค์พระจึงไม่เท่ากันมีหนาและบาง เนื่องจากการหดตัวของมวลสาร แต่ก็เป็นเสน่ห์ที่เซียนพระชอบ นอกจากนั้นยังมีลูกอมพรายกัญญา บูชาลูกละ 499 บาท ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นที่ต้องการ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์เริ่มถามหาบูชากันแล้ว

[FONT=Arial,MS Sans Serif] การสร้างพระขุนแผนพรายกัญญา ญาครูจุณฑ์ท่านบอกว่า สะสมมวลสารต่างๆมามากกว่า 20 ปี ตาม 6 ตำรับวิชชา สู่ ขุนแผนพรายกัญญา
1. ผงลบ ตำรับสมเด็จโต วัดระฆัง
2. ผงลบ ตำรับสมเด็จพนรัตน์ พระอาจารย์ในพระองค์ดำ
3. ผงสำเร็จธาตุกสิณ ตำรับพระอริยเหนือโลก ผู้วสีกสิณ
4. ผงพรายกัญญาวัตรป่าเจ้าสัว ตามตำรับหลวงปู่สังข์เฒ่า อาจารย์หลวงปู่ทิม
5. ตะกรุดสาลิกาจตุรัตน์สารพัดกัน ตำรับญาคูขี้หอม สืบทอดถึงสำเร็จลุน
6. ตำนานมนต์นกยูงทอง สายป่า องค์หลวงปู่มั่น นิยมให้พระป่าสาธยายกันภัย
ขอบคุณแหล่งข่าว:หนังสือพิมพ์คัมภีร์นิว และ G-Pra

...ผง พรายกัญญา ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณ พุทธศาสตร์ พุทธาคม ผสาน พุทธวิชชา...ครอบจักรวาลเหมือนกัน...ซึ่งผงพรายกัญญาก็มีบรรจุในมงคล ลป.สุมา สฺจจวโร รุ่น"อภิชาตบุตร"นี้ด้วยครับ...[/FONT]