เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

จำไว้ว่าคำด่าคำนินทา หรือคำสรรเสริญ ไม่มี
ประโยชน์ เราจะดีจะชั่วมันอยู่ที่ตัวเราทำเท่านั้น
ถ้าเราทำดีอยู่แล้ว ใครเขาจะนินทาว่าชั่ว
มันก็เป็นเรื่องของเขา

หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การตั้งใจไปนิพพาน

ก่อนที่จะภาวนา ญาติโยมทั้งหลายให้ตั้งใจเพื่อ
พระนิพพาน ไว้ก่อนนะ ทีนี้ถ้าถามว่าโลภเกินไป
ไหม ก็ต้องตอบว่าไม่เกินไป
เพราะพระพุทธศาสนาของเราสอนเพื่อพระนิพพาน
อย่าลืมว่าการตั้งใจไป นิพพาน เหมือนกับเราขึ้น
ต้นไม้ เมื่อเวลาตั้งใจขึ้นให้สุดยอด ถ้าบังเอิญมัน
ไปหมดแรง มันไปค้างอยู่กิ่งใดกิ่งหนึ่ง ถ้าเราต้องก
ารขึ้นครั้งแรก ก็ยืนบิดขี้เกียจอยู่บนต้นไม้ ใช่ไหม
แล้วก็เมื่อเราค้างกิ่งใดกิ่งหนึ่ง คบใดคบหนึ่ง
เรามีแรงเราก็ไต่ต่อไปนะ
กัปนี้เป็นกัปที่มีบุญมาก จะมีพระพุทธเจ้าถึง ๑๐
องค์ ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์มาก่อน

ที่มาจาก รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๐ หน้า ๑๗

(โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“อย่างสมัยหลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้า
พระพุทธไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ อันนี้ไม่มี
เรื่องทะเลาะกัน แต่สตางค์ไม่เหลือใช้ ท่านบอกว่า
ควรหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ”

โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ผู้ใดถ้าเป็นผู้รู้ บุคคลผู้นั้นก็ต้องเป็นบุคคลที่ไม่
ทำความชั่ว ขึ้นชื่อว่าความชั่วทั้งหมดผู้รู้ไม่ทำ
คนที่ยังทำความชั่วอยู่ คนประเภทนี้ชื่อว่ายังไม่รู้
หรือว่ารู้ไม่ครบ คือว่ารู้ดีบ้าง รู้ชั่วบ้าง ถ้ารู้ชั่วบ้าง
ก็ถือว่าไม่รู้ เพราะความชั่วต่างๆ เป็นปัจจัยของ
ความทุกข์ เมื่อทำแล้วเกิดความเร่าร้อน”

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

วิธีฝึกอานาปาเอาชนะอารมณ์ฟุ้ง

ถ้าเราบังคับไม่ได้จริงๆ นะ เท่าไรก็เอา ถ้าเผอิญ
๑๐ ครั้ง ยังอยู่ จิตมันยังสบายต่ออีก ๑๐
อีตอนต่อทีหลัง ๑๐ ถ้ามันอีกสัก ๑๐ ฟุ้งเกินไปก็
เลิกเอาแค่นั้น
และก่อนหลับสัก ๑๐ ครั้ง จะภาวนาด้วยก็ได้
ตื่นใหม่ๆ ยังไม่ต้องลุกจากที่นอนสัก ๑๐ ครั้งนะ
ถ้าได้นะ ค่อยๆ ลดไปเรื่อยๆ ไม่ใช้มาก ใช้มาก
ช่วยไม่ได้

เวลาที่อารมณ์ฟุ้งขึ้นมาต้องไม่ใช้การพิจารณา
ไม่ใช้อารมณ์ คือใช้ลมหายใจเฉยๆ ถ้าจะ
ภาวนาต้องภาวนาสั้นๆ แค่พุทโธ
หายใจเข้านึกว่า พุท
หายใจออกนึกว่า โธ นับเป็น ๑ ถึง ๑๐ ถ้าถึง ๑๐
ได้ถือว่าเราชนะ เราเลิก เอาแค่นั้น จะฟุ้งเชิญ
ฟุ้งไป และถ้าก่อนนอน เอาหัวถึงหมอนแล้ว ไม่ต้อง
ไปนั่ง นอนภาวนา

ก่อนนอนนี่ภาวนาตั้งใจให้ถึง ๑๐ ถ้าไม่ถึง ๑๐ หลั
บ นี่ปล่อยเลย อย่าดึงไว้นะ จิตเป็นฌานได้เปรียบ
ถ้าตื่นนอน ก็ไม่ต้องลุกขึ้นมา นอนเฉยๆ
นอนภาวนาสัก ๑๐ ครั้ง แต่ว่าถ้า ๑๐ ครั้ง จิตยัง
สบายอยู่ต่อได้
การต่อนี่ไม่ต้องนับเอากฏเกณฑ์อะไร แค่ ๑๐ เอา
ชนะแค่ ๑๐ แล้วไม่ช้าจะทรงตัว จิตจะเป็นฌาน

ที่มา จากหนังสือ รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๐
(โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

กิเลสน้อยลงเพียงใดลาภเกิดมากเท่านั้น

จะพูดให้ฟังนะ อย่างพระพุทธเจ้าท่านเป็นคน
ไม่มีกิเลสแล้ว เรื่องสมบัติต่างๆ ท่านไม่คิด
อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้ามีสมบัติมากที่สุด
เพราะการละกิเลส
วิหารที่เขาถวายครั้งหนึ่งราคาเท่าไร
อย่าง พระคันธกุฎี ที่นางวิสาขาถวาย เพื่อนมีผ้า
ราคา ๕ แสนกหาปณะ อยู่ผืนหนึ่ง เอาไปปูตรง
ไหนก็ไม่ได้ เพราะผ้าที่ปูราคาแพงกว่านั้น
คนที่มีกิเลสน้อยเพียงใด ลาภสักการะย่อมมาก
เท่านั้น ลาภที่เกิดขึ้นจากคนไม่มีกิเลส
ลาภจะเป็นสาธารณประโยชน์ ก็ยิ่งมากใหญ่
ถ้าได้มาแล้วเอาไปเก็บ แล้วก็พอเต็มกระเป๋าอัน
ใหม่เข้าไม่ได้

ที่มา : รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๐ หน้าที่ ๕
(โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อานิสงส์ปล่อยปู

เรื่องการปล่อยสัตว์นี่ก็แปลก เมื่อปี ๐๘ ฉันเป็นโรค
อยู่อย่างหนึ่ง มันเมื่อยปวดทั้งตัว คือมันเกินเมื่อย
ให้หมอฉีดยาก็แล้ว หมอให้ยากินก็แล้ว มันก็ไม่
ได้ผล ก็เลยมากรุงเทพฯ แล้วเลยไปบางปู
ไปถึงบางปูก็เจอคนขายปู ๓ หลัว ก็นึกในใจว่า
ไอ้ปูนี่กว่ามันจะตายก็ถูกมัดอยู่นาน
มันก็เมื่อยเหมือนกับเราเหมือนกัน
ปลาก็เคยปล่อยมาแล้ว แต่ปูนี่ยังไม่เคยปล่อย
ไอ้ปูมันถูกมัดเป็นวันๆ นี่ก็เมื่อยเหมือนกัน ใช่ไหม
ม้นทรมานมาก ส่วนปลาเขาขังอยู่ในบริเวณแคบ
แต่มันก็ยังมีน้ำให้ว่ายใช่ไหม
ก็เลยคิดถึงตัวเอง ไอ้บาปเก่าๆ เราคงจะไปมัด
เขาไว้อย่างนี้เหมือนกัน ปล่อยมันเสียเถอะ ให้มัน
เป็นสุข ก็เลยเหมาหมด เหมาแล้วก็ช่วยกันปล่อย
แต่ฉันไม่มีเจตนาต้องการให้หายปวดนะ ไม่ใช่
มาอีกคราว ฉันก็ไปอีก ก็เหมามาอีก พอถึงสามครา
ว ไอ้อาการปวดตัวมันหายเลย หายจริงๆ
รักษามาเกือบตาย ไม่หาย นี่ก็แปลกอีกเหมือนกัน

ที่มาจาก รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๐ หน้าที่ ๗
……………………………………………………………………
โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม
(ท่าซุง) อุทัยธานี






ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คุมกำลังใจเห็นภาพพระให้ทรงตัว

เวลาที่เดินไปเดินมา ต้องคุมกำลังใจให้มันทรงตัว
เหมือนกับที่เราอยู่ในที่สงัด เราจะเดินไประหว่าง
คนมากคนน้อย เสียงดังเสียงเบาก็ช่าง จิตเราไม่
เข้าไปยุ่งในเสียง และอาการของบุคคลอื่น
ให้อารมณ์ทรงตัว เห็นภาพพระพุทธรูปไว้เป็นปกติ
คือว่าเราต้องการจะไปสวรรค์ ไปนรก ไปพรหมโล
ก ไปนิพพาน ไปสู่แดนเปรต อสุรกายก็ตาม
เราสามารถจะไปได้ และก็เห็นถูกทาง ที่ต้องใช้
อารมณ์แบ่งจิตแบบนี้เพื่อให้มันมีการคล่องตัว

ที่มาจาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๒๔



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ศีลไม่บริสุทธิ์ ถ้าไม่ฝืนตัวให้บริสุทธิ์ คือทรงศีล
ให้บริสุทธิ์ ตายแล้วจะไปไหน ตายแล้วก็ลงนรกไป ที่ดีเขาไม่ให้เข้า ให้เข้าแต่เฉพาะที่เลว คือที่นรก
ฉะนั้น คนที่ไม่มั่นใจศีลว่าจะบริสุทธิ์มาก่อน
ตัดสินใจเสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้
ทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์”

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

หลวงพ่อไปพบลูกศิษย์ตายแล้วไปอยู่
ที่พระนิพพาน

“..วันหนึ่งไปที่วิมานบนพระนิพพาน พอไปถึงก็นั่ง
เล่นนอนเล่นตามสบาย นึกว่าไม่มีใครมา
ปกติท่านไปทุกวัน วันละหลายๆ เที่ยว
ถ้าว่างเมื่อใดก็ไปเพราะจิตเป็นสุข
วันนั้นพอไปแล้วก็มีคนเกิน ๒๐๐ คนมาหา แต่งตัว
แพรวพราวเป็นระยับเต็มอัตราพระนิพพาน
ก็สงสัยว่าพวกนี้มาได้อย่างไร

ก็เลยถามว่า “ในสภาพที่เป็นมนุษย์มีรูปร่างแบบ
ไหน ทำให้ดูซิ”
ท่านก็ทำให้ดูสมัยเป็นมนุษย์นุ่งโสร่งก็ขาด ใส่เสื้อ
เก่าเก่าแสนเก่า มีผ้าข้าวม้าพาดไหล่ ผอมๆ สูงๆ
อาตมาจำได้เคยไปที่วัดบ่อยๆ

ถามว่า “โยม มานิพพานได้อย่างไร การมานิพพาน
ได้ต้องเป็นพระอรหันต”์
โยมตอบว่า “อรหันต์ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า อยู่ที่ใจ”

ถามว่า “โยมฝึกพระกรรมฐานถึงขั้นไหน”
ตอบว่า “ผมฝึกไม่มากครับ ไปฝึก มโนมยิทธิ ได้ ๒
ครั้ง แต่ไปพระนิพพานได้ และอาตมาบอกว่าทุก
วันให้ไปพระนิพพาน
ตั้งใจว่าถ้าตายเมื่อใดขอไปพระนิพพาน
ผมก็กำลังป่วยหนักเห็นพระนิพพานใสชัดเจนมาก
วิมานก็สวย คนก็สวย อยู่ใกล้ๆ แค่มือเอื้อม
เมื่อจิตออกจากร่างเลยเข้าวิมานไปเลย
แล้ววิมานก็พาลอยไป”

เป็นอันว่าการจะไปพระนิพพานได้ ไม่ใช่มีความ
รู้มาก ต้องจิตสะอาดมาก
ความสำคัญขณะที่ป่วยหนักหรือป่วยไม่หนักก็ตาม พ่อเริ่มป่วยถ้าคนมีจิตเป็นกุศลอยู่แล้ว
เขาก็จับนิพพานแล้ว…”

ที่มา จากหนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ขอบารมี

มีหลายท่านด้วยกันเคยมาหาอาตมา บอกว่าอยาก
จะขอบารมีให้ช่วยสงเคราะห์ให้ตัวของท่านดีขึ้น
แต่เพื่อความสุขใจของท่านผู้นั้น
อาตมาก็บอกว่า สาธุ ดีแล้ว อาตมาจะส่งเคราะห์ใน
การแบ่งปันบารมีให้
ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าทำได้หรอกบรรดาท่านพุทธบ
ริษัท เพื่อเป็นการรักษากำลังใจของท่านผู้พูด
ความจริงบารมีมันอยู่ที่ตัวท่านแล้ว
แต่ทว่าถ้าเราขาดกำลังใจเสียอย่างเดียว
ทุกอย่างมันก็ทำไม่ได้
ถ้าท่านทั้งหลายพวกนั้นยังมีความรู้สึกอยู่ว่าตัว
ท่านเองเป็นผู้ไม่มีบารมี ท่านก็จะขาดกำลังใจ
ในเมื่อท่านมาขอบารมีก็บอกว่า เอา ให้ สงเคราะห์
ให้ เต็มใจให้ รับแล้วกัน
อาตมาพร้อมที่จะมอบให้เสมอ
เมื่อเวลามอบให้ท่านก็คือมอบกำลังใจ เพราะว่าถ้า
เราไม่ให้กำลังใจท่านผู้นั้น ท่านผู้นั้นก็จะไม่ทรง
ความรู้สึกว่าท่านมีกำลัง ทีนี้เมื่อรับฟังอย่างนี้แล้ว
ท่านอาจจะคิดว่าอาตมาน่ะช่วยได้
สามารถสงเคราะห์ให้ท่านเป็นผู้มีบารมีสูงสุดได้
ก็จะเกิดกำลังใจขึ้นมาว่า เราได้พระช่วยแล้ว

ที่มาจาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๖๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ทำดีแต่ทำไมจึงทุกข์

มีคนทั้งหลายเป็นส่วนมากเคยมาหาอาตมา บอก
ว่ากฐินก็ทอด ผ้าป่าก็ทอด อุโบสถศีลก็รักษา
บุญกิริยาใดๆ ทั้งหมดปรากฏว่าทำทุกอย่าง
แต่ทว่าบุญกุศลของตนนี้ไซร้ไม่สามารถจะช่วย
ตนให้พ้นจากความทุกข์
ความรู้สึกอย่างนี้เป็นความรู้สึกที่ผิดที่สุด
คนทำบุญก็ได้บุญไปแล้ว
ทั้งนี้เพราะอะไร คำว่าบุญก็คือความดี
แต่สำหรับว่าทุกขเวทนาที่จะเกิดแก่ตนนี้นั้น มัน
เป็นผลของความชั่ว
ฉะนั้น ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงจำไว้ว่า ความดี
ความชั่วใดๆ ที่มันเกิดขึ้นแก่เราในปัจจุบัน ถ้ากรรม
ประเภทนั้นเราทำให้ถือว่ามันเป็นกรรมปัจจุบัน
ถ้าในปัจจุบันเราทำแต่ความดี แต่ความทุกขเวทนา
ทั้งหลายเหล่านี้มันมาเกิดขึ้นแก่ตน ก็คิดว่ากรรม
ที่มันเป็นอกุศล ความชั่วในชาติก่อนมันสนองเรา
เราจะได้ใจสบาย ตั้งหน้าตั้งตาคิด ว่าชาตินี้เป็น
ชาติสุดท้ายที่เราจะใช้หนี้มัน
เลยจากชาตินี้แล้วไซร้เราไม่ใช้มันต่อไป

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๗๓-๗๔



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ขอให้ทุกคนจงมั่นใจในความดีของทุกคน ที่เคย
ปฏิบัติในพระพุทธศาสนามาแล้วอย่างดีเลิศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่พอใจในการเจริญสมถภา
วนาและวิปัสสนาภาวนา อย่างน้อยที่สุดจริงๆ
ต้องมีบารมีถึงอุปบารมี
หากว่าผู้ใดมีจิตใจต้องการพระนิพพานเป็นอารมณ์
พวกนี้เป็น ปรมัตถบารมี มีสิทธิ์ไปนิพพานในชาตินี้
ตั้งใจไว้แบบนี้นะ”

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงพยายามใคร่ครวญ
ถึงความตายเป็นสำคัญ เรื่องความตายก็ดี การ
ควบคุมอารมณ์จิตให้ปราศจากความฟุ้งซ่านก็ดี
ควรจะทำให้เป็นปกติ
ถ้าวันใดเราเผลอจากการควบคุมอารมณ์จิต
ไม่ระงับความฟุ้งซ่านก็ดี วันใดถ้าเราเผลอไป
ลืมนึกถึงความตายก็ดี
ก็จงประณามตนเองว่าเรานี้เลวเต็มทีแล้ว

คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อยากจะอยู่พระนิพพานนานๆ

ลูกศิษย์ : “เวลามีทุกขเวทนาหนักๆ ทางกาย
หนูลองตัดสินใจไปนิพพาน แต่น่าแปลกใจ
ไปแวบเดียวก็หล่นตุ๊บมา”

หลวงพ่อ : “ฮึ (หัวเราะ) ดี ยังดี”

ลูกศิษย์ : “อยากจะให้หลวงพ่อช่วยหนูไปอยู่
นานๆ หน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

หลวงพ่อ : “ได้ๆ”

ลูกศิษย์ : “กรุณาหน่อยหลวงพ่อ”

หลวงพ่อ : “เอาอย่างนี้นะ เขียนว่านิพพานไว้ที่
หน้าผาก เอากระจกตั้งไว้ อยู่ข้างหน้าจะอยู่ตลอด
เวลาเลย แต่ความจริงเท่านั้นนะพอ
คำว่า “พอ” หมายความว่าต้องไม่ตั้งใจเกินไปนะ
ถ้าจิตหนักเกินไป มันเป็นอย่างนั้น ทรงตัวไม่ได้
ตั้งใจว่าไปนิพพานเขาทำอารมณ์เบาๆ
เคลื่อนไปนิพพานเฉยๆ จะอยู่นาน
แต่จริงๆ ถึงแม้จะอยู่ไม่ได้นาน
ถ้าจิตพุ่งไปนิพพานแล้วใช่ไหม มันก็เคลื่อนลง
ถ้าตายเมื่อไรไปนิพพานเมื่อนั้น”

ลูกศิษย์ : “ก็ตอนนั้นลงมาแล้ว”

หลวงพ่อ : “ก็ไม่เป็นไร เพราะรู้จักที่ไปดูว่า ถ้าฉัน
ตายฉันมาตรงนี้ นี่นะสำคัญมาก”

ตอบปัญหาธรรมโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี

หมายเหตุ : การไปนิพพานเป็นหมวดของวิชา
มโนมยิทธิ (ผู้มีฤทธิ์ทางใจ)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ถ้ามีศีลห้าไม่บริสุทธิ์ เจริญกรรมฐานไปก็ไม่มีผล
ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะว่ายังลงนรกอยู่
เจริญสมาธิเท่าไรมันก็ไม่พ้นนรก เพราะศีลห้า
นี่ปิดทางนรก ถ้าขาดศีลข้อใดข้อหนึ่ง ตัวที่ขาดนี่
มันจะเข้ามาขวาง เป็นกรรมที่เป็นอกุศล”

หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ผลจากการเจริญพุทธานุสสติ

สำหรับพุทธานุสสติกรรมฐาน การนึกถึงคุณของ
พระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
ประเภทนี้ถ้าไปเกิดเป็นคน ก็มีแต่ความรุ่งเรือง ไม่
ถอยหลัง ไม่น้อยหน้ากว่าใคร
ถ้าเป็นเทวดาหรือพรหมก็มีรัศมีกายมาก เทวดากับ
พรหมเขาวัดความดี บารมีกันด้วยรัศมีกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญพุทธานุสสติกรรมฐา
นนี่ท่านกล่าวว่า เข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายที่สุด

โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

สำนึกในความเลวของตน

ถ้าทุกคนปรับปรุงใจดีแล้ว มันก็ไม่มีเรื่องยุ่งกับคน
อื่น ไม่สร้างคนอื่นให้มีความเร่าร้อน ในการที่จะ
เพ่งโทษคนอื่น ต้องรู้ตัวว่าเราเลวเกินไป นี่จงรู้สึก
ตัวไว้เสมอ รู้สึกตัวว่าเรามันเลว เลวมาก
จนกระทั่งขังไว้ในใจไม่ได้
มันจึงอุตส่าห์ไหลออกมาทางวาจา ไหลมาทางกาย นี่แสดงว่าความเลวมันล้นออกมาจากจิต
ในข้อนี้ต้องคิดไว้เป็นประจำ อย่าทะนงตนว่าเป็น
คนดี ถ้าดีแล้ว ปากไม่เสีย กายไม่เสีย ถ้าปากเสีย
กายเสีย ความเลวมันล้น มีความดีไม่ได้

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้า ๖๔-๖๕



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“เราไม่ควรนึกว่าคนอื่นเขาจะเป็นอะไร ใครเขาจะ
เป็นอะไรก็ช่างเขา ข้อสำคัญเราชำระจิตใจของเรา
ให้สะอาดนั้นเป็นการดี”
** หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“อุปสรรคต่างๆ มันจะมีขึ้นได้ มันก็ต้องสลายตัว
ได้เหมือนกัน ต้องถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
ทุกอย่างถ้าเราเอาจิตเข้าไปจับธรรมดาเสียอย่าง
เดียว จิตมันก็มีความสุข”
**หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง