เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

(เเหวนจักรพรรดิ์) คืนหนึ่งนั่งกรรมฐาน ไปพบ
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้จัดทำแหวน ท่านจะ
ช่วยทำ ถ้าช่วยทำแล้วบุคคลใดมีความเคารพ
ในท่านและก็บูชาคาถามหาลาภ จะมีคุณ
พิเศษอย่างนี้ จะมีลาภสูงขึ้น และ
ป้องกันได้ทุกอย่างนะ
ก่อนที่จะบูชานึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อนนะ เขา
ถือว่าเป็นแหวนที่จะมีลาภและป้องกันได้ทุกอย่าง

โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ที่มา : จากหนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

นิมิตก่อนตาย

ก่อนจะตายทุกคนจะเห็นเหมือนกันหมดทุกคน
แต่จะพูดได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง
ตามบาลีท่านบอกว่า ถ้าไปนรกจะเห็นไฟ จะเห็น
ดวงไฟดวงเล็กดวงใหญ่ก็ตามอย่างนี้ต้องลงนรก
ไม่ผ่านสำนักพยายม
ถ้าเห็นป่า ก็จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ถ้าเห็นก้อนเนื้อ ก็จะเกิดเป็นคน
บางคนเห็นวัตถุธาตุ อย่างขันข้าว ปิ่นโตโถอาหาร
ที่เคยไปทำบุญมันจะลอยมาให้เห็น แล้วก็คิดว่าสิ่ง
ทั้งหลายเหล่านี้เราใส่อาหารไปถวายพระจิตใจก็
เป็นบุญ บางคนเห็นวิมาน บางคนเห็นพระสงฆ์
บางคนก็เห็นพระพุทธรูป เห็นพระพุทธเจ้า ถ้าเห็น
อย่างนี้จะไม่ไปนรก ถึงแม้ว่าจะมีบาปอยู่มากก็
จริงแหล่ แต่ทว่าเมื่อบุญเข้าถึงก่อน บาปเข้าไม่ได้
บุญจะต้องนำไปสู่สุคติก่อน

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ระเบียบในการปฏิบัติ

จงอย่าลืมว่า การพิจารณาทุกครั้งต้องเข้า
ฌานก่อน แล้วถอยจากฌานมาหยุดอยู่เพียง
อุปจารฌาน แล้วก็พิจารณาวิปัสสนาญาณจึง
จะเห็นเหตุเห็นผลง่าย
ถ้าท่านไม่อาศัยฌานแล้ว วิปัสสนาญาณก็มีผล
เป็นวิปัสสนานึกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่านั่ง
นึกนอนนึก แล้วในที่สุดก็เลิกนึก
และหาทางโฆษณาว่า ฉันทำมาแล้วหลายปีไม่
เห็นได้อะไรเลย
จงจำระเบียบไว้ให้ดี และปฏิบัติตามระเบียบให้
เคร่งครัด วิปัสสนาไม่ใช่ต้มข้าวต้ม จะได้สุกง่ายๆ
ตามใจนึก

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ความจริงนิพพานไม่สูญ
เป็นแดนพิเศษที่เหนือเทวดาและพรหม
มีความสวยสดงดงามมากกว่าเทวดาและพรหม
มีความสุขละเอียดกว่า สุขุมกว่า
ไปไหนมาไหนได้ตามสบาย
ไม่มีสภาพสิ้นซากหรือไร้ความรู้สึก

คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ถ้าเราดีแล้วก็ไม่เห็นว่าใครเลว
ถ้าเรายังเห็นว่าคนอื่นเลว
ก็แสดงว่าเราก็ยังเลวเช่นกัน

พระราชพรหมยานมหาเถระ



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ใจทรงความดีทำได้ทุกขณะ

ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายถือว่าการทรง
ความดี ไม่มีเวลาสำหรับเรา
คำว่าไม่มีเวลานี้ เราไม่ต้องตั้งเวลาไว้แน่นอน
ขณะใดที่ตื่นอยู่ เราสามารถประกอบความดีที่องค์
สมเด็จพระบรมครูสอนไว้ได้ทุกขณะ
คือไม่ใช่ไปตั้งเวลาจะเพราะเวลาเช้า เวลาสาย
เวลาเที่ยง เวลาเย็นหัวค่ำ เช้ามืด ไม่จำเป็นจะ
ต้องเป็นแบบนั้น
ทำกระจุ๋มกระจิ๋ม เล็กๆ น้อยๆ ไปตลอดวัน ทำบ้าง
หยุดไปบ้าง เวลาทำก็ไม่ต้องนั่งขัดสมาธิ
เวลาที่เราจะประกอบกิจการงาน ก็มองอารมณ์ให้
เป็น ถ้าเป็นอุเบกขารมณ์ได้ก็จะดีมาก
ถ้าเป็นอุเบกขารมณ์ไม่ได้ ก็ทรงกำลังใจไว้เฉพาะ
คุมสติสัมปชัญญะให้คงอยู่ในด้านของความดี

พระสุธรรมยานเถระ ( หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง )



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ความดีชั่วขณะจิตเดียว

คนที่มีความดี คือมีการทรงอารมณ์เป็นสมาธิก็ดี
มีเมตตาบารมีก็ดี วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง
เรากล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน
นี่ก็หมายความว่า ความดีที่บรรดาทุกท่านทรง
เพียงขณะจิตเดียว เวลาท่านตายไปจากภพชาตินี้
อย่างน้อยที่สุดก็มีสวรรค์เป็นที่ไป
ถ้าเวลาจะตายมีอารมณ์ตั้งมั่น มีอารมณ์เป็น
ฌาน ก็เข้าถึงพรหม
ถ้าเวลาจะตายจริงๆ เกิดมาคิดว่า
อัตภาพร่างกายไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา มันเต็ม
ไปด้วยความทุกข์ เราไม่ต้องการความเกิดอีก
ขึ้นชื่อว่าความเกิด เราเกิดมาแล้ว เพราะความโง่
เพราะเพื่อกิเลสตัณหาอุปาทานและอกุศลกรรม
ต่อแต่นี้ไปเราจะไม่เกิดมันอีก
เพราะเกิดมาแล้วมันเต็มไปด้วยความทุกข์
สิ่งใดที่เป็นปัจจัยของขันธ์ ๕ ก็ดี หรือว่าเป็นปัจจัย
ของกิเลสที่จะนำมาเกิดก็ดี เราไม่ต้องการ
สิ่งที่เราต้องการคือพระนิพพาน
ถ้าจิตของท่านจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ เมื่อท่าน
ตายท่านก็จะไปนิพพาน

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๗๔-๗๕



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ฝึกจิตให้ทรงฌาน ก่อนตายบาปเข้าไม่ถึง:

ถ้าเราทำบาปไว้มากพระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่า
ท่านทั้งหลายจงอย่านึกถึงความชั่วที่ทำมาแล้ว
ความชั่วก็คือบาป บาปก็คือความชั่ว
เราไม่ยอมนึกถึงมัน นึกถึงความดีอย่างเดียว
ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เจริญภาวนา
หนึ่ง การให้ทาน
สอง รักษาศีล
สาม เจริญภาวนา
ถ้าเราให้แต่ทานและรักษาศีลสองอย่าง เราลืมง่าย ถ้าทุกขเวทนาเข้ามาถึงเราอาจจะลืมทาน ลืมศีล
ดีไม่ดีจิตใจเศร้าหมองไปโกรธใครเขาบ้าง
เห็นภาพที่เราเคยฆ่าสัตว์บ้าง
อย่างนี้ลงนรกแน่นอน
ถ้าเรามีภาวนาด้วย อันนี้ไม่แน่นอนนะ จะไปนรก
ไปสวรรค์ยังไม่แน่นอน ถ้าคติสองอย่างเราภาวนา
อ่อนนะ

ถ้าบังเอิญควบคุมจิตให้เป็นฌาน ถ้าใช้จิตทรง
ฌานไว้ทุกวัน คำว่าฌานไม่ใช่ของหนัก ฌานก็ได้
แก่อารมณ์ชิน คิดไว้เสมอว่าเราจะเจริญสมาธิ
ตั้งใจภาวนาว่า พุทโธ ภาวนาได้ทุกอย่าง ไม่ใช่
เฉพาะพุทโธนะ เอาพุทโธก็แล้วกัน เป็นอันดับแรก
ถ้าเราภาวนาพุทโธเป็นปกติ
วันหนึ่งเราสามารถทำได้สัก ๑๐ นาที ๒๐ นาทีก็
ตาม คือว่ามีเวลาน้อย ก่อนจะหลับเมื่อศีรษะถึง
หมอน ก็ภาวนาว่า พุทโธ
หายใจเข้านึกว่า พุท
หายใจออกนึกว่า โธ
แต่ถ้าสามารถทำได้ก็นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์
ใดองค์หนึ่ง จะเป็นวัดไหนก็ได้เราชอบ
จะเป็นองค์ไหนก็ได้ที่เราชอบ
องค์ไหนที่เราชอบมากก็นึกถึงภาพองค์นั้น
แล้วภาวนาว่า พุทโธ อย่างนี้ทุกวัน ทำอย่างนี้ไป
ทุกวันจนกว่าจะชิน
คำว่า ชิน ก็หมายความว่า ถ้าศีรษะถึงหมอนเมื่อ
ไร เราภาวนา พุทโธ เมื่อนั้น อย่างนี้เราเป็นฌาน

ถ้าเป็นฌานอย่างนี้ทุกคน ถึงแม้จะบาปมากขนาด
ไหนก็ตาม ก่อนจะตายแทนที่จะเห็นภาพที่เราเคย
ทำบาป บาปจะเข้ามาไม่ได้
มันจะมีแต่ภาพของบุญ
ถ้าหากว่าวันไหน ถ้าเราจะตายจริงๆ ก่อนหน้านั้น
สัก ๒-๓ วัน ก็จะมีรถทิพย์มารับ
มีขบวนแห่ที่เทวดานางฟ้า ท่านจะมาก่อนอย่าง
น้อย ๓ วัน ในเมื่อเราเห็นรถทิพย์ เห็นเทวดา เห็น
นางฟ้า มีความสวยสดงดงาม จิตก็ลืมทุกขเวทนา
จิตนึกถึงบุญอย่างเดียว เขามาเขาไม่มาเปล่า เขา
ชวนด้วยนะ ฉันอยู่ชั้นนั้น ฉันอยู่ฉันนี้ ไปกับฉัน
เถอะ อย่างนี้ทุกคนไปสวรรค์แน่

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๗๕-๗๖



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“การสวดมนต์อานิสงส์ใหญ่จริงๆ อยู่ที่เจตนา
จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และ
พระอริยสงฆ์จริง
เวลาสวดก็สวดด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อย
ก็มีอานิสงส์ใหญ่
ถ้าสวดเรื่อยเปื่อยว่าส่งเดชไม่ตั้งใจ อย่างนี้สวด
มากก็มีอานิสงส์น้อย”

โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ศีลเป็นพื้นฐานใหญ่ของสมาธิ

สำหรับการปฏิบัติบรรดาท่านพุทธบริษัท การ
ปฏิบัติท่านจะหวังนิพพานหรือไม่หวังนิพพานก็
เดินเข้าไปหานิพพาน
การปฏิบัติของทุกท่าน ข้อ ๑ ขอให้เร่งรัดเรื่อง
ศีลเป็นสำคัญ
เพราะว่าศีลเป็นพื้นฐานใหญ่ของการเจริญสมาธิ
สมาธิจะทรงตัวได้ก็เพราะศีลบริสุทธิ์
วันไหนศีลบริสุทธิ์ วันนั้นสมาธิทรงตัว
ถ้าวันไหนศีลไม่ค่อยบริสุทธิ์ผุดผ่อง สมาธิก็ไม่
ค่อยทรงตัว เพราะศีลเป็นปัจจัยให้เกิดสมาธิ
ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนที่จะมีศีลได้ต้องมี
คุณธรรม ๒ ประการประจำใจ นั่นคือ
๑. เมตตา ความรัก
๒. กรุณา ความสงสาร
ถ้าขาดเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร
อย่างนี้ศีลเกิดไม่ได้
อาศัยที่จิตมีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร
อารมณ์จิตก็เยือกเย็น
ในเมื่ออารมณ์จิตเยือกเย็น ศีลก็เกิด เมื่อมีศีลเกิด
แล้ว สมาธิก็เกิด เมื่อสมาธิเกิดแล้ว ปัญญาก็เกิด

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้า ๒๑



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“จงอย่ายกตนข่มท่าน อย่าสนใจจริยาของผู้อื่น
นึกถึงความตายไว้เสมอ เห็นว่าร่างกายนี้สกปรก
และร่างกายไม่ใช่ของเรา”
#..คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เป็นเกร็ดความรู้ จะได้ไม่สงสัย

ดร.ปัญญา ผู้ถาม : “การนอนสวดมนต์และภาวนา
จะเป็นบุญหรือบาปค่ะ”

หลวงพ่อ : “ฉันเองก็มีอาชีพนอนภาวนา
ถ้าสวดมนต์ก็ดี ภาวนาก็ดี จะนอนก็ตาม นั่งก็ตาม
ยืนก็ตาม เดินก็ตาม มีผลเสมอกัน เป็นบุญ”

สนทนาที่บ้านสายลม
ตอบปัญหาธรรมโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

จงกล่าวโทษโจทย์ความผิดของตัวไว้เสมอ

คนที่จะได้ดีต้องมีความไม่ประมาท ต้องมีความรู้
สึกว่าตนเองเลวอยู่เสมอ นี่เป็นเรื่องใหญ่
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง
จงกล่าวโทษโจทย์ความผิดของตัวไว้เสมอ
ความจริงพุทธภาษิตนี่ ผมพูดปีหนึ่งเห็นจะเกิน๓๖๕
ครั้ง เตือนให้มีความรู้สึก
ทำไมถึงพูด ที่พูดก็เพราะทราบว่า ท่านที่มีความปร
ะมาทอยู่มากมีอยู่ บางท่านก็เหลิงในความดีของ
ตน ความจริงผลมันยังไม่ได้
คนที่ได้ผลนี่เขาไม่เหลิง เขามีแต่การระมัดระวังตน

โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ฌานหลับ

ความจริงถ้าเราสามารถทำจิตเข้าถึงฌานได้ทุกวัน ถ้าทำเข้าถึงฌานได้ทุกวันนี่ การตายของเราทั้ง
หมด แม้แต่เรื่องนรกเลิกกลัวได้ ใช่ไหม นี่วิธีเข้า
ฌานแบบง่ายๆ ก็นอนหลับเข้าฌาน
ฌานหลับ อันนี้มันเป็นฌานจริงๆ

คือว่าเวลานอนลงไปเราจะภาวนาอย่างไรก็ได้ที่
เป็นกุศล แต่ว่าจะพิจารณาลมหายใจเข้าออก
เฉยๆ ก็ได้ หรือว่าพิจารณาขันธ์ ๕ ก็ได้
ถ้าจิตอยู่ในอารมณ์ทั้ง ๓ ประการนี้ก็หลับไป
จงทราบว่าถ้าจิตเราไม่เข้าถึงปฐมฌานเพียงใด
มันจะไม่ยอมหลับ

ทีนี้ถ้าเราภาวนาอยู่หรือพิจารณาอยู่ กำหนดรู้ลม
หายใจเข้าออกอยู่ แล้วก็หลับไป
ขณะหลับตอนนั้นจิตเข้าถึงปฐมฌาน แล้วจึงหลับ
ในขณะที่หลับอยู่ท่านถือว่า หลับทรงอยู่ในฌาน
ถ้าตายเวลานั้นเป็นพรหม

ที่มา จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๑๖ หน้า ๒๘
(โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ภาพปาฏิหาริย์ ภาพงานพิธีเททองหล่อรูป
สมเด็จองค์ปฐม วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕
ที่ปะรำพิธีเททองหน้าวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร วัด
ท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ทำความเข้าใจให้ถูกในวิชามโนมยิทธิและทิพจัก
ขุญาณ เพื่อผลของการปฏิบัติ

….”อย่าถือเห็นชัด ถือความรู้สึกเป็นสำคัญ
อย่าถือเอาภาพแจ่มใส ภาพนี่เห็นหรือไม่เห็นไม่
สำคัญ ถือเอาความรู้สึกของจิตเป็นสำคัญ..”

# คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

..”ตามธรรมดาคนเรานี่ถ้าก่อนที่จะตายไปเป็น
สัตว์นรกก็ดี ไปเป็นเปรตก็ดี เป็นอสุรกายก็ดี
เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี
หรือจะไปนิพพานก็ดี อารมณ์ส่วนนี้ทั้งหมดมันจะ
ต้องมีอยู่ในตัวก่อน
แล้วคนที่จะไปเป็นเทวดา ก่อนตายต้องเป็นเทวดา
ก่อน เมื่อตายแล้วจึงไปอยู่ในดินแดนของเทวดาได้ คนที่ตายแล้วจะไปเป็นพรหม ก็ต้องเป็นพรหมไป
ตั้งแต่ก่อนตาย ถ้าตายแล้วจะไปนิพพาน ก็ต้อง
มีอารมณ์เฉพาะนิพพานประจำตัวก่อน..”

ที่มาจาก หนังสือ รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๓
(โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ห่วงกายมากกว่าความดี ใช้ไม่ได้

ไอ้เรื่องอาการทางกายนี่เลิกถามกันเสียทีนะ
มันจะเป็น มันจะตายยังไง ก็เชิญมันเถอะ
ให้มันตายไป
ถ้ามัวกลัวตายจะมานั่งเจริญกรรมฐานกันอยู่ทำไม
ความดีมันไม่ได้หรอก
คนกลัวตาย ห่วงกายห่วงมันมากกว่าความดี
มันใช้ไม่ได้ อย่างนี้ไม่เอาไม่คบ

ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

หวังนิพพาน

การเกิดเป็นคนในมนุษยโลกมันเต็มไปด้วยความ
ทุกข์ เราไม่ต้องการมันอีก
ก็ตัดสินใจทำตัวเพื่อพระนิพพาน
เพราะแดนพระนิพพานเป็นแดนที่หมดทุกข์
แต่ความจริงการตัดสินใจเพื่อพระนิพพานมันจะไป
ชาตินี้ได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ
ถ้าเราหวังนิพพานแล้วอารมณ์มันไม่ต่ำ
ถ้าชาตินี้บังเอิญไม่ได้นิพพานจริงๆ
เราพยายามสร้างความดีแต่กำลังไม่ถึง อย่างเลว
เราก็ไปติดอยู่เทวดาหรือนางฟ้าก็ยังมีความสุข
ถ้ากำลังสูงกว่านั้นก็อาจจะไปติดอยู่กับพรหมก็ยัง
มีความสุขยิ่งขึ้น ต่อจากนั้นไปก็บำเพ็ญบารมีต่อ
ก็สามารถไปนิพพานได้

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้า ๑๔๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“อารมณ์จิตของตัวเองน่ะ ควรจะรู้ แต่อารมณ์จิต
ของบุคคลอื่นอย่าไปรู้ ไปรู้เข้ามันจะยุ่ง
ไม่ใช่ภาระของเรา มันเป็นความดีความชั่วอะไร
ของเขาก็เป็นเรื่องของเขา”
**คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง