เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

“ความตายย่อมไม่มีนิมิตและเครื่องหมาย
ไม่มีอะไรเป็นสัญลักษณ์ และจะบอกไม่ได้
ฉะนั้น เป็นคนอย่าประมาทความตาย จงคิดถึง
ความตายเป็นปกติ”
(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่องสมาธิทรงตัวไม่นาน

ในการเจริญกรรมฐานนี่ สมาธิเราจะบังคับ
สมาธิให้ทรงตัวนานขนาดนั้นนี้เป็นไปได้ยาก
เพราะในขั้นนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของการฝึก
ถ้ายังไม่สำเร็จพระอรหันต์เพียงใด
ขอทุกคนคิดว่าเราอยู่ในขั้นของการฝึก
ในขณะที่อยู่ในขั้นของการฝึก
บางทีท่านพุทธบริษัทจะคิดว่าจิตมันไม่สงบ
มีคนมาปรารภมาก อยากจะเจริญกรรมฐานเหมือ
นกัน แต่จิตใจมันวุ่นวาย
อันนี้ก็ขอบอกไว้ตอนนี้เลยว่าถ้าบุคคลใดจิตใจไม่
วุ่นวายก็ไม่มีครูสอนกรรมฐานสอนให้
เพราะอะไร เป็นพระอรหันต์แล้วสอนอย่างไร
คนที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์จิตใจต้องวุ่นวายทุกคน
มีการกระสับกระส่ายทุกคน
ความวุ่นวายของจิตมันวุ่นวายไปจนถึงอรหัตมรรค
ยังเป็นปุถุชนก็วุ่นวายมากหน่อย เพราะตกอยู่ใน
สภาวะของนิวรณ์ ๕ ประการ
เราวุ่นในนิวรณ์ ๕ ประการ มันทำให้ยุ่ง เราสามารถ
จะระงับได้ชั่วคราวขณะใดขณะหนึ่งตอนใดตอน
หนึ่งที่เราเจริญพระกรรมฐาน
สมมุติว่าตั้งเวลาไว้ ๓๐ นาที มันก็มากพอ แต่ว่าใน
ช่วงเวลา ๓๐ นาที เหลือเวลาประมาณ ๒๕ นาที มัน
เป็นทาสของนิวรณ์ คิดโน่นคิดนี่วุ่นวายไปหมด
แต่ว่ารวมแล้วสงบใจจริงๆ ประมาณ ๕ นาที อย่าง
นี้ควรจะพอใจ

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๕๘-๕๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ดีชั่วอยู่ที่ใจ

กิเลส แปลว่าความชั่วที่เข้ามาสิงจิต
ทำจริตจริยาของเราให้เศร้าหมอง คือเลว
อาการของเราที่จะดีจะชั่วนี่
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอยู่ที่ใจโดยเฉพาะ
ถ้าใจดีเสียอย่างเดียว กายวาจาก็ดีด้วย
ถ้าใจเลวเสียอย่างเดียว กายวาจาก็เลวด้วย
นี้คำว่าที่สุดของความทุกข์ ก็คือว่าจิตหมด
ความชั่ว เมื่อจิตหมดความชั่ว จิตก็ไม่สั่งงาน
ชั่วมาทางกายและวาจา เมื่อความชั่วไม่มี
ความทุกข์ใจมันก็ไม่มี หมดเรื่องกันไป

พระราชพรหมยานเถระ(หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

จงอย่าเป็นผู้แพ้ต่ออารมณ์ของความชั่ว เราจงเป็น
ผู้ชนะ ถ้าวันหนึ่งเราชนะตลอดวันไม่ได้ ก็ชนะเป็น
พักๆ ไม่ช้านานเท่าไร จิตก็จะเกิดความเคยชิน

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

วิธีนึกถึงภาพพระ

วิธีที่ปฏิบัติจริงๆ อย่ามัวคิดว่าจะต้องนั่งขัดสมาธิ
จะต้องนั่งพับเพียบเสมอไป
ถ้านึกถึงภาพพระเวลาเดินไปเดินมาทำการงานก็ดี ไปธุระก็ดี ให้นึกถึงไว้เป็นปกติให้ชิน
ถ้าจะถามว่าทำอย่างนี้ได้หรือ ก็ต้องตอบว่าทำได้
เพราะอาตมาทำมาแล้ว
เราเดินไปถ้าคุยกับใครเราก็คุยไป
เวลาว่างจากการคุยนึกถึงภาพพระให้นึกถึงทันทีทั
นใด คำว่าเห็นนึกเห็นนะ นึกจำภาพได้
ไม่ใช่ภาพพระลอยมาที่หน้า ภาพพระลอยมาอันนี้
ช้า จะไม่มีผล มันจะเป็นอุปาทาน
ต้องการให้นึกถึงภาพพระองค์นั้น แต่บางทีเรานึก
ถึงภาพพระพุทธรูปท่านนั่งชอบใจองค์นั่ง
บางครั้งดูเห็นไปเห็นมาเห็นมาเห็นไปกลายเป็นพระ
นอน บางทีกลายเป็นพระยืน
อันนี้ก็ปล่อยไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล
คือจะนึกว่าเป็นภาพพระนั่งก็ดี พระนอนก็ดี พระยืน
ก็ดี ท่านก็คือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
สนใจแค่พระพุทธเจ้าอย่างเดียวอย่างนี้พอ

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๗๙-๘๐



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

กิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-อกุศล นำพาจิตให้หลง
ผิดจากความเป็นจริง:

อะไรทำให้เราอยาก กิเลส ความเลวทรามของจิต
จิตที่ประกอบไปด้วยความโง่ ไม่ได้ใช้ปัญญาเป็น
เครื่องพิจารณา ทำให้เราอยากตัณหา
เมื่อกิเลสความโง่มันเข้ามาสิงใจ มันเสี้ยมสอนว่า
ของสกปรกเป็นของสะอาด
ตัณหาก็ช่วยดึงของสภาวะเช่นนั้นเข้ามาเรียกว่า
ความอยาก เมื่อดึงเข้ามาแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าสกปรก
อุปาทานยึดมั่นเข้าไว้ว่าจะเป็นสภาวะอย่างไรก็
ตาม มันก็เป็นเราเป็นของเรา
นี่ความโง่ใหญ่มันเข้ามาอีกแล้ว
ทั้งๆ ที่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันสกปรก
มันมีสภาพเกิดขึ้นในเบื้องต้น
มีความทรุดโทรมเปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง
และก็มีการสลายตายไปในที่สุด
ความโง่คืออุปทาน ยังจะเข้ามาเสี้ยมสอนใจว่าสิ่ง
นี้มันเป็นเรา เป็นของเรา อุปทานมันเสี้ยมสอนใจ
ทำใจให้มัวเมาอย่างนี้
และอกุศลคือความโง่มันก็เกิดมาในใจว่าอะไรก็ตา
ม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะพลัดพรากจากเราไปไม่ได้
มันกับเราจะต้องอยู่คู่กันอยู่ตลอดเวลา ตลอดสมัย
รวมความว่าความโง่ใหญ่ที่เกิดขึ้นมาด้วยเหตุ
๔ ประการ

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้าที่ ๙๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ธรรมโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง

ชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ถ้าเราเกิดอีก เราก็
ลำบากอีก อย่าเกิดเลยดีกว่า
งานที่ทำขอให้คิดว่าทำเพียงหน้าที่ๆ จะต้อง
เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ทำไป
และอย่าติดหน้าที่ คิดวางคิดปล่อย คลายความ
เมา ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรม
แต่อย่าบกพร่องในหน้าที่
พระพุทธพยากรณ์เมื่อไม่ชานี้ พ่อดีใจ ท่านตรัสว่า
ความยาวของชีวิตพ่อมีประโยชน์กับลูกและหลาน
ลูกทุกคนจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีก พ่อดีใจ
ถ้าต้องทรมานกายเพื่อความถึงที่สุดของลูกและ
หลาน พ่อทนได้เสมอ



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

หาจุดเลวตัวเองให้เจอ

ก่อนที่จะทำก่อนที่จะพูดน่ะใคร่ครวญเสียก่อน
อย่าไปคิดเห็นบุคคลอื่นว่าเขาเลว
เราเห็นคนอื่นเลวนี่ก็กลายเป็นการสร้างความ
เลวให้เกิดขึ้นแก่ใจของเรา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้กล่าว
โทษโจทย์ความผิดตัวเองว่ามันเลวไว้เสมอ
หาจุดความเลวของกาย
หาจุดความเลวของวาจา
หาจุดความเลวของใจ อย่าไปหาจุดของความดี
ถ้าพบจุดความเลวจุดไหน ทำลายความเลวจุด
นั้นให้หมดไป แล้วความดีมันก็ปรากฏเอง

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๒๘



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

กรรมฐานทำได้ทุกอิริยาบถ

ความจริงคนที่จะเจริญพระกรรมฐาน มีเวลา
พอด้วยกันทุกคน
เพราะเวลาที่ว่างจริงๆ มีอยู่ คือเวลานอน
นอนว่างไหม คือเวลานอนนี่ว่าง
เวลาเจริญพระกรรมฐาน ตอนหัวค่ำ ถ้ามีเวลา
พอจะนั่งทำได้ การทำนี่โปรดทราบ ทำได้ทั้งนั่ง
ทั้งนอน ยืน เดิน ในอิริยาบถทั้ง ๔ มีผลเสมอกัน
ถ้าเรานั่งไม่สบายก็นอน นอนไม่สะดวกก็ยืน
ยืนไม่สะดวกก็เดิน แต่เขาแค่เดินนะ ไม่ถึงวิ่ง
ถ้าถึงวิ่งจะยุ่ง

ถ้าหากถามว่านั่งแบบไหนจึงจะถูกต้อง
ก็ต้องตอบว่านั่งแบบสบายน่ะถูกต้อง
ถ้าเรานั่งพับเพียบสบายก็นั่งพับเพียบ ถ้าเมื่อยก็
พลิกได้ ถ้านั่งขัดสมาธิสบาย ก็นั่งขัดสมาธิ แต่ว่า
ไม่ควรนั่งเหยียดขาไปทางพระพุทธรูป
ถ้านั่งแบบนั้นไม่สบาย เรานั่งเก้าอี้ก็ใช้ได้ นั่งห้อย
ขาที่นอกชานบ้านก็ใช้ได้

ถ้านอน นอนท่าไหนถึงจะถูก ต้องตอบว่าก็นอน
ท่าที่เราสบาย เพราะมันไม่ฝืนกาย ไม่ฝืนใจ
จะนอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงขวา เอนกาย
นอนหงาย นอนคว่ำ ก็ตามใจ
เอากันแค่สบายก็แล้วกัน รวมความแล้วให้ถือว่า
เราฝึกที่ใจ เราไม่ได้ฝึกที่กาย

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๔๑-๔๒



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ปฏิปทาหลวงพ่อ

ภาระที่อาตมาต้องทำเป็นปกติ คือยามปกติเมื่อ
จิตว่างจากอารมณ์อื่น ก็จะเข้าถึงสมาธิ ตั้งใจ
ภาวนาทันที ภาวนาบ้างพิจารณาบ้าง
จิตของอาตมาจะไม่ว่างจากคำภาวนาและ
พิจารณา นอกจากจะมีงานอื่นเข้ามาแทรก
ขอท่านทั้งหลายถ้ามีโอกาสทำตามนั้น
เราตายจากความเป็นคนจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็น
เทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เพราะยังไม่พ้นทุกข์
เราตั้งใจไว้เฉพาะอย่างยิ่งนั่นคือพระ
นิพพานอย่างเดียว

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๑๗๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ให้เชื่อมั่นในความดี

ขอให้ทุกคนจงมั่นใจในความดีของทุกคน ที่เคย
ปฏิบัติในพระพุทธศาสนามาแล้วอย่างดีเลิศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่พอใจในการเจริญ
สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
อย่างน้อยที่สุดจริงๆ ต้องมีบารมีถึงอุปบารมี
หากว่าผู้ใดมีจิตใจต้องการพระนิพพานเป็นอารมณ์
พวกนี้เป็น ปรมัตถบารมี มีสิทธิ์ไปนิพพานในชาตินี้
ตั้งใจไว้แบบนี้นะ

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“อารมณ์โสดาบันจริง ต้องมีใจรักพระนิพพาน”

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การกำหนดรู้ลมหายใจ

ตอนต้นบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท อันดับแรก
ขอให้ทุกคนกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก
คือว่า กำหนด นี่เป็นศัพท์ที่เขาเขียนกันไว้ในเรื่อง
ของการเจริญกรรมฐาน
ถ้าจริงๆ พูดฟังง่ายๆ คือ เข้าไปรู้ลมหายใจเข้าออ
กเอาจิตเข้าไปรับทราบ
หายใจเข้าจิตก็รับทราบว่าเวลานี้หายใจเข้า
หายใจออกจิตก็รับทราบว่าเวลานี้หายใจออก
ถ้าจะให้ดีกว่านั้นอีกนิด ถ้าจิตละเอียดขึ้นมาหาย
ใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้นก็รู้
ถ้าขณะใดจิตรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออก อย่าง
นี้จิตเป็นสมาธิ เพราะว่าคำว่าสมาธิคือจิตเข้าไป
ตั้งมั่นในส่วนใดส่วนหนึ่งของอารมณ์

ที่มา : รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๖ หน้า ๘๑
…………………………………………………………………
โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม
(ท่าซุง) อุทัยธานี



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

บารมี ๓ ระดับ

” คนที่มี บารมีต้น นี่นะ เขาจะเก่งแค่ทานกับ
ศีลอย่างเก่ง ถ้า อุปบารมี ก็จะเก่งแค่ฌานสมาบัติ
จิตใจพอใจมาก แต่พูดเรื่องนิพพานไม่เอาด้วย
คนที่มีบารมีเข้าถึง ปรมัตถบารมี เท่านั้น
จึงจะพอใจในนิพพาน”

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

วิธีฝึกทิพจักขุญาณให้เกิดการทรงตัว

ทิพจักขุญาณนี้มันมีประโยชน์ ความจริงวิธีปฏิบัติ
ก็ไม่มีอะไรยาก เป็นของธรรมดาๆ ที่เราจะสามารถ
ชนะอารมณ์ฟุ้งซ่านของจิตได้เสียอย่างเดียว
เราไม่ซ่านไปทั้งหมดหรอก
ซ่านในด้านความรัก ในกามารมณ์เราก็ไม่ซ่าน
ซ่านในด้านความโกรธ ความพยาบาทเราก็ไม่ซ่าน
ซ่านในด้านคิดถึงอารมณ์ภายนอก เราก็ไม่ซ่าน
ซ่านในด้านแห่งความสงสัย เราก็ไม่ซ่าน
ปักมันตรงเข้าไว้ สร้างกำลังใจปักตรงดิ่งในอารม
ณ์ที่เราต้องการในนิมิตที่เราต้องการ
นี่ความจริงมันก็แค่นี้ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรหนัก

สำหรับท่านที่บอกว่าทำไม่ได้ ความจริงการทำ
แบบนี้มันลงทุนสักเท่าไร
ถ้าเราจะเอากันจริงๆ ครั้งละ ๕ นาทีพอ
นั่งจับภาพไฟก็ดี ภาพสีขาวก็ดี ภาพแสงสว่างก็ดี
ลืมตาดูภาพจับอารมณ์ให้ทรงตัวไห้ได้ ภายใน ๕
นาที จะไม่ยอมให้จิตหลีกเลี่ยงไปสู่สภาวะอย่างอื่น เรื่องสภาวะนี่ชอบพูดนัก
ใครเขาจะรู้เรื่อง ไอ้ที่รู้ก็มีไม่รู้ก็มี
เป็นอันว่าไม่ยอมให้จิตกับอารมณ์อื่นเป็นอันขาด
ให้จิตทรงตัวอยู่ตามนั้น
นี่มันขึ้นอยู่กับกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่มีอะไรเลยเป็นของยากของลำบาก

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๘๕



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อารมณ์ของความโกรธ

อารมณ์โกรธนี่เป็นอารมณ์ของความเร่าร้อนไม่
ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย เราจะฆ่าเขาเขาก็ตาย
เราจะกลั่นแกล้งให้เขามีทุกข์เขาก็มี
ถ้าเราไม่ฆ่าเขาเขาก็ตาย
เราไม่กลั่นแกล้งให้เขามีทุกข์ เขาก็ทุกข์อยู่แล้ว
ฉะนั้นจะต้องไปทำทำไม
ถ้าเรารักตัวเราก็อย่าสร้างโทสะ ความโกรธให้
มันเกิดขึ้น มันสร้างความเร่าร้อนเปล่าๆ ไม่ได้
เกิดประโยชน์ ใครจะบ้าก็ปล่อยให้เขาบ้าไป
ตามเรื่องตามราว
เป็นอันว่าคนที่ทำให้เราโกรธ เราคิดว่านั่นเขาบ้า
เขาบ้าตรงไหน บ้าชีวิต บ้าฐานะ บ้าความเป็นอยู่
เพราะอะไร ถ้าคนโกรธก็มีอาการเหมือนคน
บ้านั่นเอง ยามปกติคนทุกคนต้องการความ
สงบเสงี่ยม ต้องการความเรียบร้อย
แต่ทว่า ความโกรธเกิดขึ้น สติสัมปชัญญะแห่ง
ความดีมันก็หายไป มันก็เหลือแต่ความเลว มัน
หลั่งไหลมานอกหน้า นี่ถ้าเราสงสารตัวเราเอง
เราก็จงอย่าโกรธ เพราะถ้าเราไม่โกรธ เราไม่บ้า

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ถ้ายังไม่ตายเข้านิพพานเพียงใด
คำว่าดีหรือเก่ง ยังไม่มีกับเราแน่ เพราะยังมี
ร่างกายเป็นตัวทรมานเราอยู่ ยังมีหนาว ร้อน ป่วย
กระทบกับอารมณ์ที่ไม่พึงใจเป็นต้น
จึงชื่อว่าดีหรือเก่งไม่ได้

พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ถ้าใครมีจิตใจรักศีลเป็นสำคัญ
มีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง
ในพระอริยสงฆ์จริง
จิตใจมุ่งมั่นปรารถนาอย่างเดียวคือพระนิพพาน
ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้มีบารมีเต็ม

คำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

วิสุทธิเทพ แปลว่าเทวดาที่มีความบริสุทธิ์ ไม่มี
ความสกปรก คำว่า “วิสุทธิเทพ” ก็มีลักษณะ
เหมือนเทวดา แต่ว่าสดใสกว่า บางกว่า
และลักษณะจริงๆ ถ้าเราขึ้นไปนี่ ถ้าท่านไม่แสดง
ให้หนาขึ้นมา เราเกือบจะไม่เห็นเลยนะ เกือบจะ
กลืนกับอากาศเลย ความบางของท่านน่ะ ที่เรา
เห็นกันได้ชัดก็เพราะว่าท่านแสดงให้หยาบออกมา

ทีนี้ ตามที่ท่านบอกว่า ผีนี่มีกายหยาบมาก แต่ว่าผี
ถ้าไม่ต้องการให้มนุษย์เห็น ก็เห็นไม่ได้ ธรรมดานะ เทวดา ไม่ต้องการให้ผีเห็น ผีก็เห็นไม่ได้
พรหมนี่มีกายละเอียดกว่าเทวดา ถ้าพรหมไม่ต้อง
การให้เทวดาเห็นก็เห็นไม่ได้
ถ้านิพพานมีกายละเอียดกว่าพรหม ถ้าไม่ต้องการ
ให้พรหมเห็น พรหมก็ไม่สามารถจะเห็นได้ เป็น
ชั้นๆ ไปนะ

โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

พระพุทธรูปถือว่าเป็นพระพุทธปฏิมากร แทน
พระพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่ว่าเทวดากับพรหมที่
รักษาอยู่เฮี้ยนมาก ศักดิ์สิทธิ์มากมีกำลังสูง
โดยมากพระพุทธรูปที่เห็นว่ามีความสำคัญ
จะมีพรหมมาอารักขา
ถ้าพรหมรักษานี่เฮี้ยนศักดิ์สิทธิ์มาก

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง