เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

วิปัสสนาต้องอาศัยศีลกับสมาธิ

คำว่า วิปัสสนา แปลว่า รู้แจ้งเห็นจริง เป็นบทที่
ใช้ปัญญาโดยเฉพาะ
แต่คำว่าใช้ปัญญาโดยเฉพาะนี่ บรรดาท่าน
พุทธบริษัทจะใช้เฉพาะปัญญาจริงๆ นี่ไม่ได้
พื้นฐานเดิมจริงๆ ต้องมีศีลมาก่อน
เมื่อจิตมีศีลแล้วก็ต้องทรงสมาธิ
ถ้าศีลไม่มี สมาธิไม่มี วิปัสสนาญาณไม่มีผล
กำลังใจจะไม่สามารถตัดกิเลสให้เป็น
สมุจเฉทปหานได้
ฉะนั้น คำว่าวิปัสสนาญาณก็ต้องบวกศีลกับ
สมาธิด้วย หรือที่เรียกว่าบวกศีลกับสมถะพร้อม
วิปัสสนาญาณ

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๘๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เวียนว่ายตายเกิดเป็นของน่าเบื่อ

ถ้าเรายังไม่สิ้นกิเลสเพียงใด การเวียนว่ายตาย
เกิดในวัฏฏะยังมีอยู่
ตายจากความเป็นคนมาเกิดเป็นคนก็ยังดี ส่วน
ใหญ่ก็ไปอบายภูมิ ไปสวรรค์หรือพรหมก็มีน้อย
ไปเกิดในอบายภูมิมีนรก เป็นต้น ก็ทุกข์หนักกว่านี้
ก็รวมความว่าถ้าเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่าง
นี้ก็ไม่สิ้นทุกข์ ฉะนั้น การเกิดประเภทนี้เป็นของ
น่าเบื่อ นี่ นิพพิทาญาณ นะ

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่องเจ้ากรรมนายเวร

เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก
มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็น อกุศลกรรม
ถ้าบอกว่าเจ้ากรรมนายเวรก็หมายถึงบาปที่
เป็นอกุศลที่เราทำไว้
ตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก
อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา
แต่ว่ากฎของกรรมมันเล่นงานเรา
ถ้าปลามานั่งจองเวรคอยลงโทษเรา แกก็ไม่
ต้องไปเกิดละ
คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่นะ ถ้าพูดตามส่วนจะ
ว่าไม่มีก็ไม่ได้
ถ้าหากเราปฏิบัติขั้น สุกขวิปัสโก เราจะบอกว่า
ไม่มีตัวเพราะไม่เคยเห็น
แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น ต้องพูดตาม
ขั้นนะ ถ้าเราว่ากันตามหนังสือก็คิดว่าจะไม่มี

โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คาถาสัมปติจฉามิ กับ สัมปจิตฉามิ

สัมปติจฉามิ ผลก็คือ หนึ่ง ข้าศึกไม่เห็นตัว
สอง มีเมตตามหานิยมทุกอย่าง เป็นเมตตาบารมี
แล้วก็สาม ป้องกันอันตรายทุกอย่าง
ทุกคนภาวนาว่า สัมปติจฉามิ นะ

แล้วก็บทที่ ๒ สัมปจิตฉามิ ถ้าใครเขากลั่นแกล้ง
เราสักเพียงใดก็ตาม ผลการกลั่นแกล้งนั้นจะตก
แก่ผู้กระทำและพรรคพวก

รวมความว่า สัมปติจฉามิ กับ สัมปจิตฉามิ
ให้ทุกคนภาวนาไว้เป็นปกติ
เวลาจะภาวนาให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน
ถ้าภาวนาคาถา ๒ บทนี้ หรือบทใดบทหนึ่ง ถือว่า
เป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน
ทั้งนี้เพราะว่า เป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าให้โดยตรง

โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง ทำดีหนีเคราะห์

การทำบุญสะเดาะเคราะห์ เราต้องใช้กำลัง
ของอตีตังสญาณถอยหลังดูว่าเคราะห์มันมา
จากไหน และทำอย่างไรมันจึงจะมีผล
ถ้าทำกันส่งเดช เสร็จ !
การทำบุญสะเดาะเคราะห์ เขาถือว่าเป็นการทำ
ให้เป็นบุญขึ้นมา
ถ้าทำเรื่องชดใช้หนี้ ต้องถามเขา
ไอ้เคราะห์จริงๆ มันหนีไม่พ้นหรอก
อย่างมากที่สุดได้แค่หนักเป็นเบาไปนิดเดียว

เพราะว่าคำว่า “เคราะห์”
เกิดจากกรรมที่เป็นอกุศลเดิมที่เราสร้างมันไว้
และกรรมที่เป็นอกุศลเราหนีไม่ได้
กรรมบางอย่างมันตามเรามาตั้งพันชาติ มันยังไม่
มีโอกาสให้ผลก็มี มันคอยจังหวะอยู่นั่นแหละ
ถ้าเราเผลอเมื่อไร มันก็หวดเมื่อนั้น
กรรมบางอย่างให้ผลในปัจจุบัน
กรรมบางอย่างให้ผลในชาติต่อไป

สิ่งที่จะบรรเทาได้ก็สร้างกรรมที่เป็นกุศลให้มันหนั
ก และให้มีกำลังสูงกว่า
เหมือนหมาไล่กัดเรา เราก็ซ้อมวิ่งไว้ ถ้าเรามีกำลัง
มาก เราวิ่งเร็วกว่า หมาตามกัดไม่ทัน
ทำดีหนีเคราะห์ดีกว่านะ

โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ที่มา : พ่อสอนลูก หน้า ๘



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ถ้าเราจับ พระนิพพาน ได้แล้ว
ลูกแก้วของพ่อไม่ต้องวิตกกังวล
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเราหมด”

.. คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

นินทา ปสังสา เป็นธรรมดาของชาวโลก ถึงแม้ว่า
ถ้าจะกล่าวกันโดยทางธรรมจะมีผลไม่ใหญ่โต
แต่ว่าทางคดีโลกนี้แล้วไซร้มีผลใหญ่มาก
คือบุคคลใดถ้าถูกนินทาว่าร้าย
กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ กว่าเขาจะรู้ว่าคนที่ถูก
นินทาว่าเป็นคนบริสุทธิ์ เป็นคนดี
ดีไม่ดีชาวบ้านชาวเมืองก็หลงโกรธ หลงเกลียด
มานับเป็นเวลาแรมปี

ที่มา : คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๔๘



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ก่อนที่เราจะดับจิตหรือจิตออกจากร่าง เวลานั้นถ้า
บังเอิญจิตนึกถึงบุญกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลา
นั้นถึงแม้จะเป็นคนมีบาปมากขนาดใดก็ตาม แต่ใน
เวลานั้นจิตเป็นกุศลก็จะไปสวรรค์ก่อนเหมือนกัน

พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

บกพร่องในศีล

เป็นอันว่า นักเจริญพระกรรมฐาน จะก้าวเข้าไป
สู่ความเป็นผู้ทรงฌานก็ดี จะเป็นพระอริยเจ้าก็ดี
ท่านจะบกพร่องในศีลไม่ได้
แต่ขณะใดขึ้นชื่อว่าท่านเป็นผู้บกพร่องในศีล
ก็แสดงว่าท่านเอาดีไม่ได้เลย ทั้งนี้เพราะอะไร
เพราะว่าถ้าศีลบกพร่องก็แสดงว่า เราตายแล้ว
ต้องไปเกิดในอบายภูมิ
แล้วก็ถ้าเป็นผู้ทรงฌานเกิดเป็นพรหม หรือว่าเป็น
ผู้ทรงอุปจารสมาธิ ขณิกสมาธิเกิดเป็นเทวดา หรือ
ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานไปนิพพาน จะไป
ได้อย่างไรในเมื่อศีลของเราบกพร่อง เราต้องเป็น
สัตว์ในอบายภูมิ

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๔๗



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ต้องมีความเพียร

การฝึกจิตให้คล่องในการเข้าสมาธิ ต้อง
พยายามทำ จงอย่าคิดว่าทำไม่ได้
ไม่มีใครเขาทำได้มาตั้งแต่เกิด
ทุกคนต้องฝึกเหมือนกัน
พระอรหันต์ทุกองค์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์
ท่านก็ฝึกกันมาแบบนี้ ค่อยทำค่อยไปทีละน้อยๆ
ในที่สุดมันก็เข้าถึง ถ้าเราไม่ละความพยายาม

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“..นัตถิ โลเก อนินทิโต
คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก

โดยเฉพาะพระพุทธเจ้ามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มา
กถูกหนักกว่าเรา
พวกเราเขานินทาข้างหลังเขาอาจจะด่าไกลๆ ไม่
ให้เราได้ยิน นานๆ จะมีคนด่าต่อหน้าสักทีหนึ่ง
บางทีในชีวิตเราอาจจะมีด่าต่อหน้าไม่เกินสอง
ครั้งเราก็ตายหมดอายุ
แต่ว่าพระพุทธเจ้านี่ถูกคนด่าต่อหน้าหลาย
วาระเยอะเลย
ไปเมืองไหนถูกด่าทุกเมือง สบายมากใช่ไหม
ถูกด่าจนกระทั่งพระอานนท์เป็นพระโสดาบันทน
ไม่ไหว แต่ว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงเฉย
เมื่อพระพุทธเจ้าถูกด่าถูกว่า
พระอานนท์ก็กราบทูลขอให้ไปเมืองอื่น
พระพุทธเจ้าถามว่าจะไปไหน
พระอานนท์บอกไปเมืองโ้น้นพระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าถามว่าถ้าไปเมืองโน้นเขาด่าเรา เรา
จะไปไหน ท่านก็บอกว่า ไปเรื่อยไป
พระพุทธเจ้าถามว่า
ถ้าเราไปแล้วเขาด่าเราทุกเมืองเราจะไปไหน”

โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

“ขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงเห็นว่าชีวิตมีความ
หมายน้อยกว่าความดี
เราเกิดมาแล้วคราวนี้เราต้องตาย ไหนๆ จะตาย
ขอให้เราตายอยู่กับความดีเท่านั้นเป็นพอ
และถ้าความดีนี้เป็นความดีสูงสุด ลูกรักทั้งหมด
ของพ่อก็จะไปนิพพานได้”



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง ธรรมประจำใจ

การเจริญความดีในพระพุทธศาสนา
เราต้องทรงอารมณ์เป็นผู้ชนะไว้เสมอ
ไม่ทำตน เป็นบุคคลผู้แพ้
เราต้องมี สัจจะ คือความจริง
มี วิริยะ คือความเพียร
มี สติ การทรงระลึกนึกขึ้นมาได้
มี ปัญญา เป็นเครื่องพิจารณา ว่าอะไรมันดี
อะไรมันชั่ว อะไรมันควร อะไรมันไม่ควร
มี ขันติ ความอดทนเป็นเครื่องประจำใจ
มี อธิษฐาน ทางเจตนาเข้าไว้ว่า เราจะทำ
แต่ความดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราทิ้งไม่ได้
เราต้องมีไว้เป็นประจำ

โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๕๒



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อานิสงส์เมตตา

การ บริจาค เป็นการกำจัด โลภะ
ความโลภของจิต
แล้วคนที่จะให้ทานได้ก็ต้องประกอบไป
ด้วยความเมตตาและกรุณา ตกอยู่ในอำนาจ
ของ พรหมวิหาร ๔
ถ้าคนใดจิตจับอยู่ในอำนาจของ พรหมวิหาร ๔
วันหนึ่งสักชั่วขณะจิตเดียว พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
“เรากล่าวว่าบุคคลผู้นั้น เป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน”
แล้วคนใดที่มีเมตตาจิตอยู่แล้ว องค์สมเด็จพระ
ประทีปแก้วกล่าวว่า เขาผู้นั้นเป็นผู้มีอภัยทาน
มีอานิสงส์มาก ตกนรกไม่เป็น

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

สักกายทิฏฐิ

ขอให้คติแก่บรรดาพุทธบริษัทไว้ว่า
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา”
อารมณ์นี้เป็น สักกายทิฏฐิ
ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ถ้าใจ
ของเราตัดอารมณ์เพียงเท่านี้อย่างเดียว
ถ้าเราตัดได้อย่างเบาเราก็เป็นพระโสดาบัน
ตัดได้อย่างกลางเราก็เป็นพระอนาคามี
ตัดได้ทั้งหมดนี้เราก็เป็นพระอรหันต์
นี่เป็นคำสอนขององค์สมเด็จภควันต์บรมศาสดาสั
มมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ มารวม
อยู่ในความว่า เราไม่ประมาทในขันธ์ ๕ อย่างเดียว

โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๒๖๘ หน้า ๑๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คำว่า “ฌาน ฌานัง” แปลว่า การเพ่ง
คือตั้งจิตตรงไว้เฉพาะอารมณ์ที่เป็นกุศลท่าน
เรียกว่า “ฌาน” ฉะนั้น คำว่าฌานไม่ใช่นั่งหลับ
ไม่รู้สึกตัว ไม่ใช่อย่างนั้น
เป็นบุคคลผู้ทรงสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา

พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อวัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การทำใจให้อยู่ในความดี

อย่าเที่ยวซุกซนทำตนเป็นคนถือมงคลตื่นข่าว
ความดีไม่ใช่อยู่ที่คนอื่น ความดีอยู่ที่เรา
ใครเขาเป็นอรหันต์ เราไปเกาะเขาเราจะได้อะไร
ความเป็นอรหันต์ เขาเป็นกันที่เราไม่ใช่เป็นที่เกาะ
การเกาะคนโน้นเกาะคนนี้
เอาอะไรมาเป็นเครื่องชำระจิต
จงเอาที่บ้านที่นั่งที่นอนของเราเป็นป่าช้า
อย่าคิดว่ามันเป็นทิพย์วิมาน
เพราะที่อยู่ในชาติปัจจุบันมันมีสภาพเป็นซากศพมั
นผุพังเปื่อยเน่า มันทำลายตนเองเป็นปกติ
เราและสถานที่ต่างก็เป็นซากศพ
จะสนใจอะไรกับความสวยสดผ่องใส
มันสวยจริงหรือผ่องใสจริงหรือ โลกนี้มีอะไรดี
จงอย่าหวั่นไหวต่อความเป็นไปของโลก
โลกต่อไปจะเป็นไฟ เราจงทำใจเป็นน้ำ ใช้คำว่า
ช่างมัน ช่างมันตลอดไป เขาให้ทำเราทำ
เขาสั่งหยุดเราหยุด นี่เป็นภาวะของโลก
แต่เรื่องทำใจให้เป็นต้องทำตลอดไป
รักษาอารมณ์ รู้จักตาย รู้ว่าโลกเป็นของสลายตัว
เท่านี้พอแล้วก็จะเข้าถึงนิพพานได้

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๒๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

หนีบาปด้วยการทรงธรรม

คนเราเกิดมาในโลกที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี
ถ้าเราจะชดใช้บาปมันก็ชดใช้กันไม่ไหว
มีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือหนีบาป
การภาวนาให้จิตทรงตัว
การคิดถึงคุณพระรัตนตรัย
พยายามรวบรวม บารมี ๑๐ ประการไว้ให้ครบถ้วน
พยายามตัด สังโยชน์ ๑๐ ประการให้หมด
จรณะ..จรณะ ๑๕ ปฏิบัติให้ครบถ้วน
มีพรหมวิหาร ๔ ให้ครบถ้วน
ทรงศีลให้บริสุทธิ์ อิทธิบาท ๔ ทรงตัว
เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ ลูกรักของพ่อจะ
ไม่ต้องเกิดอีกต่อไป

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๑๘-๑๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

สมบัติพ่อให้

ลูกรักต้องถือว่า อภิญญาสมาบัติ ที่พ่อให้ลูกไว้
เป็นสมบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
ประทานมา ถ้าพ่อตายลงเมื่อไร
ขอลูกจงถือว่า อภิญญาสมาบัติ นี่แหละคือชีวิตขอ
งพ่อที่จะอยู่กับกายกับใจของลูกตลอดเวลา
คิดถึงพ่อคราวไร จงคิดถึงอภิญญาสมาบัติที่ลูกได้ และลูกก็จงภูมิใจว่า ลูกอยู่กับพ่อตลอดเวลาทุกลม
หายใจเข้าออก

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เกิดมาแล้วต้องอดทน

อย่าถือเหตุภายนอกที่เข้ามาว่ากวนใจเรา
เหตุภายนอกนี่ห้ามเขาไม่ได้
ความวุ่นวาย ในกิจการงาน กิจที่เหตุที่จะ
ต้องแบกภาระต่างๆ เป็นเรื่องของการเกิดถือ
ว่าเป็นเรื่องธรรมดา
งานมันเหนื่อยเท่าไรเราต้องเข้าใจ มันเป็นเรื่อง
ของงาน ว่าเราเสือกเกิดมาทำไม
ถ้ารู้ว่างานมันยุ่งแล้ว เสือกเกิดมาทำไม
เรามันเสือกเกิดมาแล้วนี่ เราก็ต้องยุ่งแบบนี้
เมื่อยุ่งมาแล้วก็ต้องยุ่งเพื่อใช้หนี้มัน เพื่อไม่ยุ่ง
ต่อไป ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันครบถ้วน
อย่าทำจิตใจให้มันเข้าไปกวนประสาทตัวเอง ถือ
ว่าภาระหน้าที่มีอย่างไร ทำไปเพื่อความอยู่เป็นสุข
เราชำระหนี้ส่วนที่เป็นอกุศล เพราะการอดทนต่อ
ความทุกข์นี่เป็นภารกิจของเรา

จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๓๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง