เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เรื่อง มนุสสเทโว

    ลูกหลานของหลวงปู่ ถ้าบังเอิญกำลังรับ
    ราชการก็ดี มีหน้าที่ปฏิบัติงานด้านใด
    ด้านหนึ่งก็ตาม
    หรือว่าจะอยู่บ้านของตนก็ตาม จงทำตนให้
    เป็น มนุสสเทโว
    คือมีร่างกายเป็นมนุษย์แต่ว่าใจเป็นเทวดา
    อายความชั่ว จงอย่าทำความชั่ว
    เกรงกลัวผลของความชั่ว สร้างแต่ความดี
    มีจิตใจประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔
    อย่างนี้ลูกหลานเองก็มีความสุข
    บุคคลที่อยู่ร่วมกันก็มีความสุข ถ้าทุกบ้านทุก
    เรือนมีกำลังใจอย่างนี้
    บ้านประเทศของเราจะมีแต่ความเยือกเย็น
    มีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
    ก็จะมีมากกว่านี้มาก
    ทุกคนจะมีแต่การรักกัน ไม่มีการเป็นศัตรูกัน
    จะหลับก็เป็นสุขจะตื่นก็เป็นสุข นั่งก็เป็นสุข
    นอนก็เป็นสุข

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๑๓

    -มนุสสเทโว.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    จงเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือเลยในโลกนี้
    เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้น
    แปรปรวน เสื่อมไป สลายไป ทุกอย่างไม่มีอะไร
    ควรยึดถือทั้งสิ้น

    (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ให้ทานเพื่อการสงเคราะห์
    เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มาก
    ให้พอควร อย่าให้เกินพอดี
    อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัว
    มีความทุกข์

    โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ที่มา : ธัมมวิโมกข์ ฉบับ ๕๒ หน้า ๗๐

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธีผูกจิตให้เป็นฌานในพุทธานุสสติ
    (แบบคนที่มีกำลังใจอ่อน)

    ท่านโบราณาจารย์ทั้งหลายจึงแนะนำให้ใช้วิธี
    ถวายข้าวพระพุทธรูป
    เรื่องนี้สำคัญมาก ตอนเช้ามีข้าวหรือมีผลไม้
    อะไรก็ได้นิดเดียว
    ถ้าเราขี้เกียจหาของอย่างอื่น ก็ข้าวที่เราจะกิน
    ตักเอามาก่อนถ้วยเล็กๆ กับข้าวจะเป็นพริก
    จะเป็นกะปิ หอมกระเทียม น้ำปลา ปลาร้า
    พระพุทธเจ้าท่านรับทุกอย่าง เอาไปบูชาท่าน
    ท่านไม่ได้ฉัน เป็นนิมิตเป็นเครื่องหมายว่า
    ทุกวันต้องบูชาพระพุทธเจ้าตามเวลานี้
    ถ้าทำอย่างนี้ถึงขั้นเป็นห่วง
    ถ้าเมื่อถึงเวลานั้นไม่ทำไม่ได้ เราต้องทำ
    กำลังใจไม่สบาย
    อย่างนี้ถือว่าเป็นฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน
    ถ้าทำอย่างนี้ท่านไม่ลืมแน่ แล้วก็ถ้าจะตายเมื่อไร
    ภาพที่เราบูชา ถวายข้าวพระหรือถวายพระพุทธรูป จะมาลอยอยู่ข้างหน้า
    หลังจากนั้นจะเห็นภาพพระพุทธรูปก็ดี ภาพพระ
    พุทธเจ้าก็ดี ปรากฏอย่างนี้ทุกคน
    ตายแล้วไปสวรรค์แน่
    ถ้าไปสวรรค์ก็ฟังเทศน์จากพระศรีอาริย์จบเดียว
    เป็นพระโสดาบัน นี่กำลังบารมีอ่อนนะ

    จาก : ธัมมวิโมกข์ ฉบับ ๖๑ หน้า ๔๐
    โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วัดท่าซุง)

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    พระเป็นที่จิต มิได้เป็นที่ร่างกาย
    เป็นแล้วทรงตัว จึงไม่มีใครที่จักมาสึก
    ความเป็น พระอริยเจ้าไปได้

    (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)

    -มิได้เป็น.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อทิสสมานกายของพระโสดาบัน

    ผู้ถาม “เวลาปกติของคนที่ยังไม่ได้เป็นพระ
    โสดาบันกับเมื่อเป็นแล้วนั้น อยากเรียนถามว่า
    อทิสสมานกาย นั้นจะมีรูปร่างต่างกันหรือ
    ไม่เจ้าคะ…?”

    หลวงพ่อ “ต่างกันมาก ต่างกันอย่างนี้
    อีตอนที่ยังไม่เป็นพระโสดาบันนะ สภาวะร่างกาย
    มันรุ่มร่าม ไม่แน่บางวันก็สวย บางวันก็ไม่สวย
    วันไหนศีลดี สมาธิดี วิปัสสนาญาณดี วันนั้น
    ก็แจ่มใส

    บางวันก็มีสภาพศีลไม่ดี สมาธิไม่ดี วิปัสสนา
    ญาณไม่ดี ก็ขุ่นมัว
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราได้ มโนมยิทธิ
    เราจะทราบได้ว่า คนที่ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน
    ถ้าใช้กำลัง มโนมยิทธิ ขึ้นไปแล้วจะมีสภาพไม่
    เหมือนกัน บางวันก็แจ่มใส บางวันก็ขุ่นมัว
    บางวันเห็นภาพเทวดา ภาพพระพุทธเจ้า ชัดดี
    บางวันก็ไม่ดี แต่บางวันก็มืดตื้อ ไปไม่ได้

    สำหรับพระโสดาบันเรื่องถอยหลังไม่มี
    มีแต่จะดีขึ้นเสมอไป การลดตัวไม่มี
    มีแต่แจ่มใสมากขึ้น นี่เป็นเครื่องวัด”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานตอบปัญหาธรรม
    จาก : ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๗ หน้า ๙๕-๙๖

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ไปนิพพานทำอย่างไร

    ดินแดนที่น่าอยู่จริงๆ ก็คือนิพพาน คนที่จะไป
    นิพพานได้ทำอย่างไร
    ต้องพยายามพิจารณาร่างกายตัวเอง ให้เห็นว่า
    ร่างกายของเราไม่ดีไว้เสมอ
    ความจริงมันก็ไม่ดี มันจะดีได้อย่างไร
    มันมีความหิวทุกวัน มีความหนาว มีความร้อน
    มีความกังวล กระสับกระส่ายด้วยประการทั้งปวง
    มันเต็มไปด้วยความทุกข์ ร่างกายไม่ดี
    คิดว่าร่างกายไม่ดีอย่างนี้
    เราไม่ต้องการมันอีกด้วยความจริงใจ เกิดความ
    เบื่อหน่ายในร่างกาย
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาป่วยใกล้ตาย เกิดความไม่
    พอใจในร่างกายขึ้นมา เมื่อนั้นแหละไปนิพพานแน่
    มีแค่นี้เองนะ เป็นของไม่ยาก

    (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)
    จาก : ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๗ หน้า ๕๗

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ถ้ามีคนถามว่า คำภาวนาแบบไหนดีกว่ากัน
    ก็ตอบเขาได้เลยว่า คำภาวนาแบบไหนก็ตาม
    มีผลเสมอกัน
    แต่ว่ามีผลดีหรือผลชั่วก็อยู่ที่จิตของผู้ภาวนา
    เขาจะภาวนาคาถาบทไหนก็ช่าง ถ้าจิตไม่เป็น
    สมาธิ เขาก็จะเอาผลอะไรไม่ได้เลย
    คำภาวนา เป็นเครื่องโยงจิตของเราไว้กับคำ
    ภาวนา ไม่ส่งจิตให้ไปสู่อารมณ์อื่น

    โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    -คำภาวนาแบ.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    สุดท้ายของชีวิต (จิตมีสภาพจำ)

    อย่าลืมนะ ปลายมือเวลาเจ็บหนัก ราคะ
    โทสะ โมหะ มันไม่มี
    ีป่วยหนักจะไปนึกอยากแต่งงานกับใคร ลุกไม่ไหว
    ป่วยหนักอยากจะรวยหรือ? ไม่ไหว !
    ป่วยหนักอยากจะตีใครหรือ? ไม่ไหว !

    เพราะฉะนั้นกิเลสมันว่างหมด
    ถ้าจิตจับนิพพานเป็นอารมณ์ มันจะไปเร็ว จับไว้
    ก่อน ไอ้เมื่อก่อนถึงนิพพานไปเรื่อยๆ
    จิตจะมีสภาพจำ
    ตอนนั้นช่องว่างปั๊บ! มันจะแทรกกรรมเข้าไม่ได้เลย ตีเอาขึ้นเลย พระพุทธเจ้าท่านก็ไปแบบนี้
    นี่เป็นเรื่องของท่าน

    วันนั้นที่โยมอะไรถาม ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ โยมแกร้อง
    ถามมา ถามว่า “คนยังมีกิเลสมากอยู่ ให้ตั้งใจไป
    นิพพานจะไปได้ไหมครับ เวลาตาย?”
    พอขยับจะตอบสมเด็จฯ ท่านบอก
    “ตอบเขาว่าอย่างนี้”
    ท่านอยู่ใกล้ๆ ท่านก็เลยบอกให้ถามว่า
    “คนที่กำลังป่วยร้อง โอ๊ยๆ นี่มันอยากจะไปแต่งงาน
    กับใครไหม…?” ไม่ไหว !
    “อยากจะรวยมีไหม?” ไม่ไหว !
    “อยากจะตีกับใครไหม?” ไม่ไหว !

    นี่กิเลสว่างหมดตรงนี้ กิเลสว่างหมด เหลือ
    แต่ทุกขเวทนา
    ใจเดิมที่ตั้งใจคิดว่าจะไปนิพพาน มันทรงตัว
    เป็น “อธิษฐานบารมี” มันจะพาไปเลย เท่านี้เอง
    พออรหัตผลเข้ามาปั๊บก็ตายวันนั้นแหละ !
    วันที่ตายคือวันที่เป็นพระอรหันต์ อรหัตผลเมื่อไร
    วันนั้นก็เป็นวันตาย

    โดย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม
    (ท่าซุง)
    ………..: ที่มา : สนทนาธรรม เล่ม ๔

    -จิตมีสภ.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ถ้าจิตเรายอมรับนับถือกฎของธรรมดา
    อะไรมันมีมาก็ถือว่านั่นมันเป็นเรื่องของมันอย่างนั้น ไม่ต้องไปติ สิ่งใดที่แก้ไขไม่ได้อย่าไปแก้มัน
    อย่าไปแก้ในสิ่งนั้น อย่าไปแก้ที่วัตถุ
    อย่าไปแก้ที่บุคคล เราแก้ที่ใจเรา

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ——————————————————
    จาก : ธัมมวิโมกข์ ฉบับ ๒๖๓ หน้า ๓๑

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เรื่องการทำความดี ถ้าไม่คิดว่าเราจะต้องตาย
    ไม่มีความละอายต่อความชั่ว ไม่เกรงกลัวผล
    ของความชั่ว จะเอาดีได้อย่างไร

    คติเตือนใจจากหลวงพ่อฯ

    -ถ้าไม.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อัตตนา โจทยัตตานัง

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อัตตนา โจทยัตตานัง”
    จงเตือนตนไว้เสมอ หมายถึง โจทย์ตน
    กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของตัว
    อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น
    ถ้าเราเลวมากเท่าไร
    เราก็เพ่งเล็งความเลวบุคคลอื่นมากเท่านั้น
    ถ้าเราดีมากเท่าไร
    เราก็ไม่มองเห็นความเลวของบุคคลอื่น
    เพราะยอมรับนับถือ “กฎของกรรม”
    ที่เรายังไปแส่หาเรื่องบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง
    พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง
    ทำลายความสุขใจเขาบ้าง
    นั่นก็แสดงว่า เรามันเลวถึงที่สุดของความเลว
    คือความเลวมันไม่ได้ขังอยู่เฉพาะในใจ
    มันไหลมาทางกาย ไหลออกมาทางวาจา
    จนมันล้น เลวจนล้น
    นี่ขอท่านทุกคน จงจำไว้ แล้วก็พยายามนึกไว้เสมอ อย่าไปมองดูความเลวของบุคคลอื่น
    มองดูความเลวของตน
    ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่นเขา
    ปรับปรุงเราให้มันดีที่สุด

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ
    .. . จาก : ธัมมวิโมกข์ ฉบับ ๒๖๓ หน้า ๖๗

    -โจทยัตตานัง.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “………ให้รู้จักธรรมดาไว้ให้เป็นปกติ
    คนที่มีความวุ่นวาย ติโน่นตินี่นะ
    คนประเภทนี้ก็คือเป็นคนที่ไม่รู้จัก..ธรรมดา..”

    พระราชพรหมยานมหาเถระ

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    บุญใหญ่ภาวนา พุท โธ

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านที่กำลังตั้งใจ
    เจริญ สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน
    หรือว่าตั้งใจเป็นบุญเป็นกุศล
    ถ้าคิดเสียว่ากรรมใหญ่คือกุศลใหญ่ที่ยิ่งไปกว่านี้
    จะมีไม่ได้สำหรับเรา
    ก็ขอให้ท่านนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมา
    สัมพุทธเจ้า โดยใช้อานาปานุสสติกรรมฐานกับพุท
    ธานุสสติกรรมฐาน ควบคุมเข้าไว้
    ให้กำลังใจทรงอยู่ในกรรมฐานทั้งสองประการ
    เวลาหายใจเข้านึกว่า “พุท”
    เวลาหายใจออกนึกว่า “โธ”
    อันนี้เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน เพราะว่าเวลาที่เรา
    จะตาย จิตใจของเรามีความผ่องใส
    ถ้านึกถึงคำภาวนาอย่างนี้ได้ก็ชื่อว่า ใจผ่องใส
    ยอมเป็นปัจจัยให้เข้าถึงสวรรค์ได้โดยไม่ยาก

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้าที่ ๗

    -พุท-โธ.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทำความดีทุกอย่างหวังนิพพาน

    ถ้าคนทุกคนมีความไม่ฉลาดมากเกินไป เขา
    เรียกว่าโง่น่ะ จำให้ดีต้องฉลาดพอดี
    ไม่ฉลาดมากเกินไป ก็ตั้งใจโดยเฉพาะ มันจะไป
    ได้หรือไม่ได้ก็ตามใจมัน
    เราทำบุญทุกอย่างตั้งใจไว้จุดเดียวคือ นิพพาน
    เราบูชาพระก็ปรารถนานิพพาน
    เราใส่บาตรก็ปรารถนานิพพาน
    เราสวดมนต์ก็ปรารถนานิพพาน
    เราให้ทานก็หวังนิพพาน
    เราเจริญกรรมฐานก็หวังนิพพาน จิตจับไว้จุด
    เดียวว่า ถ้าตายเมื่อไร ขอไปนิพพานจุดเดียว

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๙๗

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    จิตจับบุญก่อนตาย

    คนเราถ้าตายไปแล้ว ขณะเราจะตาย ขณะนั้นถ้า
    จิตจับในสิ่งที่เป็นกุศล
    ถึงแม้จะมีบาปมาในกาลก่อนจะมากสักเท่าไรก็
    ตาม แต่ว่าก่อนจะตายจิตจับบุญอย่างใดอย่าง
    หนึ่งโดยเฉพาะ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ลมหายใจเข้าออก อันนี้ก็เป็น
    บุญใหญ่ หรือว่าภาวนาว่า พุทโธ หรือ
    นะมะพะธะ ก็ตาม สัมมาอรหัง ก็ตาม เหมือนกัน
    หมด อะไรก็ได้
    หรือว่าไม่คิดถึงกรรมฐาน คิดว่าเราเคยใส่บาตร
    เราเคยบูชาพระ เราเคยให้ทาน เราเคยฟัง
    เทศน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
    อารมณ์มันจับอย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
    เวลานั้นบาปจะเข้าแทรกจิตไม่ได้เลย บุญเข้าขวาง เมื่อบุญเข้าขวาง แล้วเวลานั้นตายแล้วจิตออกจาก
    ร่างก็ไปสวรรค์ก่อน เห็นไหม
    และก็อย่าลืมนะ ถ้าบุญหมดไปนรกใหม่

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๙๗-๙๘

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธีฝึกทรงฌานในพุทธานุสสติ

    เอาอย่างนี้นะ ทุกวันถ้าเวลาของเรามีน้อย ก็ใช้
    เวลาก่อนจะหลับ เมื่อศีรษะถึงหมอน
    นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ
    นี่สำหรับท่านที่ไม่ได้มโนมยิทธินะ
    พวกที่ได้มโนมยิทธินี่เขาได้กำไรมาก
    นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ
    คิดว่าองค์นี้คือพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาว่า พุทโธ
    หายใจเข้านึกว่า พุท
    หายใจออกนึกว่า โธ สัก ๒-๓ ครั้ง ก็ได้ตามความ
    พอใจ มากก็ได้น้อยก็ได้แล้วก็หลับไป
    พอตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอีก
    แล้วก็ภาวนาว่า พุทโธ
    ทำอย่างนี้ทุกวันจนกระทั่งถึงวันไหนถ้าเราไม่มี
    โอกาสจะทำ วันนั้นรำคาญต้องทำ

    วิธีทำก็ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธิก็ได้ กลางวันทั้งวัน
    เราเหนื่อยยากในการงานมากก็นอน
    เวลาจะนอนก็กราบหมอนสัก ๓ ครั้ง นึกกราบ
    พระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์
    หลังจากนั้นเมื่อหัวถึงหมอนก็นอนภาวนา พุทโธ
    ทำอย่างนี้เพียงแค่ ๒-๓ ครั้งแล้วก็หลับ
    แล้วตื่นขึ้นมาใหม่เอาอีกแหละ เอาแบบนี้
    จนกระทั่งมีอาการชิน
    วันไหนถ้าไม่ได้ภาวนา พุทโธ วันนั้นรำคาญ
    ไม่สบายใจ ไม่ได้ ต้องภาวนา
    อย่างนี้ถือว่าทรงฌานใน พุทธานุสสติกรรมฐาน
    ถ้าอารมณ์ของท่านทรงฌานใน พุทธานุสสติกรร
    มฐาน แล้ว ถึงแม้ศีลมันจะขาดมันจะบกพร่องบ้าง
    ถึงอย่างไรก็ตามตายแล้วต้องไปสวรรค์แน่นอน
    เอาแค่สวรรค์ก่อนนะ

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๘๘-๘๙

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    การบูชาเทวดา

    ฉะนั้นขอบรรดาพุทธบริษัททุกท่านที่ปลูกศาล
    ยอมเคารพนบนอบเทวดาก็ดี
    เอาอาหารการบริโภคลูกไม้ขนมนมเนยไปให้
    เทวดาก็ดี ทั้งนี้ถือว่ายังไม่ถึงแก่นของเทวดา
    ก็ยังถึงผิวของเทวดา
    เป็นอันว่าเราอยู่ในเขตของแสงสว่าง เข้าไปไม่ถึง
    โคมดวงที่มันสว่างมาก แต่ว่าอยู่ชายกระแสของ
    ความสว่างก็ยังสว่างพอเห็นตัวเห็นหน้ากันได้

    ข้อนี้อุปมาฉันใด การบูชาเทวดานี้
    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสไว้เป็นการ
    เจริญสมาธิที่เรียกว่า เทวตานุสสติกรรมฐาน
    การนึกถึงเทวดาก็คือว่าเป็น อนุสสติ
    เป็นความดีอย่างหนึ่งที่จะทำให้ท่านพุทธบริษัทชา
    ยหญิงปราศจากอบายภูมิ คือ
    ไม่ต้องเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย
    เป็นสัตว์เดรัจฉาน อันนี้เห็นไหมล่ะ

    องค์สมเด็จพระชิตมารทรงสรรเสริญ
    ฉะนั้นใครเขาจะพูดว่าเทวดาไม่มีนี่ก็เป็นเรื่องของ
    ท่านผู้นั้น เพราะท่านผู้นั้นไม่ได้มีความเคารพใน
    องค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องของท่านนะ เราก็เรา ท่านก็ท่าน
    อย่าไปสนใจกับจริยาของท่าน
    ท่านจะพูดอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน เราจะนับถือ เราจะปฏิบัติอย่างไรก็เป็นเรื่องของเรา

    จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๑๔๓-
    ๑๔๔

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธีระงับนิวรณ์ตัวที่ ๔ ความฟุ้งซ่าน

    วิธีที่๑)

    นิวรณ์ข้อที่ ๔ คือ อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน
    อันนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาทรง
    แนะนำให้ใช้ อานาปานุสสติกรรมฐาน โดยเฉพาะ
    ไม่ต้องภาวนาบทใดๆ ทั้งหมด
    ถ้าคิดไปภาวนาหรือพิจารณาเข้า ไอ้จิตมันซ่าน
    อยู่แล้ว ก็จะช่วยกันซ่านใหญ่
    เฉพาะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก
    หายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า
    เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก เอาเพียงเท่านี้
    จับเฉพาะลมหายใจเข้าหายใจออก
    พอจับอย่างนี้มันยังไม่อยู่
    เอาละ ไม่เอาเฉยๆ เอานิมิตเข้าไปด้วย
    นิมิตอันนี้ไม่ใช่ภาพ
    หายใจเข้าหายใจออก ๑ คือนับว่านับ
    เป็น ๑ นะ นับไปด้วย
    หายใจเข้า หายใจออกนับเป็น ๒ ช่วงที่ ๒ ช่วงที่ ๓
    ช่วงที่ ๔ ถึงช่วงที่ ๑๐ ตั้งใจไว้ว่าตั้งแต่ ๑-๑๐ นี่เรา
    จะไม่ยอมให้อารมณ์จิตคิดอย่างอื่น
    เราจะจับอยู่เฉพาะอารมณ์ลมหายใจเข้า ลมหาย
    ใจออกเท่านั้น ไม่ต้องทำมาก ถึงแค่ ๑๐ ก็เลิก
    ผิดก็ผิดไปบ้าง เพราะว่าในการนับบางครั้งมันก็ไม่
    ทรงตัวเหมือนกัน มันดิ้นไม่ยอมหยุด
    อันนี้พระพุทธเจ้าท่านทรงแนะนำว่าถ้ามันดิ้นไม่
    ยอมหยุดก็ให้เลิกเสีย

    วิธีที่๒)

    ถ้าเราไม่เลิกก็มีวิธีอย่างหนึ่ง
    นั่นก็คือ ปล่อยให้มันคิดไปตามอารมณ์
    มันอยากจะคิดอะไรเชิญคิดตามอัธยาศัย
    แล้วก็ควบคุมกำลังใจเข้าไว้
    เมื่อมันเลิกคิดเมื่อไรเราจะทรงสมาธิเมื่อนั้น
    ถ้าเราปล่อยอารมณ์คิดอย่างนี้ไม่นาน ประมาณ ๕
    นาที ๑๐ นาที ไม่เกิน ๒๐ นาที เป็นอย่างช้า
    อารมณ์จิตมันก็จะเหนื่อย มันจะเลิกคิด
    พอมันเลิกคิดทีนี้เรามาจับลมหายใจเข้าออก
    ทีนี้จะมีอารมณ์จมดิ่งเป็นฌานทันที
    จะทรงสมาธิอยู่ได้นาน
    นี่เป็นวิธีการที่จะระงับนิวรณ์ ค่อยๆ ระงับกันไป

    โดย : พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีฯ)
    ………………………………………………………
    ที่มา : ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๑๐ หน้า ๘๓

    -๔.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    พระนิพพาน

    องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า พระนิพพานเป็น
    ดินแดนที่มีความสุขที่สุด
    ท่านผู้ถึงพระนิพพานย่อมไม่พบกับคำว่าความ
    ตาย หรือไม่พบกับคำว่าความทุกข์
    ไม่พบกับคำว่าอารมณ์หนักในใจแม้แต่นิดหนึ่ง
    พระนิพพานเป็นอารมณ์เบา
    เหตุที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
    สรรเสริญพระนิพพานก็เพราะว่า
    พระนิพพานเป็นดินแดนเอกันตบรมสุข
    หาความทุกข์ไม่ได้ มีแต่ความสุขฝ่ายเดียว

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...