เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    เหลือรูปที่ยังไม่ได้ลงเยอะเลย เดี๋ยวว่างๆจะทยอยลงนะครับ


    รูปนี้เป็นเรือที่หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อมใช้บิณฑบาต ผมนำล็อกเกตไปตั้งขอบารมีท่านมาครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่ออิฎฐ์ วัดจุฬามณี ท่านจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พุทธาภิเษกเดี่ยว ล็อกเกตพระแก้วมรกต 45 นาที จนศิษย์หลวงพ่ออิฏฐ์ถามว่า น้องมีอะไรดี นั่นพระอะไร ทำไมหลวงพ่อถึงยอมทำให้เต็มสูตรขนาดนี้ คุยไปคุยมา ก็พูดถึง หลวงพ่อสนธิ์ วัดอรัญญาวาโพธิ์ ว่าไปเสกหรือยัง ผมบอกว่ากำลังจะไป เค้าเลยฝากเงินไปทำบุญ 1000 บาท นับเป็นเรื่องบังเอิญมาก
    ผมได้ตั้งจิตขอให้ หลวงพ่อแช่ม วัดจุฬามณี กับ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ท่านมาร่วมเสกด้วย
    น้าของคุณ wat.R ร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม ผมถามว่าเป็นอะไรหรือครับ ท่านพูดอย่างเดียวว่า "ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ"

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0871.JPG
      IMG_0871.JPG
      ขนาดไฟล์:
      385.7 KB
      เปิดดู:
      1,046
    • IMG_0872.JPG
      IMG_0872.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.5 KB
      เปิดดู:
      1,031
    • IMG_0874.JPG
      IMG_0874.JPG
      ขนาดไฟล์:
      219.8 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0869.JPG
      IMG_0869.JPG
      ขนาดไฟล์:
      309.6 KB
      เปิดดู:
      1,050
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ผงของปรมาจารย์แห่งวิชายันต์โสฬสมงคล ตำนานตะกรุดดอกละล้าน

    มรดกตกทอดของเหลนหลวงปู่เอี่ยมที่ปากเกร็ดครับ ไม่ได้มาทั้งหมดนะครับ ขูดมาให้ หนึ่งในสี่ช้อนชา แต่เท่านี้ก็สักดิ์สิทธิ์มากแล้ว ใช้ผสมเฉพาะอุดฐานสมเด็จองค์ปฐมแล้วกันครับ ล็อกเกตก็มีเยอะแล้ว

    นอกจากนั้น ท่านผู้ใจบุญยังให้ ผงทองปิดรูปหล่อหลวงปู่เอี่ยม ตะกรุดก้านธูปบด และเม็ดพระศก เกือบร้อยเม็ด และผงตะไบชนวนเหรียญหลวงปู่เอี่ยม รุ่นรักแม่ ที่หล่อจากชนวนตะกรุด 20 กิโลกรัม เช่น หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงปู่เรือง วัดบ้านดง หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค และบรรดาที่ไม่ทราบชื่ออีกจำนวนมาก ในการนี้ มีตะกรุดไม่ละลายสองดอก กล่าวคือ ตะกรุดเงิน ของหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง กับตะกรุดสาริกาไม่ทราบสำนักอกหนึ่งดอก บดเป็นมวลสารที่เคยใช้สร้างล็อกเกตหลวงปู่เอี่ยม เมื่อปี 2538

    [​IMG]

    ผงเดิมๆ ที่เก็บในตลับไม้อายุนับร้อยปี

    ใบ้นิดนึงท่านเป็นเจ้าของรูปถ่ายหลวงปู่เอี่ยม ต้นฉบับที่เผยแพร่ดังรูปข้างล่างครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 131 หลวงปู่ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน

    [​IMG] <!--<table height="" width="" border="0" cellspacing="0" cellpadding="0" background=""> <tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </table>-->


    [​IMG]

    ข้อมูลจากผู้ถูกยิง นายวิชัย ดวงป้อ หรือ นายใส อายุ ๔๕ ปี คนบ้านยั้งเมิน เล่าว่า เมื่อเย็นวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๔ ตนกับเพื่อนชื่อ นายเรือน คนบ้านยั้งเมินเหมือนกัน ได้ชวนกันไปดื่มเหล้าที่ร้านอาหารในตัวอำเภอสะเมิง ขณะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมา เหมือนมีอะไรมาดลใจให้แวะที่วัด(วัดยั้งเมิน) ก็เลยแวะพูดคุยกับ ครูบาอินถา สักครู่หนึ่ง ก่อนไปครูบาได้มอบเหรียญรุ่นแรกของท่าน ให้คนละหนึ่งเหรียญ ก็เลยเอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ ขากลับประมาณ ๕ ทุ่มเศษได้ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับมาบ้านคนเดียว เพราะนายเรือน ได้ขอตัวกลับก่อนตอนที่อยู่ร้านอาหารแล้ว พอขับมาถึงบ้านแม่สาบ ตรงศาลาใกล้ๆทางเข้าวัดพระธาตุดอยนก ต.สะเมิงใต้ ก็ถูกคนลอบยิงกระสุนเข้าเต็มหน้าอกด้านขวา แต่ยังสามารถขับรถไปต่อได้ ก็เลยรีบกลับให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็ว พอถึงบ้านก็ตรวจดูร่างกาย ปรากฏว่ากระสุนถูกที่หน้าอกขวา ๓ นัดแต่ไม่มีเลือดตกยางออกมีแต่รอยช้ำเป็นจุดแดงๆ เสื้อที่สวมใส่เป็นรู ๓ รู รุ่งเช้าตื่นขึ้นมารีบไปกราบขอบพระคุณ ครูบาอินถา ที่ได้ให้เหรียญไว้คุ้มครอง ทำให้ตนรอดตายมาได้
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 132 หลวงปู่หา วัดป่าสักวัน

    ไปขอเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิตเดี่ยวให้เป็นพิเศษครับ

    ท่านดีอย่างไร ต้องถามทางวัดหลวงพ่อวิริยังค์ ว่านิมนต์ท่านมาเป็นประธานในหลายๆงาน

    ผมเรียนถามหลวงปู่ว่าท่านรู้จัก

    หลวงปู่อ้อย มั๊ย (พระกายทิพย์ถอดพันปี สหธรรมิกหลวงปู่ทองทิพย์ รัตนโครต)

    ท่านว่าเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยเจอตัว


    หลวงปู่รู้จักท่านพ่อเมืองมั๊ยครับ?

    รู้จักสิ ท่านพ่อเมือง เป็นศิษย์ของอาตมา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2011
  5. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 133 หลวงปู่ครูบาคำตั๋น วัดย่าพาย

    บาตั๋น ของเชียงใหม่มีอยู่ 2 รูป คือ ครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น อ.ดอยหล่อ อายุพรรษาปัจจุบัน ครบ 8 รอบ 96 ปี อาวุโสมากสุดในปัจจุบัน เป็นพระเถระที่น่ากราบอีกรูปครับ ส่วนครูบาตั๋น หรือครูบาคำตั๋น หรือครูบาบุญตัน วัดย่าพาย รูปเดียวกันครับ ผมเป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านเองครับ สมณศักดิ์ของท่าน พระครูพิมลธรรมรัตน์(บุญตัน เตชธมฺโม) ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลบวกค้างมาช้านาน จนอายุของท่านมากแล้วปัจจุบัน 88 ปี ท่างคณะสงฆ์ระดับอำเภอจึงให้ท่านได้พักกับภารอันหลังหนาในตำแหน่งเจ้าคณะปกครองระดับตำบลลงไว้ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลบวกค้าง และเจ้าอาวาสวัดย่าพาย ถือเป็นพระเถระที่มีพรรษายุกาลอาวุโสที่สุดในแถบอำเภอสันกำแพงและไกล้เคียง ครูบาตั๋นท่านเป็นพระเถระที่สมถะเข้าพบหาง่าย มีเมตตาสูง ใครได้ไปกราบไหว้ท่านก็มักจะประทับใจขออะไรท่านก็ให้ ท่านก็ทำ ในเรื่องวิทยาคมท่านถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งในปัจจุบันที่ได้รับนิมนต์เข้าร่วมปลุกเสกพิธีต่างๆ คาถาอาคมของท่านเท่าที่ได้สัมผัสจริงๆ ถ้าเป็นภาษาคำเมืองน่าจะได้คำว่า "เต็มปุ๋ม" ทั้งด้านเมตตา มีทางข้ามทางคงแคล้วคลาดอยู่ด้วย เวลามีคนมาของท่านปลุกเสกพระหรืออธิฐานจิตเดี่ยวท่านมักจะบริกรรมคาถาแบบออกเสียงเหมือนตอนสวดมนต์นานครั้งหนึ่งๆเป็นครึ่งชั่วโมงหรืออาจจะเป็นชั่วโมงๆ คาถาในตัวท่านมากจริงๆ เล่ามาเป็นยืดยาวเอาเป็นว่าลองท่านไปกราบเองที่วัดครับ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นสิบตาเห็นไม่เท่าได้สัมผัสครับ ..

    นำมาจากเว็บพระล้านนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    หลวงปู่ครูบาคำแบน อายุ 89 ปี

    ท่านลงวิชานกคุ้ม ซึ่งเป็นวิชาทางเรียกทรัพย์ ซึ่งเป็นวิชาเอก ของหลวงปู่ครูบากันทา อาจารย์ของท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 134 หลวงปู่ครูบาสิทธิ วัดปางต้นเดื่อ

    หลวง ปู่ครูบาสิทธิ อภิวัณโณ ปัจจุบันอายุ ๘๙ ปี(นับตามหลวงปู่ฯบอก) นามเดิมชื่อสิทธิ เมืองใจ เกิด ๑๐ มิย. พศ .๒๔๖๕ ณ. บ้านแม่ฮ่าง ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรคนโตของพ่อบุญมา และแม่ป้อ เมืองใจ ในพี่น้องทั้งหมด ๕ คน หลังจากหลวงปู่ฯเกิดได้ไม่นานพ่อแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านปางกลาง


    อายุ ๑๖ ปีได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดปางกลาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ในวันที่ ๕ เม.ย. ๒๔๘๑ โดยมีครูบาแก้ว กาวิชโย วัดมงคลสถาน อุปัชฌาย์


    ต่อ มาได้อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ วัดชัยสถาน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๔๘๕ โดยมีครูบาก๋องคำ วัดมาตุการาม เป็นพระอุปปัชฌาย์ ครูบาอุ่นเรือน ธีรปัญโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระคำภีร์ ธมฺมวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม กับครูบาสิงห์แก้ว ที่วัดแม่อายหลวง จนจบนักธรรมเอก ขณะเดียวกันก็ได้ศึกษาอักขระและเวทย์มนต์ล้านนากับพระอธิการวงศ์ เจ้าอาวาสวัดจองกล๋าง อีกทั้งยังใช้เวลาว่างศึกษาค้นคว้าพระเวทย์จากปั๊ปสาต่างๆอีกจำนวนมาก

    หลัง จากนั้นในปี ๒๔๙๓ หลวงปู่ท่านได้ถูกส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดห้วยม่วงจนถึง พ.ศ.๒๔๙๗ วัดถำตับเต่าซึ่งอยู่ในป่าลึกเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ พระต้องอยู่ในถ้ำที่มีปู่ฤาษีเจ้าที่แรง เป็นเหตุให้พระที่มีศีลไม่บริสุทธิ์อยู่ไม่ได้ ทำให้ขาดพระจำพรรษามาตลอด ดังนั้นท่านเจ้าคณะอำเภอจึงอาราธณาหลวงปู่ครูบาสิทธิไปช่วยจำพรรษา พอไปถึงหลวงปู่ฯก็ถูกทดสอบอย่างหนัก จนปู่ฤาษีเจ้าที่ยอมรับและดลบันดาลให้การเจริญกรรมฐานของหลวงปู่ฯรุดหน้าไป อย่างรวดเร็ว มีกำลังฌาณสมาบัติสูง ขณะเดียวกันพ่อหนานมูล บ้านร้องธาร ฆาราวาสผู้แก่กล้าอาคมที่โด่งดังสุดๆในยุคนั้นมีบ้านอยู่ใกล้วัดถ้ำตับเต่า ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมและยกตำราให้หลวงปู่จนสิ้น ทำให้หลวงปู่ฯได้ใช้เวลาศึกษาพระเวทย์และปฎิบัติภาวนาอยู่ในถ้ำตับเต่าแห่ง นี้นานถึง ๙ ปี

    กระทั่ง ปี พศ.๒๕๐๘ พ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน) เสา แห่งหมู่บ้านปางต้นเดื่อ ยอดดอยลาง ดินแดนที่อำนาจรัฐของประเทศไทยในขณะนั้นเข้าไปไม่ถึง ในพื้นที่เต็มไปด้วยกองกำลังกลุ่มต่างๆ ของหลายชนเผ่า ได้มาขอพระสงฆ์กับท่านเจ้าคณะอำเภอฝาง(สมัยนั้นยังไม่มีอำเภอแม่อาย) ให้ไปจำพรรษาณ.ที่พักสงฆ์ปางต้นเดื่อเพื่อเป็นที่พึ่งและช่วยสงเคราะห์ชาว บ้านชาวเมืองที่ขึ้นไปบุกเบิกป่าทำไร่ชา เนื่องว่าในขณะนั้นบนดอยลางมีแต่ฤๅษีไม่มีพระ ท่านเจ้าคณะอำเภอทราบเรื่องดังนั้นแล้วก็พิจารณาเห็นว่าคงมีเพียงหลวงปู่ครู บาสิทธิรูปเดียวเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้และสามารถจะพัฒนาที่ พักสงฆ์ให้กลายเป็นวัดสำเร็จ จึงได้ให้พ่อหลวงเสานำคณะศรัทธาไปรับหลวงปู่จากถ้ำตับเต่าขึ้นสู่ยอดดอยลาง มาจนกระทั่งปัจจุบัน

    ดอยลางในอดีตดินแดนที่อำนาจรัฐเข้าไม่ถึง<!--sizec--><!--/sizec-->
    หลวง ปู่ครูบาสิทธิท่านไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้นะครับแถวนั้น ไม่แน่จริงจะเป็นพระที่เคารพของกองกำลังต่างๆที่ปะทะกันอยู่แถบดอยลางได้ หรือ? ดูรายงานชิ้นนี้ครับ

    ในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐-๒๕๓๐ อาณาบริเวณพื้นที่ชายแดนด้านดอยลาง และพื้นที่ลุ่มน้ำกกตอนบน มีลักษณะทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมไม่แตกต่างจาก “รัฐอิสระ” เท่าใดนัก อำนาจรัฐส่วนกลาง ทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่า ไม่สามารถแสดงอำนาจเหนือพื้นที่ได้บริเวณพื้นที่ดอยลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกกตอนบน และห่างจากหมู่บ้านท่าตอนเหนือขึ้นไปตามลำน้ำกกประมาณ ๕ กิโลเมตร เป็นฐานที่ตั้งของกองบัญชาการของกองทัพปลดปล่อยชนชาติลาหู่ (LNLA.) ส่วนอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำกก จะอยู่ในการควบคุมของกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army, SSA) หากจะสรุปอย่างตรงไปตรงมาแล้ว กล่าวได้ว่า ในช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐-๒๕๓๐ พื้นที่ชายแดนไทย-พม่าเขตลุ่มน้ำกกตอนบน ท้องที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งศูนย์กลางอำนาจย่างกุ้งและกรุงเทพฯ หรือหน่วยงานของรัฐบาลไม่มีอำนาจเหนือดินแดน/ไม่สามารถปฏิบัติการจริงในการ ควบคุมจัดการพื้นที่ได้ อาณาบริเวณดังกล่าวมีกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เป็นจำนวนถึง ๘ กลุ่มย่อย และมีกำลังพลรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน โดยประกอบไปด้วยกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่าง ๆ คือ (๑) กองทัพปลดปล่อยชนชาติลาหู่ ที่มี ๓ กลุ่มย่อย คือ กลุ่มเจ้าฟ้าจะอื่อ หรือพญาจะอื่อ, กลุ่มเจ้าฟ้าแอบิ กลุ่มพันเอกแสงหาญ (๒) กองทัพรัฐฉาน (Shan State Army, SSA) กลุ่มเจ้าหาญสามแสง-ขุนโง๊ะ, กลุ่มขุนส่า (Mong Tai Army, MTA) (๓) กองกำลังติดอาวุธชนชาติว้า (Wa National Organizations, WNO) ซึ่งมีกลุ่มของ พ่อเฒ่าพะโป่ หรือ พะโป่กางเสือ, กลุ่มเจ้ามหาซาง และไอ่เชียวสือ, กลุ่มเจ้ายี่ลาย


    <!--sizeo:5--><!--/sizeo-->บางประสบการณ์จากเวปล้านนา<!--sizec--><!--/sizec-->​

    ครูบาสิทธิ วัดปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย เชียงใหม่
    ประวัติ ท่านผมไม่ทราบมากนัก หนังสือก้อไม่มี หมายความว่าไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในโลกนี้เลย น่าแปลกน่ะครับ ผมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับครูบาฯก้อเมื่อพี่เล็ก นำศิลป์พูดคุยกัน สัพเพเหระ จนมาถึงครูบาสิทธิ องค์นี้ (พี่เล็กนี่มีครูบาอาจารย์มากน่ะ ครับ)
    พี่เล็กว่า "ครูบาสิทธินี้เมื่อก่อนเปิ้ลอยู่กับอาจารย์เปิ้ลที่ถ้ำตับเต่า(ดับเถ้า) เมื่อาจารย์ท่านสิ้น ครูบาสิทธิจึงได้ย้ายออกมา"
    ประสบการณ์ มากมายเกี่ยวกับท่าน จากปากคุณอู๊ด แอมเวย์ เคยเล่าให้ผมฟังว่า "มี ทหารลาดตะเวณเดินพลัดตกไหล่เขา หาเท่าไรก้อหาไม่เจอ จนใจแล้ว จึงไปหาครูบาฯ ครูบาฯก้อบอกๆ ว่า "อยู่ฮั่นน่ะ ตกลงไป บ่อได้นอน นั่งกั๊ดอกอยู่ฮั่นน่ะ ถ้าจะตายล่ะ " ทหารร่วมกับชาวบ้านไปหากันก้อเจอตามที่ครูบาฯบอกครับ
    อีกเรื่อง หนึ่ง เค้าว่า(เค้าว่าน่ะครับ ฟังหูไว้หู)ตอนที่เหรียญนี้มันดังเนี้ย มีคนเอาไปหื้อคนทางใต้ แล้วมันสู้กัน ใช้มีดกรีดยางเฉือดไม่เข้า อะไรอะไรอย่างนี้แหล่ะครับ
    เล่ากันบ่อดาย เน้อ

    <!--IBF.ATTACHMENT_28950-->
    [​IMG]<!-- THE POST -->
     
  8. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]

    ครูบาสิทธิ ยังไงท่านก็ไม่ดังครับ เพราะ ขนาดเชียงใหม่ว่าไกลแล้ว วัดท่านยังขึ้นไปทางภูเขาห่างจากตัวเมืองเกือบ 200 กิโล แต่ถ้าขลังไม่แน่ เพราะ

    ท่านเป็นอาจารย์ของขุนส่า
    และ
    อาจารย์สอนวิชาวัวธนูอาคมให้สามเณรวิเศษสิงห์คำ

    สามเณรวิเศษ ตอนปี 18 ก็ได้ร่วมพุทธาภิเษก ที่วัดดวงดี สามารถโยนวัวธนู ได้ราบทั้งป่ากล้วย เหรียญสามเณรขนาดสึกไปแล้วยังเล่นกันหลักพัน

    ตอนผมจะนำล็อกเกตปลุกเสก พระที่ได้รับนิมนต์มาสวดพุทธาภิเษก ยังนำย่ามของตน มาร่วมเสกด้วยเลยครับ เพราะรู้ถึงจิตอันกล้าแข็งของหลวงปู่

    ผมเลยชวนมินต์หลวงปู่ว่า ปลายปีมาร่วมพิธีเสกที่กรุงเทพฯ ได้มั๊ย

    หลวงปู่ท่านว่าไปบ่ไหวละ

    ท่านอธิษฐานให้ประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง เริ่มต้นตั้งแต่การตั้งธาตุ หนุนธาตุมาเลย

    ขณะนั้น ครูบาอาจารย์ที่นั่งข้าง ครูบาสิทธิ คือ ครูบาอินตาวัดศาลา (ผมไม่ได้ให้ท่านเสกนะครับ ท่านเคยทำให้แล้ว) ผมสังเกตว่าท่านแอบช่วย ครูบาสิทธิปลุกเสก โดยการหลับตา และสวดขมุบขมิบปากอะไรไม่รู้ แต่ผมได้ถ่ายรูป ปรากฏเป็นเหมือนสั่นๆ สงสัยมือจะสั่นครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    พระรุ่นนี้ถ้าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะขอบอกว่าดีมากๆ
    เพราะ

    1. เจตนาการสร้างดี จำนวนการสร้างสมเหตุสมผล เพียง 300 องค์
    2. การปลุกเสก อธิษฐานจิต โดยพระเถระจำนวนมาก และบางองค์นั้นเก่งจริง บางองค์ได้วิมุตติธรรมแล้ว
    3. การอธิษฐานจิตท่านทราบว่าเป็นพระอะไร และได้อธิษฐานจิตใกล้ชิดกับองค์ครูบาอาจารย์
    4. มวลสาร ไม่ต้องพูดถึง
     
  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รูปงานพุทธาภิเษกของหลวงปู่หมุน หายาก

    เปิดเผยในโลกไซเบอร์เป็นครั้งแรกครับ

    วันหลังจะมาบอกว่าได้มวลสารอะไรที่เกีีี่่่ยวข้อง และพระที่ผู้สร้างบอกเองว่า ดีกว่า พระกริ่งเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่หมุน องค์ละเกือบแสนเสียอีก


    *** ใช้รูปในเชิงพุทธพาณิชย์ กรุณาขออนุญาตก่อน ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    สร้างพระรุ่นนึงนี่ยากจริงๆเลยนะครับ กว่าจะทำเสร็จ

    ใครอยากไปกราบครูบาอาจารย์ฟรีๆ ติดต่อผมได้ เดี๋ยวมีทริปไป รับรองล็อกเกตเสกเดี่ยวไม่ต่ำกว่า 250 แต่จริงๆสร้าง 300 ควรเสก 300 นะ
     
  12. Fedor

    Fedor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +112
    สุดยอดครับ คุณหมอ

    ตามอ่านอยู่ตลอดทุกวันนะครับ
     
  13. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    แค่นี้คุณหมอผมว่าเยอะมากแล้วละครับผม
     
  14. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    เป็นกำลังใจให้นะคับพี่นับว่าสุดยอดแล้วทำถึงขนาดนี้
     
  15. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    ต้องใช้กำลังกายกำลังทรัพย์มากเลยนะคับถึงจะทำได้ขนาดนี้ผมนับถือพี่จริงๆ
     
  16. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]


    งาช้างดำ เป็นฟอสซิลของงาช้างที่มีลักษะเป็นสีดำ ซึ่งหายากกว่างาช้างธรรมดานับร้อยเท่า ท่อนนี้ผู้สร้างซื้อมากิโลกรัมละ 30000 บาท ความเชื่อคือ เชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิตามธรรมชาติ เป็นกายสิทธิ์

    งาช้างดำที่เห็นในมือหลวงปู่เที่ยงธรรมนี้ ไม่ใช่แค่หลวงปู่เที่ยงจะเสกเดี่ยวเท่านั้น หลวงปู่หมุนก็เคยเสก แล้วนำมาจัดสร้าง เบ้าทุบ หลวงปู่หมุน จำนวน 12 องค์ ปัจจุบันองค์ละ เป็นแสน

    [​IMG] [​IMG]

    ล่าสุดก็มีการสร้างหลวงปู่ละมัย เนื้องาช้างดำ หุ้มทองดำ สร้าง 50 องค์ๆละ 12000
    [​IMG]

    แล้วเศษๆ ที่แกะหล่ะครับ ไปอยู่ไหน
    ผมเลยโทรไปขอ อาภักดีภูริมา

    ภักดีภูริ : อาให้หมอได้แค่นิดเดียวนะ เพราะหลวงปู่ละมัย ท่านขอไว้

    dekdelta2 : ได้ครับ แต่ผมจะไปเอาเอง

    และก็ได้มาเกือบกิโล ............

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 135 หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว

    ประวัติหลวงพ่อผินะ ปิยธโร (หลวงพ่อนะ) วัดสนมลาว

    แรกเริ่มเดิมชื่อ ทวาย หาญสาริกิจ
    บิดาชื่อ เทศ
    มารดาชื่อ ตุ้ย
    เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน วันที่ ๑
    มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ที่บ้านดอนลำโพง ม. ๑
    ต. หนองยายดา อ. ทัพทัน จ. อุทัยธานี
    การศึกษา ประถมปีที่ ๔ วุฒนักธรรมตรี
    อาชีพ รับราชการครู และทำงานการไฟฟ้า
    บิดามีอาชีพ รับราชการทหาร ทำนา ค้าขาย
    มารดามีอาชีพ ค้าขาย
    บิดาและมารดา สมรสกันเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๕
    มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันทั้งหมด ๕ คน คือ
    ๑. นายผินะ หาญสาริกิจ
    ๒.นายเสริมเกียรต์ หาญสาริกิจ
    ๓.นางสาวสุรัตน์ หาญสาริกิจ
    ๔.นายสงวน หาญสาริกิจ
    ๕.นายสุนทร หาญสาริกิจ

    [​IMG]
    เมื่อตอนเป็นเด็กชาย ทวาย หาญสารรกิจ มารดาบอกว่า "มีกรรม" ถ้าร้องไห้ทีไรเป็นต้องชักหน้าเขียวทุกครั้ง มารดาต้องอุ้มจึงจะหายชัก บิดาและมารดาหาที่รักษาอยู่ประมาณ ๓ ปี จึงได้มาพบกับอาจารย์ที่มีวาจาสิทธิ์รูปหนึ่งชื่อพระอธิการสินฯ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองเต่า ต. โนนขี้เหล็ก อ. เมือง จ. อุทัยธานี โดยท่านหลวงพ่อสินฯ ตอนนั้นท่านอายุได้ ๗๐ พรรษา ซึ่งท่านเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาประชาชนชาวจังหวัดอุทัยธานีเป็นอย่างมาก
    มารดาได้นำเด็กชาย ทวาย หาญสาริกิจ ไปถวายให้กับหลวงพ่อสินฯ จึงได้ตัดพ้อว่า ชื่อเจ้าทวายนี้เป็นกาลกิณี ควรที่จะเปลี่ยนเสียใหม่ ด้วยเหตุนี้ท่านหลวงพ่อสินฯจึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "ผินะ" เป็นภาษาบาลี แยกได้เป็นสองพยางค์ คือ "ผิ-นะ" คำว่า"ผินะ" แปลว่า....ดูก่อนและคำว่า "นะ" แปลว่า หามิได้ (หมายถึง คมแห่งหญ้าคา)
    ท่านหลวงพ่อสินฯ ได้สั่งเด็กชาย ผินะ หาญสาริกิจ ว่า "ต่อไป***อย่าได้ชักอีก พอ***โตแล้วต้องมาบวแทน***" พร้อมกับถ่มน้ำลายใส่หัวแล้วลูบไล้ไปมาอย่างเอ็นดู และได้สั่งเป็นเคล็ดลับอีกว่า "ฝากแม่มันเลี้ยงไว้ก่อน โตแล้วจะเอาไปอยู่ด้วย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กชายผินะ หาญสาริกิจ ก็มิได้ชักอีกเลย
    เมื่อโตขึ้นพอรู้เดียงสา และพอจำความพอได้บ้างแล้ว มารดาจึงได้เล่าเรื่องให้ได้ทราบไว้ ด้วยเหตุนี้ เด็กชายผินะ ไม่สนใจในการบวชเลย เป็นเด็กที่กลัวผีมาก ถ้าบ้านไหนมีคนตายก็จะไม่กล้าไปเวลามืดขึ้นบรรไดบ้านพอถึงขั้นสุดท้ายก็กระโดดข้ามเลยกลัวผีจะดึงขา ไปเที่ยวที่ไหนๆ กันกับเพื่อนๆ ก็ไม่กล้าอยู่ข้างหน้า อยู่ข้างหลังก็ไม่เอา นึกอยู่แต่ในใจว่าเมื่อคนตายแล้วเขาเอาไปไว้ที่วัด เข้าใจว่าผีอยู่ในวัดคงมาก<!-- google_ad_section_end -->


    <TABLE width="90%"><TBODY><TR><TD class=smalltext>ปี พ.ศ. พระอุปัชฌาย์ พออุปสมบทได้เพียง ๕ วัน โยมมารดามาขอร้องให้อยู่ต่ออีก ๒๐ วัน๒๔๘๑เมื่ออายุครบบวชบิดาขอให้บวชให้ ๗ วัน เพราะว่าเวลาช่วงนั้น บิดาท่านเป็นไข้หนักและได้ตายลงในเวลาต่อมา หลังจากที่ทำบุญ ๗ วัน อุทิศส่วนกุศลให้กับบิดาเสร็จแล้วพระมหาอำนวยฯ ได้เป็นธุระในการอุปสมบท ณ วัดหนองเต่า ต. โนนขี้เหล็ก อ. เมือง จ.อุทัยธานี ให้นามว่าพระภิกษุผินะ นามฉายยาว่า มหาปญโญมีพระมหาอำนวยฯเป็นพระกรรมวาจาจารย์พระครูอุดมฯซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอทัพทันจังหวัดอุทัยธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พออุปสมบทได้เพียง ๕ วัน โยมมารดามาขอร้องให้อยู่ต่ออีก ๒๐ วัน บอกว่าผมยังสั้นอยู่สึกออกมาแล้วเดี๋ยวจะอายหัวโล้น อยู่มาได้ ๑๑ วัน โยมมารดาของเพื่อนได้ตายอีก ทีนี้ เขามาเจาะจงเอาเฉพาะพระภิกษุ ผินะ มหาปญโญ ไปจูงศพให้ได้ จากที่บ้านศพไปยังที่วัดระยะทางก็ประมาณ ๒กิโลเมตร พอศพมาถึงวัด เขากลัวว่าจะเป็นโรคกรรมพันธุ์ (เพราะโรคฝีในท้อง หรือเรียกว่าวัณโรค) สัปเหร่อได้ทำการผ่าท้องศพ และทำความสะอาดพร้อมทั้งทำการสาธิตบรรยา เพราะโดยในสมัยนั้นไม่มียาฉีดป้องกันเหมือนอย่างในสมัยนี้ ศพจึงเหม็นมาก เมื่อเวลาจะสวดศพ พระภิกษุผินะ ฉันอาหารไม่ได้อยู่ตั้ง ๓-๔ วัน พอเวลาค่ำมืดลงก็ไม่กล้าลงจากกุฎิ เวลานอนก็นอนไม่ค่อยจะหลับ จึงได้ขอลาพระกรรมวาจาจารย์ ไปพักที่อื่นสัก ๕ วัน และจะกลับมาลาสิกขาเพศ จึงได้เดินทางออกจากวัดหนองเต่า ไปพักที่วัดบ้านกลาง ต. ในเมือง อ. เมือง จ. อุทัยธานี พอไปถึงยังวัดบ้านกลาง ท่านเจ้าอาวาสก็ได้อนุญาตให้อยู่ด้วย ต่อมาอีก ๑ ชั่วโมง ก็ได้ยินโยมมาอาราธนาไปสวดมาติกาบังสกุล ทีนี้พอเอาศพเข้ามาวัด ญาติโยมเขาก็ได้ผ่าสพอีก เหมือนกับวัดที่บวชมา ตอนนี้พระภิกษุผินะ เลยได้ขึ้นไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสวัดบ้านกลางออกจากวัดไปเดี๋ยวนั้นเลย</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อเดินทางมาถึงยังแม่น้ำเเควตากแดด เห็นแม่ค้าขายผักกำลังเคาะกระบอกไม้ไผ่เรียกเรือมาให้ช่วยรับข้ามฟากทีพระภิกษุผินะ ได้ลงเรือไปก่อนและไปนั่งบนหัวเรือ โยมแม่ค้าคนแก่ก็ลงเรือมาอีก บัดนั้น ได้มีแม่ค้าขายผักเช่นกัน แต่เป็นหญิงสาว ได้ลงเรือเป็นคนสุดท้าย และเมื่อเรือได้ออกจากท่าแล้วทันนั้นไม้คานของหญิงสาวขายผักก็ได้ตกลงไปในน้ำ เธอได้ร้องอุทานว่า "อุ้ย...***พระตกน้ำ" พระภิกษุผินะ ได้บอกว่า "หนู...เก็บให้หลวงพี่ด้วย หลวงพี่มีอยู่อันเดียวเอาไว้เยี่ยว" เมื่อเรือมาถึงฝั่งจึงได้อายแก่หญิงสาวคนนั้นมากรีบเดินโดยเร็วจากไป หญิงสาวขายผักคนนั้นก้ได้ เดินตามมาติดๆ และร้องถามว่า "หลวงพี่จะไปไหน?"พระภิกษุ ได้ตอบว่า "ไม่รู้จะไปไหน เพราะหนีผีมา" หญิงสาวคนนั้นชวนว่า "หลวงพี่ไปอยู่วัดหนูไม๊?" มีหลวงตาอยู่วัดองค์เดียว และมีเด้กคนหนึงชื่อโต้ง<!-- google_ad_section_end -->

    หญิงสาวขายผักได้พาไปที่พักที่วัดเกาะเทโพ อ. มโนรมณ์ จ. ชัยนาท วัดนั้ดีมากๆ มีพระภิกษุในอารามเพียง ๑ รูปเท่านั้นจึงเล่าความในใจให้หลวงตาที่วัดนั้นฟัง "กลัวผีมาก" อยู่กับพระหลวงตาสัก ๕ วัน แล้วจะกลับไปสิกขาลาเพศ เพราะยังเป็นห่วงว่ามีน้องๆ อีกหลายคน โยมมารดาท่านไม่ยอมให้บวชนาน(โยมมารดาเปนคนมีเชื้อสายจีน) โยมมารดาบอกว่า "คนอื่นๆ ที่เขาไม่บวชก็ดีๆมีถมไป เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ ท่านพระหลวงตาคำ (ทราบชื่อเมื่อภายหลัง)ได้บอกว่าการกลัวผีนั้นไม่ถูกต้อง ตับ, ไต, ไส้, พุงฯลฯ ที่ท่านดูและเห็นมานั้น ก็มีอยู่ด้วยกันทั้งนั้ทุกคน แล้วพระหลวงตาคำก็ได้สอนใน สติปัฎฐาน ๔ และให้เรียนภาษาขอมด้วย เมื่อได้รับคำแนะนำเช่นนั้น พระภิกษุผินะก็ได้นำมาปฎิบัติดู จึงได้รู้และเขาใจดีว่า "คน" กับ "ผี" ก็คืออันเดียวกัน คือให้น้อมเป้น "เอโก-ธัมดม" แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสิ่งที่ได้รู้เข้าไปนั้น คือ ปฐมฌาณ ก็นึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา
    เวลาล่วงไป ๓๐ วัน ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน สมาทานถวายตนเป็นผู้ถือเพศพรหมจรรย์ไปจนตลอดชีวิต ทีนี้นึกขึ้นได้ว่า โยมมารดาคงคอยอยู่จึงได้กราบลาพระหลวงตาคำ กลับไปบ้านเพื่อพบกับโยมมารดา พอไปถึงบ้านพบโยมมารดา และได้เรียนท่านให้ทราบว่าจะไม่ลาสิกขาเพศอย่างเด้ดขาด โดยโยมมารดาหาว่าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว โยมมารดาได้แต่ร้องไห้ พระภิกษุผินะ ได้ลาโยมมารดามาที่วัดหนองเต่า ต. โนนขี้เหล้ก อ. เมือง จ. อุทัยธานี เพื่อที่จะได้เรียนปริยัติธรรม จะได้เอาใบประกาศนียบัตรนักธรรมตรี เพื่อนำไปเป็นหลักฐานแสดงต่อทางสัสดีอำเภอ กรณี ยกเว้นการเป็นทหาร ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางไปที่วัดทุ่งแก้ว เพื่อไปพบกับท่านเจ้าคุณ เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีสักดิ์เป็นเจ้าคุณลุง เพื่อปรึกษาและรับข้อชี้แนะในการที่จะสอบนักธรรมตรีผ่านให้ได้ โดยไม่ต้องการที่จะเป็นทหาร
    ต่อมาได้สอบนักธรรมตรีได้ ก็ได้โล่งใจ จึงได้เอาประกาศนียบัตรนักธรรมตรี ไปยื่นต่อสัสดีอำเภอทัพทัน จ. อุทัยธานี ท่านสัสดีอำเภอทัพทัน ได้บอกกับพระภิกษุผินะ มหาปญฺโญว่าพระคุณเจ้าจะต้องผนวชไปอีก ๑๐ พรรษา จึงจะพ้นการเกณฑ์ทหารได้ พระภิกษุผินะ จึงได้ยืนยันว่า "ให้ถึง ๒๐ พรรษา เลย"
    ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้ไปกราบเรียนต่อเจ้าคุณลุง เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เพื่อขออนุญาตเดินทางจาริกฯ เจ้าคุณลุงเจ้าคณะอุทัยธานี ก็ได้ออกหนังสือเดินทางจาริกฯ ให้ตอนนั้น ตั้งใจที่จะมาศึกษาค้นคว้าในพระไตรปิฎกกับท่านพระหลวงพ่อเภาฯ และพระหลวงพ่อคงฯ และเลื่อมใสในปฎิปทาของท่านพระหลวงพ่อเภาฯ ประกอบทั้งได้รับคำบอกเล่าว่า ท่านพระหลวงพ่อเภาฯ ได้สร้างเรือสำเภาให้เป็นอนุสรณ์สำหรับโยมมานดาของท่าน (ที่ฝันเห็น) ไว้ ณ บนยอดเขาวงกต อ. บ้านหมี่ จ. ลพบุรี จึงได้เดินทางจากจังหวัดอุทัยธานี ผ่านมายัง อ. โคกสำโรง มุ่งตรงมายังอำเภอบ้านหมี่ จ. ลพบุรี แล้วตั้งใจไปยังเขาวงกต ขณะมายังถึงทางเข้าเขาวงกต ได้พักอยู่ที่หน้าบ้านของ โยมสุข ซึ่งบ้านของแกอยู่บรเวณทางที่เข้าไปยังเขาวงกตแห่งนั้น (การเดินทางจากจังหวัดอุทัยธานีมาถึงที่บริเวณทางขึ้นเขาวงกตแห่งนั้ใช้เวลาทั้งสิ้น ๕ วัน ๖ คืน) จึงได้พบกับโยมสุขและได้สนทนากับโยมสุข<!-- google_ad_section_end -->


    มาตอนหนึ่ง โยมสุขได้พูดถึง มีอาจารย์รูปหนึ่งคงมีคาถาดี สามารถคุยกับมดรู้เรื่อง และก็ได้เสกให้มดหายไปหมดโดยสุขบอกว่าอยากจะเรียนคาถาหายตัวได้ เหมือนกันกับพระอาจารย์รูปนั้นที่เสกให้มดหายไป(จะได้หายตัวได้ และเข้าไปโขมยเงินในธนาคาร โยมสุขแกคิด) พระภิกษุผินะฯ ก็ได้ถามแก่โยมสุขว่าพระคุณท่านพระอาจารย์รูปนั้นมีนามว่ากระไร? โยมสุขก็ได้เล่าให้ฟังว่า เช้าวันหนึ่ง พระอาจารมั่น ภูริทตฺโต, พระอาจารย์เสาร์ฯ พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้ออกบิณฑบาต เสร็จแล้วดินทางมาถึงยังหน้าบ้านของโยมสุข และโยมสุขได้ใส่บาตรพระอาจารย์ทั้งสามรูปด้วย แต่แกก็ได้ดื่มเหล้ามาบ้างในวันนั้น พระอาจารย์ทั้งสามรูปได้เลือกเอาลานดินว่างๆตรงหน้าบ้านของโยมสุขเป็นที่นั่งฉันอาหารบิณฑาบตและพระอาจารย์มั่นฯ ได้ใช้ให้พระมหาบัวฯ ไปตามโยมสุขให้ไปพบที่นั่นถึง ๓ หน หนที่ ๓ โยมสุขได้บ่นว่า "พระรูปนี้หิวเหล้ารึไง" จะของเหล้าเรากินหรือ ? จึงได้ตามมาอยู่ด้วย" บ่นเสร็จ โยมสุขก็ได้เดินไปที่ลานดินบริเวณท่านพระอาจารย์ทั้งสามนั่งอยู่ เมื่อไปถึงที่นั่น โยมสุขก็ได้เห็นมดง่ามขึ้นที่สำหรับกับข้าวของพระอาจารย์มั่นฯ เต็มไปหมด โยมก็เพียงแต่มองดู เห็นและได้ยินพระอาจารย์มั่นฯพูดกับมดว่า "ไป ไปสู เจ้าจงฮีบไป่ เดี๋ยวคนเขาสิทำฮ้ายเอา" เสร็จแล้วมดก็ได้หายไปหมด โยมสุขคงคิดว่าแต่ว่า " บ๊ะ "

    พระรูปนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว" เมื่อมาถึงยังที่ท่านพระอาจารย์มั่นฯ นั่งรออยู่ ครั้นโยมสุขนั่งลงแล้ว ท่านพระอาจารยืมั่นฯ ได้เอ่ยถามโยมสุขขึ้นว่า "เฒ่าสุข เจ้ากินเหล้าเหมิดมื่อละทอได๋" ดยมสุขบอกว่า "กินวันละ ๒ บาท กับแกล้มด้วย" (สมัยนั้นเหล้าขวดละ ๑ สลึง) ทีนี้ท่านพระอาจารย์มั่นฯได้บอกกับโยมสุขได้ทราบว่า จะช่วยให้โยมสุขสบายมากและเร็วขึ้น โดยจะให้เงินแก่โยมสุขไว้ซื้อเหล้ากินวันละ ๒ บาท เอาไหม? โดยจะฝากเงินเอาไว้ให้ แต่มีข้อแม้ว่า เฒ่าสุขต้องถือศีล ๓ ข้อนี้ให้ได้เสียก่อน ศีล ๓ ข้อที่ว่านี้ต้องทำให้ได้ก่อนคือ ๑. ไม่ต้องทำบุญใส่บาตร และห้ามเข้าวัดฟังธรรม
    ๒. ให้ด่าโคตรพ่อโคตรแม่พระ (ด่าค่อยๆก็ได้ถ้าพระ
    ได้ยินเดี๋ยวจะฆ่าเอา)
    ๓. ให้กินเหล้าให้หมดวันละ ๒ บาท
    โยมสุขบ่น โอ๊ย...ไม่เอาเหลว แค่กินเหล้าก้ตกนรกหมดไหม้อยู่แล้ว แถมไม่ให้เข้าวัดฟังธรรม ให้ด่าพระอีก มันนรกชัดๆนั่นเหลว ไม่เอานอก ไม่เอาทั้งนั้น ทั้งเหล้าทั้งยาทั้งเงินหลวงพ่อไม่เอาดอก เมื่อโยมสุขเปล่งอุทานออกมาเช่นนั้น พระอาจารย์มั่น จึงได้ใหโยมสุขรับศีล ๕ และสมทานศีล ๕ แต่วันนั้น<!-- google_ad_section_end -->


    [​IMG]
    ครั้งต่อมา หลังจากที่ท่านพระอาจารย์มั่นฯ พระอาจารย์เสาร์ฯ พระมหาบัวฯ ได้บิณพบาตเสร้จแล้ว ได้กลับไปนั่งยังบริเวณหน้าถ้ำตรงทางขึ้นเขาวงกต วันนั้น โยมสุขได้เอามันเพิ่ม (มันเสาร์) ที่ต้มแล้ว ไปถวายให้กับพระอาจารย์ทั้งสามรูป เมื่อประเคนเสร็จแล้วท่าน พระอาจารยืมั่นฯ ได้เลื่อนจานมันเพิ่มไปทางมหาบัวฯ และเอ่ยว่า "ถ้ามีน้ำตาลจิ้มคงสิดีน๊อ" เสร้จแล้วท่านอาจารย์มั่นฯ ได้สั่งให้โยมสุขไปหยิบเอาน้ำตาลที่อยู่ในปิ่นดตแขวนอยู่ที่ไม้พระองค์ มีอยู่เถาหนึ่งซึ่งมี ๕ ชั้น โยมสุขได้เดินไปที่ไม้พระองคืที่มีปิ่นโตแขวนอยู่ได้หยิบปิ่นดตขึ้นดู รู้สึกเบาและก็ได้เปิดดูก้ไม่เห็นมีน้ำตาลเลย จึงได้มาเรียนพระอาจารย์มั่นว่าฯ "ไม่มีน้ำตาลในปิ่นโตในเถาเลยสักชั้นเดียว ขอรับ" ท่านพระอาจารย์มั่นฯ ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย้นว่า ไบ๊ ของมีอยู่เป็นหยังว่าบ่มี เฒ่าสุข" ไป๊ ท่านพระอาจารยืมั่นฯ หันไปสั่งทางพระมหาบัวน ไมหาท่านไป่เอ่ามา" พระมหาบัวน ได้เดินขึ้นไปหยิบปิ่นโตที่แขวนอยู่ ได้หยิบปิ่นโตและหยิบออกมาจากเถา ๑ ชั้น ก็เห็นมีน้ำตาลทรายเต็มชั้นไปหมด ดยมสุขเห็นเช่นนั้นก็นึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงได้รำพึงแต่ในใจว่า "อึ๊ ของไม่มีกลับเป็นมี" เมื่อพระมหาบัวนั่งลงแล้ว ท่านพระอาจารย์ทั้งสามรูปก็ได้ฉันอาหารบิณฑบาตจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านพระอาจารย์มั่นฯ ได้เอ๋ยกับโยมสุขขึ้นว่า "มื่อหนี่ ข่อยสิให้เจ้าฮับศลี ๘ เมื่อเจ้าฮับแล้ว ต้องเข่าไปในถ้ำ ให่นั่งซือๆหายใจเข้าออก จ่มว่า พุทโธ พทโธ เทิงมื่อเด้อ" โยมสุขได้ตรึก นึกอยู่ในเรื่องที่ว่า" ของไม่มีแต่มีขึ้นมาได้" ก็เลยเกิดปิติ จึงรับคำของพระอาจารยืมั่นที่จะเข้าไปปฎิบัติในถ้ำ และนั่งอยู่ ณ ที่อันควรในความมืด ได้ภาวนาตามที่ท่านอาจารย์มั่นสั่งประมาณสักพักใหญ่ๆ ได้เกิดแสงสว่างขึ้นในดวงตา และโยมสุขได้เห็นเป็นอ่างน้ำใบหนึ่ง มีเลือดเต็มไปหมดก็ค่อยๆ กลายเป็นสีน้ำล้างเนื้อ และน้ำนั้นก็ค่อยๆวนจนเล็กลงเท่าไข่ ทันใดนั้นก้เห็นเป็นเด็กหญิงอยู่ในไข่ สักประเดี๋ยวก้โตขึ้นเป็นสาว อีกพักเดียวต่อมาก็กลายเป็นเมียโยมสุขนั่นเอง อยู่ไม่นานนักก็เป็นคนแก่ชราและก้ตายไป ทีนี่ก็มีขึ้นอืดมีกลิ่นเหม็นอบอวลไปหมด เหม้นจนโยมสุขทนไม่ไหว และก็ได้ออกมาจากถ้ำ กราบขออนุญาตจากพระอาจารย็มั่นฯ ว่า ขอให้แกได้บวชในพระพุทธศาสนาจะได้ไหม? พระอาจารย์มั่นบอกว่า "บ่ได้ดอก ถ้าบวชเดี๋ยวตาย ได้แค่ถึงสลี ๘ ไปก่ะแล้วกั่น" ตั้งแต่นั้นดยมสุขก็ได้ถึงศลี ๘ ตลอดชีวิต และปฎิบัติธรรมตลอดมา

    เมื่อท่านพระภิกษุผินะ มหาปญฺโญ ได้สอบถามโยมสุขว่าท่านพระอาจารย์ทั้งสามรูปนั้น อยู่ที่ไหน ? ได้สอบถามโยมสุขว่าทานอาจารย์ทั้งสามรูปได้เดินทางกลับไปยังสำนักแล้วอยู่ทางจังหวัดสกลนครโน่นแหละ" ดั่งนั้นพระภิกาผินะ จึงได้เดินทางต่อมายังวัดถ้ำตะโก เขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกกับท่านพระหลวงพ่อเภาฯ และท่านพระหลวงพ่อคงฯ แต่ท่านพระอาจารย์ทั้งสองรุปได้มรณะภาพเสียแล้ว คงเหลือแต่พระหลวงพ่ออุ่มฯ กับหลวงพ่อคำฯ และได้ศึกษาพระไตรปิฎก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ อยู่ที่วัดถ้ำตะโก อ. ท่าวุ้ง จ. ลพบุรี แห่งนี้
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ขณะที่ศึกษาพระไตรปิฎกอยู่นั้น สงครามมหาเอเชียบรูพาก็ได้เริ่มขึ้น (สงครามญี่ปุ่น) กำลังมีศึกสงครามไม่ทราบว่าใครเอาข่าวไปบอกดยมมารดาว่า "พวกทหารญี่ปุ่นเอาพระเครื่องไปต้มให้ทหารเค้ากิน" โยมมารดาเข้าใจผิดคิดว่าพวกญี่ปุ่นจับเอาพระไปต้มกินโยมมารดาถึงกับคุ้มคลั่งคุมสติไม่อยุ่สงสารพระลูกชายและคิดกลัวว่าเขาจะจับพระลูกชายไป ถึงกับล่ามโซไว้ทีเดียว ทีนี้ พระภิกษุผินะฯ ได้กับไปที่บ้านเกิดพักที่วัดเกาะเทโพ อ. โนรมณ์ จ. ชัยนาท

    ได้ออกจากวัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี เดินทางไปวัดหนองเต่า จ. อุทัยธานี ได้ไปปรึกษากับน้องๆอีก ๔คนที่อยู่ที่บ้านว่า เพื่อที่จะไม่ให้ยึดติดในสมบัติ อันที่จะเป็นห่วงกังวลเสียเปล่าๆ ให้ขายสมบัติของโยมบิดา โยมมารดา ทั้งหมดเสีย และจะได้เอาเงินไปรักษาพยาบาลดยมมารดา จึงได้พาน้องๆทั้ง๔คน คือ คนที่ ๒ บวชเป็นพระภิกษุ, คนที่ ๓ ได้บวชชี, คนที่ ๔ บวชเป็นสามเณร, คนที่ ๕ บวชเป็นตาปะขาว วันรุ่งขึ้น ก้ได้โยมมารดาขึ้นเกวียนไปที่แม่น้ำแควตากแดดซึ่งอยู่ห่างจากวัดหนองเต่าไป ๓๐ กิโลเมตร ดังนั้นทั้ง ๖ ชีวิต ก็ได้จ้างเรือล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. จนกระทั่งถึงเวลา ๐๙.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้นจึงได้มาถึงยังจังหวัดสิงห์บุรี
    ขณะนั้น ได้ปลดโซ่ที่ล่ามโยมมารดาออก แล้วจึงได้ซื้อเข่งไม้ไผ่ที่เขาใช้สำหรับใส่พลูเอาใบตองกล้วยรองก้นเข่ง แล้วพาโยมมารดาเดินทางต่อไปยังเขาสมอคอน ถึงวัดถ้ำตะโก อ. ท่าวุ้ง จ. ลพบุรี ขณะนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งชำนาญและรู้จักสมุนไพรประกอบยา และมีฐานะเป็นน้องของท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก ชื่อพระอาจารย์ผ่องเป็นภาระดูแลรักาโยมมารดาให้อยู่ประมาณ ๑๕ วัน อาการของโยมมารดาก็หายเป็นปกติ แต่เวรกรรมของท่านยังไม่หมด ก็ได้มีโรคแทรกซ้อนขึ้นอีก คือ มีฝีขึ้นที่บริเวณขากรรไกร เข้าใจว่าเป็นฝีธรรมดา สุดท้ายฝีก็ได้แตกอก มีเลือดไหลออกมามาก พร้อมกับกระดูกหลุดออกมาจากขากรรไกรยาวประมาณ ๑ นิ้ว เมือเห็นอาการป่วยของโยมมารดาแล้วจึงคิดว่าไหนๆโยมมารดาคงไม่รอดแน่ ในที่สุดจึงได้เรียกน้องๆทั้ง ๔คน มาเพื่อปรึกษากันว่า เอาปัจจัยที่ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับโยมมารดา ถวายวัดเพื่ออุทิศส่วนกุสลไปให้กับโยมบิดาที่เสียชีวิตไปก่อน น้องๆทั้งหมด ๔ คนก็ไม่ขัดข้อง ได้อนุโมธนา แต่โยมมารดาค้านว่า "ถ้าถวายวัดทั้งหมดแล้วจะเอาอะไรไปใช้กัน" บรรดาพวกลูกๆก็บอกว่า ทรัพย์สมบัติที่โยมบิดา โยมมารดาให้มาก็ใช้ไม่หมดแล้ว (คือ ร่างกายที่สมบูรณ์)


    [​IMG]

    ดั่งนั้นจึงได้เอาปัจจัยทั้งหมดใส่มือโยมมารดา ให้อธิษฐานเป็นมหากุศล แล้วก้ได้นิมนต์ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก มารับเอาปัจจัยดังกล่าว ท่านสมภารก็ได้จัดการเอาปัจจัยที่ได้รับถวายนั้น นำไปวื้อนาเข้าเป็นสมบัติของสงฆ์ อีกที่หนึ่ง ตอนนั้นราคาไร่ละ ๓๐๐ บาท
    ต่อมาโยมมารดาก็ได้เสียชีวิตลง จึงได้ทำบุญอุทิศส่วนกุสลให้กับโยมมารดาที่ล่วงลับไป หลังจากทำบุญ ๗ วันอุทิศส่วนกุศลให้กับโยมมารดาแล้ว ก็ได้วิตกวิจารณ์ดูว่าโยมมารดาที่ตายไปแล้วนี้ไปอยู่ ณ ที่ใดทำบุญกรวดน้ำไปให้จะได้รับหรือเปล่า จึงได้ออกติดตามค้นหาโยมมารดา แต่นั้นเป็นต้นมาและได้เดินทางออกจากวัดถ้ำตะโก อ. ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี มาแต่เพียงลำพังผู้เดียว เที่ยวเสาะแสวงหาโยมมารดา จนกระทั่งมาถึงยังถ้ำประทุน ที่บ้านหนามจั้น จ. ลพบุรี จึงได้พบกับพระหลวงตาอ่อนฯ (เป็นชนชาติเขมร)



    พระชำรุดหลวงพ่อผินะ คุณจั๋ม บก.ร่มโพธิ์ ลูกบุญธรรมคุณเพียรวิทย์ ส่งมาร่วมบุญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 136 หลวงปู่หิน สหธรรมิก หลวงปู่มั่น

    [​IMG]

    หลวงปู่หิน อายุ 133 ปี
    พระราชินี นับถือท่านมากครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    เดี๋ยวจะมีรูปหล่อบูชา 9 นิ้ว มาให้บูชากันด้วย 1 องค์ท่านเจ้าอาวาสฝากมาให้ทำบุญกัน


    มวลสารชานหมากหลวงปู่หิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    มวลสารเล็กๆน้อยๆครับ

    [​IMG]

    ขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่โทน วัดเขาน้อยคีรีวัน

    [​IMG]

    นางพญาทรายทอง แม่ชีบุญเรือน ปี 2494 ได้เข้าพิธีวัดสารนารถธรรมาราม


    [​IMG]

    สมเด็จของครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขตต์ พระอริยเจ้าแห่งเมืองตาก


    [​IMG]

    พระแตกหักขนาดใหญ่ที่ขุดพบในกรุบริเวณเวียงกุมกาม เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    สงสัยปีหน้าชวนน้องตี๋สร้างพระตอนปีสุดท้ายของการเรียนดีกว่า พอจบรับปริญญา พระเสร็จพอดี รุ่นประวัติศาสตร์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...