เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228

    ยากจริงๆนะ อิอิรู้คำตอบแล้ว
     
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    จองฉากสีขาว 9 อัน

    สีดำ 9 อัน ของส่วนตัว และครอบครัว ส่วนหนึ่งมอบให้ผู้ที่ให้มวลสารสำคัญ

    เมื่อโอนทำบุญแล้วจะนำสลิปมาโพสครับ ห้ามตัดสิทธิ์เด็ดขาด ตอนนี้ยังไม่มีตังค์
    พรุ่งนี้ถ้าว่าง จะนำไปอธิษฐานจิตกับพระที่สามารถเรียกปราณจากอากาศธาตุมาสถิตในวัตถุมงคลได้
     
  3. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ฉากสีขาวเหลือ 29 องค์ ฉากสีดำเหลือ 27 องค์ครับ
     
  4. jirayarn

    jirayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +4,290
    สมเด็จญาณสังวรที่ผมเคารพนับถือ หรือเปล่าครับ
     
  5. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ถูกเลยครับ ท่านประทับที่ตึก วชิรญาณวงศ์
    เดี๋ยวรางวัลจะจัดส่งให้นะครับ
     
  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    สรุปผมต้องโอน 19 อัน เป็นเงิน 28500 ถูกต้องนะครับ (เขียว 1 ขาว 9 ดำ 9 )
     
  7. jirayarn

    jirayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +4,290
    ขอบคุณครับ ขอให้ความปรารถนา ของ dekdelta2 ไปถึงองค์สมเด็จญาณสังวร ด้วยเถิด ที่เหลือสุดแล้วแต่ท่านจะเมตตา
     
  8. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    เดือนที่แล้วได้ข่าวว่าพระองค์ต้องรับการผ่าตัดสมอง ไม่รู้ว่าผ่าตัดไปหรือยัง

    ก็อาจเป็นไปได้นะที่จะให้ท่านอธิฐานจิตให้ ถ้าฝากท่านเจ้าคุณวีระได้
     
  9. Fedor

    Fedor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +112
    สุดยอดครับ คอยตามอ่านอยู่ตลอด เป็นกำลังใจให้ครับ
     
  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    UPDATE
    ล็อกเกตพระแก้วมรกต ผ่านการพุทธาภิเษกแล้วดังนี้
    พิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก-มังคลาภิเษก
    1. พิธีพุทธาภิเษกพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอินทาราม วันที่ 15 พ.ย. 2552
    2. พิธีพุทธาภิเษก พญาวานร วัดบางพลีน้อย วันที่ 29 พ.ย. 2552
    3. พิธีพุทธาภิเษก วัดบางแคน้อย จ.สมุทรสงคราม วันที่ 6 ธ.ค. 2552
    4. พิธีพุทธาภิเษก วัดบวรสถานมงคล(อดีตวัดพระแก้ววังหน้า) วันที่ 19 ธ.ค. 2552
    5. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญครบรอบมรณภาพหลวงปู่หลุย จันทสาโร วันที่ 19 ธ.ค. 2552
    6. พิธีมหาพุทธาเษก "โครงการสร้างพระในใจ เทิดไท้องค์ราชันย์" วัดโฆสมังคลาราม จ.นครพนม วันที่ 26-28 ธ.ค. 2552
    7. พิธีสวดสักขีและเจริญพระพุทธมนต์จากพระสุปฏิปันโนสายวัดป่ากรรมฐาน 92 รูป วัดธรรมมงคล วันที่ 10 มกราคม 2553 (ด้วยความกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ของท่านพระอาจารย์ไม อินทสิริ ถือนำเข้าพิธี)
    8. พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลจัดสร้างโดยโรงพยาบาลภูมิพล ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553
    9. พิธีสมโภชน์และพุทธาภิเษกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ณ วัดแคราชานุวาส จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553
    10. พิธีพุทธาภิเษก ที่วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน ในวิหารโยงสายสิญจน์จากหน้าพระสิกขี(แม่พระรอด) วันที่ 26 มีนาคม 2553
    11. พิธีพุทธาภิเษกล็อกเกตพระแก้วมรกตภูริทัตตเถรานุสรณ์ วัดป่าสันติสามัคคีธรรม จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 4 เมษายน 2553 พระเถราจารย์ที่เข้าร่วมพิธี

    - หลวงปู่ใสย ปัญญพโล วัดเขาถ้ำตำบล ประธานจุดเทียนชัย
    - หลวงตาเอียน วัดป่าโคกม่อน อริยเจ้าผู้เร้นกาย พระอาจารย์ของพระอาจารย์วัน อุตตโม ดับเทียนชัย
    - หลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง จ.อุดรธานี
    - พระอาจารย์ไม อินทสิริ
    - พระอาจารย์อุทัย วัดภูย่าอู่
    - หลวงปู่บุญมา วัดถ้ำโพงพาง จ.ชุมพร
    - พระอาจารย์แดง วัดลุมพินี จ.พังงา
    - หลวงปู่สุมโน วัดถ้ำสองตา
    - พระอธิการใจ วัดพระยาญาติ
    - หลวงปู่บุญมี วัดถ้ำเต่า
    ฯลฯ
    12. พิธีหล่อพระอัครสาวกและพระอรหันตสาวก วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี วันที่ 1 พ.ค. 2553 (เข้าพิธีเฉพาะพระปิดตาที่อุดหลัง)
    13. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ในงานประจำปีของชมรมรักษ์พระธาตุแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ วันที่ 15 พฤษภาคม 2553
    14. พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของวัดตาลเอน(วัดสาขาของวัดอัมพวัน สิงห์บุรี) จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 20 ตุลาคม 2553
    15. พิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งชินบัญชรเพ็ชรกลับเหนือโลกและเหรียญหล่ออจิณไตย หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน ณ คณะเวฬุวัน อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ วันที่ 6 พ.ย. 2553
    16. พิธีพุทธาภิเษกพระปิดตาเมตตามหาลาภ วัดทุ่งเศรษฐี วันที่ 21 พ.ย. 2553(วันลอยกระทง)
    พระพรหมสุธี วัดสระเกศ ประธานจุดเทียนชัย
    เจริญจิตตภาวนาโดย
    พ่อท่านเลิบ วัดทองตุ่มน้อย จ.ชุมพร
    หลวงปู่ครูบาสิงโต วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่
    หลวงพ่อนพวรรณ วัดเสนานิมิต จ.อยุธยา
    ครูบาคำเป็ง อาศรมสุขาวดี จ.กำแพงเพชร
    หลวงพ่อทอง วัดไร่กล้วย จ.ชลบุรี
    หลวงพ่อพูนทรัพย์ วัดอ่างศิลา จ.ชลบุรี
    หลวงปู่ปั้น วัดนาดี จ.สระบุรี
    หลวงพ่อเหลือ วัดขอนชะโงก จ.สระบุรี
    หลวงพ่อบุญ วัดทุ่งเหียง จ.ชลบุรี
    หลวงพ่อเจริญ วัดเกาะอุทการาม จ.นครราชสีมา
    พระครูคัมภีร์ปัญญาวิกรม วัดอรุณฯ กรุงเทพฯ
    พระครูญาณวิรัช วัดตะกล่ำ กรุงเทพฯ
    หลวงพ่อชวน วัดบ้านบึงเก่า จ.บุรีรัมย์
    พระมหาเนื่อง วัดราษฎร์บำรุง จ.ชลบุรี
    หลวงพ่อเณร ญาณวินโย วัดทุ่งเศรษฐี กรุงเทพฯ

    17. พิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูป ณ เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ วันที่ 4 ธันวาคม 2553 (หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ จุดเทียนชัย หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร ดับเทียนชัย)

    18. พิธีสวดบูชานพเคราะห์และพุทธาภิเษกท้าวเวสสุวรรณ ณ วัดจุฬามณี ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม วันที่ 26 ธันวาคม 2553 พระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธี

    ๑. หลวงปู่คง วัดเขากลิ้ง จ.เพชรบุรี
    ๒. หลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ จ.กาญจนบุรี
    ๓. หลวงปู่ยวง วัดโพธิ์ศรี จ.ราชบุรี
    ๔. หลวงพ่ออุดม วัดประทุมคณาวาส จ.สมุทรสงคราม
    ๕. หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    ๖. หลวงพ่อไพศาล วัดทรงธรรมวรวิหาร จ.สมุทรปราการ
    ๗. หลวงพ่อผล วัดหนองแขม จ.เพชรบุรี
    ๘. หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี
    ๙. หลวงพ่อสิริ สิริวฒฺฑโน
    ๑๐. หลวงพ่อเมียน จ.บุรีรัมย์
    ๑๑. หลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี


    19. พิธีพุทธาภิเษกเหรียญครบรอบอายุ 93 ปี หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วันที่ 12-13 มกราคม 2554





    พิธีปลุกเสก/อธิษฐานจิตเดี่ยว
    เรียงตามวาระดังนี้
    1. พระใบฎีกายวง สุภัทโท วัดหน้าต่างใน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
    2. พระครูสมบูรณ์จริยธรรม(แม้น) วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
    3. พระครูประโชติธรรมวิจิตร(เพิ่ม) วัดป้อมแก้ว อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา (2 วาระ)
    4. พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ(พูน) วัดบ้านแพน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
    5. พระมงคลนนทวุฒิ(เก๋) วัดปากน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี
    6. พระครูเกษมวรกิจ(วิชัย) วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย (2 วาระ)
    7. หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (2 วาระ)
    8. พระราชวรคุณ(สมศักดิ์) วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
    9. พระครูอุดมธรรมสุนทร(แปลง) วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร (2 วาระ)
    10. หลวงปู่เณรคำ(วิรพล) ขันติโก วัดป่าขันติธรรม อ.กัณทรารมย์ จ.ศรีษะเกษ
    11. พระอาจารย์สุมโน วัดถ้ำสองตา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา (2 วาระ)
    12. หลวงปู่เนย สมจิตโต วัดโนนแสนคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร
    13. หลวงปู่ผ่าน ปัญญาทีโป วัดป่าปทีปปุญญาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    14. พระอาจารย์เจริญ ฐานยุตโต วัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    15. หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก วัดวุฒิราษฏร์(บ้านฟ่อน) อ.หางดง จ.เชียงใหม่ (2 วาระ)
    16. พระครูศีลพิลาศ(จันทร์แก้ว) วัดศรีสว่าง(วัวลาย) อ.หางดง จ.เชียงใหม่ (2 วาระ)
    17. พระครูวิสุทธิศีลสังวร(สาย) วัดร้องขุด อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
    18. หลวงปู่ดี ธัมมธีโร วัดเทพากร เขตบางพลัด กรุงเทพฯ (2 วาระ)
    19. พระครูปราสาทพรหมคุณ(หงษ์) สุสานทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
    20. พระครูไพบูลย์สิกขการ(หวาน) วัดสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
    21. พระราชสังวรญาณ(ไพบูลย์) วัดอนาลโย อ.เมือง จ.พะเยา (2 วาระ)
    22. หลวงปู่บุญมา คัมภีรธโร วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (4 วาระ)
    23. พระครูวิมลภาวนคุณ(คูณ) วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี (5 วาระ)
    24. หลวงพ่อเปรื่อง เขมปัญโญ วัดบางจาก อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    25. หลวงปู่โปร่ง ปัญญธโร วัดตำหนักเหนือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    26. หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต สวนอาหารสวนทิพย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    27. พระครูปราโมทย์(อ้อน) วัดบางตะไนย์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี
    28. หลวงพ่อสินธุ์ ฐิตาโก วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    29. หลวงตาวาส สีลเตโช วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    30. หลวงปู่อุดม ญาณรโต วัดป่าสถิตธรรมวนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
    31. หลวงพ่อพระมหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ อ.แม่สอด จ.ตาก
    32. พระอาจารย์ประกอบบุญ สิริญาโณ วัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน
    33. พระครูสุวรรณศาสนคุณ(นาม) วัดน้อยชมภู่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี (3 วาระ)
    34. พระครูวิบูลโพธิธรรม(น่วม) วัดโพธิ์ศรีเจริญ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    35. หลวงพ่อมนตรี ขันติธัมโม วัดป่าวิสุทธิธรรม อ.บ่อไร จ.ตราด
    36. พระครูวิสิษฐ์ชโลปการ(เกลี้ยง) วัดเนินสุทธาวาส อ.เมือง จ.ชลบุรี (2 วาระ)
    37. หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม วัดป่าโชคไพศาล อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร (2 วาระ)
    38. หลวงปู่วิไล เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ (4 วาระ)
    39. พระอาจารย์สมหมาย อัตตมโน วัดสันติกาวาส อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี
    40. หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร (2 วาระ)
    41. พระญาณสิทธาจารย์(ทองพูล) วัดสามัคคีอุปถัมป์(ภูกระแต) จ.บึงกาฬ
    42. หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต วัดถ้ำคูหาวารี อ.วังสะพุง จ.เลย (2 วาระ)
    43. พระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดถ้ำพระภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย
    44. หลวงพ่อปริ่ง สิริจันโท วัดโพธิ์คอย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
    45. พระครูประสิทธิ์ อัคคธัมโม วัดโฆสมังคลาราม อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    46. หลวงปู่ครูบาตั๋น ปัญโญ ที่พักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่(2 วาระ)
    47. พระครูถาวรศีลพรต(อินถา) วัดอินทราพิบูลย์ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    48. พระครูโสภณสารคุณ(บุญมา) วัดศิริชัยนิมิตร อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
    49. ครูบาบุญเป็ง คัมภีโร วัดทุ่งปูน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
    50. หลวงปู่ครูบาสิงห์แก้ว อัตถกาโม วัดปางกอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
    51. ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
    52. หลวงปู่ครูบาบุญมา อนิญชิโต วัดบุปผาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    53. พระอุดมญาณโมลี(จันทร์ศรี) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี (อายุ 100 ปี)
    54. พระอาจารย์สมบูรณ์ กันตสีโล วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
    55. พระครูสันติวรญาณ(อ่ำ) ธุดงคสถานสันติวรญาณ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์
    56. พระครูกิตติอุดมญาณ(ไม) วัดป่าหนองช้างคาว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี (3 วาระ)
    57. พระครูวิทิตศาสนกิจ(ไพโรจน์) สำนักสงฆ์ดอยปุย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    58. หลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้ อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร (2 วาระ)
    59. หลวงปู่ลี ถาวโร วัดป่าหนองทับเรือ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก (3 วาระ)
    60. พระเทพเจติยาจารย์(วิริยังค์) วัดธรรมมงคล เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
    61. หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร
    62. พระราชสิทธิมงคล(สวัสดิ์) วัดศาลาปูนวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
    63. พระสุนทรธรรมานุวัตร(เอียด) วัดไผ่ล้อม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา (ปลุกเสกขณะเกิดสุริยุปราคาเมื่อวันที่ 15 มกราคม)
    64. หลวงพ่อวงศ์ สุภาจาโร วัดคำพระองค์ กิ่ง อ.เฝ้าไร่ หนองคาย (2 วาระ)
    65. พระมงคลศีลจาร(ทองอินทร์) วัดกลางคลองสี่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
    66. พระครูโสภณพัฒนาภิรม(บุญ) วัดทุ่งเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    67. พระครูวิจิตรธรรมารัตน์(ขวัญชัย) วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    68. พระธรรมสิงหบุราจารย์(จรัญ) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
    69. พระครูมงคลนวการ(ฉาบ) วัดศรีสาคร อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
    70. หลวงพ่อเอิบ ฐิตตธัมโม วัดซุ้มกระต่าย (หนองหม้อแกง) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
    71. พระครูวิจิตรชยานุรักษ์(พร้า) วัดโคกดอกไม้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
    72. พระครูปัญญาวิมล(แป๋ว) วัดดาวเรือง อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
    73. หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสตถิผล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    74. พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดสุวรรณจัตตุพลปัลนาราม(บางเนียน) อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช (อายุ 106 ปี)
    75. หลวงพ่อจำลอง เขมนัญโญ วัดเจดีย์แดง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
    76. พระครูอนุศาสน์กิจจาทร(เขียว) วัดห้วยเงาะ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
    77. หลวงปู่เยี่ยม(สีโรจน์ ปิยธัมโม) วัดประดู่ทรงธรรม<!-- google_ad_section_end --> อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา (2 วาระ)
    78. ครูบาข่าย วัดหมูเปิ้ง ลำพูน
    79. ครูบาสุข วัดป่าซางน้อย ลำพูน
    80. ครูบาอุ่น วัดโรงวัว เชียงใหม่
    81. ครูบาบุญทา วัดเจดีย์สามยอด จ.ลำพูน
    82. ครูบาศรีวัย วัดหนองเงือก จ.ลำพูน
    83. หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์(2 วาระ) (อายุ 100 ปี)
    84. หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
    85. หลวงปู่ใสย วัดเขาถ้ำตำบล ลพบุรี
    86. พระอาจารย์เจริญ วัดถ้ำปากเปียง เชียงใหม่(2 วาระ)
    87. พระอาจารย์อุทัย วัดภูย่าอู่ อุดรธานี(2 วาระ)
    88. หลวงพ่อบุญลือ วัดคำหยาด จ. อ่างทอง(2 วาระ)
    89. หลวงปู่ผาด วัดไร่้ จ.อ่างทอง
    90. หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน จ.อ่างทอง(2 วาระ)
    91. หลวงปู่เปรี่ยม วัดบ้านคลองทรายเหนือ จ.สระแก้ว
    92. หลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี
    93. หลวงปู่ครูบาสิงห์โต วัดดอยแก้ว
    94. ครูบาเลิศ วัดทุ่งม่านใต้ ลำปาง
    95. ครูบาบุญมา วัดบ้านสา ลำปาง
    96. หลวงปู่ภัททันตะอาสภะมหาเถระอัครบัณฑิต วัดท่ามะโอ
    97. พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์<!-- google_ad_section_end -->
    98. หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
    99. หลวงตาวรงคต วิริยธโร วัดถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่(อธิษฐานเฉพาะพระปิดตาที่ใช้อุดหลังล็อกเกต)
    100. หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี (2 วาระ)
    101. หลวงปู่อ่อง วัดสิงหาร จ.อุบลราชธานี<!-- google_ad_section_end -->
    102. หลวงพ่อแก่ วัดกล้วย พระนครศรีอยุธยา
    103. หลวงปู่ศรี วัดหน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
    104. หลวงพ่อผอง วัดพรหมยาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
    105. หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สวนป่าสมุนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์(ไม่ทราบพรรษาแน่ชัด)
    106. หลวงปู่ปัญญา ปัญญาธโร วัดหนองผักหนามราษฎร์บำรุง อ.หนองใหญ่ จ. ชลบุรี (อายุ 106 ปี)
    107. หลวงปู่เรือง อาภัสโร ปูชนียสถานธรรมเขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี
    108. หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย อ.เมือง จ.ลพบุรี<!-- google_ad_section_end -->
    109. หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
    110. พระครูปัญญาวราภรณ์(สมภาร) วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ หนองคาย
    111. พระครูธรรมสรคุณ (เขียน) วัดกระทิง อ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี
    112. พระญาณวิศิษฎ์(ทอง) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
    113. พระครูอุดมภาวนาจารย์(ทองสุก) วัดอนาลโยพิทยาราม อ.เมือง จ.พะเยา
    114. พระราชภาวนาพินิจน์(สนธิ์) วัดพุทธบูชา เขตบางมด กรุงเทพฯ
    115. หลวงพ่อทองคำ กาญจวัณโณ วัดถ้ำบูชา อ.เซกา จ.หนองคาย
    116. พระครูอุดมวีรวัฒน์ (คูณ) วัดอุดมวารี อ.พาน จ.เชียงราย
    117. พระครูปัญญาธรรมวัฒน์ (อินทร) วัดสันป่ายางหลวง อ.เมือง จ.ลำพูน
    118. พระครูสุนธรธรรมโฆษิต(หลวงเตี่ยสุรเสียง) วัดป่าเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม
    119. หลวงพ่อบุญส่ง วัดทรงเมตตาราม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
    120. พระอาจารย์เกษมสุข วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
    121. หลวงปู่เชิญ เทพนภา จ.สิงห์บุรี<!-- google_ad_section_end -->
    122. พระครูภาวนาวิรัชคุณ(คง) วัดเขากลิ้ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
    123. หลวงพ่อผล วัดหนองแขม จ.เพชรบุรี
    124. หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง อ.บางกระดี่ จ.ปทุมธานี
    125. หลวงพ่อยวง วัดโพธิ์ศรี อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
    <!-- google_ad_section_end -->126. หลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล จ.นครปฐม
    127. หลวงปู่พุทธา พุทธจิตโต วัดป่าหนองยาว
    128. หลวงตาเก่ง ธนวโร วัดบ้านนาแก
    129. หลวงพ่อบุญรัตน์ วัดโขงขาว อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    130. ครูบาอินตา วัดศาลา อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    131. หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน จ.เลย<!-- google_ad_section_end -->
    132. หลวงปู่สิริ อคฺคสิริ วัดละหาร อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    133. พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงปู่หลาย) วัดนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
    134. พระครูสันติธรรมาภิรม(อ่อน รัตนวัณโณ)วัดสันต้นหวีด อ.เมือง จ.พะเยา
    135. พระครูอดุลปุญญาภิรม(ผัด) วัดหัวฝาย อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
    136. หลวงปู่ครูบาครอง ขัตติโย สำนึกสงฆ์ท่าอุดม อ.เถิน จ.ลำปาง
    137. หลวงพ่อมหาสิงห์ วิสุทโธ วัดถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน
    138. พระครูธรรมาธรเล็ก วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    139. หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ
    140. พระวิมลศีลาจาร (อำนวย) วัดบรมนิวาส เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
    141. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(มานิตย์) วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
    142. พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร) วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
    143. หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
    144. หลวงปู่บู่ กิติญาโณ วัดสุมังคลาราม อ.เมือง จ.สกลนคร(ไม่ทราบพรรษาแน่ชัด)
    145. หลวงปู่สุธัมม์ ธัมมปาโล วัดเทพกัญญาราม อ.เมือง จ.สกลนคร
    146. พระครูโสภณสิริธรรม(สม) วัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    147. พระครูนิพัธธรรมรัต(เกลื่อน) วัดรางฉนวน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง
    148. พระครูสิริบุญเขต(มี) วัดม่วงคัน อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    149. พ่อท่านเกลื่อน วัดประดู่หมู๋ (อายุ 104 ปี)
    150. พ่อท่านแก้ว วัดสะพานไม้แก่น (อายุ 100 ปี)
    151. พ่อท่านแสง วัดศิลาลอย
    152. พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ
    153. พระอาจารย์ภัทร อริโย วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา
    154. พระครูมนูญธรรมาภรณ์(อิ่นคำ) วัดมหาวัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    155. ครูบาคำปัน ญาณเถระ วัดพระธาตุม่อนเปี๊ยะ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
    156. หลวงปู่ชม ฐานคุตโต วัดป่าท่าสุด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    157. หลวงปู่กวง โกสโร วัดป่านาบุญ อ.แม่งแตง จ.เชียงใหม่
    158. พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    159. หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    160. พระอธิการเสน่ห์ จันทสโร วัดเชียงขาง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
    161. พระราชพุทธิมงคล(ทองบัว) วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
    162. ครูบาน้อย เตชปัญโญ วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่
    163. พระครูอุดมวิริยกิจ(แสง) วัดป่าฤกษ์อุดม อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ
    164. พระครูเกษมธรรมานุวัตร(ญาท่านเกษม) วัดเกษมสำราญ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี
    165. หลวงปู่คล้าย อธิเตโช วัดราษฎร์นิยม(บ้านกระเดียน) อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี
    166. หลวงปู่จูมณี กังขามุตโต วัดธรรมรังสี อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
    167. หลวงปู่บรรยงค์ ทัสสะนะธัมโม วัดสว่างวารี(วัดตุงลุง) อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
    168. พระครูพิบูลธรรมภาณ(โชติ) วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    169. พระครูโกวิทพัฒโนดม(เกลี้ยง) วัดบ้านโนนแกด อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ (อายุ 104 ปี)
    170. หลวงปู่พา อธิวโร วัดบัวระรมย์ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ
    171. พระครูโสภณจันทรังสี(เพ็ง) วัดโพธิ์ศรีละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
    172. หลวงปู่ญาท่านโทน ขันติโก วัดบ้านพับ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
    173. หลวงปู่แสง ญาณวโร วัดป่าภูติศษา อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ
    174. หลวงปู่มหาคำแดง ฐานะทัตโต วัดคำภีราวาส อ.ตระการพืขผล จ.อุบลราชธานี
    175. สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว) วัดสระเกศวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    176. หลวงพ่อบุญมี ปภัสโร วัดสระเกศวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ (ศิษย์เอกหลวงปู่สังข์ วัดนากันตม)
    177. พระอาจารย์(ปิดตัว) อาจารย์สายวิชาการเล่นแร่แปรธาตุ เสกด้วยโองการพระเจ้าประชุมธาตุ เรียกปราณในอากาศมาสถิตในองค์พระ



    รายนามอุบาสก-อุบาสิกาอธิษฐานจิตเชิญบารมีคุณพระรัตนตรัย

    1. อ.ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักบัวแปดกลีบ อัญเชิญคุณบารมีพระแก้วมรกตและครูบาอาจารย์มาประสิทธิ์
    2. อ.ชินพร สุขสถิตย์ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก อัญเชิญเทพ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์อันมีหลวงปู่ทิม เป็นที่สุด
    3. อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์ อาศรมโพธิสัตว์ม่อนแก้ว อธิษฐานนำพระไปถวายสมเด็จองค์ปฐมครอบวิมานแก้ว
    4. ยายชีนวล วัดภูฆ้องคำ อายุ 100 ปี ศิษย์สำเร็จลุน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2011
  11. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 107 สมเด็จที่เป็นพระทองคำทั้งองค์

    <TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>" เมื่อเรามีหลักอยู่ว่า เราจะบำเพ็ญประโยชน์ให้กับคนทั่วไป คนที่มาหาเรา
    ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะไหนเราก็รับได้ เพราะเราตั้งใจไว้ดี แต่ถ้าหากเราเกิด
    มีอารมณ์โกรธ อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมา เราก็พยายามเก็บมันไว้ภายในไม่ให้ใคร
    รับรู้ได้ ในตอนแรก ๆ การเก็บอารมณ์นี้ มันจะกระทำได้ยากอยู่ แต่ถ้หากทำ
    เป็นประจำ จนกระทั่งเกิดเป็นความเคยชินแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จะหายไปเอง "</TD></TR></TBODY></TABLE>
    --------------------------------------------------------------------------------
    เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( เกี่ยว อุปเสโณ ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ​
    ท่านมีนามเดิมว่า เกี่ยว โชคชัย พื้นเพภูมิลำเนา เป็นคนบ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือกำเนิด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2471 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีมะโรง โยมบิดา ชื่อ เลื่อน โชคชัย โยมมารดา ชื่อ ยี โชคชัย มีอาชีพทำสวน มีฐานะค่อนข้างมั่นคงพอสมควร มีบุตรด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน เด็กชายเกี่ยว โชคชัย เป็นบุตรคนที่ 5 ของครอบครัว ชีวิตในวัยเยาว์ของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้รับการเลี้ยงดู อย่างทะนุถนอมจากบุพการี ผู้ให้กำเนิด ได้รับความผาสุกตามสภาพที่พึงจะมี พึงจะเป็น เฉกเช่นบิดามารดาที่จะมีให้แก่บุตร ด้วยความอบอุ่นร่วมกับพี่ ๆ และ น้องที่เกาะสมุย เมื่อกาลเวลาผ่านไป เด็กชายเกี่ยว เจริญวัยได้พอสมควรแล้ว จึงได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาหาความรู้ ในโรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในตำบลบ่อผุด นั่นเอง จนกระทั่งเรียนจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ในปี พ.ศ. 2483
    ด้วยสติปัญญาและความ ตั้งใจจริง ในอันที่ จะใฝ่หาความรู้ของเด็กชายเกี่ยว โชคชัย ทำให้ผล การศึกษาเป็นที่พอใจ ของบิดา มารดา และครู อาจารย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อท่านแสดงเจตนา ว่าต้องการจะศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูง ๆ ขึ้น ต่อไปอีก จึงได้รับการสนับสนุน จากบิดา มารดา โดยได้ติดต่อโรงเรียนในตัวเมือง สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีระดับความรู้ที่สูงกว่า เป็นที่ศึกษาต่อไป
    แต่ทว่าคงเป็นด้วยบุญวาสนาบารมีที่เคยกระทำไว้แต่ปางก่อน แม้ว่าปัจจัยในอันที่จะทำให้เด็กชาย เกี่ยวได้ไปเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกศึกษาในตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพร้อมแล้ว แต่ท่านก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้ ความพร้อมให้เป็นตามที่ตนตั้งในไว้ คือก่อนที่จะถึงกำหนดวันเดินทางไปศึกษาต่อ เด็กชายเกี่ยว ก็เกิดมีอาการ ป่วยไข้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน แม้จะได้รับการเยียวยา รักษาให้ตามกำลังความสามารถ แต่อาการป่วยไข้ ก็หาได้ ทุเลาลงไม่ มิหนำซ้ำอาการกลับทรุดหนัก รุนแรงขึ้นทุกขณะ มีอาการหนาวสั่น และเพ้อเพราะพิษไข้กำเริบ อาการป่วยของเด็กชายเกี่ยว ทำให้บิดา มารดาเป็นทุกข์เป็นร้อนมาก ถึงกับได้บนบานศาลกล่าวว่า ( บนบวช ) หากเด็กชายเกี่ยวหายจากป่วยไข้ ก็จะให้บวชเป็นเณร เพื่ออุทิศกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เป็นการ ทดแทน ภายหลังจากบนบวช อาการป่วยของเด็กชายเกี่ยวก็ค่อย ๆ ทุเลา และหายเป็นปกติในที่สุด บิดา มารดา จึงได้กำหนดวันบวชให้เด็กชายเกี่ยว โชคชัย
    เด็กชายเกี่ยว บวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2489 ที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอธิการพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดภูเขาทองเป็นพระอุปัชฌาย์ โดยท่าน คิดว่าจะบวชแก้บน สัก 7 วัน แล้วก็จะลาสึกไปรับการศึกษาในฝ่ายโลกต่อไป แต่เมื่อบวชแล้วจิตใจสงบ ร่างกายสบาย เป็นสุข จึงทำให้ท่านไม่คิดจะสึกตามที่กำหนดไว้ ในระยะนี้ โยมบิดา ได้พาสามเณรเกี่ยวไปฝากกับหลวงพ่อพริ้ง ( พระครูอรุณกิจโกศล ) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ซึ่งเป็นที่คุ้นเคย และเคารพนับถือของครอบครัวโชคชัยมาก่อน ดังนั้นสามเณรเกี่ยวจึงย้ายจากวัดสว่างอารมณ์ มาอยู่ที่วัดแจ้ง

    จากการที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากหลวงพ่อพริ้ง ทำให้สามเณรเกี่ยว เกิดมีความอยากจะเรียนรู้ ศึกษาข้อวัตร ข้อธรรมให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก คือการศึกษานักธรรม ซึ่งท่านก็ได้ศึกษาสมความปรารถนา และ สามารถสอบผ่านนักธรรมชั้นตรีได้ในปีแรกนั่นเอง หลวงพ่อพริ้ง เห็นว่าสามเณรเกี่ยว มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีจิตใจใฝ่ในธรรม จึงคิดสนับสนุนให้ ศึกษาทางพระในระดับสูง จึงได้นำสามเณรเกี่ยวเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยฝากฝังกับอาจารย์เกตุ คณะ 5 วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อจะให้ศึกษานักธรรม และบาลีควบคู่กันไป
    ทว่าต่อจากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร ถูกเครื่องบิน ทิ้งระเบิดอย่างหนัก หลวงพ่อพริ้งจึงมารับตัวกลับ และพาไปฝากท่านอาจารย์มหากลั่น ศึกษาต่อที่พุมเรียง อำเภอไชยา เมื่อสงครามสงบ หลวงพ่อพริ้งจึงพาไปฝากที่วัดสระเกศอีกครั้งหนึ่ง แต่ท่านอาจารย์เกตุ ได้ลา สิกขาบทไปเสียแล้ว ท่านจึงพาไฟฝากไว้กับ พระครูปลัดเพียบ ( ซึ่งต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็น พระธรรมเจดีย์ และเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ต่อจากสมเด็จพระสังฆราชอยู่ ญาโณทยมหาเถระ )
    จากที่ได้กล่าวแล้วว่า การเข้ามาอยู่กรุงเทพ ฯ ของสามเณรเกี่ยว ก็ด้วยเจตนาแห่ง การศึกษาหาความรู้ เพื่อความแตกฉานในพระธรรม ให้สมกับที่ประกาศตนเป็นผู้ถือพรหมจรรย์ด้วยการบวช เป็นสมณะในพระพุทธศาสนา
    ฉะนั้นการที่ได้มาอยู่ในสำนักเรียนที่อุดมพร้อมเพรียงด้วยครูบาอาจารย์ที่รอบรู้ แตกฉานใน พระธรรมวินัย ทั้งโดยฝ่ายปริยัติธรรม และปฎิบัติธรรม โดยเฉพาะมีโอกาส ได้อยู่ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสังฆราช ( อยู่ ญาโณทยมหาเถระ ) และ ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ ( เพียบ ) สามเณรเกี่ยว จึงมุมานะร่ำเรียนวิชาความรู้ ด้วยความมานะพากเพียรอย่างเต็มกำลัง ความสามารถแห่งสติปัญญา
    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>" การปฏิบัติตนของอาตมา เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนที่เรียนหนังสือ ด้วยกันว่า
    ตั้งแต่สมัยเป็นเณร จนกระทั่งเป็นพระ มีอุปนิสัยชอบในการเรียนหนังสือ จนกระทั่ง
    ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ ท่านถึงกับเรียกว่า นางห้อง ทั้งนี้ก็เพราะว่า เวลาส่วนใหญ่
    ของอาตมาจะอยู่ในห้อง เรียนหนังสือ เพราะถือการเรียนหนังสือเป็นสำคัญ แล้วก็
    ช่วยงานวัด ช่วยงานของสมเด็จพระสังฆราช ช่วยงานของท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ " </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>
    - กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)
    - ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
    - เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก
    - เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร</TD></TR></TBODY></TABLE>


    "พระทองคำ" เป็นคำกล่าวรับรอง จาก หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ที่เมื่อท่านเจอกับสมเด็จฯ ท่านจะกราบสมเด็จก่อน

    [​IMG]

    วันนี้ไปกราบสมเด็จมา รับรองว่าไม่ลืมนำล็อกเกตพระแก้วไปให้พระทองคำอธิษฐานจิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0800.JPG
      IMG_0800.JPG
      ขนาดไฟล์:
      239.4 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG_0801.JPG
      IMG_0801.JPG
      ขนาดไฟล์:
      188.6 KB
      เปิดดู:
      1,442
  12. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    องค์ต่อไปที่จะขอเมตตาปลุกเสก คือ หลวงปู่บายกรีม พระเหนือโลกสหธรรมิก กับ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ท่านชอบเดินธุดงค์ระหว่างเขมร และในไทย ตอนนี้ผมทราบแล้วว่าท่านอยู่ที่ไหน ถ้ามีโอกาสจะขอเมตตาท่านประจุธาตุกสิณไฟให้

    ตอนนี้ขอกับท่านไว้แล้ว ขอกับรูป

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0001.jpg
      scan0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      455.8 KB
      เปิดดู:
      1,438
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2011
  13. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    อีกองค์คือ ศิษย์ของพระพุทโฆษาจารย์เจริญ วัดเทพศิรินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์น้องเจ้าคุณนรรัตน์องค์เดียวที่ทรงขันธ์อยู่ ท่านเคยย้ายไปอยู่ที่แม่ฮ่องสอน ตอนนี้รู้แล้วว่าอยู่ไหน ถ้ามีโอกาส อธิษฐานจิตแน่นอน
     
  14. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 108 ปฐวีธาตุ พระเพชรสื่อพญานาคแห่งลำโขง

    ขออนุญาตยืมบทความของพี่ต่อเป็นการนำเรื่องนะครับ

    ปฐวีธาตุ ที่สุดแห่งขลัง ของหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- 2.jpg [ 4.28 KiB | เปิดดู 3534 ครั้ง ] -->

    ตลอดชีวิตของคน “ทำ” พระเป็น ย่อมรู้แน่แก่ใจว่าเครื่องมงคลชิ้นใดที่ตนได้ “บรรจุคุณ” ไว้อย่างเต็มที่ที่สุด หรือทราบชัดว่า ของสิ่งใดที่ทรงไว้ซึ่ง “อานุภาพ” อย่างถึงที่สุด แล้วมักเก็บงำของนั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ใคร่ตกถึงมือใครง่ายๆ ดังเช่นของสิ่งอื่นทั่วไป เช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ยากที่ใครจะได้ตะกรุดธาตุหก, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ยากที่ใครจะได้พระพรหมผง และสำหรับหลวงปู่คำพัน<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- 1173934269.jpg [ 75.63 KiB | เปิดดู 3536 ครั้ง ] -->

    ใครจะเอาปฐวีธาตุก็ยากนัก คงเป็นเพราะท่านเหล่านั้นเกรงว่าผู้รับจะไม่รู้ถึงคุณค่าของของนั้น หรือไม่ก็กลัวผู้รับไปจะเปลี่ยนใจเป็นโจรในภายหลัง ซึ่งจะยากแก่การปราบปราม

    ผมก็เดาได้แค่นี้แหละ <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- 01.jpg [ 12.03 KiB | เปิดดู 3513 ครั้ง ] -->

    ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับก่อนโน้นที่เคยกล่าวถึงของป้องกันนิวเคลียร์ได้ มีหลายท่าน จ.ม. ไปถามผมว่ากันอย่างไรได้ระเบิดตกลงมาตรงหน้ายังกันได้หรือ? โถ ! ถ้าถึงขนาดนั้นอย่าว่าแต่คนแขวนเลย พระก็คงจะป่นนะครับ ที่ผมบอกว่าป้องกันได้นั้น หมายถึง กัน “กัมมันตภาพรังสี” ต่างหาก เป็นที่แน่ชัดว่าประเทศไทยไม่ถูกบอมบ์ด้วยนิวเคลียร์ดังเช่นที่ญี่ปุ่นเคยดอก แต่กัมมันตภาพรังสีที่ฟุ้งกระจายไปในชั้นบรรยากาศมันจะมากับอากาศที่หายใจกับเมฆ กับฝน และแม่น้ำ ลำธารต่างๆ ฝุ่นรังสีย่อมปนเปื้อนอยู่ทั่วไป มงคลวัตถุที่ท่านผู้ทรงคุณทั้งหลายเจริญภาวนาให้ จะมีอานุภาพทำลายกัมมันตภาพรังสีเหล่านั้นให้มีสภาวะเป็นกลาง ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย

    ไม่ใช่ระเบิดตกลงหลังคาบ้านแล้วไม่ตายครับ

    นั่นเป็นความเชื่อของผมโดยส่วนตัว ใครจะเชื่อก็ไม่ว่า ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่าเป็นของธรรมชาติอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสสอนสัตว์โลกอยู่เป็นนาน คนเชื่อก็มีคนไม่เชื่อก็มี สำมะหาอะไรกับผม

    คนไม่เชื่อหยุดอ่านก่อนได้เพื่อความสบายใจ ส่วนคนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างเชิญอ่านต่อไป เพราะผมจะเข้าเรื่องสำคัญ

    ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งในใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้สร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- 1190115078.jpg [ 40.62 KiB | เปิดดู 3514 ครั้ง ] -->

    หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย

    ปรารภนี้เป็นที่น่าสนใจ ใครที่รู้ต่างก็ออกแสวงหาพระผู้เสกปฐวีธาตุเป็น คำว่า “เป็น” ของท่านคุณนรฯ คงหมายถึงทำได้มากจนแพร่หลายไปในหมู่ชนได้ ไม่ใช่ทำเพียงแค่ก้อนสองก้อนก็จบ

    หากันอยู่นาน ก็ระแคะระคายว่ามีพระทางจังหวัดนครพนมรูปหนึ่ง ท่านทำปฐวีธาตุได้ เอ ! หรือท่านจะ “รับมุข” ที่ท่านเจ้าคุณนรฯพูด ทว่า เมื่อเช็คกับผู้รู้ท่านหนึ่งท่านว่าพระเถระรูปนั้นทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    [​IMG]
    <!-- PDVD_196.jpg [ 24.95 KiB | เปิดดู 3508 ครั้ง ] -->

    จึงออกสืบเสาะจนได้ความว่าเป็น หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ

    หลวงปู่คำพันทราบถึงวิธีการอธิษฐานปฐวีธาตุได้อย่างไร มันมีที่มาอย่างนี้ครับ

    กลับไปหลายสิบปีก่อน ครั้งหลวงปู่คำพันยังเป็นพระหนุ่ม ๆ มีผู้เฒ่าที่ครอบครองตำราสำคัญอยู่ นัยว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ครั้นชายชราใกล้ถึงที่สุดแห่งอายุขัย ก็ได้สั่งกำชับบุตรชายว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันแต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น

    สั่งความได้ไม่นานก็ลาโลกนี้ไป บุตรชายก็ทำตามสั่งทุกประการ นำตำราไปมอบให้หลวงพ่อคำพัน เมื่อท่านเปิดอ่านก็ปรากฏว่าตัวอักษรในนั้น เป็น “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น

    เมื่ออ่านไปเรื่อยจึงทราบว่าหนังสือนั้นเป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

    ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร

    หลวงปู่คำพันได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย

    ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น

    คำว่าโปร่งแสงหมายถึง แสงสามารถลอดทะลุผ่านได้ ไม่ใช่โปร่งใส ถ้าโปร่งใสจะหมายถึงมองทะลุเห็นภาพอีกด้านได้ ซึ่งคงไม่มีกรวดชนิดใดเป็นเช่นนั้นแน่ หรือถ้ามีคงหายากสุดๆ

    และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด แม้ว่าทางวัดจะพยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตาม มันก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน

    ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่นท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วยท่านมีข้อแม้กับปฐวีธาตุว่า ต้องอยู่ในอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น ส่วนจะใสหรือขุ่น จะใหญ่หรือเล็ก ท่านไม่เอามาเป็นประมาณ

    ผมเองก็เพิ่งทราบว่า ไม่เพียงท่านเจ้าคุณนรฯ หรือหลวงปู่คำพันเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุได้ พระมหาเถระผู้ทรงคุณสูงสุดคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ก็ทำปฐวีธาตุ แต่ง่ายดายมาก ด้วยการให้ศิษย์เก็บเอากรวดที่ข้างกุฏิท่านนั่นแหละมาอธิษฐาน

    หาง่ายแต่หายาก

    “หา” แรกง่าย เพราะเอากรวดข้างกุฏิไม่ต้องไปไกล “หา” หลังยาก เพราะของไม่มี คนอยากได้ก็ฝันไปก่อน รวมทั้งผม

    ไม่เพียงหลวงปู่ขาวเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็ทำ ทำจริงๆนะ มีคนใกล้ชิดที่เชื่อถือได้ ได้รับจากมือหลวงปู่ดูลย์มาจริงๆ

    ก็น่าแปลกที่ท่านเหล่านั้นสามารถทราบได้ว่ากรวดธรรมดาหากกำหนดจิตให้เป็นของมีพลังงานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนเกินปุถุชนจะเข้าถึงได้ละก็ ย่อมมีอานุภาพสุดจะประมาณ

    ขนาดกันนิวเคลียร์ได้ก็แล้วกัน

    หลวงปู่คำพันบอกว่า ในตำราระบุไว้ว่าผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือคาถาอาคมไม่ได้เลย จึงหมดสงสัยว่าทำไมหลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ก็ทำเป็น

    ปฐวีธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่น ผมไม่ทราบว่าท่านอธิษฐานจิตในการป้องกันอย่างไร แต่ของหลวงปู่คำพันท่านอธิษฐานว่า

    ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต

    ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป”

    การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” เหนือกว่าวัตถุมงคลทั้งปวงของท่าน

    ครั้งหนึ่งท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารย์สัมปันโน ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่คำพัน คิดหาปฐวีธาตุ ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการมาถวายหลวงปู่คำพันเสก จึงหาอาสาสมัครได้พระ เณร และญาติโยมจำนวนหนึ่ง ออกค้นหาปฐวีธาตุในลำน้ำโขง

    การตามล่าหาของดีในคราวนั้นเป็นความยุ่งยากลำบากเหลือแสน เพราะน้ำในแม่น้ำโขง เย็นยะเยียบ เมื่อลงแช่ไปนานๆ ก็เกิดหนาวสั่นจับไข้ไม่สบายกันถ้วนหน้า อีกทั้งกรวดที่ควานขึ้นมานับร้อยๆ ก้อนในแต่ละครั้ง จะมีใสตามตำราสักก้อนก็แสนยาก

    บางก้อนใสแจ๋วแต่บิ่นก็ต้องทิ้งไป เวลาทิ้งก็ต้องเอาไปทิ้งไกล ไม่อย่างนั้นเวลางมลงไปก็เจอก้อนเก่าอีก บางทีลุยป่าหญ้าเข้าไปหาในที่ที่ว่างเปล่า งมๆ อยู่เจ้าของที่ก็มาไล่เพราะเขาไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันก็มี จึงเป็นความทุกข์สาหัสของผู้ออกหาจริงๆ ทีมล่าปฐวีธาตุดำเนินการอยู่นานนับเดือน ปรากฏปฐวีธาตุชนิดถูกแบบ 100 % ได้เพียง 200 กว่าก้อนเท่านั้น

    เป็นของยืนยันว่าหายากแท้ๆ

    เมื่อนำปฐวีธาตุไปถวายหลวงปู่คำพันอธิษฐานจิตแล้ว คณะผู้ค้นหาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ของดีขนาดนี้จะทำอย่างไรจึงสมควร ถ้าเพียงแต่เก็บงำเอาไว้กับคนบางคนก็จะตกอยู่แค่นั้น และต่อไปในกาลข้างหน้า ใครจะทราบไว้ว่ากรวดก้อนนี้คืออะไร ?

    จึงตกลงใจสร้างรูปเหมือนหลวงปู่คำพัน ขนาด 3 นิ้วเศษๆ ด้วยเนื้อว่าน แล้วบรรจุของสำคัญสุดยอดนี้ลงไปเพื่อให้อยู่เป็นที่เป็นทาง และเพื่อเพิ่มความเป็นมหามงคลให้กับรูปเหมือน

    พระรุ่นนี้สร้างในปี พ.ศ. 2538 มีจำนวนเพียง 227 องค์ เท่ากับจำนวนศีลของพระ รูปเหมือนทั้งหมดดำเนินการปลุกเสกแบบ “บินเดี่ยว” โดยหลวงปู่คำพันในอุโบสถโบราณของวัดแก่งตอย เป็นการเสกแบบเฉพาะเจาะจงลงไปสำหรับพระบูชา 3 นิ้ว, รูปเหมือนลอยองค์เนื้อว่าน ชนิดแขวนคอ รุ่น 2 และพระอุปคุตพันฤทธิ์ มีเรื่องแปลกอยู่ว่าขณะดำเนินการสร้างรูปเหมือนแบบบูชานี้อยู่ หลวงปู่คำพันก็ให้คนมาเอารูปเหมือนที่เสร็จก่อนเพื่อนไป 2 องค์ บอกว่าเพื่อเอาไปเสกก่อน แล้วมอบให้กับศิษย์คนสำคัญในวงการ 2 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระรูปเหมือนรุ่นนี้ยิ่งนัก

    เมื่อผู้เสกถูกใจ คงไม่ต้องคิดให้มากว่าจะดีวิเศษอย่างไร ผมเห็นปฐวีธาตุเป็นของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว จะหาชนิดถูกแบบอย่างนี้ก็หายาก ในเมื่อมีบรรจุอยู่ในรูปเหมือนนี้ ก็ต้องคว้าไว้ก่อน

    ปัจจุบันรูปเหมือนแบบบูชารุ่นแรกยังพอมีเหลืออยู่ที่ท่านพระอาจารย์เวทย์เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย จำนวนที่เหลืออยู่เข้าใจว่าราว 30 องค์ ทราบว่าทางวัดยังคงอัตราค่าบูชาไว้เท่าเดิม คือ 1,500 บาท ถ้าจะว่าแพงก็จงดูความละเอียดประณีตของงานก่อนเถิด ทั้งผง ทั้งเส้นเกศา ทั้งปฐวีธาตุชนิดถูกแบบล้วนมีอยู่ในพระรุ่นนี้อย่างสมบูรณ์ (บทความนี้เขียนไว้หลายปีแล้ว) ที่สำคัญ ราคานี้หลวงปู่คำพันเป็นผู้ตั้งเอง

    ปัจจัยทั้งหมดหาได้ตกอยู่กับใครไม่ แม้แต่หลวงปู่คำพันผู้เป็นองค์เสก แต่จะเป็นทุนในการบูรณะวัดแก่งตอย ซึ่งเป็นวัดร้างมาเนิ่นนานในอดีตให้กลับเจริญรุ่งเรืองใช้ประโยชน์ได้สมเป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา

    ได้ทั้งของดี ได้ทั้งบุญ จะเอาอย่างไรอีก

    ใครคิดว่าจะบูชามาเพื่อแกะปฐวีธาตุออกแขวนผมก็ไม่ว่ากัน

    สมัยก่อนที่ คุณอำพล เจน อนุญาตให้บริเวณบ้านเป็นสนามลองพระอยู่นั้น ได้มีการหยิบยกเอาปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันชนิดไม่ถูกแบบมาทดสอบให้เห็นจริง โดยระบบ “ยิง” ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์ให้เห็นจริงกันได้จะจะตา

    คุณอำพลไม่ได้เป็นคนยิง ผู้ยิงเป็นตำรวจแม่นปืน แต่แม่นปืนก็ยังไม่ชัวร์ จึงต้องเอาปืนจ่อปฐวีธาตุในระยะ “เผาขน” ปากกระบอกปืน ห่างจากปฐวีธาตุไม่เกิน 1 นิ้ว เรียกว่าใครดีใครอยู่

    ก่อนจะกดเปรี้ยงลงไป

    ผลคือลูกปืนแฉลบผ่านองค์ธาตุไปได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งในระยะจ่อยิงขนาดนั้น อย่าว่าแต่ปฐวีธาตุเลย ให้ยิงเด็ดหนวดยุงตัวผู้ก็คงไม่พลาด เป็นที่ประจักษ์ว่าคงอานุภาพด้านแคล้วคลาดกันภัยได้จริง

    แม้ว่าปฐวีธาตุก้อนนั้นจะเป็นชนิดไม่ต้องตามตำราก็ตาม

    แล้วถ้าถูกต้องตามตำราเล่า

    ผมแนะนำได้เพียงเก็บรูปเหมือนเนื้อว่านรุ่นแรกนี้ไว้เถิด ถ้าใจเย็นนัก อาจต้องเสียความรู้สึกในวันหนึ่งข้างหน้า ดังที่ผมเคยเสียมาแล้ว เพราะตอนออกใหม่ๆ ไม่ได้เช่าบูชาไว้ คราวหนึ่งเดินทางขึ้นอุบลฯ ไปพักที่โรงแรมเดอะรีเจนท์ พบว่าในห้องล็อบบี้ของโรงแรมมีศูนย์พระเครื่องขนาดเล็กอยู่ด้วย จึงเดินเข้าไปชม เห็นมีรูปเหมือนรุ่นนี้วางอยู่สององค์ องค์หนึ่งลงรักเสียดำปี้ดเข้าใจว่าคงไม่สวยจึงลงรักทับ อีกองค์สวยงามสภาพเดิม

    ผมเลยลองถามดูปรากฏว่าองค์สวย 3,000 บาท องค์ไม่สวย 2,000 บาท อื้อฮือ ! ขนาดอยู่ห่างบ้านคนสร้างไม่เท่าไหร่ เรื่องนี้สองปีมาแล้วนะครับ

    รีบตัดสินใจเด้อ...
    ขอให้พ้นสงครามโดยทั่วกัน...
     
  15. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 2
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


    ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 341 เมื่อต้นปีที่แล้ว ผมได้เคยเรียนให้ทราบถึงความเป็นมาและอานุภาพของ “ปฐวีธาตุ” มรดกขลังที่น่าอัศจรรย์ในพุทธคุณของหลวงปู่คำพัน ผู้เป็น “เพชรบนยอดมงกุฏ” แห่งเมืองนครพนม
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ
    -->ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ
    [​IMG]
    <!-- -01.jpg [ 44.4 KiB | เปิดดู 1766 ครั้ง ] -->



    หลายท่านขวนขวายหาจนน่าเห็นใจในความศรัทธา บ้างบุกบั่นฟันฝ่าไปขอกับหลวงปู่ถึงนครพนม ครั้นท่านว่าที่ท่านไม่มี แต่ไปมีอยู่ที่ศิษย์เอกคือ ท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย เมืองอุบลฯ ก็โลดแล่นไปพบจนถึงที่ แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเพราะหมด

    หมดกระทั่งเม็ดสุดท้ายในย่าม

    องค์สุดท้ายนั้นเป็นของเฉพาะที่หลวงปู่คำพันมอบให้ท่านพระอาจารย์เวทย์กับมือ ท่านจึงเก็บรักษาดังแก้วตาดวงใจ ไม่มีของขลังอื่นใดนอกจากปฐวีธาตุในย่าม คิดดู...แต่แล้วก็มาถูกควักดวงใจไปอีก “ให้” ด้วยความเมตตาที่ไม่มีประมาณของท่านแท้ ๆ

    ต้นเหตุคือผมหรือเปล่าหนอ?<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: พระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน
    -->พระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน
    [​IMG]
    <!-- -01.jpg [ 41.4 KiB | เปิดดู 1762 ครั้ง ] -->



    ก็เพราะมีคนหูดีตาถึงออกเสาะหากันมาก ท่านพระอาจารย์และคณะจึงหารือร่วมกัน และเห็นพ้องไปในทางเดียวไม่มีทางแยก คือ ติดตามล่าหาปฐวีธาตุกันอีกสักครั้ง

    ข่าวการอาพาธที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีของหลวงปู่คำพัน เป็นดังพลังมหาศาลที่ผลักดันให้คณะค้นหาปฐวีธาตุ เร่งมือกระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้แน่นอน จึงจำเป็นยิ่งที่ต้องรีบทำกิจอันควรให้เสร็จเสียโดยไว ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกิน

    ทว่าการหาปฐวีธาตุไม่ใช่ของง่ายสะดวกดายดังที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วว่ายากเพียงใด น้ำในแม่น้ำโขงทั้งเชี่ยว ทั้งเย็น จึงเป็นอุปสรรคต่อการควานกรวดโดยรวมขึ้นมาแล้วต้องแยกแยะขุ่น-ใสออกจากกัน ก่อนจะถึงขั้นตอนคัดก้อนใสที่ไม่บิ่น, ไม่แตก, ไม่ร้าว อีกที

    ท่ามกลางกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกแต่เบื้องบนคือแดดที่แผดเผา คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กลั่นกรองทีมงานให้งวดคน ท่านพระอาจารย์เวทย์จึงจำต้องใช้ปัจจัยหรืออีกนัยก็คือ “เงิน” ดี ๆ นี่แหละ เข้าไปเชิญชวนคนขยันมาร่วมกันขุดค้นของที่หายากที่สุดในแผ่นดิน

    คณะล่าปฐวีธาตุทำงานกันอย่างแข็งขัน-ใส่ใจ ครั้นลุถึงกลางปี 40 ก็หาปฐวีธาตุได้เป็นจำนวน 1,000 ก้อนพอดิบพอดี ฟังดูเหมือนว่าจะเยอะ แต่ถ้าให้นับกรวดต่าง ๆ ที่ควานขึ้นมาเพื่อเฟ้นหาแล้ว ปรากฏว่าใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป...เปรียบมวยกันละก็

    ปลาซิวกัดกับปลาบึกนั่นแล

    หากว่าการหากรวดในลำน้ำโขงเป็นงานยากดุจกำฝุ่นโต้ลม แล้วทำไมจึงไม่เสาะหาเอาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ เล่า เรื่องนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเกี่ยวพันไปถึงผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกซึ่งเรามองไม่เห็นด้วยตา ได้ปรารภกับหลวงปู่เอาไว้

    คราวหนึ่งที่หลวงปู่กำลังนั่งภาวนา ปรากฏมานพหนุ่มขึ้นในท่ามกลางสมาธิ ชายผู้นั้นกล่าวเชิญชวนหลวงปู่คำพันให้ไปยังดินแดนซึ่งตนอาศัยอยู่ด้วยความเคารพยิ่ง หลวงปู่ก็หาขัดไม่ กำหนดจิตตามผู้นิมนต์นั้นไปด้วยอาการอันสงบ ปรากฏว่าบุรุษนั้นพาท่านมาเหนือลำน้ำสายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งท่านคุ้นตาเป็นที่สุด จิตของท่านบอกกับตัวเองว่านี้คือแม่น้ำโขง ก่อนที่ท่านจะดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำ

    เมื่อถึงจุดหนึ่งในแม่น้ำ หลวงปู่ได้พบวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกรวด แต่เปล่งแสงเรืองรองออกเป็นประกายพรึกดังเพชรลูก ระยิบระยับเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วท้องน้ำ ชายลึกลับได้เรียนให้หลวงปู่ฟังว่า ของนี้มีพลังอยู่ในตัว แต่ขอให้หลวงปู่เก็บเอาไปเพื่ออธิษฐานจิตอีกครั้ง แล้วสิ่งนี้จะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง

    และกราบเรียนหลวงปู่เสียด้วยว่า มนุษย์คนใดก็ตามที่มีศีลธรรมได้ถือครองกรรมสิทธิ์ในของมงคลนี้ไว้โดยชอบแล้ว พวกเขาจะขึ้นจากดินแดนข้างล่างมาคุ้มครองทุกคนที่มีวัตถุนี้อยู่กับตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ

    เรียกว่า 1 ต่อ 1 เลยทีเดียว

    ครั้นหลวงปู่คำพันออกจากสมาธิ ท่านก็มาลำดับเรื่องราวที่ได้พบเห็น แล้วในวันที่ว่างจากภาระท่านก็เดินทางไปดูสถานที่ที่จิตท่านมาหยุดชม “วัตถุประหลาด” น่าอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยที่ท่านเสาะหาทำเลนั้นจนพบ อีกทั้งทิวทัศน์รอบ ๆ ยังเหมือนกับที่ท่านได้เห็นในนิมิตทุกประการ

    ผิดกันตรงไม่มี “วัตถุประหลาด” นั้นแม้เงา

    ก็อาจเป็นไปไดที่ “สิ่งนั้น” จะอยู่ต่ำใต้กระแสน้ำลึกลงไปจนสามัญชนไม่อาจล้วงควักกันให้เพลินมือ หลวงปู่จึงขยายพื้นที่ในการสืบค้นต่อไป แล้วท่านก็ได้พบแหล่งของ “กรวดมหัศจรรย์” นั้นจริง ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากจุดหมายในคราวแรก รุ่นหนึ่งนั้นจึงถือได้ว่าท่านดำเนินการเองโดยตลอดตั้งแต่เก็บจนถึงเสก

    น่าแปลกที่ไม่มีใครสามารถย่ำรอยเดิมของท่านได้อีก ไม่ว่าจะขุดคุ้ยสักเท่าไร ณ ที่แห่งนั้นก็ไม่มีกรวดที่ต้องตามตำราให้เก็บอีกเลย “เขา” มาเอาคืนไปหรือเรือดูดทรายมันมาเอาไปก็ไม่รู้

    แต่ที่แน่ ๆ คณะของท่านพระอาจารย์เวทย์แทบจะพลิกท้องน้ำขึ้นหาสิ่งดังกล่าว ความอุตสาหะเช่นนี้แม้ผมก็ไม่อาจทำได้ จึงยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวนอนคอยแม่นกเอาเหยื่อมาป้อนใส่ ท่านผู้อยู่ใต้ลำน้ำโขงนั้นอยากจะมาคุ้มครองคนหลังไม่สั้นเช่นผมไหมนี่ ?

    พูดถึงผู้อยู่ต่างภพต่างภูมิในลำน้ำโขงนั้นจะเป็นใครกัน ผมก็ไม่อาจบ่งชัดลงไปได้ ทราบเพียงหลวงปู่คำพันปรารภถึงท่านผู้เป็นเจ้าของกรวดว่า

    “นาค เป็นผู้ที่มีสามธาตุ จึงมีฤทธิ์มาก สามารถคุ้มครองผู้บูชาปฐวีธาตุนี้ได้” !!<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: &quot;ปฐวีธาตุ&quot; ชนิดถูกต้องตามตำรา
    -->"ปฐวีธาตุ" ชนิดถูกต้องตามตำรา
    [​IMG]
    <!-- -01.jpg [ 44.44 KiB | เปิดดู 1762 ครั้ง ] -->



    ในกลางปี 40 ที่ท่านอาจารย์เวทย์ได้ปฐวีธาตุชนิดถูกแบบจำนวน 1,000 องค์ มาแล้วนั้น ก็ปรากฏว่าไม่อาจนำขึ้นถวายให้หลวงปู่คำพันแผ่เมตตาให้ได้ เพราะหลวงปู่มีอาการอาพาธเป็นอันมากด้วยวัยที่ชราภาพถึง 82 ปี ความเมตตาที่ทำให้ท่านต้องไปในงานนิมนต์แทบทุกงานทั้งไกล-ใกล้ ต้องรับแขกซึ่งหลั่งไหลมาจากทุกทิศานุทิศ ณ วัดธาตุมหาชัยทุกวัน ๆ

    สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบั่นทอนสุขภาพของท่านให้ทรุดโทรมลง ความกตัญญูต้องมาเป็นที่หนึ่ง ท่านอาจารย์เวทย์จึงต้องระงับการเสกเอาไว้ เฝ้าดูแลพระอุปัชฌาย์จนมีอาการดีขึ้น กระทั่งมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม จึงได้ขอโอกาสนำปฐวีธาตุเข้าถวาย ซึ่งหลวงปู่ก็รับไว้ด้วยความยินดีในของที่ถูกต้องตามตำราทุกประการ

    ปฐวีธาตุชุดนี้นับแต่วันที่ท่านรับไว้เสกจนถึงวันที่ท่านคืนให้ เบ็ดเสร็จได้ 4 เดือน

    เลยไตรมาสเสียอีก

    การเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางขลัง ปฐวีธาตุจัดได้ว่าเป็นมงคลวัตถุที่น่าทึ่งทั้งในความเป็นมา และพลังงานอันไร้ขอบเขตในตัวเองซึ่งยากจะหาสิ่งใดมาทัดเทียม นับแต่ท่านเจ้าคุณนรฯ แห่งวัดเทพศิรินทรฯ ได้ประกาศในคุณานุภาพของปฐวีธาตุ ล่วงมาจนถึงหลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ของนั้นแม้น่าไขว่คว้าแสวงหา แต่ก็ไม่น่าจะคว้าพอ ๆ กัน

    ใครเล่าจะยืนยันได้ว่า กรวดนี้ ก้อนนั้น มีพุทธคุณอยู่จริง ใครเล่าที่ครอบครองของแท้อยู่ในมือแล้วจะปล่อยให้หลุดหาย

    ดังนั้นเรื่องของปฐวีธาตุที่ว่า “กันนิวเคลียร์และกันไฟได้” ดังคำท่านเจ้าคุณนรฯ กำชับ จึงเป็นเพียงฝันของผู้ศรัทธา

    แต่วันนี้เรามีคนทำความปรารถนาให้เป็นจริง ปฐวีธาตุ 500 องค์ ใน 1,000 องค์ถูกแบ่งออกนำถวายท่านผู้ทรงคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง อีก 500 องค์ ท่านอาจารย์เวทย์ยังคงเก็บรักษาไว้ ครั้นแบ่งปันในหมู่ศิษย์ที่เป็นกำลังสำคัญให้ท่านแล้ว ก็ยังมีเหลืออยู่ราว 400 องค์เศษ

    ตรงนี้แหละที่จะเป็นของเรา

    เมื่อผมคุยกับท่านอาจารย์ถึงปฐวีธาตุ 400 องค์ ว่าจะทำอย่างไร ท่านได้กล่าวว่าในวันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 นี้ ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ มีเมตตานำกองผ้าป่าซึ่งท่านเป็นองค์ประธาน ไปทอดถวาย ณ วัดบ้านวังแคน ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งพระสงฆ์ที่นั่นจะเป็นผู้รับจตุปัจจัยกับกองผ้าป่า และ 1 ในคณะสงฆ์นั้นก็มีท่านอาจารย์เวทย์รวมอยู่ด้วย เพราะวัดบ้านวังแคนเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน

    ที่สำคัญเหนืออื่นใดปัจจัยทั้งหมดที่ได้จากการนี้ ท่านจะมอบให้กับการศึกษาอำเภอพิบูลมังสาหาร เพื่อเข้ามูลนิธิพัฒนาเด็กเรียนดี ซึ่งมีความประพฤติดีแต่มีฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่ไม่อาจส่งเสียให้เรียนต่อได้ทั้งที่มีปัญญาถึงพร้อม ก็ต้องลาออกอย่างน่าเสียดายในอนาคตซึ่งควรจะไปได้ไกลว่าที่เป็นอยู่

    ท่านอาจารย์เวทย์จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือโอบอุ้มเด็กเหล่านั้น ให้มีการศึกษาต่อไปเท่าที่สติปัญญาเขาจะเอื้ออำนวย เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องการปัจจัยไปเพื่อให้เด็ก ไม่ใช่เพื่อให้ท่าน และด้วยน้ำใจอันงาม ท่านจึงคิดตอบแทนผู้ร่วมทำบุญโดยจะมอบปฐวีธาตุให้กับทุกท่านที่บริจาคปัจจัย

    ผมตาเหลือก

    ก็ท่านจะให้ทุกคนที่ทำบุญ หมื่นนึงก็ให้ พันถึงร้อยก็ให้ แล้วถ้าเขาทำสิบ-ยี่สิบท่านก็ให้ ผมถามหน่อยว่าท่านจะเอาที่ไหนมาแจกหนักหนา ถ้าผมทำ หมื่นบาทได้รับ 1 องค์ ไปนั่งคุยกับใครก็ไม่รู้ถืออยู่ 1 องค์ ผมถามว่าบริจาคไปเท่าไร เขาตอบ 50 บาท

    ผมจะรู้สึกอย่างไร ?

    มันมีข้อเหลื่อมล้ำอย่างนี้เอง ที่สำคัญถ้าให้บูชาองค์ละร้อย ปฐวีธาตุมี 400 องค์ จะได้ปัจจัย 40,000 บาท ตั้งกองทุนด้วยเงินสี่หมื่นอย่างไรได้ นักเรียนคนหนึ่งมีค่าเทอม, ค่ารถ, ค่าอาหาร, ค่าหนังสือ, ค่าอุปกรณ์การศึกษา เช่น ดินสอ, ไม้บรรทัด ฯลฯ และอีกมากมายที่คนเคยเรียนหนังสือมาก่อนจะทราบได้ดี

    เพียงนักเรียนมีสัก 50 คน เงิน 40,000 จะฉุดลากไปได้แค่ไหนกัน ?

    ผมกราบเรียนท่านไปอย่างนี้ ท่านก็นิ่งเงียบ ผมทราบในใจท่านดีว่า ท่านไม่ประสงค์จะให้เช่าหากท่านอยากจะตอบแทนใครก็ได้ที่มีเมตตาต่อเด็กยากจน ท่านมีน้ำใจของท่านอย่างนี้แต่ไหนแต่ไร

    ทว่า โปรดเข้าใจสักหน่อยเถิด ปฐวีธาตุเป็นของหาง่ายกระนั้นหรือ ก่อนจะได้มาท่านทุ่มเททั้งค่าแรง ค่ารถ ฯลฯ และแม้แต่องค์เสกคือหลวงปู่คำพัน กว่าท่านจะยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้ กว่าท่านจะเข้าถึงข้อบังคับในตำราที่ระบุไว้ ท่านเพียรสักแค่ไหนเล่า ?

    ผมคิดถึงตรงนี้ก็ตัดสินใจที่จะบอกว่า ผมขอความกรุณาให้ท่านร่วมเป็นกรรมการทอดผ้าป่าสามัคคี กองละ 1,000 บาท โดยจะใช้ทุนส่วนตัวของท่านเอง หรือบอกบุญหมู่เพื่อนก็ไม่ว่ากัน แต่ทุก ๆกอง เราจะมอบปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการให้ 1 องค์

    ณ เวลานี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ปฐวีธาตุจะถือกำเนิดขึ้นในโลกโดยน้ำมือของหลวงปู่คำพัน พระมหาเถระที่แข็งกล้าในวิปัสสนาญาณแห่งลุ่มน้ำโขง เพราะความชราภาพของหลวงปู่ประการหนึ่ง และเพราะค่าใช้จ่ายบวกกับความลำบากเหลือแสนเพื่อการเสาะหาประการหนึ่ง

    หากจะดุด่าเฆี่ยนตีผมทางใจ โปรดทบทวนสักนิดเถิดครับว่า ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์คือท่านได้ร่วมทำบุญกับหลวงปู่คำพันและท่านพระอาจารย์เวทย์ โดยมอบความรู้ให้แก่เด็กด้อยโอกาส ซ้ำท่านยังได้ “ของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” ดังคำกล่าวของหลวงปู่ไปบูชา

    ไม่คุ้มหรือครับ

    ผมเชื่อว่าท่านที่เห็นความสำคัญของการให้การศึกษาต่อเด็กมีอยู่ ได้เวลาที่ท่านทั้งหลายจะขวนขวายสร้างมหากุศลกันอีกแล้วล่ะ

    ผมเป็นแต่เพียงผู้บอกครับ

    หมายเหตุ : บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541
     
  16. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 3
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


    ตั้งแต่เรื่องราวของปฐวีธาตุในองค์หลวงปู่คำพัน ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ศรัทธานำไปสักการะบูชากันมากมาย บ้างก็ประสบเหตุน่าพิศวงจนยากจะหาคำตอบ บ้างก็พบกับปรากฏการณ์ที่เรียกศรัทธาความเลื่อมใสในอิทธิคุณของปฐวีธาตุและองค์หลวงปู่คำพันให้ยิ่งขึ้นไปอีก

    และไม่น้อยเช่นกันที่บูชาแล้วยังเงียบขรึมไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นระทึกใจ เคยมีศิษย์คนหนึ่งกล้าออกปากถามหลวงปู่เอาตรง ๆ ว่า บูชาพระหลวงปู่มาตั้งนานแต่ไม่เห็นมีประสบการณ์อะไรเลย ท่านตอบศิษย์อย่างเป็นธรรมโดยแท้ว่า

    “ไม่มีประสบการณ์นั่นแหละคือประสบการณ์”<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: พระสุนทรธรรมากร (คำพัน โฆษปัญโญ) วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    -->พระสุนทรธรรมากร (คำพัน โฆษปัญโญ) วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    [​IMG]
    <!-- -02.jpg [ 45.68 KiB | เปิดดู 2012 ครั้ง ] -->



    ฟังแล้วก็ได้คิดว่าเหตุใดครูบาอาจารย์จึงบอกว่าแคล้วคลาดนั้นดีที่สุด ไม่เจ็บตัว และไม่เจ็บใจ เพราะอาศัยความเคารพในพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งมีหลวงปู่คำพันเป็นที่สุดนั้นเองเป็นเหตุให้เกิดบุญกุศลขึ้น และพลังของบุญกุศลนี้ก็ผลักดันให้เรื่องไม่ดีหายสิ้น ที่หนักก็เป็นเบา ที่เบาก็หมดไป

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร เคยบอกว่า การที่เราเลื่อมใสในคุณของพระรัตนตรัยโดยมีการกราบไหว้บูชาหรือระลึกถึงอยู่นั้น อย่าเข้าใจว่าเป็นของเล็กน้อย แต่เป็นบุญอันมหาศาลในทุก ๆ ครั้งที่นึกถึงพุทโธอยู่

    ผมจึงมีความเห็นว่า ใครก็ตามที่ได้ครอบครองแล้วซึ่งปฐวีธาตุ ขอจงได้หมั่นทำการสักการบูชา จงให้ความเคารพบูชาจากใจจริงเถิด เชื่อว่าไม่ช้าท่านก็ได้ประจักษ์ชัดกับคุณานุภาพที่แฝงเร้นอยู่ในปฐวีธาตุอย่างน่าอัศจรรย์

    พลังงานซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดและปราศจากขอบเขตของปฐวีธาตุ อันเกิดจากกระบวนการอธิษฐานทางจิตที่ซับซ้อนของหลวงปู่คำพัน ผนวกกับจิตวิญญาณซึ่งประมาณจำนวนไม่ได้ในผู้เป็นเจ้าของเดิมอยู่ก่อน ได้สร้างประสบการณ์ซึ่งยากจะหาคำตอบให้กับผู้มีปฐวีธาตุอยู่ในมือหลายต่อหลายครั้ง จนหลวงปู่คำพันถึงกับออกปากว่า

    “ที่หลวงปู่เป็นที่รู้จักของลูกศิษย์จำนวนมาก ก็เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุ”<!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: &quot;ปฐวีธาตุ&quot; ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการ รุ่นเสก 4 เดือน พ.ศ.2540
    -->"ปฐวีธาตุ" ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการ รุ่นเสก 4 เดือน พ.ศ.2540
    [​IMG]
    <!-- -021.jpg [ 26.99 KiB | เปิดดู 2007 ครั้ง ] -->



    จึงไม่น่าแปลกใจที่ท่านเคยปรารภว่า “ปฐวีธาตุเป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” ผู้ที่ได้จงภูมิใจเถิดเพราะท่านกำลังครอบครองซึ่งของสูงค่าในทุก ๆ ทางอยู่ในมือ ด้วยมงคลวัตถุนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายดาย เมื่อเปรียบกับสิ่งสักการะทั้งหลายในโลกของวัตถุมงคล

    คิดดูแล้วกันว่าแม้แต่หลวงปู่คำพันเอง ท่านก็ยังนำเอาปฐวีธาตุนี้แช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้ในที่สูง และเมื่อท่านจะทำน้ำมนต์ก็ดี อธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องของขลังใด ๆ ก็ดี ท่านจะต้องนำปฐวีธาตุมาอธิษฐานประกอบตลอดเวลาทุกครั้งไป

    สำคัญไหมเล่า ?

    ท่านทำประดุจว่าในความเป็นปฐวีธาตุนั้นมี ‘ธาตุรู้’ อะไรบางอย่างสิงสถิตอยู่ ‘ธาตุ’ ที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง แปลกแยกออกไปจากรูปเหรียญต่าง ๆ ของหลวงปู่ที่เป็นเพียง ‘ภาชนะ’ บรรจุคุณ

    ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่า ปฐวีธาตุต้องมีอะไรที่ลึกลับเกินปุถุชนอย่างผมจะเข้าไปรู้ได้ซุกซ่อนอยู่ภายใน สิ่งซึ่งไม่มีในวัตถุมงคลทั่วไป และสิ่งนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุเป็นวัตถุมงคลที่ยิ่งกว่าวัตถุมงคล

    เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 คุณเสถียร จิยะพงศ์ พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ จ.เชียงใหม่ ได้ส่งจดหมายพร้อมหลักฐานไปถึงท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน ที่เมืองอุบลฯ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่พบได้ยากจึงขอนำมาลงให้อ่านโดยทั่วกัน

    -----------------------------------------------------------------------------

    นมัสการท่านพระอาจารย์เวทย์
    เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ค่อนรุ่งของเช้าวันอาทิตย์ กระผมได้ฝันว่าไปในสถานที่หนึ่ง ได้ก้มลงเก็บปฐวีธาตุใส่ในกระเป๋าเสื้อ แต่สะดุ้งตื่นเสียก่อนด้วยความเสียดายที่เก็บไม่หมด พอมาทำงานเช้าวันจันทร์ที่ 14 ก.ค. เพื่อนร่วมงานคือ นายนาวิน เอื้อพิทักษ์ ซึ่งได้บูชารูปเหมือนของหลวงปู่คำพันองค์ละ 1,500 บาท ได้เล่าให้ฟังว่า เขาได้แกะเอาปฐวีธาตุที่อยู่ใต้รูปเหมือนไปทดลองยิง โดยขอร้องให้รองสวป. สภอ.เมืองเชียงใหม่ คือ ร.ต.อ. วชิระ แพงไทยสง ทำการยิงในระยะ 2 เมตรด้วยปืน .38

    โดยขออนุญาติทางจิตต่อหลวงปู่ว่าจะทำการยิงเพียง 1 นัด เมื่อนำองค์ปฐวีธาตุใส่กล่องกำมะหยี่สีเขียวแล้วตั้ง ทำการยิงพอกระสุนระเบิด ปรากฏว่ากล่องกระเด็นจากที่ตั้ง แต่ไม่ปรากฏรอยกระสุนเลย จึงนำองค์ปฐวีธาตุออกจากกล่องแล้วทำการยิงอีก 2 นัด ผลออกมากระสุนทะลุทั้ง 2 นัดตามที่กระผมได้ส่งมาให้พระอาจารย์ดูพร้อมจดหมายฉบับนี้

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: กล่องกำมะหยี่ที่นำมาทดลองยิง มองจากด้านบน ก่อนจะแยกส่วนดู
    -->กล่องกำมะหยี่ที่นำมาทดลองยิง มองจากด้านบน ก่อนจะแยกส่วนดู
    [​IMG]
    <!-- -01.jpg [ 36.77 KiB | เปิดดู 2004 ครั้ง ] -->



    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->

    <!--คำอธิบาย: กล่องกำมะหยี่เมื่อแยกออกเป็น 2 ชิ้น เพื่อดูให้ชัดจะเห็นรอยทะลุของกระสุนปืนที่วิ่งผ่านไป 2 นัด
    -->กล่องกำมะหยี่เมื่อแยกออกเป็น 2 ชิ้น เพื่อดูให้ชัดจะเห็นรอยทะลุของกระสุนปืนที่วิ่งผ่านไป 2 นัด
    [​IMG]
    <!-- -02.jpg [ 44.13 KiB | เปิดดู 2001 ครั้ง ] -->



    สิ่งที่บุคคลทั้งสองทำการทดลองยิงนั้น กระผมไม่แปลกใจเท่าไร เพราะอย่างไร ๆกระผมก็เชื่อว่าองค์ปฐวีธาตุมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แต่มีสิ่งแปลกและมหัศจรรย์เกิดขึ้นก่อนการทดลองนั้นซิครับน่าสนใจจริง ๆ

    ในตอนเช้าขณะที่นายนาวินกำลังแกะองค์ปฐวีธาตุจากรูปเหมือนของหลวงปู่ที่อยู่ใต้ฐาน และได้ฟังเพลงจากเทปจนหมดเพลงสุดท้ายแล้ว ปรากฏมีเสียงผู้ชายพูดขึ้นว่า

    “ช่วยไม่ได้”

    พร้อม ๆ กับองค์ปฐวีธาตุหลุดจากใต้ฐานรูปเหมือนของหลวงปู่ ทำให้นายนาวินตกใจที่มีเสียงพูดเช่นนั้นอยู่ในเทปได้อย่างไร เมื่อกรอเทปนั้นฟังใหม่ ก็หาคำพูดคำดังกล่าวไม่พบเลย ซึ่งเทปม้วนนั้นกระผมก็ได้ทดลองเปิดฟังแล้วครับ แล้วยังมีเหตุการณ์ต่ออีก เมื่อนำองค์ปฐวีธาตุมาส่องดูว่าแสงทะลุผ่านหรือไม่ องค์ปฐวีธาตุเกิดหลุดจากมืออีกหาไม่พบ จึงได้อาราธนาพระคาถาของหลวงปู่บุดดาที่ใช้หาหรือขอของที่หาย จึงได้หาพบครับ

    ด้วยเหตุดังกล่าว คงเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อ ซึ่งเทพเทวดาที่ดูแลคงไม่ปรารถนาจะให้ทำการทดลองจึงมาบอกเหตุล่วงหน้า แต่ไม่สามรถทัดทานได้ จึงมีคำพูดออกมาจากเทปดังกล่าวข้างต้น กระผมจึงมีความปลื้มใจที่ทำให้เขาได้มีความเคารพและมีศรัทธาด้วยตนเอง

    จึงเรียนมาให้ท่านพระอาจารย์ทราบ
    นายเสถียร จิยะพงศ์

    ---------------------------------------------------------------------------

    เป็นอีกหนึ่งในหลายร้อยเรื่องราวปาฏิหาริย์ซึ่งเป็น ‘ปัจจัตตัง’ คือรู้จำเพาะตน ยากที่คนทั่วไปจะรู้ตามหากไม่ได้ประสบกับตนเอง ผมนึกดีใจที่คุณเสถียรและคุณนาวินจะได้บูชาปฐวีธาตุนี้ด้วยศรัทธาจากใจจริง โดยไม่มีความลังเลสงสัยมากางกั้นอีกต่อไป

    ความเห็นของผมที่ว่ามีอะไรบางอย่างแฝงเร้นอยู่ในปฐวีธาตุ นอกเหนือไปจากพลังงานธรรมชาติในตัวของเขาเองและความสามารถทางจิตของหลวงปู่ที่บรรจุอยู่

    บัดนี้มีพยานที่ 1 แล้ว

    ต่อไปจะทำการชี้ตัวพยานที่ 2 ซึ่งได้ให้ปากคำกับท่านพระอาจารย์เวทย์ เป็นจดหมายไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2541 ดังต่อไปนี้

    -----------------------------------------------------------------------------

    กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เวทย์ที่เคารพอย่างสูง

    หลวงพี่คงจำผมได้นะครับ ผมนายสมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล ที่เคยได้รับเมตตาจากหลวงพี่ส่งปฐวีธาตุให้ผม หลังจากที่ได้รับปฐวีธาตุจากหลวงพี่ ผมก็นำเรื่องไปเล่าให้พี่ชายภรรยาฟัง พี่ชายภรรยาก็บอกผมว่าเดี๋ยวนี้หลงงมงายถึงขนาดไหว้ก้อนหินแล้วหรือ ผมก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองคือ ชักท้อถอยเพราะถูกตำหนิดูแคลน

    ผมจึงอธิษฐานต่อปฐวีธาตุในบางคืนก่อนนอนบางครั้งผมก็นำมาไว้ในฝ่ามือนั่งสมาธิด้วย ก่อนนอนก็นำไว้ใต้หมอน ทุกครั้งที่หนุนศรีษะนอนผมก็จะฝันถึงเมืองบาดาลบ้าง เมืองอะไรคล้าย ๆโลกอื่นบ้าง ผมจึงนำเรื่องไปเล่าให้ลูกศิษย์ของอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ฟังซึ่งอาจารย์เป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ศิษย์ของอาจารย์ศุภรัตน์บอกว่า ไหน ๆ ก็ไม่แน่ใจในปฐวีธาตุว่าเป็นก้อนหินธรรมดาหรือไม่ ก็อยากจะขอปฐวีธาตุไปป่นเป็นผงผสมในมวลสารที่อาจารย์ศุภรัตน์กำลังสร้างพระเครื่องอยู่พอดี

    ในคืนวันที่ 20 มี.ค. 2541 ผมจึงนำปฐวีธาตุมาอธิษฐานว่า มีคนมาขอท่านไปทำมวลสาร มีคนดูแคลนผมว่านับถือก้อนหิน และที่ฝันเห็นก็ไม่มีอะไรยืนยันความจริง ผมขอตั้งจิตต่อท่านว่า ถ้าคืนนี้ความฝันไม่มีอะไรแน่ชัด ผมจะมอบปฐวีธาตุให้คนอื่นไปทำมวลสารสร้างพระเครื่องแล้วนะ

    คืนนั้นเอง ผมก็เห็นมานพหนุ่ม 2 คน มาปรากฏกายต่อหน้าผม ในความรู้สึกผมรู้ว่าชายทั้งสองคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า

    อย่ามอบปฐวีธาตุให้คนอื่นไป แต่จงหาพระธาตุมาบูชาคู่กันกับปฐวีธาตุเป็นระยะเวลาหนึ่ง พออายุมากกว่านี้จะถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่แต่ไม่ใช่ขณะนี้ และความเคลือบแคลงสงสัย หรือการถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลนนั้น ขอให้หายสงสัยได้เลย เพราะปฐวีธาตุนี้เป็นสิ่งที่เราเหล่ามานพและคนธรรพ์ใช้เป็นสื่อติดต่อกับมนุษย์ได้ และเพื่อยืนยันว่าเป็นความจริง เราจะบอกเลข 3 ตัวให้และเลข 3 ตัวนี้จะออกในวันที่ 1 เมษายน ไม่ต้องตีความ ไม่ต้องกลับ ไม่ต้องเผื่ออะไรทั้งสิ้น”

    พอชายหนุ่มท่านนั้นพูดมาถึงตรงนี้ ผมจึงถามว่า

    “ท่านมาจากที่ใด”

    ชายคนนั้นตอบว่า

    “เรามาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 3”

    ผู้ชายที่มาด้วยกันอีกคนหนึ่งกล่าวว่า

    “อ้าว! ท่านไม่ใช่มาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 1 ดอกหรือ”

    ชายคนแรกพูดว่า

    “บอกแล้วว่า เรามาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 3 แล้วอย่าลืมว่านี่คือข้อพิสูจน์ ไม่ต้องกลับ ไม่ต้องเผื่อใด ๆ ทั้งสิ้น”

    พอถึงตรงนี้ผมก็ตกใจตื่นและจำเรื่องราวได้อย่างแม่นยำ ผมพยายามหาตามแผงขายล็อตเตอรี่ก็ไม่มีเบอร์ 563 และงวดวันที่ 1 เมษายน 2541 เลขท้าย 3 ตัว ชุดหนึ่งออก 563 ตรงเผงเลย

    นี่คือข้อพิสูจน์ถึงปฐวีธาตุว่าไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา เพราะทุกครั้งที่เอามาหนุนใต้หมอนนอน ก็มักจะฝันถึงโลกอื่นซึ่งไม่ใช่โลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายสองคนนั้นมายืนยันว่าจะให้เบอร์ตรงเผงเป็นข้อพิสูจน์ก็เป็นจริง

    ผมจึงเขียนมาเล่าให้หลวงพี่ฟัง และหากหลวงพี่จะเมตตาผมอีก ผมขอพระธาตุเพื่อนำมาบูชาคู่กับปฐวีธาตุให้เหมือนในฝันซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความจริง

    หวังในเมตตาธรรมของหลวงพี่ในการตอบจดหมายและในการส่งพระธาตุให้ผมบูชาคู่กับปฐวีธาตุด้วย และผมจะพร้อมยืนยันความเป็นจริงในเรื่องนี้

    ขอนมัสการลาหลวงพี่มา ณ ที่นี้ด้วยความรอคอย

    สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    -----------------------------------------------------------------------------

    จดหมายทั้งสองฉบับนี้คือบุคคลที่มีปฐวีธาตุของแท้จากแม่น้ำโขงอยู่ในครอบครอง ควรแล้วที่จะได้พบเหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงจิตวิญญาณอันนอกเหนือไปจาก คงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด และเมตตา ซึ่งเป็นประสบการณ์ธรรมดา ที่หาได้ทั่วไปในหมู่ผู้นิยมของขลัง

    เพราะประสบการณ์ดังว่านั้นไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ 3 เลย

    เป็นเรื่องระหว่างผู้เสกกับผู้แขวนล้วน ๆ แต่ปรากฏการณ์อันเนื่องมาจากปฐวีธาตุ กลับมีใครบางคนหรืออะไรบางอย่างคอยเฝ้าดูเราอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเราไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้ ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน ‘ผู้ดูแล’ อยู่นั้นก็ก้าวออกจากเงามืดมาช่วยเหลือเราได้ทันท่วงที

    นี่คือความอัศจรรย์ที่ไม่อาจหาได้ในวัตถุมงคลทั่วไป

    แต่คำว่า ‘โชคดี’ คงไม่อาจใช้ได้กับผู้มีปฐวีธาตุอยู่ในมือ หากเพิ่มคำว่า ‘ด้วยบุญบารมีเก่า’ ก็น่าจะสมควรอย่างหาคำแย้งได้ยาก

    สำหรับการบูชาสักการะปฐวีธาตุ ถ้าท่านไม่ได้นำติดตัวไปไหนมาไหน หลวงปู่สั่งว่าให้นำปฐวีธาตุแช่ลงในน้ำสะอาด ซึ่งภาชนะนั้นต้องเป็นของสะอาดด้วย จากนั้นก็ให้ตั้งบูชาไว้ในที่สูง จะเป็นหัวนอนที่น้ำไม่หก หรือบนโต๊ะหมู่บูชาก็ได้ทั้งนั้น

    ถ้าจะให้ดีภาชนะที่ใส่ปฐวีธาตุควรมีฝาปิด เพื่อจะได้นำน้ำสะอาดนั้นมาดื่มกินเพราะเป็นน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด จะใช้พรมบ้านเรือนให้เกิดสิริมงคล หรือพรมร้านค้า-สินค้า ให้ซื้อง่ายขายคล่องก็วิเศษ

    จะเอาน้ำมนต์ใส่โอ่ง ใส่ถังผสมกับน้ำเปล่าล้างหน้าและอาบน้ำทุกเช้าก็เยี่ยม เพราะนั่นจะเป็นมงคลแก่เราได้ตลอดวัน สุดแท้แต่จะอธิษฐานเอาในทางใด

    ในวันพระหลวงปู่ให้เอาน้ำอบ-น้ำหอม และดอกมะลิมาใส่ถวายบูชา ซึ่งคาถาบูชานอกจากจะสวดสรรเสริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็ให้ว่าคาถาดังนี้

    “ทิตะทิรา มันทะโล กะสิลา กะละลาสติ โสจะถิโห คะนะตะเน” 3 จบเป็นอย่างน้อย จากนั้นก็ตั้งจิตระลึกถึงปู่คำพัน โฆษปัญโญ หมู่เทพยดา และพญานาคที่รักษาปฐวีธาตุอยู่ แล้วอธิษฐานเอาในสิ่งที่ปรารถนาด้วยจิตที่มุ่งมั่นต่อพระรัตนตรัยและเดชานุภาพของปฐวีธาตุจักบันดาลให้เกิดความสำเร็จได้ไม่ช้าก็เร็ว

    ขอให้ทำจริงเถิด

    นั่นเป็นพิธีการของผู้มีปฐวีธาตุอยู่แล้ว แต่คนไม่มีจะทำอย่างไร ? คงจำกันได้ที่ผมบอกไว้ในศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 363 ว่ามีปฐวีธาตุจำนวน 500 องค์ ถูกแบ่งออกถวายท่านผู้ทรงคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง แต่ผมไม่ได้บอกว่าใคร ที่ไม่บอกเพราะกลัวคนจะไปรุมท่านเอาจนอาพาธ แต่ตอนนี้บอกได้

    หลวงปู่คำพันนั่นแล

    ที่บอกได้ เพราะปฐวีธาตุจำนวน 300 องค์ถูกแบ่งออกจากหัวนอนหลวงปู่หลังจากผ่านการอธิษฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 7 เดือนเศษ มาสู่มือท่านอาจารย์เวทย์เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2541 นี้

    โดยเหตุผลที่ว่า คราวหนึ่งหลวงปู่ไปเยี่ยมท่านพระอาจารย์เวทย์ที่วัดแก่งตอย เมืองอุบลฯ และท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัด เมื่อเห็นที่ดินของวัดซึ่งติดกับแม่น้ำเซบก ท่านก็บอกกับพระอาจารย์เวทย์ว่า ให้ทำกำแพงและซุ้มประตูวัดเสียเพื่อแยกอาณาเขตวัดกับของชาวบ้านให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง

    แต่ท่านอาจารย์เรียนว่า มีปัจจัยไม่พอ หลวงปู่จึงเงียบไป และในปลายเดือนมีนาคม เมื่อท่านอาจารย์ขึ้นไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดธาตุมหาชัย หลวงปู่ก็ได้มอบปฐวีธาตุคืนมาให้ 300 องค์ และบอกให้นำออกบูชาเพื่อเอาปัจจัยมาทำประตูโขงต่อกำแพง ซึ่งต้องใช้เงินราว 350,000 บาท

    จำเป็นหรือที่ต้องทำ?

    ตอบได้ว่าจำเป็นมาก เพราะถ้าไม่มีกำแพงและประตูวัด ชาวบ้านอาจเข้าไปยิงนกตกปลา ล่าสัตว์ในวัด หนักไปกว่านั้นก็อาจรุกที่วัดได้ ทั้งนี้จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

    บาปมหันต์ทั้งสิ้น

    การทำประตูและกำแพงจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดยิ่งกว่าการแก้ไข ผมจึงถือโอกาสบอกบุญมายังท่านทั้งหลาย ใครที่ต้องการบูชาปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการ ขอให้เร่งขวนขวายคว้าเอาไว้ให้ด็ซึ่งของดีและบุญกุศลแบบนี้ทำบุญเท่าเดิมครับ องค์ละ 1,000 บาท

    ถ้าท่านมีปัจจัยพอเพียงก็ให้รีบเถิด เพราะขณะนี้หลวงปู่คงไม่ไหวที่จะเสกปฐวีธาตุต่อไปแล้ว และท่านอาจารย์เวทย์ก็คงไม่ไหวที่จะออกหาเช่นกัน

    ผมนึกถึงคำพูดที่หลวงปู่กล่าวในปี พ.ศ. 2538 ว่า

    “ปฐวีธาตุมีพลังครอบจักรวาล เมื่อใดเกิดปัญหาก็ให้อธิษฐานขอให้ช่วยได้”

    คิดถึงตรงนี้ทีไร อบอุ่นใจเหมือนมีท่านอยู่ข้าง ๆทุกที

    หมายเหตุ บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 ตุลาคม และ 16 ตุลาคม 2541
     
  17. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    บทความข้างต้นเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร ผมกำลังจะเฉลยให้ฟังแล้วครับ


    [​IMG]


    ปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกองค์ ของหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย เพื่อใช้ในกรบรรจุล็อกเกตพระแก้วมรกตภูริทัตตเถรานุสรณ์ ฉากสีดำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0719.JPG
      IMG_0719.JPG
      ขนาดไฟล์:
      277.6 KB
      เปิดดู:
      807
  18. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    สังเกตมั๊ยว่า ล็อกเกตสีดำจะไม่บรรจุเกศา ครูบาอาจารย์เพื่อเหลือพื้นที่ให้สิ่งๆหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่ง คือ ปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำรา ของหลวงปู่คำพันธ์ ซึ่งกว่าผมจะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะผมเคยถามผู้ที่มีปฐวีธาตุจะขอไปบูชาคิดองค์ละเท่าไหร่

    รู้จักกัน ให้องค์ละ 2000
    ราคานี้เค้ายังว่าถูก เพราะใครไปกราบหลวงปู่ท่านจะแจกให้คนละ 1 หนึ่งองค์เท่านั้น ไป 10 รอบก็ได้มา 10 องค์หรือมากกว่านั้นถ้าไถคนแถววัดได้
    ค่ารถจากกรุงเทพไปนครพนม 2000 ก็หมดแล้ว เค้าให้เหตุผล

    แล้วเรียกว่า ผมใช้ปฐวีธาตุ หลวงปู่ทุกองค์ มา downgrade บรรจุในองค์พระแล้วเอาไปเสกแล้วเสกอีก ที่ทำบุญ 1500 บาท ถ้าการตลาดเค้าเรียกว่า

    :โง่บัดซบ ขาดทุนยับเยิน: เพราะการจำหน่ายพระใหม่ ควรใช้หลัก 4P (product price place promotion) +STP มากกว่าการหามวลสารและการปลุกเสก เหมือนกับ feature ของhardware ถ้าไม่มีอะไร upgrade ในรุ่นใหม่ๆ เท่ากับว่าของนั้นต้องเข้าสู่วงจรขาลงทันที แต่ถ้าเป็นงานบุญอันนี้ผมขอหลวงปู่ไว้แล้ว

    ผมบอกตรงๆว่า ถ้าผมทำการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่นๆ พระรุ่นนี้จะกลายเป็นตำนานไม่มีให้จองแล้วอย่างแน่นอน

    วันนี้ขี้เกียจพิมพ์ วันหลังจะมาเล่าเรื่อง

    1.การได้มาซึ่งปฐวีธาตุ
    2.เหตุในการถวายพระบรมสารีริกธาตุผอบทองคำ ในเจดีย์ชเวดากอง ให้วัดสาขาของหลวงปู่
    3. หลวงปู่คำพันธ์มาเตือนผมเรื่องความเชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    4. หลวงปู่มาสอนธรรมให้แก่ศิษย์มโนยิทธิ ที่วัดธาตุมหาชัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
  19. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]

    ลืมไปอีกองค์ หลวงปู่อ่อง วัดสิงหาญ ผู้ที่วิชาตั้งธาตุ แปรธาตุ เหล็กธาตุกายสิทธิ์

    และผมได้ไปกราบสรีระสังขารของหลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุขด้วย โชคดีที่วันนั้นมีการถวายผ้าป่า ผมได้ตั้งใจอนุโมทนาบุญกับเค้าบ้าง อย่างตั้งใจ เพราะชั่วมามากแล้วต้องหัดทำดีซะบ้าง

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0001.jpg
      scan0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      858.5 KB
      เปิดดู:
      733
    • IMG_0751.JPG
      IMG_0751.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      672
    • IMG_0723.JPG
      IMG_0723.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.1 KB
      เปิดดู:
      191
  20. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE>
    มวลสารต่อไปที่ขาดไม่ได้ เนื่องจาก พระรุ่นนี้ออกในนามวัดพระป่ากรรมฐาน(ที่มีมวลสารทางด้านอาคมมากที่สุด ปลุกเสกทางด้วยวิชา อาคมมากที่สุด 555+) คือ ผงอัฐิขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์ที่แทงตลอดภูมิธรรมมานานเกือบ 60 ปี

    ผู้มีคุณปาการอันยิ่งใหญที่สอนให้คนไทยสละทานและพึ่งพาตนเอง
    ผู้นำของกองทัพธรรมยุคปัจจุบัน


    เดี๋ยวจะนำมา update พร้อมกับ

    อังคาร หลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปุญญาราม
    อังคาร หลวงปู่ฟัก วัดเขาน้อยสามผาน
    อังคาร หลวงปู่กูด วัดป่าศิลาอาสน์
    อังคาร หลวงตาพวง วัดศรีธรรมาราม

    เพราะฉะนั้นวิธีการที่ดีที่สุด ในการบูชาคือ การปฏิบัติบูชา ห้อยแล้วคงต้องรักษาศีลนะครับ เนื่องจากอาจมีเทวดาตามมาด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...