เทคนิคและประสพการณ์การเอาตัวรอดในต่างแดนยุคเก่า..ของคนรุ่นก่อน..

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย modpong, 29 เมษายน 2015.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........
    ...ขอบคุณครับ..คุณSupatorn..ที่เขียนมา...ครับที่คุณเล่านี้ก็เป็นประสพการณ์..ที่ดี..นะครับ..เรื่องนี้..โทษเราไม่ได้หรอกครับ..เพราะ..เรื่องรูปแบบ..ที่เป็นเฉพาะตัว...คนที่ไม่คุ้น..ก็คงไม่ทราบ.....
    .........ผมเอง..เป็นคนไม่กินปลา..ที่แคนทีน..ที่หอผมอยู่นั้น..เขาก็ทำอาหาร..หลากหลายก็จริง...แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นปลา..ที่จานตัวอย่างที่แสดงอาหารแต่ละวัน..ก็จะมีชื่อ..อาหารเขียนไว้..เย็นวันนั้น..ไม่รู้ว้่าเป็นวันซวยอะไรของผม
    ....ผมมองไปที่ตู้..เจอแต่ปลาทั้งนั้น..ผมก็พยายามหาพวกเนื้อ..พวกไข่..
    ...ก็ไม่เจอ..ไปเจออยู่อันหนึ่ง..มันเป็นเนื้อ..แต่ชื่อมันทะแม่งๆ..มันชื่อ..
    ........CABABU.........(ผมยังจำมันได้จนถึงทุกวันนี้ กว่า ๓๐ปีมาแล้ว..
    ...ผมน่าจะเฉลียวใจในชื่อ..แต่ความที่หงุดหงิด...บวก..ความหิว...
    ...ผมก็ดันไปสั่งมา...ไอ้ยุ่นมันก็ส่งให้ผม..มันอยู่บนจาน..ก็ดูดีมาก..
    ....ผมรีบไปที่โต๊ะ..แล้วลงมือกิเลย..แค่คำแรกที่เข้าปาก...ผมว่าผม
    เคี้ยวได้ซัก ๓ ครั้งยังไม่ได้..ส่งอาหารเข้าท้อง..ผมต้องรีบคาย..ออกมาทันที
    ....โอ้โห..กลิ่นมัน..มหากาฬ..มากครับ...ผมรีบวิ่งไปห้องน้ำบ้วนปาก..
    ...กลั้วปาก..ยังไง..ก็ไม่หาย....ต้องกลับไปห้องของผมพยายามถูฟัน
    ...อย่างทั่วถึง..ก็ไม่หาย...ถูอยู่ ๓ รอบ..พอค่อยยังชั่ว..แต่ก็ไม่หาย..
    ...ปรากฎว่า..เหงือกผม..แทบฉีก..เป็นแผล..เพราะแปรงสีฟัน..ทั้งปาก.
    ......ผมกินอะไรไม่ได้..นอกจาก..นม..กับขนมปัง..ไป..ทั้งสามมื้อ
    ในวันรุ่งขึ้น..(กลิ่นมันยังคงอยู่ไปประมาณ ๓ วัน กว่าจะหมด )...
    ....ผมไปสอบถาม..คนครัวภายหลัง..ถึงได้ทราบว่า..มันคือ...
    .............เนื้อแพะ......เป็นอาหารของพวกแขกมุสลิม..
    ....ผมน่าจะเอะใจ..ตั้งแต่..ไอ้..บาบู..แล้ว..ว่ามันออกแขกแต่แรก..
    .......................
    ...ผมว่าพวกประสพการณ์..หลากหลายนี่..มันก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นละครับ..
    สำหรับ..คนที่ไม่เคยสัมผัสจะได้เเรียนรู้ไว้..ว่างๆคุณSupatorn..ก็เอามาเล่า
    อีกนะครับ..ผู้อ่านท่านอื่นจะได้..ประโยชน์ด้วย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2015
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .................................
    ..........ก่อนจะไปเรื่องอื่น..ผมลืมเล่าเรื่องกรุงโตเกียว..รับน้องใหม่..ผมกับพรรคพวกยังไง
    ก่อน..และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสนิทกับ..ไอ้โก้และ..ไอ้ซิงห์..
    ....ถ้าผมจำไม่พลาด..แค่คืนที่สองที่มาเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นนั้นเอง..ก็ล่อผมเข้าแล้ว..มันยัง
    ไม่ดึกครับ..ผมและพรรคพวกก้กินข้าวเย็นกันแล้ว..และก็กลับเข้าพักที่..นิวซิตี้โฮเต็ล..ตาม
    ปกติ..โรงแรมที่ผมอยู่นี่อยู่ติดกับ..สวนสาธารณะชินจูกุ..เป็นตึกทรงสี่เหลี่ยมเป็นกล่อง..
    ไม่สูงครับ..ไม่เกินสิบห้าชั้น..ถ้าผมจำไม่ผิด..ขณะที่ย่านธุรกิจของชินจูกุ..ที่ถือเป็นแหล่งชุม
    นุมตึกสูงของโตเกียว..อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่..พวกนั้น ห้าสิบหกสิบชั้น..ขึ้นทั้งนั้น..อยู่เป็นกลุ่ม
    เลย......
    ............ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ(..ห้องพักคนเดียว..)..ก็ใส่กางเกงเล..ใส่เสื้อยืดคอกลม..เหมือน
    กับ..อยู่ที่เมืองไทยตามปกติ..(..ไอ้ชุดยูคาตะ..ที่เขามีให้..นั้น..ผมใส่แล้วรู้สึกมันไม่คุ้นเคย..
    ..ผมลองนอน..แล้วมันเหมือน..นอนแก้ผ้าไม่ใส่อะไร..แต่ห่มผ่าห่มทับไว้..ยังไงไม่ทราบ...
    ...ก็เลยไม่ใส่...ก็เปิดทีวี..ปลายเตียง..โดยผมไม่ได้นั่ง..โซฟา..นั่งอยู่ตรงกับทีวี..โดยเอาก้น
    นั่งที่ปลายขอบเตียง..(..อย่าพึงรำคาญ..และ..ตำหนิล่วงหน้าว่า..จะต้องมาเล่ารายละเอียด
    ทำหอก..อะไร..เย็นๆมันมีเหตุผลที่ต้องเล่า..)...ก็พึ่งดูทีวี..ได้ไม่เท่าไหร่...(ลืมบอกไปว่า..
    ...พวกเรานั้นอยู่ชั้นเกือบบนสุดเลย..ประมาณชั้น ๑๑ หรือ ๑๒ จำไม่ได้แน่ชัด..)....
    .............กำลังดู..รายการอะไรไม่รู้..อยู่ดีๆ..ว่าแล้ว..ห้องทั้งห้อง..มันก็โคลงและ..ส่ายทันที
    ....ผมก็รู้ทันที..เพราะสมัยเรียนก่อนจบซัก ๓ หรือ ๔ ปี..นั้นเคยมีแผ่นดินไหว..ที่สะเทือน
    ถึงกรุงเทพ..มาแล้ว..ตอนนั้น..กำลังอยู่ในห้องเรียนชั้น ๒ พอดี..แต่มันไม่ได้แกว่งมากขนาดนี้
    เท่านั้นเอง....
    ......มันโยกขนาด..โต๊ะ..เก้าอี้..เตียง..และ..ทุกๆอย่างในห้อง..กระดกไปมา..ทุกอย่าง..โชคดี
    ที่..ผมเพิ่งดับบุหรี่..ที่เขี่ยบุหรี่ไปแล้วมันดับสนิท..เพราะมันไหลจาก..โต๊ะหัวเตียง..ตกลงใส่
    พรม...โยกอยู่นานครับ..ผมก็ไม่ได้ลุกไปไหน..อยู่ที่เดิม..จับขอบเตียงไว้..ก็เลยออกทำนอง..
    ขี่ม้าพยศแบบนั้นเลย..แต่ไอ้ที่น่ากลัวคือ..ทีวีครับ..ที่แรกมันกระดกไปกระดกมานิดหน่อย..
    ยังไม่เท่าไหร่..พอช่วงที่มันไหวแรงขึ้น..มันดันกระดกล้มมาด้านหน้าครับ..และเอียงจน....
    ผมดูแล้ว..มันต้องหล่นตกมาจากเคาวนเตอร์แน่..ผมก็เลยยกเอาตีนข้างหนึ่ง..ขึ้นไปยันทีวี
    ไว้...มันก็คงเป็นท่าที่..ทุเรศ..พอสมควร..ก็ต้องยันอยู่อย่างนั้น..มันไหวครั้งแรกนี่ก็..ผมว่า..
    ซัก ๓ นาทีมั้ง..แรงมาก..แล้วก็หยุด...ความจริงระหว่างไหวนั้น..ผมได้ยินเสียงคนตะโกน..
    กันให้มั่วไปหมด..บนชั้นที่ผมอยู่.....
    .........พอมันหยุด..ผมก็หันไปสำรวจรอบๆ..แล้วก็ยกโน่นยกนี่..กลับเข้าที่เดิม..ผมไม่ค่อย
    กังวลอะไร..เพราะผมเรียนวิศวกรรมโยธา..และศึกษามาแล้วว่า..ที่ญี่ปุ่นนี่..ไม่ว่าตึกขนาดไหน
    ..เขาก็ออกแบบป้องกัน..แผ่นดินไหวขนาดรุนแรง..ไว้...ผมก็เลยไม่ค่อยห่วง..กอปรกับผมเอง
    ....ส่วนตัว..ไม่เป็นคนตกใจอะไร..ฟ้าผ่าใกล้ๆ..ก็ไม่ได้ตื่นเต้น..หรือสะดุ้งอะไร...อันนี้...
    ....มันไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิดนะครับ...แต่..ผมฝึกเอาตั้งแต่เด็ก..เพราะเด็กๆผมเป็นคนขี้ตกใจ..
    ...แล้ว..พ่อบอกว่า..เราเป็นผู้ชายมันไม่ดี..ที่เป็นคนขี้ตกใจ..ผมก็เลยฝึกประสาทตัวเองมา..
    ตั้งแต่บัดนั้น..เป็นสิบปี..ครับ..พอเป็นหนุ่มก่อนทำงาน..ผมก็เลยกลายเป็นคนประสาทแข็ง..
    (..โปรดอย่าถามผมนะครับ..ว่าฝึกยังไง..คนแต่ละคนมันไม่เหมือนกันครับ..วิธีการก็แตกต่างกัน)
    ......................ไอ้ที่ผมเล่ามานี่..เพื่อจะอธิบายว่า..นั่นแหละ..ผมก็ไม่สนใจอะไร..กลับมา
    นั่งที่เดิม..แล้วดูทีวีต่อ..แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น..และผมด้วยการที่ศึกษามา..ก็รู้อยู่แล้วว่า..ที่ผิว
    ดินนะ..มันไม่ได้ไหว..มากมายหรอก..ก็เพราะไอ้ชั้นที่ผมอยู่..มันอยู่ปลายด้านบน..ซึ่ง
    เป็นธรรมชาติ..ที่ส่วนล่างที่ยึดติดกับดิน..พอมันขยับ..ไอ้ส่วนปลายที่ไม่ยึดกับอะไร..มันก็จะ
    แกว่งมากกว่า..ก็ยกตัวอย่าง..คุณถือด้ามธูป..จับให้ปลายๆหน่อยให้แน่น..แล้วลองขยับ
    เร็วโดยไม่ต้องขยับมาก..แต่ปลายบน..ของหัวธูป..นั้น..มันจะขยับไปมากกว่า..หลายเท่า
    นั่นแหละครับ...เพราะไม่มีอะไรรั้งมันไว้.....
    ........................
    .[​IMG]

    ...นี่ครับ..ผมเอารูปจากในเน็ตมา..สามสิบกว่าปี..แทบไม่มีอะไรเปลี่ยน.
    NEW CITY HOTEL SHINJUKU..Tokyo.
    ..ตึกเดิมเลย..แสดงว่า..ของเขามั่นคงจริง....
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    [​IMG]

    มาติดตามอ่านค่ะ สนุกดีค่ะ ประสบการณ์แบบ คุณmodpong

    อาหารที่ชื่อCABABU นี่น่ากลัวเหมือนกันนะ เล่นเอาคายทิ้งแทบไม่ทัน.

    คุณsupatorn ก็มีมาเล่าเรื่อง สั่งเมนูอาหาร แบบเข้าใจผิดแต่สุดท้ายก็ลงตัว
    :cool:
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......................................
    ...ขอบคุณครับ..คุณมาคิโกะ.....
    ....เรื่อง.."เนื้อแพะ"..กับ.."เนื้อแกะ"...นี่ผมสยองมากตั้งแต่..เหตุการณ์วันนั้น...พอเห็นอาหารที่เป็นเนื้อ..แล้วชื่อแปลก..ผมจะถามก่อนเสมอ..ผมจะจำไว้..สองคำเลย..คือ..
    .."ย่าหงิ(แพะ)"...และ.."โคฮิ-ทซุ-จิ(แกะ)"...(ถ้าผิดช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ..มันนานแล้ว)..ไว้ขึ้นใจ..
    ..ถ้าไม่ใช่ไอ้สองตัวนี่..ก็..โอเค...
    ...แต่เพราะ..ผมยังไม่เคยเจอ.."องจริง"..ทำให้ผมต้อง..ทึ่ง..อึ้ง..อิ่ม...เมื่อผมไป..ฮอกไกโด...
    ...แล้วผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...เมื่อเรื่องดำเนินไปถึง......
    .........ขอบคุณครับ.........
     
  5. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    ไปต่างบ้านต่างเมืองนี่ ถ้าเราไม่รู้ภาษาของเขา ก็ลำบาก เหมือนกันนะคะ

    ตอนไปญี่ปุ่น มากิจะมีแต่เรื่องหลงทางเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ชอบเดินเล่นไปนั่นนี่ แล้วหลง แต่ก็พอถามทางเขาได้ค่ะ

    แต่ไปเมืองจีนซีคะ ลำบากจริงๆ พูดจีนได้แค่ สวัสดี สบายดี ขอบคุณ เท่าไหร่

    ตอนนั้นบริษัทส่งไปจีน ไปแค่สองคน

    เราพูดญี่ปุ่นได้ แต่เอามาใช้ที่จีน นะเหรอ หุหุ

    ลำบากตั้งแต่สั่งข้าวกินเลยค่ะ ต้องพกดิคฯไปด้วย

    ดังนั้นเพื่อความสะดวกเลยใช้วิธีชี้ภาพในเมนูอาหารค่ะ

    และไปกินแต่ร้านประจำที่มีเมนูอาหารเป็นรูปภาพ

    แต่มีวันนึง อ๊ะ อยากลอง ชวนกันไปกินร้านที่ไม่มีเมนูเป็นรูปภาพ

    ก็ลองเดาๆชี้เอา อันนี้ เอาอันนี้ เราเลือกหนึ่งอย่าง เพื่อนเลือกหนึ่งอย่าง

    พอทางร้านยกอาหารที่สั่งมาให้

    โอ้โฮ ขุ่นพระ ! ขอเป็นลมแพร้บ มันเป็นผัดมันฝรั่งล้วนๆใส่ต้นหอม จานเบ้อเริ่มเทิ่ม

    ประเมินด้วยสายตา น่าจะกินได้ประมาณ 5 คน

    กับอีกจาน เป็นขาหมูพะโล้ยักษ์ ! ขนาดขาหมูเกือบเท่าลำตัวมากิเลยค่ะ

    โอย จะเป็นลม ต้องกลั้นใจกิน เลื่ยนก็เลี่ยน

    พยายามจะกินให้หมด แต่ไม่ไหวค่ะ

    ต้องหยุดกิน เพราะถ้าฝืนไป อาจจะอ้อก หรือไม่ก็ท้องแตกค่ะ

    ตั้งแต่วันนั้นมาก็ไม่ไปกินร้่านอื่นอีกเลย... กินร้านประจำน่ะดีแล้ว อิอิอิ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2015
  6. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ......................
    ....ถ้าเจอปัญหาแบบนี้ละกอ...เข้าทางเรื่องของผมเลย..คุณมากิ.......
    ...ผมคิดเทคนิค..นี้..และ..ใช่ที่ยุโรป..ครับ...
    ...ตอนหลัง..หลานผมเอาเทคนิคนี้ไปใช้..ที่เกาหลี..
    ...ได้ผล..ตามที่ต้องการ..
    .............
    ....ต้องรอหน่อยครับ..เพราะญี่ปุ่น..ยังไม่ได้ไป..ซุคูบะเลย...เพราะ..ผมอยากให้คนอ่านทราบว่า...
    ...จากคนๆหนึ่ง..ที่ไม่เคยออกนอกประเทศ..พอเริ่ม..ไป..แล้วเขาพัฒนาตัวเอง..ไปเรื่อยๆ..จนเดินทางคนเดียวสะพายกระเป๋า๑ใบในยุโรป..โดย..ไม่ต้องมีDICTติดตัว...ได้ตามเป้าหมาย...ยุคที่ไม่ได้ใช้อินเตอร์เนต..ไม่มีมือถือ..ใช้สองเท้ากับสมอง..
    ..ได้ยังไง
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........................
    ..........ถามผมว่า..ประมาทมั้ยที่ทำไม่สนใจแบบนั้น..ตอบได้เลยว่าประมาทครับ...ไม่สมควร
    จะอยู่ในตึก..ควรจะลงมา..เพราะอาคารมันอาจถึงขั้นร้าวได้..เมื่อเกิดอาฟเต้อร์ช็อคตามมา..
    ..ตัวตึกมันอาจทนไม่ได้..ก็ได้...
    ...........แต่ก็มีสิ่งขัดจังหวะ..ทำให้ผมไม่ได้ดูหนังต่อ..เพราะมีเสียงเคาะรัวๆ..พร้อมเสียง
    ตะโกนเรียก..หลายเสียง..จนผมต้องลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู...
    ...........................
    .................พอผมเปิดประตูออกไป..ก็เจอไอ้เบื้อก ๒ ตัวนี่..หน้าตาตื่น..มันรีบแย่งกันบอกผม
    ..ให้รีบไปกับมัน..ออกไปนอกโรงแรม...ผมก็บอกว่า..กูไม่ไปหรอก..ขี้เกียจ..ลงกระได..ขึ้น
    กระได..(..ผมเรียนรู้มาเบื้องต้นอยู่แล้ว..ว่าระบบป้องกันภัย..เบื้องตันเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น..
    ..ตัวตึก..จะตัดไฟระบบลิฟท์..อัตโนมัติ..จะทำให้ลิฟท์ใช้ไม่ได้..จนกว่าเจ้าหน้าที่ระบบปลอด
    ภัย..ของตึกนั้นๆ..เห็นว่าปลอดภัยแล้ว..จึงจะทำการสับสวิทช์..ทำงานได้ต่อ..วิศวกรโยธาอย่าง
    ผมทราบอยู่ก่อนแล้วครับ..ตั้งแต่เรียนจบ..).......
    .....ไอ้ซิงห์..มันก็แหกปากบอกผม..เพราะชั้นนี้เจี้ยวจ๊าวมาก..เสียงเปิดปิดประตู..ดังตลอด..
    ...”เฮ้ย..มันไม่ปลอดภัย..มึงจะมานั่งอยู่ในห้องเดี๋ยวก็ตายหรอก..พรรคพวกเราก็ลงกันไปแล้ว”
    ...ไอ้โก้ก็รีบบอก..”มึงรีบไปเอากุญแจ..แล้วออกมากับพวกกูเลย..เร็วๆ”..ผมนะไม่อยากลงไป..
    ..แต่ดูถ้าไอ้สองตัวนี่..มันไม่ไปไหน..ก็เลยต้อง..เดินกลับไปเอากุญแจ..ล็อคห้อง..แล้วก็ไป..
    กับพวกมัน..เดินลงกระไดไป..สิบกว่าชั้น..แล้ว..ก็ออกไปนอกตึก..ไกลออกไปซัก ๕๐ เมตร..
    ......ข้างล่าง..ก็มีแต่..พวกต่างชาติ..กับพวกเรา...ผมได้ทีก็เลยบอกกับพวกมันว่า..
    ...”..พวกมึงเห็นมั้ยมีพวกไอ้ยุ่น..มันออกมาที่ไหน..ก็เรามันอยู่ชั้นบนสุด..มึงก็น่าจะรู้ว่า..
    ระบบบานรากป้องกันแผ่นดินไหว..นะมันเป็นแบบแบริ่ง..เคลื่อนตัวในแนวราบได้ระดับหนึ่ง..
    ..รอบตัวเอง..พอแผ่นดินมันไหว..ไอ้ตึกมันก็ขยับตามแบริ่ง..ปลายตึกข้างบนมันก็เลยแกว่ง
    เยอะ..ก็เท่านั้น..มึงดูข้างล่างรอบๆ..มีชาวบ้านเขาออกกันมาที่ไหน..แสดงว่าที่ระดับพื้นดิน
    นี่มันไหวไม่มาก..”..ผมก็ชี้ให้พวกมันดูรอบๆ..เรายืนอยู่ซัก ๒๐ นาที..ก็มีอาฟเตอร์ช็อค..ตาม
    มา..ก็ไหว..นั่นแหละครับ..รู้สึกได้ชัดเจน..ต้นไม้ใบไม้..สั่น..ผมก็สำทับไปอีก..”นี่มึงเห็นมั้ย..
    มันสั่นเยอะที่ไหนละ...ไม่เอาแล้ว..กูกลับขึ้นไปนอนดีกว่า..”...ว่าแล้ว..ผมก็เดินกลับไป..
    ..โดยไม่มองไอ้พวกนี้..พอตอนจะก้าวขึ้นกระได..ก็เห็น..ไอ้สองตัวค่อยๆตามมาห่างๆ...
    .........เดินขึ้นบันได..สิบกว่าชั้น..หายอยากไปเลย....แต่ในใจ..ผมก็นึกขอบคุณพวกมัน..
    ที่แม้จะรู้จักกันไม่เท่าไหร่..แต่มัน..ก็เป็นห่วงเพื่อน..ผมซะอีกที่..เฮงซวย..เพราะการที่ตัวเอง
    ไม่ตื่นเต้น..กับเหตุการณ์..ผมก็เลยลืมนึกถึงคนอื่น...รุ่งขึ้น..ผมก็เลยบอก..ขอบคุณ..ไอ้๒ตัว
    ..ที่เป็นห่วงผม...ตั้งแต่นั้น..พวกเราก็เลยสนิทกัน..เพียงแต่ อีก ๒ เดือนต่อมา..พวกเราต้อง
    แยกไปเรียนเฉพาะอย่าง..ซึ่ง..ไอ้ซิงห์..เลือกเรียนด้าน..เขื่อน...ผมกับ..ไอ่โก้..และ..ไอ้โด้..
    ..เรียนด้าน..ระบบจัดการลำน้ำ..ก็เลย..ทำให้ไอ้ซิงห์ห่างไปหน่อย..แต่พวกเราก็ยังเจอกัน..
    .................
    ..............
    ...................ผมต้องบอกเรื่องรูปแบบที่ผมไปอยู่ใช้ชีวิตที่นั่น..คร่าวๆก่อนกันการสับสนว่า..
    เพราะต่อไปจะมีเรื่องเล่าเยอะ..และ..จะแปลกใจว่า..ผมไปเที่ยว..หรือ..ไปเรียน...
    ....หน่วยงานJICAเจ้าของทุนนั้น..มีสถานที่ที่เป็นเซนเตอร์..คือ..เป็นทั้งที่พัก..ที่เรียน..และ
    ประสานงาน..อยู่ ๓ แห่ง(ในสมัยนั้น)..ที่มีคนไทย..ได้รับทุนไปอยู่ประจำกัน..มากที่สุด..
    ..จะมีที่อื่นด้วยรึเปล่า..ผมไม่ทราบ..ถ้ามีก็เป็นส่วนน้อย..ครับ..ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน..
    ...สำหรับศูนย์ที่เป็นที่พักด้วยแห่งแรกและ..เปิดเป็นที่แรก..ก็คือ..TIC..ที่พวกผมไป
    เริ่มรู้จักปรับตัวเบื้องต้น..อยู่ที่โตเกียว..เมืองหลวง....ที่ๆเปิดเป็นแห่งที่ ๒ คือ..OSIC..ที่ย่อมา
    จากOSAKA INTERNATIONAL CENTER...ก็เช่นกัน..กับ..ที่โตเกียว..แต่จะใหญ่กว่าหน่อย..
    ..และ..ทันสมัยกว่า..บ้างเพราะเปิดทีหลังหลายปี..ส่วนที่อายุน้อยที่สุด..ทันสมัย..และใหญ่ที่สุด
    ..ก็คือ..TBIC..หรือ..TSUKUBA INTERNATIONAL CENTER...อยู่ที่เมืองเล็กและอายุน้อยชื่อ
    เมืองซูคูบะ...ที่ต้องมีหลายศูนย์ก็มีหลายเหตุผล..แต่หลักๆ..ก็คือ..จำนวนผู้ที่รับทุน..ที่เพิ่มมาก
    ขึ้น..วิชาแต่ละวิชาที่มาศึกษาฝึกอบรมกัน..แหล่งเรียน..มันก็กระจาย..ไปตามภูมิภาคด้วย..
    ....ผู้ที่ได้รับทุนจากเมืองไทย..ก็มีกระจายไปทั้ง..๓ ศูนย์..มีที่แตกต่างไปจากคนอื่นคือ..พวกที่
    ไปอยู่ที่ศูนย์โอซาก้า..นั้น..จะไปที่นั่นโดยตรงเลย..จากไทย..ไปถึงก็เข้าพักที่ศูนย์เลย..ไม่ต้อง
    เข้ามาโตเกียว(..ถ้าไม่อยากมา)..จะกลับ..ก็กลับจากโอซาก้าเลย....
    .....................................
     
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ....ส่วนพวกที่จะต้องมาอยู่ที่ศูนย์โตเกียว..ก็เช่นกัน..ลงจากสนามบินก็ดิ่งเข้ามาเมืองแล้วเข้าพัก
    ที่ศูนย์TIC..เลย.....มีพิเศษหน่อยก็อย่างพวกผม..ที่จะต้องไปที่TBIC..หรือ..ศูนย์ที่เมืองซูคูบะ..
    ..เข้าให้มาพักที่โตเกียวก่อน..โดยถ้าขณะนั้น..ห้องพักที่ศูนย์ว่างอยู่..ก็จะให้ไปพักที่ศูนย์แต่ถ้า
    ไม่ว่าง..อย่างกรณีผม..เขาจะให้ไปพักที่โรงแรมเป็นการชั่วคราว..เพราะสาเหตุคือ..ที่ศูนย์ซูคุบะ
    ..ไม่ได้มีการอบรมปฐมนิเทศ..เพื่อการปรับตัว..ของผู้ได้รับทุน..ซึ่งขบวนการนี้..ก็ประมาณ ..
    สิบวัน..แต่ไม่เกิน๒ อาทิตย์..ก่อนจะย้ายไป..ที่ศูนย์ซูคุบะที่อยู่ทางทิศเหนือ..ห่างไปประมาณ
    เวลารถไฟวิ่ง ๑ ชั่วโมง.....ซึ่งคนที่อยู่ทั้ง..สามศูนย์..ได้เปรียบ..เสียเปรียบ..แตกต่างกัน...ครับ
    ..........................
    .....สำหรับ..เหตุผลต่างๆนี่ชาติอื่นไม่เกี่ยวนะครับ..เป็นเรื่องและ..รูปแบบของคนไทยชาติเดียว.
    ..........................
    ...เรื่องแรก...การช้อปปิ้ง...
    .............................
    .....อย่าลืมนะครับ..ว่า..เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว..ไม่มีสินค้าญี่ปุ่น..ที่ผลิตจากประเทศจีน...
    ...จะมี..อินโด..บ้าง..ไต้หวัน..บ้าง..มาเลเซีย..บ้าง..และ..ไทยบ้าง...ซึ่งสินค้าที่ผลิตจาก..
    แหล่งอื่นที่ไม่ใช่..ญี่ปุ่น..นั้น..จะมีคุณภาพด้อย..กว่าที่ผลิตใน..ญี่ปุ่น..ดังนั้นสินค้าญี่ปุ่น..
    ทุกอย่างที่..ขายใน..ญี่ปุ่น...นั่นจะเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นในญี่ปุ่นเท่านั้น..คือคุณภาพอันดับ ๑
    ..ไม่ว่า..รถยนต์..มอเตอร์ไซค์..เครื่องไฟฟ้า..อีเลคโทรนิค..เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ..อุปกรณ์
    ดนตรี..รวมถึง..เครื่องสำอางค์..ที่สมัยนั้น..คนไทยนิยมเครื่องสำอางค์จากญี่ปุ่นมาก.....
    .....คนไทยที่ได้รับทุนJICA..ในสมัยนั้น..ประมาณ ๘๐ เปอร์เซนต์..เป็นข้าราชการ..อีก..
    ๒๐ ที่เหลือ..เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ....ทุนที่ได้รับ..มีตั้งแต่ ๑ เดือน..ไปถึง ๑ ปี..หรือกว่านั้น
    ....และ..๑ ใน ๔-๕ จะเป็นผู้หญิง.....ผมเคยเล่าแล้วว่า..ไม่ว่าใคร..แม้แต่ญี่ปุ่นเอง..ก็ยอมรับ
    เรื่อง..การช้อปปิ้งของคนไทย..ว่าเป็นที่ ๑ ไม่มีใครทาบ..ไม่ว่าทั้ง..
    ........เทคนิคการต่อรองราคา..แหล่งช้อปปิ้งที่ราคาถูกที่สุด..แหล่งสินค้าหายาก...
    (สมัยผมร้านที่ขายของจิปาถะถูกที่สุดอยู่ที่โตเกียว..คนที่ค้นพบ..ก็คือคนไทยนี่เอง..
    ขนาดผู้หญิงในโตเกียวหลายๆคน..ยังไม่รู้จัก..ต้องให้คนไทย..บอกทางให้...
    ..เราเรียกกันว่า..”ตึกม่วง”(เพราะทาสีม่วงทั้งตึก)..อยู่แถว..โอคาชิมาชิ...).
    ..........สาวไทย..มาเป็นที่ ๑ และเพาะเชื้อพันธุ์..ไปให้ชายไทย..หลายคนด้วย......
    ..การช้อป..มีตั้งแต่..ซื้อให้ตัวเอง..ซื้อฝากเพื่อน..พี่น้อง..ญาติทางบ้าน....
    ....ซื้อตามใบสั่ง...คือพอมีคนรู้ว่า..คุณเธอ(..ทั้งชาย..และ..หญิง)...ก็สั่งก่อนที่จะเดินทาง..
    ..รวมถึง..พวกที่สั่งไปทางจดหมาย..หรือ..โทรศัพท์ทางไกล..ในช่วงที่ยังอยู่ที่นั่น..
    ......แล้วของดีจากญี่ปุ่น..มันจะราคาถูก..จนหลายคนหาช่องทำมาหากินได้..ก็คือ..
    ................ของที่ไม่ต้องเสีย..ภาษี..................แล้วทำยังไงถึงจะเลี่ยงได้....
    ....ก็ต้องเป็นของที่DECLARE..ไว้เป็นของใช้ส่วนตัว..และ..หิ้วขึ้นไปบนเครื่องได้...
    (บางคนลงทุนไปซื้อกระเป๋าสะพายยักษ์..เพื่อจะหอบ..เปียนโนไฟฟ้ากลับบ้าน..สะพาย
    ขึ้นเครื่อง..หน้าตาเฉย...)............
    .......แต่เครื่องบินเขาก็จำกัด..น้ำหนัก..แต่บังเอิญ..พวกที่เรียนจบ..แล้วจะกลับเมืองไทย
    นั้น..มันมีกันทุกเดือน..แถมเดือนนึง..มีตั้งสองสามทุน..(ทุนในวิชาหนึ่งๆ..ก็มีตังแต่ ๑ ถึง ๒ คน)
    ...ดังนั้น..เพื่อเป็นการแบ่งเบา..(บางรายทุนต้องอยู่เป็นปี..ก็..ทยอย..ฝากของกันแทบทุกเดือน)
    ...ก็ต้องไปถามไถ่..ว่าเดือนนี้ใครจะกลับ..มั่ง..พอรู้ตัวก็ฝากของขึ้นเครื่องด้วย..ขอที่อยู่เบอร์
    โทร...แล้วก็เขียนไปบอกทางเมืองไทย..ให้ไปติดต่อตามที่อยู่นี้..ไปเอาของ..บางคนก็หน้าด้าน
    ..เจอหน้ากันครั้งเดียว..พอรู้ว่าเขาจะกลับไทย..ก็เอาของไปฝาก..โดยพวกนี้..จะไม่นึกถึงว่า..
    คนที่ถูกฝากนะ..เขาก็มีของเยอะแยะเช่นกัน..ก็พยายามยัดเยียด..คนไทยต่างแดน..มันขี้เกรงใจ
    กัน..ก็จำยอม..ทั้งที่ไม่พอใจ(..ไม่ใช่ผมนะครับ..ผมหิน..และเกลียดพวกนี้อยู่แล้ว..ผมไม่รับฝาก
    ของๆใครทั้งสิ้น)...
    .........ดังนั้น..ศูนย์ที่มาเป็นอันดับ แรก..ในเรื่องนี้..ก็คือ..ศูนย์TICที่ โตเกียวนั่นเอง.....เพราะ
    ตำแหน่งที่ตั้ง(อิชิกายา)..เรียกว่าอยู่ใกล้ย่านเจริญเลย...จากที่พัก..ใช้เวลาทางรถไฟไม่ถึง..
    ๒๐ นาทีก็..ไปถึง..ชินจูกุ...ย่านอากิฮาบารา(เครื่องไฟฟ้า,กล้องถ่ายรูป)..ก็พอๆกัน..เรียกว่า
    เรียนเลิก..ก็ไปช้อปต่อได้เลย....
    ..........................
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........................
    ..............ส่วนที่มา..ที่๒ คือ..ศูนย์โอซาก้า....ศูนย์นี้..ก็อยู่ในเมืองโอซาก้า..ซึ่งถือเป็นเมือง
    ใหญ่อันดับ ๒ ของญี่ปุ่นเลย..มีเกือบทุกอย่างที่..โตเกียวมี..ความเจริญความทันสมัยก็ใกล้
    เคียงกันมาก...ดังนั้นคนไมยที่นี่..จึงไม่เดือดร้อน..เรื่องช็อปปิ้ง...หาซื้อได้ทุกอย่างเช่นกัน..
    ...เรียกว่าไม่ต้องถ่อ..มาที่โตเกียวให้เมื่อย.....
    ..............ส่วนมาที่ ๓ หรือ..ที่สุดท้าย..ก็คือ..ศูนย์ซุคูบะ(TBIC)...ที่ประจำของผม..ที่นี่มัน
    เป็นเมืองเล็ก..เป็นศูนย์ราชการ..และ..มหาวิทยาลัย(นานาชาติ)..สอนด้วยภาษาอังกฤษ...
    แห่งแรกของญี่ปุ่น..เน้นทางด้านเทคโนโลยี..วิทยาศาสตร์..วิศวกรรม....เรียกว่า..รอบๆ
    รัศมี ๕ กม. ไม่ต้องไปหาซื้ออะไร..เพราะมีแต่ร้านขายของจิปาถะเล็กๆ..ร้านค๊อฟฟี่ช้อป..
    เล็กๆ....ห้างสรรพสินค้าใกล้สุด(เราเรียกกันว่า..”ร้านนก”..เพราะมีตราเป็นนก..ผมก็ไม่รู้
    เหมือนกันว่าชื่ออะไร..)..อยูที่เมืองซูชิอุร่า..และ..เมืองนี้มีสถานีรถไฟผ่าน..(ซึ่งเวลาจะไป
    โตเกียวก็จะต้องมาที่นี่..)...อยู่ห่างหอไปประมาณ ๑๐ กม. เวลาไป..ต้องขี่จักรยานไป..
    ...เพราะที่ศูนย์..รู้สึกว่า..ไม่มีรถบัส..ผ่าน.....สรุปแล้ว..พี่ไทยเวลาช้อปปิ้ง..ก็ส่วนใหญ่..
    ต้องอาศัย..เสาร์-อาทิตย์(..บางคนไปมันตั้งแต่เย็นวันศุกร์เลย)..ขี่จักรยานจาก..ที่ศูนย์ไป
    (..เขามีจักรยานให้ยืมครับ..แต่..จำนวนไม่พอกับความต้องการ..ต้องแย่งกัน..บางที..
    รถไม่พอ..ก็ต้องซ้อนกันไป...)..ที่สถานีรถไฟซูชิอูร่า..แล้วนั่งรถไฟเข้าโตเกียว..โดยเรา
    จะไปลงที่สถานีชุมทางที่..อูเอโน่..(..สถานีชุมทางใหญ่..ในโตเกียว..มีสามแห่ง..คือ..
    อูเอโน่..โตเกียว..และ..ชินจูกุ)...อยู่ใกล้สวนสัตว์อูเอโน่...แล้วค่อยต่อรถเข้าย่านช้อปปิ้ง
    อีกที..ถ้าไปเช้าเย้นกลับ..ก็โอเค..แต่ถ้าต้องการช้อปทั้งสองวัน..คนเดือดร้อน..ก็คือ...
    คนไทย..ที่อยู่ที่ศูนย์โตเกียว(TIC)..ที่อิชิกาย่า..เพราะ..ต้องเผื่อ..ที่นอนให้พวกนี้..ไป”สิงหอ”
    ..(อย่างพวกที่ผมบอกว่าไปตั้งแต่เย็นศุกร์..ก็จะทำแบบนี้..)...แต่ผมไม่เคยทำแบบนี้นะครับ
    เกรงใจเขา..อย่างเก่ง..ก็ออกไปเช้า..แล้วกลับ..มาถึงตอนกลางคืน...
    ....ดังนั้น..พวกผมนี่เรียกว่า..ต้องออกแรงและเงิน..เยอะในการมาช็อปปิ้ง..แถมเสียเปรียบที่
    จะไปทุกวัน..ก็ไม่ได้.....
    ...................
    ...เรื่องอาหารการกิน...
    ......................
    ..............คนไทย..หลายคนนั้น..ประหยัดโดยเฉพาะผู้หญิง..(แต่ผู้ชายก็มี..)..ใช้วิธีทำอาหาร
    กินมันในห้องเลย..โดยรวมหุ้นกัน..หลายๆคน..ใช้วิธีดัดแปลงมั่ง..ให้ทางบ้านส่งมาให้มั่ง...
    บางคนรู้ล่วงหน้า..เอามาด้วย...เรียกว่า..อยู่ข้างล่าง..มองขึ้นไป..เห็นควันออกจากห้องไหน..
    ..จะได้เลย..มีอยู่ ๒ ชาติ..คือ..ไทย..กับ..พม่า..ไอ้หม่องนี่..เรียกว่าแทบทุกคน..ไม่มีใครไปกิน
    อาหารที่..แคนทีนเลย..มันหุงกิน..กันในห้องเกือบทั้งหมด..(..เก็บเงินไว้ซื้อของ..).....
    ......ส่วนเรื่องร้านอาหาร..ของอร่อยนี่..(ผมไม่ค่อยถนัด..ได้แต่ฟัง..พรรคพวกคุยกัน)...
    ..เขาว่า...ศูนย์ที่โอซาก้า(OSIC)..นี่มาอันดับหนึ่ง..เพราะ..นอกจากอาหารทั่วไปจะอร่อย..
    หากินง่าย..เมืองรอบๆ..ก็มีอาหารท้องถิ่นอร่อยๆมากมาย..และเดินทางไปไม่ไกล....
    .....ศูนย์ที่โตเกียว..มาอันดับรอง..เพราะของอร่อย..มีแต่ในโตเกียว..เมืองรอบๆมีแต่ท้องนา
    ...ต้องออกไปหากินไกล......
    .....ศูนย์ซูคูบะ..ที่ผมอยู่นี่..ห่วยสุด...รอบๆปริมณฑล..ไม่มีร้านอาหารดีๆ...เรียกว่า..ใครอยากกิน
    ของอร่อย..ต้องนั่งรถไฟไป..โตเกียว..แถบซูคูบะ..ซูชิอูร่า..มีแต่ท้องนา..กับสถานที่ราชการ..
    ..................
    ...แหล่งท่องเที่ยว..ธรรมชาติ..โบราณสถาน..
    .......................
    .........เรื่องนี้..ยกให้..อันดับหนึ่ง...คือ..ศูนย์โอซาก้าเลย...เพราะแค่ตัว..เมืองโอซาก้านั้น
    ..ก็เลิศแล้ว...สวนสาธารณะรอบปราสาทโอซาก้า..นั้นถือว่าสวยกว่าที่ไหนทั้งปวงยิ่งเวลา
    ซากูระบาน..ตัวปราสาทก็สวย...แถม..รอบโอซาก้า..มีธรรมชาติที่สวนงามอุทยานเห่งชาติ
    ..มรดกโลก..ล้อมเลย..น้ำตก..ภูเขา..ป่า...ออกจากโอซาก้าไม่เกิน..ชั่วโมง..ก็เพียบ...
    ...ใครชอบถ่ายรูป..(อย่างหลานสร้อยฟ้า..ถ้าได้เรียนอยู่ที่นี่..ซักปีสองปี..สงสัยต้องเก็บ
    รูปในฮารด์ดิสก์..ใส่THUMB DRIVE..ไม่พอ..)...
    ...................................
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ทําให้นึกถึงดอกซากุระ เพื่อนไปเที่ยวมาสวยมากๆ คุณน้องอ่อนกว่าพี่ไม่กี่ปี คงจะได้ยินเพลงฮิตในเมืองไทยสมัยนั้น ท่าน มากิคงไม่ทัน เพลง Sayonara กับเพลง อาริดัง เรื่องเครื่องสําอางค์จากญี่ปุ่นสมัยนั้นมาเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ
     
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................................
    ...ครับผม..ซาโยนารา แจแปนนิส กู๊ดบาย..
    ...ต้องอีกเพลงครับ.."ซูกียากี้"..ของ..เคียว ซากาโมโต้..คือ..ยุคนั้น..เขาถือว่า..เขาเป็นผู้ผลิต..ดังนั้น..
    ..เขาต้องคุ้มครอง..ทั้งผลประโยชน์..ความปลอดภัย..และเกณฑ์คุณภาพของผลิตภัณฑ์นั้น..
    ..ให้กับผู้บริโภคของชาติเขามาเป็นอันดับ ๑..ส่วนของยี่ห้อเดียวกัน..ขายที่อื่น..ก็รองลงไป...
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................................
    .........มาที่สองศูนย์โตเกียว..ก็..ดูพวกผู้คน..อะไรที่สวยงามแบบทันสมัยไป..ถ้าอยากไปดู
    ภูเขาไฟฟูจี..ทะเลสาบฮาโกเน่..ก็ต้องออกแรงหน่อย...นั่งรถไฟออกไป..ส่วนกลางคืน..
    ..ก็ไม่เหนือกว่า..โอซาก้าหรอกครับ..แสงสีเพียบ..เดินเพลินทั้งคืน..เหมือนๆกัน..
    สวนสนุกสมัยนั้น..ที่ดังที่สุดก็คือ..ยูมิอูริแลนโดะ..(โตเกียวดิสนีย์แลนด์..ยังไม่คลอด)...
    ...แต่มีอีกที่ๆ..ยุคนั้นโอซาก้า..ถึงมีก็สู้ไม่ได้..ก็คือ..ฮาราจูกุ..แหล่งแสดงพลัง..และ..ความบ้า
    ของ..หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น..คนเพียบเลย..ทั้ง..คนเล่น..และ..คนดู.....
    ........มาที่สามเหมือนเดิม..คือ..ศูนย์ซูคูบะ...ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไร..ไม่มีอะไรให้ถ่าย..
    ...แถบนั้น..มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ..ที่เดียว..คือ..ภูเขาลูกเตี้ยๆ..ชื่อ..ซูคูบะซัง...
    ..แถมสัญญลักษณ์ของที่นี่..ก็หาความสวย..สง่างามไม่เจอ..มันคือ..”คางคก”..ภูเขาจึง
    มีฉายาว่า..”เขาคางคก”....รอบๆเป็นท้องนา...แถมกลางคืนก็ไม่มีแสงสีอะไร..ห่วยแตกมาก
    ..ต้องขึ้นเหนือไปอีกชั่วโมง..ไปที่เมือง..มิโตะ..ค่อยมีอะไรให้เที่ยวให้ดูหน่อย..มีสวนสนุก
    พอแก้ขัดได้อยู่หน่อย...
    .........................
    ...ความสะดวกสบาย..ของที่พัก..
    ........................
    .............อันนี้แหละครับ..ที่TBIC..หรือ..ศูนย์ซูคุบะ..ที่ผมอยู่มายืนอันดับ ๑ ได้ชดเชย..
    ความด้อยด้านอื่น..เพราะ..ใหญ่..กว้างขวาง..มีสนามกีฬาทั้งกลางแจ้ง..อย่างสนามเทนนิส
    ๔ คอร์ต..สนามกีฬาในร่ม..ทั้งวอลเล่ย์..และ..สนามบาส...แคนทีนกว้างใหญ่...ทีวีจอยักษ์..
    พร้อมที่นั่งอย่างดี..เครื่องซักผ้าจำนวนมาก..ซักยี่สิบเครื่องได้..เครื่องปั่นผ้าแห้ง..ก็พอๆกัน..
    ...เวนดิ้งมาชีน(ตู้หยอดเหรียญเพื่อซื้อของ)..หลายตู้..พื้นเป็นพรม..ทั้งหมด..จนถึง..ห้องนอน
    ..ห้องนอนก็กว้างขวาง..เครื่องทำความเย็นความร้อนพร้อม..ห้องน้ำอย่างดี.....
    .....ส่วนที่รองลงไป..ก็เป็นศูนย์โอซาก้า..ที่แย่กว่าเพื่อนก็เป็นศูนย์ที่โตเกียว..เพราะตั้งแต่..
    ขยายไม่ได้แล้ว..ไม่ว่าทั้งห้องพัก..และ..เครื่องอำนวยความสะดวกก็มีไม่เพียงพอ..และ..เก่า..
    ...........................
    ....ผมเรียนเบื้องต้นอยู่ที่โตเกียวได้ไม่ถึง..สิบวัน..ดีผมว่านะ..เราก็ต้องระเห็จ..ไปอยู่ที่ศูนย์
    ซูคุบะแล้ว...ซึ่งผมก็รู้หมายกำหนดการล่วงหน้าอยู่แล้ว..และรู้ว่าโอกาศที่จะมา..โตเกียวอีก..
    ก็ต้องรอ..เป็นเสาร์-อาทิตย์..ผมว่าเวลาขนาดนี้..ผมก็แทบรูจักโตเกียวน้อยมาก..แม้เสาร์-
    อาทิตย์..แรกที่อยู่..คนไทยที่อยู่ก่อน..จะพาไปให้รู้จักโน่น..รู้จักนี่บ้าง.....
    .......ผมมันเป็นนักเดินทาง..และ..นักผจญภัย..มาตั้งแต่ยังไม่เข้าอนุบาล..ด้วยซ้ำ..เป็นลูก
    คนเดียว..ที่หนีออกจากบ้าน..ก่อนเริ่มเข้าเรียนอนุบาล..เอาเสื้อผ้า..ใส่กระเป่าเล็กๆ..และ..
    เดินออกจากบ้านไป..เพราะไม่สบอารมณ์อะไรบางอย่าง...เพื่อ..จะไปบ้านของป้าอีกคน..ที่
    อยู่ห่างออกไปเป็นกิโล...เดินไปคนเดียวเลย....
    .....เป็นลูกคนเดียว..ที่ไปเข้าเรียนอนุบาลวันแรก..แม่ผมยืนอยู่นอกโรงเรียน..ไม่ต้องเข้าไป
    ส่ง..แถมไม่ร้องไห้..เดินเข้าโรงเรียนไปเอง..โดยไม่หันมามองแม่ด้วยซ้ำ.....
    ......ผมเป็นคนไม่ขี้ตกใจ..ประสาทแข็ง...กินง่าย..กินอาหารซ้ำซาก..อย่างเดียวซ้ำ..
    เป็น อาทิตย์ สองอาทิตย์..โดยไม่มีปัญหา..นอนง่าย..สามารถหลับ..กับพื้นธรรมดาได้โดย
    ไม่ต้องมีที่นอน..และ..หมอน...ทนสภาวะกดดัน..ได้..และ..ไม่ใช่คนโวยวาย..แต่ขี้โมโห..
    ..และ..อารมณ์แรง...ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง..และ..ไม่ขี้เหงา..อยู่คนเดียว..ไม่ต้องคุยกับ
    ใครได้เป็น..อาทิตย์.....ชอบค้นคว้า..ค้นหา..และที่พิเศษ..คือ..เป็นคนช่างสังเกตมากๆ..
    รายละเอียดต่างๆ..ผมจะเก็บใส่สมองหมด....(อันหลังนี่..น่าจะมาจากที่ผมชอบเล่นพระมา
    ตั้งแต่เป็นเด็กมัธยม..ด้วย)..และที่สำคัญอีกข้อคือ..สมัยนั้น..ผมโสด..และ..ไม่มีภาระ
    อะไรที่บ้าน.....นอกจากนี้..ผมก็สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี...
    ..............................
     
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............................
    .........ผมมาคิดดูตอนหนุ่มว่า...คุณสมบัติของผม..หรือ..อย่างผม..น่าจะเป็นนักเดินทาง..
    หรือนักผจญภัย..ได้..ดังนั้นเมื่อมาถึงโตเกียว..ที่ตอนนั้น..มันกว้างใหญ่..กว่ากรุงเทพมาก..
    ..(สมัยโน้น..นี่เมืองนนทบุรี..นี่สวนผลไม้..ทุเรียนยังเพียบ..บ้านนอก...ยิ่งแถวรังสิตนี่ไปกันใหญ่
    ...ปากเกร็ด..นี่บ้านนอก..แค่แคลาย..นี่ก็แย่แล้ว..มีแต่สวน..กับต้นตาล...บางนา..มีแต่ที่เวิ้งว้าง.
    ...)...ผมต้องพยายาม..ไปดูอะไรที่แปลกๆไว้เยอะ....
    ....แต่การที่..จะไปโน่นไปนี่ได้..ต้องเดินทางเก่ง..สิ่งที่สะดวกที่สุดคือ..รถไฟ..(รถใต้ดิน..ผมไม่
    ค่อยใช้..เว้นแต่จำเป็น..เพราะผมไม่ชอบ..มันไม่เห็นวิว...
    .....................
    ...ผมมานอนคิดหลังจากเข้าศูนย์ที่โตเกียววันแรก..และ..รู้รูปแบบและหมายกำหนดการเคร่าๆ
    ..ก็คือ..ผมต้องย้ายไปอยู่ประจำที่ซูคุบะ(อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว)..ผมจะมาโตเกียวได้แค่..
    เสาร์-อาทิตย์..ที่ว่าง...ในแต่ละเดือน..ผมจะต้องมีทริป..ออกไปเรียนและดูงานที่ภูมิภาคต่างๆ
    ทั่วญี่ปุ่น..เหนือ..กลาง..ใต้..ตะวันตก...ทำให้..อย่างน้อย ๔ อาทิตย์..ผมก็ไม่มีโอกาศไป
    โตเกียว..หรือ..แหล่งท่องเที่ยวอื่น....ช่วงเวลาร่วม ห้าเดือน..ที่จะอยู่ที่ญี่ปุ่น..ต้องใช้มันให้
    คุ้มค่า..เท่าที่จะทำได้(แต่..ก็มีอุปสรรค..หลายเรื่อง)....
    ...............ดังนั้น..ช่วงแรกที่โตเกียว..ผมมีเวลาแค่..เย็น..กับ..กลางคืน..แต่ช่วงเย็น..มันก็
    ต้อง..ไปเสวนา..กับคนไทย..ด้วยกัน..กับ..เพื่อนต่างชาติที่เรียนด้วยกัน..กินข้าว..กัน...
    ....เนื่องจาก..ผมเป็นคนไม่ชอบทานเหล้า(..แม้ว่าที่นี่กินกันไม่ดึก..อย่างเก่งไม่เกิน ๔ ทุ่มก็
    กลับกันแล้ว)..ก็เป็นข้ออ้างในการปลีกตัวได้.....เพราะผมจะทำตัวแบบ..มนุษย์ค้างคาว....
    ....คือ..เมื่อพรคพวกกัน..แยกย้ายกลับ..โรงแรมแล้ว..ทุกคนก็เข้านอน..แต่ไม่ใช่ผมครับ..
    ....ผมไม่นอน...แต่โบกมือราตรีสวัสดิ์กับเพื่อน..เหมือนกับจะไปนอน..เข้าไปสูบบุหรี่ใน..
    ห้องสักมวน..ผมก็เอากุณแจห้องลงลิฟท์มา..แล้วก็เริ่ม..เป็นตัวของตัวเอง.....
    ....เป็นเวลา..ที่จะทำอะไรที่ด้วยตัวเอง..ไม่ต้องเกรงใจใคร..ไม่ต้องแห่ตามกันไป...เลือกทำ
    ตามที่ใจปราถนา.....
    ....ของติดตัว..ที่ขาดไม่ได้เลยคือ..แผนที่โตเกียว..ที่มีเส้นทางเดินรถไฟ..และ..รถใต้ดิน..
    อยู่ด้วยกัน...ข้อดี..คือ..เนื่องจากโรงแรมผมอยู่..ชินจูกุ..ที่เป็นสถานีชุมทาง ๑ ใน ๓ แห่ง..
    ใหญ่..ในโตเกียวทั้งรถไฟฟ้า..และ..รถใต้ดิน...ผมจึงสะดวกที่จะเดินทางให้คล่องแคล่ว..
    ในไปไหนมาไหน..ในโตเกียว..ได้ทั่ว....
    ........ผมสังเกต..จากวันแรก..ที่ขึ้นรถไฟจาก..ชินจูกุ(ผู้ประสานงานญี่ปุ่น..พาพวกเราให้หัด
    ขึ้นรถไฟให้เป็น..จาก..สถานีชินจุกุ..โดยใช้รถไฟสายสีเหลือง(..เรื่องนี้..ต้องขยายความหน่อย
    สำหรับเด็กรุ่นใหม่ว่า..การที่พาหนะสาธารณะในเมืองหลวง..นั้น..ใช้”สี”..แทนเป็นสัญญลักษณ์
    ของเส้นทางประกอบกับ..หมายเลขประจำสาย..และ..ชื่อของสายนั้นมันสะดวก..สำหรับคนใช้
    ที่สุดแล้ว...เพราะอย่างกรุงเทพตั้งแต่สมัยเด็ก..จนโต..รถเมล์ของ..เราจะแยก..สี..ถึงแม้..”สี”
    นั้น..จะเป็นตัวแทน..ของบริษัท(สมัยก่อน..รถเมล์..นั้น..เป็นกิจการอิสสระ..ดำเนินการ..โดย
    เอกชน..ที่ได้สัมปทาน..เส้นทาง..ที่แตกต่างกันไป..)ใน..แต่ละเส้นทาง..ก็จะมีรถเมล์ที่อยู่
    บริษัทเดียวกัน(หรือ..”สี”เดียวกัน)..ซ้ำกันอย่างเก่งไม่เกิน ๓ สาย..ซึ่งจะเป็นเส้นหลัก..อย่าง
    ถนนสุขุมวิท..ที่มีรถเมล์ขาว(..ทาสีขาวทั้งคัน..ของ..บริษัทนายเลิด..)..คือ..สาย ๒ สาย ๔๘
    เป็นต้น...ส่วนถนนส่วนใหญ่..ก็..มีแทบไม่ซ้ำกัน..อย่างถนนลาดพร้าว..สาย ๘ สีขาว...สาย
    ๒๗ เขียวคาดแดง..มองไปไกลๆ..พอเห็นรถสีขาวมา..เราก็รู้แล้ว..เตรียมตัวได้..คนที่สายตาไม่
    ดี..ก็ไม่ต้องไปรอให้มันมาใกล้ๆ..แบบสมัยนี้..ถึงจะรู้ว่าเป็นรถอะไร..กว่าจะรู้ว่าใช่..โบกมันก็..
    ไม่จอดแล้ว..บ่นครับบ่น..แบบคนแก่)................ซึ่งรถไฟสายนี้..จะวิ่งผ่าน..สถานีต่างๆ..โดย
    หยุดทุกสถานี..จนไปถึง..สถานีอิชิกาย่า..ที่เราจะต้องลง.....
    .........ผมสังเกตอันดับแรกคือ..เสียงประกาศว่า..สถานีข้างหน้าที่จะถึงคือสถานีอะไร(..ก็คล้ายๆ
    กับในรถไฟฟ้าบ้านเรา)..สำหรับ..คนที่ยังไม่คุ้น..กับสำเนียงภาษาญี่ปุ่น..นั้น..ลำบากครับ..ยิ่ง
    ถ้าขณะที่ตั้งใจฟัง..มีคนมายืนคุยอยู่ข้างๆหู..ยิ่งแล้ว..อย่าง....โยโยกิ..กับ..โยทสุย่า..สองสถานี
    นี้..เสียงก็คล้ายกัน...อย่าง...โอคาโนมิตซู..กับ..โอคาชิมาชิ..เวลามีเสียงรบกวนแล้วมัน..มัวๆ..
    จนไม่แน่ใจ...ส่วนไอ้การมองป้ายสถานี..ตอนรถจะเข้าจอดนั้น..เวลาเช้า-เย็น..เริ่มงาน..เลิกงาน
    ..คนมันแน่นมากครับ..คนมันบัง..อย่างผมตัวค่อนข้างสูง(๑๗๘ ซม.)..ยังมีปัญหาเลย..เพราะ
    ผู้ชายญี่ปุ่นมันตัวสูงมีเยอะ...ไอ้พวกที่สูงร้อยหกสิบกว่าๆ..ลูกกะตา..ไปอยู่แค่ไหล่เขา..ยิ่งแย่
    เข้าไปใหญ่....
    ............................

    [​IMG].

    ...นี่ครับ..รถไฟสายสีเหลือง(มีเส้นแถบสีเหลืองบนข้างรถ)..ที่ผมใช้ประจำ..
    ..ผ่านชินจูกุ...อิชิกาย่า..โอคาชิมาชิ(ตึกม่วง)..ไปจนถึง..อูเอโน่(ต่อรถไฟไป
    เมืองซูชิอูร่า..กลับ ศูนย์ซูคูบะ..)...ที่เห็นนี่คือ..สถานีโอคาโนมิซู...
    ...ชื่อรถไฟ..สายนี้คือ..ชูโอะ-โซบุ ไลน์ (chuo sobu line)ครับ...
    (หมายเหตุ:..รูปนี้ผมเอามาจากเน็ต..นะครับ..ไม่ใช่ผมถ่าย..เป็นรูปสมัยนี้..
    ...สมัยโน้น..รถมันไม่หล่อ..สถานีก็ไม่เนี๊ยบ..ขนาดนี้หรอกครับ...)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เคยไปเที่ยวNewYork รถไม่สวยอย่างนี้หรอกค่ะ วิ่งใต้ดิน ลงผิด โอ้โฮ เป็นถิ่นคนดํา พอขึ้นไปเดินเท่านั้นแหละ หัวใจตกมาอยู่ที่เท้าเลย มีรอยเลือดเป็นจํ้าๆ ตามถนน รีบกลับมาที่เดิมต่อรถไฟแทบไม่ทัน ถ้าดึกหน่อยคงโดนแน่เพราะเราตัวเล็กกว่าเขาเท่าตัว เวลามีรถขับอย่าได้หลงไปแถวนั้นเลย(มีเพื่อนหางานทําไม่ได้ไปทํางานที่หมู่บ้านแถวนั้นเลย พอคํ๋าต้องรีบเข้าที่พักแล้ว ไปเที่ยวได้แต่กลางวัน เมืองนอกน่ะถ้าไปทํางาน ชีวิตไม่ได้สดใสเหมือนที่คิดหรอก (นอกจากคนมีเงินนะ)
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................

    .....หวัดดีครับพี่...
    ....ไม่ต้องนิวยอร์ค..หรอกครับ..ตั้งแต่สมัยโน้น..สาวไทยที่อยู่ที่ศูนย์ซูคุบะ..ก็มีปัญหามากครับ..โดยเฉพาะกับ..ไอ้มืด(พวกที่มาจากอาฟริกา)ที่อยู่หอเดียวกัน..เรื่องยาวเลยครับ..เอาไว้เรื่องดำเนินไปถึง
    เมื่อผมย้ายไป..ที่โน่นก่อน..จะเล่าให้ฟัง...ขอบคุณพี่ที่มาแชร์เรื่องราวกัน..
    (..แม้แต่ผม..ก็เกือบจะได้เตะปากกับ..ไอ้พวกนี้มาแล้ว..เรื่องยาวเหมือนกัน..มันเป็นขบวนการของศักดิ์ศรี..และ..ต้องเอาคืน..)
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............................
    ........ผมมาคิดดู..ว่าขณะที่หูเรายังปรับให้ฟังภาษาบ้านเขา..ไม่เคลียร์นี่..โอกาศ..ทีจะลงผิด
    สถานี..ก็คงมี..ถ้าเราไม่ตั้งใจหรือ..มีสมาธิกับมัน..หรือ..พอรถไฟจะเข้าสถานี..ก็โยกซ้าย..
    โยกขวา..เพื่อจะให้สายตา..ไปมองชื่อป้ายสถานีให้ได้...มันไม่ถูก...
    ..........ผมมาที่นี่เพื่อ..เพลิดเพลินกับ..ทัศนียภาพความแปลกใหม่..สิ่งที่ต่างไปจาก..กรุงเทพ
    ..มองผู้คน..ดูศิลปวัฒนธรรม..ธรรมชาติ..แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปแบ่งสมาธิ..มากมาย...
    เพื่อที่..คอยดูว่าถึง..สถานีที่เราต้องการรึยัง....ไม่ถูกต้อง..ต้องหาวิธีใหม่...
    .....ผมอยู่เมืองไทย..ไม่ค่อยคุ้นหรอกครับ..การนั่งรถไฟ..ใช้บริการเท่าที่จำเป็น..การเดินทาง..
    ใช้รถเมล์เป็นหลัก..แต่มาอยู่นี่..ในเมืองรถไฟสะดวกกว่า..แล้วข้อสำคัญ..มันจอดทุกป้าย..นี่คือ
    ข้อดี...และ..เป็นตัวที่ผมเลือกเอามาเป็นหลักการ......
    ..........นั่นก็คือ..”การนับสถานีในแผนที่”.......อย่างเช่น..สมมุติ..ผมก็จำไม่ได้แน่ว่า...
    ..จากสถานีชินจูกุ...ไปอีก ๔ สถานี..จะเป็น..สถานีอิชิกายา..ที่ผมจะลง...โดยดูจากแผนที่..
    เส้นทางรถไฟสีเหลือง...ผมก็ลองใช้วิธีนับเอา..โดยไม่ว่าผมจะขึ้นที่ไหน..เปลี่ยนต่อสาย..ผม
    จะนับแต่แต่จุดที่เริ่มขึ้น..คือ ๑ แล้วก็ดูในแผนที่เอานับตามไป..เช่นขึ้นที่ชินจูกุผมก็เริ่มนับ๑..
    ...ดังนั้น..ถ้ารถมันชลอ..ที่๕ เมื่อไหร่..ผมก็ลง..ผมก็ไม่พลาด..เพราะลงได้ที่..สถานีอิชิกาย่า
    ทุกที..แรกๆ..ก็ใช้..ติ้กกับกระดาษ..ตอนหลังก็พับนิ้วเอา..๑ ก็..พับนิ้วโป้ง..พอ ๒ ก็.พับนิ้วชี้
    ตามกันไป....มันช่วยผมได้มาก..เพราะผมไม่ต้องไปพะวง..ระหว่างรถจะเข้าจอดสถานี..ว่าใช่
    ที่หมายของเราหรือไม่..ขอให้ไม่หลับเป็นใช้ได้...เพราะเวลารถเริ่มเบรกชะลอความเร็วเข้าจอด
    ...หรือ..ตอนที่มีเสียงประกาศชื่อสถานีหน้า..โดยไม่ต้องสนใจด้วยว่าเขาพูดว่ายังไง....
    ..เราก็รู้สีกตัว..เราก็นับไป..โดยที่สมาธิที่เรากำลังมองหรือฟัง..พูดคุยหรือ..ทำอะไรอยู่..ไม่ต้อง
    เสีย(..ขนาดผม..พา..ไอ้สามควายเพื่อนผม..ไปโน่นมานี่..ผมก็คุยกับมันไปเรื่อยดูโน่นดูนี่...
    ...ขณะไอ้พวกนี้..คอยสะกิดอยู่เรื่อยว่าถึงยัง..ทำไมมึงไม่เอาแผนที่ออกมาดูวะ..นี่สถานีอะไร
    ....ผมต้องบอกว่า..มึงนั่งเฉยๆแล้วกัน..รับรองว่าไม่มีหลง..ไม่มีพลาด..จนเป็นที่ยอมรับของ
    ไอ้พวกนี้..ว่าไปกับผมที่ไหน..ไม่มีหลง..หรือลงผิดสถานี...
    ..........ก็เพราะ..ก่อนจะขึ้นรถ..ผมก็ดูแผนที่..และนับจำนวนสถานี..ที่จะถึงเป้าหมายผมแล้ว
    ..ผมก็เก็บแผนที่..แล้วเวลารถจอดแต่ละสถานี..ผมก็พับนิ้วมือเอา..ซึ่งเป็นธรรมชาติตั้งแต่
    เด็กผมเริ่มนับจากมือซ้ายเสมอ..เรียกว่า..ผมนับนิ้วไหน..ในมือข้างไหน..ผมก็รู้ว่าหมายถึง
    เลขอะไร..หรือ..บางทีก็ใช้นิ้วนั้นแตะๆอุ้งมือบ้าง..หรือ..บางทีก็..เอาปลายนิ้วหัวมือ..ถูหรือ..
    คลึง..กับนิ้วนั้นๆ..ก็แล้วแต่สภาวะ..ลักษณะ..ความสบาย..หรืออารมณ์..ตอนนั้นๆ..ผมจึง
    กำหนด..สถานีที่ต้องการจะไปได้ตั้งแต่..สถานีที่ ๒ (สถานีที่ ๑ คือจุดขึ้น)ไปจนถึง..สถานี
    ที่ ๑๐ โดยไม่ต้องใส่ใจ..มากมาย..ไม่ต้องเหลียว..ไม่ต้องตั้งใจฟัง..ไม่ต้องชะโงกไปชะโงก
    มา..ซึ่งก็ไม่มีใครนึกถึง..และไม่มีใครสังเกตเห็น..สิ่งผิดปกติอะไร...
    ....มันเลยนึกว่า..ผมเป็นอัจฉริยะแห่งการเดินทาง..ความจริงไม่ใช่..แต่ผมมีรูปแบบของผมเอง
    เท่านั้น...............)..เราสามารถแบ่งสมาธิส่วนเล็กๆไปสั่งการนับ..แค่นั้นเอง...
    .............และผมก็ใช้หลักการของผมนี่..ตอนที่ไปเรียนที่ยุโรป..ในภายหลังด้วย.......
    .................การที่เราทำตัวเนียน..ไปกับคนพื้นบ้านนั้น..ผมว่า..มันมีข้อดี..นะ..สำหรับความคิด
    ..ของผม...คือ..
    ๑. ไม่เสียกริยา..ไม่ดูเสร่อ..ไม่ดูหลังเขา...เพราะมัว..แต่ล่อกแหล่ก..ชะโงกโน่น..ชะโงกนี่
    ..แล้วก้มลงมามองแผนที่...แล้วก็เงยหน้า..ลุกรี้ลุกรน..ยืนๆนั่งๆคอยดูป้ายสถานี..สำหรับผม
    มัน..เสียอาการ..เสียฟอร์มมาก..เพราะผมเคยเห็น..ไอ้พวกเด็กนักเรียนหญิงเป็นกลุ่มที่เห็น..
    อาการของไอ้พวกนี้..แล้วมันก็เอาไปหัวเราะกันใหญ่...ไม่ได้ครับ..ผมไม่ยอมเสียฟอร์ม..
    ๒. ไม่เป็นจุดสังเกต..ของ..มิจฉาชีพ..(สำหรับ..ตอนนั้นในญี่ปุ่น..เรื่องนี้มันไม่มี..ผมก็ไม่ได้
    คิดในส่วนนี้..แต่พอมาอยู่ในยุโรป..มันคนละเรื่อง...)...มันเป็นสัญญาน..ให้พวกมันส่งซิ้กกันว่า
    ...”หมูมาแล้ว”...ไม่ว่า..บนรถเมล์..บนรถไฟ..รถใต้ดิน..บนถนน...ไอ้พวกที่ก้มๆเงยๆมองแผน
    ที่..มากกว่ามองอย่างอื่น..ล่อกแล่ก..เหลียวไปเหลียวมา...มันส่อว่า..ไอ้นี่..มันเป็นต่างชาติ..
    ..และเพิ่งมาที่นี่.............
    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2015
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .................................
    ..............เป็นธรรมดา..ของมิจฉาชีพ..ที่จะลงมือกับ..คนต่างถิ่น..ก่อนเพื่อน..เพราะโอกาศได้
    ผล..มีมาก..โอกาศหนีรอด..ก็ง่าย..เพราะแค่ถนนธรรมดายังไปไม่ถูก..ตรอก..ซอกซอย..มัน
    จะกล้าไป..ตามได้ยังไง..แล้วเรื่องแจ้งความก็ลำบาก..ถึงแจ้งตำรวจท้องถิ่น..มันก็ไม่ให้ความ
    สนใจอะไร...เหนือสิ่งอื่นใดเพราะพวกนี้สมาธิ..อยู่กับแผนที่..อยู่กับการหาเส้นทาง..สถานที่..
    ..เรียกว่า..ไม่ได้สนใจว่า..ใครมาเดินข้างๆด้วยซ้ำ...ดังนั้น..ไม่ว่าจะกระชากกระเป๋า..กรีดกระเป๋า
    ล้วงกระเป๋า...ฉกกล้อง..มือถือ..ฯลฯ...โดนไปแล้ว..บางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ...ไอ้ที่หนักกว่า
    นั้น..คือ..โดนรุมกระทืบ..แล้วเอาของทุกอย่างไปจากตัว..เพราะไอ้อาการแบบนี้(..ผมเจอไอ้
    เจ้าตัวนี่มาเล่าให้ฟังเอง..หลังจากออกจากโรงพยาบาลใหม่ๆ..ที่อัมเสตอร์ดัม ฮอลแลนด์..
    ..แล้วจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง..เมื่อเรื่องดำเนินไปถึง..สงสัยจะปลายปีมั้ง..นี่ยังไม่ได้ออกจาก
    โตเกียวเลย)....
    ..............ถ้าเรา..ไปไหน....มาไหนด้วยอาการปกติดูกลมกลืน..ธรรมดา..พวกนี้มันก็ไม่รู้หรอก..
    เพราะ..คนเอเซีย..กระจายอยู่ทั่วโลก..ถ้าคุณผิวขาวตาชั้นเดียว..ก็เป็นจีน..ญี่ปุ่น..เกาหลี..
    ...ถ้าคุณผิวคล้ำ..หน้าไทย..เขาก็นึกว่า..คุณเป็นไอ้ปินส์..(..ไอ้ปินส์..นี่กระจายทั่วโลก..
    จริงๆครับ..ทั้งผู้ชาย..ผู้หญิง..)..ซึ่งอยู่อาศัยอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว......
    ........มันจะทำให้คุณ..กลายเป็นเป้าหมายรอง..นั่นก็คือ..โอกาศที่คุณจะโดนอะไรก็แล้วแต่..
    ก็จะลดลงตามไปด้วย...
    ..........นอกจากนั้น..ยังมีอันตรายอีกอย่าง..ซึ่งผู้หญิง..จะเสี่ยงกว่า..แต่ผู้ชาย..ก็โดนเช่นกัน..
    ..ก็คือ..เมื่อคุณแสดงอาการว่า..เป็นชาวต่างชาติ..เพิ่งมาที่นี่..เงอะๆเงินๆ..งงๆๆ...และมองดู..
    ..ไม่ฉลาด..ก็จะมีมิจฉาชีพ..มาตีสนิท..ในรูปแบบ..”ผู้หวังดี”..ซึ่งมีทั้งชายและหญิง...มาช่วย..
    ...ถ้าคุณใจอ่อน..ทำ..หรือ..ไปตาม..ที่มันเสนอ...คุณก็เสร็จ..เพราะส่วนใหญ่..จะเป็นแก๊งค์..
    ...ในเมืองไทย..ก็เพียบอยู่แล้ว..มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ.....
    ............ไอ้รูปแบบที่ผมทำ..นี่..ผ่านไป..เป็นเดือน..สองเดือน..ผมก็ถึงจะสอนไอ้พวกนี้..
    ..ปล่อยให้มันคิดว่า..ผมเจ๋งไปก่อนซักพัก...ส่วนเรื่องการเดิน..เข้าซอกซอยเลี้ยวซ้ายขวา
    ..สี่งเป็นธรรมชาตินักเดินทางอย่างผม..เพราะผมบอกแล้วว่า..ผมเป็นคนช่างสังเกต..เรียกว่า
    ไม่เคยดูอะไร..เรื่อยเปื่อยครับ..จะจำสิ่งที่สะดุดตา..ตามจุดต่างๆเสมอ..เพราะผมชอบไปไหน
    มาไหน..คนเดียว..นอกจากจะจำว่า..มันคืออะไร..อยู่หน้าหรือหลังอะไร..ที่สำคัญต้องจำให้
    ได้ด้วยว่า..มันอยู่ซ้ายมือ..หรือขวามือ..เพราะบางคนที่เป็นผู้นำเอง(กรณีที่ไปกันหลายคน..
    ..แล้วมีคนที่ชอบเสนอตัว..เป็นคนนำทาง)..จำได้..ว่าต่อไปจะเป็นอะไร..แล้วไอ้สิ่งนั้นมันอยู่
    ตรงแยก...พอเดินไปเห็นเข้า..เสือกพาไปผิดถนน..จนผมต้องทัก..เพราะขาไปมันอยู่ซ้ายมือ
    ...ขากลับ..มันก็ต้องอยู่ขวามือ...ถึงจะกลับไปทางเดิม..ไอ้นี่เสือกจำไม่ได้ว่าอยู่ข้างไหน...
    ..เสือกพากลับไป..โดยไอ้สิ่งนั้น..อยู่ทางซ้ายมือเหมือนเดิม..ดังนั้น..มันก็จึงมุ่งหน้าไปอีก
    ถนนนึง..ไม่ได้กลับไปทางเดิม...พอดีที่..ผมไม่ชอบแสดงตัว..ไม่ว่าทำอะไร..ใครเก่งก็ทำไป
    ..เพราะไม่งั้นเหนื่อย..เราต้องนำตลอด...แต่พอมากับไอ้สามควายเพื่อนผม..คือ..พวกมันไม่รู้
    เรื่องกันเลย..ไม่ว่าจะไปเมืองไหน..โดยเฉพาะ..เวลากลางคืน..ไอ้พวกนี้จะมารอผม..ที่ล้อบบี้
    โรงแรมที่พักเสมอ..
    ........การใช้แผนที่..สำหรับคนที่ไม่ชำนาญนี่..ยิ่งไปที่ๆ..มันมีตึกเหมือนๆกัน..และ..หนาแน่น
    ...ถ้าเรารู้ตำแหน่งที่จะไป..อยู่แล้วนี่ผมแนะนำให้...ทำก่อนคือ..เอาปากกานี่แหละครับ..ลาก
    เส้นไปตามถนน..หรือ..ตรอกที่จะพาไปจุดหมายให้เห็นชัดๆเลย..ไม่ต้องมาห่วงเลอะเทอะ...
    ..ใช้บ่อยๆ..เริ่มเลอะมากๆ..ก็ไปขอใหม่..ที่โรงแรมที่พัก..ที่ไหนเขาก็แจกฟรี..ทั้งนั้น...
    .....ยิ่งถ้าตึกแน่น..หรือ..แผนที่มันเล็ก..มันจำทำให้คุณลายตาครับ..มองยาก..สับสน..แล้ว
    ลงเอย..คือไปผิดทาง..กลายเป็นเดินอ้อม..เสียเวลา..และ..อาจถึงกับหลงได้..ถ้า..เราเดิน
    ไปในบริเวณที่..ไม่มีแลนด์มาร์ค(LANDMARK)..ให้สังเกต..และ..ไม่มีรายละเอียดบอกใน
    แผนที่..จำไว้นะครับ..ไม่ว่าพักที่ไหน..จะเป็นโรงแรม..เรียวกัง..อย่าลืมสิ่งแรกที่ทำคือ..
    หยิบ..นามบัตรของโรงแรม..เอามาใส่ในกระเป๋าคุณไว้..เพราะถ้าหลง..คุณยังสามารถเรียก
    แท็กซี่..กลับได้..ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่..เขาไม่เข้าใจภาษาที่คุณพูดเลยก็ตาม...
    .....ที่ผมบอกไปนี่..มันคือยุคโน้น..หรือ..คนในยุคนี้..ที่ไม่มี ไอโฟน..ซัมซุง..เพราะเดี๋ยวนี้
    ..แอพพลิเคชั่นมันเยอะ..ผมว่าหลงยาก..แผนที่ก็ดูในมือถือเอา..ก็เรียกว่า..บอกไปอย่างงั้น
    ละครับ...อาจจะมีผลมีประโยชน์ตอนที่..มือถือถ่านหมด..ใช้ไม่ได้..ซะมากกว่า....
    .............................
     
  18. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    สวัสดีครับพี่ modpong
    ดีใจครับที่ได้พบกันอีกครั้ง และเช่นเคยพี่มาพร้อมกับบทความดีๆ มีสาระ น่ารู้น่าติดตามเช่นเคย

    ยิ่งดีใจที่พี่บอกว่าจะเขียนถึงปลายปี (อย่างน้อย) เพราะต้องได้อ่านยาวแน่นอน

    แฟนเก่ามาส่งเสียงเชียร์ครับผ๊ม..........
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ................................
    ....ฮ่า..ฮ่า..เก่งวะ...ตามหาจนเจอ...
    ...ข้ามห้องมาเลย..นะนี่...เออ..พี่ยังคิดถึง..ทุกคนที่ห้องโน้นอยู่เช่นกัน..แต่คิดว่า..คงไม่กลับไปแล้ว..
    ..เปลี่ยนสไตล์..มาทางนี้บ้าง..เรื่องมันหลากหลาย..
    มหาศาลกว่า..เยอะ..สบายใจดีกว่าด้วย...
    ...ขอบใจมาก..ที่ทักทาย..ก็ลองตามๆไปแล้วกัน..
    ...ดูซิว่า..มาแบบนี้แล้วเป็นไงบ้าง..
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............................
    .....ก็ตามหัวเรื่องของผม..ก็คือเทคนิครุ่นเก่า..คนรุ่นใหม่อ่านแล้วอาจหัวเราะ..แต่จะได้รู้ว่า..
    คนรุ่นเก่า..เมื่อเขาไม่มีตัวช่วย..เขาพัฒนาสมอง..เขาคิดค้นแนวทาง..เขาแก้ไขปัญหาเฉพาะ
    หน้าได้..โดยไม่ต้องถามใคร..คนรุ่นนี้..ถ้าไปเมืองนอก..มือถือโดนฉก..ก็จะกลายเป็นคนพิการ
    ...ทำอะไรไม่ได้..เพราะสมองไม่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา..พึ่งมือถือ..ถามมือถือ..ไม่คิดอะไรเอง..
    .....ระวัง..ไปเมืองนอก..แล้วอย่าตกอยู่ในสถานการณ์แบบที่ผมว่าแล้วกัน....
    ..........ผมดำเนินการขึ้นรถไฟยามค่ำคืน..คนเดียวนี่..แทบทุกคืน..ไปมันหมด..โดยกระจาย
    ไปตามย่านต่างๆในโตเกียว...ทั้ง..กินซ่า..ร็อปปองงิ..อกาซากะ..อซัคกูซ่า..อาราจูกุ..ฯลฯบาง
    แห่งกลางคืน..มันอาจไม่ค่อยมีอะไร..ก็ยังดีกว่าไม่ได้ไป..อันไหน..นั่งรถบนดินไม่สะดวกก็ลงใต้
    ดิน..อย่าง..ผมไปTOKYO TOWER(..เลียนแบบหอไอเฟล)..นั้นไปรถใต้ดินสะดวกกว่า..ผมก็ไป
    ...เอามันให้คล่อง..แต่การที่จะคล่อง..และ..ไม่เชย..เวลาที่ไปสถานีรถไฟ..มันก็จำเป็นต้องจำ
    อะไร..บางอย่าง..ที่ต้องเจอ..ไม่ว่าที่ไหนก็คือ...ป้ายที่มันมีตัว”คันจิ”(ตัวจีน)..เขียนบอก...
    .............................
    .....ผมเคยบอกไปแล้วนะครับว่า..เมื่อกว่าสามสิบปีก่อน..ญี่ปุ่น..คือ..เจ้าแห่งเอเซีย..ยิ่งใหญ่
    เป็นรองแค่..อเมริกา..อังกฤษ...ดังนั้น..ไอ้ยุ่นยุคนั้น..มันไม่แค่..อะไรที่ควรจะเป็น”อินเตอร์”
    ..อะไร..ที่คนบ้านมันสะดวก..มันก็ใช้อย่างนั้น..โดยไม่สนใจว่าชาติอื่น..จะรู้เรื่อง..หรือจะสับสน
    ..งง..ขนาดไหน..โดยเฉพาะ..อะไร..ที่ควรจะใช้เป็นสัญญลักษณ์สากลได้..กูก็ไม่ใช้..ใช้เป็น
    คำพูดแทน..ซึ่งยุคนั้น..แบบนี้..มันเต็มเมืองไปหมด....
    .....................
    ....ไม่ว่า..ไปที่สถานีแบบไหน..สนามแข่งขัน..โรงมหรสพ..สถานที่จัดแสดงสินค้า...ฯลฯ...
    .....คุณก็จะหนี..ไม่พ้น..กับ..”ทางเข้า” และ..”ทางออก”..หรือ..Entrance..และ..Exit..แน่นอน
    ...ซึ่ง..บางแห่ง..ก็ใช้เป็น..สัญญลักษณ์..สองป้ายคู่..คือ..ด้านหนึ่งเป็นลูกศร(..ก็คือเข้าไปได้)
    ..คู่กันแต่ป้ายหันไปคนละด้าน..เป็นลูกศร..แต่มีสีแดง..ขีดเฉียงคร่อมไว้..ก็คือห้ามออกไป...
    ...เรียกว่า..บังคับให้การสัญจร..เป็นทางเดียว..ซึ่งแบบนี้..เข้าใจกันทั่วโลกไม่ว่าชาติไหน....
    ................แต่ญี่ปุ่น..ยุคนั้นตามที่ผมบอกคือ..มันไม่สนคนชาติอื่น..มันใช้คำพูดภาษาบ้าน
    ตัวเอง..ซึ่ง..จะมีอีกแค่ ๒ ชาติที่ไม่ใช่เชื้อสายญี่ปุ่นพลอยเข้าใจไปด้วย..ก็คือ...
    ....ชนเชื้อสายจีน..(จีน..ฮ่องกง..ไต้หวัน)....และ...เกาหลีที่สูงอายุ(..คือ..คนเกาหลีรุ่นเก่านี่
    เขาเรียนตัวจีนด้วย..เพราะตัวหนังสือดั้งเดิมของเกาหลีก็ใช้ตัวจีน)........
    .....สถานีรถไฟ..สถานีรถใต้ดิน..ก็ไม่พ้นละครับ....คุณก็จะเห็น..(ในสมัยโน้นนะครับ..สมัยนี้
    ผมไม่ทราบว่า..เขาเปลี่ยนรึยัง..)....
    .....คือ.. 入口 “อิริกูฉิ”..(Iriguchi)...ซึ่ง..หมายถึง..”ทางเข้า” หรือ..ENTRANCE...และ
    .......... 出口 “เดกูฉิ” (Deguchi)...ซึ่ง..หมายถึง..”ทางออก” หรือ..EXIT....
    ..ดังนั้นหลักการจำง่าย..ของผมคือ..ถ้าเจอ..ไอ้ที่เป็นรูป..”หลังคา(เรือนไทย)”..ก็คือ..ทางเข้า
    ...ถ้าเจอ..ไอ้ที่เป็น..รูป”สามง่าม”..ก็คือ..ทางออก.....
    ...ถามว่า..ทำไมสำคัญ..เพราะหลายท่านก็อาจคิดว่า..ก็ตามเขาไป..เขาไปทางไหน..ก็ไป..
    ทางนั้น..ไม่เห็น..จะต้องใส่ใจเลย..ใช่ครับ..สำหรับ..พวกที่เดินทางไปกันเยอะ...ไปเวลา..
    ที่มีคนพลุกพล่าน..ไปสถานีที่มีคนเดินเข้าเดินออก..ตลอดเวลา.....
    .....แต่ที่ว่า..ไม่ใช่สำหรับ..นักเดินทาง..หรือ..นักผจญภัย..แบบข้ามาคนเดียวแบบผม..เพราะ..
    มันมีหลายครั้งที่..จะได้ไป..ตอนที่..ไม่มีคนอื่นเดิน..หรือ..ไปบางสถานี..ที่คนไม่พลุกพล่าน..
    ...หรือ..ถึงแม้ปกติจะพลุกพล่าน..แต่..เวลาดึกมากๆ..คนมันก็หายไปเอง....
    ......อย่างผมนั้น..เลือกไม่ได้..อยู่ที่ตามจังหวะ..เพราะถ้า..คุณเลือกผิด...เดินเข้าไป..คุณต้อง
    เสียเวลาเดินย้อนออกมาใหม่...ทำให้เสียอารมณ์..และ..เมื่อยเข้าไปอีก....ตั้งแต่วันแรกผมก็..
    เห็นไอ้ตัวคันจิ..๒ ตัวนี้แล้ว..เรื่องอ่านนะไม่ต้องพูดถึง..ไม่ออก..อยู่แล้ว..เพียงแต่รู้ว่า..มัน..
    หมายความว่า..แบบนี้..ผมก็ใช้วิธี..จำก็...”หลังคา-เข้า...สามง่าม-ออก”..ก็ใช้ดูจากลักษณะ
    ตัวหนังสือเอา..เลือกแบบที่เราจำง่ายที่สุด..ผมก็ไม่เคยหลงอีกเลย...จนไอ้โด้..แรกๆมันงง..
    ..ที่ผมเดินนำ..เข้าไปที่สถานีรถไฟ..ที่ๆไม่คุ้นเคย..มันถามผมว่า..เอ้ยมึงอ่านไอ้ตัวหนังสือนี่
    ออกด้วย..หรือวะ..เพิ่งมาไม่ถึงอาทิตย์..ผมก็บอกมันว่า..เปล่าหรอก..กูอ่านไม่ออก..แต่กู..
    จำได้ว่า..มันหมายถึงอะไร.....(ตอนพวกเราเดินไปถึง..บริเวณทางเข้า..ไม่มีคนเดินเข้าไป..
    ที่มีป้ายเขียนว่า..”ทางเข้า”..จังหวะคนโล่ง..พอดี..)
    .................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...