เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. amsomegal

    amsomegal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    อันข้างบนคือ สิ่งที่เราได้ถามพี่นักเขียนไป เกี่ยวกับว่านิสัยที่แท้จริงของหนูเป็นยังไงกันแน่
    แต่คำตอบที่ได้รับมากลับเกินยิ่งกว่านั้น คือ พี่นักเขียนรู้ว่าชื่อนำหน้าของหนูขึ้นต้นด้วยอักษร ว และภาษาอังกฤษคือ V ซึ่งทำให้หนูทึ่งมากๆ และศรัทธาในความรู้ที่เราจะได้จากความฝันอีกเป็นเท่าทวีคูณเลยค่ะ ทั้งๆที่เราไม่เคยคุยกันเลย ไม่เคยแม้แต่รู้จักชื่ออะไร ข้อมูลเพียงอย่างเดียวที่ให้หนูพี่นักเขียนไป ตอนที่ขอให้ไปฝันเพื่อหาคำตอบมาให้ คือชื่อเล่นหนู แค่นั้นเองค่ะ หนูก้อเชื่อมั่นเหมือนที่พี่นักเขียนพูดค่ะ ว่าเราทุกคนสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นหนูจะฝึกฝนเพื่อให้รู้เห็นได้แม่นยำอย่างพี่นักเขียนค่ะ

    ปล. อึ้งมากๆๆๆจริงๆค่ะ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแม่นขนาดทายอักษรนำหน้าชื่อจริงถูกมาก่อนเลย แถมนิสัยทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ข้อมูลมาก้อตรงเป๊ะ
     
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ความฝันของคุณจีนทาร่อนที่เขียนมาเขียนละเอียดมากๆ เลยนะครับเนี่ย อ่านแล้วนึกไปถึงเรื่อง HunterxHunter ตอนที่สอบเข้าเป็น Hunter เลย

    ภาพในความคิดของผมก็คล้ายๆ ภาพน้ำค้างเกาะใยแมงมุม อยู่เหมือนกัน แสดงว่าพอจะเข้าใจถูกในระดับหนึ่งแล้วเหมือนกัน

    วันนี้ฝันยาวอยู่เหมือนกัน แต่ตื่นมาแล้วจำได้นิดเดียวเอง แต่ที่แน่ๆ เลยก็คือว่าสถานที่เห็นในฝันนั้นเป็นสถานที่ที่เคยฝันเห็นมาก่อน

    เริ่มจากเรื่องแรก ฝันว่าตัวเองเหมือนว่าได้เข้าไปในที่เรียนที่หนึ่ง (ที่นั่นเป็นที่เรียนหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ห้องเหมือนกับว่าลอยอยู่บนฟ้า ต้องใช้วิธีพิเศษในการเข้าไป ซึ่งวิธีนั้นก็จำไม่ได้แล้วล่ะ แต่มีช่วงนึงในฝันที่นึกให้ตัวเองเหาะลอยเข้าไป

    ตัดมาอีกที่นึง เหมือนว่าจะเป็นห้าง ที่มีจัดกิจกรรมอยู่ อันนี้ไปกับเพื่อน จำไม่ได้ว่าไปกี่คน แต่มีคนนึงเป็นเพื่อนสมัยมัธยม ตอนนั้นกำลังนั่งรถที่เหมือนรถราง รถหยุดเหมือนรอคิวที่จะวิ่ง เพื่อนคนนั้นนั่งทางขวาผมนั่งทางซ้าย เวลาคุยก็ต้องหันขวาไปคุย ตรงข้างหลังเพื่อนจะเห็นศพดองอยู่ สีผิวออกสีน้ำตาลเข้มเพราะเกิดจากการดอง ตาเปิดหน่อยๆ เห็นตาขาว ในฝันนั้นจำได้ว่าเคยเจอศพนีมาแล้ว และก็เคยรู้มาจากความฝันก่อนหน้านั้นด้วยว่า ศพนี้เค้าตั้งใจวางไว้ตรงนี้เพื้อว่าจะได้เห็นคนที่เข้ามาในห้าง คือศพนั้นอาจจะเป็นคนที่ก่อตั้งห้างก็ได้อันนี้ไม่แน่ใจ หลังจากรถวิ่งไปหน่อยนึง ทางซ้ายก็มีศพดองอยู่ ประมาณ 4-5 ศพ เป็นศพที่มีส่วนล่างมีหางเหมือนปลา ก็เลยพูดขึ้นว่าศพนางเงือก เพื่อนก็หัวเราะขึ้นมาหน่อยนึง ก็ตอบกลับไปว่า อ้าว ก็มีหางอย่างนี้ก็ต้องเป็นเงือกสิ

    ก็จำได้เท่านี้แหล่ะครับ
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    พี่นักเขียนฯ ฝันได้คมชัดขนาดนี้ เดี๋ยวต้องมีบางคนสนใจให้ดูบุคลิกพิเศษอีกแน่เลยครับ น้อง amsomegal<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1187440", true); </SCRIPT> เค้าให้ AAA + ไปแล้ว คุณซิปฯและเพื่อนๆบางคนก็ฝันได้น่าสนใจมาก ยืมเอาพล๊อตเรื่องไปทำนิยายวิทยาศาสตร์ได้เลยทีเดียว อาร์เธอร์ ซี คล๊าก หรือ จูลล์ เวิลด์ คงได้พล็อตเรื่องจากฝันเหมือนกัน

    เคยฝันแปลกๆยังจำได้แม่นเลย ฝันว่าไปที่ไหนสักแห่งหนึ่งมีคนตัวสูงโย่งใบหน้ายาวๆผิวสีขาวใส่เสื้อคลุมยาวถึงพื้น เค้าพาไปดูสถานที่หนึ่งเหมือนเป็น site งาน เค้าชี้นิ้วไปที่ช่องกลมขนาดใหญ่ช่องหนึ่ง (มีหลายช่อง) พอเดินไปดูก็มองเห็นเมืองขนาดใหญ่เหมือนอยู่ภายในลูกบอลกลมๆ มีต้นไม้ทรงกลมๆ สระน้ำขนาดใหญ่ มีแท่งหินพุ่งออกมาเป็นทางเดินยาวๆ พวกอาคารต่างๆใช้วัสดุคล้ายโลหะเและแก้วใสๆรูปร่างคล้ายดอกเห็ด มีหลายขนาดมาก ผุดขึ้นมาจากช่องกลมๆใต้พี้น (เหมือนมีอะไรอยู่ใต้ดินลงไปอีก) มองขึ้นไปด้านบนเป็นถนนโค้งๆบิดเกลียวตัดซ้อนไปมาเต็มไปหมด ยานพาหนะเค้าก็เป็นดอกเห็ดคล้ายๆหัวไม้ตีกอลฟ์ เคลื่อนที่ไปมาและลอยนิ่งได้ มีลิฟท์ซ่อนอยู่ในแท่งหินสีเทาด้วยสูงมากเชื่อมไปถึงข้างบน ดูอยู่สักพักนึงเลยถามเค้าว่าอยากเห็นแหล่งพลังงาน ว่าเค้าใช้อะไรกันแน่? เค้าชึ้ลงไปที่ใจกลางโดมแก้วแห่งหนึ่งมีน้ำล้อมรอบ สักพักรู้สึกว่าห้องนั้นเลื่อนไปเองในเวลาชั่วอึดใจ ก็ไปโผล่ยืนอยู่ด้านหน้าแหล่งพลังงานนั้น เห็นว่าเค้าทำเป็นแก้วคริสตัลใสที่มีแสงสว่างจ้าเรืองออกมาสีเขียวๆ เป็นทรงกระบอกขนาดพอๆกับแทงค์น้ำมันสองชุด มีจุดแหลมๆทรงกรวยแตะกันตรงกลางต่างก็หมุนไปคนละทิศทางด้วยความเร็ว แถมมีใบหน้าคนที่พูดได้ขนาดใหญ่มากอยู่ในนั้นด้วย...ในฝันรู้สึกว่าตื่นเต้นมากเหมือนมีพลังอะไรมากระแทกที่หัวด้วย ยังฝันอีกยาวแต่เล่าเท่านี้ดีกว่า ไว้เป็นพล็อตเรื่องสนุกๆได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2008
  4. brotherpray

    brotherpray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +177
    ทำไม่จึงไม่ทำหนังสือขายหละครับ แล้วคนอินเตอร์เน็ตไม่ถึงหละครับ ผมยังหาหนังสือไม่ได้เลย อยากได้จริงๆเลยครับ
    lds.thai@yahoo.com
     
  5. amsomegal

    amsomegal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    วันนี้มาแนะนำหนังที่สนับสนุน ความจริงที่ว่าความเชื่อและความฝันก่อเกิดทุกอย่าง ของพวกเราชาวห้องวิทย์ค่ะ

    what dreams may come

    เรื่องย่อๆว่า ชายผู้นึงได้ตายไปแล้ว และก่อนตายเขามองวาดภาพถึงสวรรค์ ในแบบของเขาที่อยู่ในห้องลูกสาวทุกวัน และเมื่อเขาตายไป เขาก็ได้เข้าไปอยู่ในที่นั้นจริงๆ และในหนังยังได้อธิบายไว้ตลอดว่า นรก และสวรรค์ เราคือผู้เลือกที่จะเชื่อ ว่าจะไปที่ไหนถ้าใครติดภาพสวรรค์ ก็จะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าใครติดภาพนรกก็จะได้ไปนรก และในหนังนี่ เวลาพระเอกเดินทาง ก็เหมือนที่พี่นักเขียนได้บอกพวกเราไว้เลยค่ะ ว่าสำหรับจิตวิญญาณแล้ว เวลาไม่มีจริง เช่นเดียวกับตัวเอกในเรื่องที่ไม่ว่าจะไปไหน เขาก็เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น


    อาจจะบอกเนื้อเรื่องได้ไม่ละเอียดแต่คร่าวๆ ว่า หนังเรื่องนี้สร้างมาตรงกับธรรมชาติของจิตที่เชื่อ และความฝัน ที่พี่นักเขียนบอกพวกเราเลยค่ะ
     
  6. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    วันก่อนลองตั้งจิตขอติดต่อสื่อสารกับตัวตนต่างชาติภพที่มีทักษะความรู้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีนเสมือนภาษาของตัว เพื่อขอถ่ายทอดความรู้ความสามารถมาสู่ตัวตนในชาติภพปัจจุบันดู ปรากฏว่าฝันว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาวะแวดล้อมเหมือนเป็นโรงเรียนแบบจีน ๆ มีอาคารแบบจีนสมัยเก่าอยู่บนเนินเขา บุคคลรอบข้างก็เต็มไปด้วยอาตี๋อาหมวยเต็มไปหมด ในความฝันพวกเรารู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเองมาก โบกไม้โบกมือตะโกนทักทายกันอย่างมีความสุข จำได้ว่าเราได้เดินลงบันไดกว้าง ๆ ความรู้สึกเหมือนเราก็เป็นนักเรียนคนหนึ่งด้วยแหล่ะ..

    แล้วฉากก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งสนทนากับผู้หญิงคนหนึ่ง ซอยผมสั้นหน้าตาดูเป็นชาวจีน จำได้ว่าเราพูดคุยกันเหมือนเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันมานานแสนนาน แล้วเราก็เอ่ยปากชวนเค้าเรียนต่อปริญญาโทด้วยกัน แต่เค้ากลับทำหน้างง ๆ ว่า อ้าว.. เรายังไม่ได้เรียนอีกเหรอ.. แต่พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลับรู้สึกว่าผู้หญิงที่เรานั่งคุยด้วยนั้นเราเหมือนเป็นคน ๆ เดียวกับเราเลย แปลกจัง..

    เสียอยู่อย่างว่าทำมัยเราถึงสนทนากันด้วยภาษาไทยก็ม่ายรู้ เลยไม่ได้ฝึกภาษาจีนเหมือนคุณ Veggie เรยยย.. รึจะเป็นเพราะว่าเราตั้งจิตขอทีเดียว 2 ภาษาเลย จึงทำให้สับสนไปรึปล่าว ประมาณว่าจะเอาภาษาอะไรกันแน่.. รึจะต้องขอทีละภาษารึปล่าวก็ม่ายรู้.. เอาใหม่ขอไปทำการบ้านต่อดีกว่า

    เกือบลืมไปค่ะ.. อยากจะถามพี่นักเขียนว่าเวลาตั้งจิตจะขอฝันนี่เราสามารถจะกำหนดจิตไว้ที่อื่นได้มั้ยคะนอกจากหน้าผาก เพราะเวลากำหนดตรงนี้นาน ๆ แล้วจะรู้สึกปวดหน้าผากมากเลยค่ะ..[Embarrass
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความฝันกับการถ่ายทอดความรู้-ทักษะ

    ทั้งคุณ VeggieGuy และคุณน้องขจรวรรณ ประสพความสำเร็จในการก้าวล่วงไปสู่ชาติภพที่ตนเองต้องการเผชิญกับตัวตนที่เก่งภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาจีน หรือใช้ภาษาที่เราต้องการเรียนรู้ แต่เมื่อตื่นขึ้นกลับรู้สึกว่าไม่ได้รับถ่ายทอดอะไรมา และรู้สึกว่าการจะกลับไปสู่ความฝันนั้นๆซ้ำอีก เป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้

    ก่อนอื่นพี่นักเขียนต้องขอบอกว่า การฝันซ้ำ หรือกลับไปสู่ประสบการณ์ในความฝันที่เคยเผชิญมาแล้ว-ซ้ำอีก เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ กำหนดได้ และต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นไปได้ก่อน หากเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    คุณ zip กล่าวถึงความฝันที่ทำให้ตระหนักว่า ตนเองเคยไปที่นั่นมาแล้ว พวกเราหลายคนก็เคยเผชิญกับความรู้สึกเช่นนั้น แต่เรากลับไม่เชื่อว่้า เราจะกลับไปสู่ความฝันหนึ่งๆได้ เช่นเดียวกับที่เราจะกลับไปร้านอาหารหัวมุมถนนที่เราติดใจได้ เพราะความฝันจับต้องไม่ได้ และสลายตัวไปเมื่อเราตื่นขึ้น แต่หากเรามีความเชื่อว่า โลกแห่งความฝันเป็นจริงไม่น้อยกว่าโลกยามตื่น สภาพแวดล้อมหรือสถานที่ในความฝันหนึ่งๆ นอกจากจะเป็นจริงไม่น้อยไปกว่าร้านอาหารหัวมุมถนนที่เราเคยไปมาหนหนึ่งแล้ว เราสามารถกลับไปได้อีก หากเราปรารถนาและตั้งใจไป

    สิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจคือ โลกของความฝันเป็นโลกที่ผันแปรไปตลอดวันเวลาด้วย อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ไม่ต่างไปจากโลกทางกายภาพ ต่างกันตรงที่ว่า โลกทางกายภาพใช้เวลายาวนานกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผันแปรไปตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เช่น สถาปนิกเกิดอารมณ์สุนทรีย์ที่อยากจะสร้างสรรค์หมู่บ้านจัดสรรอันร่มรื่น ริมสนามกอล์ฟ เขาจินตนาการสระบัวขนาดใหญ่ที่มีน้ำพุซึ่งกระเซ็นซ่าน และเขามีความรู้สึกว่านึกคิดว่า หมุ่บ้านดังกล่าวจะเป็นศูนย์รวมของการสันทนาการ เช่น กีฬา นานาชนิด ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นไปในโลกทางกายภาพซึ่งอาจใช้เวลายาวนานหลายปี

    แต่ในโลกของความฝัน อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดก่อเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างฉับพลัน เพียงแค่คิดก็เกิดขึ้นทันที ดังนั้นการที่เราคิดว่า เราจะกลับไปสู่สภาพแวดล้อมในความฝัน-ที่เดิม-ซ้ำอีก เราจะต้องตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงที่ว่า ภาวะจิตมีการเคลื่อนไหวสูง รวดเร็ว ปราศจากกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างในความฝันจึงแปลงสภาวะไปอย่างรวดเร็วและไม่อยู่คงที่เช่นในโลกทางกายภาพ

    คำว่า-ฝันซ้ำ หรือกลับไปยังสภาพแวดล้อมในความฝัน-สภาพแวดล้อมเดิมที่เคยไปมาแล้วนั้น ย่อมไม่ได้หมายถึงสภาวะทางกายภาพที่เหมือนเดิม แต่หมายถึงการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้ายคลึงกับ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เราเคยจดจ่อ หรือกลับไปสู่ความรู้สึกเดิม ที่คล้ายคลึงกับที่เคยรู้สึกหรือสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก

    ทั้งคุณ VeggieGuy และคุณน้องขจรวรรณ สามารถตั้งจิตของเผชิญกับตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่พูดภาษาที่เราต้องการได้สำเร็จแล้ว หากต้องการกลับไปยังความฝันเช่นนั้นอีก ต้องไม่คาดหวังว่าจะกลับไปสู่สถานที่เดิมหรือเผชิญกับบุคคลตัวตนเดิม แต่ให้ตั้งจิตด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเช่นเดิม คือ ขอเผชิญกับตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่พูดภาษาที่เราต้องการได้เป็นภาษาตัว หรือขอเผชิญกับบุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่มีความรู้-ทักษะ -หรือความเป็นไปได้อื่นๆที่เราปรารถนา เพราะแม้บุคคลตัวตนหรือรูปกายทั้งหลายก็แปลงสภาวะเสมอไปไม่คงที่ในความฝัน

    สภาพแวดล้อมในความฝันย่อมจะไม่เหมือนเดิม แต่หากจิตวิญญาณจะระลึกได้ว่า มันเผชิญกับภาวะจิตที่เคยเผชิญมาแล้ว เราก?็จะรู้สึกเสมือนว่าเคยไปที่นั่นมาแล้ว แต่หากเราพยายามมองหาสัญญลักษณ์ทางกายภาพ เช่น อาคารสถานที่หรือบุคคล เราจะหามันไม่พบ เราต้องมองหาด้วยความรู้สึก เราจึงจะรู้สึกได้ว่า เคยไปมาแล้ว หรือหาพบแล้ว เพราะโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของความฝัน คือ ภาวะจิตของเรา

    เมื่อเผชิญกับตัวตนในความฝันที่เขามีความรู้ ความสามารถ หรือทักษะที่เราปรารถนา การถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความสามารถจากตัวตนเหล่านั้น มาสู่ตัวตนยามตื่นของเราเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยความรู้ในระดับสติสัมชปัญญะ ซึ่งหมายถึงการรู้และการตระหนักได้ในธรรมชาติความเป็นจริงด้วยสติสัมปชัญญะที่ตื่นตัวในความฝันว่า เราคือเขา เขาคือเรา

    คำว่าถ่ายทอดข้อมูลความรู้และทักษะ แทบจะปราศจากความหมาย เพราะคำว่าถ่ายทอดเป็นคำจำกัดความที่เรามักใช้ในโลกทางกายภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการย้ายหรือผ่องถ่ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ระยะทางและกาลเวลา แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิตินั้นปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา การถ่ายทอดข้อมูลความรู้และทักษะทั้งหลาย เป็นไปอย่างฉับพลันด้วยการตระหนักได้ด้วยสติสัมปชัญญะอันตื่นตัวว่า เราคือเขา เขาคือเรา ข้อมูลความรู้และทักษะของเขา คือ ข้อมูลความรู้และทักษะของเรา

    หากเราตระหนักในความเป็นจริงข้อนี้ได้ในความฝัน ณ จุดนั้น ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า การถ่ายทอดข้อมูลความรู้และทักษะ-ก็จะเกิดขึ้นในความฝันอย่างฉับพลัน-เป็นอัตโนมัติ หากเราตระหนักไม่ได้ ความไม่รู้จักในธรรมชาติความเป็นจริงที่ว่า เราคือเขา เขาคือเรา จะขวางกั้นการถ่ายทอด หรือทำให้การรวมเป็นหนึ่งเดียวไม่เกิดขึ้น และ การแบ่งแยกตัวตนจะดำเนินต่อไป ข้อมูลความรู้และทักษะของเขา คือ ของเขา ข้อมูลความรู้และทักษะของเรา คือ ของเรา

    หากเราตระหนักได้ด้วยสติสัมปชัญญะอันตื่นตัวในความฝันว่า เราคือเขา เขาคือเรา ข้อมูลความรู้และทักษะของเขา จะกลายเป็น ข้อมูลความรู้และทักษะของเรา โดยอัตโนมัติ แต่เนื่องจากว่า ภาวะจิตของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อจากโลกของความฝันกลับมาสู่โลกยามตื่น มันจึงยังถูกขวางกั้นด้วยช่องว่างและกาลเวลาต่อไป ทำให้สิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาแล้วนั้นซ่อนเร้น และต้องใช้เวลาอีกที่จะขึ้นมาสู่พื้นผิวของสติสัมปชัญญะ

    การเหนี่ยวนำให้ข้อมูลความรู้และทักษะที่เราถ่ายทอดขึ้นมาสู่พื้นผิวของสติสัมปชัญญะ ทำได้ดังนี้คือ เมื่อเราตื่นขึ้น เราต้องเริ่มเรียนทักษะหรือข้อมูลความรู้ที่เราปรารถนาอย่างจดจ่อ สิ่งที่เรารับถ่ายทอดมาจากความฝันจะผุดขึ้นมา หรือหลั่งไหลออกมาจากส่วนลึกของสติสัมปชัญญะ สู่พื้นผิวของสติสัมปชัญญะที่ทำให้ใช้การได้เป็นปัจจุบัน ทำให้การเรียนรู้ทั้งหมดร่นเวลาลงได้อย่างเหลือเชื่อ บางสิ่งบางอย่างอาจทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียนเลย คือตื่นขึ้นมาก็มีความพร้อมที่จะทำได้ แต่อาจต้องอาศัยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ถนัดตามที่บุคคลตัวตนในความฝันนั้นๆคุ้นเคย

    พี่นักเขียนเคยเล่าให้ฟังว่า :
    - เคยฝันเพื่อขอถ่ายทอดทักษะในการใช้ trimmer ตัดผมผู้ชายมาจากตัวตนที่เป็นช่างตัดผม แต่เมื่อตื่นขึ้นต้องไปหา trimmer ที่เหมาะมือเหมือนในความฝันมาใช้จึงทำได้

    - เคยฝันขอถ่ายทอดทักษะจากตัวตนที่เป็นจิตกรมา เมื่อตื่นขึ้นก็ต้องหา medium และพู่กันที่ถนัดมือเหมือนในความฝันมาใช้จึงวาดภาพระบายสีิได้โดยไม่ต้องหัด ได้อุปกรณ์ถนัดมือมา จับแล้วจำได้ เหมือนมีทักษะที่ถนัดมือ ลงมือทำก็ทำได้ทันที

    - เคยฝันขอถ่ายทอดทักษะจากตัวตนที่ว่ายน้ำเก่งมา เมื่อตื่นขึ้นก็ต้องไปหาที่อุดหูและแว่นตากันน้ำ (goggle) ที่ใช้การได้เหมือนในความฝันมาใส่ ว่ายท่าที่ตัวตนในความฝันถนันคือ freestyle ก็ว่ายได้ทันที และพัฒนาจากว่ายได้เพียง 12 เมตรในวันแรก เป็นว่ายได้ 1,000 เมตร ต่อเนื่องในเวลาเพียงเดือนเดียว

    ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องเข้าใจและตระหนักได้ในระดับจิตสำนึกเสียก่อน เมื่อเราเผชิญกับบุคคลตัวตนในความฝัน ความรู้ที่เรามีในสติสัมปชัญญะ จะปรากฏในความฝัน ทำให้เราตื่นขึ้นในความฝันนั้น และสามารถรับเอาข้อมูลความรู้และทักษะทั้งหมดจากบุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้้ตัวตนอื่นๆ มาสู่ตัวตนยามตื่นของเรา

    คุณน้องขจรวรรณจะใช้จุดใดเป็นจุดจดจ่อก็ได้ทั้งสิ้น เช่น ลมหายใจ หรือจะจินตนาการสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นเป็นจุดจดจ่อก็ได้ ในโลกของความฝัน ปราศจากภาษา ทุกภาษาคือภาษาตัว ดังนั้นแม้จะฝันจะเรียนภาษาต่างประเทศ ก็ปราศจากความหมาย เพราะการสื่อสารที่แท้จริงในความฝันปราศจากภาษา แต่เป็นไปด้วยจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณโดยตรง(rose)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความฝันกับการรับสาร

    พี่นักเขียนไม่ใช่หมอดู และไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการอ่านบุคลิกภาพของใครๆได้จากชื่อ แต่หากได้รับการขอจากผู้ใด พี่นักเขียนจะรับถ่ายทอดข้อมูลที่ต้องการให้กับผู้ที่ขอได้เสมอๆจากความฝัน และไม่เคยปฏิเสธที่จะฝันเพื่อรับถ่ายทอดข้อมูลให้ใครแม้แต่รายเดียว หากคำขอของเขาไม่ได้เป็นไปเพื่อการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นหรือแอบแฝงด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่น ด้วยความโลภ เป็นต้น หากการขอรับสารเป็นไปด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ผู้รับสารมักนำเอาข้อมูลที่ได้รับไปตีความหมายผิดเพี้ยนไปโดยปริยาย ซึ่งมักจะก่อให้เกิดโทษต่อตนเอง ด้วยการตกเป็นเหยื่อความโลภของตนเอง

    คำขอของคุณน้องปูเป้ เป็นคำขอครั้งแรกจากสมาชิกในห้องวิทยฯ ซึ่งเป็นคำขอสั้นๆ ตรงไปตรงมา ปราศจากพิษภัยต่อผู้ใด จึงเป็นสารที่พี่นักเขียนยินดีจะฝันเพื่อรับมาส่งให้ยามตื่นโดยปราศจากข้อแม้ และหวังว่าพวกเราจะเข้าใจได้ในประเด็นเดียวกับคุณน้องปูเป้ว่า พี่นักเขียนรับสารจากความฝันเพียงเพื่อแสดงเป็นตัวอย่าง หรือตอกย้ำให้พวกเราเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด และเราทุกคนทำได้

    คำขอให้ฝันอื่นๆมาจากนอกห้องวิทย์ฯ ผ่านคนรู้จัก ปากต่อปาก หรือมาจากคนแปลกหน้าโดยตรง ด้วยความบังเอิญอันมีความหมาย หากไม่ได้รับการขอให้ฝันให้ พี่นักเขียนจะไม่เคยฝันเพื่อรับสารเกี่ยวกับผู้ใดด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนตน แต่หากรับสาร-รู้เห็นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขอให้ฝันให้ พี่นักเขียนจะตระหนักว่า ตนเองมีหน้าที่ส่งสารให้เขาเพื่อหยิบยื่นโอกาสที่จะเปลี่ยนความเชื่อ พลิกผันชีวิต หรือ ยับยั้งการกระทำบางอย่างที่จะให้โทษระยะยาวตลอดชีวิตแก่เขา แต่ในกรณีดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพี่นักเขียน แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลโดยตรง หากเขาปราศจากศรัทธาในสารที่ได้รับ และยังคงปรารถนาที่จะยึดถือความเชื่อเดิม และกระทำการในทิศทางเดิมต่อไป เขาก็ต้องเผชิญกับปัญหาระยะยาวตลอดชีวิตด้วยการเลือกของตนเอง แต่ไม่ว่าพี่นักเขียนจะรับสารมาด้วยการขอ หรือไม่ได้ขอ การส่งสารมักเป็นไปโดยที่พี่นักเขียนไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อไป-เพื่อส่งสาร กล่าวคือ เจ้าของสารจะติดต่อเข้ามาเองเสมอ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

    บ่อยครั้ง พี่นักเขียนจะฝันและรับข้อมูลที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของใครบางคน แม้กระทั่งคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักหรือไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน หลังจากฝันและรับข้อมูลมาแล้วไม่นานเกินรอ-เจ้าตัวมักจะก้าวเข้ามาในชีวิตด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเสมอ เพื่อรับสารของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวพันกับกาลเวลา มีเส้นตาย มีวันที่สำคัญ เจ้าของสารมักติดต่อเข้ามาก่อนวันที่ที่กำหนดทุกครั้ง แม้จะเป็นเพียง 1 วันก่อนกำหนดที่ได้จากความฝันก็ตาม ซึ่งทำให้สารนั้นถึงมือผู้รับทันการเสมอ

    หลายๆคนอาจเรียกการรับสารจากความฝันว่า เป็นการอ่านจิต การรู้การณ์ล่วงหน้า หรือ การใช้ญาณ หรืออะไรอื่นๆ ด้วยคำนิยามและคำจำกัดความต่างๆกัน

    เหตุที่พี่นักเขียนเรียกกระบวนการทั้งหมดนี้ว่า การรับสารยามฝัน เพราะพี่นักเขียนมีความเชื่อในคำสอนของท่่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า จิตวิญญาณ คือ ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ?์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    สิ่งที่คนจำนวนมากเรียกว่า การอ่านจิต การรู้การณ์ล่วงหน้า หรือ การใช้ญาณ ฯลฯ สำหรับพี่นักเขียนแล้ว ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนไปกว่า การรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ด้วย อารมณ?์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด หรือรับข้อมูลความรู้ หรือที่พี่นักเขียนเรียกสั้นๆว่า รับสาร จากจิตวิญญาณ สู่ จิตวิญญาณ โดยตรงในความฝัน

    โลกแห่งความฝันเป็นโลกที่ปราศจากเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา และการปราศจากเครื่องพรางทั้งหมด ทำให้ปราศจากสิ่งที่เราแทบจะจินตนาการไม่ได้ อันได้แก่ การปราศจากตัวตน เรา-เขา แต่ถ้าหากเราปราศจากความรู้ว่า โลกแห่งความฝันปราศจากเครื่องพรางในระดับจิตสำนึก เราจะไม่สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ได้ด้วยสติสัมปชัญญะในความฝัน เราจะเผชิญโลกของความฝันเสมือนว่ามันยังคงมีเครื่องพราง และจำกัดการรู้เห็นของตนเองเสมือนว่า ทุกสิ่งที่เรารู้เห็นในความฝันนั้น ถูกรู้เห็นผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ทำให้ข้อมูลความรู้อื่นๆ ที่เรารู้ได้ เห็นได้ รับได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหก เล็ดรอดสติสัมปชัญญะของเราไป เมื่อตื่นขึ้นข้อมูลทั้งหมดจึงเหลือเพียงสามมิติ และสาระหลากมิติอันสำคัญยิ่งก็หายสาบสูญไปอย่างน่าเสียดาย

    เมื่อกาลเวลาเป็นหนึ่งเดียว โลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดจะปราศจากอดีต อนาคต มีแต่ปัจจุบัน เส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลายเป็นอนันต์จะเชื่อมต่อกันหมดโดยปราศจากรอยต่อ การรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในความฝัน เสมือน รู้เห็นตนเอง หรือรู้เห็นสภาพแวดล้อมผ่านดวงตาและทัศนคติของบุคคลตัวตนอื่นๆ

    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการรับสารในความฝัน มาส่งให้กับเจ้าของยามตื่น เป็นเรืิ่องราวที่พี่นักเขียนไม่เคยนำมาประมวลเป็นหนังสือมาก่อน เพราะล้วนเป็นเรื่องราวส่วนบุคคลที่ต้องเคารพในความเป็นส่วนตัวของเจ้าของสาร และจำเป็นจะต้องนำมาเรียบเรียงใหม่เพื่อปกปิดข้อมูลส่วนตัวหลายส่วนด้วยกัน ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่า เป็นความลับส่วนตัว ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดล่วงรู้ และเกี่ยวกับความเป็น-ความตาย หรือการส่งผลกระทบตลอดชีวิตจากการกระทำหรือการเลือกตัดสินใจบางอย่าง ซึ่งเป็นจุดผกผันที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของผู้รับสาร หากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง หรือนำเสนอเป็นบทความ จำเป็นต้องเรียบเรียงใหม่และตัดทอนหรือเปลี่ยนข้อมูลหลายส่วนเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ให้ได้ทั้งหมด

    พี่นักเขียนกำลังทำการประมวลเพื่อนำมาเขียนเป็น eBook ชื่อ รับสารยามฝัน-ส่งสารยามตื่น เหตุที่ต้องการทำเป็น eBook เพราะประสบการณ์เหล่านี้ดำเนินมายาวนานกว่าสิบปี และจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยหน้าที่ที่พี่นักเขียนเลือก เรียกได้ว่า เป็นหนังสือที่ไม่มีบทสุดท้าย จึงไม่มีความคิดที่จะตีพิมพ์เป็นหนังสือที่มีบทสุดท้ายตายตัว ไม่ว่าจะกลายเป็นกี่เล่มก็ตาม แต่จะเป็น eBook เพียงหนึ่งเล่ม-ที่เติบโตไปตามกาลเวลา พร้อมๆกับการเรียนรู้ การตั้งคำถาม การแสวงหาคำตอบของพวกเราที่ฝึกฝนร่วมกัน โดยใช้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง เพราะพี่นักเขียนไม่สามารถจะหาตำราอื่นๆที่สอนเกี่ยวกับการรับสารยามฝัน-ส่งสารยามตื่นได้จากแหล่งใด

    ผู้รับสารหลายท่าน กลายเป็นเพื่อนรัก เป็นญาติพี่น้อง ของพี่นักเขียนไปโดยปริยาย นับแต่วันส่งสาร ด้วยความเข้าใจ ความกระจ่างและความปรารถนาที่จะแสวงหาคำตอบจากสารที่พี่นักเขียนนำมาส่ง และหลายท่านก็ได้คำตอบที่ต้องการ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ได้พบความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง ได้เรียนรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงของตนเอง และที่สำคัญที่สุดคือ ได้ตระหนักในพลังอำนาจตามธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณของตนเอง และตระหนักว่าเขาควรจะเรียนรู้สิ่งใด และพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองต่อไปในทิศทางใด และแก้ไขปัญหาของตนเอง ด้วยการนำพลังอำนาจแห่งจิตวิญญาณของตนเองไปใช้ในทิศทางที่เกิดประโยชน์สุขแก่ตนเองได้อย่างไร

    ในทางตรงกันข้ามผู้รับสารอีกหลายคน หายสาบสูญไปพร้อมกับข้อมูลของเขา เสมือนผู้เดินทางโดยอาศัยเรือจ้าง ข้ามแม่น้ำแห่งกระแสจิตวิญญาณอันเชี่ยวกรากไปด้วยความเชื่อในแง่ลบ เมื่อขึ้นฝั่งแล้วก็ไม่ปรารถนาจะหันหลังกลับมามองเรือจ้างและแม่น้ำสายนี้อีกด้วยความกลัว แม้เขาจะมีความสงสัยมากมาย แต่ก็ไม่กล้าแม้กระทั่งจะตั้งคำถามกับพี่นักเขียนผู้เปรียบเสมือนเรือจ้างว่า เรือจ้างนั้นพาเขาข้ามแม่น้ำอันเชี่ยวกรากนั้นได้อย่างไร? เขามักจะกลั้นใจเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง ด้วยความหวังว่า แม่น้ำอันเชี่ยวกรากสายนี้ คงจะเป็นเพียงสายเดียวที่เขาต้องเผชิญ

    แม้ว่าหลายคนจะไม่แสวงหาคำตอบต่อไปด้วยตนเอง แต่อย่างน้อยที่สุดพี่นักเขียนก็เชื่อว่า ข้อมูลหรือสารที่เขารับไป จะนำพาให้เขาไปสู่เป้าหมายของการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ เปลี่ยนใจเลือกหรือตัดสินใจทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้ไม่มากก็น้อย แทนที่จะทำการในทิศทางที่อาจนำเขาไปสู่ปัญหาชีวิตระยะยาว

    กฏหลักที่เป็นรหัสผ่านของการรับรู้ข้อมูลทั้งหลาย จากต้นกำเนิดของจักรวาล เป็นกฏหลักและรหัสที่ตรงไปตรงมา ปราศจากความลี้ลับ และเป็นกฏหลักที่ทุกคนทำตามได้ไม่ยาก ถอดรหัสได้ไม่ยาก หากมีเจตนาที่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะพัฒนาตนเอง และทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่ใช่ปรารถนาที่จะเอาชนะผู้อื่นหรือหาประโยชน์สุขให้ตนเองแต่ถ่ายเดียว

    ประเด็นสำคัญที่ท่านอาจารย์อนาลัยปรารถนาให้เราทั้งหลายตระหนักได้ คือ การรู้จักตนเอง ซึ่งหมายถึงการรู้จักว่า แก่นแท้ของเราทั้งหลายคือจิตวิญญาณ และเราสามารถที่จะใช้ความสามารถตามธรรมชาติของจิตวิญญาณได้เสมอ ณ วันนี้-เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องรอคอยให้ร่างกายเนื้อหนังของเราถึงแก่ความตาย หรือรอคอยให้เราปราศจากร่างกายเนื้อหนัง

    หลังจาก course สมาธิเบื้องต้น และการกำหนดจิตเพื่อฝัน เราก็มี course วาดภาพเหมือนที่พวกเราหลายคน master ไปแล้วด้วยการใช้สมองซีกขวาได้อย่างช่ำชอง ก็มาถึงการจดจำความฝัน

    คุณ VeggieGuy คุณหลานลูกเกด เริ่มใช้ความฝันเป็นเส้นทางที่จะรับถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จะเรียนภาษาอังกฤษ คุณน้องขจรวรรณเริ่มใช้ความฝันเป็นเส้นทางที่จะรับถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จะเรียนภาษาอังกฤษกับภาษาจีน คุณน้อง jintawadee ก้าวไกลสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ด้วยประสบการณ์ความฝัน และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจีนทาร่อน คุณ zip คุณ Mead เริ่มจดจำความฝันได้ในรายละเอียด และเข้าใจหรือถอดความหมายได้ด้วยตนเอง

    พวกเราหลายคนนอกจากจะเริ่มจดบันทึกความฝัน ให้ความสำคัญกับความฝัน และเริ่มใช้ความฝันเป็นเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายต่างๆ เพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของตนเองกันแล้ว ยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า-เราทุกคนทำได้ เพราะหากปราศจากความสนใจ ความปรารถนา และความเชื่อมั่นที่จะใช้ความฝันเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ แม้พี่นักเขียนจะถ่ายทอดวิธีการใดๆให้ มากมายเพียงใด มันก็คงปราศจากความหมาย ความฝันทุกคืนยามของเราก็คงท่วมไปด้วยข้อมูลไม่ได้นำมาใช้ หรือใช้การไม่ได้ต่อไปมากมายอย่างน่าเสียดาย(rose)
     
  9. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    ลงได้ 3 เล่มแล้วหรอครับเนี่ย อิอิ ใครยังไม่ได้อ่านก็อ่านซะนะครับ โดยส่วนตัวผมแล้วยังขาดจิตวิญญาณประสานกาย กับอมตะแห่งจิตวิญญาณทั้งสองเล่ม ที่ยังไม่ได้อ่านครับ
     
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พี่นักเขียนครับ ความฝันที่ไปพบเจอสถานที่ที่เคยเจอมาแล้วนั้น ผมก็ไม่ทราบว่าตอนนั้นสภาวะจิตเป็นอย่างไรถึงจะไปที่นั่นได้ เพราะว่าตอนจะหลับก็ไม่ได้จดจ่อกับความคิดอะไรมาก หรือสติอาจจะไม่มากพอที่จะจำได้ สถานที่ที่จำได้ว่าเคยไปมาแล้วมากกว่า 1 ครั้งก็มี

    - สถานที่ที่เป็นเหมือนโรงเรียนประถม มารวมกับสถานที่ในมหาวิทยาลัย คือ สถานที่ตั้งเป็นโรงเรียนประถมที่เคยเรียนตอนเด็ก แต่ในห้องเรียนเป็นสภาพห้องเรียนในมหาวิทยาลัย มีห้องนึงเหมือนเป็นห้องสำหรับเล่น ในห้องนั้นจะมีพื้นที่มีแสงไฟสว่างขึ้นมาเป็นบล็อคๆ ตามบล็อคของพื้น ตอนที่ฝันครั้งแรกก็เล่นไม่เป็น ตอนที่ฝันครั้งที่สองก็มีคนมาสอน ในฝันก็เหมือนว่าเข้าใจแล้วว่าเล่นอย่างไร แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว ตรงข้ามโรงเรียนจะมีโบสถ์คริสต์อยู่ จำได้ว่าเคยมาร่วมงานแต่งงานที่นี่ เห็นรถแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นรถเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือเปล่าประดับด้วยผลไม้จนรถสูงเกือบๆ สายไฟฟ้า ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าเป็นผลไม้นะ แต่ตอนนั้นในฝันมองดูรถไกลๆ ยามโพล้เพล้ๆ

    - สถานที่ที่เป็นเหมือนห้องเรียนลอยฟ้าอย่างที่เคยเล่าไป วิธีขึนไปเรียนต้องใช้วิธีพิเศษอะไรซักอย่าง และสอนอะไรนั้นก็จำไม่ได้แล้ว

    - สถานที่ที่เป็นเหมือนห้าง เป็นตึกที่ใหญ่มีแบ่งเป็นโซนสำหรับเล่น บางโซนตบแต่งเหมือนยุคคาวบอย บางโซนก็ทำให้มืดหน่อย เพื่ออะไรซักอย่างก็จำไม่ได้

    - ปราสาทแบบยุโรป ข้างในปริศนาให้แก้ ฝันครั้งที่สองจำได้ว่าครั้งแรกทำอะไรไปเลยแก้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว


    มีคำถามขอถามพี่นักเขียนครับ ในหนังสืออมตะของจิตวิญญาณภาคต้น มีเขียนว่าคนบางคนอย่างพี่นักเขียน ในยามฝันจะทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ หน้าที่นี้รับมาทำก่อนที่จะเกิดมา หรือว่ารับมาทำภายหลังครับ แล้วถ้ารับมาทำภายหลังจากที่เกิดมาแล้ว มีสาเหตุอะไรที่จะทำหน้าที่นี้ มีคน(จิตวิญญาณ)เลือก, มีคน(จิตวิญญาณ)เรียกให้มาช่วย หรือว่าตัดสินใจที่จะทำเอง อาจจะเช่นว่าเห็นคนได้รับทุกข์ลำบาก ก็อยากจะช่วย ยามฝันจิตวิญญาณก็ออกไปช่วยเหลือคนที่ได้รับทุกข์ลำบากตามที่ยามตื่นตั้งจิตไว้ หรือว่าเป็นการตัดสินใจในยามฝันเอง คืออาจจะไม่ได้รับหน้าที่จะมาทำตั้งแต่แรกก่อนที่จะเกิดมา แต่ว่าด้วยความที่ว่าในฝันเป็นอีกโลกนึง ในอีกโลกจิตวิญญาณก็มีประสบการณ์อีกแบบกับโลกยามตื่น ได้ไปเจอเหตุการณ์นึง จิตวิญญาณก็เลยตั้งใจว่าจะไปช่วยโดยทำหน้าที่นี้

    แล้วเราจะรู้ตัวหรือเปล่าครับว่าเราทำหน้าที่บางอย่างอยู่ในฝัน หรือว่าก็เหมือนกับว่าเป็นความฝันธรรมดา โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าในฝันเราไปทำหน้าที่
     
  11. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728

    จิตวิญญาณประสานกาย พี่จินต์มี เอาไหม
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณพี่นักเขียนมากค่ะที่ช่วยขยายความการถ่ายทอดทักษะความสามารถจากตัวตนต่างชาติภพ จะลองไปฝึกฝนต่อไปค่ะ..

    คุณ Zip ถามคำถามที่ตรงกับใจพอดีเลยค่ะ คือมีคนเคยทักขจรวรรณว่าในช่วงที่เรานอนหลับ จิตวิญญาณของเราเริ่มที่จะออกไปช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว แต่ตัวเองกลับจำไม่ได้ว่าเราออกไปที่ไหน? เมื่อไหร่? อย่างไร? ทำงัยดี?
    (tm-love) (tm-love) (tm-love)
     
  13. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    สวัสดีครับพี่นักเขียน ขอถามพี่นักเขียนว่า

    1 จิตวิญญาณเริ่มแรกของชีวิตมาจากไหนครับ
    บางศาสนาบอกว่า มาจากพระเจ้า สร้างจิตวิญญาณขึ้นมา
    อยากทราบต้นกำเนิด สภาวะจิตวิญญาณเริ่มต้นนั้นเป็นเช่นไร
    เคยฟังผู้รู้บอกว่า ชีวิตเรามาจากพระเจ้า
    เคยเป็นจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์แต่ต้องมาเล่นละคร
    เพื่อค้นหาตนเองให้เจอ เพื่อกลับไปสู่ที่เดิม จะถูกหรือไม่ครับ

    2 แล้วจุดหมายปลายทางของชีวิต คือการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้แล้ว
    ความรู้ขั้นสูงสุดจนไม่ต้องศึกษาอะไรเพิ่มเติมอีก สภาวะนั้นจะเป็นเช่นไรครับ
    จะเป็น สภาวะที่นิ่ง สุข สงบอยู่เช่นนั้น หรือยังต้องมีหน้าที่ต่างๆต้องดำเนินอีกครับแล้วขะกลับมายังโลกนี้อีกได้หรือไม่ครับ

    3คนที่มีองค์ มีเทพคุ้มครองตามที่เคยพูดๆกันมา
    เทพนั้นคือจิตวิญญาณรวมสากลของคนนั้นใช่หรือไม่ครับ

    รบกวนพี่นักเขียนเท่านี้นะครับ ขอบคุณครับ
     
  14. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    เดี๋ยวถ้ามีโอกาสยืมจะขอยืมอีกที ช่วงนี้ไม่ค่อยวางเลยต้องไปต่างจังหวัด กว่าจะได้กลับมาหอที่กรุงเทพก็เดือนหน้าอ่ะครับถ้ามีโอกาสจะยืมนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  15. จีนทาร่อน

    จีนทาร่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +2
    ยังอ่านหนังสือ ของพี่จินต์ จบเลย ถ้าอ่านจบแล้วจะส่งคืนนะคับ อ่านวันละนิดหนะ คับ เลย ช้าหน่อย คับ
    ทุกท่าน ว่าหมัยคับ เดี๋ยวนี้ภัยธรรมชาติ หน้ากลัวจังเลยนะคับ น่าสงสารคนที่พม่ามายเลยแค่ดูข่าวในทีวีก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าโสกของคนนับแสนมองดู ศพนี้เกลื่ยนเมืองไม่มีแม้กระทั่งคนทำพิธีทางศาสนา ไหนจะคนอดอยาก คนไร้ที่อยู่อีกนับล้าน เศร้าใจจัง น่าสงสาร เหตุการณ์ เขย่าขวัญชาวโลกที่พม่ายังไม่ทันบรรเทา ธรรมชาติก็ปล่อยพลังจู่โจมแผนดินไหวที่จีนอีก คนตายนับหมื่น นี้ยังไม่นับ พายุที่ถลุม อเมริกา ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเองนะครับ ขอให้พวกเราทุกคน ส่งกำลังใจและตั้งจิตอธิฐานให้คนที่กำลังร่ำไห และ กำลังทุกข์กาย ทุกข์ใจ ในตอนนี้ได้รับการบรรเทาโดยเร็วด้วยนะคับ น่าสงสาร อย่างน้อยเขาก้เป็นคนร่วมโลกเดียวกับเรา ผมของแรงพวกเราพี่น้องที่รักทุกท่านที่เป็นลูกศิษย์ ของ ท่าน อาจารย์ อนาลัย ร่วมใจกันส่งกำลังให้คนที่กำลังเดือดร้อนด้วยนะคับ
    ขอให้พรใดอันประเสร็ฐในโลกโลกนี้ที่เป็นของ จีนทาร่อน ทั้งหมด ให้หลังไหลไปสู่คนที่กำลังทุกข์ยากด้วยเถิด
     
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    หน้าที่ของจิตวิญญาณ

    เรามักจะไม่ได้ตระหนักว่า ภาวะจิตของเราเป็นอย่างไรในประสบการณ์หนึ่งๆ ทั้งยามตื่นและยามฝัน แต่สิ่งที่เราทำได้ง่ายกว่าการจดจำภาวะจิต คือ การจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์ เช่น วันที่เรารับปริญญานั้น เรารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง หรือเพียงครั้งเดียวในชีวิตของหลายๆคน

    หากเราเริ่มต้นด้วยการระลึกถึงประสบการณ์วันนั้น และพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ ในที่สุดเราจะเผชิญกับภาวะจิต หรือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ไม่มากก็น้อย การกลับไปสู่ภาวะจิต ของความฝันที่เราเคยไปมาแล้ว ทำได้ในลักษณะเดียวกัน คือเริ่มต้นด้วยการระลึกถึงเหตุการณ์ในความฝัน

    แต่บ่อยครั้งเราก็ไปเผชิญกับภาวะจิต หรือประสบการณ์ในความฝันที่เรียกได้ว่า เคยไปมาแล้วโดยไม่ได้ตั้งจิต เช่นเดียวกับการที่เราอาจเผชิญกับโอกาสที่ได้ถวายดอกไม้ให้กับสมเด็จพระราชินี ซึ่งทำให้เราระลึกถึงความรู้สึกที่เราเคยได้รับเมื่อครั้งรับปริญญาบัตร เป็นต้น ทั้งหมดนี้หากกล่าวตามธรรมชาติความเป็นจริงที่ท่านอาจารย์อนาลัยอธิบายให้เราฟัง จะต้องกล่าวว่า ภาวะจิตของเราเหนี่ยวนำให้เราได้มีโอกาสรับปริญญาบัตรครั้งหนึ่ง และภาวะจิตคล้ายคลึงกันนั้น เหนี่ยวนำให้เราได้มีโอกาสถวายดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง

    แต่เราทั้งหลายก็มักจะเข้าใจในมุมกลับว่า เรารู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเราได้รับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ และ เราก็รู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเราได้ถวายดอกไม้ถึงพระหัตถ์ เราตระหนักไม่ได้ว่า ความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเองต้องเกิดขึ้นก่อน อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเอง จึงเหนี่ยวนำประสบการณ์อันน่าปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเองมาสู่ชีวิตของเรา ไม่ใช่ในทางกลับกัน(rose)
    ____________________________
    เราทุกคนมีหน้าที่ในยามฝัน ไม่ต่างไปจากที่เรามีหน้าที่ในยามตื่น แต่หน้าที่ในยามฝันเป็นหน้าที่ของจิตวิญญาณที่ไม่ได้ใช้ร่างกายเนืื้อหนังในการทำให้เป็นผลสำเร็จ ชีวิตและความตายปราศจากรอยต่อ ปราศจากจุดเริ่มต้นและปราศจากจุดจบ เพราะอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    เรากำลังทำหน้าที่ของจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนังอยู่-เดี๋ยวนี้
    เรากำลังทำหน้าที่ของจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายตัวตนอยู่-เดี๋ยวนี้ แต่เราก็รู้เห็นมันได้เพียงเฉพาะในยามฝัน
    เรากำลังเผชิญกับภาวะหลังความตายและภาวะก่อนมาถือกำเนิด เพื่อศึกษาหาความรู้และแก้ไขตนเองอยู่-เดี๋ยวนี้ แต่เราก็รู้เห็นมันได้เพียงเฉพาะในยามฝัน
    แต่ทั้งหมดก็เป็นไปพร้อมกันหมด-เดี๋ยวนี้ เป็นปัจจุบัน


    ดังนั้นการเลือกของเรา ปราศจากคำว่าก่อน-หลัง
    เราทุกคนมีจิตวิญญาณที่กำลังทำหน้าที่อยู่โดยปราศจากร่างกายตัวตนอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ พร้อมกันกับที่เรากำลังทำหน้าที่ด้วยร่างกายเนื้อหนัง

    โลกแห่งความเป็นจริงที่เรารู้จักยามตื่น คือโลกทางภายภาพที่ฉายออกมาจากโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของจิตวิญญาณ อันเป็นโลกทางจินตภาพ หน้าที่ของเราทั้งหลายยามตื่น จึงเป็นเสมือนภาพสะท้อนของหน้าที่ของจิตวิญญาณโดยตรง แต่คนจำนวนมากมักจะไม่ได้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของหน้าที่ และแบ่งแยกหน้าที่ของร่างกายเนื้อหนังออกจากหน้าที่ของจิตวิญญาณโดดสิ้นเชิง

    บุคคลที่ทำหน้าที่โดยแบ่งแยกมักถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่ต้องถามตนเองว่า " นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่? และทำไปเพื่ออะไร?" ไม่ว่าเขาจะประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีทั้งลาภ ยศ ชื่อเสียง และทรัพย์?สิน มากมายเพียงใด หากหน้าที่ทางโลกของเขาเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ตัดขาดจากหน้าที่ทางจิตวิญญาณ เขาจะเผชิญกับความรู้สึกหลงทางในที่สุด

    แต่คนจำนวนมากก็ไม่ได้หลงทางตลอดชีวิต เราพบเห็นผู้ที่นำความรู้ความสามารถ ทักษะ หรือผลผลิตจากความสำเร็จของเขา เช่น ทรัพย์สิน ไปใช้ในทิศทางที่เกิดประโยชน์สุขต่อคนหมู่มากเสมอๆ เพราะหน้าที่หลักของจิตวิญญาณทั้งหลายคือ การสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

    พี่นักเขียนมีพื้นฐานการศึกษาและหน้าที่การงานที่น่าจะเหนี่ยวนำให้ไปทำหน้าที่อื่นๆ ได้แก่ งานออกแบบสถาปัตยกรรม และ งานผลิต software และระบบการศึกษา on-line ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สร้างผลผลิตสำเร็จรูปให้ผู้อื่นใช้งาน แต่พี่นักเขียนก็มีเจตนาและเป้าหมายส่วนตน คือ มีเป้าหมายที่จะถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการสร้างผลผลิตนั้นๆ ไม่ใช่สร้างและหยิบยื่นผลิตสำเร็จรูปให้ผู้อื่น

    เมื่อทำอาชีพสถาปนิก แม้จะมีงานออกแบบก่อสร้างส่วนตัวแต่ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือ เมื่อทำงานด้านออกแบบ software และระบบการศึกษา on-line แม้จะ design และ develop software แต่ก็ทำหน้าที่วิทยากรจัด workshop สอนให้คนอื่นๆ design และ develop software และ ระบบการศึกษา on-line แทนที่จะทำหน้าที่ออกแบบและผลิตผลงานสำเร็จรูปให้เขาเอาไปใช้กัน ในโลกของความฝันพี่นักเขียนก็ทำหน้าที่เดียวกัน คือถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการให้ผู้อื่น เสมือนมัคคุเทศก์ที่แนะนำให้ผู้อื่นเดินทางได้ด้วยขาของเขาเอง ไม่ใช่ขับรถพาเขาไปโดยไม่ต้องรู้ทาง

    พี่นักเขียนเชื่อว่า การเลือกทำหน้าที่ของพี่นักเขียน เป็นไปพร้อมๆกันกับการเลือกของผู้อื่น เช่่นเดียวกับการที่ีพี่นักเขียนเลือกทำหน้าที่อาจารย์สอนหนังสือ หรือ ทำหน้าที่วิทยากร workshop พี่นักเขียนเลือกทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการ ส่วนผู้เข้าเรียนหรือเข้ารับการอบรม ก็เลือกที่จะมารับถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการเหล่านั้น เรียกได้ว่า เป็นการเลือกของทั้งสองฝ่ายที่คล้องจองกัน ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล ที่ย่อมดึงดูดสิ่งที่คล้องจองและสนับสนุนกันและกันมาสู่ประสบการณ์หนึ่งๆ และก่อเกิดให้เป็นความเป็นจริงขึ้นได้

    ทุกสิ่งล้วนเป็นไปด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอ หากมีแต่ผู้ให้-ไม่มีผู้รับ การให้นั้นก็บรรลุผลสำเร็จไม่ได้ และในทางกลับกัน หากมีแต่ผู้รับ-แต่ปราศจากผู้ให้ การรับนั้นก็บรรลุผลสำเร็จไม่ได้ กล่าวได้ว่าทั้งการให้และการรับเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นปัจจุบันเสมอ เพียงแต่ว่า ณ จุดที่เรารู้เห็น เราจะเห็นการให้หรือการรอรับเกิดขึ้นก่อนกันเท่านั้น

    หน้าที่ทั้งหลายของเราทุกคน ทั้งในโลกทางกายภาพและในโลกทางจินตภาพของจิตวิญญาณ ล้วนเป็นหน้าที่ที่เกิดจากการเลือก ตามบุคลิกภาพอันเป็นแก่นแท้ของเราแต่ละคน บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ปรากฏในโลกทางกายภาพ เมื่อเราเป็นเรา และเมื่อเราเป็นบุคคลตัวตนอื่นๆ ในโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่น และปรากฏในโลกทางจินตภาพที่เป็นจิตวิญญาณอีกด้วย เพราะบุคลิกภาพเป็นคุณสมบัติที่สถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ ไม่มีวันสูญสลาย

    บ่อยครั้งเราเผชิญกับรูปกายตัวตนที่เราไม่ได้รู้จักจริงๆในโลกยามตื่น แต่ตัวตนในความฝันก็รับเอาบุคคลตัวตนที่แปลกหน้าเหล่านั้นว่า เขาคือพี่ของเรา พ่อแม่ของเรา เพื่อนของเรา หรือเขาคือเรา สิ่งที่ระบุุให้เรารู้ถึงการเป็นใคร ไม่ใช่รูปกาย แต่เป็นบุคลิกภาพที่ไม่มีวันสูญสลาย ไม่ว่าจะบุคลิกภาพนั้นจะปรากฏด้วยรูปกายใด บุคลิกภาพนั้นก็ยังคงเดิม เป็นส่วนของตัวตนที่ถาวรไม่ว่าจะมีรูปกายใดๆ หรือปราศจากรูปกายก็ตาม

    หน้าที่ทั้งหลายทั้งยามตื่นและยามฝัน ล้วนเป็นหน้าที่ที่เราทั้งหลายเลือก ตามความปรารถนา ตามบุคลิกภาพ ตามอารมณ์อันลุ่มลึกของการเป็นบุคคลตัวตนรวม หรือจิตวิญญาณรวมของเรา ไม่มีผู้ใดรับหน้าที่ที่ถูกบีบบังคับให้ทำโดยไม่มีทางเลือก นอกเสียจากเราจะเชื่อว่า-เราไม่มีทางเลือก บางคนที่ทำหน้าที่การงานที่ตนไม่ชอบหลายปี และรู้สึกเสมือนว่าไม่มีทางเลือก เมื่อใดที่เขาตระหนักได้ว่า เขามีสิทธิ์เลือก เขาจะพบกับอิสระแห่งความปรารถนาของตนเอง

    เราสามารถค้นหาหน้าที่ในความฝันของตนเองได้จากการสำรวจความฝัน เราแต่ละคนจะมึความฝันที่ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่าตลอดชีวิตอยู่อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง เราจะต้องหาความหมายของมันให้พบ เพราะความฝันอาจเป็นเพียงสัญญลักษณ์และไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่อย่างชัดเจน บางคนฝันซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่าตลอดชีวิตว่าไปโรงเรียน ทั้งที่เรียนจบไปนานแล้ว แต่หน้าที่และความปรารถนาของจิตวิญญาณของเขาก็คือ การเรียนหรือการหาความรู้ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด นอกจากฝันว่าไปโรงเรียน เราควรจะค้นให้พบว่า อะไรคือความท้าทายของการเข้าโรงเรียนในความฝันนั้นๆ เช่น การสอบให้ผ่าน? การทำงานบางอย่างให้สำเร็จ? หรือ การทำบางสิ่งบางอย่างให้ทันเวลา?

    ประสบการณ์ที่ปรากฏในความฝัน จะสะท้อนให้เราเห็นความท้าทายเหล่านั้นในยามตื่น การสอบให้ผ่าน อาจเป็นสัญญลักษณ์ของการเอาชนะใจตนเอง เอาชนะความโลภ ความเห็นแก่ตน และความใจแคบ เราจะพบว่า ประสบการณ์ชีวิตมากมายที่เรามีโอกาสที่จะเอาชนะใจตนเองได้ผ่านพ้นไปครั้งแล้ว ครั้งเล่า และเราก็ยังเอาชนะใจตนเองไม่ได้ ความฝันจึงสะท้อนให้เห็นความท้าทายที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

    หน้าที่ของเราแต่ละคนแตกต่างกันไปตามทางเลือก หลายคนอาจเข้าใจว่า หน้าที่ของจิตวิญญาณ หมายถึงการทำหน้าที่บางอย่างเพื่อคนหมู่มากเสมอไป แต่หากจิตวิญญาณของเราไม่ได้เลือก-มันก็ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น เราค้นหาได้ไม่ยากว่ามันเป็นเช่นนั้นหรือไม่จากการพิจารณาหน้าที่การงานในโลกยามตื่นของตนเอง หากเราพบว่า เรากำลังทำหน้าที่ที่จดจ่อกับการเอาชนะตนเอง การพัฒนาตนเอง และช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลรอบตัวเราจำนวนหนึ่ง ไม่มากมายนัก แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า และพอใจกับการทำหน้าที่นั้นๆ จิตวิญญาณของเราก็เลือกที่จะทำหน้าที่ใน scale นั้นๆ

    คำว่าเล็กหรือใหญ่ แคบหรือกว้าง สูงหรือต่ำต้อยปราศจากความหมายสำหรับจิตวิญญาณ ทุกหน้าที่มีความหมาย มีค่า มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
    บุคคลที่ทำหน้าที่ใน scale ทางโลกที่เรียกว่าแคบหรือเล็ก หรือทำหน้าที่ที่มนุษย์เรียกว่าต่ำต้อย กำลังทำหน้าที่ใน scale และในจุดยืนและมุมมองที่จิตวิญญาณที่ไปถือกำเนิด ณ จุดอื่นๆ ไม่มีโอกาสจะทำได้ หน้าที่ของบุคคลนั้นๆ ใน scale นั้น ณ จุดที่ดูเสมือนจะต่ำต้อยหรือเล็กจิบจ้อย มีค่ายิ่งเพราะเป็นจุดที่เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของจิตวิญญาณได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ที่สุด

    สมัยที่พี่นักเขียนกลับไปทำงานเมืองไทย 20 กว่าปีมาแล้ว พี่นักเขียนได้รู้จักวิศวกรท่านหนึ่งซึ่งใกล้เกษียณ เช้าวันหนึ่งท่านเล่าให้พี่นักเขียนฟังว่า เช้านั้นท่านนั่งรถเมล์แอร์มาทำงาน ได้นั่งหลังคนขับซึ่งอัธยาศัยไม่ดี ใจร้อน ปิดประตูและออกรถตั้งแต่ผู้โดยสารยังก้าวขาขึ้นไปบนรถไม่เรียบร้อย ทำให้สตรีคนหนึ่งหกล้มและบาดเจ็บอย่างไม่น่าจะต้องเกิดขึ้นเลย วิศวกรท่านนี้บอกกับพี่นักเขียนว่า "ผมมีความตั้งใจซึ่งไม่เคยมีมาก่อนว่า หากผมเกษียณแล้ว ผมจะไปขับรถเมล์แอร์ เพราะมันเป็นอาชีพที่ผมสามารถสร้างความสะดวกสบายให้คนจำนวนมากได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร หากทำให้ดีที่สุดก็น่าจะรับพรได้รายวัน ผมเชื่อว่าผมจะมีความสุขมากๆ"
    [​IMG]
    ณ จุดที่วิศวกรท่านนี้เลือกที่จะทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับคนจำนวนมาก ย่อมมีคนจำนวนมากที่เผชิญกับเหตุการณ์วันนั้นและเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งเรียกร้องหรือเลือกที่จะได้นั่งรถเมล์คันที่คนขับทำหน้าที่ของเขาในทิศทางที่วิศวกรท่านนั้นเลือก ความคิดของทั้งสองฝ่ายย่อยเหนี่ยวนำให้เขาได้ก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ร่วมกัน ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล ณ วันนี้ หากใครนั่งรถเมล์แอร์ไปทำงาน พบคนขับชราผู้มีอัธยาศัยดี เขาอาจจะเป็นวิศวกรที่เลือกทำหน้าที่นั้นก็เป็นได้ ไม่ใช่ชายแก่ที่จำต้องไปขับรถเมล์เพราะไม่มีทางเลือก

    ไม่ว่าเราแต่ละคนจะมีอาชีพและหน้าที่การงานทางโลกอย่างไร เรากำลังทำหน้าที่ที่สะท้อนหน้าที่ของจิตวิญญาณของเราเสมอ
    เราควรหาให้พบว่า หน้าที่ของเรานั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อผู้อื่น และสนับสนุนเกื้อกูลผู้อื่นได้อย่างดีที่สุดได้อย่างไร


    หากเราค้นพบและลงมือทำ เราจะพบว่า แม้ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถเมล์ รับส่งผู้โดยาสารในแต่ละวัน ที่ดูเสมือนจะเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้ทรงเกียรติในสังคม หากนำไปเปรียบกับผู้ที่นั่งเก้าอี้นวมที่อยู่หลังโต๊ะทำงานแสนหรู และเซ็นต์เช็ควันละหลายสิบล้าน พลิกผันชีิวิตคนจำนวนมากมายในแต่ละวันได้ด้วยการตัดสินใจอันเต็มไปด้วยอำนาจของเขา หน้าที่ของบุคคลทั้งสองเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้ดี หรือเลวไปกว่ากัน จะดีหรือเลวไปกว่ากันอยู่ที่ทัศนคติของผู้ที่ทำหน้าที่นั้นๆว่า ในแต่ละวันเขาได้สร้างประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่นได้มากเพียงใด คิดถึงแต่ตนเอง หรือ ใช้อำนาจหน้าที่การงานของตนสร้างความสะดวกสะบาย หรือสร้างความเดือนร้อนให้ผู้อื่น

    ผู้ที่หาหน้าที่ของจิตวิญญาณไม่พบ มักจะหาหน้าที่ในโลกยามตื่นไม่พบไปด้วย บางคนทำอาชีพหนึ่งอยู่ เมิื่อเห็นผู้อื่นทำอีกอาชีพหนึ่งประสพความสำเร็จอย่างสูง ได้ลาภ ยศ ชื่อเสียง เงินทอง ก็อยากจะทำเช่นนั้นบ้าง แต่จิตวิญญาณทั้งหลายมีความเป็นเอกลักษณ์ การที่บุคคลตัวตนหนึ่งๆจะประสพความสำเร็จเสมอเหมือนอีกบุคคลตัวตนหนึ่งๆ จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า เรานำความสำเร็จของบุคคลหนึ่งมาใช้เป็นแรงบันดาลใจของเราไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม เราควรนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจและควรจะตระหนักด้วยว่า เราจะบรรลุความสำเร็จในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ด้วยหน้าที่ ณ จุดยืนของเราได้อย่างไร?

    หากเราค้นพบหน้าที่ทางโลกที่ตรงกับหน้าที่ของจิตวิญญาณเมื่อใด เราจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และพบว่าเราทำหน้าที่นั้นๆได้ดีโดยปราศจากความคาดหวังในผลตอบแทน เพราะสิ่งที่เราได้รับคือความสุขที่หาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้ แม้เงินทอง ลาภยศ ชื่อเสียง ก็ปราศจากความหมาย(rose)
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    1. คำตอบมีอยู่ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ
    http://www.novaanalai.com/Book_4/BK4Cover.html
    คำนิยามที่คุณรัักไร้พ่ายกล่าวถึงนี้ คล้ายคลึงกับข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือค่ะ

    2. โลกของจิตวิญญาณซึ่งเป็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จึงเป็นโลกที่ปราศจากจุดเริ่มต้น ปราศจากจุดจบ
    คำว่าสูงสุด ต่ำสุด หรือภาวะที่เรียกว่า ยังไม่พัฒนา กับ พัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุด เป็นภาวะที่ปรากฏอยู่พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ไม่ได้มีสิ่งใดที่เดินทางเป็นเส้นตรงจากภาวะที่เรียกว่ายังไม่พัฒนา แล้วเดินทางไปจนถึงจุดที่เรียกว่าพัฒนาสูงสุด และไปถึงการหยุดนิ่ง เพราะทุกสิ่งประสานกันเป็นระบบเครือข่ายที่เกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกัน จากจุดยืนของมันอย่างดีที่สุด และทุกจุดมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน


    หากจะเปรียบสัตว์เซลล์เดียวว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยหรือยังไม่พัฒนา และเปรียบมนุษย์ซึ่งมี 10 ยกกำลัง 14 (100 trillion)เซลล์เปรียบเสมือนสัตว์โลกที่พัฒนาไปถึงจุดสูงสุด เราไม่อาจกล่าวได้ว่า สัตว์เซลล์เดียวเป็นจุดเริ่มต้น และมนุษย์คือจุดจบ เพราะหากปราศจากสัตว์เซลล์เดียวที่ประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เป็นโมเลกุล เป็นส่วนของอวัยวะ เป็นระบบอวัยวะ และทั้งหมดรวมกันเป็นมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่าหรือต่ำต้อย เพราะหากปราศจากสิ่งที่เรียกว่าต่ำต้อยหรือยังไม่พัฒนา จะเกิดสิ่งที่เรียกว่าพัฒนาแล้วอย่างสูงสุดไม่ได้ และสรรพสิ่งทั้งหลาย ทุกวาระ ทุกจุดของพัฒนาการ ย่อมมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นระบบ เช่นเดียวกับที่ปรากฏในร่างกายมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก

    จักรวาลขยายตัวต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ในขณะเดียวกันบางส่วนของจักรวาลก็ถูกดูดหายกลับเข้าไปในหลุมดำ เพื่อเกิดการระเบิดและขยายตัวต่อไปอีก การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ปราศจากกาลเวลา และปราศจากจุดจบ เมื่อกลุ่มความเชื่อหนึ่งๆเปลี่ยยนเป็นความรู้ มันไม่ได้เป็นขบวนการเบ็ดเสร็จ เพราะมันย่อมก่อให้เกิดการแตกแขนงของความรู้ และความเชื่ออื่นๆต่อไปอีกอย่างไม่มีวันสิ้นสุด การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้จึงไม่ได้เป็นไปเป็นเส้นตรง ไปสู่ภาวะที่เป็นเลิศจนหยุดนิ่ง แต่แตกแขนงออกไปทุกทิศทาง เสมือนใยแมลงมุมที่ขยายออกไปทุกทิศทาง ปราศจากการสิ้นสุด

    3.ตามคำอธิบายของท่านอาจารย์อนาลัย เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้า มีอยู่ในตัวมนุษย์ เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้า คือ จิตวิญญาณรวม(rose)
     
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ภัยพิบัติจากธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแปลกแยกไปจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ในทางตรงกันข้าม ภัยพิบัติจากธรรมชาติเกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมวลมนุษย์

    พี่นักเขียนตั้งรกรากอยู่ที่ Lawrence, Kansas เป็นเมืองเล็กๆที่มี tornado ทุกปี Kansas ทั้งรัฐมี tornado โดยเฉลี่ย ปีละ 1,500 ครั้ง แต่ไม่ว่าจะไปที่ใด พี่นักเขียนมักจะได้ยินชาวเมือง Lawrence กล่าวว่า "We're always blessed." พี่นักเขียนได้ยินชาวเมือง Greensboro, Kansas กล่าวว่า "แหงละ....ใครๆก็ต้องพูดให้ฟังดูดีไว้ก่อนว่า we're always blessed - แต่เอาเข้าจริงเรากลัว tornado จะถล่มทั้งเมือง เพราะมันเกิดขึ้นทุกปี ปีละเป็นพันหน จะรอดได้อย่างไรกัน" เมื่อปีที่แล้ว Greensboro ถูก tornardo ถล่มทลายหมดทั้งเมือง

    ปีที่แล้วพี่นักเขียนเฝ้าดูรายงานอากาศที่แสดงให้เห็นถึงพายุผืนใหญ่ที่กำลังพัดมาจากทางทิศตะวันตกของ Kansas และกำลังกวาดมาทางตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของ Lawrence และคิดว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์เรา จะเปลี่ยนแปลงแบบแผนของพายุและภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงอย่างไรหนอ เชื่อว่าหากจดจ่อกับความปลอดภัย ความปลอดภัยย่อมเกิดขึ้น และหากจดจ่อกับความกลัว ย่อมเผชิญกับสิ่งที่เรากลัวที่สุด

    พายุที่ติดต่อกันเป็นผืนใหญ่ปกคลุมทั้งภาค จนดูเสมือนจะไม่มีที่ว่าง กลับแตกแยกออกเป็นสองลูก ลูกหนึ่งอ้อมขึ้นไปทางเหนือของเมือง Lawrence และอีกลูกหนึ่งอ้อมไปทางตอนใต้ของเมือง Lawrence เมื่อปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้น ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า ความเชื่อที่ว่า "We're always blessed." กับ ความกลัวนั้น ไม่ได้ต่างกันเลย เพราะมันมีพลังอำนาจทัดเทียมกันที่จะทำให้พายุนั้นๆผ่านพ้นไป หรือถล่มเมืองนั้นได้ทั้งเมือง

    ภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นหลายแห่งในโลก เกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่ร่วมกันจดจ่อไปในทิศทางเดียวกัน พี่นักเขียนขอผนึกกำลังกับคุณจีนทาร่อน และชวนพวกเราห้องวิทย์ฯร่วมกันจดจ่อกับความปลอดภัย ความโอบอ้อมอารี และการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้จะหลั่งไหลไปสู่ทุกหย่อมหญ้าที่กำลังประสพภัยพิบัติอยู่ในขณะนี้

    Greensboro เมื่อปีที่แล้วหลังจากถูก tornado ถล่ม
    [​IMG]

    หนึ่งปีหลังจาก Greensboro ถูกทำลายไปหมดทั้งเมือง อาจารย์และนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ University of Kansas ได้ช่วยกันออกแบบอาคารสำเร็จรูป และนำไปก่อสร้างและประกอบขึ้นที่น่ันด้วยตนเอง พวกเขาร่วมกันสร้าง Greensboro ขึ้นใหม่หมดด้วยการออกแบบเมืองนี้ให้กลายเป็นเมืองที่ใช้วัสดุที่ปราศจากมลพิษ และใช้วัสดุประกอบกับการออกแบบที่อาศัยพลังแสงอาทิตย์ โครงการณ์ดังกล่าวได้รับการบริจาคจากคนทั้งประเทศ

    Greensboro เมืองที่ถูกทำลายจนราบคาบ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่งดงาม ของการร่วมแรงร่วมใจอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และกลายเป็นเมืองที่เรียกได้ว่า สะอาดหมดจดที่สุดในสหรัฐ ด้วยการเป็นเมืองปลอดมลพิษเมืองแรกในประเทศ

    Greensboro ณ วันนี้
    [​IMG]

    ขอให้พวกเราร่วมกันตั้งจิต ด้วยการจินตนาการถึงสิ่งสร้างสรรค์ที่งดงาม ความสมบูรณ์พูนสุข ตลอดจนการร่วมแรงร่วมใจและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แทนที่จะจดจ่อกับความเศร้าสลดและการทำลายล้าง เพราะอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมวลมนุษย์ที่ร่วมกันจดจ่อไปในทิศทางเดียวกัน ก่อให้เกิดเหตุการณ์ทางกายภาพในทิศทางนั้นเสมอๆ เราจึงพบเห็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเสมือน domino effect หากพวกเราร่วมกันตั้งจิตเพื่อสร้างกระแสในทิศทางใหม่ขึ้นได้มากเพียงใด กระแสนั้นๆก็จะอ่อนตัวลง และเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสใหม่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น(rose)

    ขอเชิญร่วมกันผนึกกำลังจิตจดจ่อกับ :
    ความสงบสุข ความสมบูรณ์พูนสุข และความงดงามใน

    Rangoon-ประเทศพม่า
    [​IMG](rose)
    [​IMG]
    [​IMG]

    Shendu-ประเทศจีน
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2008
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอบคุณคุณนักเขียนค่ะสำหรับข้อคิดดี ๆ มากมาย และ การบ้านของจินตวดี จินตวดีนั้นเคยมีชื่อจริงว่า "ปวีณา" เป็นชื่อที่มารดาอันเป็นสุดที่รักตั้งให้ พออายุได้ 27 ปี มีมรสุมชีวิตมากมาย ตัวเองก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น มรกต แทน สาเหตุของการเปลี่ยนชื่อเพราะ "สระอิ และ สระอา" จริง ๆ เขาว่ามันเป็นกาลกิณีกับคนเกิดวันจันทร์ ตอนนี้ ดิฉันกำลังคิดจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิมที่มารดาตั้งให้เหมือนเดิม เพราะชื่อนั้น ไม่มีมีความหมายใด ๆ กับชีวิตเอง เป็นแค่สมมติที่สร้างกันขึ้นมาเท่านั้น เครื่องประดับโปรดปรานนั้นเป็น นาฬิกาข้อมือจริง ๆ ซื้อไว้เยอะมาก จนใส่ไม่ทัน ลักษณะพิเศษของนาฬิกา คือสายต้องสวย แปลกกว่านาฬิกาตามปกติ คือดูไม่เหมือนสาย เหมือนเครื่องประดับมากกว่า อย่างเรือนโปรด ตัวเรือนเป็นเงิน ฝังด้วยหินสีมากมาย เหมือนกำไลมากกว่า สีโปรดปรานตั้งแต่เด็กมาเลย คือสีฟ้า โดยเฉพาะสีฟ้าน้ำทะเลชอบมาก จะรู้สึกกับสีนี้เป็นพิเศษ จินตวดีสามารถทำได้หลายอย่างจริง ให้ทำอะไรทำได้ แต่ตัวจริง ๆ กลับไม่เลือกที่จะทำสักอย่าง เพราะขาดการสนับสนุนตัวเองจริง ๆ ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับการศึกษา "จิตวิญญาณ" จิตมันสนใจอยู่เรื่องเดียว เรื่องอื่นไม่เอาเลย นอกจากงานปัจจุบัน เพราะร่างกายเนื้อหนังยังคงต้องการปัจจัย สี่อยู่ งานนี้ เอา AAAAA+ ไปเลยค่ะ

    เมื่อวานลองตั้งจิตถามอาจารย์ใหญ่พลังจักรวาลว่าเราเองเรียนระดับแค่น้อยนิด 5.2 เท่านั้น จะสามารถส่งพลังไปช่วยผู้ประสบภัยที่จีน และ พม่าได้ไหม เมื่อล้มตัวลงนอนได้คำตอบว่า "จิตที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่จะช่วยได้ เพราะจิตที่บริสุทธิ์ตั้งมั่นจดจ่อกับความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ พร้อมที่จะมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน โดยปราศจากสิ่งแอบแฝง จะทำให้ประสบความสำเร็จ" ก่อนนอนเมื่อคืน ตั้งจิตส่งพลังไปช่วยโดยไม่กลัวผลกระทบ สรุปฉากหนึ่งในความฝันของเมื่อคืน มีเด็กผู้หญิงใส่ชุดเหมือนชาวพม่า มือขวาใส่เล็บยาวเหมือนฟ้อนเงี้ยวของพม่า มือขวา ถือพัดจีน เขาบอกเขาจะเต้นผสมผสานของ 2 เชื้อชาติให้เราดู การรำนั้นไม่น่าเชื่อมันอ่อนช้อยสวยงามนัก ถ้าจินตวดีเป็นนักออกแบบท่ารำจะดีไม่น้อย
    จินตวดีฝันเห็นตัวเองเป็น หญิงสาวอ่อนวัยถักผมเปียด้านหลัง กริยาอ่อนหวาน หน้าตาสวยงาม อยู่หลายหน แถมน้องเป็นศิลปินด้วย มีใครในนี้ไหมเอ่ย
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chayutt
    สวัสดีครับคุณ mead

    คือผมกำลังหาวิธีที่จะได้ VCD เพลงของพี่นักเขียน ชื่อ album อะไรนะจำไม่ได้แล้ว ที่เป็นเพลงฟังเพื่อให้เกิดสมาธิหนะครับ

    แต่โทรไปหาเขา ตามเบอร์โทรที่เคยมีใครบอกไว้ในกระทู้ของคุณ mead กับพี่นักเขียนหนะแหละ แต่เขาบอกว่าหมดซะแล้วครับ

    จึงส่งข้อความมาขอให้คุณ mead ช่วยหน่อยหนะครับ และก็พอดีมีน้องที่ทำงานผมคนหนึ่งจะกลับเมืองไทย วันที่ 15-28 เดือนนี้พอดีครับ ถ้าคุณ mead ช่วยได้ก็จะได้ฝากน้องเขาถือมาให้ผมหน่อย แล้วผมจะฝากน้องเขาจ่ายตังค์ให้ด้วยครับ

    ยังไงรบกวนตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

    ชยุต

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หวัดดีครับคุณชยุต
    ประหลาดใจมากที่อยู่ๆได้รับ pm จากคุณชยุตวันนี้
    เพราะเมื่อคืนวานฝันเห็นคุณชยุตอยู่หมาดๆ ว่าจะโพสลงไปในกระทู้อยู่เหมือนกัน

    ฝันว่าผมเห็นคุณชยุตออก TV ถ่ายทอดสดในเมืองไทย
    กำลังเดินทางไปทำภาระกิจอะไรสักอย่างกับสมาชิกที่คล้ายๆกลุ่ม greenpeach
    ที่อยู่ในต่างประเทศ แถวนั้นเป็นชบบทหลังคามุงจากง่ายๆ
    แต่งตัวทะมัดทะแมงสะพายกระติกและเป้ด้วย ท่าทางเอาจริงเอาจังมาก
    ผมเห็นเข้าก็รู้สึกว่าคุ้นตาสถานที่แห่งนั้นมาก จึงลุกไปเปิดประตูหลังบ้าน
    ปรากฎว่าเห็นคุณชยุตกับเพื่อนๆยืนอยู่ตรงนั้นพอดี..
    กลายเป็นว่ามายืนอยู่ที่หลังบ้านผมไปได้ซะนี่
    ในฝันก็อึ้งว่าทำไมเรามาโผล่ที่เดียวกันได้แค่เปิดประตูออกไป..แปลกดี

    เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่าความฝันนี่บอกอะไรเราได้มากมายกว่าที่คิด
    อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยไม่สนใจนะครับ

    วันนี้คุณชยุตก็ส่ง Pm มาอีกเรื่องครับ
    ส่งข่าวมาว่าที่บริษัทปลากระป๋องของคุณชยุต
    กำลังรับประกาศรับสมัครหาคนไปทำงานที่เวียดนาม
    รวมทั้งถามหาอัลบั๊มเพลงที่ download มาจากความฝันของพี่นักเขียนฯ
    งั้นผมขอแนะนำคุณชยุตไปฟัง Music VDO เพลงชุดพิเศษ
    Dowmload มาจากความฝันในห้องพี่นักเขียนไปพลางๆก่อนครับ

    http://palungjit.org/showthrea...86527&page=216

    ส่วนใครสนใจจะไปทำงานที่เวียดนามกับคุณชยุต ที่ฝากประชาสัมพันธ์
    ให้ติดต่อกลับไปหาคุณชยุตได้ตาม E-mail ข้างล่างนี้เลยครับ

    อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chayutt
    Job oppotunity in Vietnam - Urgent Require



    Please help me forward this messege to whom you know


    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- / icon and title --><!-- message -->**Urgent Require**


    I don't know how to get a good person to work with me.
    So I post in this website to get a good persoon to join with.

    If you see this messege please forward to any person you know urgently.

    Post Date : 13/5/08
    Job Title : QA Supervisor
    Responsiblity : Look after in line quality control and/or laboratory quality control of canned mackerel/sardine in tomato sauce
    Report to : QA Manager (me)
    Job Location : Vietnam Country
    Salary : depended on your experiences
    Company name : Royal Food Co.,Ltd.
    Business : Canned Sardine/Mackerel in Tomato Sauce (Three Lady Cooks Brand - สามแม่ครัว)

    Benifits :
    - You will allowed to come back twice a year with free air line tickets
    - You will spend only 600 baht/month sharing for meal with other people. But you need not to worry about meals because there are 2 cooks responsed for these.
    - Your salary will almost remain all because you need not o pay for the TAX and social fun by your own salary because the company will pay for you all.
    - There is a free residence for you and you restroom has air conditioner and water heater in bathroom.
    - You need not to worry about travelling because the restroom is in the company's area.
    - There are television's rooms in the residence with all Thai TV Channels (3,5,7,9 ,ITV and other UBC channels).

    ...............................................................................
    Qualification :

    1. Good communicating skill expecially in English is a must (Speaking,writing and reading). Because here we have to communicate in 3 langquest,Thai, Vietnamese and English.
    2. QA or QC expereince in canned low acid canned food or other kinds of canned food is a must at least 1 year.
    3. GMP and HACCP knowlegde is a must.
    4. Knowlegde on ISO9001 or ISO22000 or ISO17025 is preferably.
    5. Good personnel relation ship is preferably.
    6. Bachelor degree in food science or similar.
    7. Computer skill,MS Words,Excels,and others is a must.
    8. Able to work in Vietnam.

    The interest person should apply by sending appication letter with expected salary,your present photo and your full resume writen in English in Ms Words format to e-mail: chayutt.d@gmail.com
    Attention : Mr.Chayutt Deejaroen,QA Manager directly.

    Thank you very much. I will look forward for your e-mail.
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...