เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    สวัสดีค่ะพี่นักเขียนและเพื่อนๆทุกคน สบายดีนะคะ พี่นักเขียนตอบยาวมากๆๆๆค่ะ แต่ว่าอ่านทุกตัวเลยนะคะ ชอบประโยค อดีต-ปัจจุบันและอนาคตมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ค่ะ
    พอได้อ่านที่พี่นักเขียนบอก...รู้สึกเข้าใจอะไรๆมากขึ้นแยะ ต้องขอขอบคุณพี่นักเขียนมากๆเลยนะจร้า ^^
    หนูกำลังรอฝันครั้งต่อไปค่ะ และอยากจะทำการทดลองอีก ได้แนวทางมาจากพี่นักเขียนแล้ว ที่หนูบอกว่า พลังไม่ค่อยมี เนี่ย สงสัยหนูคิดไปเองจริงๆอ่ะ ไว้ถ้าฝันครั้งต่อไป จะลองแก้ไขสิ่งที่ชอบคิดว่าทำไม่ได้ ดูนะคะ ทุกสิ่งเป็นไปได้.. ถึงจะทำไม่ได้ ก็จะต้องทำให้ได้..ค่ะ ^^ ถ้าไงหนูไปโรงเรียนก่อนนะคร้า.. bye bye ทุกคนค่ะ ขอบคุณพี่นักเขียนอีกครั้งนะคร้า สำหรับข้อแนะนำและคำสอน.. ^^ ลึกซึ้งจริงๆ T_T
     
  2. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอยืนยันครับ หุ่นน้องนกเริ่มใกล้เคียงน้องแพนเค้กแล้วครับ จินตนาการและความมุ่งมั่นของน้องเค้าได้ผล สู้ต่อไปครับ
     
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ...จากการอ่านกระทู้ที่พี่นักเขียนแนะว่า ถ้าเจอกระจกในฝันให้เข้าไปดูว่า เราเป็นใคร? หน้าตาเป็นอย่างไร? แล้วสำรวจรายละเอียดตัวเองขณะนั้น ..ก็เพิ่งนึกได้ค่ะ ว่าอีกอย่างนึ่งที่เราไม่ค่อยทำกันในความฝันคือ การหันกลับไปมองข้างหลังตัวเอง คือณ.จะเป็นแบบนั้นค่ะ คือจะฝันไปเรื่อย เปลี่ยนไปเรื่อย แต่ไม่เคยหันกลับ ไม่รู้คนอื่นเป็นไงมั่งค่ะ ช่วยเสนอแนะกันหน่อย ณ.คิดว่า การที่ ณ.ไม่เคยหันกลับไปดูข้างหลังอาจเพราะลึกๆ แล้วมีความกลัวแฝงอยู่ กลัวว่าจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น หรืออีกกรณีคือไม่สนใจ ไม่ใส่ใจที่จะเห็นในสิ่งที่ผ่านมา แต่ถ้าหากเราตัดความกลัวไปแล้ว ก็เหลือแต่ความกล้าเท่านั้น ฉะนั้นคิดว่า ณ.จะดูทุกอย่างทั้งอดีตและอนาคตค่ะ คงมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะเลยเมื่อเราหันกลับไปมอง...ทุกคนค่ะ ลองดูนะเวลาในฝัน ลองหันกลับไปมองข้างหลัง ณ.ว่าหลายคนอาจจะพบตัวเองอยู่ข้างหลังอีกทีก็ได้(one-eye) (smile)
    ...วันนี้มีตังค์แล้ว เดี๋ยวจะไปหาหนังสือของอ.โนวา อนาลัย สักเล่มสองเล่มดีกว่า คาดว่าคงจะเหลือให้ได้ศึกษาบ้างนะ...(f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2007
  4. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ...จากการอ่านกระทู้ที่พี่นักเขียนแนะว่า ถ้าเจอกระจกในฝันให้เข้าไปดูว่า เราเป็นใคร? หน้าตาเป็นอย่างไร? แล้วสำรวจรายละเอียดตัวเองขณะนั้น ..ก็เพิ่งนึกได้ค่ะ ว่าอีกอย่างนึ่งที่เราไม่ค่อยทำกันในความฝันคือ การหันกลับไปมองข้างหลังตัวเอง คือณ.จะเป็นแบบนั้นค่ะ คือจะฝันไปเรื่อย เปลี่ยนไปเรื่อย แต่ไม่เคยหันกลับ ไม่รู้คนอื่นเป็นไงมั่งค่ะ ช่วยเสนอแนะกันหน่อย ณ.คิดว่า การที่ ณ.ไม่เคยหันกลับไปดูข้างหลังอาจเพราะลึกๆ แล้วมีความกลัวแฝงอยู่ กลัวว่าจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น หรืออีกกรณีคือไม่สนใจ ไม่ใส่ใจที่จะเห็นในสิ่งที่ผ่านมา แต่ถ้าหากเราตัดความกลัวไปแล้ว ก็เหลือแต่ความกล้าเท่านั้น ฉะนั้นคิดว่า ณ.จะดูทุกอย่างทั้งอดีตและอนาคตค่ะ คงมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะเลยเมื่อเราหันกลับไปมอง...ทุกคนค่ะ ลองดูนะเวลาในฝัน ลองหันกลับไปมองข้างหลัง ณ.ว่าหลายคนอาจจะพบตัวเองอยู่ข้างหลังอีกทีก็ได้(one-eye) (smile)
    ...วันนี้มีตังค์แล้ว เดี๋ยวจะไปหาหนังสือของอ.โนวา อนาลัย สักเล่มสองเล่มดีกว่า คาดว่าคงจะเหลือให้ได้ศึกษาบ้างนะ...(f)



    ดิฉันแนะนำให้สั่งซื้อไปที่บริษัทเอทีม ดีกว่าค่ะ มีเบอร์โทรอยู่ในหนังสือ ระบุเล่มที่ต้องการไปเลย ไม่ช้าหรอกค่ะ แค่ 2วันได้ หลังจากการโอนเงิน เพราะทางบริษัทจะจัดส่งทาง EMS ให้ ดีกว่าไปที่ซีเอ็ดค่ะ เพราะไม่ค่อยมีหนังสือของอาจารยืโนวาอนาลัยเท่าไร มีแค่บางเล่มเท่านั้น

    ป.ล. คุณน้องนกคะ ตอนเช้าทานอาหารหนัก ๆไปเลยค่ะ เพราะวัยของน้องต้องใช้พลังงานมาก เดี๋ยวจะไม่สบายไปซะก่อน แต่ตอนเย็นก่อนนอน ทานแค่สลัด และ นมพร่องมันเนยค่ะ (เพื่อให้อยู่ท้อง) จะได้ผลอีกนิดค่ะ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ขอบคุณพี่นักเขียนที่แนะนำมาครับ axzon เองไม่ได้เก่งอะไรมากมาย ยังต้องเรียนรู้ไปอีกเรื่อยๆครับ

    ว่าแต่ดอกต้อยติ่งมันมีสีม่วงเหรอครับ ริมถนนหน้าบ้านฝั่งตรงข้าม มีหญ้าขึ้นรก แต่มีดอกหญ้า สีม่วงบานเต็มต้น เป็นหย่อม สวยมากเลยเห็นมาหลายวันแร้วว
     
  6. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ขอบคุณค่ะ คุณจินต์ (ขอเรียกสั้นๆนะ) เดี๋ยวหาเบอร์โทรก่อน จำไม่ได้ว่าอยู่กระทู้ไหนค่ะ...คราวนี้คงได้อ่านหนังสือ อ.โนวา อนาลัยสักที...
     
  7. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ

    มาอีกแล้วจ้า.... เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ เมื่อบ่าย 1 กว่าๆนี้เองจ้ะ มัวแต่เล่าให้เพื่อนๆฟัง เพิ่งจะว่างมาพิมพ์ลงบอร์ดจ้า ^^
    ตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ...^^

    ก็เมื่อตอนบ่ายโมงอ่ะค่ะ รู้สึกว่า อยากจะนอนเสียหน่อย ก็เลยล้มตัวลงนอนกับที่นอน
    สักพัก แป้บเดียวจริงๆค่ะ ประมาณ 1 วินาที
    ตัวชาทั้งตัว...มันชา แล้วรู้สึกเหมือนจิตเราวิ่งเข้าไปในอุโมงค์มืดๆดำๆ มีจุดสีขาวๆเล็กๆอยู่ตรงหน้า มันวิ่งเร็วมากๆ วิ่งไม่หยุดเหมือนเครื่อง time machine
    หนูงงมากว่ามันคืออะไร หนูเพ่งไปที่จุดขาวๆเล็กๆนั่น มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันกลายเป็นภาพแล้วจะดูดเราเข้าไป เหมือนกับว่า เรากำลังจะเข้าไปในฝัน(ความฝันนี่มันดูดกันอย่างนี้เลยหรือ...) แล้วตอนที่มันกำลังดูดเราอ่ะค่ะ จากที่ตัวเราชาๆ มันก็เหมือนกับว่า เราจะไร้ความรู้สึกแล้ว เรากำลังจะทิ้งร่างกายนี้ไปสู่อีกมิติหนึ่งแล้วอ่ะ หนูกลัวอ่ะ ก็เลยถอนออกมาก่อน เลิกเพ่งไปที่ภาพขาวๆนั่นแล้วมันก็กลับไปเป็นจุดขาวๆเล็กๆ มันพร้อมที่จะตอบสนองความคิดของเราตลอดเวลา
    หนูมานึกได้ว่า "เฮ้ย...เราอยากย้อนอดีตนี่นา" หนูก็เลยนึกถึงภาพหน้าต่างบ้านของหนู สมัยตอนที่หนูเป็นเด็กเวลาที่ชอบนอนมองหน้าต่างบ้าง แล้วพอหนูเพ่งไปที่จุดขาวๆเล็กนั่น มันขยายขึ้นอีก มันจะกลายเป็นภาพหน้าต่างบ้าน มันกำลังจะเป็นบ้านหนูทั้งหลังแล้วมันจะดูดหนูเข้าไป หนูกำลังจะไร้ความรู้สึกจากร่างกายเนื้อหนังของหนู หนูเกิดอาการกลัวอีก กลัวภาวะที่เราไร้ความรู้สึกจากร่างกายเนื้อหนังของเรา แล้วก็ยังกลัวว่าจะกลับออกมาไม่ได้ด้วย เพราะมันไม่เหมือนฝันค่ะ ความฝันอ่ะ อยู่ดีๆเราก็ไปโผล่ในฝันเลย แต่นี่เราตั้งใจไปเลย..กลัวกลับออกมาไม่ได้ หนูเลย break ไว้ก่อน แล้วมันก็กลับไปเป็นจุดขาวๆเล็กๆอีก หนูเสียดายโอกาสนี้ ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจก็เสียดาย หนูเลยคิดว่า ไปไหนก็ได้ อยากจะพาไปไหนก็ไปเหอะ คิดแค่นั้น มันขยายตัวอีก มันจะกลายเป็นภาพใหญ่ๆ กลายเป็นโลกอีกมิติแล้วดูดเราเข้าไป หนูเกิดอาการกลัวอีก ก็เลยถอยออกมาอีก กลัวมากๆเลยค่ะ มันกลัวตรงที่ว่า เรากำลังจะไร้ความรู้สึกจากร่างกายเนื้อหนังของเราอ่ะค่ะ
    เสร็จแล้ว ก็ยังเสียดายภาวะจิตนี้อยู่ หนูเลิกเพ่งจุดขาวๆนั่น แต่มันก็ยังเหมือนจิตเราวิ่งผ่านอุโมงค์เหมือนเครื่อง time machine อยู่ หนูก็เลยคิดว่า งั้นขอฟังเสียงก็ยังดี อย่างน้อยๆก็ได้อะไรกลับไปจากประสบการณ์ครั้งนี้ หนูไม่มองจุดขาวนั่น แต่เปลี่ยนความสนใจไปที่เสียงรอบข้าง... หนูได้ยินแต่เสียงพี่สาวตัวเอง มันชัดมากๆๆๆ เหมือนของจริง แล้วชัดเหมือนเปิดลำโพงดังๆอีกต่างหาก หนูกลัวอ่ะ ถึงแม้จะเป็นเสียงพี่สาวแต่ก็ยังกลัวอยู่ดี กลัวว่ามันจะเปลี่ยนเป็นเสียงของคนที่ไม่รู้จัก หนูพยายามเรียกชื่อ อ.โนวา อนาลัย เรียกอยู่ 3-4 รอบ ไม่มีเสียงตอบรับ หนูก็เลยออก
    หนูออกจากเสียง ออกจากอุโมงค์ ออกจากภาพ แต่ตอนนี้ตัวหนูยังชาอยู่ หนูทั้งเสียดาย ทั้งกลัว เพื่อไม่ให้เสียโอกาส หนูลองทำแบบที่พี่นักเขียนบอก ก็คือ อย่าเพิ่งลืมตา ให้หลับตาไว้ก่อน แล้วสั่งให้ตัวเองลุกขึ้น หนูก็ลองทำ มันลุกยากมากๆๆๆๆ หนูลุกขึ้นนั่งได้แล้ว... แล้วกำลังจะหันหลังกลับไปมอง แต่ใจหนึ่งมันก็ต้านขึ้นมาว่า "เฮ้ย...ถ้าหันหลังกลับไปมองแล้วเกิดเห็นร่างตัวเองนอนหลับตาอยู่ล่ะ" คือหนูกลัวอ่ะค่ะ พี่ๆจ๋า T_T หนูนี่ปอดแหกจริงๆเลย สรุปเลยไม่กล้าหันไปมอง หนูก็เลยล้มตัวลองนอนเหมือนเดิม แล้วก็ตัดสินใจ ออกจากภาวะเหล่านี้เลย หนูสะบัดตัวนิดหน่อย แล้วก็ออกเลย คราวนี้ ออกจริงๆค่ะ สมบูรณ์แบบ
    พอออกจากภาวะนี้แล้ว มาคิดๆดูอีกที ไอ้ตอนที่หนูลุกขึ้นนั่งเนี่ย สรุปไม่แน่ใจว่า ร่างโปร่งใสลุก หรือว่ากายเนื้อลุกจริงๆ มันแยกไม่ออกเลยค่ะ... คราวนี้มานึกได้ว่า หนูอ่ะ นอนคลุมโปง...ตอนที่ออกจริงๆอ่ะ หนูยังเอาผ้าห่มออกก่อนเลยแล้วค่อยลุกอ่ะ แต่ว่าตอนที่ยังหลับตาอยู่แล้วยังไม่ออกจากภาวะนั่นอ่ะ แล้วสั่งให้ตัวเองลุกอ่ะ ตอนนั้นลุกเลย ไม่ได้เอาผ้าห่มออกด้วย ...แสดงว่า ไม่ใช่ร่างจริงๆลุกอ่ะสิ่คะ ร่างโปร่งใสลุกตะหาก พูดแล้วขนลุกเลยค่ะ วันก่อนคิดว่าจะทำเรื่องพวกนี้ให้ได้ พอทำได้แล้ว กลับไม่กล้า T_T เอาเข้าจริงมันน่ากลัวอยู่นะคะ ก็อยากจะทดลองนะคะ อยากจะศึกษา แต่พอเจอเหตุการณ์จริง มันน่ากลัวกว่าที่คิดค่ะ คือว่า...ปอดแหกอ่ะค่ะ ยังไม่กล้าพอ ก็คิดว่าจะไปหัดความกล้าก่อน เพราะคิดว่า มันอาจจะเป็นอีกก็ได้ในอนาคต
    อ้อๆ!! แล้วฝากถามพี่นักเขียน หรือใครก็ได้ในบอร์ดนี้นะคะว่า ถ้าเกิดว่าหนูตัดสินใจเข้าไปในมิตินั้นที่เปิดรับอ่ะ คิดว่าหนูจะเจออะไร แล้วจะกลับออกมาได้ไหมคะ... มันอันตรายไหม.. ขอบคุณค่ะ ^^

    ครั้งนี้สุดยอดจริงๆ แล้วก็ตื่นเต้นมากๆเลยะค่ ^^ แต่เสียดายที่ยังปอดแหกอยู่ มีใครมีวิธีทำให้หายปอดแหกได้ไหมคะ เพราะว่าอีกใจเราก็อยากทดลองเหมือนกัน อีกใจก็กลัว T_T
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2007
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณ mamboo นี่ไวจริงๆ เลย นอนแป๊ปๆ ก็เข้าไปสู่ความฝันแล้ว
    ประสบการณ์อย่างนั้นไม่เคยเจอ แต่คาดว่าคำตอบนี้ของพี่นักเขียน คงทำให้คุณ mamboo เข้าใจอะไรขึ้นบ้าง

     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอบคุณค่ะ คุณจินต์ (ขอเรียกสั้นๆนะ) เดี๋ยวหาเบอร์โทรก่อน จำไม่ได้ว่าอยู่กระทู้ไหนค่ะ...คราวนี้คงได้อ่านหนังสือ อ.โนวา อนาลัยสักที...

    JINTAWADEE จัดให้ค่ะ เบอร์โทรของบริษัท เอ ทีม คือ 02 746 1004-6 แฟกซ์ 02 393 4099 ค่ะ ดิฉันไม่ได้อยู่ที่บริษัทนี้หรอกนะคะ แต่ในกระเป๋า (เชี่ยนหมาก) ดิฉันจะต้องมี หนังสือชุดนี้ ไม่เล่มใดก็เล่มหนึ่งเกือบตลอดค่ะ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สนุกดีนะครับ ที่ห้องนี้มีเรื่องตื่นเต้นมาเล่าให้ฟังแทบทุกวัน
    เหมือนไปผจญภัยในช่องว่างที่ไร้กาลเวลา(แบบเสมือนจริง)
    เลยมีอาการกล้าบ้าง+กลัวบ้างเป็นธรรมดาล่ะครับ..เชื่อว่าในฝันไม่มีอันตรายหรอกครับ
    ที่เรากลัวคงเพราะชินกับการมีกายเนื้อแบบนี้ เลยใส่รหัสว่า"กลัว"เพิ่มเข้าไปด้วย
    ถ้าเจอแบบน้อง mamboo เป็นผมก็ถอยมาตั้งหลักเหมือนกัน เหมือนจะไปแล้วกลับมาไม่ได้
    แต่ถ้ากล้าผ่านเข้าอุโมงค์นั้นเข้าไปได้คงมีเรื่องมาเล่ายาวแน่ๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2007
  11. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ช่ายค่ะ...ถ้าเข้าไปในฝันจริงๆ คงมีอะไรมาเล่าให้ฟังเยอะมากๆๆๆ เสียดายเหมือนกัน! T_T
     
  12. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    แหมพี่เฉลยก็พูดเกินไป ไว้ลดให้ได้10โลก่อน แพนเค้กก็แพนเค้กเถอะ เอิ๊กๆ
     
  13. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ขอบคุณค่ะพี่JINTAWADEE ตอนนี้นกก็เน้นมื้อเช้า อยากกินอะไรจะกินให้อิ่มเลย
    กลางวันก็กินข้าวบ้าง นมบ้าง แต่ตอนเย็นนี่นมอย่างเดียว วันไหนเจอเพื่อนก็แอบกินนิดนึง
    เดือนนี้ขออีกสัก 3 โลแล้วกันนะ เดือนต่อไปอีกสัก 5 โล อิอิ ปีหน้าฟ้าใหม่จะได้ผอมเพรียวกะเค้าบ้าง แบบว่าอยากสวยจ้า (deejai)
     
  14. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ฝันได้ตื่นเต้น เร็วทันใจดีแท้ อิอิ
    แรกๆก็รู้สึกกลัวเป็นธรรมดาแหล่ะจ้าน้องmamboo
    เหมือนแรกๆที่พี่ได้ทดลองตามที่พี่นักเขียนบอกว่าถ้าตื่นแล้วอย่าเพิ่งลุก
    ครั้งนั้นก็รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังลุกมาเปิดไฟ พอหันกลับไปเห็นตัวเองนอนก็ตกใจรีบล้มทับร่างที่นอนอยู่ เพราะกลัวจะกลับเข้าร่างไม่ได้
    พอพี่นักเขียนได้ให้คำแนะนำว่าไม่ต้องกลัวแล้วให้สำรวจรอบๆ เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีก
    แต่ก็ได้เรียนรู้หลากหลายประสบการณ์แตกต่างรูปแบบออกไป สิ่งสำคัญคือขจัดความกลัว เราทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ
    ฝันครั้งหน้าฝ่าทะลุอุโมงค์มิติออกไปให้ได้นะจ๊ะ จะได้มาบอกพวกพี่ๆบ้างว่าหลังอุโมงค์นั้นมีอะไร :cool:
     
  15. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    วันนี้เพิ่งได้อ่าน ขยายความธรรมชาติของชาติภพ ครับ (สวนทางกับในห้องเดือนก่อนอ่าน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิณญาญ มัวไปแวะ the secret อยู่ด้วย ) อ่านได้ 2 บทแรก ทำให้นึกถึงวันฝันเมื่อกลางๆเดือน

    ฝันว่า มีเสียงบรรยาย หรือ คนพูดให้ฟังว่า ประมาณว่า "อย่าทำตัวเสมือน ลดคุณค่าในจิตวิณญาญ ของตนเองเลย " จำความฝันได้แค่นี้ เพราะว่าไม่ได้รีบจดไว้ตอนตื่นนอน แต่วันนั้น พอตื่นแล้วก้นอนคิดว่า หมายความว่าอะไรน่ะ

    ต่อมา ก้ได้คำตอบว่า ไม่ต้องเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น เพราะ มีเอกลักษณ์ ต่างกัน ให้ดูว่าตัวเองพัฒนากว่าเดิมหรือยัง / ความรู้อยู่ในจิตวิญญาญ อย่ามัวไปหาคำตอบจากข้างนอก ให้คำตอบด้วยตัวเอง แล้วก้ DO IT, DO IT, DO IT

    วันหลังถ้าฝันแล้วได้เรื่องได้ราว จะมาเล่าอีกน่ะครับบ
     
  16. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    น้องมายไม่อยู่ พอน้อง mamboo เข้ามาห้องคึกคักขึ้นเยอะ แร้วถ้าน้องมายมาด้วยจะ ขนาดไหนเนี่ย !!!
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ คือ ภาวะจิตของเรา

    ความกลัวและความลังเลสงสัยเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในมิติของโลกมนุษย์และมิติของจิตวิญญาณ แต่ความกลัวก็เป็นกลไกที่ทำให้เราตระหนักได้ว่า เราขาดความรู้ที่จะรับมือกับสิ่งที่เรากำลังจะเผชิญ

    เราแต่ละคนเคยได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกายใน การถอดจิต และจิตวิญญาณไม่มากก็น้อย แต่เราก็มักจะไม่เคยสำรวจว่า ข้อมูลที่เรารู้นั้นเป็นความเป็นจริงตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ หรือเป็นเพียงความเชื่อ-ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของตนเอง เราพกพาข้อมูลนั้น และรับเอาเป็นความเชื่อโดยคิดว่า มันคือความรู้หรือความเป็นจริงเกี่ยวกับจิตวิญญาณโดยปริยาย

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เราสามารถพิสูจน์ได้ไม่ยากว่า ข้อมูลที่เรารู้นั้นเป็นความเป็นจริงตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ หรือเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล เพราะถ้าหากเรามีความรู้อย่างแท้จริง-เราย่อมจะปราศจากความกลัว ปราศจากความลังเลสงสัยอย่างเป็นอัตโนมัติ เพราะเราจะตระหนักดีว่าเราจะเผชิญกับอะไร ? และเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร ? ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้รอบจนกระทั่งสามารถรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยปราศจากความกลัวและสิ้นสงสัยทั้งหมด

    แต่หมายความว่า ความรู้จะทำให้เราตระหนักได้ในความสามารถอันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ และตระหนักได้ในข้อจำกัดของตนเอง ตระหนักได้ว่าเรามีความพร้อมหรือยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับประสบการณ์ระดับใด และเราจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไรให้เกิดความพร้อมเหล่านั้น

    พี่นักเขียนขอแนะนำให้คุณน้อง mamboo ศึกษาจากหนังสือ โนวา อนาลัยขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ และ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ ให้เข้าใจในธรรมชาติของจิตวิญญาณเสียก่อน เพราะความไม่รู้จะทำให้เราสร้างจินตนาการไปในทิศทางที่ไม่เป็นคุณต่อการหาความรู้ หรือปฏิเสธที่จะรับมือกับสิ่งที่ไม่ได้ยากเย็นหรือน่ากลัวอย่างที่เราคิด

    หากคุณน้อง mamboo อยากทดลองสัมผัสกับภาวะอื่นๆของจิตวิญญาณที่อยู่นอกเหนือภาวะทางกายภาพอันเป็นร่างกายเนื้อหนัง พี่นักเขียนขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลจาก ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ เสียก่อนว่าการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ภาวะต่างๆมีอะไรบ้าง ทำได้อย่างไร เพราะข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณน้อง mamboo มีความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของตนเองได้ดีขึ้นว่า เรากำลังมีภาวะของร่างกายตัวตนอยู่ในภาวะใด รูปกายตัวตนของเราในภาวะนั้นๆเป็นกายภาพ เป็นจินตภาพหรือเป็นจิตวิญญาณ เราทำอะไรได้บ้างในแต่ละภาวะ และสิ่งที่เราจะเผชิญในภาวะนั้นๆเกิดจากอะไร เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร

    หากเราปราศจากความรู้ และเมื่อถูกความกลัวเข้าครอบงำ เรามักจะพยายามแสวงหาที่สิ่งที่อยู่นอกตัวตนของเรา เช่่น ครูบาอาจารย์เพื่อขอให้ท่านมาช่วยปกป้องคุ้มครองเรา เพราะเราคุ้นเคยกับการปกป้องทางกายภาพ แต่การกระทำดังกล่าวมักจะไร้ผล เพราะตัวตนของเราในภาวะดังกล่าวไม่ใช่ตัวตนในภาวะทางกายภาพเช่่นเดียวกับภาวะยามตื่นตามปกติ ต่อให้ครูบาอาจารย์มาปรากฏเพื่อปกป้องเรา เราก็จะตกใจกลัวท่านอยู่ดี เพราะเราคาดการณ์ไม่ถูกว่า ท่านจะมาปรากฏในลักษณะใด ปรากฏภายในหรือภายนอกตัวตนของเรา ปรากฏเป็นความนึกคิด เป็นข้อมูลความรู้ เป็นเสียง สี แสง หรือ เป็นแรงบันดาลใจที่มาเตือนสติเรา หากเราตกอยู่ในความกลัวและความไม่รู้ เมื่อครูบาอาจารย์ปรากฏเป็นเพียงความนึกคิดหรือข้อมูลความรู้ แต่เรากำลังปักใจเชื่อว่า ท่านจะมาปรากฏเป็นบุคคลตัวตนเสมือนตัวตนในโลกยามตื่น เราก็ย่อมรู้เห็นท่านไม่ได้

    คุณน้อง mamboo มีพื้นฐานส่วนบุคคลที่ดีอยู่แล้วส่วนหนึ่งคือ มีสติสัมปชัญญะคมชัดพอที่จะจดจำประสบการณ์ และรู้เห็นสภาพแวดล้อมได้ชัดเจน หากคุณน้อง mamboo มีความรู้อีกส่วนหนึ่ง จะทำให้ครองสติสัมปชัญญะไปในทิศทางที่สามารถนำความรู้ไปรับมือกับประสบการณ์เหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

    คำถามของคุณน้อง mamboo ที่ว่า หากคุณน้องตัดสินใจที่จะเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของจิตวิญญาณที่เปิดรับคุณน้องแล้ว คุณน้องจะพบอะไร และจะกลับออกมาได้ไหม หรือมีอันตรายไหม ล้วนเป็นคำถามที่ไม่ถูกต้องและทำให้ไม่มีวันได้รับคำตอบที่ถูก เพราะธรรมชาติความเป็นจริงเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงนั้น ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า

    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ คิือ ภาวะจิตของเราเอง
    [​IMG]
    เราทั้งหลายสรัางโลกเหล่านี้ขึ้นจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ต่างไปจากที่เราสร้างโลกทางกายภาพของเรายามตื่น เรารับประทานอาหารวันละ 1 มื้อ 2 มื้อ หรือ 3 มื้อ รับประทานเนื้อสัตว์ หรือรับประทานอาหารเจ เรามีชีวิตที่เรียบง่าย หรือมีชีวิตที่หรูหรา เราทำงานอย่างสนุกสนานหรือเหน็ดเหนื่อย ก็ล้วนเป็นไปเพราะอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคลของเราแต่ละคน เราไม่ได้ถูกบังคัับหรือถูกบงการชีวิตในทิศทางใดๆ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคลของเราจะก่อเกิดขึ้นก่อนเป็นจินตภาพ ก่อน แล้วจึงแปลงสภาวะเป็นภาวะทางกายภาพ

    นอกจากนี้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคลของเรายังดึงดูดประสบการณ์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่คล้องจองกับความเชื่อนั้นๆมาสู่ประสบการณ์ชีวิตของเราอีกด้วย เพื่อสนับสนุนความเชื่อทั้งหมด ให้กลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นโลกส่วนตัวของเราแต่ละคน

    โลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นโลกส่วนตัวของเราแต่ละคน จึงแตกต่างกัน และมีความเป็นเอกลักษณ์ โลกส่วนตัวของบางคนเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริง บ้างคนก็มีโลกส่วนตัวที่มืดมนเศร้าสร้อย บางคนก็มีโลกส่วนตัวที่เผชิญกับการคดโกง ให้ร้าย กล่าวโทษ สูญเสีย แต่บางคนก็มีโลกส่วนตัวที่มีแต่การให้ รอยยิ้ม การให้อภัย การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

    แม้ว่าเราจะคิดว่าเราต่างก็อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกัน แต่โลกที่เรารู้จักก็ดูเสมือนมีหลากมิติ ไม่น้อยไปกว่าโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่เป็นโลกภายใน ที่คุณน้อง mamboo และอีกหลายคนกำลังแสวงหา อยากเรียนรู้ และตื่นเต้นที่จะก้าวล่วงไปสู่

    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง เป็นโลกที่เราทั้งหลายต่างก็ต้องใช้ความรู้ไม่น้อยไปกว่าที่เราจำเป็นต้องใช้ความรู้ที่จะรับมือและดำเนินชีวิตประจำวันในโลกยามตื่น เมื่อเราเริ่มต้นที่จะเดินทางสู่โลกกว้าง ยกตัวอย่างเช่น เดินทางมาเที่ยวเมือง Lawrence, Kansas ที่พี่นักเขียนอาศัยอยู่นี้ เราคงไม่ตั้งคำถามว่าเราจะพบอะไร และจะกลับมาได้ไหม มันอันตรายไหม เพราะเราจะกำหนดจุดหมายปลายทางขึ้นก่อน และกำหนดว่าเรามีเป้าหมายที่จะไปถึงที่นั่นเพื่อทำอะไร อย่างน้อยที่สุดเมื่อเรามีจุดหมายปลายทางและมีเป้าหมาย

    เมื่อไปถึงแล้ว แม้จะเป็นสถานที่ที่เราไม่เคยไปมาก่อน เราก็ตระหนักดีว่า เราเตรียมการณ์ที่จะไปแสวงหาอะไร เช่น แสวงหาความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม สังคม สถานที่สำคัญ อาหารท้องถิ่น พืชพันธุ์ หรือความรู้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชนท้องถิ่นที่เราไปเยี่ยมเยือน เป็นต้น แต่ละคนย่อมมีเป้าหมายจำเพาะ บางคนอาจสนใจแต่การแสวงหาความรู้เกี่ยวกับสังคมโดยไม่สนใจอาหารท้องถิ่น แต่บางคนสนใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและพืชพันธุ์เป็นพิเศษ แม้จะไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกันคือ Lawrence, Kansas แต่ในที่สุดแต่ละคนก็จะได้ความรู้แตกต่างกันกลับไป

    หากจะสัมภาษณ์คนสองคนขึ้นไปที่ได้มาเที่ยว Lawrence, Kansas เราก็อาจจะได้คำตอบแตกต่างกันลิบลับว่า เขาไปพบอะไร และการเดินทางของเขาแต่ละคนก็อาจจะสะดวกสบายหรือติดขัด แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สุดแท้แต่วันเวลาและเส้นทางที่แต่ละคนเลือกที่จะเดินทาง

    การเดินทางไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ เป็นการเดินทางไปสู่โลกภายในที่กว้างใหญ่ไพศาลเสียยิ่งกว่าโลกทางกายภาพมากมายนัก ไม่มีผู้ใดสามารถเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกันได้ และไม่มีผู้ใดสามารถเผชิญกับประสบการณ์ที่เสมอเหมือนกันได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะเผชิญและเป็นไปในวิถีใด ล้วนขึ้นอยู่กับทางเลือกและการรับมือส่วนบุคคล

    หนังสืออีก 2 เล่มที่บรรจุรายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ในภาวะที่เรียกว่า ถอดจิต หรือเข้าภวังค์ หรือเข้าสู่โลกภายในคือหนังสือเรื่อง โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ - ภาคต้น และ โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ - ภาคปลายค่ะ

    หากคุณน้อง mamboo อยากทดลองประสบการณ์เหล่านี้ พี่นักเขียนขอสนับสนุนให้อ่านหนังสือและทำความเข้าใจให้ดีก่อน แล้วจึงค่อยทดลอง เพราะการทดลองโดยไม่รู้แม้จะไม่มีอันตราย แต่ก็ให้โทษได้ไม่มากก็น้อยคือ ทำให้กลัวไม่หาย หรือกลัวยิ่งไปกว่าเดิม และกลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการเรียนรู้โดยใช่เหตุ

    เมืิ่อมีความรู้ความเข้าใจแล้วคุณน้อง mamboo จะพบอีกว่า นอกจากจะไม่มีอันตรายแล้ว การเข้าออกโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ซึ่งเป็นโลกภายใน อันเป็นภาวะจิตของเรานั้น จะเข้าหรือออกอยู่ที่เราเลือก เช่นเดียวกันกับการเข้าสู่โลกของความฝัน และการออกจากโลกของความฝัน เราทั้งหลายเคยออกจากโลกของฝันร้ายด้วยการตื่นขึ้น-กลับมาสู่โลกยามตื่นที่ปลอดภัยกว่าได้หลายครั้งหลายหน และเราต่างก็ตระหนักดีว่า หากเราเผชิญกับฝันร้ายหรือเผชิญกับประสบการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ทางเลือกและพลังอำนาจทั้งหมดนั้น-เป็นของเรา (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2007
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    นัดพบในความฝัน-นอกเหนือกาลเวลา

    โลกของความฝันอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่างระยะทางและกาลเวลาเสมอ ดังนั้นการนัดพบกันในความฝันก็ย่อมเป็นการนัดพบนอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่างระยะทางและกาลเวลาเช่นกันค่ะ
    [​IMG]
    เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์มาแล้วพี่นักเขียนฝันว่า มีคนกลุ่มหนึ่งมาดำเนินการถ่ายภาพกันในสวนหลังบ้านพี่นักเขียน แม้ว่าบ้านในความฝันนั้นจะไม่ได้เหมือนบ้านในยามตื่นเลย แต่ตัวตนในฝันก็รับเอาโดยปริยายว่ามันคือบ้านของเรา เมื่อไปยืนมองผ่านหน้าต่างหลังบ้านออกไป แลเห็นว่าบุคคลที่เขากำลังถ่ายภาพนั้นคือ Queen Elizabeth พี่นักเขียนดีใจและรู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่เขามาใช้สวนหลังบ้านของเราเป็นสถานที่ถ่ายภาพบุคคลสำคัญเช่นนั้น จึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปเรียกลูกสาวมาดูอีกคน

    ลูกก็วิ่งตามพี่นักเขียนลงไปชั้นล่าง ตรงไปที่หน้าต่างหลังบ้าน จากนั้นเราสองคนก็เฝ้าดูสตรีสูงอายุอีกท่านหนึ่ง แต่งกายเรียบร้อยสวยงามมาก ก้าวเข้าไปถ่ายภาพคู่กับ Queen Elizabeth พี่นักเขียนรู้สึกปลื้มใจมากที่ได้รู้เห็นการถ่ายภาพครั้งนั้นอย่างใกล้ชิด

    เวลาผ่านไปได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ พี่นักเขียนได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากผู้อ่านสูงอายุท่านหนึ่งที่อยู่ต่างรัฐ บทสนทนาพาไปให้คุยกันเรื่องความฝัน ผู้อ่านท่านนั้นกล่าวว่า เมื่อคืนก่อนท่านฝันดี ฝันว่าได้ถ่ายรูปคู่กับ Queen Elizabeth

    พี่นักเขียนได้ฟังดังนั้นก็ขนลุกหมดทั้งศีรษะ และเล่าความฝันนี้ให้ท่านฟัง เราต่างก็หัวเราะแล้วกล่าวแทบจะพร้อมกันว่า "พี่น่ันเองที่ไปถ่ายรูปคู่กับ Queen Elizabeth" แม้จะเป็นเสมือนเรื่องขำขัน แต่เหตุการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เราต่างต้องหยุดคิด และสนเท่ห์กับภาวะอันสลับซับซ้อนของจิตวิญญาณเสมอๆ

    หากจะกล่าวว่า พี่นักเขียนกับท่านผู้อ่านท่านนี้ นัดพบกันในความฝัน หรือไปอยู่ในสถานที่ในความฝันเดียวกันก็คงไม่ผิด แม้เวลาจะแตกต่างกันไปหนึ่งสัปดาห์ก็ปราศจากความหมาย เพราะสาระของความฝันนั้นคือ การถ่ายภาพกับบุคคลสำคัญ ชีวิตจริงยามตื่น-พี่นักเขียนกับผู้อ่านท่านนี้ไม่ได้เคยพบกันค่ะ

    ประสบการณ์ความฝันของคุณ ณ น่าจะให้เงื่อนงำและคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนัดพบในความฝัน...

    ตามความเป็นจริงยามตื่นนะคะ พี่นักเขียนกำลังเตรียมการสอนทำสมาธิด้วยการวาดภาพ ซึ่งจะเปิด course ในเร็ววันนี้ที่เมือง Lawrence นี้ค่ะ คุณ ณ เป็นนักเรียนคนแรกที่เข้าเรียนล่วงหน้าไปแล้วหละค่ะ ขนาดอยู่อีกซีกโลกหนึ่งยังมาเร็วกว่าแสง นับว่าเป็นนักเรียนห้องวิทย์ฯขนานแท้เลยนะคะ ตอนแรกพี่นักเขียนกำหนดว่าจะให้นักเรียนวาดภาพขาวดำ และเพิ่งจะปรับ agenda ใหม่โดยจะให้นักเรียนวาดภาพระบายสีด้วยค่ะ

    บุคคลที่ปรากฏในความฝันของเรามากมายตลอดชีวิต ซึ่งเราไม่เคยรู้จักเขามาก่อนในชีวิตจริงยามตื่น คือบุคคลที่เรารู้จักในชาติภพอื่น มิติอื่น หรือรู้จักในชาติภพนี้มิตินี้ ในอดีตหรืออนาคต บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ หรือเส้นอื่นๆ

    แม้แต่พวกเราชาวห้องวิทย์ฯที่กำลังคุยกันอยู่นี้ เราก็น่าจะรู้จักกันมานานแสนนานหลายชาติภพ หลายมิติ หลายเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ แม้ว่าในอนาคต ในมิตินี้ ในโลกบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ เราอาจจะไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันเลย และในอนาคตเราก็อาจจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากัน แต่เราก็อาจพบกันได้เสมอๆในความฝัน พี่นักเขียนยังเคยฝันว่าพบคุณ Mead คุณ Mountain ทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันเลยค่ะยามตื่น และในความฝันก็รู้สึกเสมือนว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่างห่าง

    ความฝันของคุณ ณ แม่นจัง เพราะพี่นักเขียนหน้ากลมผม bob จริงๆค่ะ ใส่ jeans เมื่อไรก็ชอบใส่เสื้อเชิ้ตพับแขนแบบ tomboy จริงๆด้วยค่ะ แต่เวลาเต้น ballroom ชอบแต่งตัวสวยๆนะคะ เต้นยังไม่เก่งเท่าไรขอสวยไว้ก่อน-เอาดีค่ะ คุณ Mead หัวหน้าห้องแอบแว้บมาดูหลายเดือนก่อนตอนหัดเต้นใหม่ๆ ตอนนี้เก่งขึ้นหน่อยแล้ว หัวหน้ายังไม่เห็นมาอีกเลยคะ สงสัยจะงานยุ่ง

    คำกล่าวของคุณ zipper ที่ว่า
    ตอนที่ตื่น สิ่งต่างๆ ที่เราสัมผัส มักจะมีการบิดเบือน อันนี้ตามความเข้าใจของตัวเองก็คือว่า ทั้งจากบิดเบือนจากความคิดเราที่มีต่อสิ่งนั้นๆ และบิดเบือนด้วยสิ่งนั้นเอง เพราะสิ่งนั้นเป็นเครื่องพราง โลกแห่งจิตจะมาสู่โลกแห่งกายภาพได้ ก็ต้องมาเป็นเครื่องพราง


    หากเราปราศจากความเข้าใจในเครื่องพราง เรามักตัดสินว่า ความฝันบางความฝันไร้สาระ เพราะมันไม่มีอะไรใกล้เคียงกับโลกยามตื่นของเรา เราเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงภายในได้ยาก เพราะเราคุ้นเคยกับเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา หากสิ่งต่างๆปรากฏโดยปราศจากลำดับตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก เราจะลำดับเรื่องราวไม่ได้และรู้สึกสับสน และหากประสบการณ์หนึ่งๆเกิดขึ้นโดยปราศจากช่องว่างและระยะทาง เช่น เราเตรียมตัวเดินทาง แล้วเราก็ไปปรากฏ ณ จุดหมายปลายทาง เมื่อเราจะนำประสบการณ์นี้มากล่าวเป็นคำพูด มันแทบจะไร้สาระหรือความหมายสำหรับโลกยามตื่น เพราะเราเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้

    บ่อยครั้งประสบการณ์ในความฝันดำเนินไปพร้อมกันหลายเหตุการณ์ แต่เราจะทำได้อย่างดีที่สุดก็คือ ทบทวน จดบันทึกหรือเล่าความฝันได้ทีละเรื่องเป็นลำดับไป ทั้งที่เหตุการณ์เหล่านั้นอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหมดอย่างฉับพลันและสัมพันธ์กันทั้งหมด แต่เราก็ไม่อาจบรรยายความสัมพันธ์ของมันได้อย่างตรงไปตรงมา เราจะทำได้ก็เพียงนำมันมาเรียงลำดับเสมือนว่ามันเป็นความฝันคนละเรื่องกัน

    การสนทนาเกี่ยวกับประสบการณ์ความฝันเหล่านี้ มีประโยชน์กับเรามากมาย เพราะเมื่อเราขยายความรู้ความเข้าใจ และความรู้ความเข้าใจเหล่านี้อยู่ในสติสัมปชัญญะของเราแล้ว เราจะพบว่าเมื่อเราเผชิญกับเหตุการณ์ในความฝัน เราจะนำความรู้ความเข้าใจเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างเป็นอัตโนมัติ และหากเรามีสติสัมปชัญญะที่ตระหนักได้ในความฝันว่า เรากำลังนำความรู้ยามตื่นไปใช้เผชิญกับเหตุการณ์ในความฝัน เราจะพบว่าเราก้าวไปสู่ภาวะที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราตื่นขึ้นอีกระดับหนึ่งในความฝัน

    ภาวะที่พี่นักเขียนกำลังพูดถึงอยู่นี้ เป็นภาวะที่คล้ายกับที่เรารู้สึกว่าเราตื่นขึ้นในความฝัน แต่เราจะรู้ตัวอีกด้วยว่าเราได้นำความรู้ยามตื่นไปเผชิญกับเหตุการณ์ในความฝัน มันทำให้เราตาสว่างขึ้นและตื่นเต้นกับความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง หากเปรียบกับคำกล่าวที่คุณ zipper ว่า
    .....ถ้าอยากเห็นว่าหน้าตาเค้าเป็นยังไง ก็ให้เลิกผ้าคลุมหน้าขึ้นมา... ภาวะนี้จะเหมือนได้เห็นหน้าเต็มตาแล้ว ก็เข้าใจหมดโดยปราศจากคำพูด (rose)
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    จดจ่อกับสิ่งที่ปรารถนา

    คิดถึงน้องนกเช่นกันค่ะ
    น้องนกยังอายุน้อยมาก ฝรั่งเขาวิจัยว่า คนเราจะยังมี baby fat จนอายุเลย 20 ไปมากๆแล้ว baby fat ที่มีมาแต่ตอนเป็น baby จึงจะละลายหมด หากทานผลไม้แทนขนมหวานจะทำให้ baby fat หายไปได้หมด
    [​IMG]
    อย่านำคำวินิจฉัยในแง่ลบมาไว้ในความคิดคำนึง นำแต่คำชม และคำวินิจฉัยที่สวยงามและเป็นที่พึงปรารถนาของเรามาไว้ในความคิดของเราเสมอๆค่ะ

    พี่นักเขียนเรียนเต้นรำใหม่ๆ เต้นไม่เก่งเลย และรู้สึกว่าตนเองคงไปไม่รอด แต่พยายามฝึกโดยเริ่มต้นด้วยการเลิกวิจารณ์ตนเอง แต่งตัวให้สวย ใส่รองเท้าสวยไว้ก่อน แล้วเอาคำวินิจฉัยที่ว่าเต้นไม่เก่ง เต้นไม่สวยเก็บใส่ถุง-ผูกปากถุง แล้วทิ้งถังขยะไปเลย เอาแต่คำว่า ฝึกเต้นรำให้เก่ง รองเท้าสวยจัง กับ กระโปรงสวยจังมาใส่ไว้ในสติสัมปชัญญะเสมอๆ
    [​IMG]
    ต่อมาก็ขยันฝึก รองเท้าคู่สวยมันก็พาเท้าเราไปได้สวย กระโปรงสวยๆมันก็พาเราเคลื่อนไหวไปได้สวยๆ การจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่บวก ทำให้เรากำจัดคำวินิจฉัยในแง่ลบที่เราได้รับจากตนเองหรือผู้อื่นไปได้เสมอค่ะ ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เสมอๆว่า
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
    จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ
    พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้นๆ
    (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...