เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โอบามาเซ็นรับรองกม.งบประมาณ ลุ้นฝ่าด่านคองเกรสผ่านร่างลดภาษี
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 ธันวาคม 2554 21:55 น.</TD><TD vAlign=center align=left>


    <SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์(17) ภายหลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายร่วม 1 ล้านล้านดอลลาร์ และร่างกฎหมายยืดเวลาลดภาษีให้แก่มนุษย์เงินเดือน ทว่าขยายไปเพียง 2 เดือน ซึ่งโอบามาแสดงความไม่พอใจ

    เอเจนซีส์ – “โอบามา” ลงนามรับรองกฎหมายงบประมาณรายจ่ายมูลค่าร่วมๆ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลรอดหวุดหวิดจากการต้องปิดทำการเพราะไม่มีเงินใช้จ่าย กระนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ยังคงเหลือโจทย์ยากในสภาดักหน้าการเลือกตั้งปลายปี 2012 เกี่ยวกับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินเดือนที่ถูกพ่วงกับการพิจารณาโครงการท่อส่งน้ำมันจากแคนาดา
    รัฐสภาสหรัฐฯ เร่งพิจารณากฎหมายงบประมาณรายจ่ายฉบับนี้แข่งกับเวลา เนื่องจากงบประมาณสำหรับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลจะหมดลงภายในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และอาจทำให้ต้องปลดข้าราชการออก โดยในวันเสาร์ (17) ปรากฏว่าวุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างทันเวลา และโอบามาก็รีบลงนามบังคับใช้
    วุฒิสภายังได้ลงมติอนุมัติร่างกฎหมายขยายเวลาการลดหย่อนภาษีของรายได้จากเงินเดือน ทว่าให้ยืดเวลาออกไปอีก 2 เดือน จากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้ขยายออกไป 1 ปีเต็ม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้ต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้กันอีกรอบต้นปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่แคมเปญหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภายิ่งทวีความเข้มข้น
    “คงเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้ หากคองเกรสไม่ขยายมาตรการลดภาษีชนชั้นกลางนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปีหน้า” โอบามากล่าวภายหลังการลงนามประกาศใช้กฎหมายงบประมาณรายจ่ายมูลค่ารวม 915,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะเพิ่มการอัดฉีดกระทรวงกลาโหม แต่ลดงบประมาณที่ให้แก่สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษา และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ของรัฐบาล
    ทั้งทำเนียบขาวและนักเศรษฐศาสตร์เอกชนหลายคนเตือนว่า เศรษฐกิจอเมริกาอาจได้รับผลกระทบอย่างจังในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน หากรัฐบาลไม่สามารถต่ออายุมาตรการลดภาษีที่จัดเก็บจากรายได้จากเงินเดือนนี้ให้มีผลบังคับใช้ตลอดปีหน้าได้
    ทว่ าส.ว. มิตช์ แมกคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรครีพับลิกันในสภาสูง ดักคอว่า “เพื่อให้ได้บางอย่าง คุณต้องยอมประนีประนอมด้วยเหมือนกัน”
    ทั้งนี้ ร่างกฎหมายขยายเวลาลดภาษีที่ผ่านวุฒิสภาไปแล้วนั้น ฝ่ายรีพับลิกันได้ผลักดันให้บรรจุข้อความซึ่งทำให้ประเด็นเรื่องการสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอลของทรานส์แคนาดา จากแคนาดาสู่อ่าวเม็กซิโกในบริเวณมลรัฐเทกซัส กลับมาเป็นวาระทางการเมืองอีกครั้ง
    โอบามาได้พยายามเลื่อนการตัดสินใจโครงการนี้ ซึ่งเสี้ยมนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชนกับสหภาพแรงงานและกลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจ โดยที่ทั้งสองข้างต่างเป็นฐานการเมืองของเขา ดังนั้นเขาจึงบอกปัดเลื่อนการตัดสินใจนี้ ออกไปจนถึงหลังการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนปีหน้าที่เขาหวังว่า จะได้ครองทำเนียบขาวสมัยที่ 2
    ทว่า ในร่างกฎหมายที่ผ่านวุฒิสภา มีข้อความกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศต้องออกใบอนุญาตให้โครงการคีย์สโตนภายใน 60 วัน หรือไม่เช่นนั้นโอบามาก็ต้องประกาศว่าโครงการนี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการจุดชนวนระเบิดทางการเมือง เนื่องจากรีพับลิกันจะโจมตีทันทีว่า โอบามาปฏิเสธโอกาสในการสร้างงาน 20,000 ตำแหน่งในขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงและที่สำคัญยังเป็นปีเลือกตั้งใหญ่อีกด้วย
    ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า ร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีผู้กินเงินเดือน พ่วงด้วยการบังคับให้ตัดสินใจโครงการท่อส่งน้ำมันนี้ จะสามารถผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ โดยที่ทั้งสองพรรคใหญ่ยังคงสาดโคลนป้ายผิดกันอย่างหนักหน่วง
    เด็บบี้ วัสเซอร์แมน ชูลซ์ ส.ส. เดโมแครต บอกว่า สมาชิกเดโมแครตในสภาล่างจะสนับสนุนมาตรการลดภาษี แต่โจมตีว่า คำแปรญัตติเกี่ยวกับโครงการท่อส่งน้ำมันเป็นความผิดพลาดของรีพับลิกัน เนื่องจากการบังคับให้คณะรัฐบาลทบทวนโครงการนี้ภายในเวลาแค่ 2 เดือนแทนที่จะเป็นหนึ่งปี อาจทำให้โครงการนี้ล่ม
    ขณะเดียวกัน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวที่เฉื่อยชา โอบามาขอให้คองเกรสขยายมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับพนักงานคนละ 1,500 ดอลลาร์ต่อไปอีก 1 ปี
    อนึ่ง สภาผู้แทนราษฎรซึ่งอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายร่วม 1 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ อาจเริ่มพิจารณาร่างกฎหมายลดภาษีที่ผ่านวุฒิสภามาแล้วกันในวันจันทร์ (19) ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาการประลองกำลังอย่างดุเดือดยกใหม่ระหว่างทำเนียบขาวกับรีพับลิกัน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000160931
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'คิม จอง อิล'ถึงแก่อสัญกรรม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ทีวีเกาหลีเหนือประกาศ "คิมจองอิล" ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เนื่องจากทำงานมากเกินไป
    สถานีโทรทัศน์ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยผู้ประกาศข่าวรายงานว่า นายคิม ถึงแก่อสัญกรรม เนื่องจากการทำงานมากเกินไปทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    การถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จอง-อิล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดของเกาหลีเหนือ ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ทรุดลงทันที 5% เมื่อทราบข่าว
    <!-- Tags Keyword -->
    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20111219/425094/คิม-จอง-อิลถึงแก่อสัญกรรม.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เมอร์ริล ลินช์ มองเศรษฐกิจโลกในปี 2012

    โดย : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
    [​IMG]

    แบงก์ออฟอเมริกาเมอร์ริล ลินช์ มองเศรษฐกิจโลกในปีหน้าไม่ดีนักและเห็นว่าต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=386925392&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->เห็นได้จากตารางการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (ดูตารางประกอบ)

    จะเห็นได้ว่าในกรณีฐานนั้นเมอร์ริล ลินช์ มองว่าจีดีพีโลกจะขยายตัวได้ดีพอใช้ที่ 3.7% แต่เมอร์ริล ลินช์ ให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 1.9% และเศรษฐกิจยุโรปติดลบ 0.6% ดังนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจึงเป็นการขยายตัวที่ถูกขับเคลื่อนจากการขยายตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นหลักและในส่วนนี้ตลาดเกิดใหม่เอเชียจะขยายตัวสูงสุด คือ 7.1% เห็นได้จากการคาดการณ์ว่าจีนจะยังขยายตัว 8.6% อินเดีย 6.8% และอินโดนีเซีย 6.0% โดย 3 ประเทศเอเชียดังกล่าวมีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลกเข้าไปแล้ว

    ที่น่าสนใจ คือ เมอร์ริล ลินช์ ให้โอกาสที่จะเกิดกรณีฐาน (base case) เพียง 50% ซึ่งผิดปกติเพราะโดยทั่วไปแล้วกรณีฐานน่าจะมีโอกาสเกิดขึ้น 80-90% และกรณีที่ดีกว่าคาดหรือร้ายกว่าคาดจะมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างละ 5-10% แต่ในครั้งนี้เมอร์ริล ลินช์ ให้โอกาสที่เหตุการณ์ร้ายเกินคาดจะเกิดขึ้นสูงถึง 40% ในขณะที่กรณีที่ดีเกินคาดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 10%

    ในกรณีร้ายเกินคาดนั้นต้นเหตุจะเกิดจากปัญหายุโรปที่แก้ไขไม่เป็นที่พอใจของนักลงทุน ทั้งนี้ ในวันที่บทความนี้ถูกนำออกไปตีพิมพ์อาจทราบบ้างแล้วว่าปัญหายุโรปจะค่อยๆ ทุเลาลงหรือจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะได้ผ่านการประชุมผู้นำของยุโรปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม และได้มีการวิเคราะห์และประเมินผลการประชุมดังกล่าวไปแล้วว่าผลการประชุมจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหายุโรปอย่างเบ็ดเสร็จหรือจะยังพยายามแก้ปัญหาแบบซื้อเวลาต่อไปอีก ซึ่งหากเป็นกรณีแรกก็จะทำให้เกิดความคาดหวังในเชิงบวก และทำให้กรณีดีเกินคาดมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่า 10% กล่าวคือ เมอร์ริล ลินช์ เตรียมรับข่าวร้ายมาในระดับหนึ่งแล้ว

    ในกรณีร้ายเกินคาดเศรษฐกิจยุโรปจะติดลบมากถึง 2.5% ซึ่งน่าจะกดดันให้บางประเทศขนาดเล็กต้องยินยอมออกจากเงินสกุลยูโร ทำให้เกินความปั่นป่วนอย่างมากและเศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 1% ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐก็หดตัวตามยุโรป แต่หดตัวเพียง 0.5% ในกรณีดังกล่าว นักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ มองว่าเศรษฐกิจในเอเชียที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด คือ เศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าขายกับต่างประเทศสูง ได้แก่ สิงคโปร์โดยเศรษฐกิจจะปรับลดลงจากที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8% ในกรณีฐานเป็นติดลบ 3.0% ในกรณีเลวร้าย รองลงมา คือ มาเลเซียจาก 3.6% มาเป็น -1.0% ฮ่องกงจาก 3.9% มาเป็น 1.7% ไต้หวันจาก 3.2% มาเป็น 1.2% และเกาหลีใต้จาก 3.6% มาเป็น 1.8% สำหรับประเทศไทยนั้นภัทรฯ มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4% ในกรณีฐานแต่หากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปหดตัวเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปี 2012

    เมอร์ริล ลินช์ มองว่าตลาดหลักในเอเชีย คือ จีน อินเดียและอินโดนีเซียนั้นมีความแข็งแกร่งที่จะตรึงอัตราการขยายตัวเอาไว้ที่ระดับค่อนข้างสูงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปจะหดตัว ได้แก่ จีนที่จะขยายตัว 8.6% ในปีฐานแต่ก็จะยังขยายตัวได้สูงถึง 7.5% ในกรณีร้ายเกินคาด อินเดียจะขยายตัว 6.8% กับ 6.0% และอินโดนีเซียจาก 6.0% เป็น 4.5% ดังนั้น สิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้และจะทำให้ภาพของเอเชียทรุดลงเป็นอย่างมาก คือ การที่ 3 ประเทศหลักดังกล่าวขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ ในกรณีของจีนนั้นเริ่มเห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน รวมทั้งการปรับลดลงของราคาบ้าน แต่นักลงทุนก็ยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน และจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังที่พอเหมาะพอควร ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ในกรณีของอินเดียนั้นมีปัญหาเรื้อรังอยู่มากเช่นการขาดดุลงบประมาณ ปัญหาเงินเฟ้อและการอ่อนตัวของค่าเงินรูปี แต่เมอร์ริล ลินช์ ก็ยังมองว่าทางการไม่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่เข้มงวดเกินไปและจะยังรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเอาไว้พร้อมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 6% หรือมากกว่านั้น ซึ่งผมเองเป็นห่วงว่าการบริหารจัดการเศรษฐกิจอินเดียนั้นจะเป็นความท้าทายอย่างสูง จึงควรต้องระมัดระวังในส่วนนี้ ในกรณีของอินโดนีเซียนั้นก็มีลักษณะบางประการคล้ายคลึงกับอินเดีย โดยเฉพาะในส่วนของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงแต่ดอกเบี้ยยังต่ำเกินไป จึงทำให้เกรงว่าหากเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจหดตัวลงอย่างมาก ก็จะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างกว้างขวาง

    การมองภาพเศรษฐกิจยุโรปหดตัวลงในไตรมาสปัจจุบันต่อเนื่องไปยังครึ่งแรกของปีหน้า (ทำให้เศรษฐกิจยุโรปหดตัวทั้งปีในปี 2012) นั้น เป็นการประเมินที่ใกล้เคียงกันของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เพราะแม้จะฝ่าวิกฤติเงินยูโรไปได้ (คือ ไม่เกิดการแตกสลายของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร) แต่ก็ต้องแลกกับการรัดเข็มขัดทางการคลังอย่างรุนแรงฉับพลันและยืดเยื้อ ทำให้เศรษฐกิจยุโรปจะต้องชะลอตัวอย่างชัดเจนในปี 2012 แต่มุมมองของเมอร์ริล ลินช์ ที่แตกต่างนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คือ การมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ปัจจุบันดูดี (โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ระดับ 3% ในไตรมาสปัจจุบัน) จะชะลอตัวลงในปี 2012 ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องดำเนินนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกครั้ง (QE3) ในไตรมาส 3 ของปีหน้า ทั้งนี้ เพราะนักลงทุนจะเริ่มกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2012 รวมทั้งการที่รัฐสภาและฝ่ายบริหารจะต้องเจรจากันอีกครั้งเพื่อขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลภายในต้นปี 2013 หากหลังการเลือกตั้ง การเมืองสหรัฐยังมีความแตกแยกและหาทิศทางในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะไม่ได้ชัดเจน ก็อาจส่งผลต่อความมั่นใจของเจ้าหนี้ของสหรัฐได้ในที่สุด ทั้งนี้ สหรัฐได้เปรียบยุโรปอย่างมาก เพราะมีอภิสิทธิ์ในการพิมพ์เงินสกุลหลักของโลกออกมาใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดและตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูง ทำให้รัฐบาลสหรัฐกู้เงินได้ที่ดอกเบี้ยต่ำแม้สถานะทางการคลังของสหรัฐจะย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ดี เมอร์ริล ลินช์ ได้กล่าวเตือนว่าในระยะยาวหากสหรัฐไม่จัดการกับปัญหาทางการคลัง สหรัฐก็อาจต้องเผชิญกับวิกฤติหนี้สาธารณะในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากกรีกในขณะนี้ก็เป็นได้ครับ

     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 18 ธันวาคม 2554 06:12
    "สตาร์ค"ค้านโครงการซื้อพันธบัตรช่วยรัฐบาลยูโรโซน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    นักเศรษฐศาสตร์ดังอีซีบีค้านโครงการซื้อพันธบัตรช่วยรัฐบาลยูโรโซน
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=918946489&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/finance/foreign/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->นายเจอร์เกน สตาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลชาติต่างๆ ที่มีปัญหาหนี้สินในยูโรโซน ว่าไม่ใช่หนทางแก้วิกฤติหนี้ยุโรป
    นายสตาร์ค ให้สัมภาษณ์นิตยสารข่าวธุรกิจประจำสัปดาห์ของเยอรมนีแห่งหนึ่ง ว่า ประเทศต่างๆม่ควรกดดันเพื่อขอให้อีซีบีช่วยซื้อพันธบัตรมากเกินไป เพราะตั้งแต่เดือนพ.ค. ปี 2553 อีซีบีได้เข้าซื้อพันธบัตรไปแล้วประมาณ 210 พันล้านยูโร (273 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งอีซีบี ไม่สามารถปล่อยให้การเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเป็นไปอย่างไร้ขีดจำกัด
    การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำท่าทีของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อีซีบี และสอดคล้องกับท่าทีของนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน
    ที่ผ่านมา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารกลางของยุโรป (อีซีบี)ผู้นี้ ได้ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้ โดยการประกาศของเขามีขึ้นในเดือนก.ย. สร้างความประหลาดใจให้แก่หลายฝ่าย โดยบรรดานักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ของอีซีบี มองว่า การประกาศลาออกของสตาร์ค มีขึ้นเนื่องจากที่เขาออกมาคัดค้านโครงการดังกล่าว
    นอกจากนี้ นายสตาร์ค ยังแนะนำให้ทุกฝ่ายเร่งปรับใช้กฏข้อบังคับต่างๆที่ได้มีการตกลงกันแล้ว ในการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป เมื่อ วันที่ 8 ธ.ค. ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และกล่าวถึงรัฐบาลกรีซว่า ชะลอโครงการฟื้นฟูวิกฤติหนี้ในประเทศออกไป และมัวไปต่อว่าประเทศอื่นๆ แทนที่จะสนใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศตัวเองให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 ธันวาคม 2554 17:17
    ขุนคลังฝรั่งเศสสับเละศก.อังกฤษน่าห่วง!

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ขุนคลังฝรั่งเศสเพิ่มรอยร้าวสัมพันธ์กับอังกฤษหลังวิพากษ์ชนิดสับเละเศรษฐกิจอังกฤษว่าน่าเป็นห่วงและชาวฝรั่งเศสโชคดีกว่าชาวอังกฤษในช่วงนี้
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=829371915&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/finance/foreign/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->นายฟรังซัวร์ บารวง รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุในกรุงปารีสว่า ภาวะเศรษฐกิจในอังกฤษขณะนี้ ถือว่าน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง และว่าชาวฝรั่งเศสน่าจะโชคดีกว่าชาวอังกฤษในสถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งถ้อยแถลงนี้ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส คนล่าสุดที่ออกมาให้ทัศนะที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจอังกฤษ ขณะที่สื่อของอังกฤษหลายฉบับ พร้อมใจกันประโคมข่าวพาดหัวตอบโต้อย่างรุนแรง
    ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว นายคริสติยง โนแยร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส ระบุว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือควรจะหันไปลดความน่าเชื่อถือของอังกฤษ ก่อนที่จะมาลดอันดับเครดิต AAA ของฝรั่งเศส โดยยกข้อมูลอ้างว่า เศรษฐกิจอังกฤษ กำลังมืดมน
    หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีฟรองซัว ฟียง ของฝรั่งเศส ยังออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนทัศนะดังกล่าว ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสื่อในอังกฤษอย่างมาก จนพาดหัวโจมตีฝรั่งเศสอย่างรุนแรง ขณะที่รัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า อังกฤษมีแผนสำหรับการแก้ไขเศรษฐกิจ และจะเดินหน้าหารือกับกลุ่มยูโรโซนต่อไป
    หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ กล่าวว่า ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส ควรรู้สึกละอายใจ ที่แสดงความโกรธเกรี้ยวใส่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ระหว่างการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาลิสบอน ของสหภาพยุโรป เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส ของอังกฤษวิจารณ์ความเห็นของนายโนเยร์ ว่า "เลวร้าย" พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ว่าแบงก์ชาติ ที่มาคอยแนะนำให้ลดเครดิตเรตติ้งประเทศอื่น
    ขณะที่ หนังสือพิมพ์เดอะซัน ก็มีบทความโจมตี นายโนเยร์ และกล่าวเสียดสีว่านายโนเยร์ "มีความโง่ในระดับ AAA" และหนังสือพิมพ์ เดอะไทม์ ให้นิยามพฤติกรรมดังกล่าวของผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสว่า ไม่สมควรให้อภัย ส่วนเทเลกราฟ วิเคราะห์ว่า การกระทำครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาที่เป็นเหตุผลเบื้องหลังวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ccsNr9UJeVY&feature=BFa&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp]Kim Jong Il dead: Video of grief and mass hysteria in North Korea - YouTube[/ame]
    อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 19 ธ.ค. 2011
    The news of the North Korea's leader death has put the 24-million population on the verge of insanity, hyped up by unceasing TV broadcast of mass mourning throughout the country. &shy;North Korea's national flag is flying at half-mast today on every flagpole in the country.
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=h-mEdt2Q0Dc&feature=BFa&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp]North Korean leader Kim Jong-il dies - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 19 ธ.ค. 2011
    North Korea's veteran leader Kim Jong-il has died at the age of 69. State media announced he passed away on Saturday, after suffering a heart attack. Kim Jong-il's youngest son, Kim Jong-un, has been named his successor. Meanwhile, as the news broke, Pyong-yang's long standing enemy, South Korea put its armed forces on high alert, while the government has declared the situation an emergency. Kim Jong-il's body is lying in state in a mausoleum in the capital, before a funeral service on December 28th. Until then, a period of mourning has been declared in the country. Anissa Naouai takes a look back at the life of a man, who became a symbol of the reclusive state.
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dK_RnxYdrqU&feature=related]Hard times generation: homeless kids - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย CBSNewsOnline เมื่อ 6 มี.ค. 2011
    For some children, socializing and learning are being cruelly complicated by homelessness, as Scott Pelley reports from Florida, where school buses now stop at motels for children who've lost their homes.
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=xz0ODZiKavs&feature=related"]The Rockefellers (Full) - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย keithypops เมื่อ 19 มี.ค. 2011
    Please research More, there is lots of information about the Rockefellers that this documentary does not even scratch the surface of.
    Some of this documentary is at the least inaccurate, at best a total lie.
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Y_wkVJcH65s&feature=related]The house of Rothschild - the Money's prophets - full 56min - YouTube[/ame]
    อัปโหลดโดย HumanityWins เมื่อ 24 ม.ค. 2011
    Secret History of the International Bond Market

    A commentary on Niall Ferguson's The House of Rothschild by youtube user Realpolitikdocs:
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=pOkaEkGHDiU]The international bond market ... A secret History - YouTube[/ame]


    I DO NOT CLAIM THE OWNERSHIP OF ANY OF THE CONTENT.
    UPLOADED FOR FREE PUBLIC INFORMATION
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_9wYu1SR1Wk&feature=related]The Money Masters [Full Documentary] - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย GoodFightUploads เมื่อ 17 มี.ค. 2011
    Watch "The Secret of Oz" here:
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=swkq2E8mswI]The Secret of Oz - Winner, Best Docu of 2010 v.1.09.11 - YouTube[/ame]
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้นำ'คิม'คนหนึ่งสิ้นไป, ผู้นำ'คิม'อีกคนก้าวขึ้นมา

    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); widows: 2; orphans: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย โดนัลด์ เคิร์ก</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 ธันวาคม 2554 07:18 น.</TD><TD vAlign=center align=left>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

    The Kim is dead, long live the Kim!
    By Donald Kirk
    19/12/2011

    คิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือถึงแก่อนิจกรรมในวัย 69 ปี โดยมีการประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการในวันจันทร์(19) ก่อนหน้านั้นมีการคาดหมายกันว่า เขาจะตัดหน้าสหรัฐฯด้วยการชิงออกมาแถลงถึง “ระยะเวลาหยุดพักชั่วคราว” ที่โสมแดงจะระงับการทดลองขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร แต่มาถึงตอนนี้เกมต่อรองทั้งหลายทั้งปวงเป็นอันยกเลิกกันไป ในขณะที่เกาหลีเหนือทำการไว้อาลัยบุรุษที่รู้จักกันในสมญานามว่า “ท่านผู้นำที่รัก” ผู้ปกครองเหนือประชาชนผู้หิวโหยของเขาด้วยกำปั้นเหล็กตลอดระยะเวลา 17 ปีที่อยู่ในอำนาจ

    โซล – การสิ้นชีวิตเมื่อวันเสาร์ (17) ที่ผ่านมา ของ คิม จองอิล (Kim Jong-il) จอมเผด็จการเกาหลีเหนือผู้โดดเด่นด้วยทรงผมฟูบาน และสวมรองเท้าเสริมส้นสูงปริ๊ด กำลังนำเราเข้าสู่ยุคใหม่แห่งข่าวลืออันดุเดือดเลือดพล่าน, การวางท่าวิเคราะห์เจาะลึกอย่างหยิ่งยโส, และความสับสนอีนุงตุงนัง เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ ภายในประเทศซึ่งโดดเดี่ยวเหินห่างจากโลกภายนอกแห่งนั้น

    อันที่จริงเพียงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง คิม จองอิล ยังดูแข็งแรงสบายดีอยู่เลย ในขณะที่เขาเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่ง และถ่ายภาพโดยที่เขาอยู่ข้างๆ คิม จองอุน (Kim Jong-eun) บุตรชายและผู้ที่น่าจะขึ้นเป็นทายาทสืบทอดอำนาจต่อจากเขา จนกระทั่งในช่วงสายจัดๆ ของวันจันทร์ (19) ก็มีเสียงกระซิบกระซาบกันไปทั่วให้เตรียมพร้อมไว้สำหรับ “การประกาศข่าวสำคัญ” ของเกาหลีเหนือ ในตอนเที่ยงวันนั้น ตามเวลาเกาหลี

    สิ่งที่คาดทายกันในระยะแรกๆ ก็คือ ข่าวสำคัญดังกล่าวนี้น่าจะเป็นการที่เกาหลีเหนือจะตัดหน้าวอชิงตัน ด้วยการประกาศข้อตกลงว่าด้วย “ระยะเวลาหยุดพักชั่วคราว” ที่โสมแดงจะเว้นวรรคการทดลอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐฯจะส่งความช่วยเหลือด้านอาหารไปให้เกาหลีเหนืออีกครั้ง

    เวลานี้เกมการต่อรองทั้งหลายทั้งปวงเป็นอันยกเลิกไปก่อน ในขณะที่เกาหลีเหนือทำการไว้อาลัยบุรุษที่รู้จักกันในสมญานามว่า “ท่านผู้นำที่รัก” (Dear Leader) ผู้ปกครองเหนือประชาชนผู้หิวโหยของเขาด้วยกำปั้นเหล็กตลอดระยะเวลา 17 ปีที่อยู่ในอำนาจ สิ่งที่แน่นอนชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้วก็คือ บุตรชายคนที่สาม คิม จองอุน คือผู้ที่ได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำ (titular leader) คุณเพียงแค่เห็นชื่อของเขาปรากฏอยู่ในฐานะประธานของคณะกรรมการจัดงานศพ ก็สามารถทราบได้แล้วว่ากลุ่มผู้นำที่อยู่รายล้อมศูนย์อำนาจของเกาหลีเหนือ กำลังจะกระทำตามความปรารถนาของบิดาของเขากระทั่งถึงระดับนั้นทีเดียว

    อย่างไรก็ดี เรายังจะต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องความเคลื่อนไหวไปสู่การรอมชอมกันระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ ก่อนหน้านี้มันดูเหมือนกำลังเดินหน้าไปได้ดีทีเดียว แม้กระทั่งภายหลังจากที่ คิม จองอิล ซึ่งสิริอายุได้ 69 ปี ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ทว่าก่อนที่เราจะได้ทราบกันจากการประกาศข่าว

    กลีน เดวีส์ (Glyn Davies) ผู้แทนสหรัฐฯดูแลเรื่องเกาหลีเหนือคนใหม่ กำลังเตรียมที่จะเดินทางกลับไปกรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้อยู่แล้ว เพื่อดำเนินการเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับท็อปผู้หนึ่งของเกาหลีเหนือ โดยนี่น่าจะเป็นความจริงอย่างที่สันนิษฐานกันอย่างกว้างขวาง นั่นคือ เป็นขั้นตอนเกริ่นนำ ก่อนที่การเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะเริ่มขึ้นมาใหม่เป็นนัดแรก หลังจากชะงักงันไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2008

    การเจรจา 6 ฝ่ายดังกล่าวซึ่งมีปักกิ่งเป็นเจ้าภาพนั้น ในที่สุดแล้วก็อาจจะจัดขึ้นมาอีกจนได้ ทว่าคงจะต้องหลังจากเกาหลีเหนือผ่านพ้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงถ่ายโอนอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถ้าหากไม่ได้อยู่ภายในแวดวงอำนาจของเปียงยางแล้ว ก็อาจจะไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย ตัว คิม จองอุน ในเวลานี้ ดูจะมีฐานะเป็นทายาทของบิดาของเขา เฉกเช่นเดียวกับบิดาของเขาเคยเป็นทายาทผู้เตรียมก้าวขึ้นสู่อำนาจ ภายหลังการสิ้นชีวิตของ คิม อิลซุง (Kim Il-sung) ในเดือนกรกฎาคม 1994 ทว่า คิม จองอิล มีการเตรียมตัวที่ดีกว่าบุตรชายของเขามากนักในการขึ้นกุมอำนาจ

    จองอุน ได้รับแต่งตั้งจากบิดาให้เป็นนายพลระดับสี่ดาว อีกทั้งได้ยืนอยู่เคียงข้างบิดา ในการสวนสนามโอ่อวดแสนยานุภาพทางทหารครั้งมโหฬารยิ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2010 แต่เขาจะประสบความยากลำบากแน่นอนในการก้าวเดินไปตามเส้นทางของเขา ท่ามกลางบรรดานายพลสูงอายุซึ่งเป็นผู้ควบคุมพื้นที่ทุกๆ เขตของประเทศ

    อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขาจะต้องทำในเวลาอันรวดเร็วยิ่งกว่านั้นอีกก็คือ เขาจะต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถในการจัดการรับมือกับอาหญิงของเขา คิม ยุงฮุย (Kim Kyung-hui) ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของ คิม จองอิล และ จาง ซองเต็ก (Jang Song-thaek) สามีผู้ทะเยอทะยานของเธอ จางนั้นมีตำแหน่งเป็น 1 ใน 4 รองประธานของคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศ (National Defense Commission) ศูนย์กลางแห่งอำนาจในเกาหลีเหนือ โดยที่ผู้นั่งเป็นประธานของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ก็คือ คิม จองอิล

    จองอุนจะต้องหาทางจัดการกับบรรดานายพลผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย ซึ่งมีความรอบรู้ยิ่งกว่าตัวเขาเองมากนัก ว่าภายในชนชั้นปกครองแห่งเปียงยาง กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง และใครกำลังอะไรให้กับใคร ทั้งนี้การเดินหมากเดินกลยุทธ์ของแต่ละฝ่ายน่าจะเป็นเนื้อหาของละครซึ่งอุดมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ โดยที่ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรยังไม่มีความแน่นอนเอาเสียเลย

    กระนั้นก็มีความเป็นไปได้ ที่บรรดานายพล, ญาติๆ และเขยๆ เหล่านี้ทั้งหลายทั้งปวง จะตัดสินใจรอมชอมปรองดองกันด้วยความเข้าใจที่ว่า พวกเขาเองจะมีโอกาสอยู่รอดได้ดีที่สุดถ้าหากให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังชายหนุ่มผู้นี้ ถ้าหากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ คำถามสำหรับสหรัฐฯ, เกาหลีใต้, และฝ่ายอื่นๆ จะอยู่ตรงที่ว่า จองอุนรู้สึกว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องพยายามแสดงอำนาจของเขาด้วยถ้อยคำโวหาร และบางทีอาจจะกระทั่งด้วยการข่มขู่ หรือว่าจะเป็นในทิศทางตรงกันข้าม นั่นคือเขาอยู่ในอารมณ์ซึ่งต้องการการรอมชอมกับพวกที่เป็นศัตรูของเกาหลีเหนือมาอย่างยาวนาน

    คำถามอีกข้อหนึ่งก็คือ ประชากรผู้อดอยากหิวโหยและถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน จะแสดงออกอย่างไรเมื่อได้รับทราบข่าวการสิ้นชีวิตของ คิม จองอิล จากประวัติแห่งการประหัตประหารและจำคุกคุมขังใครก็ตามที่แสดงให้เห็นแม้กระทั่งสัญญาณบอบบางที่สุดแห่งการไม่ยอมก้มหัวให้ทางการ ไม่น่าที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนเกาหลีเหนือรำลึกถึงเขาด้วยความเคารพเลื่อมใสเลย

    กระนั้นก็ตามที เราสามารถแน่ใจได้เลยว่า การแสดงความอาลัยด้วยการร้องไห้รำพันคร่ำครวญในที่สาธารณะยังจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นปีๆ ภายหลังจากการวายชนม์ของเขา ด้วยสปิริตเช่นนี้แหละ ทำให้ต้องเป็นผู้หญิงแต่งกายในชุดฮันบอคตามประเพณีสีดำ เป็นผู้ออกมาประกาศข่าวคิมสิ้นชีวิตจากโรคหัวใจวายร้ายแรง ขณะกำลังอยู่บนรถไฟ คาดกันว่าเขาคงกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางตรวจงานอีกเที่ยวหนึ่ง ในหลายๆ เที่ยวเหลือเกินของเขา ถึงแม้มีข่าวว่าเขาป่วยหนักด้วยโรคโลหิตในสมองตีบในเดือนสิงหาคม 2008 ทว่าช่วงปีหลังๆ มานี้ ยังคงมีรายงานข่าวการตระเวนตรวจงานของเขาไม่ได้ขาดตอนเลย

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การสิ้นชีวิตของ จองอิล ทำให้เกิดสูญญากาศแห่งอำนาจขึ้นในเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ในระยะ 3 ปีหลังมานี้ ท่านผู้นำที่รักผู้นี้ก็ได้หาทางผลักดัน จองอุน ซึ่งผ่านการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์อยู่หลายปี ให้กลายเป็นทายาทของเขา ชนิดข้ามหน้าข้ามตาพี่ชายอีก 2 คน โดยเฉพาะคนที่ชื่อ คิม จองนัม (Kim Jong-nam) เพลย์บอยผู้กำลังใช้ชีวิตอย่างหรูหราอยู่ในมาเก๊า

    “สถานการณ์แบบนี้ ระบบจะไม่ยินยอมให้มีการปรับเปลี่ยนอย่างง่ายๆ หรอก” เดวิด สเตราบ์ (David Straub) อดีตหัวหน้าโต๊ะเกาหลี แห่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯให้ความเห็น สเตราบ์ชี้ว่า นอกจากพวกนายพลทรงอำนาจทั้งหลายแล้ว พลังอิทธิพลในแกนกลางของวงในแห่งอำนาจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ คิม อ็อค (Kim Ok) ภรรยาอีกคนหนึ่งของคิม จองอิล ก็ต้องถือเป็นพวกผู้เล่นรายสำคัญๆ เช่นกัน ทั้งนี้พวกนายพลทรงอำนาจอาจจะรวมตัวจัดตั้งเป็นคณะทหารปกครองประเทศขึ้นมา หรือไม่ก็ทำตัวเป็นอำนาจที่อยู่เบื้องหลังบัลลังก์ที่ครอบครองโดย คิม จองอุน

    ความจริงแล้ว เกาหลีเหนือก่อนที่คิมจะสิ้นชีวิต ดูเหมือนจะได้ผ่อนเพลาโวหารการโฆษณาชวนเชื่อของตนให้อ่อนลงมาแล้ว ขณะที่กำลังเตรียมตัวสำหรับวาระวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคิมในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตลอดจนงานเฉลิมฉลองอันใหญ่โตหลายๆ งานเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปีของ คิม อิลซอง บิดาของเขาที่เป็นผู้ปกครองเกาหลีเหนือมาอย่างยานานและวายชนม์ไปในปี 1994

    เกาหลีเหนือนั้นเคยทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินอยู่ 2 ครั้ง ในเดือนตุลาคม 2006 และเดือนพฤษภาคม 2009 แต่ดูเหมือนจะเก็บคำขู่ที่จะทำการทดลองครั้งที่สามเอาไว้ก่อน ขณะที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือด้านอาหารจากสหรัฐฯและเกาหลีใต้ โดยที่ ลี เมียงบัค (Lee Myung-bak) ประธานาธิบดีหัวอนุรักษนิยมของโสมขาว ได้จัดแจงตัดความช่วยเหลือดังกล่าวภายหลังที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 สำหรับการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำโสมแดงคราวนี้ ลีได้รีบเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน ขณะที่กองทหารเกาหลีใต้ก็อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมรับศึกเต็มที่

    โรเบิร์ต คิง (Robert King) ผู้แทนสหรัฐฯที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนของเกาหลีเหนือ เมื่อเร็วๆ นี้ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับท็อปคนหนึ่งของเกาหลีเหนือ ในกรุงปักกิ่งเพื่อหารือกันเกี่ยวความช่วยเหลือด้านอาหารดังกล่าว

    “เวลานี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้และของสหรัฐฯจะต้องรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็วมากเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ในคำแถลงต่อสาธารณชน” สเตราบ์ บอก “พวกเขาจะต้องทบทวนและรวมกลุ่มกันใหม่ในเรื่องเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านอาหาร”

    ตั้งแต่ที่มีรายงานข่าวชิ้นแรกๆ เกี่ยวกับการป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตสมองตีบของ คิม จองอิล ในปี 2008 พวกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือก็ได้ใช้ความพยายามอย่างมากมายมหาศาล เพื่อที่จะสาธิตให้เห็นความแข็งแกร่งของบุรุษผู้ซึ่งสถาปนาการปกครองด้วยคนๆ เดียวเหนือดินแดนโสมแดง ด้วยความเข้มงวดรุนแรงพอๆ กับของบิดาของเขา

    สุขภาพของเขาเสื่อมโทรมลงอย่างหนัก หลังจากที่เมื่อเดือนตุลาคม 2007เขาเป็นเจ้าภาพต้อนรับ โรห์ มูเฮียน (Roh Moo-hyun) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในเวลานั้น โรห์ได้เดินหน้านโยบายรอมชอมที่เรียกกันว่า นโยบาย “อาทิตย์สาดแสง” (Sunshine) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นโดย คิม แดจุง (Kim Dae-jung) ประธานาธิบดีโสมขาวคนก่อนหน้าเขา คิมเป็นผู้ที่เดินทางไปเปียงยางเพื่อการประชุมสุดยอดสองเกาหลีเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2000

    อย่างไรก็ตาม สเตราบ์เล่าว่า “เขาดูดีขึ้นมาก” เมื่อเขาเป็นเจ้าภาพต้อนรับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐฯ ในกรุงเปียงยางเดือนสิงหาคม 2009 สเตราบ์ร่วมอยู่ในคณะของคลินตันซึ่งนั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปเปียงยางเพื่อช่วยเหลือ 2 นักข่าวทีวีสหรัฐฯ คือ ลอรา หลิง (Laura Ling) กับ อูนา ลี (Euna Lee) ซึ่งถูกฝ่ายเกาหลีเหนือจับกุมคุมขังเมื่อ 5 เดือนก่อนหน้านั้นขณะกำลังถ่ายวิดีโอในบริเวณแม่น้ำทูเมน (Tumen River) ที่เป็นเส้นแบ่งแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน “เขาไปไหนมาได้อย่างสบาย” สเตราบ์ทบทวนความหลัง “ผมจึงออกจะประหลาดใจอยู่บ้างที่เขาเสียชีวิตไปอย่างย่ำแย่แบบนี้”

    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม “เจ็บป่วยด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และมีอาการหัวใจวายร้ายแรงแทรกซ้อน ขณะอยู่บนขบวนรถไฟเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม” รายงานชิ้นนี้กล่าวว่า เขาต้องอยู่ภายใต้ “ความเคร่งเครียดอย่างใหญ่หลวงทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ท่านยังคงตรวจเยี่ยมให้คำชี้แนะภาคสนามของท่านอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน เพื่อผลักดันการสร้างประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง”

    โดนัลด์ เคิร์ก ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ในเอเชียมายาวนาน และเป็นผู้เขียนหนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ ชื่อ Korea Betrayed: Kim Dae Jung and Sunshine

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    EU วอนทั่วโลกเพิ่มทุนสนับสนุน IMF ช่วยกู้วิกฤตยูโรโซน
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); widows: 2; orphans: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 ธันวาคม 2554 09:50 น.</TD><TD vAlign=center align=left>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เอเอฟพี - สหภาพยุโรปวิงวอนกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จี20 และประเทศผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโลก ช่วยกู้วิกฤตหนี้สินยูโรโซนผ่านทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) หลังการคัดค้านของอังกฤษทำให้รัฐมนตรีคลังยุโรปไม่อาจบรรลุเป้าหมายอัดฉีดเงินทุนจำนวน 200,000 ล้านยูโรให้แก่ ไอเอ็มเอฟ ได้สำเร็จ

    ฌอง โคลด จังเกอร์ ประธานยูโรโซน แถลงข้อเรียกร้องดังกล่าวหลังผ่านพ้นการประชุมนาน 3 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งได้ผลสรุปว่า 17 ประเทศยูโรโซนจะเพิ่มวงเงินให้แก่ไอเอ็มเอฟอีก 150,000 ล้านยูโร เพื่อเสริมความมั่นคงแก่เศรษฐกิจยุโรป ซึ่งการที่ไม่อาจบรรลุเป้าหมาย 200,000 ล้านยูโรที่ตั้งไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมนั้น สาเหตุหลักก็มาจากอังกฤษที่ไม่ยอมรับเงื่อนไข

    ตามโควต้าซึ่งกำหนดโดยขนาดและความร่ำรวยของประเทศ อังกฤษจะต้องมีส่วนในวงเงินอัดฉีดครั้งนี้ราว 30,000 ล้านยูโร

    ปัจจุบัน ไอเอ็มเอฟ ยังมีวงเงินเหลืออยู่ประมาณ 250,000 ล้านยูโร เพื่อปล่อยกู้แก่ประเทศที่เข้าโครงการปฏิรูปตามเงื่อนไขขององค์กร

    “สหภาพยุโรปมีความยินดี หาก จี20 และสมาชิกไอเอ็มเอฟที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งอื่นๆ จะช่วยสนับสนุนความพยายามปกป้องเสถียรภาพการเงินโลกไว้ โดยเพิ่มวงเงินสนับสนุนแก่ ไอเอ็มเอฟ เพื่อใช้อุดช่องว่างทางการเงิน” แถลงการณ์ของ จังเกอร์ ระบุ

    สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, โปแลนด์ และสวีเดน ต่างให้คำมั่นว่าจะเพิ่มวงเงินสนับสนุนไอเอ็มเอฟ ขณะที่อังกฤษจะ “ประกาศวงเงินสนับสนุนในช่วงปีใหม่ ตามกรอบแนวทางของ จี20” จังเกอร์ เผย

    โฆษกรัฐบาลอังกฤษ แถลงว่า “อังกฤษเต็มใจเสมอมาที่จะพิจารณาเพิ่มทุนให้แก่ ไอเอ็มเอฟ แต่ต้องเป็นไปเพื่อบทบาทของอังกฤษบนเวทีโลก และเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนานาชาติ”

    ด้าน ไอเอ็มเอฟ ก็ออกมาแสดงความชื่นชมข้อเรียกร้องที่ให้ทุกฝ่ายเพิ่มเงินสนับสนุนแก่กองทุนฯ

    “เรายินดีที่รัฐมนตรีคลังยุโรปสนับสนุนให้มีการเพิ่มพูนทรัพยากรครั้งใหญ่แก่ ไอเอ็มเอฟ ในขณะที่เราพยายามเสริมศักยภาพเพื่อเติมเต็มภาระรับผิดชอบที่เรามีต่อสมาชิกทุกประเทศ”

    ปัจจัยที่สำคัญก็คือ สหรัฐฯในฐานะที่เป็นสมาชิก ไอเอ็มเอฟ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด และเป็นคู่ค้าสำคัญกับยูโรโซน จะตอบสนองข้อเรียกร้องนี้หรือไม่อย่างไร ในที่กรุงวอชิงตันเองก็มีหนี้สินและปัญหาขาดดุลงบประมาณที่จะต้องแก้ไข

    จังเกอร์ ซึ่งกล่าวถึง “ความรับผิดชอบพิเศษ” ในส่วนของประเทศยูโรโซนเอง ชี้ว่า สำหรับบางประเทศเช่น เยอรมนี จะต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาเสียก่อน จึงจะอนุมัติเงินสนับสนุนก้อนใหญ่ถึง 45,000 ล้านยูโรได้

    เจนส์ ไวด์มันน์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเยอรมนี กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า โควต้าดังกล่าวไม่เป็นปัญหาสำหรับเบอร์ลิน หากสมาชิก ไอเอ็มเอฟ ชาติอื่นๆจะออกเงินสนับสนุนในสัดส่วนเป็นธรรมด้วย

    “แต่ถ้าประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐฯ บอกว่าไม่เอาด้วย นั่นก็คงเป็นปัญหาในมุมมองของเรา” เขากล่าว

    ด้าน รัสเซีย แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พร้อมสนับสนุนเงินกู้และเงินลงทุนจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแก่ไอเอ็มเอฟ ขณะที่ จีน, อินเดีย และ บราซิล ยังไม่ประกาศร่วมลงขันมากมายถึงเพียงนั้น

    Around the World - Manager Online - EU
     
  14. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    มาคิดแบบหลุดโลกความจริงกันหน่อยไม๊คะคุณขวัญ

    ถ้ามีใครทำ Inception กับว่าที่ผู้นำเกาหลีเหนือคนใหม่ได้นี่
    ประเทศเกาหลีเหนือจะเปลี่ยนไปไม๊?
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คิดเล่นๆ นะ
    ยังไม่แน่ค่ะ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนเกาหลีเหนือ
    ต้องไปทำ Inception กับ คนๆนั้น ถึงจะมีผล

    ผู้นำทางจิตวิญญาณคนนั้น คือคนที่ชาวเกาหลีเหนือเชื่อฟังและทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข

    มีคนเขามองว่า คิมจองอุน นี่อาจจะคล้ายๆ จักรพรรดิปูยี มีคนรอเชิดอยู่หลายก๊ก ตามบทความที่แปะไป อะค่ะ ผู้นำ'คิม'คนหนึ่งสิ้นไป, ผู้นำ'คิม'อีกคนก้าวขึ้นมา

    แต่ข่าวเกาหลีเหนือที่ออกมาก็ยังไม่แน่ว่าจะเชื่อได้แค่ไหน เพราะเขาเป็นประเทศปิด
    ยากที่จะได้ข่าวสารตามความเป็นจริง ขนาดประเทศเปิดเสรีประชาธิปไตย
    ยังเชื่อสื่อไม่ค่อยได้เลย ในยุคนี้ที่คนโกหกเป็นใหญ่เป็นโตบิดเบือนข่าวสาร
    เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ยุคที่คนสับสนในเรื่องดีชั่ว หุหุ

    แต่ว่านะ คงมีคนอยากควบคุม คิมจองอุน แน่นอน เพราะเขามีแนวโน้มมากกว่า
    จะได้เป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไป ต้องติดตามดูข่าวกันต่อไป

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไลฟ์สไตล์หรู"คิม จอง-อิล"บนความค่นแค้นของชาวโสมแดง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ไลฟ์สไตล์หรู"คิม จอง-อิล"บนความรันทด-อดอยากของประชาชนชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่แม้ก่อนตายยังฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 69อย่างยิ่งใหญ่

    การจบชีวิตของคิม จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ หากคิดอีกมิติหนึ่ง ถือเป็นการปิดฉากผู้นำที่ไร้สำนึกของความเป็นผู้นำที่ดี เพราะตลอดชีวิตของการเป็นผู้นำ คิม จอง-อิล ไม่ได้ช่วยให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น ในทางตรงกันข้าม กลับใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย สำเริงสำราญ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยากจนค่นแค้น
    คิม จอง-อิล ใช้ชีวิตเยี่ยงเพลย์บอย ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จัด โดยเฉพาะยี่ห้อต่างประเทศ และเพิ่งจะจัดงานฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 69 อย่างหรูหรา โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะอดอยากแร้นแค้นแสนสาหัส และช่วงที่ประชาชนดิ้นรนเอาชีวิตรอดหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ท่านผู้นำคนนี้ กลับไปล่องเรือยอร์ชและนอนรีสอร์ตหรูริมทะเล ซึ่งภาพเรือยอร์ชของเขา ได้รับยืนยันอย่างชัดเจนจากภาพถ่ายดาวเทียม
    การถูกนานาชาติคว่ำบาตร ทำให้เกาหลีเหนือ ต้องนำเข้าสินค้าราคาแพงส่วนใหญ่จากจีน และต้องผิดหวังในความพยายามจะซื้อเรือยอร์ชหรูหรา2 ลำ จากอิตาลี มูลค่ารวม 15 ล้านดอลลาร์
    นอกจากจะใช้เงินซื้อความสบายใส่ตัวแล้ว ท่านผู้นำเกาหลีเหนือที่ลาโลกไปแล้วรายนี้ ยังใช้เงินซื้อความภักดีจากบรรดาเจ้าหน้าที่ชนชั้นปกครอง ส่วนใหญ่เป็นของขวัญราคาแพงนำเข้าจากจีน
    แต่คงไม่มีใครรู้ว่า คิม จอง-อิล ไม่ยอมโดยสารเครื่องบิน เพราะกลัวจะถูกศัตรูยิงตก เวลาไปต่างประเทศจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟ แต่ถ้าเป็นในประเทศจะใช้รถยนต์ โดยหวังผลว่า การเดินทางด้วยวิธีนี้จะสามารถใช้แผนลวงหน่วยข่าวกรองต่างประเทศได้ และว่ากันว่า บนขบวนรถไฟของนายผู้นำเกาหลีเหนือผู้ลาลับ นอกจากจะมีเครื่องดื่มและอาหารเลิศหรูแล้ว ยังมีสาว ๆ ไว้คอยปรนเปรอความสุขอีกด้วย
    ด้วยความที่ต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก ทำให้นายคิม จอง-อิล มีรถไฟส่วนตัวสุดหรูถึง 6 ขบวน และแต่ละขบวนมีตู้มากถึง 60 ตู้ และหุ้มเกราะ ภายในประกอบด้วย ห้องนอน ห้องประชุม ห้องรับรอง เครื่องรับโทรทัศน์ติดผนัง และอุปกรณ์สื่อสารทันสมัย เช่น โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ทำให้เขาสามารถสั่งการเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ แม้จะอยู่ระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีสถานีพิเศษ 19 สถานี เพื่อรองรับขบวนรถไฟของเขาโดยเฉพาะ
    คิม จอง-อิล มีวิธีหลบเลี่ยงการถูกโจมตี ด้วยการส่งรถไฟขบวนแรกเดินทางล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของราง ตามด้วยขบวนที่ 2 ที่บรรทุกหน่วยรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกันด้านหลัง ส่วนรถไฟของนายคิม มักจะเดินทางด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    ที่ทำงานของนายคิม จอง-อิล ไม่ต่างอะไรกับป้อมปราการ มีกำแพงคอนกรีตหนา 80 เซ็นติเมตร มีประตูหุ้มเกราะที่สามารถทนทานต่อกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงจากรถถัง ซึ่งชาติตะวันตกมักจะมองภาพลักษณ์ของคิม จอง-อิล ด้วยความขบขัน ทั้งเครื่องแต่งกายและทรงผม
    ดังจะเห็นได้จากภาพการ์ตูนล้อเลียน แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์บุคคล กลับเห็นว่า ผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้ ซ่อนความฉลาดสุขุม และไร้ความปรานีไว้ภายใต้รูปกายภายนอก และพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นกุญแจสำคัญ เพื่อความอยู่รอดของระบอบและของตัวเอง
    ไมเคิล บรีน นักวิจารณ์และผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ วิเคราะห์คิม จอง-อิล ให้ฟัว่า ไม่ใช่คนบ้าระห่ำ หรือเป็นคนที่ชอบตบตาใคร และที่ผ่านมา ผู้นำเกาหลีเหนือก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดไหน ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาในสายตาชาวโลก อาจดูเป็นเพลย์บอย นิสัยประหลาด แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นผู้นำที่ฉลาดและมีชั้นเชิงการเมืองอย่างมาก
    คิม จอง-อิล ต้องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ก็เพื่อหวังเอาใช้ต่อกรกับสหรัฐ เพื่อที่สหรัฐจะได้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ จึงหาทางยื้อมาโดยตลอด ไม่ยอมละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ง่าย ๆ ไม่ว่าจะถูกกดดันขนาดไหน
    อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ เคยตั้งฉายาคิม จอง-อิลว่า " ปิ๊กมี่ " และมีข้อมูลที่ไม่อาจยืนยันได้ว่า ช่วงที่ศึกษาอยู่ในกรุงเปียงยาง คิม จอง-อิลสอบได้ที่ 1 มาโดยตลอด ส่วนข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สิ้น!'คิมจองอิล'ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-อเมริกา สะเทือน?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    นักวิชาการวิพากษ์'เกาหลีเหนือ...หลังอสัญกรรม คิมจองอิล'ผู้นำใหม่ต้องรอเสริมบารมีและสร้างความกังวลให้ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอเมริกา

    ในรายการคม-ชัด-ลึก เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ถกในประเด็น"เกาหลีเหนือ...หลังอสัญกรรม "คิมจองอิล" โดยดร.วิเชียร อินทะสี นักวิจัยโครงการเกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เนื่องจากสังคมเกาหลีเหนือเป็นสังคมปิดการรับรู้ข่าวสารจำกัด ประชาชนจะไม่มีโอกาสรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับผู้นำจึงเป็นไปอย่างจำกัด และประวัติศาสตร์เกาหลีก็เป็นแบบปิด ค่านิยมตะวันตกที่จะเข้าไปจึงน้อยมากเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้
    หากย้อนไปปี 1334 คิมอิลซุงผู้เป็นพ่อของคิมจองอิล ก็เดินตามลัทธิขงจื้อ มีการปลูกฝังลิทธิคอมมิวนิสต์บูชาตัวบุคคลว่าเป็นนักต่อสู้ ดังนั้นสิ่งที่ปลูกฝังต่อภาพของผู้นำจึงเกิดขึ้น หากเปรียบเทียบปี 1994 ภาพการเสียชีวิตของคิมอิลซุง กับคิมจองอิล ก็คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในระดับกลุ่มผู้นำก็มีความกังวลทั้่งภายในและภายนอก ที่กระบวนการสืบทอดอำนาจยังไม่สิ้นสุด เมื่อการสืบทอดจากพ่อคิมอิลซุง มายัง คิมจองอิล ใช้เวลา 14 ปี แต่ช่วงระยะเวลาอันสั้นในการสืบทอดอำนาจต่อจากคิมจองอิล คงลำบากเพราะมีลูกชายหลายคน และแม้ว่าจะตั้งคิมจองอุลเป็นนายพลสี่ดาว และตั้งน้องสาวคิมจองอิลเป็นนายพลสี่ดาว แต่ในระยะเวลาสั้นๆ บารมีความเข้มแข็งยังน้อย การจะพยุงฐานะบุตรชายให้อยู่ในตำแหน่ง และการประสานต่างๆ ว่าจะไม่เกิดการแก่งแย่งอำนาจระหว่างคอมมิวนิสต์กับทหาร และปัญหาของเกาหลีเหนือนอกจากจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติแล้ว การจะเดินตามรอยพ่อก็ยังมีประเด็นที่ต้องมองว่า ผู้เป็นอาจะเห็นอย่างนั้นหรือไม่ และผู้ที่มีหัวแนวปฏิรูป หรือผู้ที่หัวเก่า ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ

    แม้ว่าคิมจองอุล จะเรียนจากสวิสเซอร์แลนด์แต่การจะนำสิ่งที่ได้มาพัฒนาประเทศก็ต้องระมัดระวัง เพราะหากประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารก็จะไม่เชื่อคำสั่งรัฐ

    ดังนั้นความชอบธรรม หรือความภักดีก็จะลดหย่อนลง และเกิดการประทุขึ้นในสังคม แม้ผู้นำเกาหลีใต้จะค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่การเปลี่ยนนโยบายในเชิงกระทันหันคงไม่มี และการเจรจา 6 ฝ่ายเมื่อผู้นำเสียชีวิตก็คงยังไม่เกิดขึ้น การจะแสดงความยั่วยุต่างๆ ก็คงไม่มีเช่นกัน

    รศ.ดร.ดำรงค์ ฐานดี ผอ.ศูนย์เกาหลีศึกษา ม.รามคำแหง กล่าวว่า ภายหลังเกาหลีเหนือแยกจากเกาหลีใต้มีการเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเอง ว่าเป็นเพราะคิมอิลซุงจึงถูกขนานนามว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ มีการปลูกฝังว่าคิมอิลซุง และคิมจองอิง เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เมื่อมีการสูญเสียจึงเท่ากับสูญเสียวีรบุรุษ และเมื่อดูสภาพที่แท้จริงจะเห็นว่าเกาหลีเหนือจะไม่มีคนจน เพราะจนเท่ากันหมด แต่ทุกคนจะมีบ้าน มีครอบครัว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นจะมีคนรวยจริงๆ และจนจริงๆ และพยายามสร้างเกาหลีเหนือให้เป็นแดนสุขาวดี จะเป็นคอมมิวนิสต์ที่สมบูรณ์ที่สุด หมายความว่าทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่เท่าเทียมกัน

    ดังนั้นการจากไปของทั้งสองคนจึงทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจ เพราะทายาทที่จะตามมาอย่าง คิมจองอุล ก็อยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว ยังไม่มีบารมี
    อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพฤติกรรมของเกาหลีเหนือคาดหวังไม่ได้ คนที่จะกังวลมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอเมริกา ส่วนประเทศที่เอื้ออาทรมากที่สุดคือ จีน เพราะเกาหลีเหนือจะค้าขายกับประเทศอื่นได้น้อยมากเมื่อเทียบกับจีน จึงคาดว่าหลังจากคิมจองอิลเสียชีวิตแล้วจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ที่จีนจะเข้ามาครอบงำและแผ่ไปยังญุี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เมื่อจะเอาตำแหน่งให้ลูกชายซึ่งอายุน้อยมาก จะต้องมีหลายคนไม่พอใจ ขณะเดียวกันการที่ผู้นำกลุ่มต่างๆ จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ หรือหนีไปอยู่ประเทศอื่นก็มีความเป็นไปได้

    มีข้อมูลออกมาหลายอย่างซึ่งในเกาหลีเหนือจะมีนักโทษการเมืองที่กระด้างกระเดื่องกับคิมจองอิลประมาณ 2 พัน-3 พันคน แม้แต่คิมจองนำบุตรชายคนโตของคิมจองอิลก็รู้สึกว่าตำแหน่งน่าจะเป็นของตนเอง คิมจองชูก็มีลักษณะเป็นผู้หญิงซึ่งไม่ถูกโฉลก จึงได้เลือกคิมจองอุล และหากมีกลุ่มที่สนับสนุนคิมจองนำก็จะเกิดปัญหา การต่อสู้ทางการเมืองก็จะคุกรุ่น แต่หากมีหลายกลุ่มที่ช่วงชิงอำนาจสุญญากาศทางการเมืองก็จะเกิดขึ้น การล่มสลายของเกาหลีเหนือก็อาจจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่เยอรมันที่ล่มสลาย และจีนก็จะเข้าไปครอบงำ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาก็อาจจะเป็นจีน เช่นเดียวกับที่จีนเข้าไปในทิเบต หรือกลายเป็นรัฐบรรณาการ และคิดว่า คิมจองอุล คงไม่สามารถเดินทางกรอบของคิมอิลซุง ทำให้เกาหลีเหนือมีอำนาจในประเทศตนเอง และจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

    กลไกที่รัฐบาลใช้มาตั้งแต่สมัยคิมอิลซุง ทุกอย่างจะสร้างสรรค์ว่าเป็นสวรรค์บนดิน ในเมืองก็จะมีปราสาทสำหรับเด็ก เมื่อเด็กเลิกเรียนแล้วก็จะไปเที่ยวในส่วนนี้ เพื่อให้รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีคนจนคนรวยทุกอย่างเท่ากันหมด และทีวีก็จะมีการสรรเสริญผู้นำ แม้ว่าจะมีอินเทอร์เน็ตก็จะคุยกันได้แต่ในประเทศ แม้แต่หนังสือพิมพ์รัฐบาลก็จะเซ็นเซอร์ คนในเกาหลีเหนือจะไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ ยกเว้นมาทำการค้า หรือทำงานในสถานทูต หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวจะถูกจำกัดสถานที่ที่จะไป จะไปเดินเที่ยวในสถานที่ที่ต้องการก็ไม่ได้ ต่างจากจีนที่กว้างมากใครอยากได้อะไรก็ได้

    สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เกาหลีเหนือ ดีมาโดยตลอด เราอยากให้ทั้งสองประเทศรวมตัวกันอย่างสันติ และนายกฯของไทยก็ส่งสารแสดงความเสียใจไปยังเกาหลีเหนือ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะเดินหน้าต่อไป แต่คนเกาหลีใต้ก็บอกว่าไม่อยากที่จะรวมกับเกาหลีเหนือเพราะต้องเอาเงินไปอุ้ม จึงอยากให้เป็นรูปแบบนี้ ขณะที่อีกกลุ่มคิดว่าจะมีการรวมกันดีหรือไม่ เพราะไม่อยากให้จีนดูดไป

     
  18. โฮดี้๐๐

    โฮดี้๐๐ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +14
    หวัดดีขอรับคุณขวัญ คุยกับคุณใจดีไปถึงไหนแล้วล่ะครับ
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'สื่อ-กูรู'สงสัยผู้นำเกาหลีเหนือตายมีเงื่อนงำ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    สื่อและนักวิเคราะห์เกาหลีใต้ ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำเกาหลีเหนือมีเงื่อนงำ-อาจถูกลอบสังหารหรืออุบัติเหตุ

    เว็บไซท์หนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานแสดงความสงสัยต่อข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า สถานีโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือได้รายงานว่า นายคิมถึงแก่อสัญกรรมด้วยการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากโรคหัวใจขาดเลือด หลังเกิดภาวะช็อคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากเกิดอาการเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ และได้สิ้นใจบนรถไฟ ขณะอยู่ระหว่างการเดินทางตรวจพื้นที่ชั้นนอก
    อย่างไรก็ตาม ข่าวการถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหันของนายคิม เกิดขึ้นในช่วงที่เขาดูมีสุขภาพดีขึ้น ที่เห็นได้จากภาพถ่ายและวิดีโอ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริง ที่บางคนตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะถูกลอบสังหารหรือไม่ก็อุบัติเหตุ โดยชี้ว่า เหมือนเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปี 2537 ที่ประธานาธิบดีคิม อิล ซุง บิดาของเขา ไม่ได้เสียชีวิตที่บ้านพักหรือที่ทำงาน
    นักวิเคราะห์บางคน ลงความเห็นว่า ทั้งนายคิมและบิดาของเขา ถึงแก่อสัญกรรมในช่วงที่เกาหลีเหนือเผชิญแรงกดดันอย่างเข้มข้นจากโลกภายนอก เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
    สุขภาพของนายคิมย่ำแย่มาโดยตลอด เขาเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อปี 2551 ซึ่งแพทย์บอกว่า เขาอาจรับสืบทอดโรคหัวใจแบบเดียวกับบิดา ซึ่งเมื่อปี 2537 บิดาของเขาถึงแก่อสัญกรม เพราะอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและหัวใจขาดเลือด
    ศาสตราจารย์ ฮอง ซุน-ชอน จากศูนย์ระบบหัวใจและหลอดเลือดของโคเรีย ยูนิเวอร์ซิตี้ อานัม ฮอสปิทัล ให้ความเห็นว่า นายคิมมีพฤติกรรมชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เครียดบ่อย สูบบุหรี่และดื่มจัด อีกทั้งครอบครัวยังมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งทำให้เขาได้รับมรดกตกทอดมาด้วย ซึ่งโรคนี้มีส่วนกว่า 80% ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างกระทันหัน
    แต่ในช่วงการเดินทางเยือนรัสเซียและจีน เมื่อต้นปี นายคิมดูมีสุขภาพดีขึ้น จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจจะมีการปกปิดสาเหตุที่แท้จริงเกี่ยวกับการถึงแก่อสัญกรรมของเขา นักวิเคราะห์หลายคน มองว่า การระบุสาเหตุการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม ไม่ต่างจากสมัยบิดาของเขาเมื่อ 17 ปีก่อน ที่ถูกระบุว่า เขาถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปี 2537 หลังจากเริ่มป่วยด้วยโรคหัวใจขาดเลือด เพราะทำงานหนักเกินไป และสิ้นใจที่บ้านพักฤดูร้อน
    นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ในปัจจุบันใกล้เคียงกับเมื่อปี 2537 ที่ประธานาธิบดีคิมอิล ซุง ถึงแก่อสัญกรรม ตอนที่ประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือกำลังวิกฤติถึงขีดสุด ซึ่งเกาหลีเหนือกับสหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาที่นครเจนีวา และหลังประธานาธิบดีคิม ถึงแก่อสัญกรรม ได้มีการเจรจาเรื่องการระงับโครงการนิวเคลียร์ที่ใช้พลูโตเนียม เพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    นายคิม จองอิล ถึงแก่อสัญกรรมในช่วงที่เกาหลีเหนือกำลังเจรจากับสหรัฐ เกี่ยวกับการรื้อฟื้นการเจรจา 6 ฝ่าย เพื่อลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือเสนอจะระงับโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือกับสหรัฐ เพิ่งจะวางแผนจัดการเจรจารอบที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง และมีแนวโน้มว่าจะชะงักงันอีกเช่นเคย
    '
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หุหุ ต้องร้องเพลงรอไปก่อนค่ะ
    น้ำกำลังเชี่ยว ช่วยอะไรบ่อได้ ได้แค่บอกเรื่องที่รู้มาให้เขาฟัง แต่จะฟังหรือเปล่า
    ก็อยู่ที่เขาแล้ว ประสบการณ์บอกว่า กาลเวลาจะพิสูจน์ความจริงให้เขาได้รู้เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...