เก็บรวบรวม!!องค์กรลับและทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย foleman, 27 กรกฎาคม 2012.

  1. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    และขอแถมตัวอย่างในปัจจุบันว่า ซีไอเอ(อเมริกา) แทรกแซงไทยผ่านทางไหน!


    ซีไอเอเล็งไทยสู้ภัยก่อการร้าย ทุ่ม100ล.หนุนตั้งโรงเรียนด้านการข่าว

    โดย ผู้จัดการรายวัน 28 ตุลาคม 2547 08:16 น.


    ผู้จัดการรายวัน - ซีไอเอ ทุ่ม 100 ล้านบาท ช่วยไทยตั้งโรงเรียนด้านการข่าว หลังเล็งเห็นไทย
    อยู่ในภูมิภาคที่เริ่มมีภัยคุกคามจากการก่อการร้าย ขณะที่ไทยเอง ก็ต้องการยกระดับงานด้านการข่าว
    ให้เทียบเท่าระดับสากล โดยมีกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเป็นแม่งานใหญ่

    วานนี้ (27 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.ปรุง บุญผดุง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.)
    เปิดเผยถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการของ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ว่า
    ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะให้สันติบาลเป็นแม่แบบในการดำเนินงาน การด้านข่าวกรอง
    โดยมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพด้านการข่าวของตำรวจ แบบบูรณาการ

    ดังนั้นจึงได้จัดตั้งโรงเรียนด้านการข่าวขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือ
    การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการข่าว และการนำองค์ความรู้ดังกล่าวมาฝึกอบรมและสนับสนุนการปฏิบัติงาน
    ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความทัดเทียมกับระดับสากล

    "โรงเรียนการข่าวที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างนั้น จะประกอบไปด้วยพื้นที่ฝึกซ้อมการปฏิบัติการ
    ทั้งการรักษาความปลอดภัย การเจรจาต่อรอง การต่อต้านข่าวกรอง และการอบรมด้านการข่าว ซึ่งไม่เพียงแต่จะ
    จัดอบรมให้ตำรวจสันติบาลเท่านั้น แต่พร้อมจะสนับสนุนหน่วยงานอื่นด้วย โดยได้รับการสนับสนุน ด้านงบประมาณ
    ทั้งการออกแบบและปลูกสร้าง จากมิตรประเทศ โดยไม่มีเงื่อนไข ขณะเดียวกันก็ได้รับอนุมัติที่ดินจากราชพัสดุ
    จำนวน 80ไร่ บริเวณริมถนนศรีสมาน-ปากเกร็ด จ"นนทบุรี ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน ปีหน้า"

    ส่วนการข่าวด้านความมั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุ ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดน
    ภาคใต้โดยเฉพาะการสลายม็อบหน้า สภ.อ.ตากใบ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
    พล.ต.ท.ปรุง กล่าวว่า จากการข่าวเหตุการณ์ยังไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ โดยมีเฉพาะในพื้นที่
    จ.นราธิวาส ที่ได้รับรายงานว่า มีการเคลื่อนไหว ของกลุ่มนักศึกษา กลุ่มองค์กรอิสระ และญาติของผู้เสียชีวิต
    และได้รับบาดเจ็บ ที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหวังตอบโต้เจ้าหน้าที่ แต่เพื่อความไม่ประมาท ทางสันติบาล
    ได้ติดตามข่าวการก่อเหตุร้ายอย่างใกล้ชิดต่อไป

    รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.ปรุง ได้เคยสนทนากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ซีไอเอ ที่ประจำการ
    อยู่ในประเทศไทยและได้เล่าให้ฟังถึงโครงการจัดตั้งโรงเรียนการข่าว ทำให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเกิดความสนใจ
    และเสนอของบสนับสนุนไปยังสำนักงานใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ ก็ได้รับการอนุมัติ
    เงินงบประมาณสนับสนุน 100 ล้านบาท

    สำหรับการสนับสนุนงบประมาณ ซีไอเอ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากประเทศไทย อยู่ในภูมิภาคที่เริ่มมีภัยจาก
    การก่อการร้ายสากลซึ่งถือเป็นภัยที่คุกคามประชาคมโลก ไม่เฉพาะแต่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ดังนั้น การพัฒนา
    ขีดความสามารถด้านการข่าวจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถรับมือกับการก่อการร้ายสากลได้เป็นอย่างดี
    อันจะช่วยให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อีกทางหนึ่งด้วย

    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9470000073293
     
  2. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    ใครอยู่เบื้องหลังให้ลองวิเคราะห์หาคำตอบดูโดยใช้ข้อมูลในกระทู้นี้เป็นตัวช่วย

    http://www.komchadluek.net/2006/08/27/a001_41671.php?news_id=41671

    จับพม่านับหมื่นบุกร.ร.นายร้อยตำรวจสามพราน

    พม่า-กะเหรี่ยงนับหมื่นคนบุกโรงเรียนนายร้อยสามพราน ตำรวจผวาเกณฑ์กำลังกว่า 200 ไล่จับ
    สุดท้ายรวบได้กว่า 600 คน พบเป็นแรงงานต่างด้าว-นศ.ทั้งหมด ด้านแกนนำเผยขออนุญาตโรงเรียน
    ใช้สถานที่จัดงานประเพณีแล้ว ขณะที่รองผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยยอมรับ อนุญาตให้ใช้สถานที่จริง
    แต่คนที่ขออ้างเป็นคนงานไทย แถมขอใช้สถานที่แค่ 200 คน

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันแรงงานต่างด้าวนับหมื่นคนบุกเข้ามาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
    เนื่องจากเกิดความเข้าใจผิดเรื่องการขออนุญาตให้ใช้สถานที่เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น.
    วันที่ 27 สิงหาคม พ.ต.อ.กฤษกร พลีธัญญวงษ์ ผกก.สภ.อ.สามพราน จ.นครปฐม
    ได้รับการประสานงานจากนายตำรวจระดับสูงโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานว่า
    มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเดินทางเข้าไปภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
    ซึ่งเป็นเหตุผิดปกติวิสัย หลังรับแจ้งเหตุจึงไปตรวจสอบ พร้อมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง

    เมื่อถึงโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน พบว่าบริเวณสนามกีฬามีรถบัสจอดอยู่จำนวนมาก
    และต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าบริเวณสนามฟุตบอลเต็มไปด้วยฝูงชนกว่า 1 หมื่นคน
    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบถามทราบว่ากลุ่มคนทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าว
    จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมขอกำลังสนับสนุนกว่า 200 นาย มาควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวดังกล่าว

    ทั้งนี้เมื่อกำลังสนับสนุนมาถึงโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จึงเข้าสลายกลุ่มแรงงานต่างด้าวทันที
    ซึ่งกลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งหมดต่างพากันวิ่งหนีอย่างอลหม่าน ซึ่งในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    สามารถควบคุมตัวทั้งหมดได้เพียง 674 คน

    จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งหมดเป็นชาวพม่า ชาวเขากะเหรี่ยง
    ซึ่งเดินทางมาจากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานอยู่ใน จ.นครปฐม อีกทั้งบางคนก็เป็นนักศึกษาชาวพม่า
    ที่ศึกษาอยู่ตามสถาบันต่างๆ ส่วนสาเหตุที่กลุ่มคนดังกล่าวมารวมตัวกันนั้น แกนนำชาวพม่าคนหนึ่งอ้างว่า
    ได้รับการอนุมัติจากผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานให้เข้ามาใช้สนามในการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

    นายนิรุณ สุขไกรอายุ 30 ปี แกนนำชาวพม่าคนหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่มารวมตัวกัน เนื่องจากวันที่ 27 สิงหาคม
    เป็นวันประเพณีผูกข้อมือประจำปีของประเทศพม่า โดยก่อนหน้านี้ได้มาติดต่อขอใช้สนามกีฬาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
    สามพรานเป็นที่จัดงานและแข่งขันกีฬาฟุตบอลในงานประเพณีดังกล่าว ซึ่งทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้อนุมัติเรียบร้อย

    "ผมกับทีมงานได้ประสานงานไปยังกลุ่มแรงงานที่อยู่ในเมืองไทยกว่าหมื่นคนให้มารวมงานกันที่โรงเรียนนายร้อยแห่งนี้
    ซึ่งมีทั้งหมดจำนวนกว่า หมื่นคน เพื่อสังสรรค์ในงานประเพณี โดยจัดงานเลี้ยงและแข่งขันฟุตบอล ผมไม่คิดว่า
    จะมาถูกตำรวจจับกุมเพราะพวกเราทุกคนส่วนใหญ่มีบัตรทำงาน ที่ผ่านมาเราก็จัดงานประเพณีแบบนี้มาแล้วถึง 14 ครั้ง
    ใน จ.นครปฐม แต่ในปีนี้ได้มาขอใช้สถานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และมีนายธนสิทธิ์ เขียวสะอาด แกนนำคนหนึ่งกับ
    นายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งเป็นผู้ประสานงานในการขอใช้สถานที่" นายนิรุณ กล่าว

    พ.ต.อ.ผาดสนอง บุญญเกียรติ รอง ผบก.ร.ร.นรต. กล่าวยอมรับว่า
    เป็นผู้อนุญาตให้มีการใช้สถานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เนื่องจากก่อนหน้านี้
    มีผู้มาขอใช้สถานที่คือ นายธนสิทธิ์ เขียวสะอาด โดยอ้างว่าเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง และจะขอใช้สถานที่เพื่อ
    แข่งขันฟุตบอล โดยมีคนงานมาร่วมงานจำนวน 200 คน ซึ่งเห็นว่าไม่เสียหายจึงได้อนุญาตให้ไป แต่ไม่คิดว่าวันนี้
    จะมีคนมาถึง 1 หมื่นคน อีกทั้งยังเป็นแรงงานต่างด้าวอีก ดังนั้นจึงประสานไปยังตำรวจท้องที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
    ให้มาช่วยตรวจสอบและจับกุมดังกล่าว

    พ.ต.อ.กฤษกร กล่าวว่า หลังจากสอบสวน และตรวจสอบชาวต่างด้าวที่ถูกจับกุมทั้งหมด พบว่าเป็นแรงงานที่ถูกต้อง
    ตามกฎหมาย โดยมีเพียงบางส่วนที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตำรวจจึงควบคุมตัวคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานส่งให้
    ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำการผลักดันแรงงานที่ผิดกฎหมายกลับประเทศไป

    พล.ต.ต.เกษม สังขพันธ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม กล่าวว่า แรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่มากมายขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
    ซึ่งโรงเรียนนายร้อยก็ไม่ทราบ เพราะผู้ที่มาขออนุญาตอ้างว่าเป็นคนงานไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่านายธนสิทธิ์
    หนึ่งในแกนนำคนต่างด้าวที่เป็นผู้ขออนุญาตใช้สถานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้หลบหนีการจับกุมขณะที่มีเหตุชุลมุน
    จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวนายธนสิทธิ์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    เป็นวิดิโอเกี่ยวกับเรื่อง รัฐตำรวจ
    http://www.lastingnetworks.com/alexvideos/ps3-128.wmv
     
  3. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    สายลับพลังจิต

    ซีไอเอ มักจะมี "อาวุธลับ" ประหลาดๆ อยู่เสมอ "สายลับพลังจิต" ก็เป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ "ซีไอเอ"
    แอบซ่อนไว้ใช้งานเวลาที่เข้าตาจนไม่สามารถที่จะใช้วิธีการตามแบบปรกติได้ "สายลับพลังจิต"
    เป็นใครและพวกเขาทำงานกันอย่างไร

    คาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มศึกษาเรื่องการติดต่อสื่อสารโดยพลังจิตหรือที่เรานิยมเรียกกันย่อๆ ว่า
    อีเอสพี (ESP - Extra-sensory perception) อย่างเป็นจริงเป็นจังก็ในราวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
    เมื่อมีข่าวกรองระบุว่า จอมเผด็จการ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้วางแผนการรบโดยอาศัยคำแนะนำของ
    นักไสยศาสตร์ และนายแพทย์ทัศนา(หมอดู) ด้วยความกลัวว่าจะตกเป็นรองเยอรมันในการทำสงคราม
    สหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นเพื่อการศึกษาและวิจัยการใช้พลังจิต

    เริ่มโครงการ

    ในปี ค.ศ. 1952 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้รับรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเอา "พลังจิต"
    มาใช้เป็นอาวุธสงคราม ทำให้มีการศึกษา ค้นคว้ากันมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1962
    มีรายงานการวิจัยฉบับหนึ่งไปเตะตาหัวหน้าหน่วยให้บริการทางเทคโนโลยีของซีไอเอ เข้าให้จังเบ้อเร่อ
    เขาก็เลยติดต่อไปยัง สตีเฟ่น ไอ แอบรัมส์ (Stephen I.Abrams) ผู้อำนวยการห้องทดลองค้นคว้าพลังจิต
    ของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ในประเทศอังกฤษ สตีเฟ่นจึงได้ทดลองเรื่องการใช้พลังจิตภายใต้การอุปถัมภ์
    ของโครงการ อัลทรา (ULTRA) ซึ่งเป็นโครงการลับโครงการหนึ่งของซีไอเอ ที่ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับ
    เรื่องพลังจิต

    ซีไอเอ ได้เคยทำการทดลองใช้สารเสพติด เพื่อควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ การทดลองนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง
    ของโครงการอัลทรา ที่มีชื่อเรียกว่า โครงการเอ็มเคอัลทรา (MKULTRA) โครงการอัลทรา ได้ถูกซอยย่อย
    ออกไปอีกหลายแขนงซึ่งแต่ละโครงการก็จะมีชื่อรหัสเรียกเฉพาะแตกต่างกันไป

    ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านไป สตีเฟนก็ได้ทดลองและจดบันทึก เขาไม่สามารถที่จะควบคุมและหาคำตอบ
    เรื่องการใช้พลังจิตได้ ทำให้ดูเหมือนว่า โครงการวิจัยเรื่องปรากฏการณ์พลังจิตเหนือธรรมชาตินี้จะล้มเหลว
    จนกระทั่งมีนักฟิสิกส์มือดี 2 คนมาปลุกผีโครงการนี้ขึ้นอีกครั้งในต้นทศวรรษที่ 1970

    ดร. รัสเซลล์ ทาร์ก (Dr. Russell Targ) และ ดร. ฮาโรลด์ อี พิวทอฟฟ์ (Harold E. Puthoff)
    มีความสนใจในเรื่องพลังจิตเป็นอย่างมาก ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1972 ดร. ฮาโรลด์
    ได้แนะนำชายคนหนึ่งกับเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ โดยกล่าวว่า ชายคนนั้นมีหลักฐานการทดลองเรื่อง
    การใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ (Psychokinesis) ของรัสเซียอยู่ในมือ หลังจากที่ซีไอเอได้เห็นหลักฐาน
    ที่เป็นภาพยนตร์ก็เกิดความสนใจและตกลงให้ ดร. ฮาร์โรลด์ และ ดร. รัสเซลล์ ทำการค้นคว้า
    [ame="http://youtube.com/watch?v=WyRwrBtlh-0"]http://youtube.com/watch?v=WyRwrBtlh-0[/ame]
    [ame="http://youtube.com/watch?v=_oudvOV3hy0"]http://youtube.com/watch?v=_oudvOV3hy0[/ame]
    [ame="http://youtube.com/watch?v=GcoNGkcTSZE"]http://youtube.com/watch?v=GcoNGkcTSZE[/ame]

    พบผู้ที่มีความสามารถ

    และนั่นก็คือที่มาของโครงการลับ สแกนเอท (Scanate) ซึ่งมาจากคำว่า Scan by Coordinate
    เป็นโครงการที่ทำการค้นคว้าเรื่องปรากฏการณ์พลังจิตเหนือธรรมชาติ การทดลองได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก
    เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1972 ชายที่อ้างว่าตนมีพลังจิตคนหนึ่ง ได้ถูกทดสอบโดยให้บรรยายลักษณะ
    ของวัตถุที่ถูกซ่อนอยู่โดยเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ และเขาก็บอกรายละเอียดได้อย่างแม่นยำ

    มีต่อ
     
  4. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1973 ซีไอเอ ได้ทำการทดลอง การมองระยะไกลโดยอาศัยพลังจิต (Remote Viewing)
    Remote Viewing Timeline
    พวกเขาได้ฝึกนักพลังจิตชื่อ แพท ไพรซ์ (Pat Price) โดยพวกเขาได้บอกเพียงตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง
    ชนิดหนึ่งให้แพททำการเพ่งกระแสจิตไปโดยไม่ใช้แผนที่ ซึ่งเป้าหมายนั้นเป็นบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง
    ในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ แล้วให้บอกทันทีว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร แต่แพทกลับบรรยายลักษณะ
    ของสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายกับฐานทัพทหาร

    เพื่อเป็นการพิสูจน์ผลการทดสอบ เจ้าหน้าที่ซีไอเอ ได้ขับรถไปยังบ้านพักตากอากาศแห่งนั้น
    แต่เขาเองกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าห่างจากบ้านพักตากอากาศไปเพียงไม่กี่ไมล์
    มีอาคารของทางราชการที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตั้งอยู่ เขาจึงรีบขับรถกลับมา
    เพื่อขอให้แพท ระบุรายละเอียดของอาคารนั้นอีกครั้ง

    แพทสามารถระบุรายละเอียด รูปร่างของอาคารได้อย่างถูกต้อง ซึ่งก็ทำให้ ซีไอเอพอใจในการทดลอง
    ครั้งนี้เป็นอย่างมาก จนได้มีการพัฒนาการทดลองในวิธีการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเสริมสร้าง
    พลังจิตให้กับนักพลังจิต อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจในความถูกต้องของข้อมูลที่ได้ ก่อนที่จะนำ
    มันมาใช้งานจริง

    ใช้พลังจิตข้ามทวีป
    [​IMG]
    สายลับพลังจิต แพท ไพรซ์(คนกลาง) และ ดร. ฮาโรลด์ อี พิวทอฟฟ์(ริมขวา)
    ยืนถ่ายภาพร่วมกันหลังจากเสร็จการทดลองการมองระยะไกล

    การทดลองมองระยะไกลที่ได้ผลลัพธ์น่าทึ่งที่สุดก็คือ การทดลองให้แพท บรรยายถึง
    เมืองเซมิพาลาทินส์ก (Semipalatinsk) ที่อยู่ในประเทศคาซักสถาน
    [​IMG]
    มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีข้อมูลซึ่งยังต้องรอการสำรวจที่ ซีไอเอ ใช้รหัสเรียกว่า
    URDF-3 (Unidentified Research and Development Facility - 3)

    แพท ระบุว่าเขาเห็นปั้นจั่นขนาดใหญ่มากอันหนึ่ง มันใหญ่ขนาดเขาเห็นคนสูงเพียงแค่เพลาล้อของมัน
    [​IMG]
    ซึ่งมันก็มีอยู่ที่นั่นจริงๆ แม้ว่าข้อมูลของแพทยังไม่ละเอียดนัก เพราะว่ายังมีแท่นขุดเจาะที่แพทไม่ได้กล่าวถึง
    แต่ก็มากพอที่จะทำให้ ดร. เคนเน็ท เอ เครสส์ (Kenneth A. Kress) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านปรากฏการณ์
    เหนือธรรมชาติของซีไอเอ ทึ่งในความสามารถของแพท จนเขาต้องเดินทางมาสัมภาษณ์แพทด้วยตัวเอง

    เมื่อ ดร. รัสเซลล์ และ ดร. ฮาโรลด์ มาแพทมาพบกับ ดร. เคนเน็ท
    ดร. เคนเน็ทต้องการทดสอบความสามารถของแพท โดยถามแพทว่า รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร
    แพทตอบอย่างไม่ลังเลว่า "รู้" ดร. เคนเน็ท จึงถามต่อว่าแล้วรู้จักชื่อของเขาไหม แพทก็ตอบว่า
    "เคน เครสส์" แล้วอาชีพของเขาล่ะ แพทตอบอย่างมั่นใจว่า "ทำงานให้กับ ซีไอเอ"

    การที่ แพทตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ เพราะ ดร. เคนเน็ท
    เป็นเจ้าหน้าที่ลับของซีไอเอ เขาไม่ได้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ดร. เคนเน็ท
    ตัดสินใจยอมรับ แพท ไพรซ์ เข้าเป็น "สายลับพลังจิต" ของซีไอเอ จากนั้น ดร. เคนเน็ท
    ก็หยิบภาพใบหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วถามแพทว่าเคยเห็นสถานที่นี้ไหม? แพทก็ตอบว่า
    "แน่นอน เขาเคยเห็น" ดร. เคนเน็ท จึงถามต่อ ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาไม่ระบุถึงแท่นขุดเจาะ
    4 แท่นนี้ ตอนที่เขาถูกทดสอบ? แพทตอบว่า "รอเดี๋ยว ขอให้ได้ตรวจสอบอีกที"

    แพทหลับตาลง แล้วหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่ซึ่งเขาบอกว่ามันทำให้เขา "เห็น" ได้ชัดเจนขึ้น
    เพียงแค่ไม่กี่วินาที แพทก็ตอบว่าที่เขาไม่เห็นแท่นขุดเจาะก็เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่น
    หลังจากนั้นมาอีก 2-3 สัปดาห์ก็มีการตรวจเช็คกลับไปที่ URDF-3 ก็พบว่าแท่นขุดเจาะ 2 แท่น
    ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว แต่ก็ยังพอมีร่องรอยของแท่นขุดเจาะเหลืออยู่ ทำให้พอจะสรุปได้ว่า
    ข้อมูลที่ได้จากการมองระยะไกลของแพทนั้นมีทั้งส่วนที่เชื่อถือได้ และส่วนที่เชื่อถือไม่ได้

    นำมาใช้งานจริง

    ปลายปี ค.ศ. 1974 แพทได้ถูกสั่งให้ใช้พลังจิตของเขาตรวจสอบที่ซ่อนของฐานกำลังของกองทัพใต้ดิน
    ในประเทศลิเบีย แพทได้ชี้จุดที่คาดว่าเป็นที่ซ่อนของสถานีทดลองขีปนาวุธ SA-5 ซึ่งก็ตรงกับที่ข่าวกรอง
    ที่กองทัพลิเบียได้รับแจ้ง และแพทยังได้ระบุถึงสถานที่ที่พวกกองทัพใต้ดินได้ใช้เป็นที่ฝึกการก่อวินาศกรรม
    ตรงกับที่แหล่งข่าวของลิเบียแจ้งเช่นกัน

    กองทัพลิเบียได้ขอให้แพท ช่วยบอกรายละเอียดว่าในสถานที่ซ่อนของพวกกองทัพใต้ดินนั้น
    มีการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไรบ้าง คำถามต่างๆ ที่ลิเบียอยากรู้เกี่ยวกับพวกกองทัพใต้ดินได้ถูกเขียนส่งไป
    ให้กับแพท แต่เป็นที่น่าเสียดายที่แพทได้เสียชีวิตเพราะหัวใจวายเสียก่อน ปฏิบัติการครั้งนั้นจึงถูกยกเลิก
    และไม่มีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมจากซีไอเอ ให้กับลิเบียอีก

    กองทัพสหรัฐฯ ได้นำการมองระยะไกลมาใช้ในสงครามเวียดนาม โดยให้นักพลังจิตเป็น "ผู้นำทาง" (Point Man)
    ทำหน้าที่นำกองทหารระหว่างที่อยู่ในเขตของข้าศึก เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักและการซุ่มโจมตี ซึ่งมันมีผลเป็นอย่างมาก
    ต่อขวัญและกำลังใจของพวกทหารที่ตกอยู่ในสภาวะบีบคั้นทางจิตใจในขณะที่อยู่ในสนามรบ
     
  5. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    มองผ่านผู้อื่น

    แต่บางครั้ง "สายลับพลังจิต" ก็ต้องการผู้นำทางเช่นกัน ผู้นำทางนี้ใช้รหัสเรียกว่า "บีคอน" (Beacon) เขามีหน้าที่
    ในการท่องไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำหน้าที่เป็น "ตา" ให้กับสายลับพลังจิตที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยหลายพันไมล์
    สายลับพลังจิตจะมองผ่านตาของผู้นำทาง แล้วบรรยายลักษณะของสถานที่นั้นๆ อาจเป็นการบอกเล่าไปเรื่อยๆ
    แล้วให้คนคอยจดบันทึก แต่ส่วนใหญ่แล้ว สายลับพลังจิตจะวาดภาพร่างของสถานที่นั้นๆ เอง

    ตัวอย่างเช่นการทดสอบพลังจิตของ ดร. เอ็ดวิน ซี เมย์ (Dr. Edwin C. May) ในปี ค.ศ. 1987
    [​IMG]
    "สายลับพลังจิต" โจเซฟ แมคมอนอีเกิล (Joseph McMoneagle)
    [​IMG]
    ได้ถูกสั่งให้ติดตาม "ผู้นำทาง" คนหนึ่ง เขาได้รับคำบอกกล่าวเพียงแค่ว่า ผู้นำทางอยู่ห่างจากศูนย์ทดลอง
    เป็นรัศมีราว 100 ไมล์ และข้อมูลส่วนตัวของผู้นำทางก็มีเพียงแค่หมายเลขบัตรประกันสังคมและ
    กำลังขับรถอะไรแค่นั้น

    ดร. เอ็ดวิน สั่งให้โจเซฟ บรรยายถึงสิ่งที่ "ผู้นำทาง" เห็นในเวลา 16:00 น. โจเซฟได้วาดภาพนั้นออกมา
    และบอกว่าเขาเห็นการเคลื่อนไหวของกระแสไฟฟ้าเป็นเหมือนตะแกรงและเห็นรัศมีบางอย่างบนยอดเสา
    ที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเมื่อนำภาพถ่ายที่ "ผู้นำทาง" บันทึกไว้ตอนเวลา 16:00 น.
    มาเปรียบเทียบกับภาพร่างของโจเซฟ เราจะพบว่ามันมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก
    [​IMG]
    [​IMG]

    การมองระยะไกลเป็นส่วนหนึ่งของโครงการป้องกันประเทศภายใต้ชื่อรหัส "สตาร์เกท" (Stargate Project)
    ซึ่งเป้าหมายหลักของโครงการนี้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ
    "การปฏิบัติการ" (Operations) เป็นการใช้การมองระยะไกลเพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองของประเทศต่างๆ
    "การวิจัยและพัฒนา" (Research and Development) เป็นการศึกษาภายในห้องทดลองเพื่อหาวิธีการใหม่ๆ
    ในการปรับปรุงการมองระยะไกลเพื่อนำมาใช้ในงานสืบราชการลับ
    และ "การประเมินต่างประเทศ" (Foreign Assessment) เป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ
    ที่มีการปรับปรุงและพัฒนา การใช้พลังจิตในรูปแบบใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ (สหรัฐฯ)

    อดีตสายลับแฉ

    หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อ เดวิด มอร์เฮาส์ (David Morehouse)
    [​IMG]
    เดวิดเป็นสายลับพลังจิตของซีไอเอ ที่ออกมาตีแผ่ความลับของโครงการ สตาร์เกท ผ่านรายการสารคดี
    ดิสคัฟเวอรีแชนแนล (Discovery Channel) เมื่อหลายปีก่อน เดวิดได้รับมอบหมายให้สืบหาข้อมูล
    การทำจารกรรมในอดีตที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงมืดแปดด้านไม่รู้จะหาข้อมูลจากที่ไหนได้นอกจากการใช้
    "สายลับพลังจิต" ย้อนอดีตกลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ เช่น คดีที่เครื่องบินรบของรัสเซียเข้าโจมตี
    เครื่องบินพาณิชย์เที่ยวบิน 007 ของสายการบินเกาหลีว่า เป็นการบินที่จงใจล่วงล้ำเข้าไป
    ในน่านฟ้าของรัสเซียเพื่อทำจารกรรมตามข้อกล่าวหาหรือไม่
    [​IMG]
    หรือคดีที่ทหารอิรักเข้าลอบวางเพลิงบ่อน้ำมันในคูเวต ก่อนที่จะพ่ายแพ้ถอนทัพกลับเพื่อดูว่า
    เป็นการลอบวางเพลิงเพียงอย่างเดียวหรือเป็นการอำพรางเพื่อแอบปล่อยก๊าซพิษชนิดอื่น
    ปะปนเข้าไปในบรรยากาศ

    ก่อนที่เดวิด จะมาเป็นสายลับพลังจิต เขาก็เป็นเพียงแค่ทหารพรานที่มีผลงานดีเด่นคนหนึ่ง
    แต่จากการซ้อมรบร่วมกับทหารพรานของจอร์แดน ในกลางปี ค.ศ. 1980 เขาก็ประสบอุบัติเหตุ
    ถูกยิงเข้าที่ศรีษะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง เนื่องจากกระสุนปืนไม่สามารถเจาะผ่าน
    หมวกเหล็กที่เขาสวมใส่อยู่ขณะนั้นได้ แต่แรงกระแทกก็ทำให้เขาสลบไปนานพอดู
    ขณะที่เขาสลบไสลอยู่นั้น เขาเห็นอะไรบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่า เทวดา หรือ ปีศาจ ดี
    แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่มนุษย์และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มรู้สึกว่า มีบางอย่างผิดปรกติเกิดขึ้นกับเขา

    หลังจากนั้นมาเขาก็เริ่มเห็นภาพแปลกๆ ที่เขาเรียกมันว่าฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว
    ต้องไปพบแพทย์ของกองทัพ และเมื่อเขาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาให้กับหมอฟัง เรื่องราวและเหตุการณ์
    ประหลาดที่เกิดขึ้นกับเดวิด ได้ถูกส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ชั้นสูง และในที่สุดเจ้าหน้าที่ของโครงการสตาร์เกท
    ก็ให้ความสนใจและนั่นก็คือที่มาของการได้เข้าร่วมกับ โครงการสตาร์เกท ในฐานะ "สายลับพลังจิต"

    เรื่องเล่าของเดวิด อาจฟังดูเหมือนนิยาย เช่นเดียวกับความเป็นมาของ โจเซฟ แมคมอนอีเกิล ย้อนกลับไป
    ในทศวรรษที่ 1970 โจเซฟพบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเป็นครั้งแรกก็ตอนที่เขาถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
    ของกองทัพยุโรป เขาพบกับปรากฏการณ์ "เฉียดตาย" และหลังจากที่เขาถูกรักษาจนหายดี ปรากฏการณ์นั้น
    กลับยังคงอยู่และทำให้เขามี "พลังจิต" เหนือคนธรรมดาสามัญทั่วไป

    เดวิดทำหน้าที่ "สายลับพลังจิต" นานกว่า 10 ปีก่อนที่เขาจะตัดสินใจถอนตัวออกมา ในปี ค.ศ. 1993
    เดวิดได้ละเมิดข้อตกลงในการป้องกันความลับของกองทัพรั่วไหล โดยออกมาเปิดเผยเรื่องราวของเขา
    ขณะที่ทำงานให้กับโครงการสตาร์เกท เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์,
    วิทยุ และโทรทัศน์ เท่านั้นยังไม่พอเขายังเขียนหนังสือ "นักรบพลังจิต" (Psychic Warrior) อีกด้วย
    [​IMG]

    เรื่องราวของ "สายลับพลังจิต" และโครงการสตาร์เกท ไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการ
    เพราะในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1995 ประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งจากเบื้องบน
    เลขที่ เอ็นอาร์ 1995-4-17 (Executive Order Nr. 1995-4-17) อนุญาตให้เผยแพร่เอกสาร ข้อมูลของ
    โครงการสตาร์เกท ออกสู่สายตาของสาธารณชนได้

    และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่งที่ ซีไอเอ เคยปฏิเสธนักหนาว่า "ไม่จริง" แต่ท้ายที่สุดก็โผล่หาง
    ออกมาให้เห็น แต่เชื่อได้เลยครับว่าสิ่งที่ ซีไอเอ ยอมเปิดเผยออกมานั้นเป็นเพียงแค่ "ปลายจวัก"
    ความลับส่วนใหญ่ก็ยังคงถูกซุกซ่อนอยู่ในตึกห้าเหลี่ยมที่ชื่อว่า "เพนตากอน" (The Pentagon)
    [​IMG]
     
  6. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    มันอยู่เงามืดจริงหรือ?

    หรือพวกเราแค่แกล้งทำเป็นไม่เห็นมัน?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 23857558.jpg
      23857558.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.9 KB
      เปิดดู:
      81
    • 45170502.jpg
      45170502.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.8 KB
      เปิดดู:
      64
    • 65817573.jpg
      65817573.jpg
      ขนาดไฟล์:
      529.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • 66297010.jpg
      66297010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.8 KB
      เปิดดู:
      67
    • 75186088.jpg
      75186088.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      78
    • 99753856.jpg
      99753856.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • armythai-198.jpg
      armythai-198.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81 KB
      เปิดดู:
      81
    • armythai-199.jpg
      armythai-199.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.6 KB
      เปิดดู:
      66
    • armythai-200.jpg
      armythai-200.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • armythai-201.jpg
      armythai-201.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.7 KB
      เปิดดู:
      49
  7. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    หรือมันเข้ามายึดพื้นที่ในสมองของพวกเราได้จนเกือบหมดสิ้นแล้ว??
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    กลยุทธ์บ่อนทำลาย:สงครามกลางเมืองรัสเซีย..และโปลแลนด์

    “ไพร่พลกล้า พึงตีนาย นายฉลาด พึงตีใจ นายอ่อน ไพร่พลหน่าย จักแพ้ภัยตัว บัญชาศัตรูได้ จัดรักษาตัวรอด “

    จาก คัมภีร์อี้จิง..



    อ่านแล้วคงจะงง เขียนใหม่ให้เป็นภาษาคนซักหน่อย.. หลายคนคิดว่าการพูดอะไรที่คนอื่นเข้าใจยากๆเป็นการแสดงปัญญาที่สูงล้ำ..ไม่ใช่ว่ะ!! “ถ้าไพร่พลเข้มแข็ง ให้ทำลายที่แม่ทัพ ,แม่ทัพที่เฉลียวฉลาด ก็โจมตีจุดอ่อนทางใจ, ถ้าแม่ทัพมันเฮงซวย ขวัญกำลังใจไพร่พลจะถดถอยแล้วแพ้ไปเอง ถ้าข้าศึกที่เข้มแข็ง อย่าใช้กำลังเข้าปะทะ ควรอาศัยจุดอ่อนของฝ่ายนั้น แทรกซึมบ่อนทำลาย ให้ศัตรูเล่นตามเกมส์ของเรา...ชัยชนะยังไงก็ตกเป็นของเราตราบที่เราเป็นคนคุมเกมส์”


    “หากถึงคราวทำศึกกับศัตรู จงละทิ้งความเมตตาไว้ข้างหลัง แล้วทำลายล้างพวกมัน อย่าให้มันเหลือแม้กระทั่ง เศษขี้เถ้าและวิญญาณ”... จาก 48 ways to power



    ขณะที่ยุโรปหันไปสนใจสงครามประกาศอเมริกาช่วงปลาย ศต.18th รัสเซียในสมัย พระนางแคทเธอรีนมหาราชได้รุกรานทางทั้งทหารและการฑูตจนกลืนโปลแลนด์ได้ทั้งหมด


    หลังสงครามกับนโปเลียนปี 1812 กองทัพรัสเซียได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ทำให้รัสเซียก้าวขึ้นสู่การเป็นชาติมหาอำนาจของยุโรปอีกนับ 100 ปี..



    ปี 1917 จักรวรรดิรัสเซียถอนตัวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากเกิดการปฏิวัติในประเทศเพื่อล้มระบอบกษัตริย์.. น้อยคนที่จะรู้ว่าประเทศเยอรมันอยู่เบื้องหลังการปฏิวัตินี้.... เยอรมันวางแผนตั้งแต่ให้ที่ลี้ภัย เลนิน (นี่คือตัวอย่างที่คลาสสิกแม้ในปัจจุบันคือ ต่อหน้าก็ปากหวานแต่ลับหลังก็เลี้ยงหอกข้างแคร่ไว้แทงชาวบ้าน..)บิดาแห่งการปฏิวัติรัสเซีย ซึ่ง เลนินได้ใช้หนังสือพิมพ์ปราฟด้า(แปลว่าประกายไฟ) เป็นกระบอกเสียงเผยแพร่แนวคิดในการปฏิวัติ ทำให้เลนินเริ่มมีลูกศิษย์ลูกหามากขึ้น


    จนในที่สุดสามารถยุให้ประชาชนในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก(ตอนนั้นยังเป็นเมืองหลวงรัสเซีย)ลุกฮือ จนรัฐบาลต้องปราบการชุมนุมอย่างนองเลือด..ในปี 1900 ถึงพรรคคอมมิวนิสต์จะมีแนวร่วมเครือข่ายทั่วประเทศแต่สถานการณ์ยังไม่สุกงอม...


    จักรวรรดิรัสเซีย มีประชากรส่วนใหญ่นับถือคริสต์ออร์โธด็อกซึ่ง ค่อนข้างเคร่ง ถึงชีวิตคนรัสเซียจะแย่แค่ไหน..พวกเขาก็จะคิดแต่แค่ว่าแล้วแต่ประสงค์ของพระเจ้า... ชีวิตคนรัสเซียการกินข้าวครบ 3 มื้อเป็นเรื่องที่เหมือนฝัน เพราะสภาพอากาศแบบขั้วโลกทำให้ 1 ปี รัสเซียไม่เห็นหิมะแค่ 3 เดือน..


    1840 ซาร์แห่งรัสเซียประกาศเลิกทาสแต่ ..ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ได้มีชีวิตดีขึ้นเลยสักน้อย เพราะพวกเขาก็ไม่รู้จะไปไหนนอกจากทำงานบนที่ดินอดีตนายทาสเดิมนั้นแหละ (สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของระบบอุปถัมภ์ในแบบรัสเซียสมัยระบอบกษัตริย์ )...


    ถึงพวกคอมมิวนิสต์จะตีฆ้องร้องเป่ายังไง.. คนรัสเซียก็ยังนึกไม่ออกว่า เป็นคอมมิวนิสต์แล้วชีวิตจะดีขึ้นได้ไง.. ลัทธิคอมมิวนิสต์จึงแพร่หลายแค่ในคนมีการศึกษาเท่านั้นเอง...(เรื่องนี้บ่งบอกว่า การล้างสมองพวกปัญญาชนง่ายกว่าคนรากหญ้า เพราะปัญญาชนส่วนมากชอบอ่าน ชอบคิด ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ และส่วนใหญ่ปัญญาชนมักเป็นวัยรุ่นซึ่งตามจิตวิทยาอยู่ในวัยที่ต้องการแสดงตัวให้เด่นให้แตกแยกกับคนอื่น แต่น้อยคนจริงๆที่จะเป็นนักวิเคราะห์


    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ระเบิดขึ้น พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียกระโดดเข้าสงครามโดยอ้างเหตุผลติ๊งต๊องว่า.. เซอร์เบียที่ถูกพันธมิตรเยอรมันคือ ออสเตรีย-ฮังการี ข่มเหงน่ะ นับถือคริสต์ออร์โธด็อกเหมือนกัน ทั้งๆที่อยู่ไกลกันคนละโลก......(บทเรียนนี้บอกว่า ถ้าฝรั่งมันจะก่อสงครามหมาไปขี้หน้าบ้านมันยังเอาเป็นเรื่องได้... ) แน่นอนว่าทุกฝ่ายที่กระโดดเข้าสู่สงครามก็คิดแบบเดียวกันว่า “กูชนะแน่นอน!!


    ถึงรัสเซียจะยันการรบที่ สมรภูมิ ริก้า ได้แต่การสูญเสียก็มหาศาล คือ ประมาณ 1 ล้านคน... ถ้าได้เปรียบของรัสเซียคือ กำลังพล.. แต่ข้อได้เปรียบของเยอรมันคือ อาวุธมันแต่ละอย่าง คือปืนกล ปืนใหญ่ที่ยิงได้เป็น 100 กิโล แม้ทหารม้าคอสแซ็กที่มีชื่อของรัสเซียก็ตายเกลื่อนเมื่อเจอปืนกลเยอรมัน กำลังผลิตของรัสเซียก็แย่ ทหารรัสเซียหลายคนถือแต่คัมภีร์ไบเบิ้ลแต่ไม่มีปืนประจำตัว ทั้งนายพันยันพลทหารก็ขี้เมากันทั้งกองทัพ.. ทุกคนมาสู้โดยไม่รู้จุดจบของสงครามว่าตัวเองจะได้อะไร.... (หลักการปลุกปั่นคนให้คลั่งคือ ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีภัยคุกคาม.. แต่ถ้าวันนึงที่คิดจะจุดไฟ ต้องคิดถึงวิธีที่จะดับไฟไว้ด้วย!!)



    แล้ววันนึงพวกคอมมิวนิสต์ก็ปลุกปั่นให้ก่อจลาจลในหมู่ทหารเรือ แล้วลามไปทั่วทั้งกองทัพรัสเซียโดยอ้างว่า “พวกเมิงมาตายกันเพื่ออะไรฟ่ะ พระเจ้าซาร์ของแกมันยังมีเมียเป็นคนเยอรมันเลย!!” พวกทหารเกณฑ์จึงลุกฮือขั้นจับผู้บังคับบัญชาของตัวเองไปยิงทิ้งกันถ้วนหน้า

    .. เพราะพวกทหารผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ก็ขึ้นมาจากระบอบอุปถัมภ์ทั้งนั้น (หลักการนี้บอกว่า ถ้าท่านอยากเป็นที่รักของลูกน้อง ท่านจงทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าท่านก็มีอะไรเหมือนๆกับพวกเขา ทหารก็คือประชาชนเหมือนกัน!!..) ทหารคนไหนพร้อมใจกันกบฏก็เอาผ้าสีแดงมารัดที่แขน แล้วก็โบกธงสีแดง.. พวกทหารเดินหน้าเข้าสู่พระราชวังเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก พระเจ้าซาร์ยอมถูกจับกุมโดยไม่มีการต่อต้าน.... ระบอบกษัตริย์ล่มสลายนับแต่บัดนั้น...แต่สงครามนองเลือดของจริงเพิ่งจะเริ่ม..


    เลนิน ซึ่งทำตัวเป็นอีแอบอยู่เมืองนอกมานาน ได้กลับมารัสเซียพร้อมสโลแกน “สันติ ที่ดิน ขนมปัง ” คนที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดแถมโดนจับยัดคุกจนทำให้เลนินได้กลับมาเป็นใหญ่ครั้งนี้คือ โจเซฟ สตาลิน

    ...(บทเรียนนี้บอกว่า ถ้าท่านเป็นผู้นำ คนอื่นต้องเหนื่อย แต่ท่านต้องออกหน้ารับทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นลูกน้องจะเด่นเกินนาย..)

    ซึ่งแรกที่เลนินทำคือ.. สงบศึกกับเยอรมันอย่างเร่งด่วน และประกาศดังๆว่า “ประเทศราชไหนไม่พอใจอยู่กับรัสเซียเชิญก็ออกไปได้เลย!!”

    เรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นสัญญาลับอะไรที่เลนินทำกับเยอรมันรึเปล่า?

    .. เพราะทันทีที่ประกาศเช่นนี้ ประเทศในบอลติกทุกประเทศได้ประกาศเอกราชทันที.. คนที่ได้ประโยชน์คือเยอรมัน..เพราะได้รัฐกันชนมาฟรีๆ เยอรมันจึงสนับสนุนอาวุธและเงินให้คอมมิวนิสต์เต็มที่



    คนที่เสียผลประโยชน์ก็คือ พวกสัมพันธมิตรที่กำลังรุมยำเยอรมันอยู่ในตอนนั้น ทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น ได้ส่งอาวุธและทหารเข้าร่วมกับกองทัพที่ยังศรัทธาในระบบกษัตริย์ คือ “กองทัพขาว” และเพื่อทำสงครามกลางเมืองรัสเซียที่นองเลือดนานถึง 3 ปี ....



    ปี 1919 สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง.. พวกประเทศพันธมิตรไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปสนับสนุนกองทัพขาวอีก.. ประกอบกับเมืองหลักๆคือ มอสโคว และ เซนปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งมีแหล่งอุตสาหกรรมที่ผลิตอาวุธได้ ....ถึงกองทัพขาวจะยึดประเทศได้กว่า 80 % แต่ก็ใช้ทำอะไรไม่ได้.. พวกคอมิวนิสต์จึงค่อยๆรุกคืบจนได้ชัยชนะในที่สุด.. คนที่เหนื่อยกับสงครามครั้งนี้ที่สุดคือ ลูกน้องคนสนิทเลนิน คือ โจเซพสตาลิน และ ลีออง ทร็อสกี้ และก็แน่นอนที่สุด.. เลนินรับหน้าเช่นเคย...


    คราวนี้เลนิน คิดจะกลับมารวบรวมอดีตประเทศราชรัสเซียที่แยกตัวออกไป
    (จากคำประกาศของเมิงนั้นแหละ!!) กองทัพแดงรุกคืบเข้าคอเคซัสแล้วรวบรวมพวกประเทศราชคืนอย่างง่ายดาย.. แต่คราวนี้เลนินสั่งบุก โปลแลนด์โดยนั่งยันนอนยันว่าขอบัญชาการรบเอง ..จริงๆแล้วเลนินเป็นนักเขียน และนักปลุกระดมฝีปากกล้า



    แต่.. เมื่อมาบัญชาการรบ เลนินก็ไม่ต่างอะไรกับตัวตลก!! (ผู้นำหลายๆชาติก็เดินย่ำความผิดพลาดเดิมๆนี้ซ้ำซาก ภาวะที่เลนินเป็นอยู่ตอนนี้คือ การหลงในอำนาจ!! คือเขากลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะไม่ได้ร่วมในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับที่ฮิตเลอร์ดึงดันจะเป็นผู้บัญชาการใหญ่ในการบุกรัสเซียนั้นเอง...)


    เมื่อ สตาลิน ที่เจนศึกเห็นแผนการรบของเลนินก็ได้แต่ถอดใจ..ประมาณ “ไอ้นักโต้วาทีสภาโจ๊กนี้มันเสล่อฉิบ..”..แต่ได้แต่คิดในใจ... แล้วท้ายสุดกองทัพรัสเซียที่มีกำลังมากกว่า อาวุธดีกว่าก็พ่ายให้กับโปลแลนด์อย่างหมดท่า ทำให้แผนการบุกฟินแลนด์ต้องพับไปด้วย โปลแลนด์กับฟินแลนด์เลยได้เอกราชอย่างสมบูรณ์นับตั้งแต่วันนั้น...


    เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... หลังชื่นชมอำนาจได้ 4 ปี เลนินก็ป่วยตาย... ถึงสตาลินจะเหม็นขี้หน้าเลนินแค่ไหน แต่คนรัสเซียยังรักเลนินอยู่ สตาลินเลยมีเหตุผลที่จะพยายามเชิดชูเลนินให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ถึงขั้นทำศพเป็นมัมมี่ทำอนุสรณ์รำลึกให้คนเข้าเยี่ยมเคารพ และเพิ่มชื่อของเลนินเข้าไปในเพลงชาติ... ทั้งหมดที่

    สตาลินทำก็เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า “กูซื่อสัตย์ กูใกล้ชิด และกูโครตๆจะภักดีที่สุดแล้ว!..ทั้งหมดที่กูพูดๆมาเนี่ย เห็นไหมว่ามันทำให้กูเหมาะจะเป็นผู้นำต่อ!!!



    ลีออง ทร็อตสกี้ ก็เป็นลูกน้องคนสนิทของเลนิน คู่กันกับสตาลิน และทั้งคู่ทำงานหนักพอๆกัน เลนินพยายามไม่ให้ใครมีอิทธิพลมากกว่าใครจึงพยายามคานอำนาจของทั้งคู่ลอดเวลา.. ด้วยสภาวะชิงดีชิงเด่นแบบนี้ทำให้ทั้ง 2 คนเกลียดกันเข้ากระดูกดำ!!

    (กลยุทธ์นี้คือ แบ่งแยกและครอบครอง.. ข้อดีคือสลายกำลังทั้ง 2 ฝ่าย และสามารถแสดงบารมีขจัดความขัดแย้ง ทำให้.. ฝ่ายที่ถูกแบ่งแยกจะรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องมีใครเป็นตัวกลางยุติทุกอย่างได้)

    เกมส์นี้สตาลินทำคะแนนนำ ทร็อสกี้ไป ก่อนจะรุกฆาตด้วยการเสนอชื่อตัวเองต่อสภาเพื่อขอรับเลือกเป็นผู้นำโซเวียต!! ตอนนั้น ทร็อสกี้ ลังเลที่จะเสนอชื่อตัวเองเข้าแข่งขัน.. เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดจนท้ายสุด ทร็อสกี้ต้องลี้ภัยไปต่างแดนและไม่มีโอกาสกลับมารัสเซียอีกเลยตลอดชีวิต!!!



    คราวนี้มาพูดถึงเรื่องโปลแลนด์ที่อุตสาห์เกริ่นนำไว้ตอนต้น.. เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นเยอรมันบุกยึดโปลแลนด์แล้วหั่นโปลแลนด์ออกเป็น 2 ส่วนให้รัสเซียครึ่งนึง

    .. เพื่อแลกกับสัญญาสันติภาพ ในแนวรบตะวันออกไม่มีชาติไหนที่เยอรมันกลัวนอกจากรัสเซีย การไล่รัสเซียออกไปจากเกมส์สงครามทำให้เยอรมันไม่ต้องพะวงศึก 2 ด้านได้นับว่าคุ้ม!! ไม่ต้องแปลกใจว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำยังไงรัสเซียก็ไม่รบกับเยอรมัน

    ..(การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์โดยแท้...และอีกอย่างที่รัสเซียไม่ลืมคือ.. พวกอังกฤษ ฝรั่งเศส นี่แหละหนุนหลังกองทัพขาวให้รบในสงครามกลางเมืองรัสเซีย)



    หลังจากนั้นไม่นานอย่างที่เรารู้กัน... เยอรมันบุกรัสเซียและถูกรัสเซียบุกกลับ...จนกองทัพแดงเข้ามาถึงโปลแลนด์.. ปี 1944 กองทัพใต้ดินของโปลแลนด์ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเยอรมันเพื่อขับไล่เยอรมันให้ได้ก่อนที่กองทัพแดงจะมาถึงวอร์ซอ..



    ทำไมล่ะ? เรื่องนี้เป็นนัยสำคัญทางการเมืองระดับประเทศอย่างมาก ..ถ้าคนโปลแลนด์มไม่สามารถรบเพื่อปลดปล่อยตัวเองได้... กองทัพชาติไหนที่บุกมาปลดปล่อยโปลแลนด์จะมีสภาพเป็นเจ้าชีวิคนโปลแลนด์ทันที!! ถึงอาวุธจะไม่พร้อมแต่ถึงเวลาแล้วก็ต้องสู้!!!


    กองทัพเยอรมันต้องต่อสู้กับพวกกองทัพใต้ดินโปลแลนด์จากบ้านหลังหนึ่งส่บ้านหลังหนึ่ง.. เป็นการรบที่นองเลือด... แต่... ก็ไม่ทันการณ์...



    กองทัพแดงได้มาถึงวอร์ซอ.. พวกเขาตั้งปืนใหญ่กว่า 2,000 กระบอกรอ.. แล้วก็หยิบกล้องมาส่องดูการสู้รบของพวกเยอรมันกับโปลแลนด์อย่างสนุกสนานราวละครหลังข่าว.. หลังการสู้รบนาน 2 สัปดาห์ พวกใต้ดินโปลแลนด์เซ็นสัญญายอมแพ้กับเยอรมัน


    ... พวกนักรบใต้ดินพากันเดินออกมาจากถึงพร้อมถือธงขาว... ทหารเยอรมันบางคนถึงกับเรียกนักรบใต้ดินมากอดคอกันแล้วตะโกน “จบแล้วโว๊ยๆๆ” ส่วน ฮิมเลอร์ ผู้นำหน่วย SS ได้ออกคำสั่งให้ล้างวอร์ซอออกจากแผนที่โลก...



    ....ส่วนพวกรัสเซียที่ส่องดูอยู่ใกล้ๆก็ทำท่าเซ็งเล็กน้อย แล้วหาเรื่องบันเทิงใจใหม่ๆทำคือ... “ต่อให้ใครตาย..จะเป็นพวกนาซีหรือโปลแลนด์รัสเซียก็มีความสุขทั้งนั้น!!!!.” แล้วนายพลกองทัพแดงก็สั่ง ปืนใหญ่กว่า 2,000 กระบอกระดมยิงใส่วอร์ซอทันที.. ทหารเยอรมันกับโปแลนด์ที่กอดคอกันตะกี้ปลิวหายเป็นเศษเนื้อ.. ในเวลาสั้นๆกองทัพแดงเดินเข้ากรุงวอร์ซอ ที่มีแต่เศษอิฐและซากศพโดยแทบไม่เสียกำลังพลเลย!!!

    (นี่คือตัวอย่างกลยุทธ์ ...นั่งบนภูดูเสือกัดกัน!!)



    … หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบจง โปลแลนด์เลยต้องกลายเป็นกึ่งอาณานิคมของอดีตสหภาพโซเวียตต่อไปอีกเกือบ 50 ปี



    ตรงกันข้ามกับฝรั่งเศสที่ กองทัพอเมริกาหยุดเคลื่อนพลแล้วปล่อยให้กองทัพฝรั่งเศสใต้ดินปลดปล่อยปารีสเองได้ในปี 1944 ทำให้ฝรั่งเศสกลับมายืดอกในสังคมโลกอย่างภาคภูมิ...


    edit @ 27 Mar 2010 02:00:02 by orthodox
     
  9. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    Once Upon A Time In The C.I.A.

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lAX2zKUv5Rw]Once Upon A Time In The C.I.A. - YouTube[/ame]


    • McGavernVue
      8 months ago

      I have a question? how and who funded Bill Lair? was it the government?? of US? How did he convinced the Hmong people to stand along side of US? just wanted to know how he was able to succeed on doing that or so.
      McGavernVue 8 months ago
    • RogerWarner
      2 months ago

      @McGavernVue Bill Lair worked for the C.I.A., although he was also the founder and guru of a special operations unit in the Thai Border Police. He actually had the rank of colonel in the Thai police, which is why he was known as Col. Bill Lair.You ask a very good question, which is, how did Lair convince the Hmong to fight? You can find out more about that in my book Shooting At The Moon, which is available on amazon.com
      RogerWarner 2 months ago
    [​IMG]

    ผู้ส่ง hacksecret เมื่อ Fri Oct 08, 2010 12:37 pm
     
  10. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    เอาข่าวเก่าๆมาให้อ่านกันลืม!

    [​IMG]
    "ทูตสหรัฐ" ทวีตแจงกรณีจำคุก โจ กอร์ดอน หมิ่นสถาบัน




    นางเคนนีย์ ทวีตข้อความว่า สหรัฐมีความกังวลใจเนื่องจากการตัดสินไม่สอดคล้องกับมาตรฐานเสรีภาพพื้นฐานสากลว่าด้วยสิทธิในการแสดงออก พร้อมยืนยันว่าทางการสหรัฐมีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างหาที่สุดมิได้ แต่สหรัฐสนับสนุนการมีสิทธิทางความคิดและเสรีภาพในการแสดงออกทั่วโลก ซึ่งทางสถานทูตสหรัฐจะให้ความช่วยเหลือนายกอร์ดอน โดยจะเดินทางไปเข้าเยี่ยมและนำเรื่องนี้เข้าหารือกับทางการไทย พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ให้ชาวสหรัฐทั้งที่จะเดินทางมาและกำลังพำนักอยู่ในไทยได้อ่านศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและกฎหมายเบื้องต้นของไทยทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐด้วย
    "==
    ..............................................
    [​IMG]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]"[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการให้แก่ตำรวจและอัยการ เพื่อยุติการจับกุมและดำเนินคดีบุคคลด้วยกฎหมายดังกล่าวที่มีความคลุมเครือ และนอกจากบทลงโทษอย่างเกินกว่าเหตุแล้ว เรายังกังวลต่อการคุมขังผู้ต้องหาซึ่งมีระยะเวลานานต่อเนื่องในช่วงก่อนการไต่สวนคดีด้วย"[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ราวินา แชมดาซานิ (Ravina Shamdasani) [/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รักษาการโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ [/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif](Office of the High Commissioner for Human Rights - OHCHR) [/FONT]

    สนง.ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ วอนไทยแก้ไข ม.112 กิจกรรมเคลื่อนไหวกรณี "อากง" เกิดต่อเนื่อง 9-10 ธ.ค.
    สนง.ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ วอนไทยแก้ไข ม.112 กิจกรรมเคลื่อนไหวกรณี "อากง" เกิดต่อเนื่อง 9-10 ธ.ค. : มติชนออนไลน์

    สยามสามัคคี !!! ..ออกโรงไล่บี้ นางคริสตี้ ทูตมะกัน และ UN ..โทษฐาน แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย กรณี ม. ๑๑๒

    สืบเนื่องมาจากเรื่องที่ก่อนหน้านี้ทั้ง นางคริสตี้ ทูตมะกัน และ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ได้เข้ามา สื่อสาร และ แถลงข่าว แทรกแซง กระบวนการยุติธรรมของไทย ในคดีความที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ..
    ซึ่งพฤติกรรมของทั้ง ตัวแทนของประเทศสหรัฐอเมริกา และ ตัวแทนขององค์การสหประชาชาติ ทำในสิ่งที่ ไม่เหมาะสม ต่อฐานะของการเป็นมิตรที่ดีต่อประเทศไทย เนื่องจากว่า มีพฤติกรรมหลายๆอย่างอันไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับตัว นางคริสตี้ ทูตมะกันเอง หรือ แม้แต่องค์กรสำคัญๆของโลกอย่าง สหประชาชาติ ที่มักจะเข้ามา แทรกแซง ก้าวก่าย หรือ มีบทบาทเกินงาม ในการเสนอแนะ หรือ ชี้นำ หรือ แกมบังคับ ต่อการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทย และ การทำงานของรัฐบาลไทยบ่อยครั้ง..

    ล่าสุดนี้ .. ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด หรือ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรจะแสดงออกมา แต่ทั้ง อเมริกา และ สหประชาชาติ ก็แสดงออกมาในเรื่องของการ ก้าวก่าย ยุ่มย่ามกับกระบวนการยุติธรรม และ การทำงานของรัฐบาลไทย ในกรณีของ กฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ หรือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ..




    --------------------------------------------------------------

    ตู่ยันมีรายงานปฏิวัติเม.ย.จริง Date : 2012-02-09 23:18:52

    ตู่ยันมีรายงานปฏิวัติเม.ย.จริง

    จาก โพสต์ทูเดย์


    จตุพรยันได้รับรายงานจากสหรัฐจะเกิดปฏิวัติช่วงเม.ย. เตรียมแสดงพลังต้าน 25 ก.พ.ที่โบนันซ่า ท้าผบ.ทบ.ประกาศเป็นทางการไม่ทำรัฐประหาร
    นายจตุพร พรหมพันธ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า ตนได้รับงานจากทหารที่เคยปฏิบัติหน้าที่ช่วงสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าจะมีการปฏิวัติในช่วงเม.ย. ซึ่งตรงกับข้อมูลของเจ้าหน้าสถานทูตสหรัฐ ที่ยืนยันการรายงานข่าวของหน่วยข่าวกรองสหรัฐว่าจะมีการปฏิวัติช่วงเดียวกัน
    อย่างไรก็ตาม ตนจึงได้นัดหมายให้แกนนำคนเสื้อแดงทุกจังหวัด รวบรวมมวลชนมารวมพลังเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร ในวันที่ 25 ก.พ. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน โดยเริ่ม 12.00 น. ถึง 06.00 น. ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะวิดีโอลิ้งค์ เข้ามาร่วมงานดังกล่าวด้วย ในเวลา 20.00 น.
    ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะดำเนินคดีกับตนเองที่ออกมาให้ข่าวการรัฐประหารนั้น ตนอยากท้าทายให้พล.อ.ประยุทธ ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเป็นผบ.ทบ จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ว่าใครจะเชิญชวนจะไม่ทำโดยเด็ดขาด หากทำได้จะขอชื่นชม
    “ขณะนี้มีตัวละครต่างๆเริ่มมีการเคลื่อนไหว เช่น การเรียกร้องนายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่งหาก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับตกไป และมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ อาจรู้ผลการตัดสินล่วงหน้า เพราะหากไม่รู้ล่วงหน้า เท่ากับเป็นการเคลื่อนไหวกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ และผมขอบคุณที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกมาเตือนผม แต่อยากให้ท่านกลับไปดูแลอย่าเกิดการรัฐประหารซ้ำรอย 19 ก.ย. 49” นายจตุพร กล่าว
    -------------------------------------------------------------------


    เฉลิมป้องตู่ไม่ต้องแจงปูดข่าวกรองมะกัน

    จาก โพสต์ทูเดย์

    เฉลิมเผยไม่จำเป็นต้องเรียกจตุพรแจง กรณีปูดข่าวกรองสหรัฐ เผยมีขบวนการปฏิวัติรัฐบาล มั่นใจไม่สร้างความแคลงใจระหว่าง 2 ชาติ
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าหน่วยข่าวกรองของทางการสหรัฐอเมริกายืนยันว่ามีแผนปฏิวัติ รัฐบาลนั้น ตนยังไม่ได้ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
    ทั้งนี้ เป็นหน้าที่ของพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่จะต้องไปตรวจสอบ และตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น อีกทั้ง คงไม่ต้องเรียกนายจตุพรมาชี้แจง เพราะนายจตุพรเป็นสส. ซึ่งคงได้รับข้อมูลมาจึงนำมาเปิดเผย อย่างไรก็ดี มั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่สร้างความเคือบแคลงใจระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐ


    -----------------------------------------------------------------------
    สหรัฐโต้ตู่ปัดเตือนไทยมีปฎิวัติเม.ย.

    จาก โพสต์ทูเดย์

    โฆษกสถานทูตสหรัฐโต้ข้อมูล"จตุพร"ปัดเตือนไทยมีปฎิวัติเดือนเม.ย.ยันข่าวไม่มีมูลความจริง
    นายวอลเตอร์ เบราโนห์เลอร์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อ้างว่า แหล่งข่าวกรองของสหรัฐฯเตือนว่าไทยจะมีการปฏิวัติในเดือนเม.ย.นี้ ว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง


    -----------------------------------------------------------------------

    ธิดาอ้างข่าวกรองสหรัฐฯมีขบวนการล้มรัฐบาล
    วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 8:11น.

    "ธิดา-จตุพร-ก่อแก้ว" 3 แกนนำ นปช. อ้างหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา มีขบวนการล้มรัฐบาล ก่อนเดือน เม.ย. เพื่อไม่ให้แก้ รธน. เลือก ประธาน นปช. คนใหม่ 25 ก.พ. ที่ โบนันซ่า
    ในการประชุมแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ยังไม่มีการเลือกประธาน นปช. คนใหม่ แทน นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการแทน ประธาน นปช. เนื่องจากแกนนำบางคนเสนอว่า ควรให้ผู้สมัครเป็นประธาน นปช. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ ที่ประชุมจึงมีมติเลื่อนการสรรหาประธาน นปช. คนใหม่ ออกไป เป็นวันที่ 25 ก.พ. ที่ โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
    ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ประเมินสถานการณ์การเมือง โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ นางธิดา ได้ระบุตรงกันว่า หน่วยข่าวกรองของประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า มีขบวนการล้มรัฐบาล ซึ่งจะทำให้สำเร็จภายในเดือน เม.ย. เพื่อไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และยังพบว่ามีความพยายามจัดมวลชนล้มรัฐบาล เพื่อนำไปสู้การรัฐประหาร

    ธิดาอ้างข่าวกรองสหรัฐฯมีขบวนการล้มรัฐบาล : INN News



    -------------------------------------------------------------------

    อึ้ ง ! วิ กี ลี ก ส์ปู ด แ ม้ ว-หมักให้มะกันใช้อู่ตะเภาบอมอิรักนับพันเที่ยว !!!

    สัมมนา “นาซา” เห็นตรงกัน รัฐงุบงิบจนเป็นเรื่อง
    “สุชาติ” อัดรัฐบาลปูนิ่มอ่อนเรื่องการต่างประเทศ
    เพจสายตรงแฉรูปโครงการมีเฉพาะจุดแหล่งพลังงาน
    อึ้ง! วิกีลีกส์ปูดยุค ”แม้ว-หมัก” มะกันใช้อู่ตะเภาเมามัน
    แวะปีละพันเที่ยว เติมน้ำมันไปโจมตี “อิรัก-อัฟกานิสถาน”
    สื่อรัสเซียวิเคราะห์ไม่นานไทยเป็นฐานแน่
    ใช้เป็นจุดขนถ่ายผู้ก่อการร้ายไปกวนตานาโม!



    เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา ในโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAC4RS โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรา, มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดงานราชดำเนินเสวนาหัวข้อ “เบรกนาซา ไทยได้หรือเสีย”

    นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ ประธานกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสดา) กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยหากมีการทักท้วงหรือวิพากษ์วิจารณ์ในมิติอื่นๆ ที่ประชาชนมีความเป็นห่วงก็สามารถแก้ไข หรืออธิบายเรื่องนี้ในแง่ของวิทยาศาสตร์

    นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องทางเทคนิค แต่เมื่อมีการใช้สนามบินอู่ตะเภาทำให้มีเรื่องความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีบริบทการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมา 9 เดือนที่เจรจาร่วมกัน รัฐบาลตลอดจนกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดของโครงการให้ประชาชนได้รับรู้เลย แม้ทุกหน่วยงานเห็นว่าเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์
    นายกษิตกล่าวต่อว่า รัฐบาลสามารถทำได้ 2 เรื่อง คือ

    1.ขอเลื่อนโครงการดังกล่าวออกไป 1-2 เดือน เพื่อให้การดำเนินการทางรัฐสภาเสร็จสิ้น ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงมรสุม และสหรัฐเองน่าจะเข้าใจ เพราะเรื่องสำคัญหลายเรื่องสหรัฐก็ต้องผ่านสภาคองเกรส

    2.หนังสือที่สหรัฐส่งมา รัฐบาลควรแถลงเป็นทางการ แต่ยังไม่เคยมีข่าวจากรัฐบาลเลยว่าเนื้อหาสาระโครงการเป็นอย่างไร ซึ่งการนำเรื่องเข้ารัฐสภา ก็จะเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้ชี้แจงเรื่องนี้ต่อประชาชน และให้เพื่อนบ้านมั่นใจในโครงการ เพราะตราบใดที่ไม่มีการชี้แจงก็จะยังมีคำถามอยู่

    “หากผมยังอยู่ในตำแหน่งจะขอให้สหรัฐเลื่อนโครงการออกไปอีกนิด ซึ่งคงไม่เสียหายอะไร เพราะมีการเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้แล้ว นอกจากนั้นผมก็จะเชิญทูตจีน, อินเดีย และสหรัฐมาหารือกัน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน หรือไม่ก็ให้ทูตไทยและทูตสหรัฐในจีนชี้แจงเรื่องนี้ต่อทางการจีน” นายกษิตกล่าว

    นายสุชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการโยงกันระหว่าง 3 เรื่อง คือ การเมืองระหว่างประเทศ, การเมืองในประเทศ และการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้ประชาชนสับสน ซึ่งรัฐบาลอ่อนในการแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล จึงทำให้มีการโยงเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลควรชี้แจงรายละเอียดโครงการดังกล่าวใน 3 ระดับด้วยกัน คือ การชี้แจงกับประชาชนในประเทศ, การชี้แจงกับรัฐบาลในประชาคมอาเซียน และการชี้แจงกับประชาคมต่างประเทศ

    ชี้ปูอ่อนด้านต่างประเทศ
    “สิ่งที่รัฐบาลพลาดที่สุดคือ การนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องทางเทคนิค สามารถทำให้จบที่กระทรวงได้ และการถอยครั้งนี้เป็นการถอยครั้งที่ 3 หลังจากถอยในเรื่องพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองน้อยที่สุด ซึ่งการถอยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และจะทำให้ต่างประเทศมองว่า รัฐบาลไม่มีศักยภาพดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศ ทางที่ดีรัฐบาลจึงควรเดินหน้าต่อ“ นายสุชาติกล่าว


    นายสุชาติกล่าวว่า สิ่งที่น่าเสียดายคือ โครงการตั้งศูนย์บรรเทาภัยพิบัติ ซึ่งหากสหรัฐถอนโครงการด้วย ไทยจะเสียประโยชน์ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาใหญ่ของรัฐบาลว่า

    1.หากในอนาคตมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น จะได้รู้ว่าควรชี้แจงอย่างไร

    2.รัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน และกล้าตัดสินใจ

    3.รัฐบาลมีความอ่อนแอด้านต่างประเทศ เพราะมีความกังวลจากเหตุการณ์ในอดีตในกรณีเขาพระวิหาร

    4.ไทยยังจำเป็นต้องพึ่งสหรัฐ

    5.รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์การสร้างสมดุลในเรื่องความสัมพันธ์ทั้งจีนและสหรัฐ

    ขณะเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร หลานชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในเรื่องดังกล่าวว่า โครงการที่นาซาขอใช้พื้นที่อู่ตะเภาไม่ได้ทำที่ไทยที่เดียว มีการทำทั้งหมด 40 กว่าจุดทั่วโลก ซึ่งโครงการที่ทำในไทยมีชื่อย่อว่า SEAC4RS ซึ่งน่าสังเกตว่ามีข้อมูลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าพูด และไม่เคยพูดถึงเลย คือ ER-2 ที่ ปชป.บอกว่าจะเข้ามาสอดแนม ได้มีการวางแผนเข้ามาทำการบินในไทยตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.54 โดยระบุพื้นที่ทำการบินแถวๆ อู่ตะเภา, สุราษฎร์ธานี ซึ่งวันที่ 18 ก.ค.54 ปชป.ยังเป็นรัฐบาลอยู่เลย


    นายพานทองแท้โพสต์อีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตดังนี้

    1.นาซามีสิทธิ์อะไรที่กำหนดแผนการบินของเครื่องบิน ER-2 ในพื้นที่ไทยไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล หรือมีการตกลงกันไว้ตั้งแต่สมัยนายกฯ อภิสิทธิ์แล้วหรือไม่

    2.แผนการบินให้ไปทำที่สุราษฎร์ธานีและภูเก็ต เป็นข้อเสนอของรัฐบาล ปชป.หรือนาซากำหนดเอง

    3.แผนการบินดังกล่าวมีการบินจริงไปแล้วหรือไม่

    4.ทำไม ปชป.ไม่เคยพูดถึงข้อมูลนี้เลย ทั้งที่ข้อมูลนี้อยู่ในหน้าเดียวกันกับข้อมูลที่ ปชป.นำมาโจมตีรัฐบาล

    นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ตอบโต้นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่ากองทัพมีหนังสือเตือนไปยังรัฐบาล ถึงกรณีนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาว่าอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคง จนรัฐบาลต้องนำเรื่องเข้าหารือรัฐสภา ว่า เป็นข้อมูลมั่ว ไม่เป็นจริง ที่ผ่านมาผู้นำกองทัพและโฆษกกระทรวงกลาโหมยืนยันว่า การขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นเรื่องภูมิอากาศ ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง ส่วนที่นายกฯ นำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมสภาฯ เพราะเห็นว่าเมื่อมีปัญหาที่ฝ่ายค้านมาสร้างความสับสน ก็ต้องใช้รัฐสภามาเป็นบรรทัดฐานแก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่บรรทัดฐานที่ถูกต้อง ไม่ใช่ค้านจนหน้ามืดตามัว เราเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว เวทีนี้จะปอกเปลือกให้เห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาสร้างความสับสนจนโครงการเดินต่อไม่ได้
    ขึงพืดนาซาส่องพลังงาน

    ส่วนเพจสายตรงภาคสนามนั้น ก็ยังคงเกาะติดในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยล่าสุดระบุถึงการตรวจสอบเว็บไซต์ของนาซาเกี่ยวกับโครงการ SEAC4RS พบว่า มีการจัดทำสไลด์สรุปโครงการรวม 26 แผ่น โดยมีสิ่งที่น่าสนใจคือ แผ่นที่ 5 ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่ประเทศไทยกินพื้นที่กว้างไปถึงฝั่งทะเลจีนใต้ ที่สำคัญคือ แผนที่ยังมีการกำหนดจุดแหล่งพลังงานในอ่าวไทย และหมู่เกาะสแปรตลีย์ไว้อย่างชัดเจน

    “หากโครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพียงแค่การสำรวจก้อนเมฆ ละอองลอยในชั้นบรรยากาศ เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับการก่อตัวของเมฆฝนจริง เหตุใดจึงต้องกำหนดจุดแหล่งพลังงานไว้ ข้อมูลเหล่านี้ไม่เคยมีการเปิดเผยจากนักวิทยาศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับโครงการและรัฐบาลมาก่อน” เพจสายตรงภาคสนามตั้งคำถาม

    ยังมีความน่าสนใจเมื่อเว็บไซต์ของวิกิลีกส์ หมายเลขอ้างอิง 09BANGKOK213 ลงวันที่ 30 ส.ค. 52 ซึ่งเขียนโดยนายอีริก จี. จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้ระบุว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แนบแน่นระหว่างไทยกับสหรัฐ ได้ช่วยให้สหรัฐได้ประโยชน์อย่างมาก ประโยชน์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การเข้าใช้ฐานทัพต่างๆ ในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานทัพอู่ตะเภา ซึ่งไทยได้อนุญาตอย่างเงียบๆ ให้สหรัฐติดตั้งระบบการเติมน้ำมันเครื่องบินที่อู่ตะเภา เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืน และอนุญาตให้เครื่องบินรบและเครื่องบินสนับสนุนของสหรัฐบินผ่านน่านฟ้าได้ ซึ่งบางเที่ยวบินช่วยสนับสนุนการทิ้งระเบิดในอัฟกานิสถาน

    อดีตเอกอัครราชทูตจอห์นยังระบุด้วยว่า ไทยยังได้อนุญาตให้กองทัพสหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลาง ในโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยสึนามิในช่วงปี 2547-2548 และส่งเที่ยวบินบรรเทาทุกข์ไปยังพม่าหลังเหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กิสเมื่อปี 2551 ด้วย และว่ากองทัพของสหรัฐได้เข้าใช้สนามบินอู่ตะเภาอย่างเงียบๆ ปีละกว่า 1,000 เที่ยวบิน เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการต่างๆ ของสหรัฐ รวมทั้งภารกิจในอัฟกานิสถานและอิรัก

    นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้อนุญาตให้เครื่องบินทหารของสหรัฐใช้อู่ตะเภาในงานด้านข่าวกรองเป็นประจำ โดยไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเที่ยวบินเหล่านั้น สหรัฐได้หลีกเลี่ยงที่จะเปิดเผยถึงการใช้สนามบินดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกอ่อนไหวของไทยเกี่ยวกับฐานทัพของต่างชาติ อู่ตะเภาและสนามบินและท่าเรือต่างๆ ยังคงมีความสำคัญต่อการสำแดงกำลังของสหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    สำหรับเหตุการณ์สึนามิ พ.ศ.2547-2548 นั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่เหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กิสนั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

    หมีขาวยันไทยเป็นฐานมะกันแน่

    นอกจากนี้ เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์มอสโกไทม์ ได้เผยแพร่บทรายงานเชิงข่าวของคอนสแตนติน การีบอฟ ระบุว่า อีกไม่นานไทยจะมีทหารอเมริกันเข้าไปตั้งฐานทัพอย่างถาวร เพราะกระทรวงกลาโหมสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะกลับเข้าไปใช้ฐานทัพอู่ตะเภา ซึ่งเวลานี้นาซามีแผนใช้สนามบินแห่งนี้ ในการทำโครงการศึกษาภูมิอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสหรัฐไม่ได้ต้องการเพียงศึกษาชั้นบรรยากาศเท่านั้น

    รายงานชิ้นนี้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ "โฆษกกองทัพไทย" ซึ่งขอสงวนนาม โดยระบุว่า ทางการไทยรู้สึกกังวลต่อปฏิกิริยาของจีนที่สหรัฐจะเข้าใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจีนเกรงว่าอาจถูกใช้ในงานข่าวกรอง ผู้เขียนกล่าวว่า ที่ผ่านมาในอู่ตะเภามีทหารสหรัฐจำนวนหนึ่งทำหน้าที่เติมน้ำมันเครื่องบิน และเรือที่ขนส่งกำลังพลและยุทธภัณฑ์ไปยังอัฟกานิสถานและอิรัก และมีการคาดกันว่า สหรัฐได้ใช้อู่ตะเภาเป็นที่ขนถ่ายผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายต่างชาติไปยังสหรัฐ และฐานทัพสหรัฐที่อ่าวกวนตานาโมในคิวบา

    อังเดร โวโลดิน แห่งสถาบันการทูตของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า สหรัฐต้องการให้ไทยให้ความช่วยเหลือในโครงการเฝ้าตรวจทางอากาศต่อตู้สินค้าทางทหารและทางการค้าจากตะวันออกกลางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก เส้นทางขนส่งทางทะเลสายนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จีนใช้ในการค้าขายกับประเทศเอเชียและแอฟริกา ซึ่งสหรัฐต้องการปิดล้อมจีนและปิดล้อมคอมมิวนิสต์.

    แนวหน้า 02 ก.ค. 2555

    อึ้ ง ! วิ กี ลี ก ส์ปู ด แ ม้ ว-หมักให้มะกันใช้อู่ตะเภาบอมอิรักนับพันเที่ยว !!! จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
  11. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]http://www.salem-news.com/articles/september032009/israel_cia_wm_9-3-09.php[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]Sep-03-2009 02:03[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]CIA, Mossad Take Major Hits in Asian Covert Operations[/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]Wayne Madsen Special to Salem-News.com [/FONT]


    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif](WASHINGTON, D.C.) - WMR has learned from its Asian intelligence sources that[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]the CIA and Mossad recently suffered major hits in covert operations being conducted in Asia.[/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]Israeli criminal gangs operating methamphetamine labs in northern Burma (Myanmar),[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]under the protection of a sizeable Israeli security and intelligence presence in the country,[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]infiltrated the United Nations poppy eradication program.[/FONT]

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]The program seeks to convince ethnic Wa and Kokang's in the "Golden Triangle" region[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]famous for opium production to change to other legal crops and turn in their weapons,[/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]mostly Chinese-made AK-47s, for cash.[/FONT]

    http://www.thaipost.net/news/160909/10811

    ทางเลือกใหม่ของพม่า???

    16 กันยายน 2552 - 00:00
    ท่านขุนน้อย

    ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา...มีรายงานข่าวอยู่ชิ้นหนึ่งที่น่าให้ความ
    สนใจอยู่ไม่น้อย แม้นว่าจะเป็นข่าวชิ้นเล็กๆ
    ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรกับสถานการณ์ระดับนานาชาติมากมายนัก
    และก็ไม่ได้ถึงกับเกี่ยวพันกับประเทศไทยแบบตรง-ตรงมา
    แต่ถ้าหากหยิบมาใคร่ครวญ หวนคิดกันให้ลึกๆ
    แล้ว...ถือได้ว่าเป็นข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
    ไม่ว่าต่อประเทศไทย หรือประเทศต่างๆ
    ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภูมิภาคก็ว่าได้...

    ---------------------------------------

    ข่าวคราวที่ว่า...ก็คือกรณีที่กองทัพรัฐบาลทหารพม่า จำนวนถึง
    20 กองพัน
    ได้สนธิกำลังบุกเข้ากวาดล้างชนชาติส่วนน้อยเชื้อสายจีนในพม่า
    ที่มีชื่อเรียกๆ กันว่า พวก โกกั้ง หรือ โกก้าง (Kokang)
    ซึ่งปักหลักอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณพรมแดนจีน-พม่า
    จนทำให้กองกำลังติดอาวุธของชนชาติส่วนน้อยเหล่านี้ (Myanmar National
    Democratic Alliance Army-MNDAA) ที่มีอยู่แค่ไม่กี่พันคน
    ต้องแตกยับเยินไม่เป็นชิ้นดี ส่งผลให้ชนชาติพม่าเชื้อสายจีน
    ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของพวก โกกั้ง
    ต้องอพยพหลบหนีทะลักเข้าไปในเขตชายแดนจีนจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน...

    ----------------------------------------

    ไม่ว่าอะไรคือสาเหตุหรือ ข้ออ้าง ของกองทัพพม่า
    ในการบุกเข้าโจมตีชนชาติส่วนน้อย
    ผู้ซึ่งเคยได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ เขตปกครองพิเศษ
    แห่งนี้ก็แล้วแต่ แต่ในสายตาของนักสังเกตการณ์ต่างประเทศจำนวนไม่น้อย
    ล้วนแล้วแต่มองไปในทิศทางคล้ายๆ กันว่า
    ปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถนำมาใช้สะท้อนให้เห็นถึงร่องรอยความปริร้าว
    หรือความไม่ลงตัวในสัมพันธภาพระหว่าง จีน กับ พม่า
    ที่ใครต่อใครเคยคิดมาก่อนหน้านั้นว่า
    เป็นสัมพันธภาพที่เหนียวแน่นซะเหลือเกิน แต่เอาเข้าจริงๆ
    แล้ว...ความพยายามที่จะเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองของรัฐบาลทหารพม่า
    กับอิทธิพลของจีนซึ่งนับวันจะแผ่ครอบงำพม่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
    กำลังกลายเป็นสิ่งที่สวนทางกันและกันหนักขึ้นทุกที
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพม่าเริ่มมี ทางเลือก
    ในการกำหนดนโยบายของตัวเองเพิ่มมากขึ้นกว่าในยุคอดีตทีผ่านมา...

    --------------------------------------------

    ก่อนหน้านั้น...ท่ามกลางการโดดเดี่ยวพม่าโดยโลกทั้งโลก
    ทางออกหรือทางเลือกของพม่า เหลืออยู่แค่เพียงทางเดียวเท่านั้น
    นั่นก็คือการหันไป ซบจีน
    แม้นว่าประเทศทั้งสองจะเคยเป็นคู่รัก-คู่แค้นกันมาโดยตลอด
    อาจเรียกได้ว่า นับตั้งแต่ยุค กุบไลข่าน
    ไปจนถึงยุคจีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปแล้วก็ว่าได้
    จนกระทั่งเมื่ออิทธิพลจีนในพม่าได้เริ่มสร้างความตระหนกตกใจให้กับอินเดีย
    การเปลี่ยนนโยบายของอินเดียหันมาคบหากับพม่า แบบเน้นๆ เนื้อๆ
    นอกจากจะทำให้พม่าเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้นแล้ว
    ล่าสุด...การปรับนโยบายของสหรัฐอเมริกาต่อพม่า ภายใต้แนวคิดการใช้
    พลังอำนาจแบบอ่อน ของรัฐบาลประธานาธิบดี บารัก โอบามา
    ยิ่งน่าจะมีส่วนทำให้พม่าพร้อมที่จะประกาศความเป็นตัวของตัวเองให้ชัดเจน
    ยิ่งขึ้นไปอีก...

    --------------------------------------------

    การบุกโจมตีกองกำลังชนชาติส่วนน้อยเชื้อสายจีน
    ที่บางส่วนอาจเรียกได้ว่าเป็น พลเมืองจีนแท้ๆ
    แต่มาทำมาหากินอยู่ในพม่าอย่างพวก โกกั้ง นั้น
    จึงถูกนำมามองกันในแง่มุมเช่นนี้
    และแม้นว่ากองกำลังดังกล่าวจะเป็นเพียงแค่กองกำลังเล็กๆ
    มีกำลังทหารอยู่แค่ไม่กี่พันคน
    แต่ในแง่สายใยความผูกพันที่เชื่อมโยงไปถึงกองกำลังที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งไป
    กว่านั้นหลายต่อหลายเท่า คือ กองทัพสหภาพรัฐว้า (United Wa State
    Army-UWSA) ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยใกล้ชิดกับจีน
    มาตั้งแต่ครั้งที่แต่ละกลุ่มยังดำรงสถานะเป็น พรรคคอมมิวนิสต์พม่า
    ก่อนหน้าที่จะถูกจีนเกลี้ยกล่อมให้เลิกล้มการเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลพม่าใน
    เวลาต่อมา จึงกลายเป็นตัวสร้าง

    แรงกดดัน และก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อจีน
    ที่จะต้องเลือกเอาระหว่างการดำรงสัมพันธภาพที่ดีกับรัฐบาลพม่า
    หรือจะดำรงรักษาอิทธิพลดั้งเดิม
    ซึ่งเคยมีอยู่กับบรรดาชนชาติส่วนน้อยเหล่านี้ต่อไป...

    ----------------------------------------------


    ในช่วงหนึ่งที่จีนและพม่าพยายามลดความระแวงแคลงใจระหว่างกันและกัน
    ด้วยวิธีอพยพโยกย้ายชนชาติส่วนน้อยในรัฐว้า ที่เคยตั้งถิ่นฐาน
    บ้านเรือน ประชิดติดพันอยู่ในบริเวณชายแดนจีน-พม่า
    ให้มาตั้งหลักปักฐานอยู่ในชายแดนไทย-พม่ากันไปแทนที่
    แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่การหาทางออกที่ยั่งยืน ถาวร
    แต่อย่างใด...โดยเฉพาะในช่วงล่าสุด
    ที่รัฐบาลพม่าได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่
    ด้วยการฉีกข้อตกลงหยุดยิงกับบรรดาชนชาติส่วนน้อยซึ่งเคยมีการใช้มาโดยตลอด
    ระยะ 20 ปีที่ผ่านมา
    และประกาศให้กองกำลังติดอาวุธของชนชาติส่วนน้อยทั้งหลาย
    ยอมส่งมอบอาวุธให้กับรัฐบาลพม่าอย่างเป็นทางการ
    ก่อนที่จะสลายตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรักษาชายแดน
    ขึ้นตรงต่อการบัญชาการของกองทัพพม่าโดยตรง...

    ---------------------------------------------

    นโยบายดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดการปฏิเสธ แข็งข้อ
    ขึ้นมาในหมู่ชนชาติส่วนน้อยที่เรียกว่าพวก โกกั้ง เท่านั้น
    แต่ยังทำให้กองทัพสหภาพรัฐว้า ที่มีสายใยผูกพันอยู่กับพวก โกกั้ง
    และได้รับการหนุนช่วยโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาโดยตลอด
    ตลอดไปจนถึงชนชาติส่วนน้อยรายอื่นๆ
    ต่างประกาศตัวว่าพร้อมจะสู้รบกับกองทัพพม่าได้ทุกเมื่อ
    และถ้าหากว่ารัฐบาลจีนไม่สามารถยื่นมือเข้ามาคลี่คลาย
    หาทางออกให้กับปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวได้อย่างจริงๆ จังๆ
    การปะทะระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังชนชาติส่วนน้อย
    ในบริเวณพรมแดนจีน-พม่า และพรมแดนไทย-พม่า ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ
    นี้ หรือไม่น่าจะเกินช่วงฤดูแล้งปีหน้า
    ก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งใหม่ในพม่าจะเริ่มต้นขึ้น
    ก็จะกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับทั้งประเทศจีนและไทยไปด้วยกันทั้งคู่...

    --------------------------------------------------

    แม้นว่าในช่วงที่ผ่านมา...รัฐบาลจีนจะไม่ได้แสดงท่าที วิตก
    กังวล อะไรมากมายนัก ต่อการปรับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐที่มีต่อประเทศพม่า
    แต่เมื่อมาถึงขณะนี้...ดูเหมือนว่าจีนอาจจะ ประเมินสหรัฐต่ำเกินไป
    สายใยความผูกพันระหว่างจีน-พม่า ที่เริ่มแสดงรอยร้าว รอยปริ
    ให้เห็นขึ้นมาบ้างแล้วรางๆ จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
    ในการแย่งชิงอิทธิพลระหว่างกันและกันอีกมากน้อยแค่ไหน
    ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นจะต้องติดตามอย่างมิอาจกะพริบตาได้เป็นอันขาด
    ส่วนประเทศเล็กๆ ที่มีชื่อว่า ไทยแลนด์แดนสยาม
    ของเรานั้น...ก็คงไม่น่าที่จะไปมีบทบาทกำหนดอะไรได้มากมายนัก
    นอกจากจะต้อง รับเละ กันในฐานะ หญ้าแพรกที่แหลกราญ
    ภายใต้การปะทะกันระหว่างช้างกับช้าง...โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งปีหน้า
    คงต้องเตรียมตัวตั้งศูนย์ผู้อพยพลี้ภัยเอาไว้ล่วงหน้าซะแต่เนิ่นๆ...

    ------------------------------------------------

    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก นาวาเอก อาร์เลห์ เอ. เบิร์ก
    แห่งนาวีสหรัฐ..."ไม่เคยมีสถานที่อันเหมาะสมสำหรับการทำสงคราม
    โดยเฉพาะเมื่อผู้อื่นเป็นผู้เริ่มต้นก่อขึ้น...".

    โดยเฉพาะการทำสงคราม เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์
    --------------------------------------------------


    ถ้าไทยถูกแบ่ง จีนก็ถูกแบ่ง เหมือนรัสเซียถูกแบ่งยุคหลังสงครามเย็น
    ตะวันตกจะครองความเป็นจ้าว
    ไทยคือปราการสุดท้ายของจีนในภูมิภาคนี้ต่อรองเพื่อถ่วงดุลกันไทยจะได้ประโยชน์


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7(12).gif
      7(12).gif
      ขนาดไฟล์:
      10 KB
      เปิดดู:
      268
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  12. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    สหรัฐฯย้ายเรือรบกว่าครึ่งกองทัพประจำเอเชียแปซิฟิก

    สหรัฐฯเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อเสริมอานุภาพทางทหารในแถบเอเชีย ด้วยการประกาศส่งเรือรบร้อยละ 60 ของกองทัพ มาประจำการในมหาสมุทรแปซิฟิก

    นายลีออน พาเนตตา รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่สิงคโปร์ ระบุว่า ภายในปี 2563 เรือรบของสหรัฐฯราวร้อยละ 60 ของกองทัพ จะย้ายมาประจำการในแถบเอเชียแปซิฟิก เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยในจำนวนนี้รวมถึง เรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ ตลอดจนเรือลาดตระเวน, เรือพิฆาต, เรือรบใกล้ชายฝั่ง, และเรือดำน้ำส่วนใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ


    นายพาเนตตา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และมั่นใจว่า จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการเปลี่ยนแปลงด้านงบประมาณของสหรัฐฯในอนาคต


    ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ยังย้ำว่า แผนยุทธศาสตร์ใหม่ เป็นส่วนหนึ่งในคำมั่นของสหรัฐฯ ที่ให้ไว้กับบรรดาชาติพันธมิตรในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงไทย, ฟิลิปปินส์, และออสเตรเลีย ในการเพิ่มความร่วมมือทางทหาร


    ถ้อยแถลงของนายพาเนตตามีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านเขตแดนในทะเลจีนใต้ กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความขัดแย้งล่าสุดระหว่างจีน กับฟิลิปปินส์ หนึ่งในพันธมิตรที่แน่นแฟ้นของสหรัฐฯ


    อย่างไรก็ตาม นายพาเนตตา ยืนยันว่า สหรัฐฯไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเข้ามาควบคุมอำนาจทางทหารของจีน ขณะที่จีน เริ่มส่งสัญญาณไม่พอใจต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว และลดระดับผู้แทนของจีน ที่เดินทางไปเข้าร่วมการหารือด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่สิงคโปร์ จากระดับรัฐมนตรีกลาโหม เมื่อปีที่แล้ว เหลือเพียงระดับรองประธานโรงเรียนนายร้อยทหารของจีน ในปีนี้เท่านั้น


    by Phanuwat
    2 มิถุนายน 2555 เวลา 13:49 น.

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    [​IMG]

    ตะลึง เรือดำน้ำชั้น "ซ่ง" ของจีนโผล่ขึ้นจากน้ำกลางหมู่เรือรบสหรัฐในแปซิฟิค

    มีรายงานข่าวจากวงการทหารของประเทศไทยว่า ในช่วงเวลาที่มีการซ้อมรบทางทะเลระหว่างกองทัพเรือสหรัฐกับกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ต่อเนื่องมาจนถึงการซ้อมรบระหว่างกองทัพเรือจีน-รัสเซีย นั้น ได้ปรากฏเรือดำน้ำชั้น “ซ่ง” ของกองทัพจีนโผล่ขึ้นกลางหมู่เรือในกองเรือที่ 7 ของสหรัฐในแปซิฟิคโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน

    รายงานข่าวดังกล่าวระบุว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐและจีนได้ประสพความสำเร็จในการผลิตเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับที่ตรวจจับโดยเรด้าร์และโดยวิธีอื่นไม่ได้ โดยทางจีนได้สาธิตเครื่องบินชนิดนี้ที่เฉิงตูเมื่อปีที่แล้ว จนตะลึงกันทั้งโลกมาแล้ว เพราะเป็นการแสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของกองทัพจีน มาครั้งนี้การที่เรือดำน้ำชั้น “ซ่ง” ของจีน โผล่ขึ้นจากน้ำท่ามกลางหมู่เรือของกองเรือที่ 7 ในแปซิฟิคของสหรัฐโดยระบบเรด้าร์และระบบสัญญาณดาวเทียมอื่น ๆ ตรวจจับไม่ได้ ทำให้เกิดการตะลึงทั่วประเทศ เพราะในอดีตนั้นเชื่อกันว่าความเคลื่อนไหวใต้ท้องสมุทรสามารถตรวจจับได้ทั้งระบบเรด้าร์และระบบสัญญาณดาวเทียมและระบบสั่นสะเทือนอื่น ๆ การที่เรือดำน้ำชั้นซ่งของจีนสามารถเข้าไปใกล้หมู่เรือของกองเรือที่ 7 สหรัฐโดยตรวจจับไม่ได้ ได้สะท้อนให้เห็นว่าจีนประสพความสำเร็จในการกำจัดหรือต่อต้านการตรวจจับความเคลื่อนไหวใต้มหาสมุทรครั้งใหญ่แล้ว จนสามารถคุ้มครองให้เรือดำน้ำซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบินหลายเท่าสามารถเล็ดรอดเข้าไปใกล้หมู่เรือของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐได้เพราะถ้าเป็นเหตุการณ์ในภาวะสงครามก็แสดงว่าจีนมีขีดความสามารถที่จะทำลายล้างกองเรือเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

    ในเรื่องนี้ นายไพศาล พืชมงคล เลขาธิการ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ให้ความเห็นว่านักวิชาการด้านยุทธศาสตร์และสงครามทั้งในโลกอิสลามและตะวันตกมีความเห็นไปในทางเดียวกันแล้วว่า จะเกิดสงครามขนาดใหญ่ขึ้นในโลกภายใน 2 ปีนี้ แต่จุดที่จะยับยั้งสงครามนั้นอยู่ที่ขีดความสมามารถของอิสราเอลและกลุ่มประเทศอิสลามบางประเทศในการมีและการหลบหลีกการตรวจจับอาวุธนิวเคลียร์เล็กเพราะตราบใดที่ตะวันตกและอิสราเอลยังตรวจจับเรื่องนี้ไม่ได้ก็จะไม่กล้าโจมตีอิหร่าน จึงทำให้สงครามใหญ่ในตะวันออกกลางยังไม่อาจกำหนดได้แน่ชัด แต่ในเอเซียนั้นเมื่อเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลวในการทดลองขีปนาวุธครั้งล่าสุดก็เป็นที่คาดหมายว่าจะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นในภูมิภาคนี้ก่อน แต่เมื่อเกิดเหตุสองประการขึ้นก็ทำให้การคาดหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไป

    เหตุการณ์แรก คือการซ้อมรบระหว่างจีน-รัสเซีย ซึ่งเป็นการประกาศต่อตะวันตกว่าจีน-รัสเซีย จะร่วมมือกันในทางทหารและพร้อมปฏิบัติการในย่านทะเลเหลือง รวมทั้งแปซิฟิคด้วย ทั้งการซ้อมรบดังกล่าวก็ประสพความสำเร็จแม้ว่าจะมีหมอกหนาทึบ

    เหตุการณ์ที่สอง คือเหตุการณ์ที่เรือดำน้ำของจีนสามารถเล็ดรอดไปผุดกลางหมู่เรือที่ 7 ของสหรัฐโดยไร้ร่องรอย
    นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าขณะนี้การก่อตัวเป็นพันธมิตรทางการทหารในระดับสากลปรากฏโฉมชัดขึ้นเรื่อย ๆ และการแสดงแสนยานุภาพและสมรรถนะของอาวุธยุทโธปกรณ์ก็เปิดออกมาเรื่อย ๆ ตราบใดที่แสนยานุภาพและสมรรถนะของอาวุธยุทโธปกรณ์ยังสมดุลอยู่ เมื่อนั้นก็จะระงับยับยั้งสงครามเอาไว้ได้ แต้ถ้าเสียดุลเมื่อใดก็จะเกิดสงครามเมื่อนั้น ที่ผ่านมาฟิลิปปินส์มีน้ำใจกำเริบว่าแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐจะคุ้มครองให้ตนเองออกหน้าเข้าแย่งยึดผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้ได้จึงออกหน้าสุดตัว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสันติภาพในภูมิภาคนี้เลย เพราะหากฟิลิปปินส์มีปัญหากับจีนในเรื่องนี้ ก็ต้องเจรจากับจีนโดยตรงว่าจะจัดการกันอย่างไร เพราะเรื่องผลประโยชน์นั้นสามารถเจรจากันได้ การที่ฟิลิปปินส์ไปชักชวนสหรัฐและประเทศทั้งหลายที่ขัดแย้งกับจีนมางัดข้อกับจีนจึงเท่ากับเป็นการจุดสงครามและทำลายสันติภาพ.

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>by กองบรรณาธิการ </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>Wednesday, 02 May 2012 10:15 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    เรือบรรทุกเครื่องบินUS ดอดเข้าใกล้เกาะเตี้ยวอี๋ว์ จีนโชว์ภาพลับ “เรือดำน้ำ”

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ 2 ลำ แล่นอยู่ในทะเลจีนตะวันออก (ภาพ เว็บไซต์นาวีสหรัฐอเมริกา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ASTVผู้จัดการออนไลน์--ในวันนี้(4 ต.ค.) สำนักข่าวซินหวา และกลุ่มสื่อจีน ได้เผยแพร่ภาพข่าว ที่พาดหัวว่า “เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯสองลำแล่นเข้าใกล้น่านน้ำเกาะเตี้ยวอี๋ว์”

    รายงานข่าวของซินหวา ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุนประกาศ “ซื้อ” เกาะเตี้ยวอี๋ว์ โดยไม่แยแสการประท้วงและคำเตือนของจีน อันเป็นเหตุให้กรณีพิพาทกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นซึ่งยืดเยื้อมาในประวัติศาสตร์ ปะทุตึงเครียดอย่างน่าอันตรายที่สุด

    ต่อกรณีนี้ นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่ง ชี้ว่า รัฐบาลแดนปลาดิบกระทำการแต่ฝ่ายเดียวกดดันจีนโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใด แต่บางกระแสวิเคราะห์ก็ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลญี่ปุ่น เท่ากับเป็นการผลักดันข้อพิพาทกรรมสิทธิเตี้ยวอี๋ว์ เป็น “วาระระดับชาติ” นี้ เพราะได้รับแรงสนับสนุนเต็มที่จากกองทัพสหรัฐฯ

    ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ญี่ปุนได้เดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตัน ระหว่างการเยือนฯนี้ ญี่ปุนได้คุยกับผู้นำสหรัฐฯ นำข้อพิพาทเกาะเตี้ยวอี๋ว์ และสนธิสัญญาความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ (Treaty of Security and Safeguard Between Japan and United States) มาเกี่ยวข้องกัน

    ระหว่างที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุนกำลังตึงเครียดจัดนี้ สหรัฐฯก็ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ มายังบริเวณน่านน้ำทะเลจีนใต้ แถมแอบย่องเข้ามายังน่านน้ำทะเลจีนตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์

    นอกจากนี้ สื่อจีนและกลุ่มสื่อเทศ รายงานว่าสหรัฐฯได้ส่งฝูงเครื่องบินลำเลียงทางทหาร MV-22 Osprey จำนวน 6 ลำ มาที่ฐานทัพสหรัฐฯ U.S. Marine Corps Air Station Futenma ในโอกินาวาของญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์(1 ต.ค.) จากฐานทัพฯแห่งนี้ Osprey ซึ่งเป็นเครื่องบินรบหลากหลายบทบาท บินขึ้นได้แบบเฮลิคอปเตอร์ และเหินแบบเครื่องบินรบ จะสามารถบินไปถึงเกาะเตี้ยว์อี๋ว์ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ สหรัฐฯมีแผนส่ง Osprey มาที่ฐานทัพในโอกนาวา ทั้งสิ้น 12 ลำ

    ในวันนี้ สื่อจีนรายงานสถานการณ์เผชิญหน้าในน่านน้ำรอบเกาะพิพาทฯ เรือตรวจการณ์สมุทรจีน 4 ลำ ได้แล่นไปยังบริเวณเกาะหวงเหว่ย (ญี่ปุน -โกบิ โช) ซึ่งเป็น“เขตต่อเนื่อง” (Contiguous Zone) ของหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์เมื่อเช้านี้(4 ต.ค.) ทั้งนี้ในสองวันมานี้ เรือตรวจการณ์สมุทรจีนได้แล่นลัดเลาะบริเวณรัศมีอธิปไตยดินแดน 12 ไมล์ทะเล และบริเวณเขตต่อเนื่อง ของเกาะเตี้ยวอี๋ว์

    ขณะที่หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่น รายงานว่า ในราวตีหนึ่งของวันนี้(4 ต.ค.) มีเรือลาดตระเวนไต้หวัน 1 ลำ เข้ามายังเขตต่อเนื่องของเกาะเตี้ยวอี๋ว์นี้ด้วย

    ทั้งนี้ หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ในทะเลจีนตะวันออก เป็นดินแดนพิพาทกรรมสิทธิระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นเรียกหมู่เกาะพิพาทนี้ ว่า เซงกากุ ขณะที่ไต้หวันก็อ้างกรรมสิทธิเหนือหมู่เกาะนี้ในนามของสาธารณรัฐจีน เตี้ยวอี๋ว/เซงกากุ เป็นดินแดนที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ตั้งอยู่ตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ ตะวันออกเฉียงของไต้หวัน ตะวันตกของเกาะโอกินาวา ตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะริวกิว

    ในปี 2511 มีการค้นพบความเป็นไปได้ว่า อาจมีแหล่งสำรองน้ำมันในบริเวณหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ ซึ่งอุดมด้วยทรัพยากรแร่ และการประมง สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐจีน (หรือไต้หวัน) ก็ได้เข้ามาอ้างกรรมสิทธิ จีนอ้างว่าเป็นผู้ค้นพบและดูแลหมู่เกาะนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ฝ่ายญี่ปุ่นควบคุมหมู่เกาะนี้มาแต่ปี 2438 (1895) เมื่อญี่ปุนยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯก็ได้เข้ามาดูแลปกครอง (2488-2515) ต่อมาวอชิงตันได้ถ่ายโอนอำนาจปกครองหมู่เกาะคืนแก่รัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2515

    ในวันที่ 4 ต.ค. กลุ่มสื่อจีนได้เผยแพร่ชุดภาพเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ 2 ลำ แล่นอยู่ในทะเลตะวันออก โดยระบุแหล่งที่มาภาพจากเว็บไซต์นาวีสหรัฐอเมริกา

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เครื่องบินขับไล่ F-18 ที่ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินวอชิงตัน ฝึกซ้อมการขึ้น-ลง บริเวณทะเลตะวันออก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> คลิป เครื่องบินรบอเมริกัน MV-22 Osprey จำนวน 6 ลำ มาถึงฐานทัพ U.S. Marine Corps Air Station Futenma ในโอกินาวา ประเทศญี่ปุน เมื่อวันจันทร์(1 ต.ค.)

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/Pv6FL2n7_7U" frameBorder=0 width=560 height=315 allowfullscreen></IFRAME>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=480>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แผนที่แสดงหมู่เกาะพิพาทเตี้ยวอี๋ว์ ระหว่างจีนและญี่ปุ่น ในทะเลจีนตะวันออก โดยมีไต้หวันร่วมอ้างสิทธิเหนือดินแดนนี้ด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กองทัพจีนโชว์ภาพการฝึกซ้อมเรือดำน้ำ
    วันเดียวกัน เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำเผยแพร่ภาพการฝึกซ้อมเรือดำน้ำ ทั้งรุ่นแบบพลังขับเคลื่อนในรูปแบบ และรุ่นขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ กองทัพได้เก็บภาพการฝึกซ้อมเรือดำน้ำเหล่านี้เป็นความลับ

    เรือดำน้ำนับเป็นจ้าวแห่งพลังในโลกใต้น้ำ ย่างสู่ศตวรรษใหม่ กองทัพนาวีได้รุดหน้าในการพัฒนาเรือดำน้ำทั้งรุ่นขับเคลื่อนด้วยพลังรูปแบบ รุ่นใหม่ๆ และรุ่นพลังงานนิวเคลียร์ ทะยอยเข้าประจำการอย่างต่อเนื่อง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 ตุลาคม 2555 19:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...