เกลียดพวกงมงายมนุษย์ต่างดาว

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย bosslnwskr10, 26 มิถุนายน 2011.

  1. pongtera24p

    pongtera24p ชมรมศิษย์หลวงปู่เทพโรคอุดร พิจิตร

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,905
    อย่าด่วนสรุปว่าอะไรมีอะไรไม่มี ทุกๆคนควรพิสูจน์ให้กระจ่างก่อนและจะรู้เองว่าอะไรมีอะไรไม่มี ที่เขากะลา จังหวัดนครสวรรค์ก็หน้าไปพิสูจน์ดูว่ามีหรือไม่มี ถ้าพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วเล่าให้ฟังบ้างครับ
    ขอให้ทุกๆท่านโชคดีในการพิสูจน์ครับ
     
  2. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมว่าการค้นคว้านั้น ก่อนที่จะค้นคว้าเราต้องคิดก่อนว่าเราจะค้นคว้าอ่ะไร ปัญหาของมันคืออ่ะไร ผลของมันจะเป็นยังไง คือต้องมีทฤษฎีก่อน
    แล้วจึงทำการค้นคว้าปัญหาสิ่งนั้น พิสูจญ์สิ่งนั้น

    แล้วความรู้ทั้งหมดทางฟิสิกส์นั้น มาจากจินตนาการทั้งสิ้น ขอบอกไว้

    แล้วถ้าคุนวิลเลียมมาแย้งว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ลองยกตัวอย่างมาสิ
    เมื่อนั้นจะบอกให้ครับ อิอิ ขี้เกียจอ่ะนะ
    ..................................................................
     
  3. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ยกตัวอย่าง สมการหลุมดำ
    อุณหพลศาสตร์ทั่วไป

    กฎข้อที่ 0: T เป็นปริมาณคงที่เมื่อวัตถูอยู่ในสมดุลทางความร้อน (thermal equilibrium)

    กฎข้อที่ 1: dE = TdS + work terms

    กฎข้อที่ 2: dS ณ 0 ฎ ไม่ว่าจะเกิดกระบวนการใด ๆ ก็ตามเอนโทรปีไม่สามารถลดลงได้ในระบบปิด (คงที่ได้ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น)

    กฎข้อที่ 3: อุณหภูมิศูนย์สมบูรณ์ (T= 0 K) ไม่สามารถเข้าถึงได้


    อุณหพลศาสตร์ของหลุมดำ

    กฎข้อที่ 0: ความโน้มถ่วงพื้นผิว (k) คงที่บนพื้นผิวของหลุทดำหรือบนพื้นผิวของขอบฟ้าเหตุการณ์ของหลุมดำ (area of the event horizon of the black hole)

    กฎข้อที่ 1: dM = ( (k) /8p ) dA + work terms

    กฎข้อที่ 2: dA ณ 0 ฎ นั่นคือพื้นผิวของขอบฟ้าเหตุการณ์ของหลุมดำไม่สามารรถลดลงได้ (คือเมื่อหลุมได้ดูดวัตถุสสารลงไปมันย่อมจะใหญ่ขึ้น --- แต่กฏของนี้ต้องมีการดัดแปลงเพื่อที่จะให้ withstand การศึกษาหลุมทางควอนตัมได้)

    กฎข้อที่ 3 : k = 0 เป็นปริมาณที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ นั่นคือว่าความโน้มถ่วงของพื้นผิวของหลุมดำไม่สามารถเป็นศูนย์ได้

    สมการเหล่านี้อาจจะดูง่าย แต่จริง ๆ แล้ว การ derive มาไม่ใช่เรื่องง่ายนักครับ เพราะต้องมีการศึกษาทางควอนตัมด้วย เพื่อที่จะทำให้มันมีความหมาย และเชื่อหรือไม่ครับว่าการที่เกิดการศึกษาอุณหพลศาสตร์ของหลุมดำ ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจหลุมได้อย่างลึกซึ้งและส่งผลต่อความเข้าใจในเรื่องของความโน้มถ่วงและฟิสิกส์โดยรวมด้วย โดยเฉพาะเรื่องของ ความโน้มถ่วงควอนตัม

    <LI class=MsoNormal>
    หลักฐานว่ามีหลุมดำอยู่จริง (Evidence for existence of black holes)
    เรารู้ว่าหลุมดำมีอยู่จริง ๆ ด้วยผลการศึกษาทางดาราศาสตร์ นั่นคือการสังเกตุกาณ์์ (observation) เพราะว่าหลุมดำคือที่ที่ไม่มีแสงใด ๆ สามารถหลุดออกมาได้ เราจึงไม่เคยและจะไม่มีวันได้เห็นหลุมดำด้วยตาเปล่า (naked eyes) การศึกษาหรือการค้นหาหลุมดำ เราจะต้องหาหลักฐานทางอ้อม (indirect evidence) ซึ่งได้แก่ การศึกษาวัตถุโดยเฉพาะ gas ที่โคจรอยู่รอบวัตถุอันหนึ่ง (ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นหลุมดำ) โดยที่มันจะต้องมีความเร็วสูงมากเข้าใกล้ความเร็วแสง โดนการวัดเส้นสเปกตรัมของ gas และอีกทางหนึ่งคือการศึกษากาีรแผ่รังสี X จาก gas ที่วิ่งวนอยู่ด้วยความเร็วสูง โดยที่อุณหภูมิที่วัดได้จะอยู่ในช่วงอุณหถูมิสูงมาก (คือมากกว่า 1 พันล้าน Kelvin)
    <LI class=MsoNormal>
    หลุมดำและการเชื่อมโยงกับฟิสิืกส์สาขาอื่น ๆ
    ที่ผ่านมานับตั้่งแต่มีการค้นพบหลุมดำ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้รับการยอมรับมากขึ้นและ ถือว่าเป็นวิชาเสาหลัก (core subject) ที่นักฟิสิกส์ระดับสูงทุกคนต้องรับรู้และเข้าใจ

    รัศมี r = (2GM) / c2
    คือค่าคงตัวของแรงดึงดูดแบบสากล แทนค่าด้วย G
    C คือความเร็วของแสง
    ย่อๆ ก่อนแล้ว กันมันเยอะ

     
  4. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ก็ผมกำลัง ยกตัวอย่างให้ดูไงครับ คุณ
     
  5. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    คือจานบินนั้นผมไม่สามารถอธิบายได้
    ...........

    แต่จากเนื้อหาของคุณ mambo อย่างเช่นสัมพันธภาพ ที่คุณขัดแย้งเขาไป

    ผมยังพอได้ครับ
     
  6. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    coppy เขามาทั้ง ดุ้ล

    แต่งงแฮะ คือไรอ่ะ
     
  7. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ใช่ครัล copy เขามาเครื่องของมันไม่รองรับ ตัวเลขสมการครับ เลยต้องก๊อปเขามา ต้องขออภัย
     
  8. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    อุณหพลศาสตร์ทั่วไป

    กฎข้อที่ 0: T เป็นปริมาณคงที่เมื่อวัตถูอยู่ในสมดุลทางความร้อน (thermal equilibrium)

    กฎข้อที่ 1: dE = TdS + work terms

    กฎข้อที่ 2: dS ณ 0 ฎ ไม่ว่าจะเกิดกระบวนการใด ๆ ก็ตามเอนโทรปีไม่สามารถลดลงได้ในระบบปิด (คงที่ได้ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น)

    กฎข้อที่ 3: อุณหภูมิศูนย์สมบูรณ์ (T= 0 K) ไม่สามารถเข้าถึงได้

    ...........................................................
    อ้างอิงถึงข้อความที่ หกสิบสี่ของคุณวิลเลียม
    คุณวิลเลียมว่านี่

    คุญวิลเลียมคิดว่ามันเป็นสมการหลุมดำที่คุณวิลเลียมกล่าวถึงเหรอ ผมว่ามันทะแม่งๆนะ
     
  9. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    งั้นก็ก๊อปเลยแล้วกัน เมื่อมนุษย์จะสร้างหลุมดำขึ้นมาเอง ! ทฤษฎีของไอสไตน์ หลุมดำ

    พูดถึงหลุมดำ (Black holes) ใคร ๆ ก็ต้องเคยได้ยินแต่ความเข้าใจเกี่ยวกับหลุมดำนั้น มีอยู่หลายระดับ ในภาพยนตร์เรื่อง Stratrek มีการกล่าวถึงคำว่า หลุมดำ อยู่บ่อย ๆ แต่ concept อย่างเป็นทางการ (หมายถึงทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ) นิยามหลุมดำว่า “ เป็นอาณาบริเวณในกาลอวกาศ (spacetime) ที่มี สนามโน้มถ่วงสูงมาก ๆ แม้กระทั่งแสง (อนุภาคโฟตอนซึ่งเป็นสิ่งที่เดินทาง ได้เร็วที่สุดในเอกภพ เท่าที่เรารู้จักกัน) ก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้ ทำให้อาณาบริเวณนั้นดูเหมือนเป็นสีดำ” แน่นอนว่าเราไม่สามารถเห็นหลุมดำ ได้โดยตรง นักฟิสิกส์แบ่งหลุมดำออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
    • หลุมดำมวลยิ่งยวด (Supermassive black holes)
    เชื่อกันว่าหลุมดำมวลยิ่งยวดอยู่ใจกลางของควอซ่าร์ (Quasars) ซึ่งเป็นใจกลางของgalaxy ที่มีการระเบิดเกิดขึ้น และมันดูดดาวจำนวนนับพันล้านดวง รวมถึงก๊าซและฝุ่น ในอวกาศ หรือแม้กระทั่งดาวเคราะห์เข้าไป ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่าหลุมดำมวลยิ่งยวด ในปี 1994 กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble ได้ถ่ายภาพที่ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการค้นพบหลุมดำมวลยิ่งยวด ณ ใจกลางของ galaxy M87
    (อ่านเพิ่มเติมเรื่องหลุมดำมวลยิ่งยวดได้จากบทความในฟิสิกส์สารฉบับแรกที่
     
  10. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    • หลุมดำที่เกิดจากดาวที่ตายแล้ว (Stellar black holes)
    หลุมดำประเภทนี้เกิดจากดาวยักษ์แดง (Red giant stars) ที่มีมวลมากกว่า 3 เท่าของ มวลของดวงอาทิตย์ตามวิวัฒนาการของดวงดาว (Stellar evolution) ส่วนดาวที่มีมวล น้อยกว่านี้ก็จะวิวัฒนาการไปสู่ ดาวแคระขาว (white dwarfs) หรือ ดาวนิวตรอน (neutron stars) หลุมดำประเภทนี้เกิดจากการที่ดาวฤกษ์เผาผลาญพลังงานทุกอย่าง จนหมดสิ้นทำให้เกิดการยุบตัวเป็น singularity ( หมายถึงบริเวณที่เป็นอนันต์และ กฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ต่าง ๆไม่สามารถใช้ทำนายอะไรได้ถูกต้อง) ซึ่งถือว่าเป็นจุดตรงกลางของหลุมดำ ในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอสไตน์ singularity จะเกิดขึ้นได้เมื่อดวงดาวได้ยุบตัวจนถึง รัศมีชว๊าซชิลด์ (Schwarzschild radius) หรือ เรียกว่า ขอบเขตแห่งเหตุการณ์ (Event horizon) ซึ่งเป็นขอบเขตที่ไม่มีอะไรสามารถ หลุดพ้นออกมาได้ (ยกเว้นแต่ว่าใครจะทำความเร็วได้มากกว่าความเร็วแสง แต่ความเป็นไปได้ก็ถูกจำกัดโดยทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอสไตน์ที่กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าความเร็วแสง คุณจะมีมวลเป็นอนันต์ถ้าคุณเดินทาง ด้วยความเร็วเท่าแสง) หลุมดำประเภทนี้เชื่อกันว่าอยู่ที่กระจุกดาว Cygnus X-1

    • หลุมดำจิ๋ว (Mini black holes)
    เชื่อกันว่าหลุมดำพวกนี้ (ขนาดราว 10<SUP>-15 </SUP>เมตร) เกิดขึ้นระหว่างการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ (The Big Bang) Stephen Hawking เป็นผู้นำในการเสนอทฤษฎีเกียวกับหลุมดำจิ๋ว ราวต้นทศวรรษ 70 อีกชื่อหนึ่งของหลุมดำจิ๋วคือ หลุมดำแรกเริ่ม (Primordial black holes) ในทฤษฎีนี้ โปรตอนและปฏิโปรตอนอาจเกิดขึ้นได้ รอบ ๆ หลุมดำจิ๋ว ตามหลัก ของการสร้างและการทำลายล้างอนุภาค (Pair production and annihilation) โดยที่ถ้าตัวตัวหนึ่งตกลงไปในหลุมดำอีกตัวก็จะออกมา จากปรากฎการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า หลุมดำระเหยสาบสูญไป (Evaporate) และหลุมดำก็แผ่รังสีออกมา Stephen Hawking ได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการแผ่รังสีของหลุมดำที่รู้จักกันในนาม Hawking Radiation
    โดยยึดหลักความไม่แน่นอนของไฮน์เซนเบอร์ก การที่หลุมดำแผ่รังสีทำให้มันมี อายุขัยที่จำกัด (หรือกล่าวว่าหลุมดำก็ตายได้) การสร้างอนุภาคในสูญญากาศต้องใช้ พลังงาน DE = 2mc<SUP>2 </SUP>ทำให้อายุขัยของหลุมดำ Dt ~ hbar<SUP> </SUP>/2mc<SUP>2 </SUP>นอกจากนี้ Hawking ได้พบด้วยว่าการแผ่รังสีของหลุมดำนั้นเป็นแบบ สเปกตรัมเชิงความร้อน (Thermal spectrum) โดยที่ T µ 1/M ( M คือมวลของหลุมดำ T คือ อุณหภูมิของ หลุมดำ ) และอายุขัย (τ) ของหลุมดำมีความสัมพันธ์ τ µ M<SUP>3 </SUP>นั่นคือว่าหลุมดำจิ๋วที่มีมวล 10<SUP>15 </SUP>กรัม ซึ่งมีอายุขัยน้อยกว่าเอกภพได้ระเหยสาบสูญไปแล้ว สำหรับหลุมดำ ชนิดอื่นเราสามารถละทิ้งความสำคัญของการระเหยสาบสูญได้ (การระเหยสาบสูญ คือการที่ขนาดของหลุมดำลดลงจนถึงระดับขั้นของแพล๊งค์ (Planck ‘s scale) ซึ่งมีขนาดประมาณ 10<SUP>-35 </SUP>เมตร ซึ่งเป็นขนาดที่มนุษย์ไม่มีทางสัมผัสได้ และเป็นขั้นที่ ศึกษากันในวิชาแรงโน้มถ่วงควอนตัม หรือ Quantum gravity)
    จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหลุมดำทั้ง 3 ชนิดที่นักฟิสิกส์เป็นผู้แบ่งกลุ่ม แต่ชนิดไหนละที่ มนุษย์จะสร้างขึ้น ถ้าให้เดากันผู้อ่านก็คงจะเลือกหลุมดำจิ๋ว ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะถ้า เราสร้างหลุมดำชนิดที่ 1 และ 2 ได้จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ เพราะเราและ ทุกอย่าง บนโลกจะถูกดูดหายไป และเราก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไรอีก หลุมดำจิ๋วที่นักฟิสิกส์จะสร้างขึ้นมาอยู่ที่ CERN (ห้องทดลองทางฟิสิกส์อนุภาคที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)โดยเครื่องมือที่จะสร้างมีชื่อว่า LHC (Large Hadron Collider) ซึ่งเป็นที่ที่นักฟิสิกส์ จะจับ เอา Hadron มาชนกันที่พลังงานสูงยิ่งยวด Hadron คืออนุภาคที่มีอันตรกิริยา อย่างแรง นั่นคือ Meson (ประกอบด้วยควาก และปฏิควาก (quark - antiquark) ) และ Baryon (ประกอบด้วย ควาก 3 ตัว เช่น โปรตอน นิวตรอน เป็นต้น) LHC ได้รับการ คาดหมายว่าจะสร้างเสร็จในปี 2005 และเดินเครื่องได้ในปี 2006 นักฟิสิกส์เชื่อว่า มันจะสร้างหลุมดำจิ๋วทุก ๆ วินาที และเมื่อ LHC สร้างเสร็จจะเป็น เครื่องเร่งอนุภาค ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา การที่อนุภาควิ่งมาชนกันที่ LHC นั้น จะเกิดพลังงาน ในระดับเดียวที่เกิดขึ้น 1 ในล้านล้านของวินาทีหลังจากการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งอุณภูมิของเอกภพ ตอนนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านล้านองศาเซลเซียส (10<SUP>16 </SUP>) ที่พลังงานสูงมาก ๆ ระดับนี้ เราคาดหวังว่าสสารจะเปิดเผยความลับอันลึกซึ้งออกมา เช่น มวลสารนั้น มาจากไหนกัน นักฟิสิกส์คาดว่าจะเกิดหลุมดำจิ๋วขึ้นเป็นจำนวนมาก ในการชนที่พลังงานระดับนั้นแต่ขนาดของ หลุมดำจิ๋วจะไม่ใหญ่ไปกว่า 1 ในล้าน ของขนาดของนิวเคลียสของอะตอมและจะมีช่วงอายุขัยเพียงเศษเสี้ยวของวินาที ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่านักฟิสิกส์ที่ทดลองจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำจิ๋ว เรารู้ได้อย่างไรว่าได้เกิดหลุมดำจิ๋วขึ้นจริง ๆ เรารู้เพราะว่านักฟิสิกส์มีเครื่องมือวัด
    ถ้าเกิดหลุมดำจิ๋วขึ้นจริงที่ LHC ตามทฤษฎีการแผ่รังสีของ Hawking ซึ่งบอกเราว่า หลุมดำจะแผ่รังสีออกมา ซึ่งจะทำให้นักฟิสิกส์สามารถวัดการแผ่รังสีในรูปแบบของสัญญาณได้ พูดอีกแง่หนึ่งคือ การทดลองสร้างหลุมดำจิ๋วเป็นการทดสอบทฤษฎีของ Hawking ว่าถูกต้องหรือไม่ ที่น่าสนใจเช่นกันคือ การทดลองครั้งนี้จะทำให้นักฟิสิกส์เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับมิติในเอกภพนี้ นักฟิสิกส์ได้เรียนรู้ว่าในช่วงเริ่มแรกของ เอกภพ มีมิติมากกว่า 3+1 มิติที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ (+1 หมายถึงรวมเวลาเข้าไปด้วย)
    นั่นคือมีมิติเสริม (Extra dimensions) อยู่ที่มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาท สัมผัสทั้ง 5 เชื่อกันว่ามิติเสริมนี้จะเกิดขึ้นในกระบวนการที่มีพลังงานสูงมาก ๆ เช่น การเกิดหลุมดำจิ๋ว จำนวนของมิติเสริมจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของหลุมดำจิ๋วและ ความเข้มของการแผ่รังสี Hawking องค์ความรู้เกี่ยวกับมิติเสริมจะเป็นกุญแจที่สำคัญ ไปสู่ความเข้าใจที่ดีขึ้นในวิชาความโน้มถ่วงควอนตัม เพราะนักฟิสิกส์เชื่อกันว่า แรงโน้มถ่วงนั้นมีความแรงเท่ากับแรงอื่น ๆ ทั้ง 3 ชนิด (แรงไฟฟ้าแม่เหล็ก แรงนิวเคลียร์อย่างแรง และ แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน) เพียงแต่ซ่อนเร้นอยู่ในมิติเสริม
    ความฝันของนักฟิสิกส์คือการนำแรงทั้ง 4 มารวมกันโดยการสร้างทฤษฎีเพียงหนึ่งเดียว ที่ใช้อธิบายปรากฎการณ์ต่าง ๆ ได้ แต่ก็ไม่เคยมีใครสามารถยืนยันได้ว่าความฝันอันนี้จะเป็นจริง การสร้าง LHC ขึ้นมาเป็นหนึ่งในความพยายามของนักฟิสิกส์ที่จะทำความฝัน นั้นให้เป็นจริงได้ จากที่กล่าวมาทั้งหมดสามารถสรุปได้ดังนี้
    1. การสร้าง LHC เพื่อเป็นห้องทดลองสร้างหลุมดำจิ๋วเป็นความหวังที่จะทดสอบ ทฤษฎีการแผ่รังสีของ Hawking เพื่อที่จะนำ ความรู้อันนั้นไปขยายความเข้าใจ เกี่ยวกับมิติเสริม ซึ่งเป็นกุญแจไปสู่วิชาความโน้มถ่วงควอนตัม เป็นไปได้ว่าถ้าเรามีความรู้ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในวิชานี้ ก็อาจทำให้ทฤษฎีการรวมแรงทั้ง 4 เป็นไปได้
    2. ไม่เป็นที่แน่นอนและไม่มีสามารถยืนยันได้ 100 % ว่าหลุมดำจิ๋วจะเกิดขึ้นได้จากฝีมือของมนุษย์จริง ๆ ภายในปี 2006 การสร้าง LHC นั้นต้องใช้เงินทุนมหาศาล ดังนั้นจะเห็น ได้ว่า ความรู้ความอยากเห็นของมนุษย์ต้องแลกมาด้วยการท่มเทอย่างมากและเป็นไปไม่ได้ที่ทุกประเทศในโลกจะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นจำนวนเงินที่ต้องลงทุน เพื่อสร้างหลุมดำจิ๋วที่มีขนาดเล็ก (10<SUP>-15 </SUP>เมตร) ในเวลาเศษเสี้ยวของวินาที ในปี 2001 CERN ได้วางจำนวนเงินไว้ประมาณ 3,400 ล้านฟรังค์สวิส คิดเป็นเงินไทยก็ 86,000 ล้านบาทไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ สำหรับประเทศไทยคงไม่จำเป็นต้องริเริ่มโครงการ เช่นนี้ เพียงแค่ส่งบุคุคลากรไปเรียนรู้และทำความเข้าใจปรากฎการณ์เหล่านี้ก็คงจะเพียงพอแล้ว
     
  11. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอ พัก แปป เมื่อยๆ ครับ :cool:
     
  12. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    โห้ ผมยังเขียนไม่ครบ เลย ใจเย็นๆๆ ใครก็ได้ช่วยหา หน่อย เมื่อยๆ
     
  13. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ผมว่านะ

    ฮามาก

    ขอตามต่อๆนะ

    ต่อๆๆๆ
     
  14. redangel01

    redangel01 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอยืมคำพูดใครซักคนในนี้มาละกันนะ.

    "เรื่องพวกนี้มันก็เหมือนกับ อธิบายให้คนป่าฟังว่า ข้างนอกป่าของพวกเค้ามีรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินอยู่หนะแหละ"
     
  15. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
  16. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    แค่นี้ก็รู้แล้วละครับ

    นี่มันกฏเทอร์โมไดนามิกชัดๆ
     
  17. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ใช่ ครับ คนป่าก็นับถือผี ฝันไปวันๆ :cool:
     
  18. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    อ่อ ใช่ ครับ พอดีเข้าเว็บที่ USA มันช้าไปหน่อยเลยหาข้อมูลช้ามากๆ ก็ก๊อป กฏเทอร์โมไดนามิก เพราะหาบ่เจอ เอาไปอ่ายกัยพลางๆ ก่อน อิอิ
     
  19. redangel01

    redangel01 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    หุหุ ดูเหมือนจะมีคน Drift ตกเขานะ :boo:
     
  20. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    เพิ่งมา อ๋อ ตอนนี้เหรอ T_T
     

แชร์หน้านี้

Loading...