@@ อู่ทองถูกบูชาแล้วครับมีหลวงพ่อปานสวยๆจ้า @@

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 31 มกราคม 2011.

  1. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    ดาบเทพประทาน หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล

    บรมครูสองอาจารย์ใหญ่ปลุกเสกครับ หลวงพ่อรุ่ง และ หลวงพ่อเดิม

    บางท่านที่มีความรู้เรื่องมีดดาบ ก็จะตีได้เหมือนกันว่าหลวงพ่อเดิม

    วิธีการบูชามีดหมอที่ให้เกิดอนุภาพสุงที่สุด

    บางท่านอาจจะมีมีดหมอและดาบไว้บูชาที่บ้านแต่ท่านอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะบูชา อย่างทุกหลัก เพื่อให้เกิดอนุภาพสุงสุดในมีดหมอและดาบของอาจารย์ที่ได้ทำขึ้นมาครับ

    ผมขอที่จะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆครับ

    1. มีดหมอและดาบ นั้นตามตำราถือได้ว่าเป็น เครื่องรางชั้นสุง อย่างหนึ่งในประเภทเครื่องรางของขลัง เลยที่เดียวครับ การที่เราจะเสาะหาบูชาแล้วนำมาบูชาที่บ้านเรือน เราจะ ต้องอราธนาบอกกล่าวหรือทำพิธีรับเข้ามาในบ้านเรือนของเราก่อนอื่นเป็นอันดับแรก เพื่อที่ป้องกันสิ่งอัปมงคล ไสยเวทย์มนต์ดำ และในการช่วยรักษาอาการต่างๆนั้น ก็จะต้องมีวิธีการอาราธนาบอกกล่าวต่อบูรพาจารย์ผู้ที่จัดสร้างหรือทำมีดหมอนั้นแล้วถึงได้กระการได้ตามที่บอกกล่าวไป
    แต่ในยามที่เก็บไว้เฝ้าบ้านเรือนนั้นถ้าเป็น มีดขนาดเล็กที่มีปลอกจึง ควรดึงใบมีดออกจากฝักอยู่เสมอประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้พลังอำนาจพุทธคุณ บูรพาจารย์ที่สร้าง มีดหมอและดาบจะแผ่บารมีปกป้องบ้านเรือนและบุคคลในครอบครัว

    2. มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ ที่มีฝักและไม่มีฝัก การจัดสร้างตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์จะแบ่งได้ 2 ประเภท ครับ

    2.1 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่มีฝัก ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว ในยามหมู่ศัตรูที่จองมาทำร้าย เป็นการทำลายอาคมหรือถอนอาคมของบุคคลนั้นๆให้สิ้นไป เป็นการป้องกันตัวโดยแท้

    2.2 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่ไม่ทำฝัก ตามตำราโบราณที่บูรพาจารย์สร้างขึ้นมาไว้เฝ้าบ้านเรือน การสร้างยิ่งมีความยากมากที่จัดสร้าง เป็นการตั้งป้องกัน ไสยเวทย์ คุณไสย มนต์ดำ สิ่งอัปมงคล ต่างๆ ซ้ำต้องลงพระคาถาสำทับในการทำลายอาคมหรือถอนอาคมผู้ที่บุกลุกเข้ามาในบ้านเรือนที่มีอาคมแก่กล้าอีกด้วย
    สำหรับวิธีอาราธนาใช้นั้นคือ ในสภาวะปกติให้ท่านเก็บคมมีดลงเพื่อให้มีดหมอ(หรือดาบ)น้อมนำนำพาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเสริมสร้างความร่มเย็นให้กับครอบครัวและเสริมบารมีให้กับผู้ที่บูชา
    แต่ในยามที่ท่านบังเกิด ความรู้สึกในจิตใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายจะเข้ามาแผ้วพาน ตำรากล่าวไว้ว่าให้ท่านอาราธนาบอกกล่าวแล้ว ยกมีดหมอหรือดาบเอาด้านคมหงายขึ้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้นๆโดยอาศัยอำนาจพุทธคุณชั้นสุงของมีดหมอหรือดาบของบูรพาจารย์ให้ช่วยขับไล่ขจัดออกไปให้สิ้นซาก
    (หมายเหตุ ผู้ที่บูชาจะรับรู้ความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยพุทธานุภาพของมีดหมอและดาบได้)



    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    เห็นเงียบๆครับเลยเอาของรักออกมาให้บูชากัน เอาครับไม่แพงครับ

    สนใจโทรมาซิครับ 0827893576
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2011
  2. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216

    กระป๋องแตกแล้ว:':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)':)'(
     
  3. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]


    มีดดาบหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หลวงพ่อเดิมนำไปปลุกเสก สามกษัตริย์ ตะกรุดสองกษัตริย์ 9 ดอก ขนาดใหญ่ ด้ามแกะรูปฤาษี

    มีดดาบสองกษัตริย์ ตะกรุด 9 ดอกสองกษัตริย์
    หาชมได้อยากนะครับสำหรับผู้ที่จะหาเก็บไว้บูชา

    มีดดาบด้ามนี้ฝักตะกรุดกันสะท้อนสามกษัตริย์ โดยที่ปลอกจะมีแหม หวายถัก 5/3 ตามตำราหลวงพ่อเดิมจะเป็นช่างรุ่นพ่อของช่างปัจจุบันที่มีชีวิตอยู่ครับแต่แก่มากแล้วที่พยุหะ ลายตอกใบมีดเป็นเสมาเปลวเพลิง และมีตะกรุดสองกษัตริย์ ทอง นาค ทั้งหมด 9 ดอกฝังลงไปในสันใบมีด ศิลปไปอีกแบบหนึ่งเพราะเป็นด้าม "ฤาษี" ที่หายากมากๆทีเดียวครับ มีความยาวรวมที่ 32 นิ้วส่วนความกว้างแค่ 1.5 นิ้ว. มีความสวยงามอย่างยิ่ง

    หลวงพ่อรุ่งได้ศึกษาธรรมวินัย ที่วัดมะปรางเหลืองกับพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระปรากฏว่าท่านสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปของสัตว์ในคติภพต่างๆ เมื่อศึกษาจนเป็นที่พอใจในระดับหนึ่งแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด
    ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม (เป็นพี่หลวงพ่อเดิม ๑๑ ปี) โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็น พี่น้องกัน หลวงพ่อรุ่งท่านก็เป็น ผู้ริเริ่มสร้างมีดหมอขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก หลวงพ่อเดิม ท่านรู้เข้าก็มาเที่ยวที่วัดหนองสีนวล และมาศึกษาวิชาการทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง โดยมีบางเล่มที่หลวงพ่อเดิมก็ได้นำไปปลุกเสกและก็ทำการแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ท่าน ในระยะแรกๆนั้นหลวงพ่อเดิมท่านได้นำความรู้ในการทำดาบและมีดจากหลวงพ่อรุ่ง โดยการควบคุมในการทำจากหลวงพ่อสดทำตามขั้นตอนของหลวงพ่อรุ่งทุกประการ เมื่อทำดาบและมีดเสร็จแล้วก่อนที่หลวงพ่อเดิมจะปลุกเสกนั้นหลวงพ่อท่านได้ให้หลวงพ่อสดนำดาบและมีดที่ทำึ้ขึ้นหลังช้างไปวัดหนองสีนวลให้หลวงพ่อรุ่งปลุกเสกก่อนแล้วจึงนำกลับมาที่วัดหนองโพเพื่อทำการปลุกเสกอีกครั้งครับ ถึงจะได้นำไปแจกและจำหน่ายแกลูกศิษย์จนเริ่มโด่งดังในพุทธคุณเป็นลำดับ

    พุทธคุณในอานุภาพมีดหมอหลวงพ่อรุ่ง ไม่แตกต่างอะไรกับ หลวงพ่อเดิม ครับ

    สำหรับวิธีการใช้บูชาและป้องกันภัยต่างๆ คือ

    1. ป้องกันคุณไสยเวลาติดตัวอยู่ไม่ต้องกลัวใครกระทำย่ำยีแต่อย่างใด
    2. ป้องกันตัวเองจากศัตรูหมู่ร้าย เป็นมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุตม์
    3. ขับภูตผีปีศาจที่เข้าคนธรรดา หรือมีผู้ปล่อยมาให้เข้าสิง
    4. อาราธนาทำน้ำมนต์แก้คุณไสย หรือแก้เสนียดจังไรต่างๆ ตลอดจนฝันร้าย
    5. แก้อาถรรพณ์ความคงกระพันต่างๆ แม้จะสักยันต์ใดหรือกินว่าน หรือมีของดีตามธรรมชาติ เมื่อโดนมีดหมอของหลวงพ่อจะคลายเหนียวทุกทีไป นักเลงสมัยก่อนกลัวมีดหมอของหลวงพ่อกันนัก เพราะถูกทีไรเป็นเปื่อยยุ่ยไม่คงทน
    6. สำหรับด้ามงานั้นอาราธนาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ด้วยน้ำล้างใบมีดจะแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ ทาบริเวณที่ถูกสัตว์กัดต่อย
    7. ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษ ทั้งหลาย เมื่อมีมีดหมอของหลวงพ่อติดตัว ตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆ
    8. มีดหมอหลวงพ่อไม่ทำอันตรายกับผู้ที่มีมีดหมอเหมือนกัน เป็นการป้องกันการที่ลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันทำร้ายกัน
    9. บูชาไว้กับบ้านป้องกันอัคคีภัย และโจรภัย อาราธนาแล้วมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกทีไป
    10. เมื่อไปต่างถิ่นหรือต่างบ้าน หรือนอนกลางดินกลางทรายในป่า ให้เอาปลายมีดของหลวงพ่อกล่าวขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดวางลงไปเป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปวงกลมรอบๆตัวของผู้ที่พักนอน มดและสัตว์จะไม่มาใกล้ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจด้วย
    11. เมื่อจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์เช่น จระเข้ หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่นผีพราย ปลาไหลไฟฟ้า ให้ชักมีดออกจากฝักคาบไว้ในปากเวลาข้ามน้ำ หรือคาบทั้งฝักก็ได้ หรือเอามีดโบกน้ำนำหน้าไปจะปลอดภัย
    12. เมื่อฝีร้ายอาการกลัดหนอง ปวดร้าว ทรมาน หรือเพิ่งเริ่มเป็นให้ใช้มีดหมอของหลวงพ่อ เอาทางปลายแหลมวนเบาๆ เป็นวงกลมรอบๆหัวฝีระลึกถึงหลวงพ่อแล้วเป่าลมกำกับด้วย ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นจะยุบหาย ถ้าเป็นมากกลัดหนอง ให้วนด้วยปลายมีดแล้วยกมีดหมอเหนือหัวฝีกลั้นใจทำการผ่าหัวฝีบนอากาศเหนือผิวหนัง กรีดอากาศไปมาสลับกันแล้วเป่าลมระลึกถึงหลวงพ่อ ฝีจะแตกภายใน 3 วันและไม่เป็นพิษแต่อย่างไร
    13. เมื่อไปต่างถิ่นจะไปกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือไม่ ให้เอาด้ามมีดหมอของหลวงพ่อจุ่มลงไปในอาหารเสียก่อน เป็นการป้องก้น ถ้างามีสีดำอย่ากิน ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแสลง ให้นำมีดหมอของหลวงพ่อออกจาฝัก อาราธนาถึงหลวงพ่อแกว่งลงไปในขันน้ำ แก้วน้ำ หรือภาชนะอื่นใด ใส่น้ำดื่มกินเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้ ถ้าเป็นยาพิษจะลดกำลังลงพอหาหมอแก้ไขได้ทันที
    14. เมื่อถูกคุณ(ลมเพลมพัด) เรียกว่าปล่อยมาตามอากาศ ทำให้มีอาการบวมตามตัว เป็นลูกๆ เดี๋ยวบวมที่โน่น เดี๋ยวบวมที่นี่ ให้เอามีดหมอหลวงพ่ออาราธนาทำน้ำมนต์ระลึกถึงบารมีของหลวงพ่อกินเข้าไป แล้วจึงเอามีดหมอออกจากฝัก ไล่ก้อนที่บวมนั้นตั้งแต่บริเวณต้นที่บวมถ้าเป็นคุณที่ถูกปล่อยมาก้อนบวมนันจะเคลื่อนหนีปลายมี

    ครับสำหรับท่านที่หาบูชาอยู่ . . . ติดใว้สักเล่มท่านไม่ผิดหวังหรอกครับ

    รับประกันความแท้อย่างถาวร


    ขอบพระคุณมากๆครับ


    วิธีการบูชามีดดาบด้ามครูที่ให้เกิดอนุภาพสุงที่สุด

    บางท่านอาจจะมีมีดดาบไว้บูชาที่บ้านแต่ท่านอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะบูชา อย่างทุกหลัก เพื่อให้เกิดอนุภาพสุงสุดในมีดดาบของอาจารย์ที่ได้ทำขึ้นมาครับ

    ผมขอที่จะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆครับ

    1. มีดดาบ นั้นตามตำราถือได้ว่าเป็น เครื่องรางชั้นสุง อย่างหนึ่งในประเภทเครื่องรางของขลัง เลยที่เดียวครับ การที่เราจะเสาะหาบูชาแล้วนำมาบูชาที่บ้านเรือน เราจะ ต้องอาราธนาบอกกล่าวหรือทำพิธีรับเข้ามาในบ้านเรือนของเราก่อนอื่นเป็นอันดับแรก เพื่อที่ป้องกันสิ่งอัปมงคล ไสยเวทย์มนต์ดำ และในการช่วยรักษาอาการต่างๆนั้น ก็จะต้องมีวิธีการอาราธนาบอกกล่าวต่อบูรพาจารย์ผู้ที่จัดสร้างหรือทำมีดดาบนั้นแล้วถึงได้กระการได้ตามที่บอกกล่าวไป
    แต่ในยามที่เก็บไว้เฝ้าบ้านเรือนนั้นถ้าเป็น มีดขนาดเล็กที่มีปลอกจึง ควรดึงใบมีดออกจากฝักอยู่เสมอประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้พลังอำนาจพุทธคุณ บูรพาจารย์ที่สร้าง มีดหมอแผ่บารมีปกป้องบ้านเรือนและบุคคลในครอบครัว

    2. มีดดาบขนาดใหญ่ ที่มีฝักและไม่มีฝัก การจัดสร้างตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์จะแบ่งได้ 2 ประเภท ครับ

    2.1 มีดดาบขนาดใหญ่ที่มีฝัก ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว ในยามหมู่ศัตรูที่จองมาทำร้าย เป็นการทำลายอาคมหรือถอนอาคมของบุคคลนั้นๆให้สิ้นไป เป็นการป้องกันตัวโดยแท้

    2.2 มีดหมอขนาดใหญ่ที่ไม่ทำฝัก ตามตำราโบราณที่บูรพาจารย์สร้างขึ้นมาไว้เฝ้าบ้านเรือน การสร้างยิ่งมีความยากมากที่จัดสร้าง เป็นการตั้งป้องกัน ไสยเวทย์ คุณไสย มนต์ดำ สิ่งอัปมงคล ต่างๆ ซ้ำต้องลงพระคาถาสำทับในการทำลายอาคมหรือถอนอาคมผู้ที่บุกลุกเข้ามาในบ้านเรือนที่มีอาคมแก่กล้าอีกด้วย
    สำหรับวิธีอาราธนาใช้นั้นคือ ในสภาวะปกติให้ท่านเก็บคมมีดลงเพื่อให้มีดหมอ(หรือดาบ)น้อมนำนำพาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเสริมสร้างความร่มเย็นให้กับครอบครัวและเสริมบารมีให้กับผู้ที่บูชา
    แต่ในยามที่ท่านบังเกิด ความรู้สึกในจิตใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายจะเข้ามาแผ้วพาน ตำรากล่าวไว้ว่าให้ท่านอาราธนาบอกกล่าวแล้ว ยกมีดหมอหรือดาบเอาด้านคมหงายขึ้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้นๆโดยอาศัยอำนาจพุทธคุณชั้นสุงของมีดหมอหรือดาบของบูรพาจารย์ให้ช่วยขับไล่ขจัดออกไปให้สิ้นซาก
    (หมายเหตุ ผู้ที่บูชาจะรับรู้ความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยพุทธานุภาพของมีดหมอและดาบได้)


    มีดดาบเล่มนี้ท่านใดสนใจสอบถามมาได้นะครับมีความยาวอยู่ที่ 32 นิ้ว

    ตะกรุดกันสะท้อน 9 ดอก เป็นยุดแรกๆครับทางวัดได้ทำออกมาไม่มาก และ
    ที่ สำคัญตามประวัตินั้นหลวงพ่อเดิมท่านได้นำไปปลุกเสกสำทับอีกหนหนึ่งครับ


    ของแท้ๆตัวจริงแบบนี้ขอบอกเลยว่ายากที่จะหาบูชาหรือชมนะครับ

    บูชาไม่แพงแบบได้ใจกันครับที่ 28000 บาท

    ขอบพระคุณมากครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ให้ดูจากหวายครับ ศิลปไปทางช่างหลวงพ่อเดิม

    ชมของดีๆที่ตกค้างจากกระทู้ประมูลได้ที่นี่ครับ กดเลยครับ

    http://palungjit.org/threads/@-เล่าสู่กันฟัง-บารมีผงพรายกุมาร-หลวงปู่ทิม-ผงพรายกุมาร-@.265940/

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  4. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เหรียญเงิน ที่ระลึกเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อตัด วัดชายนา

    หายากยิ่ง เหรียญเงินสวยๆ พร้อมกล่องเก็บรักษามาดีครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  5. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ที่สุดความหายาก จังหวัดอยุธยา สวยซึ้งตรึงใจ

    เหล็กจานงาช้างแกะ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จอมขลังเวท 5 แผ่นดินไทย

    ศิษย์สายวัดสะแก พลาดแล้วจบกันหาไม่เจอแน่นอนจ้า

    พลังจิตแห่งพุทธานุภาพ ที่ได้ผ่านกระแสด้ามงาเหล็กจานนี้พุทธคุณคงไม่ต้องกล่าวนะครับ

    มีหลายท่านบอกมาว่าไม่ออกของดีๆบางเลยช่วงนี้ เลยตัดใจออกมาให้ชมกันครับ

    รายระเอียดจากตามมาครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  6. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
  7. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รับอาจารย์ งามจริงๆครับ ศิลปะแบบนี้ำระเอียดมากๆเป็นอื่นไปไม่ได้แล้วครับ

    พี่ชายเอามาให้ประมูลกันครับ เปิดแบบเร้าใจด้วยครับ

    พบกันที่กระดานประมูลนะครับ

    ขอบพระคุณมากครับ อ.

     
  8. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    อ่านดูสักนิดซิครับ มิได้แอบอ้าง


    พระในตำนานแห่งเมืองกรุงศรีอยุธยา กรุวัดพระศรีมหาธาตุ 1 ใน 20 องค์

    พระอู่ทอง หลังร่อง เนื้อชินเงิน กรุวัดพระศรีมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา กรุเดียวกับปรกพระงั่วอันลือลั่น แตกกรุเมื่อปี 2490 คนในพื้นที่ชาวอยุธยา "ขอใช้คำว่าที่มีนั้น" ต่างหวงแหนยิ่งนัก

    พระอู่ทอง หลังร่อง เนื้อชินเงิน เป็นพระตำนานที่บรรจุอยู่ใน "โถเคลือบสมัยอยุธยา" ซึีงแช่อยู่ในน้ำลึกจากดินภายในพระเจดีย์มหาธาตุ ลึกลงไปถึง 3 วา

    พระที่อยู่ในโถเคลือบนั้นจะเป็น "พระอู่ทองหลังร่องทั้งหมด" ไม่มีพิมพ์อื่นประสมอย่างกรุอื่นๆทั่วไปของกรุอยุธยา จากการพบนั้นพระที่บรรจุอยู่ในโถมีทั้งสิ้นนับได้ที่ 93 องค์ และส่วนมากใน 93 องค์นั้นจะมีการสึกผุกร่อนชำรุดเสียหายแทบทั้งสิ้น จะมีเหลือที่พอสวยอยู่ทั้งหมด ไม่ถึง 20 องค์

    ความที่พระอู่ทองหลังร่อง กลายเป็นตำนานพระเครื่อง ที่ยิ่งใหญ่กรุวัดมหาธาตุ ของอยุธยานั้น มากจากประสบการณ์ลื่อลั่นของ พระพุทธคุณที่เกิดขึ้นจากไม่กี่ท่านที่ได้มีโอกาศเก็บพระอู่ทอง หลังร่อง ไว้บูชา แม้ที่จะเป็นองค์ผุกร่อน ก็ตาม โด่งดังในเรื่อง ความร่มเย็นมีสุข และเรื่องของความคงกระพันชาตรีเป็นเอกอุ

    พระอู่ทองหลังร่อง พิมพ์นี้ท่านๆจะไม่ค่อยพบเห็น หรือไม่เห็นมาก่อนแน่นอน เพราะมีให้เห็นน้อยมากๆ ถ้าเทียบระหว่างพิมพิ์กันและทั้งเรื่องพุทธคุณความหายากนั้น จะไม่แตก พระร่วงหลัง (รางปืน) ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจภาคี พระเนื้อชิน

    สภาพแบบนี้องค์นี้ "พลังชาตรี 13" ต้องจัดว่าสวยสุดๆสมบูรณ์สุดๆแล้วครับ ตั้งแต่ที่ได้พบเห็นมาแทบทั้งสิน เนื่องจากพระส่วนใหญ่ที่แตกกรุออกมานั้นมีสภาพชำรุดแทบทั้งสิ้น ดั่งทีี่่เรียนบอกใว้ข้างต้นครับ

    ท่านที่หาพระเนื้อชินดีๆสวยๆหายากๆ ชื่ออันเป็นมงคล อู่ทอง

    ตามประวัตินั้นว่ากันว่า

    สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    สร้างขึ้นมาเพื่อบุคคลชั้นสูงเพียง 93 องค์ บรรจุในโถเท่านั้น

    ไว้พิจารณาดูครับ องค์นี้ผมรับประกันความแท้ประกวดได้ทุกสนาม ไม่มีหมดอายุครับ



    [​IMG]


    [​IMG]

    สนใจบูชาหาความรู้เรื่องพระโทรมาครับ ยินดียิ่ง

    0827893576

    ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจ


    อ้างอิง บทความบางตอนในหนังสือ อ. ก.บุนนาด


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2011
  9. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ตะกรุด พิสมร หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย

    หลวงพ่อแก้ว เป็นพระธุดงค์ที่มีความเชี่ยวชาญทางสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีคนนับถือมาก เชื่อกันว่าท่านสำเร็จญาณวิเศษ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ ได้ทั้งปัจจุบัน อดีต และอนาคต

    หลวงพ่อแก้ว เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่อง ตะกรุด ที่ทำจาก ใบลาน รวมทั้งเหรียญ ผ้ายันต์ และลูกอม มีผู้นิยมกันมาก เลื่องลือกันว่า ด้านคงกระพันชาตรีดีเป็นเลิศ ปัจจุบันแต่ละอย่างล้วนมีราคาแพงมาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตะกรุดใบลาน ที่หลวงพ่อเจาะจงทำให้บรรดาลูกศิษย์ และญาติโยมใกล้ชิด ที่เคารพนับถือท่านเป็นการเฉพาะ

    ตะกรุด ของท่านจะยึดถือเอา ใบลาน เป็นหลักในการทำ โดยท่านเจาะจงจะต้องนำมาจาก ต้นตาล ที่ขึ้นอยู่ที่ ปากคลองบางปืน เท่านั้น (ปัจจุบัน บ้านบางปืน อยู่ที่หมู่ ๖ ต.นางตะเคียน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม)

    โดยใบลานที่ได้นี้จะเป็น ยอดใบลานเดือน ๕ เป็นใบลานอ่อน ตากแห้งม้วนไม่แตก ต้นตาลที่ว่านี้ จะขึ้นโดดเดี่ยวกลางทุ่งบ้านบางปืน

    สาเหตุที่ต้องใช้ ใบลานปากคลองบางปืน หลวงพ่อแก้ว บอกว่า เพราะชื่อ "บางปืน" ที่กร่อนเป็น "บังปืน" ให้ความหมายในการข่มนาม ใช้ชื่อในการสะกดลงอักขระเลขยันต์ เพื่อบ่งบอกให้ เทพ เทวดา ฟ้าดิน ได้รับรู้ว่า ของของท่านใช้ดีทางไหน

    เป็นอุปเท่ห์ในการลงวิชาอาคม อันเป็นเคล็ดลับของการลงเครื่องรางของขลังประการหนึ่ง คือ การข่มนามแจ้งเทพ

    ในสมัยนั้น ดงใบลานของบางปืน การคมนาคมลำบากยากยิ่ง ไม่ง่ายเหมือนอย่างสมัยนี้ เมื่อท่านสั่งให้ลูกศิษย์เดินทางไปตัด ใบลานจากบ้านบางปืน มักมีผู้ถามหลวงพ่อว่า ทำไมถึงต้องไปเอาไกลขนาดนั้น

    หลวงพ่อตอบว่า "อยากได้ของดีก็ต้องรี่ไปเอา ไกลแค่ไหนถ้าไม่ไป ก็ไม่ได้ของดี"
    เมื่อได้ ใบลาน จาก บางปืน มาแล้ว ท่านจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ ๕-๖ นิ้ว แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาลงอักขระบนใบลาน ด้วยตัวขอม อ่านได้ว่า "ภู ภิ ภู ภะ" ล้อมรอบด้วยตัว "มิ" ไว้ตรงกลาง ประกอบด้วยอักขระหนุนตามสมควร

    สำหรับคาถาในการอาราธนาตะกรุดใบลานบังปืน ให้ตั้งนะโม ๓ จบ เอาตะกรุดจบที่หน้าผาก แล้วว่าคาถา ดังนี้

    "ภูภิ ภูภะ อะมิ อุทถัง อัดโธ นะโมพุทธายะ" เมื่อคาดเข้าติดตัว ให้ว่าคาถาเวลาผูกปมเชือก ดังนี้ "ภูภิ ภูภะ อะมิ มิมังกายะพัทธนัง อธิษฐานมิ"

    ถ้าเป็นตะกรุดลูกเล็กๆ เเบนๆ จะเรียกว่า ตะกรุดพิสมร
    ส่วนดอกยาวขึ้นมาหน่อย ป้อมๆ อ้วนๆ ลักษณะเหมือนกลองเพลวัด จะเรียกว่า ตะกรุดลูกกลอง
    ถ้าดอกยาวๆ มีทั้งถักเชือก และไม่ถักเชือก เป็นใบลานเปล่าๆ ลงอักขระแล้วม้วน มีที่ปิดทองเก่าก็มี แต่พบเห็นได้น้อย โดยมากจะเสียหายหมด เรียกว่า ตะกรุดใบลาน

    ตะกรุดทั้งหมดนี้ เรียกรวมๆ กันว่า ตะกรุดใบลานบังปืน
    ม้วนด้วยคาถาหัวใจเสือสมิง “ภู ภิ ภู ภะ” ด้วยเวลาค่ำคืนดึกสงัด
    ปราศจากเสียงหวีดร้องของเหล่าสรรพสัตว์ ถือเป็นฤกษ์มหาอุตม์
    ตะกรุดใบลานบังปืน ของ หลวงพ่อแก้ว จะพันด้วยด้ายสายสิญจ์ ไม่ใช่การถักลาย การพันเเบบนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า หลวงพ่อจะพันด้วยตัวท่านเอง ระหว่างการพันด้าย ท่านจะบริกรรมคาถาไปด้วย ให้สังเกตจะเป็นการพันแบบง่ายๆ แล้วจึงนำมาจุ่มรักในภายหลัง

    ตะกรุดใบลานบังปืน ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย คนสมัยก่อนยกให้เป็นสุดยอดนิยมเครื่องราง ๑ใน ๑๐ ชนิด ประกอบด้วย
    หมากทุยวัดหนัง เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม ไม้ครูหลวงปู่ภู มีดหมอหลวงพ่อเดิม ตะกรุดพิสมรหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ครั่งหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง แหวนพิรอด หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ลูกแร่หลวงปู่จัน วัดบางไผ่ หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน "...ทุกสิ่งเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแพ้วพาน"

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  10. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]
    [​IMG]


    พิฆเนศวร์งาแกะสำนักเขาอ้อ (อาจารย์เอียด)

    พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา

    พระครูสิทธิยาภิรัตน์ มีนามเดิมว่า เอียด ทองโอ่ เกิดที่บ้านดอนนูด ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยมารดาได้นำไปฝากพระอาจารย์ทองเฒ่า ที่วัดเขาอ้อ ได้ร่ำเรียนจนรู้หนังสือขอมไทย เมื่ออายุได้ 22 ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดเขาอ้อ มีพระอาจารย์ทองเฒ่า เป็นอุปัชฌาย์ มีฉายาว่า ปทุมสโร ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณจากพระอาจารย์ทองเฒ่า ต่อมาทางวัดดอนศาลา ว่างเจ้าอาวาสลง คณะพุทธบริษัทของวัดดอนศาลา ได้พร้อมในกันนิมนต์อาจารย์เอียดมาเป็นเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านยังนิยมเรียกท่านว่า " พ่อท่านเอียด " หรือ " พ่อท่านดอนศาลา " บางทีก็เรียกว่า " พระครูสิทธิ์ "+ พระครูสิทธิยาภิรัตน์ เป็นผู้ที่มีความเมตตา กรุณา ปฏิบัติต่อบุคคลอย่างเสมอภาค ใครมีความทุกข์ร้อนไปหาท่าน ถ้าท่านช่วยได้ก็จะช่วยทันที เป็นคนที่เคารพในเหตุผล

    เมื่อ พ.ศ.2483 เกิดสงครามอินโดจน ประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารไปร่วมรบในสงครามครั้งนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารอาสาสมัคร และพลเรือนในยามสงคราม พระครูสิทธิยาภิรัตน์ จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายชนิด เช่น พระเครื่อง เครื่องราง งาแกะ ลูกอม ผ้าประเจียด เสื้อยันต์ ผ้ารองหมวก ตะกรุด ปลอกแขน โดยทำพิธีปลุกเสกที่วัดเขาอ้อ วัตถุมงคลเหล่านี้ได้แจกจ่ายให้แก่ ทหารอาสาสมัคร พลเรือน พระเครื่องที่สำคัญที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ คือ พระมหายันต์ และพระมหาว่าน ขาว-ดำ การสร้างเครื่องรางของขลังในครั้งนี้จึงเป็นการสร้างสนองคุณแก่ประเทศชาติ เยี่ยงพระมหาช่วย วัดป่าเลไลย์ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง ที่เคยช่วยเหลือชาติบ้านเมืองมาแล้วในอดีต

    พระครูสิทธิยาภิรัตน์ เป็นพระเถระที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ท้องถิ่น และประเทศชาติเป็นอันมาก ท่านได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2491 รวมอายุได้ 66 ปี



    ส่วนในเรื่องพุทธคุณ สำนักเขาอ้อนั้นคงไม่ต้องบอกกันนะครับว่า
    "เอกอุแห่งแดนใต้"
    เสมอมา


    ความกว้าง 1.5 ซ.ม สูง 7 ซ.ม ครับ
     
  11. อ่อนหัดธรรม

    อ่อนหัดธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +968
    ขอทราบราคา ตะกรุด หลวงปู่ทบครับ
     
  12. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853

    ปิดไปหมดแล้วครับ จะเหลืออยู่ที่แจ้งราคาบูชาในกระทู็็เลยครับ (หลักร้อย)

    ขอบพระคุณมากครับที่ให้ความสนใจ
     
  13. อ่อนหัดธรรม

    อ่อนหัดธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +968
    ยังมีเหลือไหมครับ จองทั้งหมด
     
  14. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    อ่านดูสักนิดซิครับ มิได้แอบอ้าง


    พระในตำนานแห่งเมืองกรุงศรีอยุธยา กรุวัดพระศรีมหาธาตุ 1 ใน 20 องค์

    พระอู่ทอง หลังร่อง เนื้อชินเงิน กรุวัดพระศรีมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา กรุเดียวกับปรกพระงั่วอันลือลั่น แตกกรุเมื่อปี 2490 คนในพื้นที่ชาวอยุธยา "ขอใช้คำว่าที่มีนั้น" ต่างหวงแหนยิ่งนัก

    พระอู่ทอง หลังร่อง เนื้อชินเงิน เป็นพระตำนานที่บรรจุอยู่ใน "โถเคลือบสมัยอยุธยา" ซึีงแช่อยู่ในน้ำลึกจากดินภายในพระเจดีย์มหาธาตุ ลึกลงไปถึง 3 วา

    พระที่อยู่ในโถเคลือบนั้นจะเป็น "พระอู่ทองหลังร่องทั้งหมด" ไม่มีพิมพ์อื่นประสมอย่างกรุอื่นๆทั่วไปของกรุอยุธยา จากการพบนั้นพระที่บรรจุอยู่ในโถมีทั้งสิ้นนับได้ที่ 93 องค์ และส่วนมากใน 93 องค์นั้นจะมีการสึกผุกร่อนชำรุดเสียหายแทบทั้งสิ้น จะมีเหลือที่พอสวยอยู่ทั้งหมด ไม่ถึง 20 องค์

    ความที่พระอู่ทองหลังร่อง กลายเป็นตำนานพระเครื่อง ที่ยิ่งใหญ่กรุวัดมหาธาตุ ของอยุธยานั้น มากจากประสบการณ์ลื่อลั่นของ พระพุทธคุณที่เกิดขึ้นจากไม่กี่ท่านที่ได้มีโอกาศเก็บพระอู่ทอง หลังร่อง ไว้บูชา แม้ที่จะเป็นองค์ผุกร่อน ก็ตาม โด่งดังในเรื่อง ความร่มเย็นมีสุข และเรื่องของความคงกระพันชาตรีเป็นเอกอุ

    พระอู่ทองหลังร่อง พิมพ์นี้ท่านๆจะไม่ค่อยพบเห็น หรือไม่เห็นมาก่อนแน่นอน เพราะมีให้เห็นน้อยมากๆ ถ้าเทียบระหว่างพิมพิ์กันและทั้งเรื่องพุทธคุณความหายากนั้น จะไม่แตก พระร่วงหลัง (รางปืน) ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจภาคี พระเนื้อชิน

    สภาพแบบนี้องค์นี้ "พลังชาตรี 13" ต้องจัดว่าสวยสุดๆสมบูรณ์สุดๆแล้วครับ ตั้งแต่ที่ได้พบเห็นมาแทบทั้งสิน เนื่องจากพระส่วนใหญ่ที่แตกกรุออกมานั้นมีสภาพชำรุดแทบทั้งสิ้น ดั่งทีี่่เรียนบอกใว้ข้างต้นครับ

    ท่านที่หาพระเนื้อชินดีๆสวยๆหายากๆ ชื่ออันเป็นมงคล อู่ทอง

    ตามประวัตินั้นว่ากันว่า

    สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    สร้างขึ้นมาเพื่อบุคคลชั้นสูงเพียง 93 องค์ บรรจุในโถเท่านั้น

    ไว้พิจารณาดูครับ องค์นี้ผมรับประกันความแท้ประกวดได้ทุกสนาม ไม่มีหมดอายุครับ



    [​IMG]


    [​IMG]

    สนใจบูชาหาความรู้เรื่องพระโทรมาครับ ยินดียิ่ง

    0827893576

    ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจ


    อ้างอิง บทความบางตอนในหนังสือ อ. ก.บุนนาด


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2011
  15. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]

    หลวงพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี

    เมื่อเอ่ยถึงหลวงปู่เนียม ผู้คนทั้งหลายจะต้องเรียกชื่อท่านควบกับชื่อวัดไปด้วย เพราะในสุพรรณบุรีมีวัดที่ชื่อวัดน้อยหลายแห่งด้วยกัน

    ในสมัยที่หลวงปู่ครองวัดอยู่ วัดน้อยของหลวงปู่ มีพระเณรมากกว่าวัดอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง และค่อนข้างจะคลาคล่ำไปด้วยผู้ศรัทธาที่มาให้ท่านช่วยรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยยาสมุนไพร น้ำมนต์และอาคม ที่ชะงัดมากเห็นผลทันตาก็เรื่องหมาบ้าและงูพิษกัด เพียงเสกเป่าพรวดออกไปแล้วบอกว่า เอ้า ! มึงไปได้แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครตายสักราย น้ำมนต์ของท่านเล่าลือว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

    ขุนดอนได้เขียนบอกไว้ว่า

    ถ้าหลวงปู่มาอยู่วัดระฆังฯ ก็ต้องเป็นศิษย์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แน่ เพราะสมเด็จท่านมีพระชนม์ชีพอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๕ สำหรับคุณทนงทิพย์ เขียนว่า คุณทองหยด จิตตวีระ อดีต ส.ส. สุพรรณบุรี เคยเล่าให้คุณบดินทร์ สุประสงค์ อดีตผู้พิพากษาศาลสุพรรณบุรีฟังว่า บิดาของท่านเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ ตอนมาอยู่ที่วัดน้อยแล้ว หลวงปู่เคยส่งคุณพ่อของท่านและศิษย์คนอื่นๆ อีกหลายคน ให้ไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดระฆังฯ เรื่องนี้น่าจะเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าหลวงปู่เนียมต้องเคยเป็นศิษย์วัดระฆังฯ ด้วย

    เล่ากันว่าหลวงปู่พำนักเล่าเรียนอยู่ที่เมืองบางกอกถึง ๒๐ พรรษา เมื่อร่ำเรียนจนจบกระบวนการแล้ว ท่านก็กลับมาอยู่ที่วัดที่ท่านบวชชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่วัดรอเจริญ อำเภอบางปลาม้า

    ศิษย์เอกของหลวงปู่เนียม

    คุณมนัส โอภากุล (พ่อของคุณแอ๊ด คาราบาว) คนสุพรรณผู้เชี่ยวชาญและโด่งดังจากการรวบรวมค้นคว้าและเขียนเรื่องพระเกจิอาจารย์และพระเครื่องเมืองสุพรรณบุรีจนเป็นที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่องได้เขียนว่า

    สุพรรณบุรีมีพระเกจิอาจารย์ดังมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ และพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ผู้ทรงวิทยาคมที่ถือว่าเป็นที่สุดยอดของพระมหาเกจิ-เถราจารย์ของเมืองสุพรรณก็คือหลวงปู่เนียม

    คุณมนัสกล่าวว่า ลูกศิษย์ของหลวงปู่เนียมที่ดังๆ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศก็มีหลายรูปด้วยกัน ที่ท่านค้นคว้ามาได้มีหลวงพ่ออ่ำ แห่งวัดชีปะขาว อ.บางปลาม้า หลวงพ่อรูปนี้หลวงพ่อเนียมเป็นผู้บวชให้และมีศักดิ์เป็นหลานของท่านด้วย ที่ดังระดับประเทศก็คือ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน อ.สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และอีกรูปก็คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    ไตรภาคี ตรีเพชร เซียนพระเครื่องท่านหนึ่งได้เขียนเรื่องของหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งไว้ในนิตยสารพระเครื่องชื่อ พุทโธ ฉบับที่ ๖ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ว่าหลวงปู่เนียมเป็นพระนักปฏิบัติธรรม เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน และมีวิทยาคมแก่กล้า ที่หลวงพ่อปานมาฝากตัวขอเป็นศิษย์ และได้รับการถ่ายทอดทั้งวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมไปจนหมดสิ้น ครั้นเมื่อเรียนจบแล้วก่อนจะลากลับสู่สำนักเดิม หลวงปู่เนียมยังได้ส่งเสียว่าในวันข้างหน้าถ้าติดขัดสงสัยในเรื่องคำสอนของท่าน ขอให้ไปสอบถามหลวงพ่อโหน่ง ศิษย์รุ่นพี่ (ห่างกันหลายปีและไม่ทันเห็นกันในขณะนั้น) โดยบอกว่า ถ้าข้าตายไปแล้ว หากสงสัยอะไร ให้ไปถามท่านโหน่ง วัดคลองมะดัน เขาพอแทนข้าได้

    ใหญ่ ท่าไม้ เซียนพระ เจ้าของนิตยสารพระเครื่องดังของเมืองไทยอีกท่านหนึ่ง ได้เขียนถึงความเป็นพระอริยสงฆ์ของหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งศิษย์อาวุโสของท่าน ในนิตยสารพระเครื่องชื่อ มหาโพธิ์ ฉบับพิเศษ ที่ ๑๓ ว่าหลวงปู่เนียมและหลวงพ่อโหน่งเป็นพระผู้มีอภิญญาสูง รู้เวลาตายของตนเอง เพราะทั้งสองท่านมรณภาพในท่านอนพนมมือ

    ปาฏิหาริย์และวัตถุมงคลของหลวงปู่เนียม

    มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่เนียมมากมาย ประวัติและปาฏิหาริย์ของท่านได้ถูกเขียนลงในนิตยสารพระเครื่องดังๆ หลายฉบับ พระเครื่องที่ท่านทำขึ้นมาเพื่อแจกสานุศิษย์มีหลายพิมพ์ด้วยกัน ได้แก่ พิมพ์พระประธาน พิมพ์พระคง พิมพ์ปรุหนัง พิมพ์พุทธลีลา พิมพ์ขุนแผน และที่ดังมากก็คือพิมพ์งบน้ำอ้อย พิมพ์มารวิชัยเศียรโล้น และพิมพ์เศียรแหลม พระของหลวงปู่ทุกพิมพ์เป็นเนื้อชินตะกั่ว มีรูปทรงไม่สวยนัก แต่มีพุทธคุณสูงยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องคงกระพัน ขณะนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือของคนรุ่นลูก หลาน เหลนของสานุศิษย์แท้ ๆ ของท่าน ในพื้นที่บางปลาม้า ซึ่งเห็นห้อยคอเดี่ยวๆ และไม่ค่อยจะมีใครยอมปล่อยให้หลุดจากคอ พระของหลวงปู่จึงไม่ค่อยมีให้เห็นในตลาดพระ ส่วนที่เล็ดลอดออกมาบ้างก็มีสนนราคาเป็นเรือนหมื่นทุกพิมพ์

    นอกจากพระเครื่องแล้ว ที่กล่าวตรงกันว่าศักดิ์สิทธิ์นักคือน้ำมนต์ของท่านและการรักษาพิษงูและหมาบ้า

    รักษาพิษงูและพิษหมาบ้า

    สมัยก่อนไม่ว่าท้องไร่ท้องนาถิ่นไหนจะมีงูชุกชุมมาก แต่ละปีจะมีผู้ถูกงูพิษกัดตายหลายราย เพราะไม่มีเซรุ่มจะฉีด เช่นเดียวกับคนโดนหมาบ้ากัดจะต้องตายทุกรายไป คุณสมบัติ พัดขุนทด (มาลา) บุตรสาวของสมุห์เหลือ มาลาอดีตสรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี พี่สาวของคุณวิภาวัลย์ ต้นสายเพ็ชร (มาลา) ผู้ที่พาผู้เขียนไปรู้จักวัดน้อยเล่าว่า คุณยายของท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งเป็นเด็ก ได้ถูกหมาบ้ากัดแถวๆ บ้านหลังวัดกลาง พ่อแม่ต้องพานั่งเรือพาย พายไปตามลำน้ำท่าจีน ผ่านวัดสวนหงษ์ วัดรอเจริญ และวัดอะไรต่อมิอะไรอีกหลายวัดไปให้หลวงปู่รักษาให้

    เมื่อไปถึงท่าน ท่านก็ทักว่า มึงโดนไอ้ดำมันกัดเอาใช่ไหม มันเพิ่งวิ่งผ่านหน้ากูไปเมื่อกี้นี้เอง แล้วท่านก็เป่าพรวดๆ ให้ แล้วว่า มึงไม่ตายแล้ว อายุยืนซะด้วยนะมึง (หมาไม่ได้วิ่งไปทางวัดน้อยดอก วัดของท่านอยู่ห่างที่เกิดเหตุไปหลายกิโลเมตร ท่านคงเห็นโดยญาณ) แล้วคุณยายก็อยู่มาจนถึงอายุ ๙๓ ปี

    น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์

    เล่ากันว่าครั้งหนึ่งมีคนจีนคนหนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่แถววัดโพธิ์คอย ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ ไกลวัดน้อยนัก ได้พายเรือมาหาท่านด้วยความร้อนรน เนื่องด้วยลูกสาวของแกป่วยหนัก รักษาทางยามาก็มากแล้วอาการก็ไม่ทุเลา ซ้ำทำท่าจะแย่ลงทุกที (บางคนเล่าว่าลูกสาวเจ็บท้องจะคลอดลูก แต่ลูกไม่ออก เจ็บปวดทุรนทุราย)

    มาถึงวัดก็เห็นหลวงปู่อยู่บนหลังคาศาลาท่าน้ำ กำลังช่วยพระเณรมุงหลังคากันอยู่ ด้วยความรีบร้อนก็ตะโกนเรียกหลวงปู่ให้ลงมาช่วยทำน้ำมนต์ให้หน่อย แต่ท่านก็คงให้รอก่อนหรืออย่างไรไม่แจ้ง

    เถ้าแก่คงร้อนใจและเซ้าซี้ท่านจนน่ารำคาญ และอาจจะเป็นด้วยท่านต้องการจะแสคงอภินิหารหรือรำคาญเถ้าแก่คนนั้น ไม่มีใครเดาได้ ท่านจึงตะโกนจากหลังคาศาลาท่าน้ำว่า มึงตักน้ำที่ตีนท่านั่นแหละไป กูเสกไว้แล้ว แล้วท่านก็มุงหลังคาต่อ

    เถ้าแก่คนนั้นไม่รู้จะทำท่าไหน คงโมโหไม่เบา นั่งมุงหลังคาอยู่เห็นชัดๆ เสกแสกอะไรกัน แต่ก็สิ้นท่าแล้ว ชีวิตลูกสาวแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะพาไปโรงพยาบาลหลวงก็อยู่บางกอกโน่น แจวเรือไปสามวันสองคืนก็ยังไม่ถึง เมื่อร้อยปีก่อนโน้นเรือเมล์แดงก็ยังไม่มี ถึงมีก็เถอะก็ต้องวิ่งกันถึงค่อนวันกว่าจะถึง

    หมดท่าแล้ว หลวงปู่ให้ตักเอาน้ำที่หัวบันไดท่าน้ำไป ก็ต้องเอา ใจน่ะ ไม่ค่อยจะเชื่อเอาเสียเลยแต่ก็ไม่รู้จะทำท่าไหน เล่าว่าเถ้าแก่คนนั้นจ้วงตักเอาน้ำนั้นไปด้วยความโมโหและไม่เลี่อมใสว่าน้ำในแม่น้ำจะเป็นน้ำมนต์ได้อย่างไร ครั้นจะไม่เอาก็เกรงใจ เกรงว่าวันหน้าจะเข้าหน้ากันไม่ได้

    พอพายเรือกลับ เลยหน้าวัด พ้นสายตาหลวงปู่ ก็หยิบเอาขวดหรือไหที่ใส่มา เททิ้งด้วยความโมโห และก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น คือน้ำนั้นเทไม่ออก และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คนสุพรรณต่างก็รู้กันว่า น้ำในแม่น้ำหน้าวัดหลวงปู่เนียมศักดิ์สิทธิ์เท่ากับน้ำมนต์ที่ท่านทำขึ้นมา เพียงอธิษฐานจิตคิดถึงหลวงปู่ก็เอาไปใช้ได้เช่นกัน

    แม้ขณะนี้ก็ยังเห็นคนเฒ่าคนแก่ มาตักเอาน้ำมนต์ในตุ่มหน้าองค์ท่านไปใช้ ซึ่งก็เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ เหมือนเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่

    ญาณวิเศษรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า

    ไตรภาคี กล่าวถึงหลวงปู่เนียมว่า หลวงปู่สำเร็จวาโยกสิณขั้นอภิญญา สามารถล่วงรู้อนาคตและรู้ความในใจของคนที่สนทนากับท่านได้ โดยเขียนว่าหลวงพ่อปานเคยเล่าให้ศิษย์ของท่านฟังว่า

    วันหนึ่งแมวของหลวงปู่เนียมตาย ไป วันนั้นขณะที่หลวงปู่ฉันข้าวร่วมวงอยู่กับพระลูกวัดสองรูป อยู่ดีๆ หลวงปู่เนียมก็หัวเราะก๊ากขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า เออ อีไฝของกูมันดีเว้ย มันไปเกิดเป็นคนแล้ว แล้วก็เอ่ยต่อถึงชื่อของผัวเมียคู่หนึ่งที่ท้ายตลาดคอวัง

    พระลูกวัดที่ร่วมวงได้ยินท่านพูดและจำไว้ด้วยความสงสัย อีกหนึ่งปีต่อมาพระสองรูปนั้นก็ลองไปที่ตลาดคอวังเพื่อพิสูจน์คำพูดของหลวงปู่ โดยไปถามหาผัวเมียคู่ที่หลวงปู่เนียมพูดถึง ก็พบว่ามีลูกสาวเกิดมาแล้วอายุได้หนึ่งเดือน มีรูปพรรณตรงกับที่หลวงปู่บอกไว้ คือมีไฝที่ริมฝีปากเหมือนแมวตัวที่ตายไปเมื่อปีที่แล้วจริง พระทั้งสองรูปบอกความจริงให้สองผัวเมียทราบถึงการมาพิสูจน์ของท่าน

    สองผัวเมียดีใจที่ลูกของตนคือแมวของหลวงปู่กลับชาติมาเกิด เมื่อเด็กอายุได้สามเดือน จึงพากันมาที่วัดแล้วเอาเด็กไปประเคนที่หน้าตัก บอกยกให้เป็นลูกหลวงปู่

    หลวงปู่ทำท่าตกใจถามว่า พวกมึงเอาอีหนูนี่มาประเคนให้กูทำไม

    ถามไปถามมาก็รู้เรื่องพระลูกวัดสองรูปที่ไปหาผัวเมียคู่นั้น หลวงปู่จึงให้พระทั้งวัดมายืนให้ผัวเมียคู่นั้นดูว่าเป็นพระรูปใดที่ไปหา แต่พระทั้งสองรูปได้หลบไปซ่อนตัว กลัวโดนด่าอยู่หลังวัด หลวงปู่ก็รู้ว่าไปแอบที่ไหน จึงให้พระรูปหนึ่งไปตาม แต่พระทั้งสองรูปขอให้มาโกหกว่าตามหาไม่พบ พระรูปนั้นก็กลับมาบอกหลวงปู่ตามที่สั่งกัน

    ท่านก็สวนคำไปว่า มันจะพบได้ยังไงวะ ก็มันสั่งมึงให้มาบอกกูว่าหาไม่เจอนี่หว่า

    เมื่อหลวงพ่อปานธุดงค์มาถึงวัดน้อย เห็นพระแก่ๆ ครองสบงเก่า ๆ มอมแมมทำงานวัดอยู่กับพระเณร หลวงพ่อปานก็เดินตรงเข้าไปสนทนาด้วย แล้วถามหาหลวงปู่เนียม ท่านก็บอกว่าฉันนี่แหละชื่อเนียม ถึงได้รู้กัน ก็คงมีการกราบกรานขอโทษขอโพยกันตามธรรมเนียมที่จุดไต้ตำตอ เพราะไม่คาดว่าพระแก่มอมแมมจะเป็นพระเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ จึงปวารณาตัวขอเป็นศิษย์ ครั้งแรกท่านก็ปฏิเสธท่าเดียว โดยถ่อมตนเองว่า เป็นลูกศิษย์ฉันจะได้อะไร คนแถวนี้เขาว่าฉันบ้ากันทั้งนั้น หลวงปู่ท่านทำไม่สนใจไล่กลับลูกเดียว แต่โดยคำแนะนำของพระลูกวัด บอกให้หลวงพ่อปานค้างคืนอยู่ที่วัดก่อน คงประกอบกับความอุตสาหะของหลวงพ่อปานด้วย ท่านก็ทำตามคำแนะนำ

    ครั้นพอเวลากลางคืนยามดึกสงัด หลวงปู่ก็ให้พระไปตามหลวงพ่อเข้าไปพบที่กุฏิ เขาว่าหลวงพ่อปานตกใจมาก เพราะรูปร่างหน้าตาของหลวงปู่เนียมที่เห็นนั้น ผอมเกร็ง-ดำ-แก่และมอมแมม ตอนนี้ครองจีวรเรียบร้อยสะอาดสมบูรณ์ สดใส ผิดกับที่พบเมื่อตอนกลางวันเป็นคนละคนเลย นั่งอยู่เหมือนจะรอให้ท่านเข้าพบ ในที่สุดหลวงพ่อปานก็ได้เป็นศิษย์ดังที่เรารู้กัน

    เล่าขานสืบกันมาอีกว่าตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านได้ -ขุนดอน เขียนไว้ว่าเมื่อครั้งพระประมาณฯ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน นำฝรั่งช่างรังวัด๒ คนมารังวัดที่ ในเขตเมืองสุพรรณ เพื่อออกโฉนดให้ราษฎร์ เมื่อรังวัดมาถึงท้องที่วัดน้อย ก็ได้ถือโอกาสเข้าขอถ่ายรูปหลวงปู่ โดยให้ฝรั่งเอากล้องถ่ายรูปของทางราชการช่วยถ่ายให้ ตัวคุณพระประมาณฯ นั้น เคยรู้กิตติศัพท์มาแล้วว่ามีคนเคยมาขอถ่ายรูปหลวงปู่หลายรายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จสักราย คราวนี้มีกล้องฝรั่งอย่างดีมาด้วย ก็อยากจะลองพิสูจน์สักหน่อย มันก็น่าจะติด

    คุณพระฯ ได้นิมนต์หลวงปู่และพระทั้งวัดมานั่งเรียงลำดับแล้วถ่ายรูปหมู่และถ่ายเดี่ยวด้วย แต่จะเป็นกี่รูปไม่ทราบ ครั้นเมื่อนำฟิล์มไปล้างอัดเป็นรูปออกมา ความอัศจรรย์ก็ปรากฏคือ ในทุกภาพที่อัดออกมาไม่มีรูปของหลวงปู่ติดอยู่ด้วยเลย ที่ถ่ายเดี่ยวข้างโอ่งน้ำมนต์ก็ติดแต่ตัวโอ่ง เล่ากันว่าทั้งตัวคุณพระประมาณฯ และฝรั่งทั้งสองคนต่างก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่ยิ่งนัก และได้ปวารณาตัวฝากตัวขอเป็นศิษย์หลวงปู่

    ถ่ายรูปไม่ติด

    อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าแล้วรูปถ่ายที่ลูกศิษย์ลูกหาเอาใส่กรอบบูชาและที่เอาลงหนังสือกันนั้นมาจากไหน จึงขอเรียนว่า รูปของหลวงปู่ที่ได้มามีเพียงรูปเดียว เป็นรูปที่ถ่ายได้หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว คือท่าที่เขาจัดให้ท่านนอนตะแคงบนตั่งเตียง ส่วนรูปท่านั่งนั้นเล่ากันว่า ช่างได้เอารูปหน้าของท่านไปตัดต่อสวมกับส่วนลำตัวของพระภิกษุรูปอื่น โดยมีการตกแต่งส่วนใบหน้าที่ไม่ชัดขึ้นมาโหม่ ทำให้ดูเป็นหน้าค่อนข้างกลมและศีรษะล้านไปหน่อย

    ทดสอบวิชากับหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย

    ขุนดอน เล่าว่า วันหนึ่งท่านให้ชาวบ้านเตรียมภัตตาหารเลี้ยงพระไว้ ๕๐ สำรับ ซึ่งยังความแปลกใจให้ชาวบ้านมาก เพราะหลวงปู่ไม่เคยบอกว่าพรุ่งนี้จะมีงานอะไร วันที่ว่าก็ไม่ใช่วันพระ พระเณรในวัดก็มีแค่ไม่ถึงสิบรูป สงสัยเป็นหนักหนาก็พากันไปกามท่าน ท่านก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า พวกมึงทำมาเถอะน่า ชาวบ้านไม่กล้าซักไซ้มากกลัวท่านจะเอ็ดเอา

    วันรุ่งขึ้นต่างก็พากันนำอาหารมาตามที่ท่านขอ ดูชุลมุนวุ่นวายราวกับมีงานใหญ่ ครั้นพอถึงเวลาเพล ก็ไม่เห็นมีพระเณรที่ไหนจะมาฉัน ต่างซุบซิบกันว่าท่านจะเล่นอะไรอีกละนี่ แต่เลยเพลมาครู่เดียวก็พากันตกตะลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ เพราะเห็นพระเณรจำนวนมาก แบกกลดเดินตามพระแก่ ๆ รูปหนึ่งเป็นแถวเข้ามาในวัด ชาวบ้านเห็นหลวงปู่ออกไปปฏิสันฐานทักทายกับหลวงพ่อองค์นั้นแบบคนรู้จักกัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน แล้วหลวงปู่ก็นำพระเณรทั้งหมดขึ้นไปบนหอฉัน ภายหลังชาวบ้านก็ทราบว่าหลวงพ่อรูปนั้นคือ หลวงปู่ปานแห่งวัดบางเหี้ย คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของเขี้ยวเสือที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักเลงพระในปัจจุบัน ซึ่งท่านนำพระเณรสานุศิษย์เกือบร้อยรูปธุดงค์ลัดเลาะตามทางเกวียนผ่านมาเพื่อไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลย์ เมื่อจวนเวลาเพลก็ธุดงค์มาใกล้วัดน้อย และพอได้ยินกลองเพลดังขึ้น ก็เกิดลมพายุขึ้นอย่างแรงจนพระเณรที่แบกกลดพะรุงพะรังแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เล่ากันว่าหลวงปู่ปานแปลกใจในปรากฏการณ์นี้มาก ท่านยืนหลับตาสงบเงียบอยู่ชั่วครู่ แล้วก็บอกพระเณรลูกแถวของท่านว่า จะต้องแวะฉันเพลที่วัดน้อยซะแล้ว เพราะเจ้าวัดท่านนิมนต์ให้แวะ ไม่ควรขัดศรัทธา

    และทันใดนั้นเองพายุนั้นก็สงบลงทันที

    ห้ามฝนตกในงานวัด

    เล่ากันว่าเมื่อต้นฤดูฝนปีหนึ่ง ท่านมีอายุครบ ๖ รอบ (ราวๆ พ.ศ. ๒๔๔๔-๒๔๔๕) ชาวบ้านร่วมใจกันจัดงานทำบุญแซยิดให้ท่าน โดยจัดเป็นงานใหญ่ มีเทศน์หลายธรรมาสน์ มีการออกร้านมีการละเล่น ลิเก ลำตัด เพลงฉ่อย หนังตะลุง ฯลฯ สมโภชฉลองกันอย่างเอิกเกริกแบบงานประจำปี มีร้านขายดอกไม้ธูปเทียน และทองบูชาหลวงพ่อในโบสถ์ มีร้านรวงขายของเล่น จับรางวัลและขายอาหารเพียบพร้อม ซึ่งบังเอิญช่วงเวลานั้นเข้าหน้าฝนแล้ว

    พอเวลาใกล้ค่ำผู้คนก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มเมฆดำที่ก่อตัวมาจากที่อื่นถูกลมพัดพามาปกคลุมท้องฟ้าเหนือบริเวณวัดดูมืดครึ้มไปหมด แล้วฝนก็พรำๆ ลงมา ชาวบ้านเริ่มวิ่งหลบเข้าหาที่กำบังกัน ตามใต้ถุนกุฏิและศาลา ดูกลุ่มเมฆแล้วฝนต้องตกหนักแน่ ทุกคนคาดกันว่างานนี้ต้องพังแน่นอน พวกร้านรวงที่ไม่มีหลังคากำบัง ก็โกลาหลเริ่มขนย้ายข้าวของหาที่หลบฝน ขณะนั้นเองคนทั้งหลายก็เห็นหลวงปู่เดินออกมาจากกุฏิ ยืนแหงนมองดูท้องฟ้า สักพักใหญ่ๆ แล้วเดินวนไปมาแบบเดินจงกรม อีกชั่วครู่ท่านก็ตะโกนบอกชาวบ้านว่าไม่ต้องเก็บข้าวของแล้วเทวดาท่านช่วยไล่ฝนไปแล้ว

    ชาวบ้านต่างก็แหงนมองดูฟ้าก็เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้น กล่าวคือเห็นกลุ่มเมฆหนาทึบนั้นแตกตัวลอยห่างออกไป แล้วท้องฟ้าเหนือวัดก็ค่อยแจ่มใสขึ้น เม็ดฝนที่พรำลงมาก็ขาดเม็ดไป ผู้คนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาจนเต็มงาน เล่ากันว่าเมื่องานเลิกผู้คนที่อยู่ห่างวัดออกไปสักหน่อยก็ต้องเดินท่องน้ำกลับบ้าน

    ปราบคุณไสย

    คุณป้าทรัพย์ เหลนชวดจาด พี่สาวของหลวงปู่ ที่ผู้เขียนไปหาเพื่อขอประวัติของหลวงปู่ เล่าว่าชวดจาดเคยคุยให้ฟังว่า หลังฤดูเก็บเกี่ยวของทุกปี จะมีคนกลุ่มหนึ่งรู้จักกันว่า เป็นพวกลาวข่าจากหมู่บ้านห่างไกล รวมกลุ่มตระเวนมาตามหมู่บ้านต่างๆ พวกนี้จะร่อนเร่มาขายเครื่องยาสมุนไพร-เครื่องรางของขลังของเผ่า หรือทั้งขาย แลก และขอข้าวสาร ข้าวเปลือก เสื้อผ้าและของอื่นใดที่เหลือกินเหลือใช้จากชาวบ้าน ตระเวนกันเป็นแรมเดือนและเข้าไปแทบจะทุกหมู่บ้านเลย ตกเย็นคนพวกนี้ก็จะมารวมพลค้างแรมกันตามวัด ซึ่งโดยทั่วไปค่อนข้างจะกว้างขวางโล่งเตียนปราศจากสัตว์ร้าย

    วันหนึ่งที่วัดน้อยก็มีคนกลุ่มนี้มาอาศัยพักแรม รวมพลและรวมเสบียงที่ขอมาได้ ตกเย็นมีการหาปลาโดยการทอดแห วางข่ายกันแถวปากคลองข้างวัด มาประกอบอาหาร ส่วนที่เหลือก็ทำเค็มตากแห้งไว้เป็นเสบียง ที่ๆ ทำปลาและตากปลาก็คือพื้นสะพานศาลาท่าน้ำหน้าวัดหลังนั้นนั่นแหละ เป็นที่สกปรกเกะกะมาก

    หลวงปู่มาเห็นเข้าขณะที่พวกมันกำลังทำปลาอยู่พอดี ท่านก็เอ็ดเอาว่าไอ้พวกนี้นรกจะกินหัว จับปลาหน้าวัดแล้วทำเลอะเทอะเกะกะไปหมด พระเณรจะอาบน้ำอาบท่าก็ไม่ได้ ขวางไปหมด ไปๆ พวกมึงไปทำกันที่อื่น

    ท่านคงว่าไปมากกว่านี้ แล้วท่านก็หันหลังเดินกลับและแล้วท่านก็ต้องเหลียวขวับกลับมา เพราะมีเสียงแซกๆ มาข้างหลัง หัวปลาสดๆ ที่เจ้าพวกนั้นตัดแยกไว้เตรียมทำเค็ม กองไว้บนพื้นสะพานนั้นเอง กระดืบตามหลังท่านมาเป็นขบวน ท่านหันหลังกลับทันที ชี้มือไปที่กลุ่มลาวข่านั้นแล้วตวาดว่า พวกมึงจะทำอะไรกู หัวปลาเหล่านั้นก็หยุดอยู่กับที่ ท่านคงด่าต่อไปอีกเป็นแน่

    เพียงครู่เดียวแล้วเจ้าลาวข่าคนสูงอายุที่เป็นจ่าฝูง ที่นั่งเฉยๆ ดูลูกเมียทำปลาอยู่ใกล้ๆ ก็ตัวงอหน้านิ่วคิ้วขมวด พวกลูกเมียและพวกบริวารทั้งหลายก็รู้ได้ทันทีว่า ไอ้ตัวจ่าฝูงโดนหลวงปู่เล่นงานกลับแล้ว ต้องกราบขอโทษขอให้หลวงปู่ถอนอาคมให้

    ย่นระยะทาง

    คุณป้าทรัพย์ เล่าแถมอีกสองเรื่อง เรื่องที่หนึ่งว่าแม่ของแกเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับตราตั้งอะไรจำไม่ได้ ซึ่งต้องไปรับตาลปัตรที่เมืองบางกอก เมื่อถึงกำหนดแล้วก็ไม่เห็นหลวงปู่กระตือรือร้นที่จะไป พวกลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาก็มาเตือนให้ไป ท่านก็ได้แต่เออๆ แต่ไม่ไปสักที เตือนแล้วเตือนอีกหลายหน เพราะกลัวว่าท่านจะลืมและเลยกำหนด มาวันหนึ่งก็มาเซ้าซี้ให้ท่านไปอีก ท่านก็บอกไปว่า กูไปรับมาแล้วโว้ย พวกลูกศิษย์ก็เถียงว่าหลวงพ่อไปเมื่อไหร่ ฉันเห็นหลวงพ่ออยู่วัดทุกวัน ท่านก็เถียงกลับว่า เออ กูไปรับมาแล้วซิวะ แล้วท่านก็เดินเข้ากุฏิถือตาลปัตรพัดยศออกมาให้ดู

    ไปรับบิณฑบาตที่พระพุทธบาท สระบุรี

    มีเรื่องเล่าถึงการย่นระยะทางไปมาตามที่ต่างๆ คล้ายกับที่คุณป้าทรัพย์เล่าเรื่องหลวงปู่ไปรับพัดที่เมืองบางกอก เรื่องมีอยู่ว่า ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องอย่างไร หลวงปู่ต้องนำขบวนพระลูกวัดออกรับบิณฑบาตเป็นกิจวัดร ถ้าหน้าแล้งก็อาจเดินไปตามทางหลังวัด หรือไม่ก็ทางน้ำโดยเรือพาย อยู่มาวันหนึ่งในเดือนสาม ซึ่งเป็นหน้าเทศกาลไหว้พระพุทธบาท สระบุรี ท่านให้พระลูกวัดออกไปบิณฑบาตกันเอง

    ครั้นเมื่อพระลูกวัดกลับมาแล้ว และตั้งวงฉันเช้า หลวงปู่ก็เอาบาตรของท่านออกมาร่วมวงด้วย เมื่อท่านเปิดฝาบาตรเท่านั้น พวกพระลูกวัดต่างก็แปลกใจมาก เพราะในบาตรนั้นมีข้าวปลาอาหารและไข่เค็มเต็มบาตร จึงพากันถามท่านว่าไปรับบิณฑบาตบ้านไหน ท่านก็ตอบหน้าตาเฉยว่า ข้าไปบิณฑบาตที่พระพุทธบาท สระบุรี

    เหตุการณ์แปลก ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้งตอนเช้ามืดของวันหนึ่ง ท่านให้พระลูกวัดไปบิณฑบาตกันเองอีก โดยบอกว่าวันนี้ได้รับนิมนต์ไว้ แล้วท่านก็แยกเดินไปทางหลังวัด ชั่วครู่ใหญ่ ๆ ท่านก็กลับ เมื่อพระลูกวัดกลับก็ตั้งวงฉันร่วมกันเช่นปกติ คราวนี้ในบาตรของหลวงปู่มีข้าวและอาหารอื่นดีๆ ทั้งนั้นเต็มบาตรมาอีก พระลูกวัดถามท่านอีกว่าไปบ้านใครมา คราวนี้ท่านก็ตอบหน้าตาเฉยอีกว่า วันนี้พวกรุกขเทวดาที่สถิตย์อยู่แถวชายป่าข้าง หลังมณฑป มานิมนต์ไปรับบาตร

    ใช้มนตร์บังตาข้าราชบริพารของพระพุทธเจ้าหลวง

    เรื่องนี้เป็น เรื่องล่าสุดที่ผู้เขียนได้รับฟังมาสดๆ ร้อนๆ จากพระเดชพระคุณท่านพระครูสุมณฑ์ภาวนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า และเจ้าอาวาสวัดกลาง เมื่อวันไปทำบุญกระดูกให้สมุห์เหลือ-คุณครูบุญส่ง มาลา บิดา-มารดาของมัคคุเทศก์ที่พาผู้เขียนไปกราบนมัสการรูปหล่อของหลวงปู่เป็นครั้งแรก

    ท่านหลวงพ่อวัดกลางเล่าว่า มีเรื่องเขียนในจดหมายเหตุว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จโดยชลมารค มาตรวจราชการที่เมืองสุพรรณบุรี เมื่อราวๆ ร้อยปีที่ผ่านมา ชาวบ้านชาวเมืองและวัดวาอารามสองฟากฝั่งลำน้ำท่าจีนตามรายทางเสด็จ ต่างประดับธงทิวรอรับเสด็จกันถ้วนทั่ว รวมทั้งวัดน้อยของหลวงปู่ด้วย

    การเสด็จครั้งนี้ นอกจากจะแวะนมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์เป็นปฐมแล้ว พระองค์ท่านก็ได้แวะขึ้นเยี่ยมวัดบางวัดตามรายทางด้วย ในครั้งนั้นพระองค์ทรงทราบถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่เนียมเป็นอย่างดีจึงได้รับสั่งว่า เมื่อขบวนเรือถึงวัดน้อยให้แวะเยี่ยมหลวงปู่ด้วย จะเป็นเหตุใดไม่ปรากฏ เที่ยวแรกขบวนเรือแจวกันเพลิน ผ่านเลยวัดน้อยขึ้นไปจนถึงวัดถัดไป จึงเอะอะกันว่าเลยวัดไปแล้วเกือบคุ้งน้ำ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็รับสั่งให้กลับเรือ แต่แล้วก็เกิดการแจวเรือเลยวัดอีกจนได้ พวกพนักงานเรือคราวนี้เหงื่อท่วมตัวแล้วด้วยเกรงพระราชอาญา กราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และจะกลับขบวนเรืออีกครั้งเพื่อจะแวะให้ได้

    แต่สมเด็จพระพุทธเอาหลวงกลับไม่คือโทษอะไรตรัสว่า ไม่ต้องแวะแล้ว เจ้าวัดเขาคงไม่ยินดีต้อนรับเราและแล้วก็เสด็จเลยไปแวะที่วัดตะค่า (วัดตะเคียนทองในปัจจุบัน) ให้ท่านสมภารรดน้ำมนต์ให้แทน และได้ถวายเครื่องอัฐบริขาร จำนวนหนึ่งให้เจ้าอาวาส ซึ่งท่านเจ้าอาวาสรูปนั้นก็เก็บรักษาไว้ไม่ยอมนำออกใช้ และเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ได้มีการค้นพบสิ่งของเหล่านั้น และเป็นเรื่องฮือฮากันในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อต้นปี ๒๕๓๙ นี้เอง

    คราวนี้ย้อนกลับมาทางด้านวัดน้อยบ้าง มีเรื่องเล่าขานกันสืบมาว่า แม้คราวนั้นจะมีการประดับประดาธงทิวรับเสด็จตามธรรมเนียม ตามวัดทั้งหลายพระเณรจะต้องมีการสวดชยันโตถวายพระพรเมื่อขบวนเรือมากึงหน้าวัด ที่วัดน้อยก็เช่นกัน แต่พวกลูกศิษย์ลูกหาได้สังเกตเห็นหลวงปู่เก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิ ไม่ออกมาสวดชยันโตร่วมกับพระลูกวัด จึงเข้าไปถามกันภายหลังถึงเหตุที่ไม่คอยรับเสด็จเหมือนสมภารวัดอื่น

    หลวงปู่ก็ว่า ก็กูมัวแต่ใจหายใจคว่ำนั่งภาวนากลัวว่าพระองค์ท่านจะแวะวัดกูนะซิวะ

    พวกลูกศิษย์ญาติโยมก็ซักถามว่า มันเรื่องอะไรกันใครๆ ก็อยากให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแวะเยี่ยมกันทั้งนั้น

    หลวงปู่ก็ตอบว่า พวกมึงดูซิวัดกูมีอะไร หมา-แมว-ไก่เกลื่อนไปทั้งวัด ยิ่งบนกุฏิกู มันขี้กันเกลื่อน เหม็นไปหมดแล้วจะให้กูเอาหน้าที่ไหนไปรับเสด็จพระองค์ท่าน

    ศพของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อย

    มีเรื่องของหลวงปู่ในหนังสือเรื่องพระเครื่องของหลวงพ่อปาน โดยคุณบุรี รัตนา ตอนหนึ่งอ้างว่าหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว ทางวัดได้เก็บศพของท่านไว้ระยะหนึ่ง จึงได้ทำพิธีถวายเพลิงศพของท่าน เมื่อสัปเหร่อเปิดหีบศพเพื่อประกอบพิธีกรรมตามประเพณี ปรากฏว่าศพของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อยและไม่มีกลิ่นเหม็น หลวงพ่อปานซึ่งท่าน ได้มาช่วยงานในฐานะศิษย์ ได้ขอให้ทางวัดเก็บศพของหลวงปู่ไว้ให้สานุศิษย์ได้สักการะบูชา แต่บรรดาคณะกรรมการวัดได้ปฏิเสธท่าน โดยอ้างว่าได้เตรียมการถวายเพลิงไว้แล้ว และแขกเหรื่อก็มากันเต็มวัดแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการไปตามกำหนดการเดิม เล่ากันว่าหลวงพ่อปานเสียใจมากที่คนพวกนั้นไม่ฟังคำทักท้วงของท่าน เราท่านลองคิดดูซิว่าถ้าศพของหลวงปู่ถูกเก็บรักษาอยู่ถึงวันนี้ วัดน้อยจะมีสภาพเช่นทุกวันนี้หรือไม่ก็เหลือที่จะเดาได้

    ดอกเทียนตกจากท้องฟ้าวันถวายเพลิงศพหลวงปู่

    เรื่องนี้เล่าโดยป้าทรัพย์อีก โดยบอกว่าฟังมาจากคุณแม่ของท่าน ว่างานถวายเพลิงศพหลวงปู่นั้นเป็นงานใหญ่มาก ลูกศิษย์ลูกหามากันเป็นร้อยเป็นพัน มีทั้งพวกเจ้านายขุนนางชั้นผู้ใหญ่จากบางกอก และหัวเมืองใกล้เคียง พวกพระเถรานุเถระ-พระเกจิอาจารย์ดัง ๆ ทั้งที่เป็นสหธรรมิกและศิษยานุศิษย์ของท่าน หน้าวัดคลาคล่ำไปด้วยเรือเมล์ เรือพาย เรือแจว บนศาลาวัดมีวงระนาด วงดังของบางปลาม้า สองวงประชันกัน ตกกลางคืนมีมหรสพฉลองกระดูกครึกครื้นเหมือนงานประจำปี เวลาถวายเพลิงศพท่านนั้นวันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มทั้ง ๆ ที่เป็นกลางฤดูร้อน ครั้นได้เวลาถวายเพลิงยังไม่ทันที่คนสุดท้ายจะลงจากเมรุ ฝนก็โปรยปรายลงมา แต่ก็ไม่มากนักพอได้เปียกเย็นหัวกันเท่านั้น

    แต่ที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ พวกที่จะลงเรือกลับบ้านได้เห็นว่าที่ท้องน้ำหน้าวัด มีดอกเทียนแบบที่หยดลงในขันน้ำมนต์ลอยเกลื่อนไปหมด ผู้คนที่เห็นพากันเอะอะลอยเรือแย่งกันเก็บดอกเทียนเป็นโกลาหล ป้าทรัพย์เล่าว่าขณะนี้ดอกเทียนที่ว่านั้นยังอยู่บนหิ้งบูชาของลูกหลานของคนบางคนที่เก็บได้มาในวันนั้น

    แกเล่าต่อว่าพอศพท่านไหม้หมด เถ้าถ่านและเศษกระดูกของหลวงปู่ที่ไหม้ไม่หมดบนเชิงตะกอนยังไม่ทันจะเย็น สัปเหร่อก็ยังไม่ทันจะขึ้นไปทำพิธีเก็บอัฐิของท่าน พวกลูกศิษย์ลูกหาก็เฮโลขึ้นไปแย่งอัฐิที่ยังหลงเหลือบนเชิงตะกอนกันคนละชิ้นสองชิ้น บ้างก็เอาเข้าปากเคี้ยวกลืนกินจนหมดสิ้น ฉะนั้นส่วนที่เหลือบรรจุอยู่ในสถูปของท่านขณะนี้ก็คือเถ้าถ่านไม้ฟืนและอังคารธาตุของท่านเท่านั้น

    มีเรื่องเล่าขานถึงอภินิหารของหลวงปู่มากมาย ฟังแล้วน่าสนุกเพราะผู้เล่าและผู้เขียนเรื่องของท่านถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดราวกับอัดเทปไว้ ถ้าผู้อ่านต้องการอ่านให้สนุกก็ไปหาอ่านเอาเองจากหนังสือที่ได้อ้างอิง แต่อย่างไรก็พอสรุปได้ว่าหลวงปู่เนียมนั้นเก่งกล้ามีอภินิหารเป็นที่เลื่องลือและเป็นสุดยอดของพระมหาเกจิเถราจารย์ที่คนเมืองสุพรรณรุ่นเก่าให้ความเคารพบูชามาก บางคนกล่าวเปรียบเทียบว่าท่านเป็นเสมือนท่านเจ้าประคุณสมเด็จ (โต) ของเมืองสุพรรณ

    เรื่องเล่าขานถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่มีอีกมากมาย นอกจากน้ำมนต์ท่าน้ำ แมวที่เลี้ยงไว้กลับชาติไปเกิดเป็นคน การทดสอบวิชากับหลวงปู่ปานวัดบางเหี้ย ห้ามฝนไม่ให้ตกในงานแซยิดของท่าน ก็มีเรื่องเทศนาโปรดผีสาวท้องแก่ผูกคอตายใกล้ ๆ วัด ไม่ให้มาอาละวาดหลอกหลอนพระเณรและชาวบ้าน ฟังแล้วสนุกสนานน่าทึ่งพอ ๆ กับเรื่องแม่นาคพระโขนง

    เรื่องราวของท่านบางเรื่องก็น่าจะเป็นไปได้จริง ๆ ในสมัยนั้นยุคนั้น แต่ก็มีการเขียนเรื่องหรือเล่าแต่งเติมเอาวันเวลาและโดยเฉพาะเรื่องคำพูดคำจา ที่ถ่ายออกมาราวกับว่าถอดออกมาจากเทปหรือผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จนทำให้เรื่องที่เอามาเขียนดูเป็นเรื่องนิยายไป อาจไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้อ่านผู้ฟังที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะในยุคนั้นไม่ปรากฏว่ามีพระเกจิอาจารย์ดัง ๆ เช่นในยุคก่อน จึงไม่ขอนำมาเขียนในที่นี้ และส่วนที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็รวบรวมมาจากการเขียนและคำบอกเล่ามาจากแหล่งที่เอ่ยชื่ออ้างอิงมา ทั้งนี้เพื่อมิให้เรื่องของหลวงปู่ต้องสูญหายไปกับกาลเวลา จะเท็จจริงแค่ไหนขอท่านได้วินิจฉัยกันเอาเอง

    เรื่องปาฏิหาริย์อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเพิ่งได้ฟังและได้เห็นคือขณะที่กำลังจะไปกราบองค์ท่านเพื่อขอเก็บเถ้าธูปและดอกไม้แห้งหน้าองค์หลวงปู่ และร่อนเอาฝุ่นผงจากอิฐผุจากผนังวิหารหลังเก่าเพื่อใช้เป็นมวลสารสร้างพระเครื่องถวายให้วัดเอาไว้แจกพรรคพวกที่ผู้เขียนชักชวนมาทอดผ้าป่าเพื่อรวบรวมเป็นทุนสมทบกับผู้ใจบุญท่านอื่น ๆ ที่มาบริจาคเงินสมทบทุนสร้างมณฑปถวายหลวงปู่

    ได้ยินชาวบ้านแถวนั้นคนหนึ่งยืนคุยกับคนต่างถิ่นที่แวะมากราบหลวงปู่ว่า อภินิหารของหลวงปู่นั้นน่าทึ่งนัก ที่โคนมะขามใหญ่มีกิ่งมะขามขนาดโตกว่าโคนขา ยาวหลายวากองอยู่ข้าง ๆ แกเล่าว่ากิ่งมะขามกิ่งนี้ปกติเคยแผ่ออกไปอยู่เหนือหลังคาศาลา อยู่ ๆ มาเกิดแห้งไปเฉย ๆ ทุกคนมีแต่ความวิตกว่าไม่วันหนึ่งวันใด ถ้ามันผุและหักลงมา หลังคาศาลาต้องพังเป็นแถบแน่ ๆ คิดจะตัดออกก่อนที่มันจะผุและหักลงมา ก็ยังไม่ได้ทำ ทุกคนได้แต่ภาวนาในใจขอบารมีหลวงปู่ช่วยให้กิ่งมะขามใหญ่ อย่าเพิ่งหักลงมาเลย เพราะหลังคาต้องพังแน่ ๆ

    และแล้ววันนั้นก็มาถึง คืนหนึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพายุพัดมาทำให้กิ่งมะขามกิ่งมหึมานั้นหักลงมา เช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนต้องเกิดอาการขนหัวลุก เห็นกิ่งมะขามใหญ่ลงมากองอยู่กับพื้นดิน แต่กระเบื้องหลังคาศาลาที่ว่าไม่มีแตกแม้แต่แผ่นเดียว และทุกคนก็ไม่รู้ว่ามันหักท่าไหนจึงไม่โดนหลังคา

    นำเสนอ ลูกอมหลวงพ่อเนียม เนื้อตะกั่วครับ (ตังจริงลูกแท้)


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    <a href="http://image.ohozaa.com/show.php?id=bb16fa888424fae8d2aad0a170a1f47d" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/8de/7ogys.jpg" /></a>


    [​IMG]



    ประวัติ หลวงปู่พิมพา ธมฺมวโร วัดหนองตางู

    หลวงปู่พิมพา ธัมฺมวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองตางู ตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เดิมชื่อ พิมพา สาริกิจ เกิด 22 กรกฎาคม 2452 ตำบลวังเมือง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ก่อนย้ายตามบิดา มารดา มาอยู่ที่ บ้านวังกระชอน ตำบลหูกวาง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เมื่ออายุ 20 ได้อุปสมบทที่วัดเขาดินใต้ โดยมีหลวงพ่อเฮง วัดเขาดินใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์ ในระหว่างที่บวชเรียนได้ศึกษาวิชากับเป็นเกจิอาจารย์หลายท่านในภูมิภาคนี้ เช่น หลวงพ่อเฮง วัดเขาดินใต้ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อพวงวัดหนองกระโดน นครสวรรค์ ศิษย์ร่วมรุ่นคือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท และยังเรียนกับหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง จังหวัดพิษณุโลก หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จังหวัดลพบุรี หลวงพ่อดี วัดหัวถนนใต้ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ศิษย์ร่วมรุ่นของท่านคือ หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ และหลวงปู่ ยังได้เรียนตำราเมตรามหานิยม ตำรายาสมุนไพรจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านวังกระชอนที่ท่านบวชอยู่อีกด้วย หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อศึกษาธรรมและวิปัสสนากำมฐาน ที่วัดมหาธาตุฯและวัดระฆังฯ ในสมัยหลวงปู่นาค และได้เดินทางธุดงค์ ไปหลายแห่งทั่วประเทศเลยไปถึง ประเทศลาวและจีน

    ด้านวัตถุมงคล

    หลวงปู่พิมพา ได้สร้างไว้หลายรุ่น ล้วนแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น รุ่นแรกท่านได้สร้างที่วัดระฆังฯเป็นสมเด็จปิดทองโดยนำผงเก่าสมเด็จวัดระฆังผสมด้วย ประมาณปี ๒๔๙๑ แล้วนำมาวัดหนองตางู ประมาณ ๓ กล่องกระดาษใหญ่ บางส่วนท่านบอกฝังไว้ที่วัดระฆังฯ แต่ภายหลังให้ลูกศิษย์ไปดูปรากฏว่าเทคอนกรีตทับหมดแล้ว อีกรุ่นเป็นสมเด็จสนิมบาตรกรุโบสถ์เก่าประมาณ ๓ บาตรพระและยังนำผงสมเด็จวัดระฆังมาด้วยใช้ผสมทำพระของท่านอีกหลายรุ่น รุ่นแรกที่จัดสร้างที่วัดหนองตางู เป็นรูปขาวดำอัดกรอบกระจก ปี ๒๕๐๓ เหรียญรุ่นแรกเหรียญเสมา ปี ๒๕๐๖ จัดทำไม่มาก รูปหล่อรุ่นแรก ปี ๒๕๒๐ สมเด็จเกศาหลังเงารุ่นแรกใช้ผงสมเด็จวัดระฆังฯ ผสมด้วยเกศาท่าน ปี ๒๕๓๔ ตะกรุด มีดหมอ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเรียนวิชาตะกรุดและมีดหมอ มาจากหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อพวง สิงห์งาแกะจากหลวงพ่อเฮงและหลวงพ่อเดิม เสือจากหลวงพ่อเฮงและหลวงพ่อยี ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าปลุกเสกแล้วโยนไปตามกอหญ้าแล้วเอาหมูหรือเนื้อเกี่ยวเบ็ดหย่อนไปถ้าเสือตัวไหนติดมาด้วยจึงจะใช้ได้ถ้ายังไม่ติดก็ปลุกเสกจนติด คนแก่เล่าให้ฟังว่าท่านยังเคยเสกปลัดวิ่งบนน้ำแข่งกับ พระอาจารย์สุพจน์ วัดศรีทรงธรรม วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อย ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะเก็บไม่ค่อยนำออกมา เช่นรูปหล่อรุ่นแรกสร้างแค่ ๒๕๒๐ องค์

    วัตถุมงคลหลวงปู่พิมพาที่เคยประสบมามีทั้ง แคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน เมตรามหานิยม ลูกศิษย์ ท่านที่เป็นที่รู้จักกันดีหลายวงการ นักการเมือง เช่น ท่าน วราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง พลเอกประมาณ อดิเรกสาร สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการมหาดไทยเคยนำ ฮ.มาลงกราบนมัสการที่วัด และท่าน สวัสดิ์ คำประกอบ บุญชู โรจนเสถียร ดารานักร้อง ยอดรัก สลักใจ สีหนุ่ม เชิญยิ้ม ดอน สอนระเบียบ เคยมาบวชกับท่านและจำพรรษาที่วัดนี้ กรุง ศรีวิไล สรพงษ์ ชาตรี เอ็ดดี่ ผีน่ารัก โก๊ะตี๋ อารามบอย สุรชัย สมบัติเจริญ และนกน้อย อุไรพร วงเสียงอีสาน เป็นต้น

    หลวงปู่พิมพา มรณภาพเมือ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๑ อายุได้ ๙๑ ปี ร่างท่านบรรจุอยู่ในโลงแก้ว สรีระร่างไม่เน่าเปื่อย ที่วัดหนองตางู ถ้าท่านใดผ่านมาแถววัดหนองตางูอย่าลืมแวะมานมัสการท่านได้ ปัจจุบันลูกศิษย์ท่านที่เป็นผู้สืบทอดวิชาอาคม คือ พระครูนิภาธรรมวิสุทธ์ เจ้าอาวาสวัดหนองตางู องค์ปัจจุบัน และพระอาจารย์พนม ฐานิสฺสโร วัดวังปลากราย อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร



    นำเสนอมีดหมดหลวงปู่พิมพา ยุดแรก ให้ชมกันครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  17. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ชอบสวยไหมครับ


    [​IMG]


    ทุกๆมุนมอง


    [​IMG] [​IMG][/url] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    ขอเชิญรวมจองบูชา

    ประคำพุทธคุณ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว "ดาบปราบหงสาวดี"

    แกนกลางตะกั่วขี้นกเขาเปล้า


    http://palungjit.org/threads/@@-ท่า...ัดกลางบางแก้ว-ดาบปราบหงสาวดี-@@.282850/page-2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2011
  18. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    ดาบเทพประทาน หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล

    บรมครูสองอาจารย์ใหญ่ปลุกเสกครับ หลวงพ่อรุ่ง และ หลวงพ่อเดิม

    บางท่านที่มีความรู้เรื่องมีดดาบ ก็จะตีได้เหมือนกันว่าหลวงพ่อเดิม

    วิธีการบูชามีดหมอที่ให้เกิดอนุภาพสุงที่สุด

    บางท่านอาจจะมีมีดหมอและดาบไว้บูชาที่บ้านแต่ท่านอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะบูชา อย่างทุกหลัก เพื่อให้เกิดอนุภาพสุงสุดในมีดหมอและดาบของอาจารย์ที่ได้ทำขึ้นมาครับ

    ผมขอที่จะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆครับ

    1. มีดหมอและดาบ นั้นตามตำราถือได้ว่าเป็น เครื่องรางชั้นสุง อย่างหนึ่งในประเภทเครื่องรางของขลัง เลยที่เดียวครับ การที่เราจะเสาะหาบูชาแล้วนำมาบูชาที่บ้านเรือน เราจะ ต้องอราธนาบอกกล่าวหรือทำพิธีรับเข้ามาในบ้านเรือนของเราก่อนอื่นเป็นอันดับแรก เพื่อที่ป้องกันสิ่งอัปมงคล ไสยเวทย์มนต์ดำ และในการช่วยรักษาอาการต่างๆนั้น ก็จะต้องมีวิธีการอาราธนาบอกกล่าวต่อบูรพาจารย์ผู้ที่จัดสร้างหรือทำมีดหมอนั้นแล้วถึงได้กระการได้ตามที่บอกกล่าวไป
    แต่ในยามที่เก็บไว้เฝ้าบ้านเรือนนั้นถ้าเป็น มีดขนาดเล็กที่มีปลอกจึง ควรดึงใบมีดออกจากฝักอยู่เสมอประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้พลังอำนาจพุทธคุณ บูรพาจารย์ที่สร้าง มีดหมอและดาบจะแผ่บารมีปกป้องบ้านเรือนและบุคคลในครอบครัว

    2. มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ ที่มีฝักและไม่มีฝัก การจัดสร้างตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์จะแบ่งได้ 2 ประเภท ครับ

    2.1 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่มีฝัก ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว ในยามหมู่ศัตรูที่จองมาทำร้าย เป็นการทำลายอาคมหรือถอนอาคมของบุคคลนั้นๆให้สิ้นไป เป็นการป้องกันตัวโดยแท้

    2.2 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่ไม่ทำฝัก ตามตำราโบราณที่บูรพาจารย์สร้างขึ้นมาไว้เฝ้าบ้านเรือน การสร้างยิ่งมีความยากมากที่จัดสร้าง เป็นการตั้งป้องกัน ไสยเวทย์ คุณไสย มนต์ดำ สิ่งอัปมงคล ต่างๆ ซ้ำต้องลงพระคาถาสำทับในการทำลายอาคมหรือถอนอาคมผู้ที่บุกลุกเข้ามาในบ้านเรือนที่มีอาคมแก่กล้าอีกด้วย
    สำหรับวิธีอาราธนาใช้นั้นคือ ในสภาวะปกติให้ท่านเก็บคมมีดลงเพื่อให้มีดหมอ(หรือดาบ)น้อมนำนำพาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเสริมสร้างความร่มเย็นให้กับครอบครัวและเสริมบารมีให้กับผู้ที่บูชา
    แต่ในยามที่ท่านบังเกิด ความรู้สึกในจิตใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายจะเข้ามาแผ้วพาน ตำรากล่าวไว้ว่าให้ท่านอาราธนาบอกกล่าวแล้ว ยกมีดหมอหรือดาบเอาด้านคมหงายขึ้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้นๆโดยอาศัยอำนาจพุทธคุณชั้นสุงของมีดหมอหรือดาบของบูรพาจารย์ให้ช่วยขับไล่ขจัดออกไปให้สิ้นซาก
    (หมายเหตุ ผู้ที่บูชาจะรับรู้ความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยพุทธานุภาพของมีดหมอและดาบได้)



    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    เห็นเงียบๆครับเลยเอาของรักออกมาให้บูชากัน เอาครับไม่แพงครับ

    สนใจโทรมาซิครับ 0827893576

    ขอมูลผู้ประมูลได้ไปอีกเวบหนึ่งครับ

    วันที่ส่ง : 2011-03-09 13:56:17

    ข้อความ : ผมจะโอนเงินให้พรุ่งนี้
    เล่มนี้เป็นของหลวงพ่อเดิมสร้างไว้129เล่ม
    พ.ศ.2480ให้ทำบุญ59บาทแต่ไม่ได้ให้คนทั่วๆไปบูชา
    และไม่ได้เน้นกำไรเนื่องจากมีผู้มาขอให้ท่านสร้าง
    และนำเหล็กมาให้ซึงสามารถตีดาบได้129เล่ม
    ในวาระนั้นและสร้างเพียงครั้งเดียวไม่ได้ทำเรื่อยๆเหมือนมีดปากกาผู่ที่มาขอให้สร้างเป็นผู้ต้องใช้อาคม
    ในการปราบผี สัปเหร่อ และ มักทายกค์ ตลอดจน
    พระสงฆ์บางรูปที่ศรัทราหลวงพ่อเดิมและต้องสงเคราะห์ชาวบ้านต้องใช้เวทมนต์คาถา คนกลุ่มนี้
    หลวงพ่อจึงมอบให้ แต่เรื่องการที่หลวงพ่อรุ่งรวมการปลุกเสกด้วยนั้นข้อมูลของคุณถูกต้อง ลักษณะมีดในยุคต้นๆ คงสร้างในลักษณะเดียวกันหมด ตามตำราเดียวกัน เล่มนี้ผมกะว่าจะสู้มากกว่านี้ไม่ต่ำกว่า ....... บาท แต่บังเอิญว่าผู้ร่วมประมูลคิดว่าเป็นของหลวงพ่อรุ่งตามที่คุณให้ข้อมูลไว้เลยถอดใจ


    ปิดบูชาเล่มนี้แล้วครับ

    เหลืออีกเล่มสุดท้ายที่จะแบ่งกันได้ครับ ด้าม 3 ปล้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2011
  19. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เล่มสุดท้ายครับ ข้อมูลใหม่จากผู้บูชา.

    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    ดาบเทพศัตราวุธ หลวงพ่อเ้ดิม วัดหนองโพ

    บรมครูสองอาจารย์ใหญ่ปลุกเสกครับ หลวงพ่อเดิม และ หลวงพ่อรุ่ง

    ...

    วิธีการบูชามีดหมอที่ให้เกิดอนุภาพสุงที่สุด

    บางท่านอาจจะมีมีดหมอและดาบไว้บูชาที่บ้านแต่ท่านอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะบูชา อย่างทุกหลัก เพื่อให้เกิดอนุภาพสุงสุดในมีดหมอและดาบของอาจารย์ที่ได้ทำขึ้นมาครับ

    ผมขอที่จะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆครับ

    1. มีดหมอและดาบ นั้นตามตำราถือได้ว่าเป็น เครื่องรางชั้นสุง อย่างหนึ่งในประเภทเครื่องรางของขลัง เลยที่เดียวครับ การที่เราจะเสาะหาบูชาแล้วนำมาบูชาที่บ้านเรือน เราจะ ต้องอราธนาบอกกล่าวหรือทำพิธีรับเข้ามาในบ้านเรือนของเราก่อนอื่นเป็นอันดับแรก เพื่อที่ป้องกันสิ่งอัปมงคล ไสยเวทย์มนต์ดำ และในการช่วยรักษาอาการต่างๆนั้น ก็จะต้องมีวิธีการอาราธนาบอกกล่าวต่อบูรพาจารย์ผู้ที่จัดสร้างหรือทำมีดหมอนั้นแล้วถึงได้กระการได้ตามที่บอกกล่าวไป
    แต่ในยามที่เก็บไว้เฝ้าบ้านเรือนนั้นถ้าเป็น มีดขนาดเล็กที่มีปลอกจึง ควรดึงใบมีดออกจากฝักอยู่เสมอประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้พลังอำนาจพุทธคุณ บูรพาจารย์ที่สร้าง มีดหมอและดาบจะแผ่บารมีปกป้องบ้านเรือนและบุคคลในครอบครัว

    2. มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ ที่มีฝักและไม่มีฝัก การจัดสร้างตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์จะแบ่งได้ 2 ประเภท ครับ

    2.1 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่มีฝัก ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว ในยามหมู่ศัตรูที่จองมาทำร้าย เป็นการทำลายอาคมหรือถอนอาคมของบุคคลนั้นๆให้สิ้นไป เป็นการป้องกันตัวโดยแท้

    2.2 มีดหมอและดาบขนาดใหญ่ที่ไม่ทำฝัก ตามตำราโบราณที่บูรพาจารย์สร้างขึ้นมาไว้เฝ้าบ้านเรือน การสร้างยิ่งมีความยากมากที่จัดสร้าง เป็นการตั้งป้องกัน ไสยเวทย์ คุณไสย มนต์ดำ สิ่งอัปมงคล ต่างๆ ซ้ำต้องลงพระคาถาสำทับในการทำลายอาคมหรือถอนอาคมผู้ที่บุกลุกเข้ามาในบ้านเรือนที่มีอาคมแก่กล้าอีกด้วย
    สำหรับวิธีอาราธนาใช้นั้นคือ ในสภาวะปกติให้ท่านเก็บคมมีดลงเพื่อให้มีดหมอ(หรือดาบ)น้อมนำนำพาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเสริมสร้างความร่มเย็นให้กับครอบครัวและเสริมบารมีให้กับผู้ที่บูชา
    แต่ในยามที่ท่านบังเกิด ความรู้สึกในจิตใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายจะเข้ามาแผ้วพาน ตำรากล่าวไว้ว่าให้ท่านอาราธนาบอกกล่าวแล้ว ยกมีดหมอหรือดาบเอาด้านคมหงายขึ้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้นๆโดยอาศัยอำนาจพุทธคุณชั้นสุงของมีดหมอหรือดาบของบูรพาจารย์ให้ช่วยขับไล่ขจัดออกไปให้สิ้นซาก
    (หมายเหตุ ผู้ที่บูชาจะรับรู้ความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยพุทธานุภาพของมีดหมอและดาบได้)


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ดาบเทพศัตราวุธ หลวงพ่อเ้ดิม วัดหนองโพ

    สนใจโทรมาซิครับ 0827893576

    ข้อมูลผู้ประมูลได้ไปอีกเวบหนึ่งครับ

    วันที่ส่ง : 2011-03-09 13:56:17

    ข้อความ : ผมจะโอนเงินให้พรุ่งนี้
    เล่มนี้เป็นของหลวงพ่อเดิมสร้างไว้129เล่ม
    พ.ศ.2480ให้ทำบุญ59บาทแต่ไม่ได้ให้คนทั่วๆไปบูชา
    และไม่ได้เน้นกำไรเนื่องจากมีผู้มาขอให้ท่านสร้าง
    และนำเหล็กมาให้ซึงสามารถตีดาบได้129เล่ม
    ในวาระนั้นและสร้างเพียงครั้งเดียวไม่ได้ทำเรื่อยๆเหมือนมีดปากกาผู่ที่มาขอให้สร้างเป็นผู้ต้องใช้อาคม
    ในการปราบผี สัปเหร่อ และ มักทายกค์ ตลอดจน
    พระสงฆ์บางรูปที่ศรัทราหลวงพ่อเดิมและต้องสงเคราะห์ชาวบ้านต้องใช้เวทมนต์คาถา คนกลุ่มนี้
    หลวงพ่อจึงมอบให้ แต่เรื่องการที่หลวงพ่อรุ่งรวมการปลุกเสกด้วยนั้นข้อมูลของคุณถูกต้อง ลักษณะมีดในยุคต้นๆ คงสร้างในลักษณะเดียวกันหมด ตามตำราเดียวกัน เล่มนี้ผมกะว่าจะสู้มากกว่านี้ไม่ต่ำกว่า ....... บาท แต่บังเอิญว่าผู้ร่วมประมูลคิดว่าเป็นของหลวงพ่อรุ่งตามที่คุณให้ข้อมูลไว้เลยถอดใจ


    ขอบพระคุณมากครับในข้อมูลที่ทรงคุณค่ามากๆครับ

    เหลืออีกเล่มสุดท้ายที่จะแบ่งกันได้ครับ ด้าม 3 ปล้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2011
  20. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    สวยใหมครับ


    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กล้องไม่ดีถ่ายไม่เป็นครับ ตัวจริงสวยๆๆๆๆมากๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...