สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ช่วยตอบหน่อย ^-^
     
  2. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ตอบแบบแว๊ดนะ

    จิตเรานี้แหระ จะบอกเอง ไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องให้ใครรับรอง จิตเขาจะบอกเองเจ้า

    แว๊ดว่างี้นะ.....

    แต่ไงก็รอ อ่าน เหมือนเดิม
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แบบแว๊ด ปรุงแต่งตายอ่ะดิ ^-^
     
  5. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เอ้า ก็ตอบแล้วไง เอาตามเข้าใจแบบนี้อะ อันไหนใช่ก็อธิบายมาหน่อยดิ แว๊ดก็อยากรู้นี่

    ก็คนมันเข้าใจว่างี้ อีกอย่างถ้าเป็นแล้ว จะให้ใครออกใบ เซอร์.. รับรองให้ก็ไม่ได้ซะด้วย
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ถะ ถะ ถูกต้องนะคร้าบ

    คือ ปัจจุบันขณะนั้น ย่อมมี แว็ดคนเดียวที่รู้ ขณะจิตไหนก็ว่าไปนะ
    ไวแค่ไหนก็เห็นแค่นั้น

    แต่เนื่องจาก ไวแค่ไหน ก็แค่นั้น บางจังหวะจึงมีไม่รู้

    เหตุนี้จึงมี แสงอรุณสุดท้าย คือ ความไม่ประมาท ที่จะต้องมีเสมอ
    ( แสงอรุณ มี 3 ได้แก่ กัลยาณมิตรช่วยเตือน โยนิโสฯ เห็นเอาเอง
    แล้ว สุดท้ายเห็นเองก็ต้องไม่ประมาท )

    ส่วนคนอื่นๆนั้น เขาจะตามเห็นอีกที ดงั่จะปรากฏเสมอว่า พระที่
    ท่านยังดำรงค์ขันธ์อยู่ ที่มีทิพย์จักษุครรภ์ที่ใช้ดูอุปาทิได้ จะตรวจ
    ดูว่ามีอุปาทิเกิดหลังจากสิ้นลมไปแล้วหรือไม่ ถ้าหากตรวจไป
    แล้วไม่พบ ก็พึงหวังได้ว่าเข้าสู่นิพพาน เน้นนะ แค่พึงหวังได้

    ....!!!!


    สรุปกลับมาคือ ต้องไม่ประมาท
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถามใหม่นะ มันคนละประเด็น กับโสดาผลนะ แต่ถามประมาณว่า แยกย่อย ล่วงรู้ได้อย่างไร เอาอะไรมาเทียบมาวัด ว่าได้เอกพีซี โกลังโกละ หรือสัตตักขัตตุปรมะ ^-^
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    :VO
    คุณjinny95 เราเทียบอารมณ์ของพระโสดาบันในสมัยที่บรรลุธรรมใหม่ ๆ

    จากหนังสือกรรมทีปนี แล้วเอาตนเองโยโสมนสิการ

    การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น
    ทำในใจโดย<WBR>แยบคาย ก็ได้คำตอบว่าบรรลุเอกพีซี

    เอกพิชีโสดาบันเป็นพระโสดาบันที่ฉลาดที่สุด ในบรรดาพระโสดาบันด้วยกัน

    คือ โกลังโกละ และ สัตตักขัตตุปร<WBR>มะ

    ทำให้เรามีความกำลังใจความเพียรเผ่ากิเลสให้เล่าร้อน
    และแยกกายทำลายเชื้อของสังโยชน์ ที่เรายังไม่ได้ละ

    หนังสือกรรมทีปนีได้บอกกล่าวไว้ว่าเอกพิชีโสดาบันถ้าทำกิเลสไม่หมด
    ก็จะต้องกลับมาเกิดอีกชาติแล้วถึงจะสำเร็จพระอรหันต์

    แต่เอกพิชีโสดาบันถ้าไม่ประมาทก็จะมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
     
  9. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ในเวปนี้มีอ่าน ของหลวงพ่อฤาษี ท่านแจงไว้แล้วว่า ถ้าเป็นเอกซิพี โลกะโลกัง หรือสัตตักขัตตุปรมะ นี่อะ อารมณ์จะเป็นไง

    ทีนี้คนที่ได้แล้ว ก็ต้องไปพิจารณาตัวเองนะเจ้า (แต่อย่าเข้าข้างตัวเอง)

    แว๊ดเคยอ่าน ท่านเล่าว่า ตอนนั้นท่านคิดว่า ท่านได้ สกิทาคามีแล้ว แต่พระมาบอกท่านว่ายังไม่ใช่ เป็น อารมณ์ของเอกซิพี ซึ่งใกล้เคียงกันมาก แต่ไม่ใช่

    อ้อ...จำได้อีกอย่าง ท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่รู้จริง ๆ เลยว่าได้ พระท่านจะมาบอกเอง

    รายละเอียดไปหาอ่านเอานะขอรับ
     
  10. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    แหม พออ่านอันนี้ปุ๊บ นึก ถึง อะไร บางคน ทันที

    จะบอกว่า แว๊ดมันก็พอรู้ว่ามันปรุง ก็จะเข้าข้างตัวเองนะนี่ อิอิ
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    แว๊ดผมจะเปลื้องความสงสัยให้ดู

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้วเพียงใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.

    หมายความว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าจะต้องผ่าน การกลั่นกรองกิเลส

    ตามลำดับได้ ๔ คู่ ได้แก่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล เป็นที่ ๑

    สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล เป็นคู่ที่ ๒ อนาคามิมรรค อนาคามิผล เป็นคู่ที่ ๓

    อรหัตตมรรค อรหัตตผล เป็นคู่ที่ ๔ ถ้านับเรียงโดยบุคคลได้ ๘ บุคคล คือ

    ๑.โสดาปัตติมรรค ๒. โสดาปัตติผล ๓. สกทาคามิมรรค ๔. สกทาคามิผล

    ๕.อนาคามิมรรค ๖. อนาคามิผล ๗. อรหัตตมรรค ๘. อรหัตตผล


    อรหัตตผล หมดจดดีแล้ว
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเรา ในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดดีแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.


     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    วันนี้ ผมบริจาค เงิน ผ้าป่า 84000 กองไปที่บัญชีหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน
    กุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้สร้าง ตึกผู้ป่วยสงฆ์ บูชาคุณ หลวงตามหาบัว ขอเพื่อนสมาชิกจงรับบุญนั้นทั่วหน้ากัน เทอญ
     
  13. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ[​IMG]
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    "อัตตาบุญ" ก็ทำไปเถิด! ยังดีกว่าพวกที่ยังไม่ได้ทำบุญไว้บ้างเลย "อัตตาบุญ" ทำให้เกิดใหม่ในภพ-ชาติ-เกิดแก่เจ็บตายเท่านั้นเอง ทำบุญก็ได้บุญอย่างนั้นแหละ "อนัตตาบุญ" ก็ทำไปเถิด เพราะว่า "อนัตตาบุญ" มีสติปัญญาฉลาดขึ้นมาหน่อย รู้จักการปลงบุญ ปล่อยวางบุญบ้าง รู้บุญไม่เที่ยง อย่าไว้ใจบุญมากนักเลย ฉันจะบอกเอาบุญ "สุญตาทาน"ก็ทำไปเถิด สาธุ! เป็นทานของนักปราชญ์ ที่สูงสุดยอดของทานทั้งปวง เป็นทานที่ดับทุกข์แต่หัวทีเวลาต้น, เวลาที่เริ่มทำ, เวลาลงมือ "สุญตาทาน"
     
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถ้าได้เป็นพระสูตรจะดีมากเลยครับ ^-^
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ รู้จัก การบริจาคไหม คุณกลับไปอ่านซิว่าผมกล่าวว่าอะไร ผมกล่าวว่าบริจาคบูชาคุณ หลวงตา เพื่อเป็นตึกสงฆ์ เอาไว้เป็นบวรในพระศาสนา

    อีกประการหนึ่ง การเอาบุญมาบอกก็ไม่ได้หมายถึงอัตตาบุญ เพราะคนที่อนุโมทนาบุญนั้น จิตใจเขาจะแช่มชื่น

    มันไม่ต่างอะไรกับให้น้ำหวานคนกระหายน้ำ ส่วนคนที่ไม่กิน แถมยังออกมาอวดดีอวดรู้นี้ มันประเภท ไม่เข้าท่า

    เคยเห็น ขอทานอวดดีไหม ให้เิงิน หนึ่งบาทมันมองเราอย่างดูถูก นั่นแหละ อย่าเป็นแบบขอทานอวดดี
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    สาธุครับ [​IMG][​IMG]
     
  18. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    โห... พี่ พระสูตรต้องถามคนอื่นคั๊ป แว๊ดไม่รู้ แต่ถ้าจะหาอ่านง่าย ๆ ก็ในเวปนี้เลยคัป ในห้องอภิญญา พี่ ๆ คลิกดูเต๊อะ แว๊ดขี้เกียจหา ;aa27

    ในวีดีโอ ก็มีที่หลวงพ่อฤาษี ถามตอบอะ มีความรู้แทรกเยอะเลย สนุกด้วย แต่อันเก่า ๆ เขาลบทิ้งไปแล้วมั้ง แว๊ด ก็จำ ๆ มาจากวีดีโอที่หลวงพ่อท่านตอบคำถามอะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2009
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    นับอย่างไรได้สามรอบ ^-^

    ขอบคุณครับที่กรุณาตอบ แต่ผมมีเหตุผลส่วนตัวที่อยากได้เป็นพระสูตร ^-^
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    จินนี่ลองไปค้นหาในพระไตรปิฏกดูนะครับ
    กรรมทีปนีมัน ลางเลือนมากสำหรับผมในขณะนี้

    นับอย่างไรได้สามรอบ



    สัจญาณนี้ เกิดขึ้นในปริวัฏแรกรอบหนึ่ง ยังไม่มีภาคปฏิบัติใดๆ เพียงหยั่งรู้อริยสัจ ๔ เห็นตรงสภาพความจริง จึงจัดอยู่ในภาคทฤษฎี




    กิจญาณ หยั่งรู้กิจ คือหยั่งรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าควรทำอย่างไร เห็นว่าควรปฏิบัติต่อทุกข์ด้วยการกำหนด สมุทัยด้วยการละ นิโรธด้วยการทำให้แจ้ง มรรคด้วยการเจริญ กล่าวคือ ทุกข์ พึงกำหนดรู้ ( ปริญฺเญยฺยํ ) สมุทัย พึงละ (ปหาตพฺพํ ) นิโรธ พึงทำให้แจ้ง (สจฺฉิกาตพฺพํ ) มรรค พึงเจริญ ( ภาวิตพฺพํ ) ซึ่งวางการปฏิบัติตรงสภาพของความจริงของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในแต่ละประการนั้น




    กิจญาณนี้ เกิดขึ้นในการปริวัฏรองรอบสอง ยังไม่เกิดผลปฏิบัติใดๆ เพียงรู้ว่าควรปฏิบัติตรงต่ออริยสัจ ๔ ตามสภาพความเป็นจริง จึงจัดอยู่ในภาคปฏิบัติ




    กตญาณ หยั่งรู้การทำสำเร็จ คือหยั่งรุ้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าได้ทำสำเร็จแล้ว เห็นว่าได้ปฏิบัติต่อทุกข์ด้วยการกำหนดรู้ สมุทัย ด้วยการละ นิโรธด้วยการทำให้แจ้ง มรรคด้วยการเจริญ กล่าวคือ ทุกข์ก็รู้แล้ว ( ปริญฺญาตํ ) สมุทัยก็ละแล้ว (ปหีนํ ) นิโรธก็ทำให้แจ้งแล้ว (สจฺฉิกตํ ) มรรคก็เจริญแล้ว (ภาวิตํ )



    กตญาณนี้เกิดขึ้นในปริวัฏหลังรอบสาม มีผลปฏิบัติเกิดขึ้นบริบูรณ์เปี่ยมด้วยญาณทัศน์ที่บริสุทธิ์ ไม่แปรกลับกำเริบอีก จึงจัดอยู่ในภาคผลปฏิบัติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...