สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรามีอินทรีย์อ่อน รู้ว่ามีอินทรีย์อ่อน
    รู้ได้แค่ไหน ก็รู้ว่ารู้ได้แค่ไหน
    แล้วเพียรให้มีอินทรีย์แก่กล้าขึ้น ด้วยเดินตามมรรค ที่ถูกที่ตรงทาง
    ถ้าสติไว สมาธิมั่นคงแก่กล้าตั้งมั่นได้ดี ก็คงจะเห็นได้ไวกว่านี้
    ตอนนี้ ทำได้แค่นี้ รู้ตัวได้แค่นี้ ก็เพียรให้รู้ตัวให้มากๆขึ้นไป
    สิ่งที่กระทำออกไปแล้ว มันเป็นนายเรา เป็นกรรมของเรา
    เราก็เลือกหน่อยว่าจะทำกรรมกับใคร จะได้เกิดเป็นกรรมดีมากกว่ากรรมไม่ดี
    เลือกทำกรรมกับบัณฑิต บัณฑิตย่อมพาไปหาผล
    เลือกทำกรรมกับคนพาล อาจมีพากันไปนรก

    แต่หลงทำกรรมไปแล้ว เห็นท่าจะไม่ดีสติมารู้สึกตัว ก็จะหยุดทำกรรม ก็เท่านั้นแล
     
  2. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ศีล เพื่อ กัน ไม่ ให้ ประพฤติสิ่งที่ส่งผลเศร้าหมอง

    สมาธิ เพื่อ ไม่ให้ จิต ใจ กระจายไป แต่ รวม เป็น หนึ่ง และ มี กำลัง จดจ่อ ใน สิ่ง หนึ่ง

    ปัญญา คือ ความรู้ชัด แต่ รู้ ชัด ใน เรื่อง ไหน
     
  3. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เก็ท
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความคิด เป็นมายา ใจปรุงเป็นมายา
    ความรู้สึก คือของจริง ร่างกายคือของจริง สิ่งที่ดำรงเป็นเราคือของจริง
    สิ่งที่มากระทบมีทั้งมายาและของจริง พอกระทบแล้วเรารับรู้คือความจริง สิ่งที่เกิดต่อมาคือใจปรุง

    พูดตามทฤษฎี ที่เราอ่านมาแล้วเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ กำลังทดสอบและเรียนรู้ความจริง อยู่ [​IMG]
     
  5. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ทำได้แต่ยังไม่ใช่มรรค เป็นการทำความดีสะสมบารมีได้ เพียรไปที่เนกขัมมะภาวนา จะดีกว่า ^-^
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็คน ทั่วไปก็ประพฤติ มรรคได้ แต่มันจะไม่ใช่อริยมรรค คือ รู้แจ้ง ละเอียด ตรง
    ก็ปัญญาที่รู้ชัดว่าอันใดคือ ทางตรง และ ถูกต้อง ลงสุ่พระนิพพาน นั้น ปุถุชนยังปนเป
    แต่ถ้า ได้มรรคญาณแล้วตรงแน่ว

    ก็ต้องอบรมมองกิเลส ว่าอะไรมันเป็นกิเลสผลักดัน อะไรเป็นกุศลผลักดัน อะไรไม่ใช่การผลักดันของทั้งคุ่

    ทีนี้มันก็ต้องค่อยๆ อบรม ค่อยๆ ศึกษา โดย มีหลักอยู่ว่า อะไรก็เป็นไตรลักษณ์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น หัวใจแห่งการมองมันอยุ่ตรงนี้

    สภาวะใด ๆ ก็ตามที่ติดอยู่กับตน ไม่ว่าจะสงสัย ไม่ว่าจะสบาย มองให้มันเห็นเป็นไตรลักษณ์ คือ มันไม่ได้อยุ่กับเราตลอด
    อบรมให้เห็นแบบนี้ ในทุกๆ สภาวะ แล้วเราจะละเอียดขึ้น จิตเราจากที่แบกของหนัก มันจะเบา เพราะว่า ตัวจิตโง่ที่แบกไว้นั้นเราก็เห็นเป็นไตรลักษณ์แล้ว เราปล่อยๆ ก็จะเหลือแต่ ตัวรุ้ หรือ ตัว 0 ตัว 0นี้เอาไปใช้กับอะไรมันก็เบา มันก็มีกำลัง

    สำคัญนะ คอยสังเกตุแล้วอบรม พิจารณาว่า ที่ค้างอยู่ ที่รุ้สึกอยู่นี้ เป็นไตรลักษณ์อย่างไร บางคนหลงอยู่ วางไม่เห็นได้ ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่า ที่มันติดกับเราอยู่นี้เพราะอะไร ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นมี อยุ่ดีๆ มีได้อย่างไร สืบสาวราวเรื่องไป ให้เห็นมันเป็นไตรลักษณ์ให้ได้ ทีนี้จึงจะฉลาด พอมันเข้ามาปั๊บดับพร้อมไปเลย ไม่ติดไม่เกี่ยว นี่แหละ เรียกว่า อริยมรรค อริยผล
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สภาวะทางจิต จะค่อยๆ เบาไปเรื่อยๆ จนถึงพระนิพพาน คือ ว่าง ไม่มี แต่มี
    ทีนี้ จะเอาว่างนั้นมาเป็นภพ ก็ไม่ได้ มันว่างไปหมดจะไปเอาอะไรมาติดมาเกาะหละ

    นี่แหละ ดูสังเกตุว่า ตอนนี้เรามีอะไรติด แม้รุ้สึกอะไรหน่อยหนึ่ง ก็เรียกว่าติดแล้ว มองตัวนั้นแหละให้เห็น ไตรลักษณะ ของความรุ้สึกนั้น แล้วปล่อยให้ได้ ค่อยๆ ถางกิเลสตัวโง่ทีละชั้นๆ จนหมด คราวนี้จะไม่มีตัวไม่มีตน จะว่างไปหมด นั่นแหละนิพพาน
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มรรคญาณ จะแจ้งในทาง พอได้ผลญาณ ผลญาณนี้จะทำให้เราเห็น พระนิพพานแว็บหนึ่ง
    แล้วจิตเราจะเอาตัวโง่ออกไปอีกโข แล้วตั้งอยู่เป็น คนที่เอาทุกข์ออกไป 3 ส่วน ตัวจะเบาอยู่
    ตัวเบาอยู่นี้จะตั้งอยู่อย่างนั้น คือ ไม่มีตัวโง่ แต่มีตัว จิต ที่ยังปรุงไปทาง ราคะ โทสะ มันก็ทุกข์ในส่วนนั้นไป
    ก็ พอไม่มีตัวโง่ มันจะเกิดอะไรกับเรา เราก็เห็นเป้นไตรลักษณืหมด ไม่ต้องวิ่งแก้ วิ่งไข
     
  9. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ท่าน ขัน ท่าน ขัน

    ถ้า ไม่ มี โมหะ แล้ว

    ทำ ไม ยัง อยาก อยู่ ครับ

    ทำ ไม ยัง มี โกรธ มี ชอบ อยู่ ครับ
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อ้างรับความผิดชอบกับสิ่งที่โพสไปทุกตัวอักษร

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิมุตติ [​IMG]
    เสริมต่ออีกหน่อยนะครับ
    หลักการเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ใครๆก็ทราบดี ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
    ประเด็นมันอยู่ที่ว่า มันเข้าถึงจิตถึงใจได้แค่ไหน
    มายานี่แหล่ะ รู้ทั้งรู้ ก็ยังหลงไปได้ หุๆๆๆๆ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sriaraya5 [​IMG]
    ถูกต้องแล้วคับ

    เสริมอีกนิดนะคับ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง

    ล้วนไม่มีตัวตนอยู่จริง ที่เห็นอยู่ก็แค่มายา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    sriaraya5.
    ธรรมะเมื่อเข้าไปอยู่กับพระอริยะเจ้า จัดว่าเป็นธรรมแท้
    ไม่กลับคืนไปเป็นปุถุชนคนหนาแน่นไปได้อีก เพราะจิตได้ดวงวิมุตติแล้วครับ คุณวิมุตติ

    คุณวิมุตติ ธรรมะเมื่อเข้าไปอยู่กับผู้ที่มากไปด้วยกิเลส ก็จัดว่าเป็นธรรมเทียมเท็จ ยังเป็นของปลอม สามารถมีได้เสื่อมได้คุณวิมุตติ
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณโชฯ คุณให้ผมพิจารณา
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เราต้องยอมรับก่อนว่าคนเราทุกคนนั้นเป็นรูป+นามที่เราเรียกโดยรวมว่าขันธ์๕
    โดยที่ทุกๆรูป+นามนั้นต้องมีจิตครองเท่านั้นจึงยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้
    ถ้าไม่มีจิตครองแล้ว ก็เป็นเพียง ต้นไม้ใบหญ้าก้อนหินดินทรายเท่านั้น
    คุณต้องหัดเรียนรู้เรื่อง
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณศรีฯ
    "เสริมอีกนิดนะคับ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง

    ล้วนไม่มีตัวตนอยู่จริง ที่เห็นอยู่ก็แค่มายา"

    ธรรมะเมื่อเข้าไปอยู่กับพระอริยะเจ้า จัดว่าเป็นธรรมแท้


    ***************

    ที่ว่าเป็นธรรมแท้มีอยู่จริงมั้ยครับ? หรือเป็นเพียงแค่มายา?
    เมื่อจิตวิมุตติหลุดพ้นแล้วยังอยู่เป็นที่พึ่ง ที่อาศัยหรือเปล่า?

    ;aa24
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ธรรมแท้ เกิดจากใจแท้ เกิดจากใจนิพพาน
    ดังนั้น เมื่อใจนิพพานแล้ว ก็มีธรรมแท้ทั้งหมด

    ใจที่วิมุตติแล้ว ไม่ต้องการที่อยู่
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เมื่อสลายธรรมภูตจิตภูตแล้ว

    จะหาสมมติวิมุตติมาจากไหน
     
  16. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    บ่ายวันหนึ่ง หลวงพ่อเดินไปพบหลังคากุฏิตกลงมา จึงถามว่า "เอ... นี่กุฏิใคร?"
    "กุฏิผมเองครับ" พระรูปที่กำลังฝึกปล่อยวาง กราบเรียน

    "หลังคาตกลงมากองอยู่นี่ ทำไมไม่ซ่อมแซมมันล่ะ?"

    "ก็หลวงพ่อสอนให้ปล่อยวางไม่ใช่หรือครับ ผมก็เลยไม่สนใจมัน" พระรูปนั้นตอบ แล้วนึกสงสัย จึงเรียนถามท่านอีกว่า "ผมไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางถึงขนาดนี้ ยังไม่ถูกหรือครับ?"

    "การปล่อยวางไม่ใช่เป็นอย่างนี้ ที่ท่านทำอย่างนี้ เรียกว่าปล่อยทิ้ง เป็นลักษณะของคน ไม่รู้เรื่อง ฝนตกหลังคารั่ว ต้องขยับไปทางโน้น แดดออกขยับมาทางนี้ ทำไมต้องขยับหนีล่ะ ทำไม ไม่ปล่อย ไม่วางอยู่ตรงนั้น"

    หลวงปู่ชา
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในทางกลับกันผมก็มีเรื่องเล่าคล้าย ๆ กัน
    มีผู้ทรงธรรมท่านหนึ่ง ปล่อยให้ยักเยื่อยักไยทำรัง
    ให้เป็นที่รำคาญกับเพื่อนนักปฏิบัติ ผู้ที่ได้พบเห็น ถึงกับแซวท่านว่ารู้จักปัดกวาดเซ็ดถูบ้างท่าน

    ท่านยิ้มและก็ตอบผมหมดแล้ว แต่ใจท่านซิเต็มไปด้วยการสับสนทางความคิด
    พันกันยุ่งกว่ายักเยื่อยักไยที่ทำรังในกุฏิผมเสียอีก ประวัติผมเอง
     
  18. ร่มโพธิ์

    ร่มโพธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,952
    เมื่อโอภาสเกิดขึ้น...เงาย่อมติดตามเสมอ
    เมื่อปัญญาเกิดขึ้น...วิมุตติ...แค่คืบ......
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จริงๆ คุณ haha จะบอกว่าทำไมผมยังมีโกรธอยู่ ไม่ถูกต้อง เพราะผมไม่มีโกรธโดยปกติแต่ผมละไม่ได้ จิตใจมันยังปรุงไปทางโกรธได้
    เข้าใจไหม เช่นว่า ธรรมดาหุบปากอยู่ แต่เวลามีอะไรผ่านตามาแล้วปากหุบไม่ได้ ต้องสอดแทรก หยุดปากตัวเองไม่ได้ นั่นแหละ เขาเรียกว่ายังละไม่ได้ แต่ถ้าละได้แล้วอะไรจะผ่านไปมันก็ไม่ทำให้ใจกำเริบ

    เช่น สักกายทิฎฐิ ก็คือ อะไรผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูกลิ้น กายใจ แล้วจะหลงคิดว่ามันตั้งอยู่มันมีอยู่จริง ใครด่าเราก็เอาไปคิดเป็นวรรคเป็นเวร นั่นแหละคือ สรรพสิ่งตั้งอยู่ เป็นจริงเป็นจัง

    วิจิกิจฉา นี้ คือ อะไรผ่านเข้ามาทาง ตา หูจมูกลิ้นกายใจของเรา มากระทบเราแล้วเราเกิดกังวล ลังเล สงสัยว่า ทำไมมันเป็นแบบนั้น ก็ที่ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนั้นเพราะว่า ยังสาวไปไม่ถึงอวิชชา คือ ปัจจยาการที่แท้จริงของมัน มันก็สงสัย ในสิ่งที่เกิดไปแล้ว สงสัยในสิ่งที่อยู่ในอนาคต สงสัยในสิ่งที่ครุ่นคิด ต่างๆ นาๆ ไปหมด

    ทีนี้ การละสิ่งเหล่านี้ได้ เป็นอย่างไร และ ทำอย่างไร ก็ต้องอบรมจนเห็นจริงเห็นจัง ในสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตตน ย้ำนะ ว่า ที่เกิดกับใจตน จนมันมีความรู้ประจักษ์ ชนิดว่าลงให้กับธรรมว่า สรรพสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ ทั้งหมด แม้กระทั่งตัวที่เราคิดว่ามันไม่ใช่มันก็ใช่ เพราะเราได้เห็นเองแล้ว ไม่ใช่จากคิดเอา จิตจะยอมรับ การละทิ้งตัวตนลงไปทั้งหมด

    ทีนี้มันเป็นอย่างไร มันก็นึกสมเพชวิถีที่ผ่านมาทั้งหมด มันนึกสมเพชเวทนาว่า คนอวดรู้อวดเก่ง นี่เป็นขี้ข้ากิเลสชัดๆ มันก็เห็นว่า สมเพชคนแต่ละชาติ เกิดมาตายเปล่า

    เรียกง่ายๆ ว่าสมเพชไปหมด เห็นแล้วทุเรส นั่นแหละ ตรงนี้แหละ นิพพิทาญาณเกิด มันหน่ายมันสังเวช มันเห็นความไม่จีรัง จนจิตใจมันหน่าย มันไม่เอาแล้วกับความไร้สาระนี้

    จิตจะทิ้งตัวตนเลย คือ ตายก็เรื่องของมัน

    นั่นแหละ จิตทิ้งตัวตนได้ อะไรก็เรื่องเล็ก แต่กว่ามันจะย้อมใจด้วยปัญญาได้ ไม่ใช่ย้อมด้วยสุรานะ แต่มีจุดประสงค์คือละความกลัวความขลาดได้เหมือนกัน ดังนั้นให้ย้อมปัญญาคือ เห็นว่าความตายเป็นเรื่องเล็ก ทุกเรื่องจะเล็กหมด
     
  20. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ทั้ง หมด ทั้ง สิ้น น่ะ ครับ

    ตุณ ขัน แสดง มา แล้ว บอก ว่า ตน ทำ เอง เห็น เอง สำ เร็จ แล้ว

    แต่ ครับ แต่

    แค่ ความ หมาย คุณ ยัง ไม่ ยอม รับ

    อหังการ และ มนังการ ของ คุณ มัน ยิ่ง ใญ่ และ เป็น สิ่ง ปิด กั้น สัจธรรม ที่ แสน จะ ธรรมดา ทั่ว ไป

    เข้า ข่าย เป็น พระ ถึง ปาราชิก นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...