"สวดพระ" เซียน...มีสิทธิ์กระอักเลือด !

e20ehq · 11 พฤศจิกายน 2009

สมัยก่อน การพิมพ์หนังสือ สื่อต่างๆ ยังไม่เจริญ เขาก็สร้างพระมาเพื่อใช้เตือนสติ
สมัยนี้ กลับเอามาเป็นเครื่องทำมาหาเลี้ยงชีพ

ถ้าใช้ปัญญาสักนิด ชีวิตก็คงจะไม่วุ่นวายกันเช่นนี้
เห็นคล้องพระสมเด็จ ก็ยังตายเลย บางคนมีพระราคาแพงๆ ก็ยังต้องมานั่งหวาดระแวงกลัวคนจะแย่งเอาไป

phoophar · 11 พฤศจิกายน 2009

อนุโมนาครับ..

ครูพระ · 11 พฤศจิกายน 2009

ตอนที่เค้ายัดกรุกัน ไม่ทราบคุณโยมอยู่ในตอนที่เค้ายัดกรุกันหรือเปล่า มีหลักฐานอะไรหรือเปล่าว่าพระสมเด็จขุนอินทร์ฯ ไม่ใช่สมเด็จโตสร้าง อย่านำข้อความที่พาดพิงมาลงมันจะทำให้ทางวัดเค้าเสียหาย และทำให้คนอื่นเค้าเข้าใจผิดๆ นักวิจารณ์หรือนักเขียนควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง อย่าทำให้แบ่งกันเป็นสองพวกสองกลุ่ม แค่นี้ประเทศเราก็แย่กันอยู่แล้ว ขอให้หยุดแค่นี้เถอะ จงเดินอยู่บนทางสายกลาง เจริญพร
(ความคิดเห็นส่วนตัว ควรปิดกระทู้นี้เพื่อไม่ต้องมีการถกเถียงกันอีก ขอให้ท่านผู้แลบอร์ดช่วยพิจราณาด้วย เพราะบทความที่นำมาลงไม่มีข้อสรุปที่หาข้อยุติได้ เป็นการพาดพิง ของบุลคลที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน)

wasabi san · 11 พฤศจิกายน 2009

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cuser%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cuser%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cuser%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]การเขียนบทวิเคราะห์เชิงวิจารณญาณ มิได้ส่งผลในทางบวกหรือทางลบแต่ประการใด(ใช้วิญญาณเป็นตัวรู้ธาตุรู้+สัญญาคือความจำได้หมายรู้) เป็นการสร้างปัญญาทางการศึกษาอย่างมีหลักการ ไม่หลงงมงายไปตามกัน เป็นการเตือนสติให้รู้จักใช้ความคิดเชิงวิจารณญาณ <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ใครจะรับผิดชอบพระปลอมที่มีคนสร้างขึ้นแล้วปั่นกระแสจนคนหลงเชื่อ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]หากรู้ว่ามีใครยัดกรุทำพระพุทธศาสนาของเราต้องเสื่อมเสีย รู้วันเวลาที่แน่นอน ไม่ต้องเป็นผมหรอก พุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาก็คงไม่ปล่อยเอาไว้เป็นแน่ [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ผมต้องรบกวนคุณครูพระช่วยไปหยุดพวกทำพระปลอมให้ผมดูก่อน หากพวกทำพระปลอมเค้าเชื่อคุณ เค้าเลิกทำพระปลอมกันแล้วทั่วประเทศ ผมจะไปกราบเท้าโดยไม่มี มานะทิษฐิแต่ประการใด เราเป็นคนพุทธ เรามีสัจจะ เราต่างเป็นผู้เจริญในธรรมในศีล ย่อมเกรงกลัวบาปกันทั้งสิ้น ต้องการพระนิพพานเป็นที่สุด[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]อย่างตอนองค์พระจตุคามรามเทพ มีใครรับผิดชอบต่อสังคมบาง กลุ่มทุนก็รวยไป ชาวบ้านทุกบ้านหลงกลไกลทางการตลาด ต้องเสียทรัพย์ เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ หวังรวยทางลัด [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]หลังกรณีนี้ผมเชื่อว่ายังมีผู้เสียผลประโยชน์ ผู้ได้รับผลประโยชน์อีกมาก ที่ต้องสร้าง [/FONT][FONT=&quot]Product [/FONT][FONT=&quot]ใหม่ ถ้ามันเกิดหมายถึงเงินทองมหาศาล แต่ไม่สนใจความถูกต้อง ความสูญเสียที่เกิดกับสังคมของเรา[/FONT]
ขอขอบคุณคุณครูพระที่ร่วมสร้างความรู้ให้ผู้อื่น บางคำอาจแรง แต่เราก็คนพุทธด้วยกัน หากได้ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ ขออโหสิกรรม นับแต่บัดนี้ จนเข้าพระนิพพาน และจงงดโทษต่อกันและกัน สาธุ

[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

ครูพระ · 13 พฤศจิกายน 2009

<object id="ieooui" classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D"></object>พระสมเด็จกรุขุนอินทประมูล ประวัติศาสตร์ที่พร้อมรอการพิสูจน์ <o></o>
ความเป็นจริง ก็คือ ความจริงที่เป็น มิใช่ ความจริงที่ตาย เพราะ ความจริงไม่มีวันตาย <o></o>นิยาย มีทั้งเรื่องจริงและที่มิใช่เรื่องจริง อยู่ที่ผู้นำเสนอจะนำเสนอจากเค้าเรื่องที่มีมูลความจริง<o></o>หรือไม่มีมูลความจริง <o></o>พระกรุขุนอินทประมูล ได้เริ่มแตกกรุออกมาในยุคแรกๆ นับเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี มาแล้ว ระหว่างปี<o></o>ีพ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๕๑ หลายๆท่าน อาจจะเกิดความงงและสงสัยว่าเอ๊ะ....ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ซึ่งมันก็มิใช่เรื่อง<o></o>แปลกที่ท่านและคนอื่นๆอีกกว่า ๖๐ ล้านคนจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใดๆเลย เพราะพระกรุขุนอินทประมูลที่ได้แตกกรุ<o></o>ออกมานั้นเกิดจากการแอบขุดของคนบางกลุ่ม โดยการขุดตรงบริเวณด้านหลังกึ่งกลางองค์หลวงพ่อพระใหญ่ ซึ่ง<o></o>เป็นพระนอนที่มีความยาว ๒๕ วา ของวัดขุนอินทประมูล โดยหัวหน้าขบวนการ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสถาน<o></o>บริเวณแห่งนั้นร่วมกับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีทั้งหมดไม่เกิน ๑๐ คน อันเป็นกลุ่มปฏิบัติการที่รู้เรื่องราวมาโดย<o></o>ตลอด การกระทำโดยการแอบขุดของคนจำนวนไม่ถึง ๑๐ คนนั้น กระทำการโดยการปกปิดมาโดยตลอดกว่า ๒๐<o></o>ปีมานี้จะเป็นที่ทราบโดยทั่วถึงกันกับคนอีกกว่า ๖๐ ล้านคน มันคงเป็นไปได้ยากอย่างยิ่งที่จะเห็นและรู้ได้เพราะ<o></o>การแตกกรุของวัดขุนอินทประมูล ไม่เหมือนกับวัดอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งประโคมเป็นข่าวใหญ่โตรู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง<o></o>ปฐมเหตุได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มีท่านอาจารย์ รูปหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ<o></o>เมตตากรุณาให้พระข้าพเจ้ามา ๒ องค์ เป็นพระพิมพ์สมเด็จ ท่านบอกข้าพเจ้าแต่เพียงสั้น ๆ ว่าเป็นพระกรุวัด<o></o>ขุนอินทประมูลความสงสัยใคร่ที่อยากจะรู้ความจริงก็เกิดจากเหตุที่ได้พระสมเด็จมา ๒ องค์นี้เอง ด้วยอยากรู้ว่า<o></o>เท็จจริงประการใด จึงได้เกิดการนำสืบ ค้นคว้า พิสูจน์ ทั้งด้านพยานบุคคล พยานวัตถุ หลักฐานเอกสารต่างๆ<o></o>เท่าที่จะหาได้ เพื่อนำ มาประมวลหาเหตุและผลในการพิสูจน์หาความจริง ซึ่งได้กระทำการค้นคว้าพิสูจน์มาได้ <o></o>๗-๘ ปี แล้ว จนมั่นใจได้แล้วว่าทุกอย่างที่ได้รับรู้มาเป็นเรื่องจริง และก็ต้องกราบขออภัย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผย<o></o>ชื่อเสียงเรียงนามของเหล่าขบวนการแอบขุดเหล่านี้ได้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของคนเหล่านั้น<o></o>ย้อนหลังกลับไปเมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อนนั้น วัดขุนอินทประมูลยังไม่ค่อยมีคนนิยมมาท่องเที่ยว มากราบไหว้พระมาก<o></o>มายเหมือนเช่นปัจจุบันนี้สมัยก่อนพื้นที่รอบด้านจะถูกล้อมรอบไปด้วยท้องนา รกไปด้วยป่าด้วยหญ้าไม่ค่อยมีคน<o></o>พลุกพล่าน <o></o>ส่วนการขุดที่ข้าพเจ้าสืบทราบมานั้น จะทำการขุดในยามวิกาลหรือเวลากลางคืน พอกลางวันก็จะใช้ไม้อัด<o></o>และสังกะสี ปิดปากหลุมที่ขุดโดยโช้ดินกลบทับไว้อีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้คนสังเกตเห็น ทำการขุดเช่นนี้ตลอด<o></o>เวลาที่ล่วงมากว่า ๒๐ ปี การขุดจะขุดในตำแหน่งบริเวณด้านหลังตรงกึ่งกลางองค์พระนอน ห่างจากองค์พระ<o></o>นอนออกมา ๑ เมตร หลุมกว้าง ๑ เมตรและขุดลึกลงไป ๑.๕๐ เมตร โดยขุดเจาะเป็นโพรงหรืออุโมงค์ตลอด<o></o>ตามแนวความยาวขององค์พระนอนทั้งด้านหน้าและด้านหลังตลอดรอบองค์พระจนเวลาล่วงมาถึง ตุลาคม ๒๕๔๑ <o></o>ดินชั้นบนที่เป็นฐานรองรับน้ำหนักองค์หลวงพ่อเกิดทรุดตัวเหตุเพราะดินชั้นล่างถูกขุดทำลาย ทำให้ส่วนที่เป็นปูน<o></o>ที่ฉาบก่อด้านหลังองค์หลวงพ่อ พังครูดทลายลงมาตลอดทั้งแนวทำให้องค์หลวงพ่อใหญ่ อันเป็นพระนอนศิลป์<o></o>สุโขทัยยาว ๒๕ วาหรือ ๕๐ เมตร ที่สวยงาม สง่างามและยาวที่สุดของประเทศไทยต้องพังทลายลงคงเหลือ<o></o>เพียงในส่วนของด้านหน้า ส่วนของพระเศียรและพระบาทขององค์พระเท่านั้นที่ไม่พัง<o></o>เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้เกิดขึ้นในเวลา ๑๐.๓๐ น.ก่อนเพลของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ เกิดเสียงลั่น<o></o>ดังสนั่นปานฟ้าผ่า ตรงบริเวณ องค์หลวงพ่อใหญ่ เกิดเสียงลั่นดังสนั่นดังนี้ถึง ๒ คราครั้งแรกเกิดตอนกลางวัน <o></o>เวลา ๑๐.๓๐ น. ครั้งที่สอง เกิดตอนกลางคืนเวลาประมาณ ๓- ๔ ทุ่ม ซึ่งขณะนั้นวัดมีการจัดงานมีมหรสพ <o></o>พอสิ้นเสียงลั่นดัง ครั้งที่สอง องค์หลวงพ่อใหญ่ก็ทรุดลงเป็นกองอิฐกองปูน จุดประสงค์ของกลุ่มที่ขโมยขุด ไม่ได้<o></o>มุ่งหวังขุดหาพระสมเด็จแต่อย่างใดแต่ หวังของที่มี มูลค่าสูง เช่น พระพุทธรูปบูชาแก้วแหวนเงินทองอัญมณีม<o></o>ีค่าต่าง ๆ ได้พระพุทธรูปทองคำ ก็นำไปหลอมเป็นทองแท่งแล้วนำไปขายที่ร้านทอง เพื่อทำลายหลักฐานอันนำ<o></o>มาซึ่งความผิด อันอาจจะถึงตนเองได้ <o></o>แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็หาได้หนีพ้นวิบากกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นแล้วนั้นได้หัวหน้าขบวนการที่เคยรุ่งเรืองทั้งตำแหน่ง<o></o>และฐานะในขณะนั้น ต้องมีอันระเห็จระเหเร่ร่อนไปทั่ว หาที่พำนักเป็นหลักแหล่งอันแน่นอนไม่ได้ ทรัพย์สินที่เคยมี สถานะที่เคยดำรงอยู่ก็เสื่อมมลายสลายไปสิ้น ทุกข์กาย ทุกข์ใจหาทางออกไม่พบ หมดทางต้องหันไปพึ่งพายาบ้า<o></o>ยาเสพติด เพื่อหวังให้ช่วยคลายทุกข์ในยามมืดมนหมดหนทาง ส่วนคนที่ลงมือขุดบางคน ประสพอุบัติเหตุถึงขั้น<o></o>สาหัสเกือบแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เหตุมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ไปล้ม ถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่เหยียบซ้ำ จนมอเตอร์ไซค์<o></o>และหมวกกันน็อคที่ใส่หลุดออกจากศีรษะบี้แบนพังยับเยินล้วนเป็นฝันร้ายของชีวิต ที่ชะตากรรมต้องประสพอันเกิด<o></o>จากกรรมได้ลิขิตไว้ทั้งสิ้น <o></o>การบูรณะปฏิสังขรณ์ แต่ถ้ามองหาส่วนที่ดีในสิ่งที่ไม่ดีนั้น ย่อมมีอยู่เสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นแค่เพียงเศษขยะหรือแม้แต่จากมหา<o></o>โจรร้ายเพราะอย่างน้อยประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง กับพระสมเด็จชุดนี้ก็ได้ถูกเปิดเผยขึ้นโดยน้ำมือของคนกลุ่มนี้ <o></o>นับว่าในมุมแห่งความมืดก็ยังมี ความสว่างที่ส่องให้เห็นความจริงอันเป็นประโยชน์ต่อประวัติศาสตร์ของชาติอย่าง<o></o>เอนกอนันต์ <o></o>กาลเวลาล่วงเลยมากว่า ๑๐ ปี นับจากปี ๒๕๓๐-๒๕๔๑ ความก็มาแตกเมื่อความจริงเป็นที่ปรากฏว่า ใน<o></o>วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ พระนอนที่ใหญ่และสวยงามที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย ต้องพังทลายลงทั้งองค์<o></o>จากน้ำมือของมนุษย์บางกลุ่มที่ทำการแอบขโมยขุด<o></o>ดังเอกสารสำนวนการสอบสวนที่ลงประกาศไว้ทาง นสพ.ไทยรัฐ หมายเลขข่าวที่ ๑๑-๐๑๒-p๑๙ <o></o>วันที่ ๒๒-๑๑-๒๕๔๑ หน้า ๑๙-๕ ดาว ประเภทการศึกษา ของอธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้นความว่า <o></o>ยกเลิกสร้างวิหาร:นาย<st1>ersonname productid="นิคม มูสิกะคามะ" w:st="on"นิคม มูสิกะคามะ</st1>ersonname อธิบดีกรมศิลปากร ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๐ พ.ย. ส่งไปถึงเจ้า<o></o>อาวาสวัดขุนอินทประมูล หมู่ ๓ ต.ขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ให้ยกเลิกรูปแบบรายการสร้างวิหาร<o></o>คลุมพระนอนขุนอินทประมูลที่ดำเนินการมานานและยกเลิกกรรมการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ๓ คนที่มา<o></o>ควบคุมดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากพบว่าองค์พระนอนชำรุดมากมีผู้ลักลอบขุดทำลายจนเกรงเกิดอันตราย นอก<o></o>จากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า กรรมการจากกรมศิลปากรมีส่วนร่วมกับกลุ่มบุคคลขุดทำลายองค์พระ จนพังทลายลงมา<o></o>แล้วมีการเบิกเงินเพิ่มขึ้น ทางอธิบดีกรมศิลปากรจึงสั่งยกเลิกการควบคุมก่อสร้างและให้หยุดการก่อสร้างไว้ชั่วคราว<o></o>จนกว่าจะหาวิธีบูรณะองค์พระนอนให้มั่นคงก่อนจะออกแบบสร้างหลังคาคลุมองค์พระนอนต่อไป<o></o>พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูลหลังการบูรณะปฏิสังขรณ์ <o></o>นับเป็นบทสรุปที่ชัดเจนของกลุ่มคนที่กระทำการโดยมิชอบ ส่วนรายละเอียดของประวัติที่มาที่ไปของพระ<o></o>สมเด็จกรุขุนอินทประมูลนี้ ที่จะนำเสนอทุกท่านเพื่อพิจารณาในลำดับต่อไป จะขอเปิดประเด็นที่ความเชื่อมต่อ<o></o>ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๐๙ และปี พ.ศ. ๒๔๑๐ ว่ามีความสำคัญเกี่ยวพันและสัมพันธ์ต่อกันอย่างใด<o></o> ท้ายสุดนี้ขออำนวยพรให้ทุกๆท่าน จงมีแต่ความสุขความเจริญ เป็นผู้ที่ทรงจิต ทรงในธรรม เจริญในอารมณ์์<o></o>ที่ตื่นรู้และเบิกบาน มีนิพพานเป็นบั้นปลาย ด้วยเดชะ อำนาจบารมีแห่งองค์สมเด็จพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี<o></o>
ครูพระ
<o></o>ข้ารับใช้แห่งองค์สมเด็จ(โต) <o></o>
อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก<o></o>
ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา<o></o>
ถวายแผ่นดินให้เป็น พุทธบูชา<o></o>
แด่พระศาสดา สมณะ พระพุทธโคดม<o></o>
ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี<o></o>
สมณะพราหมณ์ชี ปฏิบัติ ให้พอสม<o></o>
เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม<o></o>
ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา<o></o>
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า<o></o>
ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา<o></o>
พุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา<o></o>
<o></o>
โยมวาซาบิ สิ่งที่โยมคิดและทำในสิ่งที่ดีอาตมาขอชื่นชม แต่การลงข้อความพาดพิงของโยมมันไม่ถูกต้อง คนชาวจังหวัดอ่างทองเค้าจะคิดยังไงกับโยม (หวังว่าคงเข้าใจ) อาตมา มาเตื่อนโยมด้วยความหวังดีนะ เพราะไม่อยากเห็นโยมตกนรก ถ้าโยมมีเจตนาที่ดีต่อสังคมไทย ก็ต้องใช้วิจารณญาณให้ถูกสมกับสิ่งที่โยมพูดไว้ว่ามีครูมีอาจารย์ คนเราต่างความคิดจะมาให้เชื่อตามโยมคงลำบาก อย่าดูถูกวัด อย่าหมิ่นประมาทพระ เพราะของทุกอย่างย่อมมี 2 คู่กันตลอด หวังว่าโยมคงเข้าใจนะ่ อตฺตา หิ อตฺตาโน นาโถ แล้วโยมจะเข้าสู่นิพพานเอง นรกก็จะไม่เข้ามาก้าวก่ายโดดเด็ดขาด ชาวพุทธที่ดีต้องศรัทธาวัด เคารพในพระสงฆ์ จึงจะเรียกว่าชาวพุทธที่ดี เจริญพร <o></o>

Specialized · 12 พฤศจิกายน 2009

ผมว่าบทความก็ส่วนบทความเถิดครับ เพราะเขาก็อ่านกันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลใครคิดเห็นอย่างไรก็ไปตามความเชื่อนั้นครับ อ่านแล้วก็ฟังหูไว้หูละกันนะครับทุกท่าน

wasabi san · 13 พฤศจิกายน 2009

อนุโมทนากับท่านครูพระ ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะ กระผมเคารพในพระรัตนตรัย แต่ที่เขียนเตือนสติผู้ยังไม่รู้ เพื่อหาข้อมูลความจริง การโต้แย้งเพื่อหาความจริงเป็นวิธีที่ผมเรียนรู้และใช้ในชีวิตประจำวัน แต่จิตใจยังคงรักษาความเป็นมิตรภาพไว้อย่างดี มีรอยยิ้มให้ มีความปรารถดีต่อกันเสมอ หากท่านมีข้อมูลที่ดีกว่า กระผมก็น้อมรับและยินดีที่จะทำการศึกษา หากเป็นอย่างที่ท่านว่า กระผมจะพยายามหาพระกรุนี้มาศึกษาอีกครั้ง ขอกล่าวขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

เรื่องของนรก-สวรรค์ ผมก็รู้ว่ามีจริง จะผิดหรือไม่อยู่ที่เจตนา ผมมิได้บิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา ในทางเดียวกันผมเชื่อในคำสอนเรื่องการามสูตร เนื่องจากเรื่องพระกรุนี้เราต่างไม่รู้ว่าใครนำมาฝากกรุ เพราะเกิดไม่ทันด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น คนที่ดูพระสมเด็จ 2 องค์ที่กล่าวมานั้น ดูพระเป็นจริงหรือไม่ มีความรู้จริงหรือเปล่า ไม่มีใครสามารถยืนยันได้

ส่วนข้อมูลจากคนรุ่นก่อนที่ถ่ายทอดมาถึงผม อาจจะไม่ถูกต้องก็เป็นได้ โดยส่วนตัวผมยังมั่นใจในข้อมูลนั้นอยู่ พระกรุนี้จึงต้องรอการพิสูืจน์อย่างเป็นทางการ

ก่อนลาจากกัน วันนี้ผมได้ไปยกพระที่จังหวัดเพชรบุรีมา พระพุทธรูปองค์นี้ ผู้ใหญ่ของผม และคณะได้ปฏิสังขรณ์จากเศียรพระที่ขาด แล้วนำมาบูรณะองค์พระขึ้นใหม่ ช่างทำตามอย่างโบราณ ได้ใช้ปูนผสมปูนเปลือกหอยปั้นพระขนาด 49 นิ้ว ใช้เวลานานกว่า 1 ปี พระองค์นี้เป็นพุทธศิลป์สมัยพลูหลวง อยู่ในยุคอยุธยาตอนปลาย พระนามของท่านคือ พระศรีโพธิชัยมงคล ขณะนี้ได้ประดิษฐ์อยู่ ณ วัดโพธาวาส อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็นที่เรียบร้อย

จึงเรียนมาเพื่อเป็นบุญอนุโมทนาในการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระนี้

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าและหมู่คณะได้เพียรสร้างเพียรกระทำมาแล้วนั้น ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่านผู้ที่ร่วมอนุโมทนาในบุญนี้ เสมือนประหนึ่งได้ร่วมกระทำมาด้วยตัวเอง และขอให้ท่านได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ สาธุ สาธุ

wasabi san · 13 พฤศจิกายน 2009

<< < (7/10) > >>
wirat:
5 สรุป
ฟันธง! คอนเฟิร์ม! หลวงปู่ศุขสร้างพระวัดขุนอินฯหลังสิ้นสมเด็จโต ๕๑ ปี

5.1 เห็นคนขายบางกลุ่มพยายามโปรแบบลับๆล่อๆ ทำให้คนซื้อเข้าใจว่า สมเด็จโตสร้างพระวัดขุนอินฯ หรือบอกว่าเดี๋ยวมีเฮ!

ผมก็รออยากจะเฮมานานหลายเดือนแล้วครับ ( กลัวจะมีโฮ! มากกว่า )

ล่าสุดท่านรักษาการเจ้าอาวาสวัดขุนอินฯท่านก็ยังคงยืนยันว่า
"ไม่ยืนยันว่าสมเด็จโตสร้าง

wirat:
5.2วันนี้ผมขออนุญาตฟันธง! คอนเฟิร์ม!ไปเลยนะครับว่า พระพิมพ์สมเด็จวัดขุนอินทประมุลนั้น
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาทมีส่วนสร้างและเสก เช่นเดียวกับที่ทราบกันดีในวงการแล้วว่า
ท่านเป็นผู้สร้างและเสกพระพิมพ์สมเด็จวัดดักคะนนร่วมกับหลวงพ่ออยู่ วัดดักคะนน
(แถมมีพิมพ์พระซ้ำกันหลายพิมพ์ แต่เนื้อหาแก่น้ำมันและเนื้ออ่อนกว่าวัดขุนอินฯ)
การจะตัดช่วงเวลาการสร้างและเสกของผม ขอย้อนไปที่กระทู้เก่า เรื่องพระพิมพ์สมเด็จขุนอินฯ

หลังตราแผ่นดิน ซึ่งเป็นพระที่ยอมรับในวงการนักเล่นพระจังหวัดอ่างทอง โดยได้บรรจุไว้ใน

การประกวดครั้งแรกด้วย

เมื่อตราแผ่นดินร.๕ ท่านทรงให้เริ่มใช้ตั้งแต่พ.ศ. 2416 (สมเด็จโตสิ้นพ.ศ.2415 )ก็ย่อมจะเป็นเหตุเป็นผลว่าพระกรุนี้ สร้างหลังสมเด็จโตแน่..แต่จะหลังกี่ปีเดี๋ยวค่อยว่ากัน

ตราแผ่นดิน ใช้มากในสมัย ร.๕-ร.๖ ซึ่งยังอยู่ในระบอบสมบุรณาญาสิทธิราช จึงไม่ใช่เรื่อง

ง่ายๆที่ใครจะนำตรานี้มาประทับหลังองค์พระ หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ

เพราะฉะนั้น พระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ จึงไม่ธรรมดาแน่

wirat:
5.3 เมื่อตัดประเด็นที่บางคนพยายามปลุกสมเด็จโตท่านขึ้นมาสร้างออกไปแล้ว ก็ต้องหาหลักฐานว่า
ท่านใดเป็นผู้สร้างหาได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นของบูรพาจารย์รุ่นเก่า ใช้บูชาได้ไม่จำเป็นต้องมีโบรชัวร์
ท่านสมาชิกอาวุโสท่านหนึ่งไปเหมาพระวัดขุนอินทประมูลจากคนในพื้นที่มา
พอดีไปได้พระคะแนนวัดขุนอินทประมูลองค์นี้ติดมาด้วย 1 องค์ครับ คราบกรุฟ้องความเป็น ขุนอินฯเต็มตัว

เนื้อหาเก่าแกร่ง

คนที่สะสมพระหลวงปู่ศุขเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า เป็นเป็นรอยจาร ยันต์พุทธม้วนโลก

หรือพุทธอุดม้วนโลกของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
นับเป็นความพิเศษของพระองค์นี้ นอกจากจะจารเปียกตัวยันต์แล้ว
ท่านยังกำกับ พ.ศ. ไว้ ด้วยว่า ๒๔๖๖ ( คงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก พ.ศ.) ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ท่านสร้าง

เหรียญรูปเหมือน และเป็นปีสุดท้ายแห่งชีวิตท่าน

( รัชกาลที่ ๖ โปรดฯ ให้ใช้พุทธศักราช หรือ พ.ศ.แทน ร.ศ.โดยเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๖ เป็นต้นมา )

wirat:

สรุปก็คือพระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ สร้างสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยมี หลวงปู่ศุขร่วมสร้างและเสก ด้วย (หรือจะเป็นเจ้าพิธีไม่ทราบได้ )ในปีพ.ศ. ๒๔๖๖
หรือหลังจากสมเด็จโตสิ้นฯแล้ว ๕๑ ปี
หรืออีกนัยหนึ่ง นับถึงปีนี้ พระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ มีอายุ 86 ปีครับ

comment
-ว่าด้วยเรื่องของตราแผ่นดิน หลวงปู่ศุข ท่านมีลูกศิษย์คนสำคัญคือกรมหลวงชุมพรฯ พิมพ์กรุวัดขุนอินส่วนใหญ่เป็นการออกแบบของช่างหลวง (ซึ่งน่าจะเป็นไปได้) กรมหลวงชุมพรฯ ท่านเป็นผู้มีบุญบารมีผู้หนึ่งที่สามารถนำตราแผ่นดินมาไว้ที่องค์พระได้ และสามารถที่จะสร้างพระได้จำนวนครั้งละมากๆๆ ได้ ฝากท่านเค้าแมว ค้นคว้าต่อไปด้วยครับ กับความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างสูงอนุเคราะห์
-เรื่องเสด็จ เตี่ย ช่างหลวง ตราแผ่นดินนั้น ผมคิดตรงคุณ pheera แต่ยังคงเป็นเพียงข้อสันนิษฐานก็เลยเว้นไว้ก่อน ครับ
------------------

พระกรุนี้ โดยพิมพ์ทรง เนื้อหาแล้ว งดงามมาก สร้างได้ปราณีต ปิดข้อด้อยของพระวัดระฆัง บางขุนพรหม
โดยเนื้อหาพิมพ์ทรง พุทธศิลป์แล้ว ก็ต้องบอกว่า ช่างหลวง ( พระพิมพ์ประภามณฑลรัศมี ของหลวงปู่ศุขก็ฝีมือช่างหลวง ที่เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร นำแม่พิมพ์มาถวาย )

พระที่มีบารมีในยุคนั้น ที่จะทำงานใหญ่ งานเรียบร้อยขนาดนี้ได้ คงจะมองผ่านหลวงปู่ศุขไปไม่ได้แน่ๆ

wirat:
6 อารัมภบท ปิดท้าย
6.1 พระ 3 กรุคือกรุดักคะนน กรุวัดขุนอินทร และสมเด็จก้นย่ามมีความคล้ายคลึงกัน
ที่จริงผมแอบเล่นพระกรุดักคะนนมาก่อนหน้านี้ราว 4-5 ปีก่อนเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนที่อุทัยธานี(รอยต่อชัยนาท)แล้วแวะมาหาเพื่อนที่อ่างทองคือได้พระทั้ง 2 กรุมาเทียบเคียงกัน บางส่วนก็ได้มาจากเพื่อนสมาชิกของพวกเราด้วยซ้ำไป ตอนไปคุยกับเพื่อนก็อ้างอิงประวัติกันว่าไอเดียของผู้สร้างมีรากฐานมาจากพระสมเด็จ ทางสายชัยนาทก็ตั้งข้อสงสัยว่าหลวงปู่ศุข หลวงปู่อยู่ และหลวงปู่โต ท่านเป็นพระยุคเดียวกันมีการติดต่อระหว่างกันอยู่ในระดับหนึ่ง เนื้อผงน่าจะมีการนำไปร่วมในการสร้างพระสมเด็จในยุคนั้นหรือยุคหลังเล็กน้อย ผมเช่าวัดดักคะนนก็เอากรุขุนอินทรมาให้บ้างผมก็แอบเก็บไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เจ้าของคงจะปวดหัวเสียดายไปแล้ว
ตอนผมเป็นเด็กวัดใหม่และช่วยพิมพ์พระรุ่น 17 พระในวัดได้ช่วยกันนำผงที่ทำเป็นดินสอมาช่วยกันเขียนสูตรแล้วลบตามตำราก่อนนำไปป่นผสมกับพระผงที่แตกหักจากเจดีย์ใหญ่ วิธีการทำเช่นนี้มีมาแต่โบราณ ลำพังเกจิอาจารย์ท่านเดียวจะทำพระครั้งละ 84000 องค์เท่าพระธรรมขันธ์นับว่ายากมาก ก็ต้องอาศัยการช่วยเหลือกัน สมัยก่อนคนพิมพ์ก็ต้องเป็นพระเณรลูกวัดด้วยซ้ำไป
ส่วนความต่างของ 2 กรุนี้ คือของวัดดักคะนนจะมี 3 แหล่งคือใต้ฐานพระประธาน ในโอ่ง และเจดีย์ริมน้ำซึ่งพังไปแล้ว กรุที่สวยที่สุดคือใต้พระประธานเพราะขี้กรุจะบางแผ่ว ๆ ส่วนของกรุขุนอินทรจะค่อนข้างออกแนวของบางขุนพรหม คือบริเวณนั้นเป็นที่นาส่วนที่ขุดได้ในครั้งแรกจะค่อนข้างแห้งเพราะเป็นการลักลอบขุด ส่วนรุ่นหลัง ๆ พระจะชื้นเพราะโดนน้ำท่วมอยู่ 2-3 ครั้ง ทำให้คราบกรุพองออกมา แตกต่างจากบางขุนพรหมที่โดนดินเหนียวแล้วโดนน้ำท่วมใหญ่ 2485 ที่เรียกว่ากรุใหม่นั่นแหละ
ใครผ่านไปวัดขุนอินทรช่วงนี้ ทางเข้ามีเซียนท้องถิ่นตั้งแผงอยู่ 4-5 เจ้า ตาดีได้ตาร้ายเสีย ตอนนี้ทางวัดได้นำเนื้อปูนจากองค์พระนอนก่อนทำการปฏิสังขรณ์มาทำเป็นพระนอนผงเพื่อหาทุนมาปฏิสังขรณ์วัดนี้ มีแม่ชีที่เฝ้าดอกไม้ธูปเทียนคอยรับบริจาคอยู่ ผมก็จำไม่ได้ว่า 100 หรือ 200 บาทต่อองค์ ใครผ่านไปก็ช่วยทางวัดกันหน่อย
ขอโทษท่านเจ้าบ้านที่ห่างหายไม่ได้สนับสนุนค่าสมาชิก ช่วงนี้แอบไปทำธุรกิจก็เลยไม่ค่อยได้เข้าวงการ แต่แปลกที่ของดี ๆ กลับทะยอยไหลเข้ามาหาอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง คือมักจะมาหาเองถึงบ้าน
6.2ลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่าสถานที่พบพระกรุนี้ไม่ใช่ใต้ฐานพระนอนแต่เป็นบริเวณฐานพระประธานในวิหารเก่าฝั่งตรงกันข้ามซึ่งมีเจดีย์องค์เล็ก ๆ อยู่ด้านหลัง ปัจจุบันจะมีรูปหล่อของสมเด็จโตและอีก 2 รูปหล่อที่จำไม่ได้วางทับอยู่เพื่อป้องกันการขุดค้นของผู้ไม่หวังดี การบูรณะพระนอนมีหลายครั้งด้วยกัน จะมีจารึกที่บริเวณเสาข้างองค์พระนอนอยู่หลายแห่ง ใครได้อ่านเป็นน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน ตัวหนังสือคงไม่ใช่เพิ่งทำหรอก
6.3 แว่วๆว่า มีเซียนทยอยเก็บพระกรุนี้ไว้ แล้วคงออกข่าวทีหลัง

ข้อมูลจาก

happygift2u <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2610983", true); </script>
สมาชิก PREMIUM

ข้อมูลนี้เป็นอีกข้อมูลหนึ่ง ที่ยังต้องรอการพิสูจน์

อนุโมทนา สาธุ สาธุ

numthip · 27 พฤศจิกายน 2009

Bloggang.com : suwanviset :

..........

GUYTHUM · 2 ธันวาคม 2009

พระสมเด็จแบบนี้เห็นเยอะแถวท่าพระจันทร์ สีออกกาแฟ ยังไม่แพงหลักร้อยเท่านั้น หรือจะไปดูที่รังสิต ตามริมถนนก็มีเกลื่อนกาต นะนะ จ๊ะจ๊ะ

wanakonth · 4 ธันวาคม 2009

ของผมพระแท้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้คือมีไว้ไม่ได้เอาไว้ขายให้เช่าแต่อย่างใด อยากได้ขอมาฟรีๆ อยากให้ก็ให้ไปฟรีๆ เหอๆ

SiwaTNa · 8 ธันวาคม 2009

กำลังเริ่มสะสม ได้รับความรู้มากเลยครับ

amittra · 26 ธันวาคม 2009

คนขายพระเลี้ยงชีพ หาคนดียากมากครับ ความเห็นส่วนตัวครับ

ครูพระ · 27 ธันวาคม 2009

คนโง่ที่ยังหลงงมงาย

GUYTHUM said: ↑

พระสมเด็จแบบนี้เห็นเยอะแถวท่าพระจันทร์ สีออกกาแฟ ยังไม่แพงหลักร้อยเท่านั้น หรือจะไปดูที่รังสิต ตามริมถนนก็มีเกลื่อนกาต นะนะ จ๊ะจ๊ะ
Click to expand...

ไม่ถือสา เพราะนรกมีจริง 5555555

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

"สวดพระ" เซียน...มีสิทธิ์กระอักเลือด !

e20ehq เป็นที่รู้จักกันดี

phoophar สมาชิก

ครูพระ เป็นที่รู้จักกันดี

wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

ครูพระ เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

7.jpg

6.jpg

Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

numthip เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

1229817876.jpg

GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

SiwaTNa เป็นที่รู้จักกันดี

amittra Active Member

ครูพระ เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

"สวดพระ" เซียน...มีสิทธิ์กระอักเลือด !

ไฟล์ที่แนบมา:

7.jpg

6.jpg

ไฟล์ที่แนบมา:

1229817876.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา