สตรองด้วยพรหมวิหารธรรม

พระกษิติครรภ์ถอนตะปู

ประมาณปี ค.ศ 1556
ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
มีพ่อค้าคนหนึ่ง นามว่า “คิโนะคูนิยะ โดริน”

วันหนึ่งมือทั้งสองข้างของเขาเกิดอาการปวดอย่างมาก
ความปวดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนแทบจะขยับมือไม่ได้ เขาปวดเหมือนจะขาดใจตาย

เขาเรียกหมอให้มารักษาทันที
แต่ไม่ว่าหมอจะใช้ยาประเภทใดอาการก็ไม่ดีขึ้น
เขาเปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครรักษาเขาได้เลย

เพื่อนบ้านจึงแนะนำให้ไปขอพร
จากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่วัดชาคุโซจิ
เชื่อกันว่าพระกษิติครรภ์องค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
เนื่องจากถูกสร้างและอภิเษกโดยปรมาจารย์คูไค
ผู้ก่อตั้งนิกายมนตรยานในแผ่นดินญี่ปุ่น

คิโนะคูนิยะ จึงตัดสินใจไปที่วัด
ด้วยความหวังสุดท้ายว่ามือเขาจะหายปวด
เขาภาวนาที่วัดเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน

และในคืนที่เจ็ด เขาฝันว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
เดินมาหาเขา ข้างหลังพระองค์มีชายคนหนึ่งเดินตามมา
ชายคนนั้นมองมาทางเขาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

และแล้วพระกษิติครรภ์ก็ตรัสกับเขาว่า
“ ลูกเอ๋ย อดีตชาติเจ้าเคยทำคุณไสยใ่ส่ชายผู้นี้
เพราะเจ้าอิจฉาริษยาเขาอย่างมาก เจ้าเอาฟางมัดเป็นรูปคน
สวดมนต์ดำ และเอาเข็มเล่มใหญ่
ตอกลงไปที่มือของตุ๊กตาฟาง ด้วยอำนาจของคุณไสย
เขาปวดมือจนทนไม่ไหวใจขาดตายในที่สุด

วิญญานของเขาจึงติดตามเจ้าทุกภพทุกชาติ
เพื่อรอวันแก้แค้น จนถึงบัดนี้วาระแห่งการชดใช้มาถึงแล้ว เขาจึงสามารถใช้อำนาจแห่งกรรมนั้นสนองคืนเจ้า”

ได้ยินเช่นนั้นคิโนะคูนิยะก็เกิดความสลดสังเวชใจ
ที่ตนได้ทำบาปกรรมชั่วช้าไว้กับผู้อื่น เขาคุกเข่า
เอาหัวโขกกับพื้นเป็นสิบๆรอบพลางร้องไห้ตะโกนขอขมา
ต่อหน้าเจ้ากรรมนายเวรเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังพระกษิติครรภ์
วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเมื่อได้รับการขอขมาก็หายไป

จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ทรงเสกที่คีมถอนตะปู
ให้ปรากฏในพระหัตถ์ของพระองค์
และใช้คีมดึงตะปูออกจากมือทั้งสองข้างของคิโนะคูนิยะ
ตะปูที่ถูกถอนออกมายาวแปดนิ้วและมีปลายแหลมคมยิ่งนัก
เขาอึ้งตาค้างเมื่อพบว่ามีตะปูอยู่ในมือของตน
เมื่อตะปูถูกถอนเลือดก็ไหลอาบทั่วมือของเขา

รุ่งขึ้น เมื่อเขาตื่น ก็พบว่าอาการปวดที่มือทั้งสองข้าง
หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาดีใจมาก
จึงคิดจะเข้าไปถวายสักการะเพื่อขอบคุณ
พระกษิติครรภ์ในวิหาร

แต่แล้วเมื่อเขาเปิดประตูวิหารเข้าไป
ก็พบว่ามีหยดเลือดหยดเป็นทางยาวไปถึง
รูปปั้นพระโพธิสัตว์ แต่เขาต้องตกใจมากกว่าเดิม
เมื่อพบว่าที่พระบาทของพระกษิติครรภ์
มีตะปูเปื้อนเลือดวางอยู่สองตัว

ตะปูที่เขาเห็นในฝันบัดนี้ปรากฏอยู่จริงๆ ณ เบื้องหน้าเขา
เขาจึงได้ประจักษ์ในพลานุภาพและพระมหากรุณา
ของพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่

เรื่องที่พระกษิติครรภ์ถอนตะปูนี้
ถูกเล่ากระจายออกไปแบบปากต่อปาก
ผู้คนทั่วทั้งเกียวโตจึงหลั่งไหลมาที่วัดแห่งนี้
เพื่อขอให้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆให้กับพวกเขา
ผู้คนมักจะติดตะปูและคีมคีบตะปูไว้กับแผ่นไม้
และถวายสิ่งนี้เป็นเครื่องบูชาแด่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

เพื่อหวังว่าพระองค์จะถอนถอนสิ่งไม่ดีในชีวิตให้หลุดออกไป

ธรรมะนิยายมหายาน โดย ฉ๋วนหลิน
#ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง

#ตะปูพยาบาทตอกลงที่ใด
#ตะปูตอกลงตรงกลางใจไม่ใช่ที่อื่น
#ถอนตะปูด้วยคีมคีบแห่งการให้อภัย
#ถอนออกจากหัวใจเพื่อคลายกรรมที่เคยทำกันมา

ที่มา Fb ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง

 

มหาการุณย์ที่เกิดขึ้นจากใจ

โอม วัชระ ธรรมะ ฮรี
ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
ผู้ทรงมหากรุณาอันไพศาล

โอม วัชระ ธรรมะ ฮรี
ขอให้ข้าพเจ้าได้มีดวงตาทั้งหนึ่งพัน
ที่จะออกไปสอดส่องดูแลสรรพชีวิต

โอม วัชระ ธรรมะ ฮรี
ขอให้ข้าพเจ้าได้มีมือทั้งหนึ่งพัน
ที่จะออกไปช่วยเหลือ
และปลดเปลืองทุกข์ให้แก่สรรพชีวิต

ท่ามกลางทะเลทุกข์ที่ดูเหมือนไร้ขอบเขต
ท่ามกลางกระแสโลกที่โหดร้าย

ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคระบาด
ภัยจากความแห้งแล้งและความหิวโหย
คงไม่มีวันที่จะสิ้นสุด และหายไปได้

แต่เมื่อใดที่ปัญญาและความกรุณาของเรา
ได้ประกอบประโยชน์และกระทำกิจ
เพื่อสรรพชีวิต " กวนอิน " ในใจเราจึงสมบูรณ์

เมื่อใดที่ตัวเรา คือ ความกรุณาอันไพศาล
เรานี่แหละ ที่จะทำให้ทะเลทุกข์ ที่ไร้ขอบฝั่ง
และเภทภัยที่รุนแรงมากมายหายไป

นี่คือ มหาปารมิตาที่สมบูรณ์สูงสุด
ของปวงพระพุทธเจ้าทั้งหลายในตรีกาล

เรามาร่วมสร้างสรรค์โลกนี้ให้งดงาม
เรามาร่วมสร้างสันติสุขบนแดนดินพุทธเกษตรในหัวใจ
ของพวกเราตั้งแต่ตอนนี้กันเถอะครับ

ขอความนอบน้อมจงมีแด่
พระมหากรุณาอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มหาสัตว์

ธรรมนิยายมหายาน โดย ฝ่าเหมิน
#ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง

#เมื่อกงล้อแห่งมหากรุณาหมุนภายในกลางใจ
#บัวขาวผลิบานดวงจันทร์ส่องแสงสว่างกระจ่างชัด
#อวโลกิเตศวรได้บังเกิดขึ้นในหัวใจของเธอแล้ว
#เธอนั่นไงคืออวโลกิเตศวรผู้ยิ่งด้วยความกรุณา

ที่มา Fb ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง

 

ถ้าจิตเราทรง #พรหมวิหาร 4 ได้ตลอดกาล ก็ชื่อว่าเราสามารถ #คุมศีล ของเราให้ปกติอยู่ได้ตลอด สามารถคุมสมาธิให้ทรงตัว คือจิตน้อมอยู่ในเกณฑ์ของกุศลตลอดเวลา และคุมวิปัสสนา เมื่อจิตเราเยือกเย็นมีแต่ความรักความสงสาร ปรารถนาในการเกื้อกูลมีจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร มีการวางเฉยไม่หวั่นไหวในเมื่อกฎของกรรมเกิดขึ้น อารมณ์จิตของเรามีความเย็น อารมณ์จิตมีความสุข เมื่อจิตมีความเยือกเย็นมีความสุข อารมณ์สบายก็เกิดขึ้น #เมื่ออารมณ์สบายเกิดขึ้นศีลมันก็ไม่ขาด สมาธิก็ทรงตัว ปัญญาก็แจ่มใส สามารถพิจารณาได้ตามเหตุตามผลที่สมควร คนที่ทรงอารมณ์อย่างนี้ได้เป็นปกติ บุคคลประเภทนั้นจะเป็นผู้ทรงฌานก็ไม่ยาก เพราะจิตมีความดีอยู่ในด้านกุศลทรงอยู่ มันเป็นฌานอยู่แล้ว จะบังคับจิตให้ทรงฌานขนาดไหนก็ได้ตามอัธยาศัยแล้วก็ใช้เวลาไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรามีความปรารถนาจะเป็นพระอริยเจ้าก็เป็นไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง #พระโสดาบัน เป็นอันดับต้น

จากหนังสือทางสายเข้าสู่นิพพาน หน้า3

 

#คาถามหาเสน่ห์

คาถามหาเสน่ห์นี้มีอยู่ ๔ ข้อ ๔ คำ คือ
๑.ไม่พูดปด
๒.ไม่พูดคำหยาบ
๓.ไม่พูดส่อเสียด
๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล
นี่แหละเป็นคาถามหาเสน่ห์

คำว่า #คาถา แปลว่า #วาจาเป็นเครื่องกล่าว
หมายถึง คำพูดที่เราพูดไปเอง คำพูดที่เราพูดออกไปนี่ ภาษาบาลีท่านเรียกว่า "คาถา"

ท่านสุนทรภู่ว่าไว้ว่า.."จะชั่วหรือดีอยู่ที่ปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา" นี่เป็นความจริง ถ้าเราเป็นคนที่..
๑. พูดตามความเป็นจริง
๒. พูดวาจาอ่อนหวานเป็นที่ชอบใจของผู้รับฟัง
๓.พูดให้เขาก่อเกิดความรักซึ่งกันและกัน ไม่แตกความสามัคคี
๔.พูดเฉพาะวาจาที่เป็นประโยชน์

ทั้ง ๔ ประการนี้มีแต่คุณกับเรา จะไปที่ไหนจะพูดที่ไหน ใครก็อยากรับฟัง เขาถือว่าวาจาเป็นทิพย์ พูดเป็นที่ถูกใจคน จะไม่มีใครเขารังเกียจ เราก็มีความสุข

แล้วก็ คนมักโกรธก็เป็นคนไร้เสน่ห์ มหาเสน่ห์ใหญ่คือ #พรหมวิหาร เราทรงคุณธรรม ๔ ประการเป็นมหาเสน่ห์

คาถามหาเสน่ห์ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงแนะนำให้ใช้ถ้าต้องการเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักชอบใจของคนทั้งหลาย คือ
#เมตตา ความรัก
#กรุณา ความสงสาร
#มุทิตา มีจิตอ่อนโยนไม่อิจฉาริษยาใคร เห็นใครได้ดีพลอยยินดีด้วย
#อุเบกขา วางเฉย เห็นคนมีทุกข์ไม่ซ้ำเติม ถ้าช่วยได้ก็พยายามช่วย ช่วยกำลังกายกำลังทรัพย์ไม่ได้ ก็ใช้วาจาช่วยให้เขาชื่นใจ

ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ รวมกันก็เป็นมหาเสน่ห์ใหญ่ ไปที่ไหนใครก็รักเพราะว่า..

▪︎ประการที่ ๑ เราไม่มีจิตใจโหดร้าย ไม่คิดจะฆ่าเขา ไม่คิดจะเกิดศัตรูกับใคร มีความเมตตาปรานียิ้มแย้มแจ่มใสใคร ๆ ก็ชอบ

▪︎ประการที่ ๒ เรามีความเมตตาปรานี ยิ้มแย้มแจ่มใสยังไม่พอ มีสันโดนยินดีเฉพาะทรัพย์สินที่เราหามาได้โดยชอบธรรม ไม่ยื้อแย่งทรัพย์สมบัติของใคร ไปที่ไหนก็มีแต่คนไว้วางใจ มีแต่คนรักมีแต่คนชอบ

▪︎ประการที่ ๓ จิตใจมี เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ ใครเจอะหน้าก็พบแต่ความยิ้ม หน้าบึ้งขึงจอไม่มี แล้วก็มีสันโดษ ยินดีเฉพาะสามีภรรยาของตนเท่านั้น คนประเภทนี้ไปไหนใครก็รัก ไปที่ไหนใครก็ชอบ

#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(พระมหาวีระ ถาวโร)
วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี
คัดลอกจากหนังสือ : พ่อสอนลูก หน้า ๙๗-๙๘
เพจคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
[๒๗ พ.ค.๖๔]

 

หลวงตาไม่เคยตอบโต้
หลวงตา : เอ็งสวดมนต์ดิ อย่าไปพูดเยอะ เห็นคนเค้าเถียงกัน โอ้!!!น่าสงสารพวกนี้ นรกกินชัดๆ ต่างคนก็เถียงกันไม่ได้เรื่อง ใช่ไหม? พากันเครียด พากันตายอายุสั้นแล้วแท้ๆ

หลวงพ่อดู่ท่านเคยสอนนะ เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ ดีแล้วที่เขาว่าเรา แสดงว่าเขาสนใจเรานะ
ท่านบอก เราอย่าไปสนใจเขาไอคนว่านี่!!
ที่ผ่านๆมาก็เคยมีคนว่าหลวงตาไว้เยอะแยะ..
แต่หลวงตาไม่เคยตอบโต้ อยากจะว่าอะไรก็ว่าไปดิ ไม่เห็นจะเป็นอะไร ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังมีคนว่าเล๊ย! ไอเราแค่คนธรรมดา จะไม่มีใครด่า ไม่มีใครว่ามันเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหม??

กรรมที่เขาว่าเราไว้มากๆ เดี๋ยวเขาก็โดนคนอื่นเองแหละ!!เผลอๆโดนกะแทกคืนหนักกว่าเก่าอีกนะเว้ย...
((ฮ่าๆๆๆ..หลวงตาหัวเราะ))ใช่ไหม?? เออ~~
ทีนี้ถ้าเราให้มันหยุดที่เรา เราไม่ว่าใครต่อ ใครจะว่าอะไรเราก็ช่างมัน ก็ให้มันจบที่เราไง แล้วในอนาคตจะมีใครมาว่า มาด่าเราได้ เพราะเราไม่ได้ไปว่าใครนิ
เขาจะดีหรือไม่ดีมันก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา
ไม่ต้องไปอ้างหรอก อ้างโน่นอ้างนี่ ท่านว่า ส่วนใหญ่จะอ้าง อ้างทำไม มันจะไม่ถูก มันต้องอย่างโน้นอย่างนี้ ใช่ไหม นึกออกไหม? เสียเวลานะฮะ สวดมนต์ดิ!!

ถ้าเอ็งเริ่มสวดมนต์ทุกครั้ง จิตมันจะเบา
มันจะเริ่มห่างจากกิเลส ตัณหา อุปทาน
คราวนี้เราก็ด่าใครไม่ได้ กรรมมันเลยไม่ต่อไง
ก็สวดมนต์แล้วแผ่เมตตาให้เขาไปสิ
จบที่เราเบาที่สุด #เมตตา #พรหมวิหาร

หลวงตาม้า

 

การงดเนื้อวัวถวายกวนอิมมันมีที่มา ไม่ใช่ว่างดตามละคร เอกสาร อี๋เจียนจื้อ《夷堅志》 เป็นเอกสารสมัยราชวงศ์ซ่ง บันทึกเรื่องการงดเนื้อวัวถวายกวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวรของว่า

มีชายคนนึงชื่อ ไจ๋จี๋(翟楫) อาศัยที่เมืองหูโจว(湖州) อายุ50ไม่มีลูกชาย เขาอยากมีลูกชายมากจึงวาดภาพพระอวโลกิเตศวรหรือกวนอิม แล้วบูชาอย่างยิ่งยวด เขาเมียตั้งท้อง ต่อมาเขากะเมียฝันเห็นหญิงชุดขาวถือถาดมีเด็กชาย1คนบนถาด หน้าตาน่ารักน่าชัง ในความฝันเมียดีใจมากอยากไปอุ้มเอามา แต่มีวัวตัวนึงขวางทางไว้ทำให้ไปเอาไม่ได้ ต่อมานางคลอดลูกชาย แต่อายุครบเดือนก็ตาย เขาจึงบูชาเหมือนตอนแรก เขากะเมียฝันเห็นผู้หญิงชุดขาวคนเดิม หญิงชุดขาวถามไจ๋จี๋ว่า

子酷嗜牛肉。豈謂是歟?

(เจ้าชอบกินเนื้อวัวใช่ไหม?)

ไจ๋จี๋หวาดกลัวเมื่อได้ยินคำถามนี้

หญิงชุดขาวบอกว่า

"即誓闔家不複食。遂複夢前婦人送兒至。"

(สาบานว่าต่อไปจะไม่กินเนื้อวัวทั้งบ้านอีก ก็จะให้ลูกชายแก่เมียเหมือนที่ฝันครั้งก่อน)

เมียได้อุ้มเด็กคนนั้น ต่อมาเมียเขาก็คลอดเด็กชายและเลี้ยงจนเป็นผู้ใหญ่ ทั้งคู่ล้วนยินดี

สมัยราชวงศ์ซ่ง ความเชื่อเรื่องกวนอิมแพร่หลายสู่ชาวบ้าน ตำนานเกี่ยวกับแม่กวนอิมที่เรียบเรียงสมัยถังก็แพร่หลายสู่ชาวบ้านในสมัยซ่ง

แต่สำหรับชาวจีนฮั่น ในเอกสารทางประวัติศาสตร์ของจีน กสิกรรมคือสิ่งที่ช่วยก่อตั้งประเทศ ประชาชนรักและหวงแหนวัวเป็นวิถีชีวิตตั้งแต่โบราณ ถึงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ มีข้อห้ามฆ่าวัวที่ระบุเป็นตัวหนังสือ

ในพื้นที่ราชวงศ์ใต้ที่ชาวฮั่นปกครอง คือ ซ่ง(宋) ฉี(齊) เหลียง(梁) เฉิน(陳) กฎหมายห้ามฆ่าวัวเข้มงวด ต่างจากพืนที่ราชวงศ์เหนือที่ปกครองโดนชนเผ่า คือ เว่ยเหนือ หรือ เป่ยเว่ย(魏) เว่ยตะวันออก หรือ ตงเว่ย(東魏) เว่ยตะวันตก หรือ ซีเว่ย(西魏) ฉีเหนือ หรือ เป่ยฉี(北齊) โจวเหนือ หรือ เป่ยโจว(北周)

สมัยราชวงศ์หยวน ชาวมองโกลปกครองประเทศจีนทั้งประเทศ เกิดวัฒนธรรมการกินเนื้อวัวขึ้น แต่ก็ไม่แพร่หลายทั่วไป ในปัจจุบันชุมชนกสิกรรมยังคงรักษาจารีตไม่ฆ่าวัว

(การกินเนื้อวัวในจีนเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปช่วงปลายราชวงศ์ชิง ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่19 แต่ขณะเดียวกันในจีนยุคนั้นยังมีสถานธรรมของความเชื่อชาวบ้านสอนให้งดการกินเนื้อวัว จนกระทั่งเข้ายุคปฏิวัติวัฒนธรรม สถานธรรมถูกทำลาย บรรดาศิษย์อพยพไปไต้หวัน ฮ่องกง บางส่วนอพยพเข้าพม่าและไทย ตั้งสถานธรรมในไทย คำสอนยุคเก่าในจีนก็สืบต่อในไทย)

จากหนังสือของไต้หวันเรื่อง พจนานุกรมประเพณีจีน

谷光宇:《中華傳統民俗辭典》，黎明文化事業公司。
洪邁:《夷堅志》

 

เรื่อง “พระนิพพาน ไม่ใช่ฆาตกร”

จริงหรือที่ว่า ถ้าฆราวาสบรรลุพระอรหันต์
ถ้าไม่บวชพระ จะต้องตายภายใน ๗ วัน

(คติธรรม หลวงปู่แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

“ฆราวาส” ก็เป็น “พระอนาคา” ได้ แม้แต่เป็น “พระอรหันต์” ฆราวาสก็เป็นได้ บางท่านก็กล่าวว่า ฆราวาสเป็นพระอรหันต์อายุจะไม่เกินเจ็ดวัน เพราะฆราวาสไม่สามารถจะทรงคุณธรรมของพระอรหันต์ไว้ได้ ทำให้เราคิด

“อรหันต์ นี้จะฆ่าคนเชียวเหรอ !!!”

มันอดที่จะคิดไม่ได้ จิตใจสะอาด จิตใจบริสุทธิ์ อยู่ตรงไหนก็สมบูรณ์อยู่แล้ว ยังเดินอยู่ ยังหายใจอยู่ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับโลกได้อย่างเต็มที่เหมือนกัน ในด้านเหตุผลก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ อยู่ตรงไหน ๆ ให้ปฏิบัติให้ยิ่ง ไม่ต้องไปกลัว ว่าเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว มันจะตาย พระอรหันต์ยังกลัวตายอยู่เหรอ "

 

ชื่อว่าโรค โรคอันใดก็รักษาได้ ถ้าเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย ชนิดที่เข้าถึงในคุณพระได้จริง เพราะคุณพระพุทธเจ้าย่อมกำจัดทุกข์ คุณพระธรรมกำจัดภัย คุณพระสงฆ์กำจัดโรค ได้จริง หากเชื่อถือจริง ย่อมได้เห็นจริง ด้วยกันทั้งนั้น
ต้องเชื่อในหลักเกณฑ์ หลักการณ์ วิธีปฏิบัติในการรักษาที่ท่านผู้รู้จริงท่านแนะนำพร่ำเตือนด้วย หลักการณ์ของหมอฝรั่งก็มี ก็ให้ปฏิบัติทำตามไป หลักวิชาการแพทย์แผนโบราณก็มีอยู่ อย่าได้ริเนรคุณดูหมิ่นดูแคลนภูมิปัญญาปู่ย่าตาทวดของเราแต่เก่าก่อนให้มากนักเลย! หากเชื่อจริง ทำตามจริง ย่อมรักษาได้ทั้งนั้น

โรคปอดแหก โรคไร้สติ โรคอุปาทาน โรคดื้อด้านสันดานมิฟังคำผู้รู้ โรคกระต่ายตื่นตูม โรคพล่ามพูดมิรู้หยุด โรคร้องแร่แห่กระเฌอ โรคเหล่านี้หากเป็นแล้วย่อมหาหนทางรักษามิได้ เพราะสร้างแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย สร้างความเสียหายด้วยประการต่างๆ ให้กับบุคคลผู้อยู่ในแวดล้อมเกี่ยวเนื่อง อย่างมิรู้จักหยุดหย่อน ขอพูดด้วยใจว่าผู้ที่เป็นโรคนี้สมควรตาย ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นไก่ ตื่นตอนเช้าจักได้ขันทุกวันว่า “อยู่ไปก็รกโลกๆๆๆ” ขันเพื่อเรียกเจ้ากรรมนำไปเชือด แลเป็นอยู่เยี่ยงนี้ ๕๐๐ ชาติ

ในสภาวะการณ์ปัจจุบัน สมควรที่จักมีสติสัมปชัญญะให้มากกว่าที่เคยควร สมควรที่จักมีความสามัคคี รู้จักให้กำลังใจ แบ่งปันต่อผู้คนรอบข้าง มิใช่ยังเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น มิรู้จักลดละอารมณ์ใจในทางชั่วทางผิดของตนเอง
ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระ แลกุศล ผู้ใดป่วยไข้อยู่ ก็ขอให้บรรเทาเบาบาง แลหายไข้หายป่วย ให้พบเจอหยูกยา ให้พบเจอหมอถูกกับโรคแต่โดยพลันนะลูก พ่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ

#พ่อ #พระธัมมสรโณ

 

"การแผ่เมตตา หรือขออโหสิกรรมขณะที่จิตอยู่ในสมาธิ ยังไม่ถูกต้อง"

เอาอย่างนี้ แผ่เมตตาก่อนค่อยนั่งสมาธิ พอนั่งสมาธิเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล เพราะเราได้ทำบุญแล้ว คือ "สวดมนต์นั่งสมาธิ"

"ทำไมจึงต้องแผ่เมตตาก่อน?"

เผื่อว่าในจังหวะนั้นอาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งคอยรบกวนเราอยู่ พอเรากล่าวขึ้นมาว่า "สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ" สิ่งที่จ้องจะเล่นงานเราอยู่ พอได้ยินเรานึกว่า "สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ" เขาจะได้ความรู้สึกว่า ท่านผู้นี้มาดีไม่ได้มาร้าย ขืนเบียดเบียนท่านผู้นี้ หัวเราจะแตกเป็นเสี่ยง

ท้าวเวสสุวรรณประกาศิตเอาแล้วว่า ผีตัวใดไปรบกวนผู้ปฏิบัติธรรม ให้หัวมันแตกเป็น 7 เสี่ยง ผีมันกลัว กลัวนายมัน

ดังนั้นทางที่ดีแผ่เมตตาก่อน แล้วค่อยนั่ง เพื่อประกาศความเป็นมิตรไมตรี

โอวาทธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ที่มา Fb พระโพธิธรรม

 

อนตฺถชนโน โกโธ.
ความโกรธ ก่อความพินาศ
…. องฺ. สตฺตก. ๒๓/๙๙
.
โกธชาโต ปราภโว.
ผู้เกิดความโกรธแล้ว เป็นผู้ฉิบหาย
…. องฺ. สตฺตก. ๒๓/๑๐๐
.
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ.
ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น
…. ขุ. มหา. ๒๙/๑๘
.
โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
ความโกรธเป็นอารมณ์ของคนมีปัญญาทราม
…. ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๒๘๐
.
กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ.
กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ.
ผู้โกรธย่อมไม่รู้อรรถ
ผู้โกรธย่อมไม่เห็นธรรม
…. องฺ. สตฺตก. ๒๓/๙๙.
.
พุทธศาสนสุภาษิต

 

จากการทดลองการทานเจ
สลับกับมังครบ9วัน

จะทานเนื้อหรือไม่ทานเนื้อ
ก็สามารถก่อตัณหา อุปทานได้ทั้งนั้น
หากขาดการมนสิการซึ่งเป็นอาหาร
ของ สติและสัมปชัญญะ

และก็เพราะการงดเนื้อชั่วคราว
ทำให้ได้รู้ว่ามีวัดที่มองว่า ทานเนื้อบาป
ไม่ทานเนื้อเป็นบุญ โดยนำไปพ่วงกับเรื่อง
งดเว้นเรื่องการซื้อขายเนื้อ

ซึ่งพระสงฆ์ท่านปกติก็ไม่ได้
ไปซื้อสัตว์ที่ยังมีชีวิต
เพื่อให้ใครฆ่ามาเพื่อตนอยู่แล้ว
รับแต่เพียงตามผู้ศรัทธาเขานำมาถวายให้
การไปบัญญัติใหม่ว่าพระพุทธเจ้าท่าน
ไม่ได้ให้ฉันเนื้อสัตว์จึงเป็นการบิดเบือน

 

กรรมฐานทุกกองถ้าเราตั้งใจทำจริง ก็เป็นพระอรหันต์ได้ทั้งหมด

ถาม : พยายามตัดกาม ด้วยอสุภะและกายคตาสติก็ยังตัดไม่ได้สักที ?
ตอบ : สมัยก่อนอาตมาก็เป็นอย่างนั้น ตัดด้วยอสุภะกับกายคตาสติไม่ได้ ไปตัดได้ด้วยตัวเมตตา ลองไปค้นอ่านดูในประวัติของพระรัฐบาลเถระ จะมีวิธีบอกไว้ พระเจ้าแผ่นดินท่านสงสัยว่าพระหนุ่ม ๆ บวชอยู่ได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นท่านอยู่ในผ้าเหลืองไม่ได้แน่นอน พระรัฐบาลเถระท่านก็บอกว่าทำอย่างไร พออาตมาอ่านก็เข้าใจว่าเป็นตัวเมตตาบารมี เห็นเขาเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันกับเรา

พอไปถึงตรงจุดนั้นจึงได้เข้าใจที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกเอาไว้ว่า "กรรมฐานทุกกองถ้าเราตั้งใจทำจริง ก็เป็นพระอรหันต์ได้ทั้งหมด" ก็แปลว่าทุกกองจะต้องมีแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งที่สามารถตัดราคะ โลภะ โทสะ โมหะได้ เพียงแต่เราจะคลำแง่นั้นเจอหรือไม่ ?

ถาม : ผมทำหลายอย่างครับ ?
ตอบ : เป็นประเภทโลภมาก ขุดบ่อหลายแห่งเลยไม่เจอน้ำจริง ๆ สักที วันก่อนมีคนถามว่า เขาจับกรรมฐานหลายกองพร้อม ๆ กัน จะสามารถทำได้หรือไม่ ? อาตมาบอกเขาไปว่า ถ้าหากไม่ใช่คนที่คล่องตัวในกองกรรมฐานเหล่านั้นมาก่อนแล้ว ไม่สามารถที่จะทำได้ ถ้าคนที่มีความคล่องตัว ทำกองกรรมฐานนั้นจนคล่องแล้ว จึงสามารถจับหลาย ๆ กองพร้อมกันได้

ถ้าไม่เคยทำมาก่อนแล้วจับหลาย ๆ กอง ยังไม่เคยมีใครประสบผลสำเร็จ แต่คุณสามารถลองดูได้ เพราะอาจจะเป็นคนแรก..! กองเดียวยังยากเลย นี่เล่นจับหลายกองพร้อม ๆ กัน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ที่มา Fb watthakhanun