สงสัยมานานแล้ว แล้วพวกที่ไม่ใช่พุทธล่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บาราคูดา, 9 สิงหาคม 2010.

  1. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ในความเข้าใจของผมเอง

    หากจิตใจบริสุทธิ์ คือหมายความว่า ไม่มีกิเลสเหลือเลย ไม่ปรุงแต่งใดๆเลยในสถานการณ์ทุกๆสถานการณ์เมื่อเห็นธรรมเข้าใจธรรมก็ไม่จำเป็นต้องยึดว่าศาสนานั้นศาสนานี้ดีกว่าของศาสนาอื่นๆที่มีอยู่
    แต่คนที่จิตใจบริสุทธิ์หรือที่เรียกกันว่าเป็นคนดีนี้ มีอยู่ 2กลุ่ม

    เปรียบเทียบได้ดังนี้

    1.เด็กที่มีความสุข เบิกบาน แจ่มใส ไม่วุ่นวาย ไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ไม่ได้เรียนหนังสืออ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้

    2.เด็กที่มีความสุข เบิกบาน แจ่มใส ไม่วุ่นวาย ไม่ยุ่งเกี่ยว แต่มีความรู้เรียนหนังสือ อ่านออกเขียนหนังสือได้

    ปัจจัยสูงสุดของพระพุทธศาสนาว่าด้วยเหตุแห่งการดับสิ้นไปแห่งทุกข์(และสุข)เพื่อเข้าสู่สุขที่แท้จริง
     
  2. สติรู้

    สติรู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +47
    มาเป็นกำลังใจเจ้าของกระทู้ครับ...(คำตอบนี้ท่านเจ้าของกระทู้คงทราบดีอยู่แล้ว)
    ผมขอลองตอบดูบ้างนะ
    คนหนึ่งไปเชียงราย คนหนึ่งไปลำพูน
    คนหนึ่งปฏิบัติมรรค...อีกคนไม่ปฏิบัติมรรค
    สองคนยอมไปถึงคนละที่...เพราะเดินคนละทาง...

    ทางนี้(มรรคมีองค์แปด) บางท่านรู้ได้เองปฏิบัติได้เอง
    เราเรียกว่าพระปัจเจกพระพุทธเจ้า...

    ปัญญายังน้อยครับ อยากลองตอบดูบ้าง ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยครับ
     
  3. คาคะ

    คาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +1,533
    ที่เรารู้นะเราเพิ่งดดูทีวีของหลวงพ่อนะหลวงพ่อมีคนถามอย่างนี้ละว่าศาสนาอื่นมีสิทที่จะไปนรก-สรรค์ไหมคะของพวกเขาเหมือนเราไหม หลวงพ่อท่านหนึ่งตอบว่านรก-สวรรค์ก็มีเพียงอันเดียวกันหมดและตายไปแล้วก็เป็นฝีเหมือนกัน อยู่ที่ว่าการทำแต่ละคนว่าใครทำดีทำชั่วก็รับกรรมตามๆๆกันไม่มีแบ่งแยกศาสนาหรือภาษาเพราะคนที่ทำดีก็ย่อมได้ดีคนทำชั่วก็ได้ชั่ว ถามว่านิพานนี้ก็ไม่รู้นะคะคงต้องถามอาจาย์ที่เก่งๆๆนะคะที่รู้เห็นมานะคะก็เห็นมีแต่พูทธเรานี้ละศาสนาอื่นไม่ยักจะได้ยินนะคะ อันนี้เราก็ไม่สามรถรู้ได้นะคะต้องถามพระอาจารย์ที่เราว่าท่านนั้นเก่งทางด้านนี้ แล้วคุณจะได้คำตอบที่ชัดเจนหน่อยนะคะมาถามอย่างนี้ส่วนมากคนที่มาศึกษานี้ด็คงรู้จริงบ้างไม่จริงบ้างบางที่ก็ก็อบจากสิ่งที่รู้มามาบอก ผู้ที่ท่านเคร่งเอามากๆๆนะท่านจะไม่แตะต้องพวกสื่อทั้งหลายหรอกคะ อย่าลืมว่าท่านนับถือศิลตั้งหลายข้อนะคะ ถ้าอยากได้คำตอบที่ถูกต้องก็ต้องถามจากปากเราเองรู้จากหูเราเอง นั้นคือคำตอบที่ดีที่สุดคะ ไม่แน่อาจโชคดีได้คำตอบที่ดีที่สุดในนี้ถ้าโชคดีเจอพระที่รู้และบังเอิญเล่นคอม
     
  4. canopus

    canopus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +531
    จะไปนิพพานได้มีเพียงพุทธศาสนาเท่านั้นครับ ไม่มีทางอื่นได้เลย
    พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี มีอยู่ในพุทธศาสนาเท่านั้น นอกนั้นไม่มี
    ลัทธิอื่น ศาสนาอื่น อย่างมากไปได้แค่พรหมโลกเท่านั้น หมดอายุไขยก็ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารอย่างเดิืม
     
  5. passakorner

    passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,034
    ใช่ครับอนุโมทนาเห็นด้วย ตอนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สุทัตทะได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลถามว่า เกี่ยวกับศาสนาอื่นจะมีนิพพานหรือไม่

    พระตถาคตก็ทรงตรัสว่า ศาสนามีมรรคมีองค์ 8 ย่อม มีนิพพาน

    ดังนั้นไม่สำคัญว่าจะศาสนาใด แต่มีมรรคมีองค์ 8 ย่อมนิพพานเช่นกัน

    แต่ ศาสนาเขาจะสอนมรรคมีองค์ 8 ให้หรือป่าวก็ขึ้นอยู่ศาสดาของศาสนานั้นๆครับ

    (อ้างอิงจากพุทธวัจนะ ครับ ^^)
     
  6. บาราคูดา

    บาราคูดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +114
    ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ
     
  7. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เคยได้ยินมาว่า พระเยซูท่านก็ระดับ อนาคามี จริงเท็จอย่างไร ไม่ทราบ กราบขอโทษถ้าผิด......................
     
  8. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676

    หากปฏิบัติกรรมฐาน เข้าถึงขั้นฌานต่างๆ หมายความว่าเข้าถึงระดับในสมาธิต่างๆแต่ละดับชั้นได้ก็สามารถสัมผัสรสแห่งความสงบและสติปัญญาของแต่ละระดับของระดับชั้นต่างและแยกแยะเทียบเคียงและสำเหนียกเกี่ยวกับชั้นของ เทวดา พรหม และ อื่นๆได้ด้วยครับ :cool::cool::cool:
     
  9. yuth01

    yuth01 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +1,152
    ถ้าตั้งโจทย์โดยเอา "นิพพาน" เป็นตัวตั้ง
    เราก็ต้องมาค้นคว้าหาในทุกลัทธิคำสอนกันว่า "ถึงที่สุด" ตรงไหน มีวิธีการอย่างไรและใช้อะไรเป็นเครื่องมือ
    พุทธ ถึงที่สุดคือ นิพพาน ความดับสิ้นกิเลสไม่กลับมาเวียนว่ายในวัฎฎะสงสารอีก มีมรรคแปดเป็นเครื่องมือเป็นทางเดิน
    พราหมณ์ เชื่อว่า ถึงที่สุดคือนิพพานตามหลักของพราหมณ์เช่นกัน คือ "เนวาสัญญานาสัญญาญัตตนะ" โดยมีฌาน เป็นเครื่องมือ
    เป็นพรหมลูกฟักซึ่งไม่มีอายตนะที่จะรับรู้สัมผัสใด ๆ ซึ่งพราหมณ์เชื่อว่าเป็นนิพพานของพราหมณ์
    ซึ่งเมื่อเสวยสุขจนหมดอายุขัยก็ต้องกลับมาเวียนว่ายสู่วัฎฎะสงสารอีก
    สำหรับลัทธิอื่น ๆ ที่เคยอ่านพบ หรือศึกษามาตามหลัก แนะนำแค่ "สวรรค์" ไปพบกับท่านผู้เป็นศาสดาตามหลักของท่าน บางลัทธิสูงสุดก็เป็นเทพเจ้า ซึ่งความเชื่อเช่นนี้มีเยอะสุด ๆ
    .............................................................................................

    ดังนั้นหากเรายังต้องใช้สมมุติมาเพื่อใช้อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้เข้าใจง่าย ก็ต้องเปรียบและยกสมมุติ มาเทียบเคียงให้เข้าใจง่าย

    สมมุติ น๊ะครับสมมุติ
    สมมติว่ามีกระด้งอยู่หนึ่งใบใหญ่มากไม่มีประมาณ บนกระด้งมีมดแดงไต่อยู่เต็มไปหมดเมื่อถึงขอบกระด้งฝั่งหนึ่ง
    ก็ไต่กลับลงมาอยู่ในกระด้ง และก็ไต่ไปพบอีกขอบหนึ่งของขอบกระด้ง ไต่อยู่อย่างนี้และไม่พ้นจากขอบกระด้งซักที
    บางที่ก็กลับมาซ้ำทางเดิมสถานที่เดิมก็ยังเดินซ้ำทางเดิมอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานเท่าใดมาแล้ว
    ที่นี้ก็มีผู้รู้ผู้พ้นแล้วยืนดูอยู่ที่ นอกขอบกระด้ง ดูความเป็นไปของมดแดงที่เดินบ้างวิ่งบ้างอยู่บนกระด้งใบนั้น
    บางตัวก็หยุดนิ่ง บางตัวเดิน บางตัววิ่ง บางตัวไปแล้วก็หันหลังกลับ ฯลฯ

    กระด้งใบนั้น ก็คือ "โลกธาตุ" ทั้งสามแดนโลกธาตุนี่เอง
    มดแดงแต่ละตัว ก็แทนสัตว์โลกทั้งหลายทุกลัทธิความเชื่อทั้งเรา ทั้งเขา ทั้งตัวผมผู้โพสต์เองด้วย
    ยังเป็นมดแดงอยู่ในกระด้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเส้นทางเก่า ๆ เดิม ๆ
    ผู้รู้ผู้พ้นแล้ว ก็ยืนดูมดแดงอยู่นอกกระด้ง ดูความเป็นไปของมดแดง มดแดงบางตัวก็อาจพบทางได้รับการช่วยเหลือสั่งสอนจากผู้รู้ผู้พ้นแล้ว ได้ออกไปจากกระด้งไปเป็นผู้ดูมดแดงตัวอื่น ๆ ที่ยังไต่มาไต่ไปอยู่ในกระด้ง ต่อไป

    ดังนั้นตามสมมุติอธิบาย ศานสนาพุทธแนะนำสั่งสอนจนได้ออกไปเป็นผู้พ้นแล้วอยู่นอกกระด้ง
    ลัทธิอื่นยังแนะนำแค่เรื่องราวในกระด้งเท่านั้น ไม่แนะนำให้ออกพ้นกระด้ง จึงไม่พ้นไปได้สักที

    ผมอยากออกจากกระด้งใบนี้ให้เร็วที่สุด........
    .... จะพ้นกระด้งต้องพ้นสมมุติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2010
  10. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    บุญ วาสนา บารมี ของคนศาสนาอื่น

    ขออนุญาติครับ
    จากคำบอกเล่าของอาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่ามีกลุ่มเทวดาชาวเยอรมัน มาเยี่ยมท่าน ท่านก็ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าท่านอยู่ที่นี่ เทวดาเหล่านั้นก็ตอบท่านว่า สำหรับท่านหลวงปู่มั่นไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใหน เหล่าเทวดาเขาก็รู้กันหมด เพราะมันสว่าง ไสว ไปทั่ว
    จากคำบอกเล่าของอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัญโณ ท่านบอกว่าคนนอกศาสนาพุทธ หมดหวังๆจริงๆ และท่านยังบอกว่า หลวงปู่ปัญญา(พระภิกษุชาวอังกฤษ)ที่มาบวชอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด จนกระทั่งสิ้นอายุขัย ท่านสำเร็จแล้ว แต่ท่านก็ไม่กระตือรือล้นที่จะกลับไปเผยแผ่ ศาสนาพุทธ ในบ้านเกิดเมืองนอนของท่านเอง ท่านก็คงมองเห็นอะไรๆอยู่บ้าง
    ในทัศนะของผมเองที่เคยอยู่ในประเทศอิสราเอลนานถึงสองปี จนเข้าใจคนประเทศนี้เป็นอย่าวดี พอกลับมาเมืองไทย ผมก็ตามหา หนังบัญญัติสิบประการ ทั้งสามเวอร์ชั่นมาดู ก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะบัญญัติสิบประการนั้นมันก็คือ กุศลกรรมบทสิบของศาสนาพุทธชนิดที่ว่าลอกมาทั้งดุ้น แม้แต่การสลับหัวข้อก็ไม่มี
    ผมก็รอดูว่าชาวยิวจะว่าอย่างไร รอมาเกือบสามสิบปี ชาวยิวก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ข่าวชาวยิวหันมาเรียนรู้ศาสนาพุทธมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่นักบวชชาวยิว(ศาสนาจูดาร์ย)ก็หันมาสอน สมาธิในโบสถ์ของตน แต่ความเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีมานานนัป ห้าพันกว่าปี ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าพวกเขาเริ่มจาก นิกายพุทธแบบธิเบต เมื่อสุดทางแล้วเขาก็จะหันมานิกายแบบไทยเราได้เอง
    แม้แต่เพื่อนชาวยิวเชื้อสายอาหรับเขาก็ยังยอมรับว่าพระสงฆ์แบบไทยดีที่สุด เพราะห่มผ้าแบบโบราณ ทานมื้อเดียว ถือเพศพรหมจรรย์ ไม่แตะต้องเงินทอง
    แม้แต่พระบรมศาสดาของเราตอนตรัสรู้ใหม่ๆ ท่านก็เล็งญาณ หาอาจารย์พราหมทั้งสองของท่าน ก็ทราบว่าท่านทั้งสองละขันธ์ ไปอยู่พรหมโลกอีกนานถึง 100 กัป จึงจะได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
    ถ้าเราลองมานับดูว่า ศรัทธา ทาน ศิล สมาธิ ปัญญา วิมุติ หลุดพ้น
    ศาสนาอื่นศาสดาของเขามีคำสอนไว้แค่ใหน พวกที่ตามหลังมา ก็ทำได้แค่นั้นละครับ แล้วคุณอย่าไปเอาศาสนาพราหม ไปปนกับศาสนาฮินดูนะครับ เพราะแม้แต่พระพุทธองค์ก็มาจากพราหมแล้วกลายเป็นพุทธ ทำให้พราหมในสมัยนั้นต่างก็ออกบวชเป็นพระจนหมด ฮินดูนี้จึงเกิดในลำดับต่อมา
    อย่างไรก็ตามสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม การเปลี่ยน สัญชาติก็ดี การเปลี่ยนศาสนาก็ดี ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
    ขอบคุณครับที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  11. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865

    อนุโมทนา....สาธุ กับข้อมูล ของลุงมหาด้วย ครับ :cool:

    เรื่องความเชื่อของชาวยิวนี่เปลี่ยนยาก นะครับ
    เพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 3000 ปี นี่ซึมลึกเข้าถึง DNA
    แต่คงมีบางส่วนที่เข้ามาศึกษาทางพุทธะ เพราะพวกนี้ชอบเหตุ-ผล
    พวกที่มีอิทธิพลและฝ่ายบริหารคงยังเป็นเหมือนเดิม

    แต่ถ้าดูแผนที่โลกในอนาคตแล้ว จะเห็นว่าประเทศต้นแบบของทุกศาสนา
    จะจมลงมหาสมุทรกันหมดสิ้น ไม่มีเว้น......

    แล้วถ้าเป็นจริงตามนี้ ที่ผู้รู้ว่าศาสนาจะรวมเป็นหนึ่งเดียวและประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของโลก คงเป็นจริงอย่างแน่นอน
     
  12. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    หลักคำสอนของศาสนาคริสนั้น เป็นนิยายซะส่วนใหญ่ครับ นำไปปฏิบัติจริงในชีวิตไม่ค่อยได้

    หลักคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น สามารถนำมาใช้กับชีวิตจริงได้ ดุจหงายของที่คว่ำ
     
  13. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    บางคำสอนของศาสนาคริสนั้นจะขัดแย้งต่อความเป็นจริง คือไม่เป็นจริงเหมือนที่ศาสนาคริสเค้าบอกอะ

    คำสอนของศาสนาพุทธนั้นเป็นความจริงทุกประการ

    ลองเอา คำตรัสของพระเยซู มาเปรียบเทียบกับ คำตรัสขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าดูแล้วจะรู้

    ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะผมเองก็เคยนับถือคริสมาก่อนนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะ

    เทวดาสาวกของพระเยซู และตัวท่านเป็นเทวดาชั้นดุสิต ช่วยเหลือผมไว้มากทีเดียว และก็เป็นคนดีมีเมตตาด้วย น่าจะอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่านี้ ถ้าไม่มีจิตโพธิสัตว์

    เราเรียกท่านว่า พระโพธิสัตว์เยซูคริส
     
  14. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005

    ในเมื่อคนถามก็ไม่รู้ ในเมื่อคนตอบก็ไม่รู้

    เพราะขนาดตัวเราเอง เราจะไปถึงนิพพานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าผู้อื่นจะไปถึงนิพพานได้หรือไม่

    เพราะฉะนั้น การฟังหูไว้หูจึงเป็นการดีที่สุด : )
     
  15. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,153
    ตอบคุณ อภิราม นะครับ เพิ่งกลับมาจากปฎิบัติธรรมที่วัดป่ามาหน่ะครับ

    ผมเองก็ไม่รู้นะครับว่านิพพานเป็นอย่างไร ผมก็ปฎิบัติอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น และไม่ได้หวังหลุดพ้นในชาตินี้ชาติหน้า แต่ปฎิบัติมา 11 ปีแล้ว และยังไปได้ไม่ไกล

    ส่วนเรื่องที่ว่ามีการฝึกปฎิบัติจนเกิดปัญญานั้น ก็คือ ความคิดต่างๆ จะละเอียดขึ้น ถูกต้องมากขึ้น จากการที่จิตของเราสงบ ไม่มีความคิดในทางโลกมาปรุงแต่งทั้งหมด และเราใช้การพิจารณา ในความรู้เหล่านี้ ก็ตอนที่ปฎิบัติกรรมฐานอยู่ หรือระลึกรู้อยู่เท่านั้น ถ้าอ่านตำราก็รู้อยู่ ว่าที่พูดถึงคือตัวนี้ มีการอธิบายรายละเอียดอยู่ เข้าใจได้ แต่เรายังไม่รู้จริงๆว่า จริงๆแล้วมันคือตัวนี้หรือ เราต้องนำไปปฎิบัติเพื่อให้จิตของเรารับรู้ด้วยว่า นี่แหละมันคือตัวนี้ เมื่อจิตของเราเข้าใจในสิ่งที่รับรู้อยู่ จิตก็จะมีกระบวนความคิดที่เป็นปัญญาจากจิตเกิดขึ้นมาต่อๆไปอีก ว่ารายละเอียดของตัวนี้มันมีอะไรบ้าง เป็นอย่างไรบ้าง ให้ผลอย่างไรบ้าง และเกิดขึ้นได้อย่างไร

    เปรียบเสมือนคนที่เรียนจบมาแต่ไม่ได้ฝึกปฎิบัติ รู้ว่าเครื่องทำน้ำแข็งเป็นอย่างไร แต่ความตื้นลึกหนาบาง การกำหนด วิธีการใช้จริงๆ วิธีแก้ปัญหาจริงๆ ไม่รู้ มีอยู่มากมาย ที่จบปริญญาตรี ทำงานสาขาที่ตัวเองเรียน แต่ต้องถามคนจบ ป.6 แต่ทำงานมาเป็น 10 ปี

    ดังนี้แล

    ส่วนเรื่องของศาสนาอื่นที่ไปไม่ได้ก็ดูจากผู้รู้ท่านอื่นที่มาให้ความรู้หลังข้อความของผมนะครับ ผมเีรียนและศึกษาอยู่โรงเรียนคริสต์มา 9 ปี เคยมีเพื่อน,แฟน และคุยแลกเปลี่ยนเรื่องของศาสนากันกับอิสลาม และผมก็ศึกษาเรื่องคำสอนของศาสนาอื่นๆ มาบ้าง เพราะผมสงสัยว่าศาสนาอื่น หรือลัทธิอื่น จะมีคำสอนที่สอนเรื่องการหลุดพ้นเหมือนศาสนาของเราบ้างหรือไม่ (ก่อน จขกท จะมาตั้ง) หลักความเชื่อของพวกเค้าเป็นยังไงบ้าง ก็เท่านั้นครับ หรือจะมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า?

    ปล. คำตอบของผมอาจจะห้วนๆไปหน่อย หรือตอบไม่ค่อยละเอียด เพราะต้องทำงาน ต้องรีบพิมพ์
     
  16. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    อิอิ ผมไม่ได้พูดเรื่องศาสนาเป็นสำคัญหรอกครับ แค่เผลอพูดเรื่องโลกวิญญาณ มากไปหน่อย ความลับสวรรค์ ๆ อิอิ โทดที

    แก่นแท้ของทุกศาสนานั้นสอนให้คนเป็นคนดีนิครับ ไม่ใช่อยู่ที่เวลาที่นับถือมานะ

    ถือศาสนาต่างๆมานานหลายปี แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ เวลานานก็จริง แต่ผ่านไปอย่างสูญปล่าวนะครับ

    การงานชอบ ในมรรค8 จะทำให้ จะทำให้หลุดพ้น จากกิเลสเร็วขึ้นนะครับ - -+

    ผมสงสัย หลุดพ้น จิตหลุดพ้น ที่คุณหมายถึง คือ อะไรเหรอครับ
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,153
    ทุกศาสนาย่อมสอนให้คนเป็นคนดีครับ แต่หลักการปฎิบัติและหลักคำสอนของแต่ละศาสนาแตกต่าง ไม่ได้อยู่ที่ว่าศาสนาใด ดีกว่ากัน (หาข้อมูลศึกษาต่อเองได้นะครับ)

    ผมเองยังความรู้ไม่เยอะนักนะครับ ผมได้เท่าที่ผมปฎิบัติได้ และผมจริงๆแล้วจะศึกษาในข้อธรรมต่างๆ น้อยกว่าการปฎิบัติซะอีก เพราะผมชอบปฎิบัติมากกว่า ถ้ามีเรื่องติดขัดอะไร หรือสงสัยอะไร หรือ ปฎิบัติแล้วหาทางไปต่อไม่ได้ ก็จึงค่อยเปิดตำราออกอ่านดู หรือหาคนหรือพระปรึกษาด้วย แต่ทุกวันนี้เริ่มศึกษามากขึ้นแล้วครับ เพราะรู้ว่า ความรู้ในพระพุทธศาสนานั้น เกี่ยวเนื่องถึงกันหมด ถ้ารู้เป็นเฉพาะอย่างก็จะไม่ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ทำให้ขาดความเข้าใจในบางส่วนไป และอาจทำให้นำไปสู่การปฎิบัติที่ผิดได้

    เรื่องการหลุดพ้นนี้ ก็มีการกล่าวไว้แล้วอย่างมากมายหลายกระทู้ในเวปนี้

    และขอบอกอีกครั้ง ว่าผมไม่ได้คิดหวังเรื่องของการหลุดพ้น แต่เวลาที่ผมปฎิบัติ ผมก็จะมีการติดตามพิจารณาผลของการปฎิบัติของตัวเองอยู่เสมอ ว่าที่ปฎิบัติมา เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว ได้อะไรบ้าง จิตสงบลงไหม รู้จักทุกข์จริงแท้แล้วหรือยัง ภาวะจิตของตัวเป็นอย่างไร มีความปราณีตขนาดไหน ครับ

    และตามคำแนะนำของคุณ นี่แหละจึงทำให้ผมรู้สึกว่า ทางโลกมีเวลาให้ปฎิบัติและศึกษาน้อย ผมจึง........... ผมอยากจะรู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้าให้มากกว่านี้ อยากรับรู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ได้จากประสบการณ์ของคนอื่น แล้วมานั่งคิดเอา ผมอยากรู้ได้ด้วยตนเองบ้าง ก็เท่านั้นครับ


    อนุโมทนาครับ
     
  18. ทิ้งสมอ

    ทิ้งสมอ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +77
    มันเป็นอจินไตยคิดไปก็พาลจะเป็นบ้า ธรรมะของพระศาสดาเป็นสิ่งที่รู้ได้ด้วยตนเองจริงๆ
    (ขออธิฐานด้วยบุญบารมีของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตกาลอันยืดยาวไม่มีประมาณจงสำเร็จแก่ผู้หวังนิพพานในชาตินี้ขอให้ท่านเหล่านั้นจงถึงแดนพระนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ)
    สาธุๆ อนุโมทนา<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. kencito

    kencito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +954
    ตอบด้วยความเข้าใจนะครับ ไม่อ้างอิงอะไรทั้งนั้น ศาสนาใด ชาติใด เกิดที่ไหนเมื่อไหร่ ไปนิพพานได้ ต่อเมื่อ บุคคลนั้นๆ ได้รับคำสั่งสอนจากศาสนานั้นๆ ในชาตินั้นๆ ที่เป็นไปเพื่อการวาง เป็นเพื่อการวางหรือเปล่า ก็ต้องลองพิจารณาในเนื้อคำสอนของแต่ละสำนักน่ะครับ ผมรู้ได้ไม่หมดทุกศาสนา ถ้าได้รับการสอนให้วาง ให้หน่ายในการเกิด เห็นจริงในทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิด ถึงนิพพานได้ทุกศาสนาครับ ถ้าสอนตรงข้าม ก็ไม่ถึง อุปมาดัง ว่า คนเรามาเจอหน้าผา จุดหมายคือจะข้ามไป ก็มีคำสั่งสอน ความเชื่อมากมายๆ ว่าทำแบบนี้นะ จะข้ามไปได้ ไม่ว่าความเชื่อคำสั่งสอนจะดูดี ได้รับการยอมรับมากแค่ไหน แต่พอนำไปใช้ แล้วก็ข้ามหน้าผาไม่ได้ สักที มันก็ไม่ใช่ครับ ผิดกับคำสอนแบบหนึ่ง ใช้ข้ามหน้าผาได้แน่นอน ไม่ว่าใครนำไปใช้ แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ หลายๆคนอาจไม่เชื่อ แต่มันใช้ได้ผลน่ะครับ ยังไงมันก็ต้องทำในแบบนี้อยู่ดี ไม่สำคัญว่าจะตั้งชื่อวิธีการข้ามหน้าผานี้ด้วยคำว่าอะไร
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้าใครรู้แจ้งเห็นจริงในทุกข์ รู้เหตุแห่งทุกข์ และดับทุกข์ที่เหตุแห่งทุกข์ได้จริงละก็ เขาก็พ้นทุกข์ได้เหมือนกัน ใครรู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องเหล่านี้ได้ ถ้ามีควรให้ผู้นั้นแหละเป็นครูเป็นอาจารย์สอนทางพ้นทุกข์ให้ เกรงแต่ว่า ผู้คนส่วนใหญ่เกือบทั้งโลกนี้ก็ว่าได้จะยังไม่รู้จักแม้แต่ตนเองเลยเสียด้วยซ้ำไป ดังนี้แล้วจะป่วยกล่าวไปใยถึงการที่จะรู้จักและตระหนักในทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ ของคนเหล่านั้น แล้วเขาเหล่านั้นจะมองหาครูบาอาจารย์เพื่อสอนเรื่องความพ้นทุกข์ไปเพื่ออะไร...
     

แชร์หน้านี้

Loading...