วิเคราะห์กระทู้เตือนภัยพิบัติรอบ2เดือนนี้

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ดาวบุ๋น5, 13 พฤษภาคม 2011.

  1. bjeed

    bjeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอบคุณ คุณ zz ค่ะ
    ที่นำขอมูล คุณหมอเทพนม มาลงไว้อีกครั้งหนึ่ง
    จะได้เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน
    บางครั้ง คนที่ไม่ทราบ ก็อาจคิดว่าได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2011
  2. นิพพานายะ

    นิพพานายะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +176
    เห็นใจผู้ที่นำข่าวภัยพิบัติมาบอกนะ ผมเชื่อว่าทุกท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    ด้วยใจที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น การที่เราไปพูดไปว่ากล่าวทำลายน้ำใจเขา
    ผมว่าไม่เหมาะ ไม่ควร

    ..เรื่องเหล่านี้ มันมีความซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและศึกษากันนาน บางคนอาจจะเข้าใจ ได้เร็ว ช้า ไม่เหมือนกัน(หรืออาจจะไม่เข้าใจเลย) การเอาวิทยาศาสตร์ เอาตรรกตะทางโลกมาวิเคราะห์ บางเรื่องบางราวไม่สามารถทำได้ อย่างเรื่องพื้นๆ เช่น รูป นาม วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้เลย ..ในเรื่องทางจิต ศาสนาพุทธ ไปไกลเกินกว่าวิทยาศาสตร์ จะตามทัน

    ...จิตเป็นธรรมชาติรู้ ซึ่งโลกปัจจุบันเขาไม่ทราบกันหรอก พวกเราชาวพุทธหรือผู้ปฏิบัติมาทางสมาธิ ทราบกันดีทุกคน(เป็นเรื่องพื้นๆ) แต่การรู้เห็นทางจิต มากน้อย ชัดเจน ถูกต้องเพียงใด อยู่ที่การปฏิบัติและสร้างสมมาของแต่ละคน..

    สำหรับการทำนายหรือคาดการณ์เกี่ยวกับคนหมู่มาก จะไม่ค่อยเม่น จะมีความคลาดเคลื่อนกันมาก เพราะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับคนหมู่มาก มีปัจจัยต่างๆมาเกี่ยวข้องเยอะมาก

    ...คนที่ปฏิบัติมาทางนี้เขาทราบกันดี แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะออกมาบอกกล่าวกัน เพราะเขาคิดกันว่า ผิดไปบ้าง คลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร ยอมถูกด่าถูกว่ากล่าว ดีกว่ารู้เห็นแล้วเก็บเงียบไว้ จนผู้คนต้องมาบาดเจ็บล้มตายโดยที่ไม่ได้ออกมาบอกเตือนกันเลย หัวอกผู้ปฏิบัติซึ่งแต่ละท่าน (ซึ่งมีศีล ทาน ภาวนาเป็นพื้น) ท่านรู้สึกกันอย่างนี้

    ....สิ่งใดที่เรายังปฏิบัติกันไม่ถึง ยังรู้ไม่มาก (มีแต่ความรู้ทางโลก) ก็ต้องฟังๆกันไว้ก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เชื่อในทันที ให้ท่านพิจารณากันให้ดีก่อน อย่าประมาท และอย่าตื่นตระหนก สิ่งใดที่เรายังไม่พร้อมก็รีบๆทำกันทันที ยังไม่มีศีล ก็ให้หันมาถือศีล มาทำทาน ปฏิบัติภาวนา เท่าที่จะทำได้

    ....เมื่อเราพร้อมทั้งทาน ศีล ภาวนา และเตรียมตัวทางโลกบ้างพอสมควร เราก็สามารถรับกับภัยพิบัติหรือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2011
  3. ปัชฌา

    ปัชฌา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +1,428
    กด like ให้คุณ zz และคุณนิพพานายะ 100 ครั้ง
    ทุกคนเห็นต่างได้ แต่ใช้คำพูดคำจาเดี่ยวนี้ไม่เหมาะไม่ควร เยอะมาก
     
  4. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375

    -ขอบพระคุณที่นำเสนอข้อมูลมาให้เข้าใจอะไรมากขึ้น เพียงแต่ว่าคุณก็ยังมองว่าผมแสดงเจตนาที่ไม่ดีอยู่ดี

    คุณมองเจตนาของคนมาเตือนว่า สิ่งจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม ก็น่าเชื่อถือเป็นเจตนาดี

    ส่วนคนที่เตือนว่าอย่าเชื่อโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย ..นั้นไม่เชื่อถือ เป็นเจตนาร้าย

    ถ้าคุณยังมองแบบนั้น...ก็เท่ากับว่าคุณไม่เป็นกลางในการคิดตัดสินใจอยู่แล้ว

    ผมยกตัวอย่างแบบนี้ดีกว่า เรื่องภัยพิบัติเป็นเรื่องเล่นๆหรือเปล่า??? ถ้าคุณเป็นคนมีอำนาจคุณจะเชื่อโดยไม่มีการถกเถียง กลั่นกรองความน่าจะเป็นเลยหรือไม่

    หรือพอฟังว่าท่านเหล่านั้นบอกมาเชื่อถือได้ ก็เตรียมการป้องกันเต็มตัวเลย โดยที่ไม่ต้องซักไซร้ไล่เรียงประวัติความเป็นไปได้ ของผู้ที่บอกกล่าว

    และไม่มีข้อโต้แย้งอะไรกับคนที่มาเตือนภัยถึงความน่าจะเป็นของที่ที่มาบอกกล่าวเลยหรือ

    ผมตั้งกระทู้เป็นข้อสงสัยที่คนอื่นๆ จำนวนมากก็อาจจะสงสัยตรงนี้
    คนที่มากล่าวเตือนภัยที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ย่อมต้องยอมรับข้อโต้แย้งได้เป็นธรรมดา ยิ่งมีอิงเหตุผลได้มากขึ้นเท่าไร่ ก็ทำให้คนน่าเชื่อถือได้มากเท่านั้น

    สิ่งที่ผมถามไม่ได้หลอกว่าท่านอะไรเลย เพียงแต่เป็นข้อสงสัยที่น่าจะต้องมีคำตอบจริงๆ คนธรรมดาไม่รู้เรื่องต้องการทราบคำตอบ???


    --------------------------------------

    ส่วนประวัติผลงานนั้น ความน่าเชื่อถืออยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นที่รับรู้ของคนจำนวนไม่มากนัก ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยอมรับกว้างขวาง...

    สาเหตุที่ไม่ยอมรับกว้างขวาง ก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร..
    เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก หรือมีคนมาพิสูจน์แล้วโดยมากไม่เป็นไปตามนั้นก็ไม่ทราบ หรือเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มที่จะเข้าไปทางนี้ก็ได้ก็ตาม

    ในส่วนประวัตินั้นส่วนมากก็จะยกสิ่งที่ทำได้สำเร็จ สิ่งที่ไม่ได้ทำสำเร็จ เกิดความผิดพลาดนั้นก็ไม่ได้เสนอมานี่ครับ

    ดังนั้นการสอบถาม การหาเหตุผลต่างๆมาเพื่อยันความน่าจะเป็นจริง นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าดูเพียงแค่ประวัติผลงานเพียงอย่างเดียว

    ผมขอตั้งข้อสังเกตุอะไรนิดนึงเกียวกับมนุษย์ต่างดาว จะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบครับ ({)

    -มีคนบอกว่าคนเราทำอะไรมักหวังผลตอบแทน แล้วถ้ามนุษย์ต่างดาวช่วยเหลือจริงๆ ...เขาจะหวังอะไรจากเราหรือเปล่า???

    -การกล่าวถึงมนุษย์ต่างดาวที่ได้ฟังจากเทปล่าสุด คิดไปคิดมา นี่ยิ่งกว่าเทวดาอีกนะ คุณไม่สงสัยหรือ ???

    -ถ้ามีคนมีอำนาจยิ่งกว่าเทวดามาบอกคุณ อาจจะบอกว่าตัวเองดี แต่จริงๆอาจจะทำการไม่ดีอยู่ก็ได้ คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจตนาจริงๆแล้วดีแท้หรือไม่ เพราะเท่าที่บอกความสามารถมาก็แทบที่จะควบคุมชีวิตของมนุษย์ได้สบายๆอยู่แล้ว ถ้าดร.ท่านจะถูกควบคุมก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยครับ

    -และถ้ามนุษย์ต่างดาวเป็นคนทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นมาเองล่ะครับ


    สุดท้ายผมก็นำเสนอในเหตุผลความเป็นไปได้ที่จะเกิดหรือไม่เท่านั้น ก็คล้ายๆกับหลายท่านที่มาเตือนว่าจะเกิดภัยเท่านั้นเอง เจตนาก็เหมือนกัน

    ...การจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานการตรวจสอบ มีฝ่ายค้าน ส.ว.
    คุณทำงาน ก็มีฝ่ายมาควบคุม ตรวจสอบในแผนกต่างๆ

    นี่เกียวกับภัยพิบัติเป็นส่วนรวมของชาติ คุณบอกว่าให้เชื่อเพียงอย่างเดียว ห้ามตั้งข้อสงสัย ห้ามโต้แย้งเลย ห้ามเสนอความคิดเห็น

    คุณจะรวมอำนาจใช่หรือไม่???
    คุณไม่ได้มีจิตใจในความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนน่าจะมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    การกระทำแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติความสามารถของตัวเองเลย ต้องคอยเชื่อความเห็นของใครสักคนโดยไม่ต้องคิดอะไร..ในสิ่งที่บอกมาก็พิสูจน์ไม่ได้ต้องรอคอยติดตามแค่นั้นหรือครับ เท่ากับว่าคุณปล่อยชีวิตให้คนๆหนึ่งที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง มาชี้นำชีวิตโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย และก็ไปบอกคนอื่นว่าสมควรเชื่อ

    และถ้าผมบอกคุณอีกว่าผมรู้จักมนุษย์ต่างดาวดีกว่าดร.อีกล่ะ ..คุณจะเชื่อผมหรือเปล่าว่ามนุษย์ต่างดาวเตรียมการควบคุมมนุษย์โลกนี้ไว้แล้ว
    ไม่ได้เข้ามาหวังดีอะไรเลย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่มอบให้กับมนุษย์ทางด้านเทคโนโลยีนั้น มันแอบแฝงไปด้วยความตายอยู่ทีล่ะน้อย

    โดยที่คุณคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะคุณไม่รู้ตัวนั้นเอง มองดูหรือเปล่าสิ่งที่ไฮเทคทั้งหลาย มันมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งนั้น และส่งผลมาถึงชีวิตมนุษย์ทำให้มนุษย์อ่อนแอลงทุกวัน... ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นวัตถุลวงตาที่ได้รับมาจากมนุษย์ต่างดาว:boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2011
  5. โทชิจัง

    โทชิจัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +3
    ถึงภัยพิบัติจะเกิดหรือไม่เกิด การมีศีล ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็เป็นสิ่งที่ต้องทำสมำ่เสมออยู่แล้ว การมีผู้เตือนเราก็ให้เรามีสติ ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ได้ให้เกิดความตระหนก (อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจและการเข้าถึงพระธรรม) แต่ให้ตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิต (เราอาจตายเองโดยไม่มีภัยพิบัติมาเกี่ยวข้อง) หมดจากภพภูมินี้จะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็อย่าให้ตำ่กว่าภพภูมิมนุษย์ จนกว่าจะถึงนิพพาน ก็ขอให้อยู่และเจอพระพุทธศาสนา มีสติปัญญา ไม่เจ็บไม่จน ถึงพร้อมสามารถปฏิบัติธรรมได้ การกล่าววาจาว่าผู้อื่น ก็ถือว่าจิตยังขุ่นข้อง ไม่สบอารมณ์ ก็พูดจาว่ากล่าว อย่างน้อยถ้าจะตำหนิก็ต้องพูดด้วยเมตตาอยากให้เค้าได้ดีเรียกว่า "ติเพื่อก่อ" ไม่ใช่ว่ากล่าวเชิงดูหมิ่น ถ้าเค้าเตือนเป็นจริง เราก็บาป ถ้าไม่จริง เราก็อยู่เฉยๆ ยังไงก็ต้องมรณานุสติเพื่อเตือนตนอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน เอาติดตัวไปได้นอกจากบุญกับบาป ก็หวังว่าเมื่อจิตเป็นกุศล ก็จะมองผู้อื่นอย่างเมตตา อย่าให้มีวิบากต่อกันเลย เจอกันถือว่าเป็นวาสนา ขออย่าให้ก่อเวรกรรมต่อกันแม้จะเป็นเพียงวาจาก็ตาม
     
  6. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    โปรดแยกประเด็นระหว่าง

    1. มารยาท...ในการกล่าวถึงผู้ใหญ่....ด้วยถ้อยคำ...ถากถาง

    การสงสัยเห็นต่าง....ไม่ได้ผิดอะไร....แต่การไม่มีมารยาท....ไม่ให้เกรียติกัน....ก็ปิดประตูการสนทนา....แลกเปลี่ยนความรู้กัน (ไม่มีความจริงใจในการถามคำถามและตอบคำถาม)

    2. การทียกประเด็น....ไม่เชื่อ....ห้ามแย้ง....ไม่เป็นกลาง

    เป็นเพียงข้ออ้าง....กลบเกลื่อน....สิ่งที่คุณเขียนเอาไว้....เท่านั้นเอง

    และผมก็ไม่ได้เป็นกลาง ! แต่ผมพร้อมจะคุยกับทุกคนที่ให้เกรียติกัน



    .
     
  7. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    -ถ้าคุณไม่เป็นกลางแต่แรกอยู่แล้ว ...สิ่งที่คุณเสนอมาก็เป็นอคติอยู่แล้วนี่ครับ
    ดังนั้นถ้าจะพูดเหตุพูดผลหรืออะไร คุณก็ไม่รับฟังอยู่แล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์
    ก็คอยแต่จะจ้องหาเรื่อง

    ถ้าเป็นแบบนั้น ผมแนะนำว่าไปทำใจให้เป็นกลางก่อน.. ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรมาเสนอความคิดเห็นดีกว่าครับ
     
  8. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    -ยินดีที่คุณได้ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการฝึกฝนสมาธิ และกระทำความดีต่อไปยิ่งๆขึ้น ขอให้มีความก้าวหน้าต่อไปในการปฎิบัติครับ:cool:
     
  9. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    -ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะครับ:cool:
     
  10. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    ขอบคุณครับ



    .
     
  11. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ดาวบุ๋น5 [​IMG]
    -ถ้าคุณไม่เป็นกลางแต่แรกอยู่แล้ว ...สิ่งที่คุณเสนอมาก็เป็นอคติอยู่แล้วนี่ครับ
    ดังนั้นถ้าจะพูดเหตุพูดผลหรืออะไร คุณก็ไม่รับฟังอยู่แล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์
    ก็คอยแต่จะจ้องหาเรื่อง

    ถ้าเป็นแบบนั้น ผมแนะนำว่าไปทำใจให้เป็นกลางก่อน.. ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรมาเสนอความคิดเห็นดีกว่าครับ
    </td> </tr> </tbody></table>

    ขอบคุณครับ

    ผมคิดว่าเหมาะสมแล้วสำหรับคำว่า "ขอบคุณ" ของคุณ zz
    โมทนาด้วยครับ
     
  12. sitmatrix

    sitmatrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,365
    เพราะ เน็ตจะเล่นได้หรือปล่าวไม่รู้ ก็ ต้องช่วยเหลือตัวเองกันไป ตามพื้นที่ สถานที่ เตรียมใจ เตรียมกายกันไป ให้พร้อม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  13. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    -ขอบคุณที่มาเสนอความเห็นกันครับ:cool:
     
  14. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +635
    วิเคราะห์กระทู้เตือนภัยพิบัติรอบ2เดือนนี้

    ความหมายคือวิเคราะห์ข้อมูล หรือวิเคราะห์ผู้ให้ข้อมูลคะ

    หากตั้งกระทู้เพื่อให้กระตุ้นเตือนให้เพื่อนสมาชิกได้ไตร่ตรองด้วยสติปัญญา
    ธงจากผู้ตั้งกระทู้ก็ถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว ว่า สังคมแห่งสมาชิกห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ ยังขาดสติปัญญาที่ไตร่ตรองหาเหตุผล เป็นเพียงแต่เชื่อไปตามๆกัน

    ท่านอยากจะให้แต่ละคนนำเสนอความคิดว่า ข้อมูลนั้นนี้ ไม่ควรเชื่อด้วยเหตุใด
    เมื่อคุณจะเปิดประเด็นในเชิงวิเคราะห์ ตัวคุณเองก็ต้องเป็นหลัก แห่งสติปัญญา ให้แก่เพื่อน
    สมาชิกได้ เหมือนกระทู้ติดดาวอื่นๆ ที่ผู้ตั้งกระทู้มักจะเป็นผู้มีภูมิรู้ ภูมิธรรมในเรื่องนั้น
    หรืออย่างน้อยๆที่สุด ก็เป็นผู้เข้าถึงและเจาะหาแหล่งข้อมูลได้ ซึ่งกระทู้เหล่านี้ จึงจะเป็น
    ที่แบ่งปัน ความรู้ให้กันและกันอย่างแท้จริง และดึงดูดผู้มีความรู้ เข้ามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันความคิดกัน
    หากไม่มีใครเป็นหลัก ก็จะกลายเป็นว่า "ลองเสนอความคิดเห็นนะ ว่า ข้อมูลนี้ บุคคลนี้ ไม่น่าเชื่อถือเพราะอะไร แต่ตัวผู้เสนอก็ไม่ได้รู้จริง พอยกตัวอย่างทางธรณีวิทยา ผม/ดิฉันก็ไม่รู้ ยกตัวอย่างทางอุตุวิทยา ผม/ดิฉันก็ไม่เชี่ยวชาญ ยกตัวอย่างทางญาณ ผม/ดิฉันก็อ่อนด้อย แต่แสดงความคิดเห็นทำนองว่า ผม/ดิฉันคิดว่า.......แล้วก็ให้เหตุผลมา ก็เลยกลายเป็นว่า จะมีแต่การแสดงความคิดเห็นทั้งๆ ที่ไม่รู้ ไตร่ตรองไปโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ คนที่เข้ามาอ่านก็เลยไม่รู้จะได้อะไร และแล้วก็เลยแลกเปลี่ยน การวิพากษ์วิจารณ์ประมาณนี้

    "เท่าที่อ่านจาำกระทู้ต่างเรื่องการเตือนภัย ไม่ว่าจะจากพระ จากการนั่งสมาธิ นิมิตรเห็น หรือคำทำนายจากหมอดู ไม่เห็นมีสำนักไหนแม่นเลย....ไม่เคยเกิดเหตุ....พอไม่เกิดก็มักอ้างว่า...มีคนคอยช่วยเลื่อนภัยพิบัติให้ หาเหตุผลต่าง ๆ นานา มาอ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้มีบารมี มีอภิญญา ครูบาอาจารย์ ขอกับเบื้องบนเอาไว้ไม่ให้เกิด.......หากเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นมา...ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็มักจะเอามาผูกกับคำทำนายต่าง ๆ จนได้ แม้จะเกิดนิดหน่อยก็คิดเอาว่า...ทำนายถูก เช่น บอกน้ำท่วมหนัก...มากชนิดแผ่นดินจะหาย แผ่นดินจะยุบ....แต่เอาเข้าจริงก็ท่วมไม่ถึงขนาดที่บอก"

    โดนกันไปทั้งคนทั้งพระ อันที่จริงก็เข้าใจ การติดตามข่าวสารโดยไม่มีหลักใจ ก็มักเป็นเช่นนี้แล ส่วนคนที่มีหลักใจ เขาไม่ได้รู้สึกแตกตื่นตึงเครียด ชิวิตทางโลกเขายังเป็นปกติราบรื่น
    งานทางจิตเขาก็ยิ่งเข้มแข็ง ตัวเองเคยถามสุภาพบุรุษที่ใช้ชีวิตอยู่ที่หาดใหญ่คนหนึ่งว่า ครูบาอาจารย์เตือนอย่างนี้ ไม่คิดย้ายหรือ สิ่งที่เขาตอบคือ ผมเคารพครูบาอาจารย์ แต่ผมใช้โอกาสนี้อธิษฐานว่า ผมจะอยู่ช่วยทางใต้ให้ได้มากที่สุด เพื่อรับใช้ความดี รับใช้พระพุทธศาสนา ช่วยได้แค่คนเดียวผมก็พอใจแล้ว

    เวลาคำทำนายไม่ตรง ลองคิดในแง่นี้ดูบ้างไหม ว่าเราเป็นผู้มีบุญ มีความดี เคยทำความดีไว้แค่ไหน ถึงจะได้มีสิทธิที่จะรู้ความลับสวรรค์ หรือได้หลบลี้ได้โดยสะดวก ถ้าจะขอพูดแบบตัวดิฉันเองก็ไม่รู้ แต่ขอใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ก็จะขอเอาข้อนี้เป็นเหตุผลที่คำทำนายเลื่อนหรือไม่ตรง นั่นคือ คนรู้คำเตือนบางคนไม่ควรได้สิทธินี้ เพราะไม่ได้มีบุญมีความดีเพียงพอ ก็เลยเลื่อนไป เพื่อให้เขาเหล่านี้นได้เรียนรู้ไปทั้งความประมาท และความปรามาท ว่าจะนำพาไปสู่สิ่งใด

    แถมไปนิดนึงว่า ทางสายคำตากล้า (ปิดนามเพื่อป้องกันการปรามาท) ท่านจะไม่เตือนกันเป็นสาธารณะ ให้เป็นกรรมแก่ผู้ปรามาท ท่านจะแจ้งกันในเครือข่ายสานุศิษย์ก่อนเหตุจะเกิดล่วงหน้าไม่นาน และสิ่งที่ท่านได้เตรียมการไว้ให้สำหรับผู้ที่ได้รับโอกาสนั้นคือ พื้นที่ที่มีความสมบูรณ์อย่างยิ่ง ที่จะรองรับเหตุการณ์นั้น

    เคยไปกราบพ่อปู่ฤษีเกศแก้ว ไม่ว่าจะช่วยกันถามแบบตรงๆเท่าไหร่ท่านก็ไม่ตอบ ถ้าจะตอบก็ในทำนอง ไม่เป็นไรหรอก มันเกิดได้ทุกที่ จนในที่สุดต้องถามอ้อมๆ ไปว่า
    ถ้าเป็นปู่ ปู่จะอยู่ที่นี่ ......มั้ยคะ สรุปว่า เป็นปู่ๆ ไม่อยู่หรอก เพราะ .......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤษภาคม 2011
  15. Itokin

    Itokin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +223
    ว่าด้วยการกล่าวหา

    คนโง่ มักกล่าวหาผู้อื่น จึงมีแต่ศัตรูรอบตัว นำมาซึ่งความหายนะและความตาย

    คนฉลาด ชอบกล่าวหาตัวเอง จึงได้รับความสงสารไปทั่ว และนำมาซึ่งความสมเพช

    คนเจ้าปัญญา ไม่กล่าวหาใคร ด้วยแท้จริงไม่มีใครอยากผิด แต่พลาดไปเพราะไม่เห็นความผิด หรือเห็นแต่ไม่มีโอกาสเลือกสิ่งที่ถูก หรือมีโอกาสแต่ไม่มีกำลังพอที่จะตัดสินใจเลือก เขาจึงให้กำลังใจทุกคนสู่ความแกล้วกล้า ทุกคนจึงเป็นหนี้บุญคุณเขา และยอมรับเขาดั่งมิตรผู้ประเสริฐ

    ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารณ์

    คนโง่ มัววิพากษ์วิจารณ์นินทาคนอื่น เพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริงใจด้วย เขาย่อมมีแต่มิตรเทียม

    คนฉลาด มัววิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนที่ต้องเป็นไป คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาที่แปรเปลี่ยนไปเสมอ และไม่มีคนเข้าใจจริงเคียงข้างเขา

    คนเจ้าปัญญา ย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนก็เปลี่ยนไป เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมมีมิตรแท้และมั่นคง

    ว่าด้วยผู้พูด

    คนโง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย

    คนฉลาด ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง

    คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม

    ว่าด้วยการพูดจา

    คนโง่ ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้

    คนฉลาด ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก

    คนเจ้าปัญญา ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม

    ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

    คนโง่ ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของของตนตามที่เป็น

    คนฉลาด ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด

    คนเจ้าปัญญา ย่อมเห็นความโง่และความฉลาดที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงค่อย ๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ

    ว่าด้วยการบริหารกระบวนการคิด

    คนโง่ ชอบไหลตามความคิด จึงมีภารกิจที่ไม่รู้ตัวอย่างไม่สิ้นสุด

    คนฉลาด ชอบสร้างความคิด จึงมีจินตนาการอันสวยหรูแต่ไม่เป็นจริงอย่างไม่สิ้นสุด

    คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารความคิด สร้างสรรค์ ตกแต่ง ตัดต่อ และละวางเมื่อสมควร จึงได้ประโยชน์จากความคิดสูงสุด

    ว่าด้วยความคิด

    คนโง่ ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนือง ๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึกตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด

    คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วถึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า

    คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิบากกรรมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เกี่ยวกับเรื่องของวจีกรรม

    [​IMG]

    กรรมที่ต้องกระทำทุกรกิริยา

    ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทราบว่าพระกัสสปะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้กล่าวว่า "การตรัสรู้ของสมณะโล้น จักมีมาแต่ที่ไหน"​

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ แม้ในภพสุดท้ายก่อนจะได้ตรัสรู้ พระองค์ยังต้องหลงเดินทางผิด บำเพ็ญทุกรกิริยาทรมานพระองค์เองด้วยวิธีการต่างๆ อันเป็นวัตรของเดียรถีย์ มีการอดอาหาร เป็นต้น จนสรีระผอมเหลือแต่กระดูก ได้รับทุกขเวทนากล้าอันเกิดจากความเพียรเป็นเวลานานถึง ๖ ปี กว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ​

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่

    ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้าว่า "เป็นสมณะทุศีล"​

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา​

    เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคลลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา​

    ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุอันใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฏีในพระเชตวัน เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกาจึงนำท่อนไม้มาผูกติดเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้​

    ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามหาชนเป็นอันมากแน่นอน​

    พระอินทร์ทราบความ จึงแปลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไป เมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจีมหานรก​

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา

    ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนี้ว่า "ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้บริโภคกาม" และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม​

    ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี​

    เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดที่จะทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ต่อมา จึงใช้ให้นางสุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกา จากนั้นได้ว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชาจึงมีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า "เหล่าศากยะสมณะร่วมกันฆ่านาง" พระอานนท์ทูลความให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง​

    ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเหล่าเดียรถีย์คุมตัวไปเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า "พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของเหล่าศากยสมณะ" จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด​

    ชื่อว่า กรรม แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เมื่อถึงวาระที่กรรมนั้นให้ผล แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในไตรภพ ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ด้วยประการฉะนี้

    ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๓ อรรถกถาพุทธวรรค พุทธาปทาน, ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2011
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โทษของการปรามาสหรือดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น

    [​IMG]

    ถาม : คนที่ดูหมิ่นในความสามารถของบุคคลอื่น ในทางโลกที่ผู้ถูกดูถูกเป็นคนธรรมดา เป็นคนมีศีล เป็นคนที่เจริญฌาน เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา บำเพ็ญทานรักษาศีล หรือผู้บำเพ็ญตนในวิปัสสนาญาณปรารถนาพระนิพพาน หรือคนที่ได้โมทนาบุญจากบุคคลทุกท่าน และพระทั้งหมดทั้งนิพพาน

    ตอบ:  คนดูถูกนี้ซวยแน่ๆ สรุปแค่นั้นพอ ความดีของท่านมีผลมหาศาล ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็คือ นางขุชชุตตรา ท่านไม่ทราบว่าเพื่อนท่านเป็นภิกษุณีอรหันต์แล้ว ได้ขอให้เพื่อนช่วยหยิบเครื่องแต่งตัวให้หน่อยเท่านั้นเอง ต้องไปเกิดเป็นคนใช้เขา ๕๐๐ ชาติ

    ท่านที่ทรงความดีอยู่ก็เหมือนอย่างกับไฟ ถ้าเราปฏิบัติถูกต้องก็เป็นคุณอนันต์ ถ้าปฏิบัติผิดก็โทษมหันต์ ความดีท่านยิ่งสูงเท่่าไหร่ ถ้าเราทำไม่ดีกับท่านก็ยิ่งโดนตอบแทนคืนมาแรงเท่านั้น ท่านไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรหรอก แต่ว่ากฎของกรรมกับสิ่งที่เราทำมันจะเล่นเราเอง

    เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าไม่ต้องให้ถึงขนาดที่ว่ามาหรอก ขอให้คนที่มีความดีอยู่บ้างถ้าเราไปล่วงเกินเข้า มีโอกาสก็ขอขมาเสีย ไม่อย่างนั้นเกิดโทษกับตัวแน่ๆ

    ถาม : ถึงแม้จะเป็นเรื่องทั่วๆ ไปหรือครับ

    ตอบ:  เรื่องทั่วๆ ไปไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พระอรหันต์มีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ ดังนั้นฆราวาสที่เป็นอรหันต์ท่านเลยต้องจำเป็นให้ตัดให้ตาย อยู่นานไม่ได้หรอก คนไม่รู้ไปล่วงเกินเข้าเป็นโทษแน่ๆ อย่างเช่นว่า อาจจะเคยเป็นเพื่อนฝูง เป็นลูกไล่กันมาก่อน เตะตูดเขกกบาลเล่นได้ แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์ไปแล้วเราไปทำอย่างนั้นเราก็ซวยไม่จบ หากท่านอยู่ต่อไปจะเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือน มกราคม ๒๕๔๖
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา http://niceoppai.47.forumer.com/viewtopic.php?f=2&t=18231
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2011
  18. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    ผมจำชื่อหนังฝรั่งไม่ได้เรื่องหนึ่ง ซึ่งสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของ นักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล ชื่อ จอร์น แนส
    พระเอก (รัชเชล โคล์ว) เป็นโรคทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก(หนึ่งในหลายๆล้าน) แต่เขาไม่รู้ตัวว่าเป็น (เหมือนๆกับคนบ้า ย่อมไม่คิดว่าตัวเองบ้า) และเขาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
    โรคที่ว่านี้ ผมก็จำชื่อเฉพาะมันไม่ได้ แต่อาการของมันประหลาดมาก คือ ผู้ที่เป็นโรคจิตประเภทนี้ เขาจะสร้างโลกของเขาขึ้นมาในมโนภาพ ทั้งองค์กร คน ศรัตรู สถานที่ ซึ่งมีตัวเขาเองเข้าไปเกี่ยวข้องและดำเนินงานไปแบบงานปกติ ที่สำคัญเขาเชื่อว่าทุกอย่างเป็นความจริงทั้งหมด
    ภรรยาของเขาสังเกตุเห็น เห็นเขาพูดคนเดียว คล้ายๆเจรจากับบุคคลอื่นๆอยู่ งานที่เขาทำ เขาก็ทำจริง โดยเขาได้รับหน้าที่จากรัฐบาลให้ถอดรหัสมอสส์จากฝ่ายศรัตรู (ทุกอย่างเขาสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด รวมทั้งรัฐบาลด้วย) เขาใช้ความเป็นอัจฉริยะด้านคณิตสาสตร์ในการไขรหัสลับต่างๆ โดยมีภรรยาเฝ้ามองอย่างห่วงใยและทุกข์ระทม
    เขาสร้างตัวละครทั้งในมหาวิทยาลัยที่เขาสอนอยู่ ซึ่งเขาจะทักทายบุคคลเหล่านั้นเป็นปกติ (แต่นักศึกษาหรือคนที่ผ่านมา มองไม่เห็นใครเลย งงกันหมด)

    อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัตินัก แต่ผมสังเกตุว่า โรคจิตประเภทนี้ มันทำให้คนที่เป็น เชื่อและเห็นในสิ่งที่ตัวเขาเองสร้างขึ้นมาอย่างสุดจิตสุดใจ (อาการโรคแบบนี้ ผมก็ไม่ทราบว่ามีในพระไตรปิฏกหรือไม่)

    ผมสังเกตุ คำทำนายบางชิ้น เจ้าตัวมีความรู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ เขาเห็นจริงๆ เขาได้ฌาณจริงๆ และสามารถระบุช่วงเวลาเข้าไปได้อย่างมั่นใจ ผมเลยวาบขึ้นมา นึกถึงหนังเรื่องที่เคยดูมาหลายปีแล้ว นึกถึงโรคที่พระเอกเป็น

    ยิ่งเรื่องภัยพิบัติ เรื่องต่างดาว เรื่องจักรวาล ล้วนเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลก ซึ่งอาจจะมีผู้ที่สนใจศึกษามากเป็นพิเศษ และพวกเขาบางคนอาจพบอะไรเข้าแล้ว แต่...........ถ้าพวกเขาเป็นโรคจิตอย่างที่ว่ามา จะมีใครรู้บ้างหรือเปล่าหนอ

    ปล. มาจำชื่อหนังได้ตอนจบข้อความพอดี หนังชื่อ Beautyful Mind
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2011
  19. sug552

    sug552 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +250
    กระทู้เตือนภัย ก็บอกอยู่แล้วว่ามาเตือน จะเกิดไม่เกิดก็อีกเรื่องนึง ถ้าเค้ามาเตือนว่าต้องเกิด

    วันนั้นวันนี้ หรือวันไหน ๆ แล้วเรา(ผม) เชื่อว่ามันต้องเกิดแล้วมันเกิดจริง ๆ แต่จากที่เราได้

    มีการเตรียมตัวจากคำเตือน ก็อาจจะได้ใช้ของที่เตรียมไว้(ในกรณีที่รอด ถ้าไม่รอดก็ตาย คือ จบ)

    ในมุมกลับ ถ้าเค้ามาเตือนว่าจะเกิด แล้วเราไม่เชื่อ ไม่มีการเตรียมตัว ถ้ารอดก็ไม่มีอะไรไว้

    ใช้ไว้กิน (ถ้ารอดก็อาจจะตายไวขึ้น)

    เรื่องตายผมไม่ได้กลัว แต่ผมสงสาร พ่อแม่ ลูกเมีย ของผม

    ผมไม่สนใจว่าถ้าเตือนแล้วมันไม่ตรง มันเลื่อน มันไม่ถูก ก็ช่างหัวมันซิ ไม่เกิดก็ดีแล้ว ไม่

    เคยคิดตำหนิ แต่ถ้ามันเกิดนี่ซิ คุณต้องการอย่างนั้นหรอ คุณมองแค่ว่า "เอ็งทายผิด เอ็งโม้

    เอ็งขี้อวด" แค่นี้ใช่มั้ย ?


    ผมอยากให้คุณมองที่เจตนา ของผู้ที่มาเตือน เค้าเตือนด้วยความหวังดีเจตนาดี แล้วคุณล่ะ

    มีเจตนาอย่างไรที่เข้ามา ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ เข้ามาเพื่อ ? หาข้อมูลรับรู้

    ข้อมูลเพื่อเตรียมตัว ? ค้านอย่างเดียว ? ช่วยเพื่อนหาข้อมูล ?

    ผมว่านะคุณยังไม่เคยได้รับรู้แบบประสบการณ์จริงกับภัยพิบัติ ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง

    ชื่อห้องก็บอกว่าให้เตรียม


    ผมไม่ได้ให้คุณเชื่อเพราะความเชื่อบังคับกันไม่ได้ แต่จะรู้ได้โดยตนเองต้องเคยได้สัมผัส

    ผมเพียงอยากจะบอกคุณว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ พรุ่งนี้ยังมีอีกหลายวัน รอดูกันยาว ๆ อย่า

    เพิ่งไปว่าเค้าเลยนะ


    อย่าโกรธกันนะครับ อโหสิกรรมให้ด้วย ถ้าทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจ
     
  20. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    - จริงๆแต่แรกผมก็วิเคราะห์ว่า สาเหตุภัยพิบัติน่าจะเกิดอย่างไรได้บ้าง
    ในตัวบุคคลอ้างอิงก็ต้องมีการกล่าวถึงกันบ้าง แต่ผมก็วิเคราะห์ว่าถ้าเกิดภัยพิบัติจะเกิดได้แค่ไหน เป็นไปได้แค่ไหนจากสถิติที่มี

    แต่คุณก็บอกว่าผมวิเคราะห์ตัวบุคคลอย่างเดียว ..สงสัยว่าคุณจะมีอคติตั้งแต่แรกแล้ว ถึงไม่ได้อ่านตรงส่วนภัยพิบัติเลยนี่ครับ

    ขึ้นต้นอ่านมาผมก็งง กับสิ่งที่คุณกล่าวหามาเลย .. :'(

    การที่ให้ทุกคนเข้ามาร่วมวิเคราะห์เพราะไม่ใช่ว่าผมจะเป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศกว่าใครในโลกนี้.. ผมน้อมรับความคิดเห็นของคนที่อยากจะใช้เหตุผล เพื่อหาความเป็นไปได้ต่างๆ คนทุกๆ มีความรู้ที่โดดเด่นต่างกันไป

    และก็ไม่ได้ล่วงรู้ไปทั้งหมด ทุกอย่าง ..คุณพูดแบบว่าคนที่ตั้งกระทู้ต้องเลิศด้วยปัญญาไปเสียทุกด้าน..ถึงจะตั้งได้หรือเปล่า ???


    ส่วนที่คุณว่าคนในเว้ปเป็นผู้มีปัญหาไตร่ตรองได้ว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อนั้น-ผมเห็นด้วยครับ

    แต่กระทู้วิเคราะห์นี้ก็เป็นการให้คนเข้ามาตัดสินว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ โดยอ้างอิงเหตุผล ไม่เน้นความเชื่อแบบสุดโต้ง ???

    คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ ผมก็แค่หาเหตุผลว่าจะเกิดได้ขนาดนั้นหรือไม่ และถ้าสิ่งที่ผมหาเหตุผลบอกกล่าวเป็นความจริงล่ะ ???

    --คุณก็ยังจะเชื่อว่ามีการเลื่อนไปใช่หรือไม่ ???
    สิ่งที่คุณคิดนั้นถ้าคิดแล้วเป็นบวกได้ก็ดีแล้วครับ+:cool:


    เพียงแต่คุณไม่ได้มองด้านบวกของความคิดของผมยังไงล่ะครับ :'(

    -------------------------------------
     

แชร์หน้านี้

Loading...