วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:ขอบคุณครับน้องธัมมะสามี ที่อุตส่าต์ช่วย อธิฐานสงเคราะ ปรกติ ผมไปที่ไหน ที่พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านจะสงเคราะ เป็นกรณี พิเศษ ในด้านธรรม ถูกแล้ว ที่ไม่ว่าสายไหน ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ว่า พระหรือฆราวาส ผู้หญิงผู้ชาย ผมจะเคารพ ผู้มีธรรม และเป็นอาจารย์ครับ ในสายหลวงปู่ มั่น ผมเคารพ อยู่เสมอครับ ในสายหลวงปู่ มั่น ก็มีพระอริยเจ้าเยอะครับ ในเวลา ลูก ศิษย์ หลวงพ่อฤาษี มากราบท่านที่วัดท่าซุง ท่านบอกไม่ต้องมา ถึง วัดท่าซุงหรอก หลวงพ่อชาอยู่ใกล้ๆ ใครใกล้ ตรงไหน จะไปที่นั่น ท่านจะบอก ชัดเจน เพราะ วัดท่าซุง อยู่ไกล จะเสียค่ารถมา มาก เสียเวลา


    ผมไปประกวดพระมา เมื่อวาน ที่มหาลัยธรรมศาสตร์ วันพระใส่บารต ก็ยังอฐิษฐานอยู่ นะครับ ผมจะรอวันนั้น พระอรหันต์ ในป่า ในไทย มีเยอะ ถ้า ปี ๒๘ ตอนนั้น หลวงพ่อท่านบอก พระระดับปฏิสัมภิทายาน มี ๑๐๐ กว่าองค์ ตั้งแต่ อภิญญา ถึง พระอรหันต์รดับสุกขวิปัฏสโก มี พันกว่าองค์ ตอนนี้คง ดับขันกันไปเยอะแล้ว และพระรุ่นใหม่ๆ ก็คงจบกิจ เป็นพระอรหันต์กันมากนะ ถ้า พระโสดาบัน ถึง พระอนาคามี มีเยอะ ฆราวาสเยอะกว่าพระ เขียนชื่อใส่บีบ ยังไม่หมดเลย ท่านบอกเวลานี้ พระศาสนา กำลังเจริญ รุ่งเรือง เปรียบเหมือนดอกบัว กำลังเป็นทอง ถึง คอดอกบัว ตอนนี้คงจะมากแล้ว


    เพราะหลวงพ่อ ดับขัน นานถึง ๒๑ ปีแล้วครับ ต่อไปนี้ จะมีพระอริยเจ้า มาก เหมือน พระพุทธเจ้า มีชีวิตอยู่ครับ หลวงพ่อท่านพูดไว้ พระศาสนา ยังอยู่ ก็จะมี พระอริยเจ้า ครบ ๕,๐๐๐ ปี ห้าพันปี พันปีที่ ๑ จะมาก ไปด้วยพระอรหันต์ ปฏิสัมภิทายาน พันปีที่ ๒ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ อภิญญา หก พันปีที่ ๓ จะมากไปด้วย พระอรหันต์ วิชชาสาม ที่หลวงพ่อท่านสอน อยู่นี้แหละ มโนมยิทธิ บวกอภิญญา มีฤทธิ์ทางใจ หรือ วิชชา สามบวก อภิญญา พันปีที่ ๔ จะมากไปด้วย พระอรหันต์ สุกขวิปัฏสโก พันปีที่ ๕ จะมากไปด้วย พระอนาคามี ทุกพันปี ยังจะมีพระอรหันต์ ทุกอย่างครบ แต่จะน้อยลงครับ จะมากด้วย ดังที่กว่าวมาครับ



    ผมเคยได้ยิน มีอยู่ คณะหนึ่ง บังเอิญ ผมไป ในงานกฐิน วัดขุยโพธิ อ.เดิมบางนางบวช หลวงพ่อเดชะ พ.ศ.๓๐ เศษๆ พวกเขาอธิษฐาน ว่า ขอให้เกิด กันมา บำรุง พระพุทธศาสนา จนครบ ๕,๐๐๐ ปี ห้าพันปี แล้วเมื่อใกล้วเมื่อ ห้าพันปี ตอนที่ พระศาสนา องค์สมเด็จพระสมณะโคดม ครบห้าพันปี พระบรม สารีริกธาตุ จะรวมตัว เป็นองค์ สมเด็จอีกครั้ง เทศ ๗ วัน ๗ คืน ตอนนั้น เขาเหล่านั้น ขอให้ได้ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้า แล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรมไปนิพพานตอนนั้นครับ มีพลเอกชื่ออะไร จำไม่ได้ อยู่ทางดอนเมือง ประกาศ ต่อหน้ามหาชน คนเป็นพันคน ในวันงานกฐินสามัคคีครับ
     
  2. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรง ผมเอารูปที่คนในหมู่บ้านที่ผมอยู่มาให้ดูบางบ้านเขาก็ทำตามอย่างที่แม่บ้านผมทำคือ จุดธูปกลางแจ้ง ตั้งนะโมสามจบ แล้วกล่าวอราธนาไปในทุกทิศ ว่าหากว่าในวันนี้พระอรหันต์พระองค์ใดออกจากนิโรธสมาบัติ ข้าพระพุทธเจ้าขอราธนานิมนต์เป็นคนแรก ของจงได้มาโปรดสงเคราะห์ รับอาหารบิณฑบาตร ณ ที่บ้านนี้ด้วยเถิด แล้วในทุกๆวันตอนเช้าก็จะพากันนำอาหารออกมารอ พระท่านจะมาหรือไม่มานั่นเรื่องของท่าน เรื่องของพวกเราคือพวกเรามีความเคารพสรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาทุกคนต้องการหลุดพ้นความทุกข์ยาก อะไรที่จะเป็นทางพ้นทุกข์ทั้งทางโลกทางธรรมคณะของผมนี่ตอนนี้จะตื่นตัวรีบพากันทำ คณะของผมนี่อาราธนานิมนต์ล่วงหน้ากันเลยคือขออาราธนานับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตลอดเวลาทุกวันนับแต่นี้จนกว่าพระท่านจะมาสงเคราะห์จะมากี่ครั้งจะสงเคราะห์คนใดคนหนึ่งก็สุดแท้แต่ท่าน แม้บรรดาลูกๆของผมที่เขาเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพบ้าง อยู่ที่ต่างจังหวัดบ้างเขาก็จะทำตามที่พ่อบอก คือเราไม่ได้มีโอกาสไปที่วัดและเราไม่รู้จักว่าองค์ใหนคือพระสุปฏิปันโน คณะของผมนี่ ผมพาเขารู้จักแต่วัดท่าซุง และก็วัดสระเกศ ตามหลวงพ่อบอก เขาก็ตั้งใจอาราธนานิมนต์พระที่ท่านทรงธรรมทรงความดีตามคติของพระพุทธศาสนาท่านจะอยู่ที่ใหนนี่ไม่สำคัญถ้าเป็นพระตามที่หลวงพ่อบอกนี่ท่านรู้ และที่สำคัญคือ ณ ชาตินี้พวกเรารู้แล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรคือคุณคือประโยชน์ อะไรคือโทษคือภัย ฉะนั้นอะไรควรทำก็รีบทำ

    พี่บุญทรงก็เงียบๆไว้เนี่ยผมอุตส่าห์แอบๆทำของผม พี่มาพาผมเปิดให้เขาดูหมด เอ้าใครจะทำตามคณะวิริยาธิกะพิเศษคนที่เข้าใจจะเอาอย่างก็ไม่ว่ากัน เพราะผมก็เอาอย่างท่านวิสาขา และท่านพระมเหสีของพระเจ้านันทราช ท่านอาราธนาของท่านแบบนี้ แล้วท่านได้ผลพิเศษตัวอย่างอันประเสริฐมีมามากมายเหลือคนานับแล้วทำไมบางคนอ่านพระไตรปิฎกเหมือนกันไม่ผ่านตาบ้างหรือเรื่องความเป็นพิเศษ สำหรับผมและคณะจะพากันเก็บเอง อะไรที่มันได้ผลดีมีความพิเศษ จะพากันเก็บเอง พวกผู้หญิงก็จะพากันทำตามแบบท่านพระนางมัลลิกา บวกท่านวิสาขา บวกท่านแม่รูปนันทา

    ไอ้เมียเล็กบอกว่าความสวยก็ขอเอาแค่เท่ารูปเนรมิตรที่องค์สมเด็จเนรมิต สอนท่านแม่รูปนันทา เนรมิตสอนท่านเขมาเถรีอัครสาวิกาที่เป็นเลิศด้านปัญญาจนทั้งสองท่านบรรลุอรหัตผลเราเอาสวยเท่านั้นพอเดี๋ยวคนอื่นจะอิจฉาเอา แถมยังจะขอพรพิเศษสิบประการอย่างพระนางผุสดีอีก แล้วเราจะเอาอย่างนี้ทุกชาติไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    พอบรรดาลูกสาวรู้ว่าแม่จะสวยขนาดนั้น ก็โวยวายกันยกใหญ่ไม่ได้ๆๆ แม่ๆจะแอบย่องสวยกว่าลูกๆไม่ได้ ไม่ได้ยอมไม่ได้ เขาก็พากันซ่อมแซมพระพุทธรูป ทำที่มุงที่บัง พากันทำความสะอาดพระพุทธรูป ทำความสะอาดเสนาสนต่างๆ ภาชนะใดๆที่จะใส่อาหารถวายพระตรวจตราทำความสะอาดเป็นกรณีพิเศษท่านแม่รูปนันทาทำอย่างไรเราทำอย่างนั้น สร้างพระ ถวายผ้าไตรจีวร ขึ้นชื่อว่าของสงฆ์ใดๆพากันดูแลรักษา ถ้าตกอยู่ที่ต่ำ ก็พากันเก็บขึ้นวางบนที่สูง ในที่อันสมควร

    ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูดนำเป็นพิเศษคือนับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน พวกที่ไม่รู้จักความเป็นพิเศษอย่าอยากได้แบบเรานะ ปล่อยให้พวกเราสวยกระจ่างยิ่งกว่าพระจันทร์เดือนเพ็ญ ส่องสว่างกว้างไกลยิ่งกว่าพระอาทิตย์เที่ยงวันตามยถากรรมของพวกเรา

    ของผมมันเป็นคณะที่ยากไร้อนาถาต้องใช้ความมานะวิริยะพากเพียรแสนสาหัสกว่าจะได้อะไรกับเขา อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแม้ก้นบุหรี่ ที่เขาทิ้ง ถุงที่ใส่น้ำเกลือสำหรับคนป่วยที่เขาทิ้ง กระป๋องเปล่าที่ใส่ปลากระป๋องที่เป็นรูปยาวรี กระป๋องนมข้นหวาน ที่เขาทิ้งแล้วเหล่านี้ ล้วนมีค่าเป็นของดีพิเศษสำหรับหมู่คณะของผม

    ขอแถมอีกนิดของเด็กเล่นที่ดีวิเศษของผมสมัยเด็กคือรถเล็กๆทำขึ้นเองจากเศษไม้กระดานแผ่นฝาบ้านที่กว่าจะหารูปทรงที่ต้องการได้นี่ก็หายากมาก แล้วก็รองเท้าแตะฟองน้ำที่มันขาดชาวตลาดเขาทิ้งแล้วก็เก็บเอามาตัดไห้มันกลมๆพอที่จะเป็นล้อรถได้อุปกรณ์แค่สองสามอย่างก็ทำขึ้นพอจะสมมุติว่าเป็นรถแล้วผูกด้วยเชือกปอกล้วยไว้ลากวิ่งเล่นได้กับน้องชายตัวเล็กๆ แม้รองเท้าฟองน้ำที่เขาทิ้งกันแล้วสำหรับผมก็เป็นของดีสุดพิเศษ ฉะนั้นเรื่องความพิเศษอื่นๆที่คนปัญญาดีเขาไม่รู้จัก เพราะเขาถือว่าเขามีดีอยู่แล้ว แต่พวกเรารู้จักนี่มีอีกมากนัก ใครไม่ต้องการเรื่องความพิเศษก็เรื่องของใคร แต่เรื่องของผม ผมจะพาคณะของผมพิเศษแบบนี้ มันอาจจะว่าดูว่าปัญญาน้อยไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เรื่องความเป็นพิเศษผมไม่เห็นว่าต้องใช้ปัญญามาก แค่ดูตัวอย่างพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ตัวอย่างอันดีที่ประเสริฐที่คนรุ่นก่อนๆย้อนขึ้นไปจนถึงสมัยสมเด็จองปฐมก็ยังได้ดูว่าท่านทั้งหลายทำอย่างไร ผมขอแค่มีปัญญาทำให้ได้สักเศษส่วนของความดีเหล่านั้นผมก็ถือว่าบุญหนักหนาแล้ว ส่วนใครมีปัญญาทำได้ดีขนาดใหนนั้นเรื่องของท่านผมอนุโมทนาสาธุ ผมต้องพูดมากเรื่องนี้เพราะผมเป็นห่วงลูกหลานหมู่คณะของผมพวกเราเป็นคณะฉลาดไม่มาก เดี๋ยวเผลอไปเข้าคณะที่เขาปัญญาดีไปทำอะไรงกๆเงิ่นๆ เซ่อๆซ่าๆเข้าเพราะฉลาดไม่เท่าเขา ก็จะถูกเขาดูถูกดูหมิ่นเอา ด่าว่าโคตรพ่อโคตรแม่เอาว่าไม่สั่งสอน การที่ผมทำรถลากพาน้องและเพื่อนๆวิ่งเล่นได้ผมก็ภูมิใจในสติปัญญาว่าในทั้งตำบลยังไม่เคยเห็นใครทำได้อย่างเรา มีเด็กอื่นทำบ้างแต่ความละเอียดปราณีตนี่ผมทำได้เหนือกว่ามาก ก็เป็นที่ยอมรับของเพื่อนเด็กๆด้วยกันเวลาจะทำอะไรก็จะต้องมาหาขอให้ช่วยทำให้บ้างแนะนำให้บ้าง นี่ตามที่หลวงพ่อบอก ว่าพุทธภูมินี่มันเป็นขี้ข้าเขา ไอ้เราก็เอาเลยเหมือนกันริอ่านหัดเป็นขี้ข้าเขาแต่เล็กแต่น้อย ทีไอ้การเป็นนายคนบ้างแหมมันเสือกไม่เป็น เรื่องรถนี่ก็ยาวอีก

    เดี๋ยวมาต่อเรื่องยาวมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    พระท่านบอก ว่า แม้คนที่เป็นศรัตรู กับเรา ก็ต้อง เอากันไว้ ต้องคอยช่วยเหลือกัน เผื่อไว้วันข้าง หน้าจะได้ ท้อยทีท้อยอาศัยกันได้ ไม่ให้อาคาดมาดร้ายต่อเขา ให้อภัยเขา แม้มันยาก ก็ต้องทำ อย่ามอง แต่ ความชั่ว ของเขา ให้มองดูความดีของเขา มันทำยากนะพี่น้อง ไอ้เราไม่เถียง แต่เถียงในใจ แต่เมื่อเวลาหลายๆอย่างมาถึงเรา [/COLOR]


    ไม่ทำ ก็ต้องทำ คนมันเคยรังแกเรามาเกือบ ๑๐ ปี ไอ้คนๆนี้ มันตรงตามตำราเป๊ะเลย ผมหยิก หน้า ก้อ คอสั้น ฟันขาว หาเรื่องให้ทุกข์ตลอดเลย พระก็สอนผมตลอด ที่อยู่ใกล้ มัน พระไม่อยู่ ลักของพระ เบื่อหมาตาย พระต้องหนี มาสอนเราๆสู้มาเกือบ ๑๐ ปี อุตส่าต์ทน ยังทนสู้เราไม่ได้ พระมาอยู่ ปีครึ่งปีหนีหมด ไม่เล่ารายละเอียดนะครับมันยาว วันนั้น ผมพึ่งหายจากไข้มาลาเลีย แรงก็ไม่ค่อยมี เขาทั้งอ้วนม้อต้อ เหมือนหมีควายปลักหลั่น ร่างใหญ่ มาหาเรื่อง ทั้งๆ ผมไม่เคยหาเรื่องเขาเลย เขากำกุญแจบ้านและรถ เข้าหาโถมมาต่อยผมไม่ยั้ง กอดรัดฟัดเหวี่ยงอญู่ พัก หนึ่งเขาบีบคอผม ลมหายใจใกล้หยุด


    ผมจึงกลั้นใจ ครั้งสุดท้าย แล้วหลับ ป่อยพลัง หมัดใส่ปากครึ่งจมูกครึ่ง ของศรัตรูทันที เขาหงายหลังไม่เป็นท่า ผมวิ่งเอาไม้ได้ กะจะตีให้ตาย กับสงสารเขา โยนไม่ทิ้งเฉยเลย ได้กุญแจรถยนต์กับ กับ กุญแจบ้าน ของเขา มาอยู่ในมือผม เขามาตามหากุญแจ ผมดันกับโยนลูกกุญแจให้เขาเฉยเลย มาคิดตอนหลัง เราให้เขาทำไม ทั้งๆเขามาทำเรา เกือบตาย นึกถึงจึงขำตัวเอง เขามาชวนผมทะเลาะบ่อยๆมากๆเลยครับ มีอีกคราว ทะเลาะกันได้ไม่กี่วัน ศรัตรู เดินมาหา แต่เสือกเลี้ยง ไอติมศรัตรูเฉยเลย เฉยเลย มาคิดอีกที เฮ้ยกูทำได้ไงว่ะ มาเล่าให้หลวงพี่ฟัง นั่นแหละดีแล้ว เราเอาไว้พึ่งกันเมื่อยามขับขัน


    บางที บางครั้งคนเราไม่มีมิตรแท้ ที่ถาวร และไม่มีศรัตรู เที่ยงแท้ มันย่อมแปรเปลี่ยนไปได้เสมอๆ ผมประสบกับตัวเอง มาพอสมควร ขอจบแค่นี้ก่อนครับ ให้คนอื่นมาเล่าให้ฟังมั่งครับ :cool::cool:


    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ ..
    ขอเก็บไว้จำไว้บ้างนะคะ ขอสักเสี้ยวของคุณลุงก็ยังดีค่ะ

    ส่วนที่บอกว่า ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวรนั้น มันเป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ


    ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ พิเศษจริงๆ สาธุ
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ครับผมเข้าใจครับพี่ พีทีโอ คำว่าพิเศษ หรือเลิศในด้านนั้นๆ เพราะผมก็มีได้ โอกาศ ในบางครั้ง บางคราว หรือและ พิเศษ เมื่อไปกราบ พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านมิเคยรังเกียจเรา จะให้ความอนุเคราะ เสมอๆ แม้ ลูก ศิษย์ เดียวกันยังรังเกียจ แต่ ท่านเหล่านั้น มิเคยรังเกียจ กับให้ ความอนุเคราะ เสมอมา และให้เป็นกรณี พิเศษ เราก็จะทำบุญ เป็นพิเศษๆ ตอนกินข้าว ไม่ว่าจะไปกินข้าวที่ไหนๆ ส่วนใหญ่ ผมให้ความสำคัญ และเห็นคุณค่า กับอาหาร ทุกชนิด กว่าจะมาเป็นเม็ดข้าวให้เราได้กิน ผมจะกินให้หมดจาน พยายาม จะไม่ให้เหลือสักเม็ด ในจาน เพราะเห็นค่าของ แม่โพธิสพ ที่เลี้ยงเรามา


    และคำว่าพิเศษ ผมเป็นโง่มาก่อน ๆ ก่อนที่จะพอ ฉลาดงูๆปลาๆ พอได้รู้จักอะไรดีๆ ที่ได้มาพบ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ อะไรไม่รู้ ก็ได้รู้ อะไรไม่เห็นก็ได้เห็น ไม่มีธรรม ก็ได้เห็นธรรม กับเขาบ้าง พอได้ริ้มรสพระธรรม ได้สดับฟังธรรม ได้ความรู้ในธรรม ทั้งทางโลกและทางธรรม ที่พูดไม่ค่อยเป็น ก็พูดเป็น จนบางครั้ง น้ำท่วมทุ่งผังบุ้ง โหลงเหลง ทั้งที่ทางโลก เขาทำอะไรกัน ก็ได้ทำหมดแล้ว เหลือแต่ ทางธรรม ที่จะทำวิธีไหน ให้ตัวเอง พ้นจากทุกข์ วัฏสงสาร แต่ ว่างานบางอย่าง หรือบุญบางอย่างทีทำน้อย หรือ ยังไม่พอ หรือยังพร่องอยู่ ก้ให้บุญพาไปก็แล้วกัน อย่างไหน เมื่อเต็ม ก็ให้เบื่อ หรือ ทำให้น้อยลง แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อยังมีลมหายใจเข้าออก ก็จะช่วยจรรโรงพระศาสนาตามกำลัง ที่จะกระพึงได้ ด้วยความเต็มใจครับ


    ขอเล่าเกร็ดเล้ก เกร็ดน้อยๆ เผื่อ เพื่อ ประดับความรู้ แก่พี่น้องทั้งหลาย แม่ชี สุรินทร์ วัด ก.ม. ๘ (วัดใหม่ฉายหิรัญ) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อดีด ผัวบวชพระ เมียบวชชีครับ อยู่วัดเดียวกัน ตอน ท่าน อ.ประสิทธิ์ อดีดเป็นสามี แม่ชี บวชปี ๓๕ ต้นปี มีอยู่คราวหนึ่ง ท่านบอกว่า ท่านจะจะนิมนต์ หลวงพ่อ วัดสระเกศ มาที่วัด ก.ม.๘ ท่านจึง เอาธูปมาหนึ่งกำมือ จุดอธิษฐานกลางแจ้ง บอกว่า ข้าพเข้าหรือกระผม ขอนิมนต์ สมเด็จ วัดสระเกศ มาที่งาน วัดใหม่ ฉายหิรัญ ขอให้ รับกิจนิมนต์ พระเลขา รับ จะโทร ไปนิมนต์ เพราะไม่มีเวลาพอจะไปนิมนต์ เมื่อ ทำเช่นนั้นแล้ว ท่านจึงโทรไป นิมนต์ ทางโทรศัพ พระเลขาบอก ไม่มีใคร เขาทำกันหรอก นะจะบอกให้ ต้องมานิมนต์ ด้วยตัวเอง จะไปได้อีกหรือเปล่า ก็ไม่รู้ พอดี สมเด็จ ท่านรู้ จึงเดินมา บอกพระเลขา บอก วัดนี้ ให้รับกิจนิมนต์ได้เลย ให้จดวันเดือนปี พร้อม นี่ เป็นเรื่องที่แปลก พระเลขาบอก พึ่ง มีรายเดียวเท่านั้น ที่สมเด็จ วัดสระเกศ ท่านรับ นิมนต์ทางโทรศัพครับ และอย่าเอาตัวอย่างนะครับ แต่ก็ไม่เสมอไป ถ้าเรามีบุญ หรือบารมีพอที่รับจะรับ ตรงนี้ได้ ไปถามท่านได้ นี่เรื่องจริง ไม่ได้อิงนิยายครับ


    เป็นยังไงครับ พอได้หอมปากหอมคอ นึกเรื่อไหนได้ ก็จะนมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้ บรรทึกไว้ ความจำล้วนๆ ผิดบ้าง ถืกบ้าง เป็นธรรมดา ของคนความจำไม่ค่อยดี เป็นคนที่จน ที่สุดเหมือนกัน ครับกับท่านพี่ พีทีโอ กินข้าวกล้อง ข้าวห่าน ข้าวเป็ดปลายข้าวท่อน มาเหมือนกันครับ เคยหาบ ถ่านไปแลกเสื้อผ้า ที่ตัวเมืองนครปฐม ในสมัยเด็กๆมาแล้ว ครับ หาบเท่า กับท่านแม่ผมเลย ระยะทาง ๑๐ กว่ากิโลเมตรครับ จากเลยวัดสระสี่เหลี่ยม ไปตัวเมือง นครปฐม ไปดูได้ หมู่บ้านสระสี่เหลี่ยม ต.บลดอนรวก อ.ตอนตูม จ.นครปฐม หาบเดินทางไปนะครับ บางคน เขาสงสาร เลยไปไม่ถึงตัวเมืองก็มี เมื่อก่อนหาบ บาทหนึ่ง หรือ ถึงบาทหรือเปล่าไม่แน่ใจ จำไม่ได้ หรือ สอง-สามบาท บางทีแลก เสื้อผ้า แลกของใช้ของกิน เป็นไงเหนื่อยแทบตาย แต่ต้องทำ เพราะความจน ช่วยแม่ ตำข้าว สากมือ สากตะลุมพุก ใช้สีมือ สีข้าวก่อนครับ


    เดี๋ยวมาว่าต่อนะครับ ไม่รู้ อีกเวลาไหน มีคนมาหาครับผม
     
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สมเด็จวัดสระเกศพระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าเมื่อท่านละโลกนี้ไปแล้ว ท่านไปเลยไม่กลับมาอีกแล้ว ท่านเป็นพระที่หาที่เกิดไม่ได้ ส่วนท่านจะไปใหนหลวงพ่อไม่บอก ในสมัยที่ผมเป็นปะขาวคือการที่จะบวชในนิกายธรรมยุตต้องโกนหัวนุ่งขาวห่มขาวอยู่วัดประมาณสามเดือนศึกษาพระธรรมวินัยก่อนจึงจะบวชให้ มีครั้งหนึ่งผมติดตามหลวงปู่แว่น ธนปาโลมาเข้าพิธีพุทธาพิเสกที่วัดอะไรก็จำไม่ได้แล้วที่อยุธยาจำได้แต่ว่าอยู่ติดแม่น้ำมีต้นโพธิใหญ่มาก ขณะที่ผมเดินอยู่ที่ถนนนอกเขตวัดในตอนกลางคืนก่อนพิธีจะเริ่ม อยู่ๆก็มีพระองค์หนี่งผมไม่ทันเห็นเลยว่าท่านมาจากทางใหนเมื่อเห็นท่านก็เดินมาถึงตัว แล้วท่านก็ถามทางที่เขาจะทำพิธีว่าอยู่ทางใหน เห็นท่านเดินทรงตัวไม่คล่อง ผมก็ประคองพาท่านเดินไปส่ง เมื่อส่งท่านแล้วก็นึกได้ว่านี่สมเด็จวัดสระเกศที่หลวงพ่อบอกนี่ ก็มีปิติมาก จากนั้นผมก็นั่งรออยู่นอกโบสถ์ที่ทำพิธี ก็มีพระจากที่ต่างๆมากันมาก ผมรอจนจบพิธีของคืนนั้นก็คอยมองดูท่าน กะว่าเมื่อท่านกลับ จะเข้าไปรับและพาท่านกลับคิดว่าท่านมารถยนต์ เมื่อพระองค์อื่นๆกลับแล้วบางองค์กลับวัดเลย บางองค์มาจากที่ไกลก็ค้างคืนที่วัดนั้น ผมรอจนหมดก็ไม่เห็นท่านออกมาก็โผล่หน้าเข้าไปดูข้างในปรากฏว่าไม่มีพระสักองค์ ก็คิดว่าเอาเข้าแล้ว เราเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่มีทางใหนเลยที่ท่านจะลอดตาไปได้ นึกถึงคำหลวงพ่อว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนองค์สำคัญองค์หนึ่งก็ปีติมากขึ้นจนทำอะไรไม่ถูกกราบลงไปที่พื้นดินคิดว่าท่านคงมาสงเคราะห์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่เพราะพระระดับอย่างนี้ ท่านทำไมมาองค์เดียวไม่ใครติดตามแม้แต่คนเดียวในตอนนั้น

    และต่อมาหลังพระเดชพระคุณหลวงพ่อละสังขารแล้ว ท่านมาที่วัดท่าซุงในงานครบรอบจำไม่ได้ว่าครบรอบอะไร ท่านก็ขึ้นเทศบนธรรมาศที่วิหาร100เมตรฟังท่านเทศนี่ วนเวียนแต่เรื่องพระนิพพานและเรื่องราวเกี่ยวกับอภิญญาทั้งนั้น ก็เลยเดาๆว่าท่านคงจะทรงอภิญญาขึ้นไป นี่ว่าตามที่หลวงพ่อบอก ผมไม่ได้พยากรณ์เองนะ เสียวๆสันหลังสำนักท่านลุงเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2013
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool: เช่นเดียวกันครับ ก็อนุโมทนาสาธุ บุญของ น้องๆ หลานๆด้วยเช่นกัน แหมอุตส่าต์ ติดตาม มาอ่านถึงนี่ เลยหรือครับ อุตส่าต์หลบมามุมหนีมานี้แล้ว ไม่ได้เข้า ไปในกระทู้อื่นหลายวันแล้ว เอาที่ดีๆไปได้ แต่ที่เลวๆ:cool: ของลุง อย่าเอาไปใช้นะหลาน :cool:
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลวงพ่อบอก สำหรับ สมเด็จวัดสระเกศนี้ ตายแล้วไม่ได้ผุดได้เกิดอีก ดังว่ามาจริงๆครับ ส่วนผม ได้กราบท่านครั้งหนึ่ง ที่ท่านโปรดสงเคราะ ตอนอื่นๆเข้าไม่ถึง ๆจะถึง ทำบุญแล้วต้องออกเลย เพราะ คนรอทำบุญใส่ย่ามท่านมากจริงๆครับ ส่วนผมนี้ ปรกติ สมเด็จท่านไปไหน จะต้องมีผู้ติดตาม ครับ วันนั้น ท่านนั่ง อยู่ที่ ร้าน กองทุน ทำอาหารเลี้ยงพระ ที่โต๊ะเก้าอี้ ไม่มี ผู้ใดอยู่ เลย สักคนเดียว ดูแล้ว ช่างเงียบเหงา พระระดับชั้นสมเด็จ นั่งอยู่องค์เดียวเป็นไปได้อย่างไรกัน ผมเห็นเช่นนั้น ผมเดิน เข้าไปกราบท่าน ที่ใกล้ ๆ พระบาทท่าน ๆ ยิ้มแย้ม ถามอะไรบ้างจำไม่ได้ครับนี่ ก็ท่านอนุเคราะเป็น พิเศษๆจริงๆครับผม เช่นเดียวกับของพี่นั่นแหละครับ


    ทุกคนล้วนเกิดกันมา นับชาติไม่ถ้วน ที่ติดตาม ท่านพ่อมา ไม่รู้เท่าไหร่ ที่ท่านเทศ ไม่รู้เกิดเป็นอะไรกันมามากน้อยขนาดไหน จนได้ชื่อว่า เกิดกันมา ในสมัย องค์สมเด็จ สมเด็จองค์ปฐมพระสิขี ทศพลที่ ๑ เป็นลูกเป็นหลานโหลน เหลน ก็ว่ากันไป จนท่านพ่อบอก อย่างน้อย ติดตามกันมา ๑๐ อสงไขย กำลัยแสนกัป แต่ท่านหยุดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า ส่วนใหญ่ ติดตามกันมา ๑๖ อสงไขย กำลัยอีกแสนมหากัป ที่พวกเราอฐิษฐานตามกันมา บ้างก็ เป็นพี่ น้อง พ่อแม่ ผัวเมีย กันมาแล้ว ส่วนใหญ่ มันปราถนา พุทธภูมิกันทั้ง นั้น แต่ หัวหน้า ลา มันก็ลาตามกัน แต่ไอ้ที่เขา ทำต่อ ไม่ลานั้นมีอยู่ หลายเหมือนกัน นั้นมีอยู่ บางคนไม่ลาตอนนี้ ก็คงไปลา ตอนตายก็มีครับ


    สมบัติที่ อยู่ วัดท่าซุง ท่านย่า บอก ต่อไป ก็คงไปเป็นสมบัติ ของพระเจ้าจักพรรดิราช ในสมัยโน้น ที่ลูกหลาน มันไปเป็น มีทั้งทองคำ แท่งมากมาย ทั้งเพชรนิลจินดา มีอยู่ วันหนึ่ง ผมนอนใกล้กับพี่สมาน ตอนบวชเป็นพระ ช่วยทำงานในร้อยไร่ ผมก็คิกไปว่า เอ่ หลวงพ่อบอก ทองคำ เพชรนิลจินดา มันมีอยู่ จริงตามหลวงพ่อบอกไหม หว่า อยู่ดีๆที่คิดแบบนั้น ตัวผมที่นอนอยู่ ก็หมุนติ่วๆๆๆ ยิ่งกว่าลูกข่างเสียอีก มันเกิดอะไรขึ้นนี่ ทันใดนั้น ผมก็เห็น เทวดา ยืนถือไม้ท้าว เหมือนรูปปั้น ท่านท้าวเวสสุวัณ ตัวสูงกว่า ต้น ทองกวาว ในสมัยนั้น ต้นทองกวาว มีเยอะช่วง ตรงโคว้งจะไปมฑฑป สมเด็จองค์ปฐมและพระศรีอารย์ และศาลพระภูมิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าศาลาวัดตามบ้านนอกอีกแน่ะ


    เป็นที่ประชุมเทวดา ที่ อยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อ บอก เทวดา รักษาที่วัดท่าซุง เป็นพันๆพระองค์ ที่ดูแลอยู่ ช่วยรักษา พระพุทธศาสนา เอ่านอกเรื่องไปเรื่อยๆ มาว่าต่อ ตอนที่ตัวหมุน และเห็นเทวดา คล้ายท้าวเวสสุวัณ ทันใด นั้น ตัวผมเอง มันหลุดออกไป ยืน อยู่ ใกล้จอม ปลวก และมีต้นข่อย ใหญ่ อยู่บนจอมปลวก ใกล้ต้นตาล หน้า มฑฑป สมเด็จองคืปฐม ผมรีบตะกุย ไปได้หน่อยเดียว ก็เห็นเพชร มากมาย ถูกฝังอยู่ ผมกอบมา ๒ กำมือ ประกบกัน เม็ตเท่าอีโป้ง ขนาด ดินติดอยู่ ยังสวยงามเลย ทันใดนั้นท่านก็ ตะโกน มาบอกว่า เอาไว้ ที่เดิมโว้ย ผมยังไม่เอาไว้ที่เดิม ท่านตะโกนมา ๓ เที่ยว ท่านทำท่าจะเดินตรงมาหาผม พร้อมไม้ตะบอง เพราะความกลัว ผมรีบวางเอาไปไว้ที่เดิม


    ทันใดนั้น ผมก็รู้สึก ที่ตัว เราก็ไม่ได้ฝันนี่หว่าเอ่ จริงหรือเปล่าวะ จึงลุกขึ้นยืน แล้ว ขยี้ตา แล้วมองไปทางที่ท่านยืนอยู่ ลืมตาดูนะ ไม่เห็นมีอะไรเลย เลยล้มตัวนอน แล้วหลับตา มองไปที่เดิมใหม่ แหมท่านยังยืน ถือไม้ตะบอง ยืนจังก้า ที่เดิมอยู่เลย นี่เราไม่ได้ตาฝาด แต่เป็นเรื่อง อิธฤทธิ ของท่านทำให้เราเห็นเป็นไปตามความเป็นจริงว่าทุกอย่างนั้น มีอยู่จริง ตามที่ท่านพ่อบอกทุกประการ เวลานี้ ต้นข่อย หน้า ไปทาง สมเด็จองค์ปญ เขาดันทิ้งไปหมดแล้ว เหลือแต่ต้นตาล ต้นทองกวาว ก้เหมือนกันดันทิ้งไปแล้วเพราะเกะกะ ทำทางลายาง ทางวัดจึงเอาออกมา ต้นตาลต้นนี้ เป็นต้นประวัติ ศาสตร์ของผมเลยแหละ ตกลงมาจากยอดถึงโคนต้น ไม่เป็นอะไรเลย ใส่เสื้อยึดด้วย นึกว่าตายแล้วกับไม่เป็นอะไร สลบก่อนจะถึงยอด ตาลปล่อยแขนลงมา แค่นี้นะครับ พอเห็นหลวงพ่อเดิมมากับทหาร แต่ไม่รุ้ หลวงพ่อไปทางไหนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2013
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    แหมบ้านที่ที่ถ่ายมาให้ชม ดูสอาดตา ละรานดีนะ ฐานะค่อนข้างดีแล้วกว่าผมเยอะเลย เอ่าไม่ว่ากัน บุญของใครของมัน แต่เรา ก็เป็นคนจนในชาตินี้ กันมาพอสมควร ก่อนจะตาย ก็ขอให้รวยทั้งทางโลกและทางธรรมก่อนก็แล้วกัน ค่อยตาย เอ่อ แล้วเราจะไปห้ามมันได้ไหมเนี่ย ความตายเนี่ย จะรวยก่อนตายหรือเปล่าหว่าท่านพี่ เอ่ แต่พวกเรายังดีนะ ยังจนไม่เท่า ท่านมหาทุกขตะ ตอนองค์ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นมหาโพธิสัตว์ มีผ้านุ่ง ติดตัว ขาดรุ่งริ่ง เอาไปแลก เข็มกับได้ ก็ไม่สมราคากัน เอาไปทำผ้าขี้ริ้ว ยังไม่ได้เลย เพื่อเอาไปเข้ากองบุญกฐิน สามัคคีกับเขา ในสมัยนั้น บุญส่วนนี้ ได้กระทำให้พระองค์ท่าน มาเป็น พระพุทธเจ้า บรรลุอภิเศก สัมมาสัมโพธิญาณ เอ่ท่านผ่านมายังครับ ถ้ายัง คงต้องไปเกิด ทำบารมีตรงนี้นะครับ เพื่อมาประชุมชาดก ในสมัยของท่านพี่ ขอตบท้ายนิดหน่อยครับ
     
  9. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แหมบ้านที่ที่ถ่ายมาให้ชม ดูสอาดตา ละรานดีนะ ฐานะค่อนข้างดีแล้วกว่าผมเยอะเลย เอ่าไม่ว่ากัน บุญของใครของมัน แต่เรา ก็เป็นคนจนในชาตินี้ กันมาพอสมควร ก่อนจะตาย ก็ขอให้รวยทั้งทางโลกและทางธรรมก่อนก็แล้วกัน ค่อยตาย เอ่อ แล้วเราจะไปห้ามมันได้ไหมเนี่ย ความตายเนี่ย จะรวยก่อนตายหรือเปล่าหว่าท่านพี่ เอ่ แต่พวกเรายังดีนะ ยังจนไม่เท่า ท่านมหาทุกขตะ ตอนองค์ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นมหาโพธิสัตว์ มีผ้านุ่ง ติดตัว ขาดรุ่งริ่ง เอาไปแลก เข็มกับได้ ก็ไม่สมราคากัน เอาไปทำผ้าขี้ริ้ว ยังไม่ได้เลย เพื่อเอาไปเข้ากองบุญกฐิน สามัคคีกับเขา ในสมัยนั้น บุญส่วนนี้ ได้กระทำให้พระองค์ท่าน มาเป็น พระพุทธเจ้า บรรลุอภิเศก สัมมาสัมโพธิญาณ เอ่ท่านผ่านมายังครับ ถ้ายัง คงต้องไปเกิด ทำบารมีตรงนี้นะครับ เพื่อมาประชุมชาดก ในสมัยของท่านพี่ ขอตบท้ายนิดหน่อยครับ

    พี่บุญทรงเรามาฟัดกาแฟเม็ดมะขามคั่วแล้วคุยต่อประสาเมากาแฟเม็ดมะขามคั่วความยากจน ที่คนเขาหาว่าฉลาดน้อย แล้วกระแดะอยากจิบกาแฟกับเขาบ้างเลยไปเอาเม็ดมะขามที่เขาเอาแต่เนื้อมะขามเรียกว่ามะขามเปียก นี่ก็สมัยเด็กก็รับใช้คนอื่นเขาแกะมาซะพอแรง ก็เอาเม็ดมะขามนี่แหละใส่กระทะคั่วอย่างที่เขาคั่วกาแฟทำให้มันไหม้ซะหน่อยแล้วก็ทำอย่างที่เขาชงกาแฟกัน แต่กาแฟของผมมันพิเศษอีก สันดานคนมันจะพิเศษซะอย่าง ด้วยความที่รวยน้อย แน่ะไม่ยอมพูดว่าจนอีก มันไม่มีนมข้นหวาน ไม่มีนมจืด ไม่มีน้ำตาล
    เรื่องคอฟฟี่เมทครีมเทียมอย่างในสมัยนี้ยังฝันไปไม่ถึง ก็มองไปมองมาก็มีน้ำตาลอ้อย เขาเรียกว่าน้ำตาลปึกเลยเอามาใส่เข้าให้ บางทีก็ฟัดซะด้วยน้ำอ้อยสดนั่นแหละ แหมพี่บุญทรงรสชาดอย่าบอกใคร นี่ความเป็นพิเศษที่บางคนเขาดูไม่ออกเขาไม่ได้ถูกฝึกฝนมาในเส้นทางแบบนี้ แล้วเขาก็เลยหมั่นใส้แล้วรามไปหมั่นปอดหมั่นกระเพาะอะไรก็ช่างเขา ณ วันนี้ผมกราบขอบพระคุณในความที่ผมเกิดมาในสภาพยากจนค่นแค้นแสนสาหัสอย่างนั้น จึงถูกดัดสันดานด้วยธรรมชาติโดยเนืัอแท้ ไม่อย่างนั้นผมคงจะเป็นคนยะโสโอหัง เย่อหยิ่งผยองแถมมีพองขนเข้าไปอีก เมื่อถูกดัดสันดานแล้ว จึงมาได้รับการอบรมบ่มนิสัย และมีวาสนาได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไม่อย่างนั้น ผมคงจะไม่รู้จักคำว่าเสงี่ยมเจียมตัว จะขาดคุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่ปรารถนาในพระโพธิญาณไป คือขันติ กับโสรัจจะ


    เรื่องความจนในระดับท่านมหาทุกขตะนั่นไม่ต้องห่วงผมเดาๆเอาว่าตามหลักสูตรนี่ผมคงจะทำเรื่องแบบนี้มาบ้างแล้ว ความรู้สึกแทบจะทุกอย่างมันคุ้นๆ ไม่ว่าสภาพยากจนค่นแค้นขนาดใหน หรือมั่งคั่งล้นเปรี่ยมสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวงอย่างไร ไม่เคยรู้จักคำว่าประหม่าตื่นเต้นไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะใหญ่โตระโหฐานขนาดใหนหรือหรูหราปานใด และไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับใคร ความรู้สึกมันบอกว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มันเคยมีมันเคยพบเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น นี่ผมว่าของผมตามความรู้สึก

    เรื่องความตายไม่ต้องไปห้ามมัน มันอยากตายก็เชิญตายได้ตามชอบใจของมันได้เลย ตายเมื่อไรถ้าเป็นผม ผมจะได้รีบเผ่นไปดูนางสาวฟ้าของผมก่อนว่ามีอยู่จำนวนเท่าไรและสวยสดงดงามสู้ชาวบ้านเขาได้ใหม เพราะนี่เขาก็ดูกันนี่ว่าคนใหนจะสั่งสมบุญมาดีขนาดใหนก็จะมีนางสาวฟ้ามากและสมบัติมาก ก็ตำราว่าไว้อย่างนี้


    เรื่องความรวยนี่พี่บุญทรงต้องฝึกซ้อมไว้นะ เผื่อว่าหากรวยกระทันหันนี่เดี๋ยวเขินประพฤติตัวไม่ถูก ไปทำอะไร งกๆ เงิ่นๆเข้า ก็จะถูกเขาว่าเอา ว่าไอ้เศรษฐีใหม่เอ๊ย ฟัดแฮมเบอเกอร์ผสมสปาเก็ตตี้กับเขาก็ไม่เป็น ฟัดเป็นแต่ข้าวเหนียว ปลาร้าดิบฉีกเอาทั้งตัว มันจะพาลูกหลานอายเขา พี่ฝึกๆไว้บ้างนะ ผมน่ะ ฝึกซ้อมของผมประจำ แล้วจะเล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องเล่าของผมนี่ แม้แต่ลูกสาวคนเล็กของผมนี่ก็ยังชมว่าพ่อนี่ติ้งต๊องพูดอะไรเรื่อยเฉื่อยก็ไม่รู้แล้วเขาก็หัวเราะ และเขาก็ชอบฟังชอบคุยกับพ่อก็ขนาดก่อนหลับแทบจะทุกคืนตั้งแต่เล็กจนตอนนี้อายุสิบเจ็ดแล้วนี่ยังมานอนพิงอก ฟังพ่อพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังจนแม่เขาต้องดุเอาบ่อยๆว่าสองพ่อลูกนี่คุยกันอยู่ได้ไม่หลับซะที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2013
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:ไอ้พี่พูดมาผมน่ะ ผ่านมาเสียหมดแล้ว แต่ไม่ใช่ช่วยแม่แกะที่บ้านอย่างเดียว ช่วยคนอื่นก็เยอะ ชอบกินด้วย อ่ะครับ กินมาหลายปี พวกคนรุ่นนี้ไม่มีโอกาศ ได้กินได้เห็นเหมือนเราหรอกนะ ถ้ายิ่ง กระปิ้งปิดปิ คนรุ่นนี้ไม่มีโอกาศ ได้ยินด้วยซ้ำไป ในสมัยนั้น เมื่อ พ.ศ. ไม่ถึง ๑๐ หรือเลยไป เกือบจะ พ.ศ. ๒๐ ยี่ สิบปี นี่ในสมัยนั้น หน้าหนาว มันเหน็บ หนาวจับ ขั้ว หัวใจ ขนาด เรียกว่า คนสมัยนี้ไม่มี โอกาศ ได้ชิม ลองรส ธรรมชาติ สมัยนั้นแน่นอน กล้ายืนยันนอนยัน ถ้าไมใช่คนดอย ภาคเหนือ และอิสาน ถึงหนาว สมัยนี้ดีกว่าเยอะ เป็นร้อยๆเท่า


    เพราะอะไร มีผ้าห่มดีๆ ห่มกันหนาวดี อย่างดีที่บนดอย ผิงไฟกันหนาว มีเสื้อสวยๆ ได้ห่ม ในสมัยเด็ก เพราะความรวย ของครอบครัว งี้ ผม่นะ ต้องใช้ ผ้าห่ม เป็นผ้าถุงของแม่ หรือผ้านุ่งของแม่ เอามาห่ม เราะความรวยของพวกเรา หนาวมากๆ ก็ใช้กระสอบป่าน ที่เขาใส่ ข้าวสาร มาห่ม แทนหลายๆชั้น แล้วก่อกองไฟ นอนอยู่ใกล้ๆ ขนาดนั้น ยังไม่ค่อยจะกันหนาว ได้ เลยสักนิด แต่ก็ยังดี ช่วยได้เยอะ บางที่ เมื่อถึงหน้า เกี่ยวข้าวแล้ว ใช้ วัวควาย นวด ข้าวไป แล้วใช้ ฟางข้าว ทำเป็นซุ้ม เป็นที่นอน กันหนาวได้เป็นอย่างดี เรียกว่ามันหนาวเวลาพูด ฟันขาวๆพุ่งออกจากปาก มัน พุ่งออกมาจากปากเลย แม้ลมหายใจ มันก็พุ่งออกมา เห็นเป็นแบบ ที่หนัง เขาเล่นให้เราดู เหมือนเมืองหิมะแหละครับ


    แต่ทีว่า หนาวแบบนี้ยังดี แต่ถ้าหนาวลม นี่ซิ มันหนาวเหน็บ ยิ่งกว่า หนาว ไม่มีลม เพราะพอลมพัด หนักๆเข้า มันทำให้ ผิวกาย ก้านหยาบ ผิวแตก แยะ ออกมาเป็นแผล ตามส้นตีน จนมองเห็น เนื้อแดง บางที เลือด ก็ไหลออกมา ซิบๆๆ บางทีจนลำคาญ ยิ่งพวกแมลงวัน มาตอม ด้วยเงี้ย โอ๊ย อย่าให้พูดเลย มันทรมารสิ้นดีเลย และสมัยนั้น พวก น้ำมันต่างมันไม่ค่อยมี พวกครีม หายากมากๆเลย อย่างดีที่สุด คงไม่พ้น น้ำมันมะกอก ถือว่า สุดยอดแล้วครับ ว่าไงครับ ที่พูดมา คงได้ ชิมรสชาด กันมาแล้ว ซินะ เรื่องความรวยนี่ คงไม่แพ้พี่ อยู่แล้วครับ ถ้าไปพูด เรื่อง เอาชีวิต เขามากินแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ เด็กรุ่นราวคราว เดียวกันนี้ ชิดซ้ายไปเลย สู่ผมบ่ได้ หรอกครับ


    พี่กับผมเนี่ย คงต้องพูดถึงอดีดอีก ยาวเลยแหละครับ เพราะมันคุยกัน ๓ วันคงไม่จบแน่ ถ้าเล่าบรรยาย รายละเอียดถึงปานนั้น ขอจรไปก่อนครับสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2013
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงคุยไปคุยมาเดี๋ยวทั้งพี่ทั้งผมก็กลายเป็นรุ่นกระปิ้งไป ในหมู่บ้านผมเขาเรียกตะปิ้งทำจากเงินนั่นสำหรับบ้านที่มีฐานะหน่อย ในหมู่บ้านผมก็มีน้องนางหนึ่งที่อาภรณ์พิเศษนี้ของเธอเป็นนาค ไอ้เจ้านี่ริอ่านสวยสะอาดหมดจดมาตั้งแต่เด็ก เป็นสาวก็สวย ตอนจะเป็นแก่นี่ก็ยังจะสวยไม่รู้ว่าทำบุญอะไรของเขามา แต่ก็เคยได้ยินว่ามีบางน้องนางที่ตะปิ้งของเธอทำจากทองแต่ผมไม่มีวาสนาไห้เห็น พูดแล้วใจคอไม่ดี ฟัดกาแฟเม็ดมะขามคั่วต่อกันดีกว่า

    เรื่องบ้านนี่ก็พอมีเรื่องเล่ามากเหมือนกันเป็นการบันทึกไว้ให้ลูกหลานหมู่คณะได้รับรู้ ที่หมู่บ้านทั้งหมู่นี่มีบ้านที่เป็นไม้เนื้อแข็งอยู่ไม่กี่หลังนอกนั้นเป็นเสาไม้ไผ่พื้นเป็นไม้ไผ่เอามาขึ้นรูปเป็นซี่เล็กๆกว้างประมาณนิ้วครึ่ง หรือสามสิบแปดมิลลิเมตร หรือสององคุลี หรือสองกระเบียด ถ้านึกไม่ออกก็เอานิ้วมือเรามาเรียงกันสามนิ้วนั่นแหละคือความกว้างเขาก็เอามาหลาวแล้วก็ผูกสานติดกันเป็นผืนพอที่จะเป็นพื้นบ้านได้ บ้านของพ่อเป็นแบบมีกระดานไม้ผสมเป็นยกพื้นสูงต่างระดับก็มีกระดานไม้เนื้อแข็งประมาณไม่เกินยี่สิบแผ่นในหมู่มีประมาณห้าสิบหลังคาเรือน

    หมู่บ้านนี้ก็เป็นที่ขึ้นชื่อของความร่ำรวยมั่งคั่ง ตอนเป็นเด็กเคยได้ยินผู้ใหญ่เขาคุยกันว่าคนหนุ่มในหมู่บ้านเวลาไปชอบพอสาวที่หมู่บ้านใหนถ้าสาวนั้นไม่เคราะห์ร้ายขนาดหนักนี่รับรองได้เลยว่าเขาไม่อยากคุยด้วยเพราะเขาเกรงว่าราศรีแห่งความรวยจะกระเซ็นไปถูกเขาเข้า เขาจะลำบากต้องไปรดน้ำมนต์เอาราศรีนั้นออกไป เขาไม่ต้องการจะรวยกับเราด้วย

    ที่นี้พอผมเองบ้างก็ได้ยินกับหูสองข้างของตัวเองที่เพื่อนคนหนึ่งไปรักชอบสาวที่ในหมู่บ้านตัวตำบลซึ่งตำบลนี้เขาต่างกับเราแบบฟ้ากับดิน เหมือนนายจ้างกับลูกจ้างคือนายจ้างนั้นมีทุกอย่าง แต่คนที่เป็นลูกจ้างนั้นไม่มีอะไรเลยมันต่างกันอย่างนี้ ที่นี้ไอ้เจ้าคุณเพื่อนนี้แกเป็นคนขยันขันแข็งเรียบร้อยนิสัยใจคอจัดว่าเป็นคนดี ถ้าคุยกับสาวใหนไม่มีใครรังเกียจยกเว้นพอคุยทำนองชอบพอนี่เป็นอันว่าจบเห่ แม้สาวจะดีด้วย แต่หมู่ญาติเขาจะเข้ามาแนะนำสารพัดจนต้องมีอันว่าสรุปออกมาว่า ควายนั้นมันควรจะอยู่อย่างควายมันต้องนอนในคอก อยู่ใต้ถุนบ้าน ไม่ควรพาควายขึ้นบ้านเขาเปรียบเทียบอย่างนั้น

    อมตะวาจาที่ฟังแล้วซาบซึ้งตรึงใจชวนประทับใจอยู่ในความทรงจำเสมอมา จากท่านคุณปู่ของสาวน้อยนางนั้นท่านปู่ก็ถามว่ามาจากใหนกัน เพื่อนผมตอบว่ามาจากหมู่บ้านโน้น ท่านก็พูดด้วยเมตตาปราณีว่า อ๋อหมู่บ้านนั้นรึ หมายังเข้าไม่สุดหาง ก็หมายความว่าบ้านของพวกเราใหญ่โตมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มิถุนายน 2013
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool: แหมพี่ ผมเอง ก็เคยเห็นแค่ กระปิ้งนาค เท่านั้นเอง กระปิ้งทองนี่ไม่เคยเห็นเลย คงไม่มีบุญตา หรือ ผมว่าคนรวย เขามีเสื้อใส่ดีๆนะ แต่ก็เป็นไปได้ ในรสนิยม สมัยนั้นครับ ต่างคนต่างมี กระปิ้งปิดปิ ทั้งนั้น คนไหน รวยก้อาจจะอวดมั่ง อวดมี เพราะทองในสมัยนั้น พ.ศ. ไม่ถึง ๑๐ ทองคำแค่ หนัก ๑ บาทไม่ถึง ๓๐๐ บาท ถ้าใกล้ พ.ศ. ๑๐ นี่ บาทหนึ่ง ถึง ๓๐๐ แล้ว ที่พอจำได้ ผิดขออภัย ข้าวสารกระสอบป่าน ๑๐๐ โล ไม่ถึง ๑๐๐ บาท เพราะท่านพ่อผม เวลา ทำงานได้เงินมา จะซื้อข้าวสารครั้งหนึ่ง ทีละกระสอบป่าน ใช้ จักยาน ผู้ชายสมัยนั้น คันมันใหญ่ เอาข้าวสาร พ่วง จากโรงสี มาบ้านก็หลายกิโล หรือไปซื้อ ตัวเมืองนครปฐม ๑๐ กว่ากิโล


    ผมก็เคยเอาจักยานมาพ่วงบ่อยๆ เรื่องข้าวสารนี่ เพราะว่า มันเลย ยุค ตำสาก มือ สากตะลุมพุก หรือใช้ สีข้าวด้วย โรงสีมือ ไอ้ยังว่า ผมสงสัยอยู่ เมื่อ ๗-๘ ปี ที่ผ่านมานี้ ป้าน้อย ลูกสาว เสือใบ ที่แกคุยกับผม เพราะว่าผมไปท้าวความหลังกับแก ไม่เจอกันมา ตก ๒๐ ปีกว่า จำกันบ่ได้ เลยคุยกันหลายเรื่องคุยไปคุยกันมา ดันไปพูดเรื่อง เมื่อ ๔๐ ปีก่อนโน้น สมัยเด็ก แกก็พูดมั่ง แกบอก ในสมัยโน้น แกไม่มีกระปิ้งปิดปิ แกบอก เวลาแกไปหา หลวงปู่ ปาน แกไม่มีกระปิ้งปิด ปินี่ แกนั่ง ยองๆ ของแก ก็เลย อ่า หน่อยๆ แกพูดว่า หลวงปู่บอก เอากะลามะพร้าว ไปเจาะ ให้ หรือ ให้เอาไปเจาะ ตรงนี้จำไม่ได้ ถนัดนัก ผิดขออภัย แต่เรื่องกะลา นี่จำได้ ให้เอาไปเจาะมาใส่ แทนกระปิ้ง อายเขา แกเล่าไปไอ้เราก็ขำไป คนฟังตอนนั้นมีเกือบ ๑๐ คนเห็นจะได้


    เหอๆๆๆอ่าๆๆ คนรุ่นนี้ คุยแล้วมัน พย่ะค่ะ ไอ้ที่ผมสงสัย ตอนนี้ ที่แก อายุพึ่ง ๗๐ กว่า ๆ ตอนนี้ถึง ๘๐ ยังไม่แน่ใจ แต่หลวงปู่ปาน ท่าน มรณะ พ.ศ. ๒๔๘๐ ว่าจะถามแก เลยยังไม่ได้ถาม ว่าทันหลวงปู่หรือ แกเป็นหลานหลวงปู่ปาน แต่แกเล่ามีอัธรสดีมากๆ ไม่ได้ถ่ามสักที ตอนนี้ แกก็อยู่ วัดท่าซุง ป้าน้อยนะ ลูกสาวเสือใบ วันนั้นแกเล่า หลายชั่งโมง เรื่องเป็นลูกสาวโจร ไม่มีใครมากล้าจีบแก แล้วแก ก็สวย จัดเสียด้วย แล้วใจเป็นนักเลง ด้วย แกก็เล่าถึงหลวงปู่ ปานให้ฟังเยอะ แต่จำไม่ได้ครับ มาว่าตอนผม พึ่งจะเป็นหนุ่มๆรุ่นกระทง ยังไม่ถึง อายุ ๒๐ ปี ไปทำงาน โรงสี กับเป็นลูกจ้างเลี้ยงหมู ๓๐๐-๔๐๐ ตัว เลี้ยงคนเดียว เงินเดือน ๒๐๐ กว่าบาท พ.ศ. ใกล้ ๒๐ แล้วนะ เลี้ยงหมูบ้าง ไปอยู่โรงสี บ้าง สลับกันไปสลับกันมา เพราะเป็นเถ้า แก่ คนเดียวกัน มีลูกสาว ๕ คน ล้วนสวยๆทั้งนั้นเลย ตั้งแต่คนหัวปีถึงท้ายสุด คนสุดท้อง ไอ้เราเห็นเงี้ย อดใจแทบไม่ได้ มันสวยจริงๆ ถึงขนาดเก็บไป รักคุด เลยครับพี่น้อง อยากได้มาเป็น ม.เอีย เมีย แต่ไม่กล้า เพราะความรวย ของเรานี้เอง จึงต้องเจียมเนื้อเจียม ตัว เพราะเกิดมารวยนี่เอง


    ตอนหลัง เขาก้ชอบผมนะ คนรองจากคนโต ไอ้เราก็อาย ไม่กล้า ที่จะตอบสนอง แม่น้องนาง ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ คงไม่มีเหลือ แล้ว เดี๋ยวนี้ มันแก่วิชาแล้ว หน้ามันด้าน หนา หลาย วาแล้วครับ เอ่อ จนกระทั่ง พ่อของเขา บอกว่า ไอ้ จุ่น มึงชาติ นี้ ไม่มีโอ กาศ ได้ เอาปิแล้ว ขนาดว่า ต่อ หน้า คนงานหลายคน กำลังกินข้าวกัน ด้วย เพราะว่า บางที แกจะมากิน ข้าวกับ คนงาน ไม่ค่อยถือ ตัว ผมจะเรียก แกว่า อาครับ ผมเนี้ย ไม่รู้รู้ จะเอาน่าไปมุดไว้ ที่ไหน เพราะ มันยังไม่เจน บนเวที หน้ามันบาง อยู่อ่ะครับ แหมถ้ามาถ้า เดี๋ยวนี้ ได้ แบกขึ้นบน เวทีแน่นอนครับพี่ แหม กาล เวลา ผ่านไป เหมือนจะโกหก เกือบ ๔๐ ปี แล้ว ต่างคนก็ต่างแก หน้าตา เหมือน ผีดิบ เดินได้ แต่ก็ยังติด มันอีกแฮะ ไม่ยัก กะเบื่อ ของมักเสียด้วย ฮ่าๆฮ้าๆๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2013
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ทีหลังพี่แบกขึ้นเวทีก่อนเลยนะแล้วถามชื่อแซ่ทีหลัง แต่ก็น่าเสียดายที่มีให้แบกแต่ก็ไม่มีแรงจะแบก

    พี่เราแถออกนอกทางไปกันอีกสักสิบกิโล แล้วเดี๋ยวค่อยกลับเข้ามาเรื่องความเป็นพิเศษกันใหม่ ท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านอย่าเพิ่งรำคารเรื่องราวที่พวกเราคุยกันนั้นมันใช่ว่าจะไร้สาระ สำหรับผมนี่เรื่องราวในอดีตมันคือเบ้าหล่อหลอมที่ทรงคุณค่ามาก ความเป็นพิเศษที่ปรารถนาบรรดานักวิจารย์ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเก็บกดมาจากความยากไร้อนาถา ดูรูปที่เอามาให้ดูเล่นแก้เซ็งนี้แล้วก็เอาไปพิจาระณาว่ามันมาจากเก็บกด หรือจากธรรมชาติโดยเนื้อแท้และสันดานเดิมบวกกับที่ผ่านการอบรมบ่มนิสัยมาจนชินจนเชื่อง ธรรมดาคนเรานั้น กว่าจะรู้เดียงสา กว่าจะผ่านการเรียนรู้ กว่าจะเข้าใจ กว่าจะเริ่มทำได้ กว่าจะเชี่ยวชาญ ชำนาญการนั้น ในหนึ่งชั่วอายุของคนนี่น่าจะทำอะไรได้ไม่มาก

    มาฟังคนเมากาแฟเม็ดมะขามคั่วกันต่อ พี่บุญทรงพูดถึงการแอบไปชอบลูกสาวเถ้าแก่โรงสี มันทำให้ผมต้องพูดถึงบ้าง40กว่าปีมาแล้วเหมือนกันผมไปเป็นเด็กอู่เคาะพ่นสีรถยนต์ที่สุโขทัยในตัวเมืองนั่นแหละก็พักอยู่กับเพื่อนไอ้เพื่อนก็มีน้องสาววัยรุ่นสองคน พ่อแม่ของเพื่อนนี้ก็ทำงานในโรงสีข้าวเป็นโรงสีขนาดใหญ่ใช้เครื่องจักรไอน้ำ โรงสีนี้ก็อยู่ในตัวเมืองเหนือตลาดขึ้นไปติดกับแม่น้ำยมเจ้าของโรงสีก็มีลูกสาวอีกนั่นแหละแกมีลูกกี่คนนี่ไม่รู้แต่ผู้หญิงนี่มีสามคน ก็คล้ายกันคือคนเล็กนี่อายุประมาณ12-13ปีสวยสดใส นึกถึงคราวใดใจนี่มันจะละลายบางทีมันอยากร้องไห้มันอาลัยอาดูร โอยๆ อย่ารำพัน จะอ๊วก ในโรงสีนี้มีช่างเครื่องเขาเรียกช่างไฟชื่อลุงจง มีหน้าที่คอยคุมเครื่องจักรให้เดินสม่ำเสมอคือการที่คอยปิดเปืดให้ให้แกลบ คือเปลือกของข้าวสารนี่แหละใหลลงไปในเตาไฟ ไฟก็ลุกไหม้พรุ่งผ่านหม้อต้มน้ำร้อนขนาดใหญ่น้ำร้อนจนเป็นไอน้ำเอาไปใช้เป็นแรงดันเครื่องจักรให้หมุนลุงจงนี่แกก็นอนเฝ้าเครื่องของแกที่นอนแกก็ทำเป็นห้องเล็กๆไม่ไกลเตาเผามากนัก เรื่องมันเกิดเพราะน้องหญิงนี่มักจะมานั่งอ่านหนังสือที่หน้าห้องลุงแกแทบจะทุกคืนเพราะเป็นหน้าหนาวฤดูหนาวช่วงนั้นน่าจะประมาณเดือนธันวา

    สุโขทัยนั้นก็หนาวไม่เกรงใจใครเหมือนกัน บริเวณห้องลุงจงมันมีความอบอุ่นเพราะอยู่ใกล้เตา เวลาอาบน้ำก็อาบกันในแม่น้ำหน้าโรงสีและส่วนมากก็อาบในตอนเย็นใกล้ค่ำไอ้น้องนี่เมื่อขึ้นจากน้ำได้เป็นต้องรีบผลัดผ้าที่เป็นผ้าถุงบางวันหนาวจนซักผ้าที่ใช้นุ่งอาบน้ำไม่ไหวรีบวิ่งขึ้นไปที่บริเวณหน้าห้องลุงก่อนไปยืนผิงไฟจนทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติบางทีก็ไม่ผลัดผ้าถุงวิ่งขึ้นไปทั้งตัวเปรียกๆห่มผ้าได้ก็วิ่งเลย ผมเองก็สนิทกับลุงจงแกกลับจากทำงานที่อู่ก็จะไปช่วยงานแกและนอนที่ในโรงสีชั้นบนของโรงสีมันมีหลายชั้นพอเป็นที่นอนได้ ก็มองน้องนางนี้ทุกวันจนมีโอกาสคุยกันบ้างอะไรบ้างตามเรื่องตามราวของคนที่ถูกชะตากัน

    ก็เริ่มติดตามดูแลอารักขาแต่ไม่เคยทำรุ่มร่ามให้ผู้ใหญ่ผิดสังเกต แหมทีไอ้เรื่องแบบนี้เสือกฉลาด ก็ทำตัวเหมือนทาษที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี ที่ประทับอยู่ในความทรงจำมาจนทุกวันนี้คือวันใหนที่น้องเขาผลัดผ้าถุงแล้วหนาวจัดตัวสั่นจนซักผ้าไม่ไหวก็จะเป็นคนซักผ้าถุงนั้นอย่างทนุถนอมแล้วนำไปให้ที่เธอยืนสั่นผิงไฟอยู่บางครั้งถ้าไม่มีใครเห็นก็จะนำผ้าไปตากที่ราวให้ และอะไรที่ทำได้ประสายากแล้วน้องนี้พอใจก็จะทำทันทีไม่ลังเลเลย จนในที่สุดก็ลงเอยโดยที่ไม่มีใครระเคะระคาย เรื่องน่าจะจบแบบผมน่าจะอยู่ที่นั่น แต่มันเป็นอะไรที่นึกถึงเมื่อใดเป็นต้องสอื้นในอก

    ผมมีเหตให้ต้องกลับมาช่วยงานที่อู่ของพ่อ แล้วหลังจากนั้นประมาณเกือบสองปีเมื่อกลับไปอีกก็ปรากฏว่าพ่อของเธอส่งไปเรียนที่กรุงเทพ ถามใครว่าเธออยู่โรงเรียนใหนก็ไม่มีใครรู้ ถามพี่ๆของเธอก็บอกว่าเรียนอยู่หัวเฉียวในกรุงเทพ แต่เมื่อไปเฝ้ารอก็ไม่พบ และไม่พบอีกเลยจนบัดนี้ สาเหตุที่พ่อเธอส่งไปกรุงเทพเพราะว่าเมื่อผมกลับไปแล้วแม่ของเธอเล่าให้ฟังว่าเธอก็ซึมเศร้าไม่ร่าเริงสดใสเหมือนก่อน โรงเรียนก็ไม่ค่อยอยากไปจากที่เคยขยันอ่านหนังสือก็ไม่ค่อยอ่าน อาหารการกินก็ไม่สนใจ แล้วทุกคนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อเห็นเธอไม่ตั้งใจเรียนที่สุโขทัย จึงได้ส่งให้ไปอยู่กับญาติแล้วเรียนหนังสือที่กรุงเทพ

    เมื่อปี 2554 ผมมีโอกาสพาครอบครัวปัจจุบันไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ตอนกลับผ่านสุโขทัยแวะไปดูไม่มีแม้กระทั่งโรงสีแล้ว ทีนี้ถามใครก็ไม่รู้เลยว่าครอบครัวนี้ไปอยู่ใหนกัน ก็ยืนมองทุกอย่างแบบสลดใจหดหู่ใจความระทมใจลึกๆนั้นบรรยายไม่ไหวอยากร้องไห้ จนแม่บ้านเข้ามายืนกลางร่มให้และกอดผมจากข้างหลัง แม้ไอ้ลูกสาวคนเล็กของผมก็ยังกอดแขนพ่อ ทุกคนเข้าใจ

    ผมก็บอกทุกคนว่านี่แหละความทุกข์จากการพลัดพลากจากของอันเป็นที่รัก ความรู้สึกตอนนั้นบรรยายไม่ไหวภาพตอนนั้นที่ปรากฏกับใจมันเป็นภาพซ้อนๆกันมองไม่เห็นที่สุดของบรรดาเมียๆนี่ที่ต้องพลัดพลากจากไปโดยที่ไม่สามารถคุ้มครองป้องกันได้เลย แค่เมียอย่างเดียวขนาดเราปรารถนาพระโพธิญาณสั่งสมบุญกุศลทุกรูปแบบเราไม่อาจแม้แค่พบเจอก็ยังไม่มีโอกาสเลย ในตอนนั้นก็ยืนกอดแม่บ้านกอดลูกสาวกลางแดดเปรี้ยงๆ คนที่ผ่านไปมาเขาคงนึกว่าเราโพสท่าถ่ายรูป ก็บอกลูกและแม่บ้านว่าขอทุกคนจงอย่าได้ประมาทนับแต่บัดเดี๋ยวนี้ไปจนถึงกาลอวสานทุกชาติให้เป็นนิสัยจงทำบุญให้ทานกองการกุศลทั้งปวงให้มากเตรียมตัวเตรียมใจหากว่าจะต้องพลัดพลาก หากว่าจะต้องยกให้กับบุคคลอื่นอีก ความรู้สึกมันบอกว่าที่ผ่านมานั้นมันมากเหลือคนานับมาแล้ว บุญกุศลของตัวเองก็จะได้คุ้มครองป้องกัน เมื่อไปจากอกแล้วไม่ว่าจะเป็นใครจะมีอำนาจวาสนาสักเพียงใหนจะกระทำย่ำยีให้เป็นมลทินมัวหมอง จะทำอันตรายใดๆไม่ได้เลยแม้ปลายเล็บ ขนาดนี้ใจก็จะขาด นี่จนใจนะถ้าหากขณะนั้นมีอำนาจวาสนาพลิกแผ่นดินตามหาก็จะพลิก ขอให้จำวันนี้ให้ขึ้นใจ บอกลูกสาวและเมียว่าเห็นไหมว่าทั้งคนที่อยู่หลังนี่ ทั้งคนที่จากไปนี่มันโสกาอาดูรอาลัยอาวรณ์เพียงใด


    ก็ฝากไปถึงอดีตเมียคนนี้หากว่าบุญนำพามาอ่านพบว่า ขอจงรับรู้นะว่าคนที่เคยซักผ้าถุงให้โดยไม่รังเกียจเดียจฉันในอดีตนั้นคือพี่PCOนี้ที่ปรารถนาในพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะพิเศษมีความคิดถึงห่วงหาอาวรณ์ฝากบอกว่าขอจงหมั่นสรัางบุญทานกองการกุศลทั้งปวงโดยฉับพลันทันทีตามแบบฉบับของเรา และจากนี้ไปในความที่ปรารถนาพิเศษนั้นมีอยู่ข้อหนึ่งที่ปรารถนาว่าหากว่าแม้จะมีลูกมีเมียมากขนาดใหนก็ขอให้อย่าได้มีใครพรากไปจากอกได้เลย แม้ยกให้ใครก็พาไปได้ไม่เกินสิบก้าวเป็นอันว่าต้องพากลับมายกกลับคืนให้ และไม่ว่าจะมีสักเท่าไรก็ขอให้ดูแลรักษาได้ทั้งหมด ยกเว้นบรรดาลูกๆที่เขาถึงเวลาที่มีครอบครัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ก็ฝากไปถึงอดีตเมียคนนี้หากว่าบุญนำพามาอ่านพบว่า ขอจงรับรู้นะว่าคนที่เคยซักผ้าถุงให้โดยไม่รังเกียจเดียจฉันในอดีตนั้นคือพี่PCOนี้ที่ปรารถนาในพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะพิเศษมีความคิดถึงห่วงหาอาวรณ์ฝากบอกว่าขอจงหมั่นสรัางบุญทานกองการกุศลทั้งปวงโดยฉับพลันทันทีตามแบบฉบับของเรา และจากนี้ไปในความที่ปรารถนาพิเศษนั้นมีอยู่ข้อหนึ่งที่ปรารถนาว่าหากว่าแม้จะมีลูกมีเมียมากขนาดใหนก็ขอให้อย่าได้มีใครพรากไปจากอกได้เลย แม้ยกให้ใครก็พาไปได้ไม่เกินสิบก้าวเป็นอันว่าต้องพากลับมายกกลับคืนให้ และไม่ว่าจะมีสักเท่าไรก็ขอให้ดูแลรักษาได้ทั้งหมด ยกเว้นบรรดาลูกๆที่เขาถึงเวลาที่มีครอบครัว





    เดี๋ยวจะมาต่อท้ายด้วยครับ ของผมกับของพี่มันคล้ายกัน แต่มันกับตาละปัดนะครับ ด้วยการ จากไปแล้วปรง ทิ้ง ไม่อาลัย ข้างหลังอีก เดี๋ยวนี้ มันเป็นหนักที่ว่า เห็น ลูก เมียใคร สวยๆ ใจมันคิด ฟุ้ง จะเอาดะ ทั้งๆร่างกาย ก็ไปไม่ไหวแล้ว แต่มันคอยคิด สัปดน อยู่เรื่อย บางที มันหักมุมกลับแทบไม่ทันเลยอ่ะครับ ไปใส่บารตก่อน เดี๋ยวมาต่อหน้าแถวเดิมครับ วันนี้วันพระ ไปทำบุญด้วยกันครับ


    กับมาจากทำบุญใส่บารตพระแล้วก็กิน ข้าวอิ่ม หนำ สำราญ ก็มาว่าตอน จาก ตอนที่แล้ว ต่อจากพี่ พีทีโอ นับถอยหลังจากนี้ไป เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๑๖-๑๗-๑๘ แต่อายุ ๑๘ นี่ พ.ศ.๑๙ บวชเณร อยู่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ ผมตอน ปลายปี ๑๖ ผมไปอยู่ ทำไร่ผัก ขายแถว ๔ แยก ปราณบุรี อยู่ไม่กี่เดือน ก็ไปอยู่ หมู่บ้าน คุ้งโตนด ใกล้ หมู่บ้าน เขาแดง ระหว่าง เขต ปราณบุรี กับ อ.กุยบุรี ผมไปช่วยเฮีย เขา ทำนากุ้ง หรือ เลี้ยงกุ้ง แชร์บ๊วย เคย เอาเนื้อ ฉลาม ไปตก ปู ทะเล ปูมันชอบกิน ถ้าเนื้อ ของปลาไหล ปูทะเล จะชอบกินมากกว่า เหยื่อ อย่างอื่น ครับ เพราะมันเหม็นคราว แบบฉลาม แต่จะคาว คนละอย่างกัน เนื้อฉลามนี่ คนแกง ไม่ค่อยเป็นจะเหม็น คราว ถ้นคนแกงเป็น ไม่เหม็นคราวเลย มีคนหนึ่ง แกชื่อน้าปล้อง เป็นเมียของน้าสำรวย


    แกแกงทำกับข้าว สุดยอด อร่อยหมด ยิ่งฉลาม ไม่รู้ แกแกง อย่างไร ไม่มีเหม็นคาวเลย พวกผม จะ ไปทำงาน ในนากุ้ง ๔-๕ คน เมื่อก่อนแถวนั้น ไม่มีนาเกลือ ครับ มีแต่ เลี้ยง นาปลา นากุ้ง เท่านั้น และชาวบ้านจะอาศัย จับ ปูแสม ไปทำ ปูเค็ม และจับดักตก ปูทะเล ไปขาย ไปตก แถวป่า โกงกาง ในป่าแสม ในเวลาน้ำ ว่าว มันขึ้นครับ ก็คงจำไม่หมด หรอกครับ ว่าเขาเรียกอะไรบ้าง ผมไปช่วยเขา ตก บ่อยๆ มีอยู่ครั้ง หนึ่ง ปูทะเล ไม่ใหญ่เท่าไร ผมกระชากแรงไปหน่อย ทำให้ปู ตกลงข้างล่าง ผมรีบ คว้า ใช้มือ จับ แบบปูนา เจ้ากรรม ปูมันใช้ ก้ามใหญ่แม่โป้งมัน หนีบผม ตอนที่เล็บ เลือดสาด ยิ่งกระดิกนิ้ว มันยิ่งหนีบ เจ็บมาก ดุกดิกไม่ได้เลยไม่เหมือนปูนาครับ พักพวกกันค่อยๆย่องเข้ามาหาผม พอน้ำ เสทือนนิด มันก็ยิ่งหนีบ เลือดก็ไหล พอเพื่อนมาถึง ใช้มีด ฟันปู มันก็ เราถ่างก้ามปูปออก ถ้าไม่เอาออก คงหนีบนิ้วขาดแน่ ไม่งั้น ก็คงลึก แปลกนะ พวกปูทุกชนิด ของทะเล ทำไม เวลาตาย แล้วป่อยทิ้งไว้ ในน้ำทะเล โดยไม่เอาขึ้น เนื้อมันหายไปไหนนะ ผมก็ไม่เข้าใจเหลือแต่กระดองมันครับ


    เอ่า เล่า มาเสียยืดยาวเลยครับ ผมได้เกิด ปฏิภัตร รักหยิงสาว นางหนึ่ง ขึ้นที่ หมู่บ้านแห่งนี้ ทั้งรัก ทั้งหลง เสียเหลือเกิน กินไม่ค่อยจะได้ นอนไม่ค่อยจะหลับ เพราะ ความรัก มันทรมาน หัวใจเสียเหลือเกิน บางครั้ง ดึกดื่นค่อนคืน ลุก ขึ้น ไปดู บ้านเธอ ให้เห็นหลังคาบ้านแล้ว ค่อยมานอน บางครั้ง บางคืน ตอนเธอ ลุก ขึ้นมาหุงข้าว ถึงกับ อดรน ทนไม่ไหว ต้องไปเธอ ถึงบ้าน บางครั้ง ก็พูดไม่ออก ตอนเธอ ถาม บางคืน เพื่อนสาวของเธอ ลุกมาเป็นเพื่อน หุงข้าว เธอเห็นเรา เธอก็เปิด โอกาศ ให้เรา อยู่ สองต่อสอง ก็ได้ แต่คุยสัพยอก หรอกกันไป หรอกกันมาเอ่อ มันเป็นเช่นนี้ อยู่นานเลยครับพี่ น้อง ความรักนี้ ช่าง ทุกข์เสียนี่ กระไร ไม่เห็นหน้าเธอ ขอให้เห็นหลัง ก็ยังดี ไม่เห็นยังว่า ก็ได้เห็นบ้าน หรือหลังคาบ้าน ใจมันก็ชื้น ขึ้นมาแล้วครับ ไม่เห็นยังว่า ก็มาถาม คนรู้จัก หรือ ญาติเขา ก้ชื่น หัวใจอ่ะครับ ว่าเธอไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร พี่น้องลูก หลาน จดจำไว้นะครับ มันทุกข์ทุกเร่อง กับความรัก มีทั้ง รัก ความข่มขืน ชิงชัง น่ารักน่าใคร่ น่าถนุถนอม มีทั้งความ อิฉาริษยา มีทุกรสชาด เลยครับ


    อยู่มาสักระยะหนึ่ง ผมมีเหตุ ต้องไปหาพ่อผมที่ นครปฐม พ่อ ดึงตัวผม ไว้ ไม่ให้กับมา อีก ที่ ปราณบุรี ทำให้ผม ทุกข์ทรมานใจเป็นยิ่งนัก พ่อผมซื้อ รถไถ นา ตีนา มาให้หนึ่งคัน พร้อม เช่าที่นา อีกหลายแห่ง เพื่อทำนา น้ำตม นาปรังนั่นเองครับ ผมจำใจ ช่วยพ่อพี่น้องทำนา เพราะผมเก่ง เรื่องทำนา ทุกรูปแบบ และทำกินขึ้น ไม่ว่าผมจะทำอะไร ทำกินขึ้นหมด ได้ผล พอสมควร ตามอัตภาพ คนอื่นทำแล้ว ไม่ได้อย่างผมทำ ผมจำยอม คิดถึงเธอตก ครึ่ง ปี กว่าจะตัดใจลาได้ ใช้เวลานานมากเชียว กว่าจะตัดใจจาก เธอ มันทรมาน ยิ่งกว่า สิ่งใดๆเสียอีกครับ แหม เรื่องแบบนี้ บางที รักกันจนจะปานกืน จนไม่มีอะไร ขวางกั้นแล้ว ยังไม่ได้ อะไรกันเลย เราพบกันเพื่อจาก จริงๆ เมื่อเจอ รักอีก ก็ไปทุกแบบนี้อีก จนแล้วจนเล่า แต่ว่ามันตัดใจได้เร็วกว่า ที่ผ่านๆมา ยิ่งเจอ บ่อยๆ ยิ่งได้เร็วขึ้น เรื่อยๆ แปลกนะ ที่ใดมีรัก ที่นั่น มีทุกข์ ทุกๆที่


    แต่ มันยังมีรักอีก ที่ทุก และมีเรื่องราว ที่ สลับซับซ้อน อีกหลายเรื่อง ที่คลองเจ็ก อ.บางเลน นครปฐม รักเกิดขึ้นสามเศร้า ตบตี กัน อิจฉา ริษยากัน ยิ่งกว่าในหนัง ที่เขาแสดง กันอีกนะครับพี่พีทีโอ เดี๋ยวค่อยมาว่าต่อครับ ท่าน พี่ น้องทั้งหลาย อย่าอ่านเปล่านะครับ ว่า มันมีประโยชนื ต่อทุกคน มีทั้งอัตรส โศกเสร้า อิจฉาริษยา โลภ โกรธ หลง ขุ่นเคือง ข้นแค้น คะเคร้ากันไป รวมแล้ว เป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ไปในที่สุด ทุกเรื่อง ไม่มีอะไร อยู่ยงคงกระพัน สักเรื่องครับ มาแล้วก็เปลี่ยนไป อยู่เลื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น บางครั้ง ถ้าเราไม่เอา กาย เอาใจ ออกห่างมันบ้าง เราก็ทุก มากนั่นเอง ฉนั้น บางเรื่อง บางครั้ง บางคราวเราก็ ก็ต้อง เอาใจกาย ออก บวช เพื่อ หาทางดับ บ้างบางโอกาศ เหมือน พี่กับผม ที่ออกบวช ผมในชาตินี้ ก็หลายวาระ ทั้งบวช ผ้าขาว บวชเณร เถนชี บวชพระ ไปๆมาๆ ก็ผมเองก็ยังไม่ได้อะไรเลย แต่ใจมันเพียง เริ่ม เบาลงเท่านั้นเอง ครับสวัสดี พี่ เชิยต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2013
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เรื่องความจนในระดับท่านมหาทุกขตะนั่นไม่ต้องห่วงผมเดาๆเอาว่าตามหลักสูตรนี่ผมคงจะทำเรื่องแบบนี้มาบ้างแล้ว ความรู้สึกแทบจะทุกอย่างมันคุ้นๆ ไม่ว่าสภาพยากจนค่นแค้นขนาดใหน หรือมั่งคั่งล้นเปรี่ยมสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวงอย่างไร ไม่เคยรู้จักคำว่าประหม่าตื่นเต้นไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะใหญ่โตระโหฐานขนาดใหนหรือหรูหราปานใด และไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับใคร ความรู้สึกมันบอกว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มันเคยมีมันเคยพบเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น นี่ผมว่าของผมตามความรู้สึก

    เรื่องความตายไม่ต้องไปห้ามมัน มันอยากตายก็เชิญตายได้ตามชอบใจของมันได้เลย ตายเมื่อไรถ้าเป็นผม ผมจะได้รีบเผ่นไปดูนางสาวฟ้าของผมก่อนว่ามีอยู่จำนวนเท่าไรและสวยสดงดงามสู้ชาวบ้านเขาได้ใหม เพราะนี่เขาก็ดูกันนี่ว่าคนใหนจะสั่งสมบุญมาดีขนาดใหนก็จะมีนางสาวฟ้ามากและสมบัติมาก ก็ตำราว่าไว้อย่างนี้





    :cool: อ่านไป ขำไป อ่านเสร็จ มันก็ทิ้ง เลยจำไม่ค่อยได้ วันนี้ มาทวน ข้างบนอีกนิดครับพี่ พีทีโอ ยังไม่เห็นพี่มาต่อ หรือ ว่า ติดงานครับ เมื่อก่อนที่ผมน้อยใจ ในความยากจน ในการทำงาน ของผม และต้องเปลี่ยนแปลง ของชีวิตอยู่เรื่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ รู้สึก ขอบคุณ ทุกอย่าง ที่เป็นไป แบบนั้น เพราะ ว่า ได้ทั้ง ประสบการณ์ ทั้งความรู้ และ ปัญญา ทั้งทางโลกและทาง ธรรม บางครั้ง เห็นนักบวช ผู้ คนทั้งหลาย ที่มาเอารัดเอาเปรียบ หรือ ว่ากว่าว ว่าร้าย ต่างๆนาๆ แทบจะทนไม่ได้ หรือจะเอาชีวิต หรือ เสี่ยงต่อ สิ่งต่างๆ เกิด เอือม ระอา ทั้งระบบ ราชการ ของบ้านเมือง ทุกหย่อมหญ้า ที่ไปเห็นมา และโดนกลั่นแกล้ง ทุกรูปแบบ บางครั้ง ไปชนกับพวก มันมาแล้ว ยันทบวง กระทรวง กรม ต่างๆ


    มันทั้ง ข้นแค้น แสนสาหัส ยิ่งนัก แต่ผมเองก็บ่เคยยั่น สู้ มันมาทุกรูปแบบ ชนิด ฟันต่อฟัน ตัวต่อตัว ให้มันรู้ไปเลย ว่า ให้ มึง ยิ่งใหญ่ ขนาดไหน ถ้ากูไม่ผิด ตายเป็นตาย ไม่เคยกลัวมึง กลัว อย่างเดียว เรื่องกฎของกรรม เพียงยังไม่ได้ ฆ่าคนเท่านั้นครับพี่ มีท่านแม่ ที่ผมเคารพ ผู้หนึ่ง ไม่ขอบอกชื่อ ท่านไม่ต้องการ ความดัง ท่านบอกผมบ่อยๆ และท่านก็ป่วยด้วย ขอร้องผมไว้ว่า อย่าฆ่าคนนะลูก ชาตินี้ กรรมมันหนัก ผมตอบท่านไปว่า ผมเองยังรับปากไม่ได้ ไม่กล้า รับไม่แน่ใจตัวเอง ว่าทำได้หรือไม่ครับ ไม่เป็นไร ทำไม่ได้ แต่ให้เก็บไปคิด แต่ แล้วผมค่อยๆทำ มันก็ผ่านมาแล้ว แต่ยังโกรธ หนัก อยู่ในใจ


    ผมเคยถามชาวบ้าว หลายคน จะนำขบวนการขึ้นมาใหม่ ใครจะเอาบ้าง แต่ต้องเอาชีวิตเข้าแรก ขอสัก ๑๐ กว่าคนเท่านั้น ถ้าเอาจริง ถ้าชาวบ้าน ทำผิด ก็ว่าไปตามกฎหมาย ถ้าพวก ราชการทำเลว จะจัดก่ร จับตัว ส่งเข้า ส่วนกลาง ไม่ผ่าน อำเภอ ไม่ผ่านจังหวัด เข้าส่วน กลาง กรุงเทพเลย ไม่มีใครเอาสักตัว มันเห็นแก่ตัว กลัวตายกันทั้งนั้น ระบบราชการ มันระบบ อิทธพล ลูกโซ่ ผ่านมาแล้วครับพี่ เรื่องนี้ ถ้าคุยกัน วันคืน ไม่จบแน่นอนครับ เพราะว่า จิตใจ ของพวกมัน ขาดคุณธรรม มีทั้งยส อำนาจ เงินตรา แต่ใช้ ความเป็นหัวโขน ของพวกมัน ไอ้ ที่ดี เขาก็น้อย เขามีอยู่ เขาก็ไม่ค่อยช่วย รังแกชาวบ้าน หรือ ใครไปแจ้ง ไม่ได้ พิจรณา ในความผิด เขาเอาเงินตรา ยัดให้ มันก็ไปเป็นพวก พ้องเขา เข้าข้างกันหมด ถ้าเราเอาจริงนั่นแหละ มันถึงจะเกรง เราบ้าง แต่พวกมัน คอยแทงอยู่ ข้างหลังเรา ถ้าพาดปั๊บ มึงตาย สถานเดียว นี่มันเป็นอย่างนี้ครับ แล้วพวก ที่ติดคุกนี่ คนดี ต้องไปรับกรรม ให้ไอ้พวก เวรตะไล พวก เฮี้ยๆเนี่ย มากเทียวพี่ เห็นแล้ว สลดหดหู่ บางครั้งท้อแท้ ไปหมด แต่ก็บางทีถอยครับ ถอยไปไหนไปตั้งหลักก่อน และหาวิธี ลุกขึ้นมาต่อกรกับพวกมันใหม่ แต่มีมันมีเยอะมากมายยิ่งกว่า และ รับไม่ได้ครับ


    นายพล นายพัน นาย จังหวัด นายอำเภอ นายร้อย นายสิบ ฟัดกันมาแล้วครับ นายกระทรวง ทบวงกรม ผมไปต่อกรกับ พวกนี้ มาแล้ว หรือแต่ เชื้อพวงค์นี่แหละ ยังไม่ได้ฟัด ไม่ทันฟัด แต่ต้องเลือกนะ ถ้าท่านมีคุณธรรม เราขอเทินไว้ บนหัว เหนือเศียรเกล้า ของผม ชีวิตนี้ สละได้แบบ ชนิด บ่อยั่น ครับ แบบพ่อหลวง พระราชินีนาถ ของเรา ชีวิตนี้ ให้ได้ ถ้าใครมา ทำร้ายพระองค์ แม้ ว่ากว่าวร้าย ผมก็คอยพูด ปกป้องมาแล้ว แม้ บางองค์กร มันพูดถึง เริ่ม โน้ม น้าวเรา ให้พวกเรา จะให้เป็นพวกพ้อง ของมัน พอเริ่ม สาธยาย พอไม่ถูกหูผม ผมก็ แขวะ แบบว่า รู้ทันมัน แต่พวกมันก็ไม่กล้านะ เพราะเรา ก็เราตัวโตเหมือนกัน ไม่มียศ อำนาจ ใดๆกับเขา แต่พวกมัน ก็ กลัว คนกล้า ตายเช่นเรานะครับพี่ ถึงคราว ก็ยอมมัน แต่ถ้าถึงดิ้น ก็ให้มันรู้ไปเลย


    ไม่ว่าใคร ถ้ามีคุณธรรม หรือความดี ผมกลัวคนพวกนี้ครับพี่ แม้เขาเป็นเด็ก ผมก็ยกมือไหว้ได้ แม้เกิด มา อายุน้อย ก็ตาม เชื้อพวงค์ บางคน ก็ทำตัวไม่ดี นั้นมีอยู่ ถือเนื้อถือ ตัว ถือยศ ศักดิ์ เป็นสำคัญ แต่ก็เข้าใจ ถ้าท่าน มีคุณ ธรรม บางที ยังตัดไม่ได้ ท่านย่อม ถือตัว ถ้าเข้าถึงธรรม ท่านคงไม่ถือตัวตน มากมายจนเกินเหตุ แต่ถ้าท่านเจริญ ตามพ่อหลวง แม่หลวง เหมือน พระเทพ ฟ้าหญิงองค์เล็ก หม่อมโสม เจ้าฟ้าชาย ท่านมีครบ กันทั้งนั้น ที่เห็นในทีวี ออกงานการต่างมากมาย ทั้ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ ทุกพระองค์ ทำตาม พ่อหลวงของแผ่นดิน แต่ ขอด่า สาบแช่ง ไอ้พวก กินบ้านกินเมือง กินประเทศ ทำร้ายประชาชน ทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ ขอให้พวกมัน มีแต่ ความวิบัติ ฉิบหาย วายวอย ไปจนหมดสิ้น และแพ้ภัยไป โดยสิ้นเชิง แต่ถ้ากลับเนื้อกลับ ตัว เป็นคนดี เสียใหม่ มันยังไม่สาย คำว่าสายไม่มี อภัยให้ได้ ถ้าไม่กลับ เนื้อกลับตัว ขอให้พวกมันวิบัติ ยังว่า โดยเร็ว ฉับพลัน เร็ว


    สุดท้ายนี้ ขออ้าอิง ขอพระบารมี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ พระปัจเจกะพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม ๘๔,๐๐๐ พันพระธรรมขันต์ ของพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ พระอริสงฆ์ เจ้า ตั้งแต่องค์ ต้นถึงองค์ปัจจุบัน และ จะมาในอนาคตทุกๆพระองค์ พรหมทั้ง หมด เทวดา ทั้งหมด ทุกชั้น ทุกๆพระองค์ พระสยามเทวาธราชเจ้า ทั้งหมด ทีปกปัก รักษาปรเทศไทย และบารมี ของพระโพธิสัตว์ เจ้า ทั้งหลาย คุณบิดามารดา ครูอุปัจฌาย์ อาจารย์ มีทั้งหมด จงมาเป็นที่พึ่งขอเดชเดชะ บารมี ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ เดินควบคู่ กับชนชาติไทย ให้ครบ ๕,๐๐๐ปี ห้าพันปี เทอญ สา ธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2013
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงที่ไม่ต่อก็ติดงานงอมแงม วันหลังว่าจะไปถัำกระบอกไปบำบัดเอางานออกซะบ้างบางคืนทำงานถึงตีสองก็มี ไม่รู็มันจะขยันอะไรหนักหนา

    ถ้าพูดเรื่องความคับแค้นใจนั้นมันมีมากยิ่งเรื่องการเมืองการปกครองนี่พูดไม่ได้ของมันจะขึ้น ถือว่าเราเกิดผิดยุคผิดสมัยก็แล้วกัน เราถูกฝึกถูกอบรมมาอีกแบบหนึ่งแล้วดันเกิดมาเจออีกแบบหนึ่งมันเลยปรับตัวไม่ทัน อย่างที่ผมเพิ่งบอกไปเรื่องการเกิดในอดีตผมฝันเอาของผมเองว่าเคยเกิดมาแล้วทุกรูปแบบ

    พี่บุญทรงเองถ้าไม่มีภาระอะไร หรือมีภาระถ้าจะวางก็วางทิ้งมันไป เลิกเกิด แล้วติดตามไปอยู่กับพระเดชพระคุญหลวงพ่อกลุ่มเดิมของพวกเราดีกว่าผมเข้าใจที่พี่พูดนะ พี่จิบกาแฟเม็ดมะขามคั่ว ให้ใจเย็นๆ ตอนนี้ผมได้อัญเชิญน้ำมนต์ชาตรีต้มเป็นน้ำร้อนชงกาแฟเลยทำให้ผมค่อยเชื่องลงมาหน่อย

    ไม่งั้นมันจะโดดกัดหูสบัดๆเอาด้วยความใจดี แถมขี้เล่นเอาง่ายๆ ความรู้สึกเดิมมันคอยจะมองเห็นว่าท่านบางคนนี่น่ารักน่าเอ็นดูคล้ายเป็นจิ้งหรีด มันคิดจะเด็ดหัวเขาลูกเดียว

    ไม่แน่นะบางทีพวกเราอาจจะเกิดสมัยเชียงแสนมาแล้วก็ได้ สมัยที่ต้องรบกับขอมดำ สมัยนั้นพ่อสั่งว่าเจอขอมดำที่ใหนพวกเจ้าก็จงเมตตาปราณี ให้รีบด่วนอย่าช้าที จงรีบส่งไอ้ อีเหล่านั้นไปเกิดใหม่โดยเร็วพลัน แม้แต่เด็กที่เกิดในวันนั้น พวกเจ้าก็จงเมตตาสงสาร อย่าได้ทรมารมันรีบเด็ดหัวมันเสียมันจะได้ไปอยู่กับครอบครัวของมัน ขืนปล่อยให้อยู่มันก็จะร้องเรียกหาพ่อหาแม่ ดูแล้วเป็นที่น่าเวทนาสงสารยิ่ง พวกเจ้าก็อย่าได้ใจไม้ใส้ระกำเด็กตาดำๆเจ้าต้องฟันมันทีเดียวให้หัวขาดกระเด็นไปไกลอย่างน้อยสี่ศอกกับหนึ่งคืบมากกว่านี้ได้แต่น้อยกว่าไม่ได้ ถ้าขุนทหารของพ่อคนใหนเด็ดไอ้พวกขอมดำไม่กระเด็นไกลอย่างที่พ่อสั่ง พ่อจะลงโทษมันผู้นั้นสถานหนัก คือสั่งงด ห้ามการมีเมียเพิ่มอย่างน้อยสามปีนับแต่วันออกคำสั่ง ใครจะเป็นอย่างไรไม่รู้นะ
    (อันแรกน่ะพ่อสั่งว่าถ้าพบเจอขอมดำที่ใหนฆ่าทิ้งให้หมดแม้แต่เด็กแรกเกิดในวันนั้น ที่เหลือผมบังข้างหลังหลวงพ่อถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้)สั่งซะเอง

    แต่สำหรับผมถือว่าเป็นการถูกลงโทษที่ร้ายแรงหนักหนาสาหัส ของลูกผู้ชายชาตรีชาตินักรบ ลูกผู้ชายเชื้อสายท่านพ่อประเสนทิโกศล กับท่านแม่มัลลิกาเทวีถ้าถูกลงโทษเยี่ยงนี้ถือว่าน่าอับอายขายหน้ามาก ฉนั้นจะยอมถูกลงโทษเยี่ยงนี้มิได้ มิได้ และจะส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญเพ็ยรมาก จะทำให้การเจริญสมณธรรมด้านพรหมวิหารสดุดลง พอขึ้นตัวเมตตาก็ไปต่อไม่ได้ พอพื้นฐานเมตตาไม่มี การรักษาศีลก็ไม่ทรงตัว เมื่อศีลไม่ทรงตัว สมาธิก็ไม่ทรงตัว เมื่อไม่มีสมาธิปัญญาก็จะไม่เกิด เมื่อไม่มีปัญญาก็จะไม่สามารถตัดกิเลสเป็นสมุทธเฉทประหารได้ มรรคผลพระนิพพานก็ไม่เกิด การถูกลงโทษเยื่ยงนี้ใหญ่หลวงนัก การไม่มีปัญญาก็จะกลายเป็นคนโง่ แล้วคนโง่ก็จะเป็นคนที่น่ารังเกียจ และน่าอะไรต่อมิอะไรสาระพัด เพราะฉะนั้นลูกของพ่อจะเป็นคนโง่ไม่ได้จะนำความเสื่อมเสียไปถึงท่านได้

    ดังนั้นลูกที่มีความกตัญญูรู้คุณของพ่อปเสนทิโกศล พ่อพระร่วงโรจนฤทธิ พ่อขุนศรีเมืองมาน พ่อพระยากาญจนบุรีที่ท่านแม่บัวคลี่ บอกว่าพ่อเป็นคนที่มีเมตตาปราณีมาก คนก็เลยรักท่านมาก ในเมื่อคนอื่นรักท่านได้ ท่านก็เลยต้องรักคนอื่นได้ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว มันจะขาดคุณสมบัติคนที่ปรารถนาพระโพธิญาณไป ลูกอย่างผมมันเป็นคนว่านอนสอนง่ายต้องทำตามแบบอย่างที่พ่อทำคนเราถ้าขาดเมตตาแล้วจะไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เยี่ยงไร พี่บุญทรงว่าไม๊

    ถ้าพี่บุญทรงไม่มีภาระด้านพระโพธิญาณ พี่ก็พอเสียทีนะคือเลิกเกิด ทุกอย่างปล่อยให้มันเป็นไปตามกฏของกรรมมัน พาหมู่คณะเท่าที่เขาจะตามพี่ได้ พาไปสวรรค พาไปพรหม พาไปพระนิพพาน สมบัติส่วนที่เหลือฝากผมไว้ก็ได้นะจะพาไปส่งให้ภายหลังด้วยรถไฟด่วนขบวนพิเศษ การเดินทางที่ยาวนานหนักหนาผมก็ต้องการให้ทุกคนที่เป็นผู้โดยสารได้อาศัยเดินทางไปกับขบวนรถที่มีความสดวกสบายมีความปลอดภัยเป็นพิเศษแบบนี้ในรูปนี้เป็นแค่ตู้นอนชั้นสองปรับอากาศของขบวนรถไฟด่วนพิเศษสายใต้กรุงเทพสุดปลายทางที่บัตเตอร์เวิธประเทศมาเลเซียแค่ชั้นสองนี้ก็มีความสุขสดวกสบายของผู้โดยสารพอสมควร

    แต่ขบวนที่ผมจะพาหมู่คณะญาติมิตรบริษัทบริวารของผมไปพระนิพพานนั้นผมต้องการสุดพิเศษกว่านี้มาก ในเมืองไทยขบวนรถไฟที่ระทางยาวที่สุดก็สายนี้ภายในขบวนรถชั้นสองนอนที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนทั่วไปมันมีเท่านี้ ก็เลยพาหมู่ญาติไปได้เท่านี้ ส่วนตู้โดยสารชั้นหนึ่งลืมถ่ายรูปเก็บไว้เพราะนานๆจะเดินทางสักที

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CIMG2377.JPG
      CIMG2377.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      63
    • CIMG2380.JPG
      CIMG2380.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      62
    • CIMG2386.JPG
      CIMG2386.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      89
    • DSC09673.JPG
      DSC09673.JPG
      ขนาดไฟล์:
      135.4 KB
      เปิดดู:
      59
    • IMG_0105.jpg
      IMG_0105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      53
    • IMG_0285.jpg
      IMG_0285.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_0289.jpg
      IMG_0289.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      51
    • P3280732.JPG
      P3280732.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      75
    • DSC09675.JPG
      DSC09675.JPG
      ขนาดไฟล์:
      139.5 KB
      เปิดดู:
      62
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เลิกนึกถึงการเมืองดีกว่าชาตินี้ไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของพี่ของผมมันถูกเปลี่ยนมาให้เป็นกรรมกรเป็นข้ารับใช้ชาวบ้านเขาก็เอาทนก้มหน้า

    คุยถึงน้องนางกันต่อดีกว่า แล้วก็จะเข้าใจว่าพระคุณใหญ่หลวงรองจากแม่ก็คือนางแก้วที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อบุคคลอันเป็นเป็นที่รักนั้น สมควรที่คนที่เป็นลูกผู้ชายจะกระทำต่อน้องนางอย่างไร

    เห็นในเว๊ปพุทธภูมินี้คนปรารถนาพระโพธิญาณ แต่ไม่ต้องการนางแก้ว ไม่ต้องการมีสนมนารี ต้องการประพฤติธรรมอย่างเดียวบ้างอะไรบ้างก็เอาเป็นเรื่องของท่าน คนใหนไม่ต้องการนี่เอามาฝากผมก็ได้ มีเท่าไรที่ไม่ต้องการนี่เอามาฝากไว้ได้เลย แหมไอ้เมียเล็กหัวเราะคิกนั่งอยู่ข้างๆนี่ บอกจะไม่รับได้ไงขนาดเจ้าของเขาหวงยังไปยืนมองทำตาละห้อย โธ่เอ๋ยที่มองน่ะเพราะบางอย่างก็อยากจะให้น้องหญิงมีคุณสมบัติที่ดีอย่างเขา

    เมื่อหลายวันก่อนดูทีวีรายการกระบี่มือหนึ่งมีเจ้าของรถบริษัทรถทัวร์นครชัยแอร์เจ้าของเป็นผู้หญิงที่มีแนวคิดดีมาก ดีเป็นพิเศษ คือเขาทำรถทัวร์ทุกสายตบแต่งภายในเอาแบบเครื่องบินเลย การบริการก็คล้ายบนเครื่องบิน การฝึกฝนอบรมพนักงานก็ดีมาก การดูแลเอาใจใส่ต่อพนักงานของเขาก็ดีมาก ก็บอกทุกคนให้ดูเป็นตัวอย่างว่าให้เอาเยี่ยงอย่างที่ดีมากๆนี้ขอทุกคนจงได้จดได้จำ คณะเราต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดมอบไว้ให้กับทุกคนที่เขาเห็นคุณค่าเห็นประโยชน์

    ท่านเมียเล็กนี่เกือบทุกครั้งที่พิมพ์นี่ก็จะอยู่ด้วยนั่งบ้างนอนบ้างอยู่ข้างๆชงกาแฟให้บ้าง หาน้ำ หาขนมเล็กๆน้อยๆมาให้บ้างตามเรื่องตามราว ดึกดื่นแค่ใหนก็อยู่ด้วยบอกว่าเอาอย่างแม่บัวคลี่ เจ้านี่เพิ่งพบเมื่อไม่นานมานี้ยังดีที่มาทัน เจ้านี่ตัวดีเลยตัวอาสาเลยว่าจะติดตามเทวีที่ดีหาเอามาให้ พูดอย่างเดียวกันเลยกับแม่มัลลิกา บอกว่าชาติหน้าอย่างน้อยหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณน์ ไอ้เรานี้อย่างกับปลากระดี่ได้น้ำ เอาไว้เจอชาติใหม่ตอนที่พร้อมก็แล้วกัน ทีตอนที่เราแตกเปลี่ยวใหม่ๆไม่รู้มัวไปอยู่เสียที่ใหน ชาตินี้ถือว่าจะหมดเวลาแล้ว แล้วก็เราเป็นคนรวยไม่มาก ไม่ยอมพูดคำว่าจนซะงั้นแหละ

    ในชาติต่อไปหากนรกไม่ลากเอาไปซะก่อนนี่ ปลายๆ พศ 2700 จะได้ไปเจอกันในพิกัดน้ำหนัก180ปอนด์กับพี่ท่านฮิตเล่อร์บวกพี่มุสโสลินี ตอนนี้เข้ารอบไปนวดน้ำมันมวยรออยู่ก่อนแล้ว ขอเจอในน้ำหนักเดียวกันเวทีงานวัดท่าซุงไม่มีการต่อน้ำหนักนาพี่นา คนหนึ่งจะไปเป็นพระมหากษัตย์ คนหนึ่งไปเป็นพระที่วัดท่าซุงนี่แหละในสมัยโน้น ผมขอแค่น้องๆท่านโชติกะมหาเถระ ขอเป็นแค่สามัญชนแต่มีสตางค์ มีอำนาจมีพรรคพวกบริษัทบริวารมาก มีครูบาอาจารย์ที่ดี มีทีมที่ปรึกษา ทุกอย่างครบถ้วน ที่ขาดไม่ได้คือบรรดาน้องนางทั้งหลายที่เป็นกำลังสนับสนุนอันสำคัญยิ่ง ก็บอกฝากถึงทีมงานวิริยาธิกะพิเศษ พวกท่านจงฟัง ในอนาคตกาลภายภาคหน้านั้นอันตัวเราจะพาพวกท่านมาทำงานใหญ่สร้างรถไฟด่วนขบวนพิเศษ เพื่อการเดินทางที่สดวกพร้อมสรรพสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวงตลอดการเดินทางจนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ก็พอมีสตางค์แค่ทำถนนเป็นกำแพงสูงสิบห้าเมตรกว้างเท่าถนนสี่เลนท์เป็นกำแพงกั้นรอบประเทศไทยทั้งหมด บนนั้นจะมีพระพุทธรูปสมเด็จองคปฐมหน้าตักหกศอกปิดทองประดับเพชรประดิษฐานเป็นระยะจำนวนแปดหมื่นสี่พันพระองค์ เอาแทคเตอร์ดันไอ้ปราสาทอะไรนั่นทิ้งไปให้พ้นเขตประเทศไทยซะมันจะได้ไมีเหตุอะไรมาทะเลาะกันอีก สร้างสพานข้ามทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกจากอำเภอสัตหีบข้ามไปลงที่ประจวบคีรีขัน งานที่สำคัญๆอีกมากนักคอยเราอยู่ ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมตัวใหัพร้อมสรรพ

    เสบียงกรังต่างๆขอให้พวกท่านจงเร่งรีบจัดหารวบรวมอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญเช่นหยูกยา ข้าวสารอาหารสด อาหารแห้งเสื้อผ้าอาภร ปัจจัยสี่ให้ครบ และสิ่งต่างๆที่จำเป็น และไม่จำเป็น แม้ของใดๆที่เป็นสัญลักษ์ที่อยู่ในมือผู้ใดก็บ่งบอกความมั่งคั่งของผู้ถือครอบครอง อย่างกระเป๋าถือหนังจิ้งเหลนอายุเพิ่งแตกเนื้อสาวก็อย่าได้ลืมเอาไป แล้วก็ลืมอย่าโทรศัพพ์มือถือ โดยด่วนอย่าช้าที

    นั่นก็หมายความว่า นับแต่ได้รับข่าวสารนี้
    หนึ่งจงรีบพากันถวายสังฆทานสถานเดียวนับแต่นี้ยันเข้าพระนิพพาน ทานปาฏิกบุคลิกทานไว้เป็นอันดับสอง

    สองจงสร้าง จงถวายพระหนังสือพระไตรปิฎก หนังสือธัมมะ ต่างๆไว้ในพระพุทธศาสนา หนังสือสาระความทั่วไปที่มอบไว้ในที่ต่างๆตามห้องสมุดทั่วไปนั้นดีมีประโยชน์แต่อานิสงค์น้อยกว่า ขอให้จดจำว่าเราเป็นคนไม่รวยมาก สตางค์บาทต่อบาทจงเลือกใช้จ่ายให้ได้ประโยชน์สูงสุด จงเลือกเนื้อนาบุญที่ดี เหมือนเราปลูกพืช ปลูกต้นไม้ ก็ต้องเลือกดูพื้นที่เพราะปลูก จะปลูกต้นโพธิใหญ่ก็จงอย่าได้หลับตาดันไปปลูกในซอกหินผามันไม่เจริญงอกงาม ส่วนใครจะว่าเลือกที่รักมักที่ชังนั้นจงอย่าฟังความ ทีเวลาเราไม่ฉลาดเท่าเขา ก็จะถูกพวกอวดฉลาดเยาะเย้ยถากถาง เอารัดเอาเปรียบ พวกท่านจงทำให้เห็นเลยว่ากลุ่มของเรานั้นทรงพลังอย่างไร

    สามจงรีบสร้าง พระพุทธรูปโดยฉะเพาะอย่างยิ่งสมเด็จองค์ปฐมบรมครูบูระพาจารย์ ทั้งสร้างทั้งซ่อมแซมทั้งทนุบำรุงดูแลรักษา รวมถึงเสนาสนของสงฆ์




    เดี๋ยวมาต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มิถุนายน 2013
  18. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    แหมๆ คุณลุงคะ ก็มาเอาของดีแหละค่ะ ของไม่ดีไม่โมทนาด้วยเด็ดขาด .. อันไหนพอจะเป็นข้อคิดได้พอจะจำและนำไปใช้ได้บ้าง ดิฉันก็ไม่ขอพลาด ไม่ว่าจะสาวก หรือ หน่อพุทธภูมิ เราๆท่านๆก็ยังจำเป็นต้องเพียรสร้างบุญ กุศล บารมี เหมือนกัน แต่ดิฉันมันบุญน้อย เป็นหมาหน้อย ตั๋วหน้อยๆ เลยต้องค่อยๆเดิน ค่อยๆทำ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก สักวันต้องถึง ...

    ลองผิดลองถูกเช่นกันค่ะ (ส่วนมากจะลองผิด) เลยมาขอประสปการณ์ไว้เป็นแนวค่ะ ถึงไม่อาจจะเจอกับตัวเองบ้าง แต่ก็รู้ไว่ใช่ว่า..นี่คะ
    ประสปการณ์ของจริง มันดีกว่าการไปนั่งรู้จำในตำรา(บางเล่ม)อีกนี่คะ :cool::cool:
     
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:ถูกต้อง ยอมรับซึ่งกันแลกัน ถึงจะมี ก็ให้อยู่ในใจครับ ชอบครับ พูดตรงดี นี่แหละ คำชอบของผมครับ (ส่วนมาก จะลองผิด)มากว่าครับ นี่แหละของผมเลยแหละครับ ร้อยครั้ง ชนะครั้งเดียวก็ยังดี ๆ กว่าไม่ชนะมันเลยครับ และความผิดหวัง นี่ก็เหมือนกัน เป็นชีวิตจิตใจผมเลยครับ ความสมหวัง ไม่ค่อยจะได้ เดี๋ยวไปต่อของพี่ พีทีโอ ครับ มัน ทุกถ้วย กระทงความ รู้หมด แต่ อ่านแล้ว ผมเข้าใจได้หมด มันเลือนไปเกือบหมดเหมือนกันครับ ความจำมันเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไปทวนอีกนิดๆ ตั้งแต่ ตี ๕ ครึ่งไปตอบ พวกน้องเรื่องกิเจมา ให้มาดูพุทธภูมิที่มีกำลังแบบ พี่ พีทีโอ พุทธภูมิเก๊ ผมไมชอบ ชอบประเภท นี้ มากกว่า ครับ พุทธภูมิแท้ ไม่ว่า บารมีระดับไหน เคารพหมดแหละครับ ของใคร ของมัน เคารพสิทธิ์ ซึ่งกันและกัน
     
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    rungdao อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ บุญทรงพระเครื่อง
    เช่นเดียวกันครับ ก็อนุโมทนาสาธุ บุญของ น้องๆ หลานๆด้วยเช่นกัน แหมอุตส่าต์ ติดตาม มาอ่านถึงนี่ เลยหรือครับ อุตส่าต์หลบมามุมหนีมานี้แล้ว ไม่ได้เข้า ไปในกระทู้อื่นหลายวันแล้ว เอาที่ดีๆไปได้ แต่ที่เลวๆ ของลุง อย่าเอาไปใช้นะหลาน

    แหมๆ คุณลุงคะ ก็มาเอาของดีแหละค่ะ ของไม่ดีไม่โมทนาด้วยเด็ดขาด .. อันไหนพอจะเป็นข้อคิดได้พอจะจำและนำไปใช้ได้บ้าง ดิฉันก็ไม่ขอพลาด ไม่ว่าจะสาวก หรือ หน่อพุทธภูมิ เราๆท่านๆก็ยังจำเป็นต้องเพียรสร้างบุญ กุศล บารมี เหมือนกัน แต่ดิฉันมันบุญน้อย เป็นหมาหน้อย ตั๋วหน้อยๆ เลยต้องค่อยๆเดิน ค่อยๆทำ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก สักวันต้องถึง ...

    ลองผิดลองถูกเช่นกันค่ะ (ส่วนมากจะลองผิด) เลยมาขอประสปการณ์ไว้เป็นแนวค่ะ ถึงไม่อาจจะเจอกับตัวเองบ้าง แต่ก็รู้ไว่ใช่ว่า..นี่คะ
    ประสปการณ์ของจริง มันดีกว่าการไปนั่งรู้จำในตำรา(บางเล่ม)อีกนี่คะ

    ยินดีต้อนรับคุณRungdaoอย่างยิ่งที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ชื่อนี้ทำให้นึกถึงหนังสือจีนกำลังภายใน ชื่อกระบี่ดาวรุ่ง แปลโดย น.นพรัตน์ ใครชอบนิยายกำลังภายในลองอ่านเล่นดูนะครับ พระเอกในเรื่องนั้นตกระกำลำบาก ยากไร้อนาถา ต่อสู้ดิ้นรนสารพัดอย่าง บางทีเวรกรรมมันก็พาชีวิตคนเราอ้อมไปอ้อมมา สมัยนั้นสมมุติว่ามีใครชวนไปวัดฟังธรรมฝึกพระกรรมฐานก็คงไม่ไป พระท่านเลยพาอ้อมๆให้ไปอ่านกำลังภายในน่าจะอ่านมาเป็นร้อยเรื่อง ต่อมาเมื่อมีโอกาสไปเป็นกรรมกรที่ตะวันออกกลางไม่มีหนังสือกำลังภานในอ่าน ก็ไปเจอหนังสือต่วยตูนว่าด้วยเรื่องสกดจิต อำนาจจิต การส่งกระแสจิต โทรจิตของฝรั่งเข้า เอ มันเข้าท่า ของกำลังภายในขึ้นต้นด้วยการโคจรลมปราณ ก็ลองเอาจิตไปตามจุดต่างประยุกต์บวกของฝรั่งที่รวมพลังจิตให้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพรุ่งออกไป ทำอะไรก็ได้ยกของได้ตามน้ำหนักของจิตที่มีพลัง ใช้ยกช้อน หักช้อนซ่อมเล่น ส่งกระแสจิตเรียกคนนี่เขาทำกันได้นะ แล้วค่อยเล่าให้ฟังวันหลังเรื่องนี้สนุกมาก บังเอิญมีวันหนึ่งไปอ่านเจอในหนังสือขวัญเรือนเรื่องคนเหนือโลกอ่านเจอว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเดินบนผิวน้ำได้ผมก็เลยมาจบที่หลวงพ่อ ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปอย่างไร

    ก็ตรงกันกับที่คุณRungdaoบอกว่าลองผิดลองถูกนั่นเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ว่าอันใหนมันผิดอันใหนมันถูก ทีนี้ถ้าหากว่าจะลองถูกดูบ้างก็ขอให้ติดตามพระสัทธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุงนำมาอธิบายขยายความ ย่นย่อพอให้ง่ายต่อการเข้าถึงรสพระธรรมตามวาสนาบารมีของแต่ละคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...