**วิชานางจัน** สุดยอดตำนานความขลัง ของ อ.โอม เมืองสุรินทร์

จะเล่าให้หมดเปลือกเลยครับ...

 

ใช่ครับ...ดวงจิตของนางจันแต่ละคน อยู่ในระดับที่เป็นกึ่งๆ ระหว่างมนุษย์กับเทวดา ชอบบุญกุศลครับ ยิ่งเราชวนเค้าทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วแผ่ส่วนบุญให้เค้าบ่อยๆ ยิ่งทำให้เค้ามีพลังมากขึ้น ภพภูมิก็สูงขึ้นด้วยครับ...

 

โห...ข้อสอบแต่ละข้อนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับเนี่ย...

เอาเท่าที่รู้นะครับ...ต้องผนวกกันทั้งสองอย่างครับ (เริ่มเป็นวิชาการแว้ว)..

การกำเนิดดวงจิตแต่ละดวง ต้องอาศัยอำนาจจิตของผู้สร้างเป็นหลัก (สร้างที่ละดวงจิตต่อหนึ่งหุ่น) แล้วเอาธาตุ ขันธ์และอาการมาเสริม...ครับ...

นี่ถ้าข้อสอบยากขึ้นเรื่อยๆแล้วผมตอบไม่ได้ จะทำไงละเนี่ย..:'''(

 

เคยได้ยินชื่อเสียงวิชานี้มาหลายปีแล้ว ยังไงอย่าลืมเล่าเรื่องราวที่มาต่อด้วยนะครับ น่าสนใจมาก

 

ขอบคุณครับที่เข้ามาติดตาม...

 

อ.โอม ท่านเล่าว่า นางจันนี้ไม่ใช่ผีไม่ใช่สางครับ แต่ที่เรียกว่าพรายนั้นเพราะเค้าไม่ใช่มนุษย์และก็ไม่ใช่เทวดา เป็นกึ่งๆ (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร)

ส่วนผสม มวลสารในการสร้างก็ไม่มีส่วนผสมของผงพรายหรือน้ำมันพรายเลย ซึ่งเรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดกันเยอะ จนถึงขนาดเอาไปอธิบายตามความคิดของตัวเอง เลยยิ่งทำให้ผู้อื่นที่ติดตามพากันเข้าใจผิดตามไปด้วย เลยทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปเยอะเลยครับ

ผมก็เลยขออนุญาต อ.โอม นำเรื่องราว ประวัติความเป็นมาที่ถูกต้องมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการบันทึกไว้ใช้ในการศึกษาข้อมูลในภายภาคหน้า และเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกัยวิชานางจัน และ อ.โอม (ซึ่งท่านไม่ค่อยจะเต็มใจให้ยกย่องท่านซักเท่าไหร่) ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นครับ...

 

วิชานางจัน จริงๆแล้วเรียกได้ว่าได้หายสาปสูญไปนานพอสมควรครับ แต่ไม่รู้ว่านานขนาดไหนแล้ว เอาเท่าที่ อ.โอม ทราบมา แต่เดิมวิชานี้เป็นวิชาของท่านฤๅษีชีไพรผู้ทรงฤทธิ์ทั้งหลายครับ ท่านว่า เดิมวิชานีเรียกว่าวิชาชุบชีวิต ผมก็จินตนาการตามไปตอนที่ท่านเล่าให้ฟังครับ เพราะผมก็คิดไปถึงหนังจักรๆวงศ์ๆ ที่มีฤๅษีชุบชีวิตนางเอกบ้าง พระเอกบ้าง หรือสัตว์ต่างๆบ้างประมาณนั้น

ท่านก็ว่าใช่ครับ (ถูกซะงั้น) ท่านว่าสมัยแต่ก่อนเค้าทำกันได้จริงๆ เพราะท่านเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นผู้ทรงฤทธิ์ทรงฌาณ การจะเสกจะเนรมิตรสิ่งต่างนั้นไม่ใช่เรื่องยาก

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้ที่จะผึกฝน บำเพ็ญตนจนได้ถึงขั้นนั้นก็ลดน้อยลง จนแทบจะไม่เหลือผู้ที่จะทำแบบนันได้อีก และอีกสาเหตุ ก็น่าจะเป็นเพราะความหวงวิชา ด้วยความกลัวว่าถ้าสอนให้จนหมดภูมิรู้ของตนแล้วศิษย์จะคิดล้างครู ก็เลยทำให้หลายๆวิชาค่อยๆเสื่อม ค่อยๆสูญหายไปครับ..

 

เมื่อไม่สามารถที่จะเสก จะชุบชีติดได้เหมือนรุ่นเก่าๆ ฤๅษีชีไพรยุคหลังมาก็เลยผูกวิชาขึ้นมาใหม่ เอาแบบที่ไม่ต้องใช้ฤทธิ์ใช้เดชมากเท่ากับท่านรุ่นเก่าๆ แต่ก็สามารถรับใช้ได้จริง วิชานางจันก็เลย (น่าจะ)กำเนิดขึ้นมาในช่วงยุคที่ว่านี้ครับ...

ชื่อก็เลย (น่าจะ) เปลี่ยนจากวิชาชุบชีวิต มาเป็นวิชากำเนิด...ครับ...

 

ในส่วนของวิชานางจัน...อ.โอม ได้สร้างของออกมา 3อย่าง ครับ ซึ่งทั้ง 3อย่างนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิชานางจันทั้งหมดครับ คือ..

น้ำมัน(พราย)นางจัน สร้างมาแล้ว 4 รุ่น ไม่นับขวดแรกที่ท่านลองวิชานะครับ...
สีผึ้งเสน่ห์(พราย)นางจัน สร้างมาแล้ว 3 รุ่น กับรุ่นพิเศษอีก 1 รุ่น เรียนกันเล่นๆว่ารุ่น 1.1 ครับ (ขอข้ามไปก่อน)
ปิดตานางพราย หรือปิดตานางจัน สร้างมาแล้ว 2 รุ่น...

ซึ่งทุกรุ่นที่พูดมานี้ล้วนแต่สร้างชื่อให้กับท่าน เพราะมีประสบการณ์เยอะครับ ดังไปถึงต่างประเทศเลยทีเดียว เอาเท่าที่ผมจำได้นะครับ ก็มี อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา เยอร์มัน ออสเตรีย ออสเตรเลีย เชคและก็อีกซักสองสามประเทศ ที่จำไม่ได้แล้วครับ...

 

ถ้ามีโอกาสจะค่อยๆนำรูปของแต่ละรุ่นที่พอจะหาได้มาให้ชมกันนะครับ..

 

สร้างมาแล้ว 4 รุ่นแต่ไม่มีซักรุ่น :'(

 

แต่สีผึ้ง กับปิดตามีแล้วใช่ไหมละครับ ^^

 

น่าจะเรียกว่า...รุกขเทวดา..รึเปล่าครับคุณวิปัสสนู

 

ตอนนี้มีให้บูชาไหมครับ

 

มารออ่านตอนต่อไปครับ

 

เค้าว่า...อย่าประมาทกาลเวลา..เพราะกาลเวลานี่แหละที่อาจจะนำพาให้เราได้อะไรมาก็ได้...หุหุหุ...

 

อย่างนี้เรียกว่า...รบสิบครั้ง..ชนะรวด...

 

อันนี้ก็ไม่แน่ใจอ่ะครับ...ว่าแต่รุขเทวดานี่ก็จัดเป็นเทวดาอย่างหนี่งด้วยรึป่าวครับเนี่ย...

เอาเป็นว่า..กึ่งๆ..นี่แหละครับ...แหะๆ (สรุปแบบดื้อๆ)

 

ขอบพระคุณครับที่ติดตาม..อย่างงี้ คงต้องยกตำแหน่งแฟนพันธุ์แท้นางจันให้แล้วมั๊งครับ..^^