วิชชา ธรรมกาย ไม่ได้มาจาก วัดพระธรรมกาย

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


ไม่เห็น จะวางได้อย่างไร


เห็น และ เข้าใจ ก็ถอนการยึดจากสิ่งนั้น



แต่คุณพูดถูกอย่างหนึ่ง ว่า จิตจะละออก โดยไม่มีเจตนา


เพราะ เมื่อสติ สัมปชัญญะ เต็มรอบแล้ว เค้าจะเว้นรอบการกำหนดรู้ของเขาเอง และ วางไปเอง


น้ำมัน จะแยกชั้น ออกจากน้ำเอง

 

นั่นยังไม่ใช่ที่สุด ของการดับทุกข์ การดับทุกข์นั้น ต้องใช้ปัญญามองเห็นว่า ทุกข์นั้นไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรื่องต้องไปดับ และ ให้หาเหตุของมันที่เป็นเชื้ออยู่ให้เจอ เมื่อเจอแล้ว ละเหตุนั้นเสีย ก็จะดับได้ ความที่ผมยกมานี้ตรงกับ พุทธพจน์ ทุกประการ ไม่ใช่การเอากุศลถ่วงดุลย์ แบบนี้ไม่ใช่วิชาพระพุทธเจ้า

 

ผมก็ศรัทธาตามนั้น ถ้ามีผู้ใดมีนิมิตรเห็นพระพุทธองค์ที่เป็นตัวบุคคลมีรูปกาย
เหมือนเรา ก็หมายถึงท่านผู้นั้นจะต้องได้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์

หากผู้ใดได้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์ย่อมมีวาสนาไม่น้อย อย่างกรณีนี้
ก็ดูจากจำนวนศิษย์ทีมี ฝึกผิดบ้างถูกบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้น้อมรักษาศีล หรือ
อย่างน้อยก็ได้สะสมทานบารมีกัน นั้นคือภาระใหญ่ที่เห็นได้

แต่น้อยรายที่สามารถปฏิบัติได้ตามปฏิปทาของครูบาอาจารย์ เพราะถ้าทำตาม
อยู่บ้างได้บ้าง อย่างน้อยก็ต้องน้อม สายหนอ ได้ไม่มากก็น้อย

 

คุณโอม ความที่ท่านเอกวีร์ ยกมานั้นหมายถึง การเห็นรูป ซึ่ง กิเลส สังโยชน์ ตัณหา นั้นไม่ใช่รูปที่จะมาเห็นได้ด้วยตา ไม่ใช่รูปที่เป็นภาพ ไม่ใช่รูปที่ สัมผัส แต่เป็น นามธรรมที่เกิดขึ้นในใจ เช่นว่า ความอยาก ความต้องการ หน้าตามันเป็นรูปร่างอย่างไรหรือ

ทีนี้ คำว่า เห็นรูปนั้น ไม่จำเป็น เพราะว่า หากเราเห็นรูป เราจะไปละความอยากได้อย่างไร หากเราไม่แจ้ง เรื่องความอยากอันสังเกตุได้ด้วยใจเท่านั้น หาได้มีรูปไม่

 

ถ้าคำว่าการเดินเป็นของคุณ บุคคลทั่วไป3 คน


หมายถึง การดำรงสภาวะมรรคปฏิบัติในชีวิตจริง


ผมก็โมทนา


เพราะ ต้องทำให้ถึง การดำรงสภาวะให้ได้บ่อยๆเนื่องๆ


เหมือน จรวดที่วนรอบโลกจนได้แรงสะสมพอ ก็จะพ้นแรงดึงดูด
ออกไปได้เอง

 

ไม่เห็นแก้ต่างผมเลยสักข้อหนึ่ง สำหรับคนที่ให้ผมพูด ผมก็ยกมาถามแล้วนะ แต่ว่าเจ้าตัวเขาไม่แก้ต่าง เขายกมาแก้ไม่ได้ ผมก็ยุติครับ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


หน้าที่ของแต่ละคนที่เกิดมาต่างกัน


ถ้าไม่มีทหาร รบที่ชายแดน หรือ ที่ต่างๆ นักบวชและชาวบ้านหน้าที่ต่างๆ

จะไม่มีเวลาทำหน้าที่ของตนได้เต็มที่


คุณแย้งไม่ตรงประเด็น ผมกำลังคุยในเรื่องความหมายของคำนี้


ในบันทึกที่กล่าวหาหลวงปู่ อย่ามาเหมารวมถึงวิชชาธรรมกาย

 

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ



ผมกำลังคุยกับอีกท่าน

แต่คุณ ถามแทรกมาตลอด โดยที่ผมยังคุยกับอีกท่านไม่เสร็จ

จะเหมารวมว่า ผมไม่แก้ต่างอย่างไร


อย่าใช้วิธีนี้

 

สภาวะเดินเป็นถึงขีดสุด ไม่ใช่การดำรงค์ เราไม่ต้องดำรงค์อะไร

จิตเขาแยกเป็นผู้ดูด้วยตัวเขาเอง เห็นทุกๆอย่างที่ผ่านมาในชีวิต
ไม่เกี่ยงว่านั้นจะเป็นรูป นาม อารมณ์ หรือนิมิต หรืออะไร เห็นทุกๆอย่างเนืองๆ
โดยเราไม่ต้องทำเหตุ หรือ คอยมีสติทำความเพียร

การกล่าวอุปมาเทียบการเหวี่ยง หนีออก ตีจาก จึงไม่ตรงนัก แท้จริงไม่ได้
หนีไปไหน แต่ยังวนรอบโลกได้เหมือนเดิม และอาจหมุนเร็วกว่า ช้ากว่าก็ได้

 

มันเรื่องเดียวกัน ผมถามในเรื่องเดียวกับท่านเอกวีร์
คุณไม่ได้แก้ตามประเด็นนี่

จะ้ใช้วิธีไหน มิทราบ คุณ กำลังจะบอกว่า ตอนนี้คุณจะคุยกับคุณเอกวีร์คนเดียว

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


เพราะภาระหน้าที่ต่างกัน


ท่านที่ทำได้ แต่ไม่เผยตัว มีมาก เพราะมัวมาแก้ต่าง เล่นวาจา ไม่มีเวลาปฏิบัติมาก ก่อกรรมก่อเวรเพิ่ม แม้โดยไม่เจตนา


รายละเอียดการปฏิบัติมีมาก นั่นเป็นเรื่องเฉพาะตน คนละแนวทางก็ยากต่อการเข้าใจได้หมด

 

ก็ไม่เป็นไร เชิญสนทนากันต่อไป เพราะผมมาพูดตามคำ ขอของ สมาชิกท่านอื่น

ส่วนคุณจะตีความ ว่ามันหมายถึงอะไร หรือจะเลือกคุยเฉพาะบุคคล ก็ไม่เป็นไร

สรุปง่ายๆ ว่า ผมตั้งคำถามไปแล้วแย้งไม่ได้ ก็จบ เพราะว่าผมก็ไม่เคยมีนิสัยที่ใครมาโต้แล้วจะบอกว่า นี่ผมกำลังคุยกับคนอื่น ผมรู้กาลเทสะดีเพราะนี่มันที่สาธารณะ แต่คนไม่รู้จักกาลเทสะ คือ คนที่ใช้อารมณ์

 

ลองพิจารณานะครับ ก็ตามที่คุณโอมกล่าวนั้นแหละ

วางเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะต้องทำอะไรหรือเปล่า ในเมื่อวางเรื่อยๆ

วางเรื่อยๆ ก็คือ ไม่ต้องทำอะไร

ไม่ต้องทำอะไรเลย นี่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก

รู้ เฉยๆ

แต่ที่ทำยาก สอนยาก เพราะ ทางที่เดิน มีข้อกำหนดต้องทำ
ก็ธรรมดาที่จะยุ่งยาก แต่ไม่ทำเลยก็ไม่ได้

แต่อย่างไร จุดที่เป็นสุดๆ ก็คือ การหยุดดิ้นรน เหลือแต่รู้

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



ตรงที่ผมเน้นสีแดง คือ ความหมายที่ผมพูด


OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



จรวดเมื่อหลุดออกนอกแรงดึงดูดไปแล้ว จะกลับมาวนอีกทำไม



ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo



ความจริง อาจหมายถึงสภาวะนั้น เหมือนกัน แต่ เข้าใจภาษาที่ผมใช้ต่างออกไป

 

จรวดไม่ได้หลุดไปไหนนี้ ต่อให้ถึงจุด ขันธ์5 ก็อยู่ครบ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


พี่เป็นอะไร

 

ก็ทำตาม คนนี้พูดไง

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


สภาวะนี้ เป็นตอนที่ จิต แยกจากขันธ์ใหม่ๆ


แยกออกจาก ใจด้วย แล้วเห็นมรรค ก่อนจะกลับมารวมกับ

ขันธ์ และ ใจ ตามเดิม เพราะ ขันธ์ห้ายังไม่หมดวิบาก ( เหตุ )

 

ไม่มีอะไรหรอกคุณโอม อ.ขันธ์ ท่านพยายามจะเข้าใจคุณโอมนะ

เลยเก็บผัสสะจากอวัจนะภาษา เช่น การใช้สี การใช้ตัวหนา การใช้ ooooo

ก็เลยเห็นอะไรบางอย่าง ก็ทักๆกันเล่นๆ

คุณโอมก็แจ่มนะนี้ คุยกับคุณโอมแล้ว ผมก็ได้ความรู้ไปด้วย

 

เอาเถิด กรณีนี้ ผมไม่อยากจะโต้แย้งตอนนี้
เหตุที่มีวาทะแบบนี้มันก็เกิดจาก น้องก่อนไม่ใช่หรือ

ผมมาเท่านี้ ยุติเท่านี้ เพราะทราบดีว่า ถึงถกต่อไป น้องก็ยังไม่มีคำตอบที่ดีหรอก