วันสิ้นยุคเป็นปี 2030,กับข่าวลือต่างๆที่เกิดขึ้นจักรวาลมีข่าวมาแจ้ง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ดูท่านอยู่นะครับ, 6 มีนาคม 2008.

  1. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    ถาม : มนุษย์ทั่วไปสามารถสื่อกับจิตจักรวาลได้หรือไม่

    ตอบ : ได้ คุณต้องสร้างเครื่องส่งของคุณก่อน (ปรับฐานตัวเอง หรือรวมกาย จิต จิตวิญญาณของตนเองให้ได้) คุณต้องใช้จิต
    ของคุณจูนที่ตัวคุณเอง ง่ายกว่าไปจูนคนอื่น
    ปรัชญาทั้งหลายที่จิตจักรวาลสื่อเป็นอภิปรัชญา เพื่อต้องการให้คุณหาให้พบว่า วิธีการที่จะปรับจูนตัวคุณเองให้สื่อกับจิตจักรวาลได้ เหมือนอย่างที่เราทำอยู่นี้มันต้องทำอย่างไร แต่มนุษย์ไม่เข้าใจก็แสวงหากันสะเปะสะปะ พอไปติดพิธีกรรม พอไปเห็นพิธีกรรมเข้า เห็นฤทธิ์เข้าก็ไปหลงติดตรงนั้น เพราะจิตคุณยังไม่บริสุทธิ์ คุณจะไปแสวงหาสิ่งนั้นได้คุณต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ด้วย คือการ ทำจิตให้บริสุทธิ์ทำอย่างไรมี 3 อย่างเท่านั้นเองครับ
    (deejai) (deejai) (deejai) (deejai)

    ข้อความข้างต้นนี้นะ ต้องขอแย้งหน่อยนะว่า
    มนุษย์ที่สามารถสื่อกับจิตจักรวาลได้
    "ต้องได้รับการคัดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วน"
    1 คนต่อ 1 ประเภทเรื่องราว ที่จิตจักรวาลต้องการถ่ายทอดสื่อสาร
     
  2. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    (kiss) บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกนั้น
    อย่างเช่น อาจารย์ปริญญา ตันสกุล เป็นต้น
    ต้องเป็นบุคคลที่สามารถนำความรู้จากจิตจักรวาล
    ไปถ่ายทอด แล้วก็เผยแพร่ให้มนุษย์ทั่วโลกได้รับรู้

    ตามแนวทาง วิธีการ แล้วก็ตามกำหนดเวลา
    ซึ่งจิตจักรวาลได้มีแบบแผนไว้แล้ว
     
  3. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    (kiss) บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถสื่อสารกับจิตจักรวาลได้

    ต้องได้รับการติดตั้งอุปกรณ์การรับ การส่ง

    ลำโพง ไมโครโฟน

    ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ ไม่สามารถมองเห็นได้
    ลำโพงขยายเสียง จะติดตั้งไว้ในหูด้านใน
    ไมโครโฟน จะติดตั้งไว้ที่บริเวณคอด้านใน

    ส่วนสมอง ก็จะเหมือนไมโครชิพ บันทึกข้อมูลได้


    ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ คุณไม่มีทางสื่อสารกับจิตจักรวาลดวงใหญ่ได้
    คลื่นความถี่สูง ละเอียดยิบ
     
  4. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    คำตอบเป็นคำตอบจากจิตจักรวาลดวงใหญ่เองนะครับ ถ้าคุณทำอย่างที่บอกไว้ก็สามารถติดต่อได้ครับ ยกตัวอย่าง อย่างเช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู พระอรหันต์ที่ท่านสามารถบอกสอนคณะศิษย์ได้โดยที่ท่านไม่ได้เรียนทางโลกเองแต่สามารถตอบคำถามของศิษย์ได้
    ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ เพราะทุกท่านที่ผมได้เขียนถึง ล้วนเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น
     
  5. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    คำตอบเป็นคำตอบจากจิตจักรวาลดวงใหญ่เองนะครับ ถ้าคุณทำอย่างที่บอกไว้ก็สามารถติดต่อได้ครับ ยกตัวอย่าง อย่างเช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู พระอรหันต์ที่ท่านสามารถบอกสอนคณะศิษย์ได้โดยที่ท่านไม่ได้เรียนทางโลกเองแต่สามารถตอบคำถามของศิษย์ได้
    ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ เพราะทุกท่านที่ผมได้เขียนถึง ล้วนเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น(deejai) (deejai) (deejai) (deejai)


    พระเยซู พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ นั่นเป็นยุคเก่า
    จิตจักรวาลดวงใหญ่ท่านก็ใช้วิธีการแบบดั้งเดิม

    แต่ว่าในปัจจุบันนี้ จิตจักรวาลดวงใหญ่ท่านได้ประยุกต์วิธีการ

    แล้วก็ไม่ได้บอกอาจารย์ด้วยว่า จิตจักรวาลท่านได้ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ให้

    stefa บอกเพื่อให้ท่านลองสำรวจตัวตนของตัวเองดู
    stefa บอกเพื่อให้ท่านได้รู้ความจริงอีก 1 ข้อ
    stefa บอกว่า ธรรมมะ และการปฏิบัติ ด้วยตนเอง ยังไงๆก็มีอภิญญาเองไม่ได้หรอก

    เพราะฉะนั้น จิตจักรวาลดวงใหญ่ ท่านควบคุมทุกอย่างทุกสรรพสิ่ง<!-- / message -->
     
  6. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    การยกระดับสติปัญญามี 2 อย่าง 1. ทำจิตให้สมดุลทางอารมณ์เพราะจิตเป็นตัวการทำให้เกิดความคิด ฉะนั้นทำจิตให้สมดุลทางอารมณ์ 2. ฝึกการคิดให้เป็น ให้ฉลาดคิด คิดในสิ่งที่ต้องคิด รู้จักเลือกคิดไม่ใช่คิดไม่เลือก 2 หลักนี้จะช่วยมนุษย์ให้ยกระดับสติปัญญาได้ คือ ต้องคิดก่อน ไม่ใช่เชื่อตามคนอื่นไปหมด แล้วเราไม่คิดวิเคราะห์เลย ไม่ฉะนนั้นเราจะเป็นคนงมงาย คนงมงายจะทำลายโอกาสการจะยกระดับสติปัญญาของตัวเอง งมงาย คือ เชื่อในสิ่งที่ตัวเองอธิบายไม่ได้ พวกนี้เวลาแก่ตัว สมองจะเละเลือน ขี้ลืม เพราะฉะนั้นต้องคิดก่อนเสมอ จะทำให้เซลล์สมองไม่ตายเร็ว เราสามารถวิวัฒนาการกายภาพของตัวเราเองได้ด้วยจิตของเราเอง จิตของเราที่หยาบ เราอาจทำให้บริสุทธิ์มากแค่ไหน มันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปธรรมใหม่ๆที่จะมาเกิดใหม่ๆจิตหยาบสามารถเข้าไปอยู่ได้ในก้อนหิน ต้นไม้ นก แต่ส่วนมากจิตหยาบที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน มันจะไม่สนใจสิ่งที่ต่ำกว่ามนุษย์ มันจะมองหาแต่รูปธรรมมนุษย์ ใครตั้งครรถ์มันก็จะหาทางเข้าไปอยู่ เพราะเคยชินกับความเป็นมนุษย์ซึ่งสูงสุดกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ จิตหยาบตัวนี้คนละตัวกับจิตวิญญาณ มนุษย์ตั้งแต่อายุ 1 - 20 ปี จะสามารถรับเอาจิตวิญญาณอื่นเข้ามารวมได้กลายเป็นจิตใหม่ จิตวิญญาณของมนุษย์จะเข้าสู่กายภาพได้ตั้งแต่การปฏิสนธิเกิดขึ้น 3 สัปดาห์ขึ้นไป แต่วันเวลาที่ตกฟากแล้วค่อยมาปฏิสนธิก็มี หรือเป็นมนุษย์มีจิตวิญญาณอยู่แล้วแต่เกิดหมดสติชั่วขณะ อาจมีจิตวิญญาณดวงใหม่มาปฏิสนธิอีกก็ได้ จิตวิญาณเก่าก็จบบททดสอบไป
    มนุษย์ทุกคนเครื่องยนต์แห่งกรรมมีผู้ดูแล เรียกว่า ผู้ชี้ทางมีถึง 3 รูปธรรม เป็นรูปธรรมทางพลังงาน จิตวิญาณไม่มีอายุขัย
    การเข้าทรงกับการแลกเปลื่ยนจิตวิญญาณต่างกัน คือ การเข้าทรงนั้นจิตวิญญาณของคนทรงยังอยู่ จิตวิญญาณดวงใหม่มาทับซ้อน แต่จิตวิญญาณดวงใหม่มาแสดงบทบาทโดยจิตดวงเก่ายินยอม จิตวิญญาณสามารถรวมตัวกันได้ แบ่งมวลก็ได้ แยกตัวก็ได้ รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ จิตวิญญาณดวงเดิมไร้สำนึกถูกกดเอาไว้ยอมให้ตัวเองไร้สำนึกไม่แสดงบทบาท ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่มีพลังอำนาจสูงสุดกว่าการเป็นมนุษย์ มนุษย์มีพลังอำนาจสูงสุดเหนือสรรพสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่เรามองไม่เห็นจักรวาลนี้ให้อำนาจนี้มา แม้กระทั่งการตัดสินใจใดๆ จะตัดสินใจเป็นคนดีหรือคนเลวก็ได้ อยู่ที่ว่า มนุษย์จะใช้มันไปทางใด มนุษย์ต้องหาพลังอำนาจนั้นให้พบ จะเข้าถึงได้อย่างไร คือ วิธีที่เราสอนอยู่นี้ แต่ละคนต้องไปฝึกเอง
     
  7. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    แล้วแต่ท่านจะคิดจะเสนอนะครับ ขอขอบพระคุณที่ให้ความสนใจครับ
     
  8. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่มีพลังอำนาจสูงสุดกว่าการเป็นมนุษย์ มนุษย์มีพลังอำนาจสูงสุดเหนือสรรพสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่เรามองไม่เห็นจักรวาลนี้ให้อำนาจนี้มา แม้กระทั่งการตัดสินใจใดๆ จะตัดสินใจเป็นคนดีหรือคนเลวก็ได้ อยู่ที่ว่า มนุษย์จะใช้มันไปทางใด มนุษย์ต้องหาพลังอำนาจนั้นให้พบ จะเข้าถึงได้อย่างไร คือ วิธีที่เราสอนอยู่นี้ แต่ละคนต้องไปฝึกเอง:eek: :eek: :eek: :eek:

    อ่านให้ดี ผิดแล้วมั้ง<!-- / message -->
     
  9. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    คุณยังใช้ความคิดแบบจิตมนุษย์อยู่เลย การเรียนรู้ธรรมมะถ้ายังใช้จิตมนุษย์มาคิดมาวิเคราะห์ท่านก็ จะได้แค่เปลือกไม่มีทางได้แก่นแท้ ธรรมมะ มั่วแต่มาสนใจวิธีสอนไม่ได้ใส่ใจในคำสอนก็จะไม่ได้อะไรเลย
    บอกว่าผิดแล้วผิดยังไงครับ สิ่งที่ถูก ท่านควรเสนอมานะครับ เสนอมาได้ไม่ว่าไรกันอยู่แล้วครับ และผมยังเพิ่งเริ่มเขียนได้ไม่เท่าไรเลยครับ ยังมีอีกเป็น ร้อยๆคำถามครับ สิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ถ้าท่านรู้ก็แย้งมาได้ครับ และขอให้เสนอสิ่งที่ท่านรู้ว่าถูกเป็นยังไงด้วยนะครับ
     
  10. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    stefa อธิบายให้รู้ อธิบายให้คุณเข้าใจรายละเอียดต่างๆให้มากขึ้น
    stefa สอดแทรกวิทยาศาสตร์เข้ามาในธรรมมะ

    จิตจักรวาลดวงใหญ่ ถ่ายทอดลงมาเป็นคลื่นนะ
    เพราะฉะนั้น ก็จำเป็นต้องมีวิธีการ

    จิตมนุษย์ไม่คิดแบบ stefa หรอก

    คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ จะได้รู้และเข้าใจถึงการรับคลื่น


     
  11. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ทำไม ต้องไปสนใจวิธีการ เพราะถนน มีตั้งหลายสาย วิธีการรับคลื่น อาจารย์ได้ถ่ายทอดไว้ในหนังสือหมดแล้ว ผมเอาธรรมมะที่อาจารย์ท่านสอนและแจ้งการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ผมเสนอธรรมมะ ไม่ได้มาสนใจวิธีการสื่อสอนของท่านอาจารย์ ถ้ามัวแต่ใส่ใจในวิธีการสอน คุณก็ไม่ได้เป็นนักเรียน คุณพยายามจะเป็นอาจารย์เสียเอง วิธีการรับคลื่นอาจารย์ท่านทำไว้เป็นเล่ม 200-300 หน้าแล้วจะให้ผมมาอธิบายคุณให้เข้าใจหรือมาโต้แย้้งเพื่อจะให้รู้ว่า ใครถูกใครผิดแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา เพียงแค่ทำให้ต่างคนต่างเกิดการสั่นสะเทือน แล้วมันไม่เป็นผลดีต่อใครเลย ครับผม
     
  12. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    (f) ไม่มีใครผิด หรือว่า ถูก นะ
    คุณก็สอนไปตามหน้าที่ของคุณ
    stefa ก็สอดแทรก ตามหน้าที่
    หน้าที่ใคร คนนั้นก็ทำไป
    บางครั้งคนถามก็เพื่อต้องการรู้
    อารมณ์มนุษย์นี่ควบคุมยากนะ
    คนสอนควรควบคุมอารมณ์ให้ดี
    แล้วก็อย่าลืมนะ ความรู้ในโลกนี้ไม่ใช่จะถูกต้องไปหมดซะทุกอย่าง
     
  13. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ถาม : มนุษย์จะสามารถรับคลื่น Cosmic จากจักรวาลเข้ามาสู่ตนเองได้อย่างไร

    ตอบ : มนุษย์สามารถรับคลื่น cosmic จากจักรวาลเข้ามาได้โดยการทำจิตให้บริสุทธิ์ คิดดี พูดดี ทำดี คือ การทำจิตให้มีสมดุลตามความสมดุลที่ถูกกำหนดค่าไว้ ถ้ามีสมดุลมากก็ได้รับมาก คลื่น cosmic คือ พลังอำนาจสูงที่สามารถให้พลังงานชีวิตแก่กายสังขารได้ Cosmic เป็นคลื่นพลังงานขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องการ มนุษย์จะมีอายุสั้นยาวขึ้นอยู่กับการจำกัดค่าของพลังงานชีวิตจากคลื่นของจักรวาล ที่จะทำให้ร่างกายรับได้มากหรือน้อย โดยปกติจักรวาลจะกำหนดให้มนุษย์รับคลื่นแบบขาดๆ ไว้ ไม่งั้นมนุษย์จะไม่ตาย โดยกำกับรหัสไว้ที่เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 12 แท่ง ในแต่ละเซลล์อยู่ในนิวคลีโอไท้ เส้นใยเกลียวแม่เหล็กมีหน้าที่เหนี่ยวนำโดยมีอำนาจแม่เหล็กโลกเป็นตัวกำกับไว้ เพื่อทำให้เกิดรหัสในการรับคลื่นพลังงานจากจักรวาลมา ถ้าเกลียวมากแปลว่ามีกรรมน้อย ถ้าเกลียวมากก็ดึงพลังงานจากจักรวาลเข้ามาได้มาก ก็จะมีอายุยืนยาว คือ ต้องจัดเราให้มีการสั่นสะเทือนในด้านบวกมากๆ คือ คิดดี พูดดี ทำดี
    ประตูที่รับคลื่นพลังงานของมนุษย์มี 2 ทาง ประตูหนึ่ง คือ ต่อมไร้ท่อทุกต่อมในร่างกาย ประตูสอง คือ เซลล์ทุกเซลล์ของร่างกาย ทุกประตูมีวาล์วปิดเปิด คือ คิดดี พูดดี ทำดี วาล์ว คือ การหลุดพ้นจากตัวตน พลัง cosmic มนุษย์เราจะหาเพิ่มมาได้โดยการหมุนรอบตัวเอง เดี่ยวการเหนี่ยวนำมันก็เกิดขึ้นเอง
    การหมุนรอบตัวเราไปทางขวา เพื่อสร้างศักยภาพทางไฟฟ้าสูง ถ้าเจ็บป่วยต้องหมุนซ้าย
     
  14. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    โลกนี้เป็นดาวเคราะห์เสรี มีสิทธิเสรีในความคิดและความรู้ ถ้าไม่มีถูก มันก็ไม่รู้ว่ามีผิด มันต้องมีถูก และก็มีผิด ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดการเรียนรู้ และอีกอย่างผมไม่ใช่อาจารย์ ปริญญา ผมเป็นแค่ลูกศิษย์ท่านเท่านั้น การควบคุมอารมณ์อะไร การเขียนนั้นผมไม่สามารถที่จะมาอธิบายคำที่เป็นสำนวนที่ไพเราะได้ เพียงคุณอ่าน คุณก็มองว่า ผมมีอารมณ์ เป็นการคิดแทนคนอื่นไปซะงั้น ผมยิ้มอยู่ที่เห็นคุณเข้ามาสนใจในกระทู้นี้ต่างหากครับ และผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเพียงแต่ผมเป็นคนตั้งกระทู้นี้ขึ้นมามีคนมาหรือมีสรรพสิ่งหนึ่งมาถามผมก็ต้องตอบมันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์นี้
     
  15. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
  16. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ไม่มีสำนักครับ มีแต่ชมรมชื่อว่า ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกครับ

    ไม่มีอะไรกัน เพียงแต่แลกเปลื่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเท่านั้นเอง อย่าคิดมากนะครับ ใดๆ ล้วนเป็นมายา เกิดขึ้นแล้วดับไป ทั้งสิ้นไม่มีอะไรคงอยู่อย่างถาวรหรอกครับ
     
  17. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ถาม : โลกอื่นเขาไม่มีกฏแห่งกรรม ไม่มีนิพพาน มีแต่โลกเราเท่านั้นหรือ

    ตอบ : มีแต่ดาวเคราะห์โลกเท่านั้นที่มีกฏแห่งกรรม มีนิพพาน ดาวเคราะห์โลกเราจึงมีฉายาว่า ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี และมนุษย์ทุกคน คือ นักรบแห่งแสงสว่าง รูปธรรมทุกคนที่อยากเกิดใหม่อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกมาก หากเกิดเป็นมนุษย์ถือว่า โชคดีมหันต์

    ถาม : การพูดอย่างนี้ของอาจารย์เป็นสิ่งที่คนจะพูดว่าเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้

    ตอบ : เราบอกแล้วไง ใครฟังเราแล้วอย่าเชื่อเลยทันที และอย่าเพิ่งปฏิเสธเลยทันที ให้ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ เราจะปฏิเสธมันได้เมื่อเราเข้าถึงปัญญาญาณให้ได้ด้วยตัวเราเอง แล้วเราหยั่งรู้ด้วยปัญญาว่าจริงหรือไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าคุณใช้ปัญญาญาณของคุณแล้ว แล้วปัญญาญาณสื่อบอกคุณว่า สิ่งที่คุณรู้จากเรามันไม่จริงไม่ถูกต้อง คุณไม่เชื่อ คุณปฏิเสธมัน เราก็บอกว่า โอเค เพราะคุณไม่งมงายแล้วต่างหาก

    ถาม : บันทึกไว้ว่า พ.ศ. 5000 จึงจะเกิดยุคพระศรีอริยะ

    ตอบ : รหัสนั้นถูกเปลื่ยนแปลงไปแล้ว การชำระโลกครั้งนี้ไม่ได้ถูกวางแผนไว้ก่อน จึงถือว่าเวลาที่มีอยู่น้อยเกินไปที่จะแจ้งให้คนทั้งโลกรู้เรื่องการเปลื่ยนแปลงนี้ แต่ไม่จำเป็นว่า คนทั้งโลก 7000 ล้านคน จะต้องสั่นสะเทือนตามสมการนั้น เพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ของคนทั้งโลกทำจิตให้สั่นสะเทือนทางด้านบวก โลกก็จะได้พลังงานด้านบวกมหาศาล เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าเราจะได้กี่เปอร์เซนต์ ขอให้มีมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง เท่าไรก็ได้ที่เข้าใจ และทำจิตให้สั่นสะเทือนไปตามสมการนั้นได้ เราก็จะได้ชื่อ ว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดกับดาวเคราะห์โลกและจักรวาล และนำสิ่งที่ดีให้กับจิตวิญญาณของตัวเราเองด้วย ไม่ต้องไปตั้งเป้าหมายมากเดี่ยวจะท้อแท้ และจะทำให้เกิดจิตหยาบที่ทำให้เกิดปัญหาอีก
    คนที่ทำความชั่วแต่ร่ำรวย ก็เพราะเขามาใช้กรรมในชาติที่แล้ว การกระทำในชาตินี้คือการวางแผนของตนเองในชาติที่แล้ว การทำให้หลุดพ้นให้เหลือแต่ความว่างเปล่า มีแต่รู้ดี รู้ชั่ว และมีการสั่นสะเทือนไปตามนั้น สั่นสะเทือนทางกาย ทางใจ จิตวิญญาณมีความเป็นห่วงเป็นใยได้ มีความรัก ความเมตตาได้ ไม่ใช่ความปราถนา ถ้าความปราถนาคือ ความอยาก ถึงจะเป็นความปราถนาอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ ไม่ใช่เป็นความไม่ดีแต่เป็นความไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้องกับกฏเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาลที่เป็นสากล
     
  18. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ถาม : กรุณาอธิบาย คำว่า อยาก ไม่ควรนำมาใช้ในกรณีไหน

    ตอบ : ไม่ควรนำคำว่าอยากมาใช้เลย ใช้อุเบกขา คือ +6-6 คือ นิ่ง ถ้าเห็นว่าเขากำลังได้รับความทุกข์แล้วถามตัวเองว่าเราสามารถจะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ไหม ถ้าได้ แสดงว่าเรามีพลังอำนาจอยู่ก็แบ่งปันพลังอำนาจนั้นให้เขา ไม่ใช่อยากไปช่วยเขาให้พ้นทุกข์ แต่เราช่วยเขาเพราะเป็นธรรมฃาติของเรา
    หน้าที่ของมนุษย์ คือ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ไม่คิดอยาก คิดโลภ หรือคิดกลัว ลดกิเลสละตัวตนให้หมด ให้พ้นจากการมีดีมีชั่ว ไม่งั้นเป็นมนุษย์ที่ดีไม่ได้ หน้าที่มนุษย์ คือ การสร้างความเป็นหนึ่งเดียว ค้นหาพลังอำนาจให้พบ แล้วกลับไปสู่จุดจบ คือ ที่ที่เรามาให้ได้
    การที่จะช่วยคนที่มีนิสัยไม่ดีให้เป็นคนดีขึ้น ทางหนึ่ง คือ ไม่ช่วยให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ดี มนุษย์คนอื่นๆก็ต้องทำเช่นเดียวกันกับเรา ถ้าเราอยากเปลื่ยนแปลงเขาหรือเปลื่ยนแปลงโลก มนุษย์มีพลังอำนาจที่จะเปลื่ยนแปลงทุกสิ่งที่แวดล้อมเราได้ เพียงแต่มนุษย์เปลื่ยนแปลงตัวเราเท่านั้น กฏของจักรวาลต้องไม่มี ต่อต้าน ไม่ต่อสู้ ไม่หลีกเหลี่ยง เพราะมนุษย์เกิดมาเพื่อผ่านบททอสอบ คือ การสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน มิใช่ผลักไสกันให้ออกไปให้ห่างไกล นั่นคือ ศาสตร์ของจักรวาล ถ้าเห็นหรืออ่านเจอกฏจักรวาลที่ไหน ให้ลอกมาแล้วเขียนไว้ และปฏิบัติตนไปตามนั้น เราจะมีโอกาสเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ถ้ามนุษย์ทั่วโลกสามารถเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยอาศัยพลังจิตเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งกันได้ ดาวเคราะห์โลกจะมีพลังงานมหาศาล และจะมีการเปลื่ยนแปลงขนานใหญ่ในเอกภพอย่างนึกไม่ถึง โดยมีมนุษย์เป็นตัวก่อเหตุที่ดี จะเกิดการสร้างใหม่ทั้งจักรวาล แต่ถ้ามนุษย์มีจิตใจลงไปในด้านลบเสียสมดุลก็จะมีการเปลื่ยนแปลงทั้งจักรวาลเช่นกัน

    ถาม : การเกิดอารมณ์ที่เรียกว่า เบา สบาย สงบ เป็นอารมณ์ของนิพพานใช่หรือไม่

    ตอบ : ต้องบอกว่า เป็นนิพพานกรรม เป็นกริยา เป็นการกระทำของจิตหยาบ มันหยุดหมดนั้นเรียกว่า นิพพานกรรม
    กรรม แปลว่า การกระทำ การกระทำทางจิตหยาบมันหยุดหมดเมื่อนิพพานกรรมได้ ผลกรรมก็ถูกนิพพานไปด้วยเพราะว่ามันไม่เกิดขึ้นอีก ผลดีจึงมี เพราะ 1.เราสามารถให้พลังงานแก่โลกได้ตามที่โลกต้องการ ตามหน้าที่ของจิตวิญญาณเราได้แล้ว 2. เราก็ไม่ก่อให้เกิดผลกรรมทางมิติคู่ขนาน เมื่อเราตายไปแล้วชาตินี้ไม่ต้องมาชดใช้ในชาติได้ ในขณะนั้นในสภาวะนี้ (ว่าง เบา สบาย สงบ ) เราเรียกว่า นิพพานได้ไหม มนุษย์เราหลายคนทีเดียวมีสภาวะนิพพานเกิดขึ้น วันหนึ่งหลายครั้ง แต่นิพพานที่แท้จริงยังไม่ถึง
    นิพพานที่แท้จริง คือ จะต้องเกิดขึ้นทุกขณะจิต ทุกอารมณ์ ในยามตื่น
    นิพพานขณะเป็นมนุษย์ถึงจะนิพพานได้ คือ 1. ไม่มีกิเลสเหลืออยู่เลย 2. หลุดพ้นไปจากตัวตน ไม่ติดยึด ไม่หลงรูปเพราะเป็นมายา 3. พ้นไปจากความมีดีมีชั่ว ก็ทำตัวเป็นดวงอาทิตย์ หรือก้อนหิน คือ มีความรักที่บริสุทธิ์ไม่หลงรูป
     
  19. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ถาม : คนเราเมื่อตายไป สามารถที่จะกลับมาเป็นมนุษย์ได้เลยหรือไม่ หรือต้องไปเป็นอย่างอื่นก่อน

    ตอบ : มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ต่อภพชาติในการเป็นมนุษย์เลย คือ การไปเกิดเป็นสิ่งหนึ่งนั้นคือ ภพชาติหนึ่ง เช่นตอนนี้ผมกำลังรักอยู่ พอจู่ๆพอมีอะไรมาเป็นเงื่อนไขด้านลบ ทำให้ผมโกรธนั่นคือ ภพใหม่ชาติใหม่ของจิตของผมแล้ว ภพชาติก็คือไปสู่สถานะใหม่ที่กลายเป็นความโกรธ ความเกลียด การเปลื่ยนสภาวะทางอารมณ์ของมนุษย์ ในความเป็นมนุษย์โลกเรานี้ก็เป็นภพชาติเช่นเดียวกัน การเปลื่ยนสภาวะทางอารมณ์หยาบๆรายวัน คือ การมีภพชาติมากมาย การเปลื่ยนแปลงเครื่องยนต์แห่งกรรมก็คือ การมีภพชาติใหม่ในทางกายภาพ ถ้าจิตวิญญาณหลุดออกจากร่าง ในมนุษย์โลกส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะไม่สามารถกลับมาสู่รูปธรรมมนุษย์ได้ทันที เพราะมนุษย์เรายังหลงมิติแห่งจิตอยู่ จะต้องปฏิบัติจิตตนเองเท่านั้น(จะใช้การอธิฐาน การภาวนาอะไรมาช่วยไม่ได้) การอธิฐานหรือการภาวนาเป็นเพียงแค่การใส่รหัสจิตเราไว้ แต่คุณสมบัติของจิตที่มีอาการหลงมิติอยู่ มันไม่ได้ถูกปลดเปลื้อง แล้วมันจะสามารถทำให้หลุดไปจากการหลงมิติได้อย่างไร

    ถาม : เราจะบริหารจิตจะทำอย่างไร(ปฏิบัติจิต)

    ตอบ : นั่นหมายความว่ามนุษย์เรานี้จะต้องไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ นรก มีเทพ พรหม มีเปรต อสุรกาย การพ้นไปจากการมีดีมีชั่ว หมายถึง การที่มนุษย์เราพ้นไปจากการมีสวรรค์ นรก ตรงนี้ที่มันมี เพราะจิตวิญญาณซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากจิตหยาบในขณะที่เป็นมนุษย์ ไปถ่ายทอดการหลงมิติทางจิตให้กับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็เลยมีพลังอำนาจสร้างเมืองมายาขึ้นมาซ้อนมิติของจักรวาล สร้างเป็นสวรรค์ เป็นนรก สร้างว่าตัวเองเป็นเทวดา เทพ อะไรไปเป็นเพราะอำนาจของจิตหยาบส่งผลถึงจิตวิญญาณของเรา แล้วทำให้ตัวเราหลงมิติทางจิตวิญญาณไปด้วย มันเป็นสิ่งที่มนุษย์เรายังขาดการรู้แจ้งในเรื่องนี้อยู่ ถ้าเราเชื่อว่า มีสวรรค์ มีนรก เวลาตายไปมันก็จะไปสร้างสวรรค์ นรก ขึ้นมาให้เราจริงๆ เป็นแดนมายาจริงๆ แล้วมันเป็นที่ไม่มีอะไรเลย นักวิทยาศาสตร์ถึงบอกว่าคนที่เชื่อเรื่องนี้มันงมงาย ถามว่า จิตจักรวาลหรือจิตวิญญาณซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานจะประกอบด้วย นิวเคลียส ซึ่งเป็นตัวคิดรู้ซึ่งสั่นสะเทือนอยู่ตรงกลางรูปธรรมของเขา แล้วถัดออกมาอีกชั้นเป็นมวลหยาบๆกว่า เป็นคลื่นพลังที่หยาบกว่า จึงเรียกว่า จิตวิญญาณ แล้วเปลือกนอกสุดคือ เมอคะบาร์ ซึ่งเป็นเปลือกหนาเหนียว ห่อหุ้มรูปธรรมตนเองไว้ไม่งั้นจะดำรงอยู่ไม่ได้ และเมอคะบาร์ทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ ทำหน้าที่เป็นพาหนะในการเคลื่อนไหวไปในที่ต่างๆ แล้วแต่จิตของตนเองต้องการ จิตหรือนิวเคลียสของตัวเองว่า จะไปไหน เมอคะบาร์จะนำไป แล้วหน้าที่สำคัญสูงสุดของเมอคะบาร์ คือ การเปลื่ยนแปลงรูปธรรมของตนเอง จะย่อส่วนให้เล็กนิดเดียวลอดผ่านได้ ถ้าตรงไหนแบนก็จะเปลื่ยนรูปธรรมของตัวเองแบนด้วย ลอดผ่านได้ เมื่อจิตคิดว่า ตัวเองเป็นอะไร เมอคะบาร์จะทำหน้าที่สร้างมายาขึ้นมา เมื่อจิตวิญญาณหลงมิติไปกับจิตหยาบ การสั่นสะเทือนเป็นคลื่นของการเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันก็จะยังสั่นสะเทือนอยู่ ก็จะไปโปรแกรมให้เมอคะบาร์ทำหน้าที่ตาม เมอคะบาร์ก็เหมือนจิตใต้สำนึกตอนที่อยู่ในร่างกาย เราเชื่อผิดๆมันก็ทำผิด เราเชื่อชั่วๆคิดชั่วๆ จิตใต้สำนึกก็จะทำชั่วตาม เพราะมันไม่รู้ อันไหนดี ไหนชั่ว มันมีหน้าที่สนองตามที่เราคิด เมื่อเราคิดว่าเป็นเทวดา มีเมืองมีวิมานแม้แต่เมืองฝรั่งยังมีเลย
     
  20. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    แล้วถ้าคนที่ทำชั่ว เช่น มีนิสัยลักขโมย หรือไปฆ่าคนอื่นตาย แต่คนๆนั้นไม่เชื่อเรื่องการมีของสวรรค์หรือนรก คนๆนั้นจะไปไหนหลังจากที่กายเนื้อดับ

    ในส่วนที่ว่านักวิทยาศาสตร์บอกว่าคนที่เชื่อเรื่องสวรรค์นรกนี้มันงมงาย นี้หมายรวมถึงศาสดาในทุกๆศาสนาหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...