วันสิ้นยุคเป็นปี 2030,กับข่าวลือต่างๆที่เกิดขึ้นจักรวาลมีข่าวมาแจ้ง

ความรู้เก่า คัมภีร์มีมากมาย
หาอ่านที่ไหนก็ได้
โพสต์ซ้ำซาก

ขอให้อาจารย์มีกำลังใจ ทำต่อไป
อย่าถอยหนี กับการแทรกแซง(deejai) (deejai) (deejai) (deejai)

 

ขอให้ติดตามไปเรื่อยๆ นะครับ การเผยความรู้ที่แท้จริง เพื่อนำพาท่านๆ ไปสู่การรู้แจ้ง โดยไม่ต้องไปเสียเวลาในการปฏิบัติที่ต้องใช้เวลาอย่างมากมาย ท่านอ่านตามแล้วทำความเข้าใจ ท่านจะเกิดการรู้จริงในเรื่อง นั้นๆ ไปเองครับ พอรู้มากๆ ก็จะเกิดการรู้แจ้งแทงตลอดได้แทบทุกเรื่อง ขอให้อ่านไปก่อนนะครับ

(deejai) (deejai) (deejai) (deejai)
เปิดเผย
เปิดใจ
เปิดกว้าง
เปิดขวาง
เปิดจริง
เปิดเลยนะ

 

แฟนพันธ์แท้

 

ถาม : แอตแลนติส ล่มสลายเพราะว่า บูชาหัวใจ เอาหัวใจมาเสียบไว้พระเจ้าเลยลงโทษทำลายมัน
ตอบ : บางทีก็บอกว่าตัวเองคือพระเจ้า บางทีก็บอกว่าพระเจ้าเป็นคนทำ เลยไม่รู้ว่าพระเจ้ามีกี่องค์กันแน่ จริงๆแล้ว แอตเลนติสที่ถูกทำให้ล่มสลาย เป็นเพราะมนุษย์สมันนั้นคลั่งเทคโนโลยีเหมือนกับสมัยปัจจุบัน แล้วปรากฏว่าไปทำให้กลไกของเครื่องยนต์แห่งกรรมของเรามันผิดไปจากธรรมชาติ ก็คือ ถึงเวลาตายแล้วไม่ยอมตาย ทำให้ตัวเองเป็นอมตะ คือ ต่ออายุตัวเองให้ยาวขึ้นได้คราวละ 3 ปีต่อครั้ง ไปเรื่อยๆแต่ถ้าทำให้ทุกคนบนโลกจะสมดุลจักรวาลไม่มีปัญหา แต่ที่มีโอกาสมากกว่า คือ พวกเจ้าขุนมูลนาย ผู้นำ ซึ่งก็เกิดความไม่เป็นธรรม แล้วพยายามใช้อำนาจของตนเองไปจูงจิตวิญญาณของคนอื่น เอามนุษย์มาทดลองอย่างนั้น อย่างนี้ ไปบงการเขาทำให้คนอื่นเป็นผู้ด้อยปัญญา ทำโคลนนิ่ง ตัดต่อสิ่งมีชีวิตให้มันสับสนวุ่นวายไปหมด ก็เลยต้องชำระ
พระพุทธเจ้าสุดยอดแห่งเทพ ถ้าเราเรียกว่าเป็นเทพ แต่เป็นจิตวิญญาณดวงใหญ่ท่านอุตส่าห์ลงมาเพื่อที่จะให้ศาสตร์แก่พวกเรา โดยเฉพราะเลือกแผ่นดินไทยเป็นสุวรรณภูมิ มีวัดไทยเท่านั้นที่เวลาสร้างแล้วมี พระพุทธรูปเป็นพระประธานในโบสถ์ นั่นคือ รูปสามเหลื่ยมทรงเรขาคณิต แล้วมีการฝังลูกนิมิตไว้ใต้ฐานการใช้สามเหลี่ยมกับทรงกลมวางทับซ้อนกัน ก็เพื่อจะให้เหนี่ยวรั้งพลังงานของจักรวาล เพื่อจักรวาลจะได้สร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และเป็นดินแดนที่ถูกเลือกจะเป็นดินแดนที่ไม่มีวันถูกกลืนหายไปจากแผนที่โลก ยกเว้นโลกแตก

 

ถาม : เหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นไปนี่อย่างไร

ตอบ : สิ่งหนึ่งที่จะบอกมนุษย์ การกระทำต่อดาวเคราะห์โลก ซึ่งมีผลต่อประเทศไทยเราขณะนี้ มนุษย์เราได้เผชิญกับมันแล้ว ก็คือ พายุแม่เหล็กที่มากับความชื้นของอากาศ ความกดอากาศสูง ความหนาวเย็น เป็นเพราะว่า จักรวาลได้คืนฤดูกาลเดิมกลับมาให้กับมนุษย์ที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทย เพราะว่า ภูเขาถูกทำลาย ต้นไม้ถูกโค่น ต้นไม้ที่อยู่บนภูเขาสูง ถ้าไร้ซึ่งฤดูหนาว ต้นไม้จะขาดการเจริญเติบโต จะปลูกอย่างไรก็ไม่โต มันไม่สามารถจะวิวัฒนาการตามชีวิตของมันได้ ต้องมีฤดูหนาวอย่างน้อยๆ ประมาณ 3 เดือน ถึงจะเข้าสู่ภาวะสมดุล ตอนนี้แกนโลกมันเอียงไป เพราะจิตสำนึกมนุษย์เราดิ่งลงเข้าสู่ความเป็นเดรัจฉาน การที่แต่ก่อนฤดูหนาวหายไป นอกจากจิตสำนึกของเราทั้งโลก ไม่ใช่เฉพราะคนไทยมันดิ่งลงมา ของมันน้อยลง โลกมันก็หมุนช้าลง พอหมุนช้าลง แกนมันก็เอียง นั่นคือเหตุผล หนึ่ง เหตุผลที่ 2 ที่แกนโลกเอียงมาก เป็นเพราะว่า เราระเบิดภูเขาทิ้ง เราโค่นต้นไม้ทำให้มันตายลง สัตว์ป่าก็สูญหายไป จำนวนน้ำหนักมวลมันน้อยลงบริเวณใกล้ๆกับเส้นอิเควเตอร์เกือบทุกประเทศ ถูกโค่นต้นไม้ทำลายป่า ลดน้ำหนักมวลลงไป เป็นเถ้าถ่านบ้าง ก็ทำให้น้ำหนักมวลบริเวณส่วนนี้มันน้อยลง น้ำหนักมวลของโลกเหนือใต้ มันเป็นน้ำแข็ง มันก็ยังคงสภาวะเดิมอยู่ เพราะไม่มีใครไปยุ่งมัน ไปกล้ำกลายมัน ตรงนั้นเองถ้าบนหนัก ล่างหนัก กลางเบาขึ้นมันจะเกิดอะไรขึ้น ความเอียงของมันก็มีมากขึ้น เพราะความสมดุลของทั้งระบบมันลดลง เราพูดแบบจิตหยาบๆ แต่ขณะนี้จิตจักรวาลได้เพิ่มพลังอำนาจให้แก่โลกเรา ด้วยสมการ 3 มิติ คือ 6-6-6 ซึ่งมันจะค่อยๆจูนๆไปเรื่อยๆ เมื่อกี้ได้พูดถึงแกนโลกแกนหมุนของโลก ไม่ได้หมายถึงแกนแม่เหล็กโลก ที่เราพูดถึงแต่แรกที่มันเบนไป 3 องศา ซึ่งตอนนี้มันเหลือ 1 องศากว่าๆไม่ถึง องศาครึ่ง ที่จะต้องทำให้ได้ ฉะนั้นจะต้องเกิดความรุนแรงบนพื้นแผ่นดินของโลก พื้นทะเลอีกค่อนข้างจะหนักหนาสาหัสพอสมควร กว่ามันจะขยับได้ออกไปแต่ละครัง ซึ่งเป็นสิ่งที่จิตจักรวาลได้โปรแกรมเอาไว้
พายุแม่เหล็กสามารถเกิดได้หลายรูปแบบ ซึ่งถ้ามนุษย์สังเกตุให้ดี เช่น คลื่นอากาศร้อนจัดจนคนตายมาก คลื่นอากาศเย็นเป็นพายุน้ำแข็ง พายุหิมะ เกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งนั้น บางคนสติแตก เครียดมาก ประเทศนั้นคนลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง ทำร้ายกันเอง จิตสำนึกไม่สมดุลมันจะลุกขึ้นมาทำลายกัน ด้วยปัญญาที่ไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริง

 

ขอเรียนถาม จิตจักรวาลมาจากที่ใด จิตจักรวาลอยู่ที่ใด จิตจักรวาลจะไปที่ใด

 

คำถามทั้งหมด ที่ท่านถามมา เป็นการถามหาตัวตน ทั้งสิ้นเมื่อถามหาตัวตน คำถามต่างๆ ก็จะตามมาเรื่อยๆ ครับ
คำตอบในส่วนนี้ มีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ แนะนำให้ไปหาอ่านในหนังสือ ของอาจารย์ นะครับ การอ่านหนังสือของอาจารย์ ควรจะเริ่มอ่านตั้งแต่เล่มแรก นะครับ มีบอกรายละเอียดไว้หมด
การยึดติดในตัวตน อยู่ จะทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแก่นของธรรมมะได้ ขอให้พิจารณาในส่วนนี้ให้ดีๆนะครับ
ขอขอบพระคุณที่ติดตามนะครับ บางคำถามไม่สามารถจะตอบได้เพราะ ถ้าผมตอบไปแล้วผิด ก็จะนำพาท่านไปทางที่ผิด ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอให้เป็นคำถามที่ไม่ถามหาตัวตน จะดีมากๆๆ ครับ

 

ขอเสริมตรงนี้นะครับ เมื่อท่านรู้แล้วว่า ภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้มันมาจากสาเหตุใด ควรทำการตรงนี้ให้รู้แจ้งแทงตลอดนะครับ ภัยที่มันจะเกิดต่อไปต้องมีใช่ใหมครับ การจะเกิดตรงไหน นั้น มันก็สามารถเกิดได้ทุกที่ใช่ใหมครับ แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะไปห้ามให้มันเกิดได้ไหมครับ มันจะสิ้นสุดเมื่อใด สิ้นสุดเมื่อขบวนการต่่างๆของการเปลื่ยนแปลงมันจบลง ผมเห็นมีหลายฝ่ายหลายกลุ่มพยายามไปต้านมันแล้วมันจะได้ผลไหมครับ เมื่อทุกอย่างล้วนถูกกำหนดมาหมดแล้ว เพราะถ้าปล่อยไปอีกโลกเรายิ่งมีปัญหา จักรวาลเรายิ่งมีปัญหา พวกมนุษย์ต่างดาวเขาจึงต้องเข้ามาช่วยเตือน ช่วยบอกพวกเราอีกทางไงครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะมันจะทำให้จักรวาลมันมีปัญหาไปด้วยถ้ามนุษย์ยังเหลวไหลกันอยู่อย่างนี้พวกเขาก็จะมีปัญหาไปด้วยเช่นกัน ตรงนี้พอเกิดการรู้แจ้งขึ้นมาได้บ้างหรือยังครับ แล้วนักพยากรณ์ต่างๆ ที่โชว์ความสามารถ เพื่อเรียกหาเหล่าสาวกต่างๆ นั้นท่านยังต้องดิ้นรนหาอีกหรือไม่ ขอให้อ่านแล้วพิจารณา คิดตาม ท่านจะรู้เองละครับ

 

ถาม : ในประเทศไทยจิตจักรวาลมีอะไรพิเศษจะมอบให้หรือไม่
ตอบ : .ให้ความรัก ถ้าปฎิบัติตามคำสอนของท่านจากสิ่งที่เราใช้ปัญญาแล้วคิดเป็น เห็นด้วย นั่นคือ พรที่ท่านให้มาด้วยความรัก เพราะพรที่ดีที่สุดคือ พรที่เป็นปัญญา ไม่ใช่พรที่จะทำให้มนุษยไปอาสาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น มนุษย์มีจิตสำนึก มีพลังอำนาจในตนเองที่จะดูแลตัวเองให้รอดพ้น ให้เแคล้วคลาดอะไรก็ได้ มนุษย์มีพลังอำนาจพอที่จะตัดสินใจพาตนเองเดินไปในทางที่ถูกต้อง หรือทางที่หลงผิดได้ มนุษย์มีอำนาจนั้นอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องให้อำนาจในส่วนที่จะต้องขออีก ทำไมไม่มองหาเอาจากตัวเอง สิ่งเหล่านั้นทำไมไม่ร้องขอจากตัวเอง ความรักสิ มนุษย์ให้ตัวเองไม่ได้ มันมีเท่าที่มนุษย์มี แต่ท่านให้เราได้ ถ้าจะขอก็คือ ขอความรัก และท่านก็ให้ความรักอยู่แล้ว ให้ความรักและก็ให้อำนาจ คือให้อำนาจทางปัญญาด้วย การมากระตุ้นให้มนุษย์มีสติ มีจิตสำนึก และให้มนุษย์ใช้ปัญญาจากประเด็นข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่ถ่ายทอดมาให้ นี่คือ ความรักที่ให้อย่างแท้จริง

ถาม : โรคเอดส์จะหายหรือไม่

ตอบ : อีกไม่กี่ปี ก็จะมีคนค้นพบยาที่จะรักษาได้ แต่มีโรคที่น่ากลัวกว่านี้ยังรออยู่ ถ้ามนุษย์ยังไม่เลิกสันดานสัตว์เดรัจฉาน อย่างตอนนี้ กามโรคก็มีสายพันธ์ใหม่แล้ว มันวิวัฒนาการตัวมันเองถึงจุดหนึ่งแล้ว อย่าลืมว่า มนุษย์ได้พลังอำนาจจากพลังของจักรวาลมากขึ้น สรรพสิ่งที่มีชีวิตชนิดอื่นๆก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้ามนุษย์ไม่ละเลิกพฤติกรรมขยะ มนุษย์เราก็ต้องแปดเปื้อนอยู่อย่างทุกวันนี้

ถาม : อย่างมีข่าวหมูเป็นไวรัสรักษาไม่หาย ต้องทำลายทิ้งเป็นแสนๆ ตัว เป็นกลยุทธ์ของอเมริกาที่มาปล่อยทิ้งไว้ หรืออย่างไก่ที่ฮ่องกงตายเกิดจากอะไร

ตอบ : มันเป็นการโปรแกรมของจักรวาลเพื่อที่จะลดน้ำหนักมวล คือมันตายแทนมนุษย์เรา และเชื้อโรคชนิดที่ว่านี้มันก็จะหายไปด้วย อย่างโรคสมาธิสั้นในเด็ก นักวิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้ ก็หาเรื่องตะแบงไป ไก่ตายเป็นหมื่นก็บอกว่า หัวใจล้มเหลว แต่ต่อไปข้างหน้า จะมีคนตาย โดยที่นักวิทยาศาสตร์จะตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่จะถูกระเบิดสะติให้แตก พอสติแตกมันก็จะตายทันที โดยที่ไม่ทราบสาเหตุและก็ไม่ใช่หัวใจวายด้วย จักรวาลบอกไว้แล้วในเล่มที่ 6 เป็นการท้าทายนักวิทยาศาสตร์โลก

 

ถาม : กรรมที่เรา(จิตวิญญาณ) ไม่ได้วางแผนไว้ก่อนมาสู่รูปธรรมมนุษย์ เช่นถูกเบียดเบียนจากความไม่รู้ของคนอื่น จะพิจารณาได้อย่างไรว่า มีจริงหรือไม่ เราควรจัดการหรือหลีกเลี่ยงหรือไม่อย่างไร

ตอบ : มีจริง เป็นกรรมที่จิตวิญญาณนั้นไม่ได้ถือติดตัวมาด้วยจากต่างมิติ แต่เวลามาเจอเพื่อนมนุษย์ในสังคมมนุษย์โลกของเรา แต่ละคนอย่างพระท่านว่า นานาจิตตัง มันก็มีการกระทำทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องต่อกันด้วยใช่ใหม เรียกว่า เป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งมันไม่ได้เป็นกรรมเก่าที่เราจะต้องมาเผชิญมาแก้ไข เรียกว่า เป็นกรรมปัจจุบัน มันจะเกิดผลกรรมขึ้นมาหรือไม่ มนุษย์เราจะต้องตัดสินใจให้ถูกต้อง กับแต่ละสถานการณ์ที่มนุษย์คนอื่นๆได้แสดงพฤติกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเรา ถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่เรามองเห็นได้ว่ามันไม่ถูกต้อง เราก็ต้องตัดสินใจตัวเราให้ถูกต้องว่า เราจะต้องทำอย่างไรกับเงื่อนไขสถานการณ์นั้น ใช้การตัดสินใจคือใช้ปัญญา(พฤติกรรมทางปัญญา) อย่าใช้พฤติกรรมทางอารมณ์
ถ้าคุณตัดสินใจผิดก็คือ คุณใช้พฤติกรรมทางอารมณ์ แน่นอนคุณก็ได้สร้างพันธกรรมกับเขาขึ้นมาใหม่ กลายเป็นว่านี้คือ กรรมใหม่ จะต้องมีผลกรรมที่คุณจะต้องชดใช้กันในภพชาติต่อไป จิตวิญญาณแต่ละรูปธรรมนั้นเวลามาเกิดเป็นมนุษย์มาสู่รูปธรรมมนุษย์แต่ละภพชาติ ไม่ได้หมายความว่า จะถือแต่บททดสอบตนเองที่เราเรียกว่า พันธะสัญญา หรือบทเรียนกรรมจากอดีตชาติมาเพื่อจะแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องอย่างเดียว เนื่องจากสังคมโลกเป็นสังคมที่มีมนุษย์จำนวนมากมายขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวันเราต้องเรียนรู้ในการสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมีหลายอย่างทีเดียวที่มันจะต้องทำให้เกิดกรรมเกิดขึ้น แต่เมื่อทำให้เกิดกรรมเกิดขึ้นแล้ว มนุษย์เราจะสร้างผลกรรมร่วมกันหรือไม่ จากการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยกัน ดังนั้นมนุษย์เราจะต้องดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีสติ ต้องระมัดระวังในสิ่งนั้น

 

ขอเสริมนะครับ จากคำตอบนี้ท่านอ่านแล้วได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ อะไร บ้างครับ
ขอให้คิด นะครับ คิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพื่อก่อเกิดปัญญา ไม่ใช่อ่านแล้วก็ผ่านๆไป ทุกบทความที่นำมาเสนอนี้ มีการบอกความรู้จริงที่มนุษย์ควรทราบ เพราะไม่มีในตำราใดๆ ไม่มีใครมานั่งตอบหรือมาเฉลยให้อย่างนี้อีกแล้ว ซึ่งวันนี้ 9 มีนาคม 2551 อาจารย์ก็สื่อ สอนไปในเรื่อง อัตตา และอนัตตา แล้ว ส่วนที่ผมนำมาเสนอมันเพียงเป็นความรู้บทต้น ๆ เท่านั้น นะครับ

 

ตอบ : อีกไม่กี่ปี ก็จะมีคนค้นพบยาที่จะรักษาได้ แต่มีโรคที่น่ากลัวกว่านี้ยังรออยู่ ถ้ามนุษย์ยังไม่เลิกสันดานสัตว์เดรัจฉาน อย่างตอนนี้ กามโรคก็มีสายพันธ์ใหม่แล้ว มันวิวัฒนาการตัวมันเองถึงจุดหนึ่งแล้ว อย่าลืมว่า มนุษย์ได้พลังอำนาจจากพลังของจักรวาลมากขึ้น สรรพสิ่งที่มีชีวิตชนิดอื่นๆก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้ามนุษย์ไม่ละเลิกพฤติกรรมขยะ มนุษย์เราก็ต้องแปดเปื้อนอยู่อย่างทุกวันนี้
(deejai) (deejai) (deejai) (deejai)

ชอบอ่ะ
ตรงๆดีนะ

 

แล้วนักพยากรณ์ต่างๆ ที่โชว์ความสามารถ เพื่อเรียกหาเหล่าสาวกต่างๆ นั้นท่านยังต้องดิ้นรนหาอีกหรือไม่ ขอให้อ่านแล้วพิจารณา คิดตาม ท่านจะรู้เองละครับ(deejai) (deejai) (deejai) (deejai)

ตรงนี้ ก็ชอบอ่ะ
นักพยากรณ์แต่งตั้งตัวเอง
มากมาย<!-- / message -->

 

ไม่ใช่คำถามหาตัวตนนะครับสงสัยคุณคงไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไรครับไม่ตอบหรือตอบไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน
ปล.จะสอนธรรมอะไรหากเป็นความจริงและไม่บิดเบือนก็อนุโมทนาครับ แต่ถ้าบิดเบือนไปจากคำสอนของพระพุทธองค์
คืออลัดชีย่อมหาทางพ้นจากทุกข์มิได้ ขอให้เจริญในธรรมละกันครับ

 

ขอแจ้งรายละเอียดอีกครั้งนะครับ
1.คำสอนเหล่านี้เป็นคำสอนที่มาต่อยอดของพระพุทธองค์ครับ
2.คำสอนเหล่านี้ เป็นความรู้ที่มนุษย์ต้องรู้ ที่ยังไม่รู้ครับ
3.คำสอนของพระพุทธองค์จะสอนในยุคที่ยังไม่ได้กล่าวถึงพลังงานหรือ ว่ามนุษย์ยุคนั้นยังไม่รู้ถึง คำว่า พลังงาน คำสอนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา จึงไม่ค่อยได้เห็นในคำสอนของพระพุทธองค์เท่าใดนัก ผู้รู้อย่าเพิ่ง คิดไปว่า สอนบิดเบือนจากคำสอนของพระพุทธองค์ เพราะตัวท่านไม่ได้เกิดในยุคของพระพุทธองค์ คำสอนที่ บอกต่อกันมา ความหมายที่พระพุทธองค์จะสอนนั้นความหมายที่แท้จริง ควรเป็นอย่างไรท่านรู้หรือไม่ อาจารย์เป็นผู้มาเฉลยความหมายที่พระพุทธองค์ต้องการสื่อสอนในแบบที่แท้จริง ท่านมองว่า ผิด ก็คงไม่ว่าท่าน เพราะความหมายที่พระพุทธองค์ต้องการสื่อจริงท่านรู้จริงแล้วหรือครับหรือว่า ท่านเกิดในช่วงที่พระพุทธองค์ท่านสอน เพราะคำสอนล้วนเป็นภาษาอินเดียท่านแน่ใจหรื่อว่า แปลเป็นภาษาไทยแล้วถูกต้อง100% ตามที่ท่านต้องการสื่อสอน

 

มนุษย์ทุกคนคือจิตจักรวาล และมาจากจิตจักรวาลดวงใหญ่
การกำเนิดของจิตจักรวาลดวงใหญ่ มีรายละเอียดในหนังสือชื่อ
" จิตจักรวาล จิตแห่งจักรวาลดวงใหญ่ " ซีรี่ส์ 15
ถ้าจะให้เข้าใจละเอียด ดู ซีดี ประกอบด้วยนะคะ
เรื่อง " มนุษย์แห่งจักรวาลโลก " หาได้งานสัปดาห์หนังสือที่จะถึงนี้
27 มี.ค. -7 เม.ย. 51 บู้ธ O30 ชั้น 1 โซน C

 

เป็นความคิดถามตอบที่น่าติดตามดี สงสัยทำไมคนเรามีหน้าที่ชดใช้กรรมครับ เราต้องชดใช้กรรมเพราะมนุษย์คู่แรกฝ่าฝืนคำสั่งพระเจ้าหรือเปล่า หรือกรรมอะไรที่ทำให้ต้องชดใช้ครับ กรณีเกิดครั้งแรกของเรา หรือเราต้องรับมรดกกรรมของบรรพบุรุษ...ใครช่วยตอบที ขอบคุณครับ.

 

ขอให้สมาชิก ชมรมจิตจักรวาลที่ผ่านเข้ามาช่วยมาตอบปัญหาให้ด้วยนะครับ

ในความรู้ของผมนะครับ
ก่อนมาเกิด แต่ละดวงจิตธรรมญาณ ก็ได้ตกลงกันไว้แล้ว ว่าจะมาสร้างเงื่อนไขหรือมาทำให้อีกดวงจิตธรรมญาณอีกดวงเกิดการสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดกระบวนการให้จิตอีกดวงสร้างพลังงาน
เกิดขึ้นเพื่อยังประโยชน์ให้แก่โลก เรียกว่า พันธะสัญญา
แต่เมื่อมาเกิดแล้วไม่สามารถที่จะทำต้องนี้ได้และยังมีการมาก่อกรรมกับสรรพสิ่งอื่นไม่ว่า จะเป็นมนุษย์ท่านอื่น หรือ สรรพสัตว์อื่น จึงก่อเกิด กรรมดีกรรมชั่วขึ้นมาอีก เรียกว่า พันธะกรรม ทีนี้เราจะเห็นว่า มันมี 2 หน้าที่ต้องแก้ไขใช่ใหมครับคือ พันธะสัญญา กับ พันธะกรรม นั่นก็คือ เรานี้แหล่ะเป็นผู้กระทำทั้งหมด และไม่สามารถจะไปโทษมนุษย์ยุคแรกๆได้ครับ เพราะหน้าที่ของเราก็มี แต่เราไม่ร ู้เลยกระทำไม่ถูกต้อง อีกอย่างก็เป็นโปรแกรมของจักรวาลเพื่อให้มนุษย์ผ่านบทเรียนเหล่านี้ให้ได้และอีกอย่างเราก็ได้ตกลงกันมาก่อนแล้วว่า จะทำได้ถึงได้รับโอกาสมาเกิดได้ครับ

 

ถาม : เราจะสร้างความสมดุลทางกาย จิต และจิตวิญญาณได้อย่างไร มีวิธีตรวจสอบความก้าวหน้าพัฒนาการของกาย จิต และจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร

ตอบ : จริง ๆ แล้ววิธีการนั้น พระพุทธเจ้าได้สอนไว้หมดแล้ว เพียงแต่มนุษย์นั้นไม่เข้าใจวัตถุประสงค์หลักจริงๆของ ธรรมมะที่พระพุทธองค์สอน มันนำไปสู่สิ่งนี้ทั้งสิ้น แต่ถ้าจะพูดให้เป็นภาษาที่จะเข้าใจสั้นๆความคิดรอบนอก การรวมกาย จิต และจิตวิญญาณ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น หมายความว่า ให้คุณสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกแต่เพียวอย่างเดียว คำว่าจิตสำนึกหมายถึง การสั่นสะเทือนทางกาย การกระทำเป็นการแสดงออก แสดงอาการ การแสดงการสั่นสะเทือนทางจิตเป็นอารมณ์ที่เราเรียกว่า เป็นอารมณ์ด้านบวก คือ รักที่บริสุทธิ์ เช่น เมตตา กรุณา มุทิตา แม้กระทั่งอุเบกขา คือ บวกสูงสุดเหมือนไม่มีอะไรอยู่นั้นเลย แต่ก็เป็นบวก ถ้าเราแปรความหมายความรู้สึกก็คือการที่เรามีปิติ อิ่มเอิบ เบิกบาน นั่นก็คือ การสั่นสะเทือนที่เป็นด้านบวกสูงสุด เหมือนไม่สั่นสะเทือนเหมือนเส้นลวดหนึ่งเส้น มันขึงจนตึง คลื่นความถี่ของพลังงานระหว่างมองที่มันยึดเหนี่ยวกันไว้ด้วยอำนาจ มันจะมีการสั่นสะเทือนสูงสุดเลย หรือจะบอกว่า มันสั่นสะเทือนสูงสุดก็ได้ จุดนั้นการเรียกว่า อุเบกขาที่พระพุทธเจ้าท่านหมายความว่า อย่างนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการสั่นสะเทือน ถ้าเราจะรวมกาย จิต และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะต้องสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไร ร่างกายของเรา อวัยวะของเรา เซลล์ของเราจะต้องสั่นสะเทือนไปตามนั้นได้เสมอ และบอกว่าการสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณของเรามันจะเกิดขึ้นตอนไหน นั่นหมายความว่า คุณจะต้องเอาจิตหยาบของคุณเป็นตัวตั้ง ถ้าจิตหยาบของคุณนั้นสามารถจะชำระให้มัน บริสุทธิ์ ผุดผ่อง แล้วสั่นสะเทือนให้เป็นการคิด การรู้สึก และเป็นการกระทำเกิดขึ้น ซึ่งคุณสามารถมองออกได้ในทางกายภาพ ที่คุณแสดงออกต่อมนุษย์คนอื่นๆ หรือต่อสรรพสิ่งต่างไม่ได้หมายความว่า เราไปเอาจิตวิญญาณมาคิด มารู้สึกแทนไม่ใช่ แต่เราใช้จิตหยาบของเราทำให้มันบริสุทธิ์ บริสุทธิ์เพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของจิตวิญญาณของตัวเราเองได้ นั้นหมายความว่า คุณจะรู้ได้อย่างไร คุณรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว คุณจะต้องรู้ด้วยว่า คุณสมบัติของจิตวิญญาณที่แท้จริงมันคืออย่างไร อย่างเช่นว่า เราบอกว่า จิตวิญญาณมีอารมณ์เดียว มีความรู้สึกเดียว คือ ความรัก เพราะฉะนั้นจิตหยาบของคุณจะแสดงอารมณ์ หยาบๆรายวันอย่างอืนไม่ได้เลย ถ้าคุณจะรวมกาย จิต และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน คุณต้องสั่นสะเทือนจิตของคุณให้เป็นบวกอย่างเดียวให้ได้ แล้วเมื่อสั่นสะเทือนอย่างไรต้องแสดงออกให้ได้อย่างนั้น สมมุติว่าบางคนเราคิดว่าบางอย่างที่เราจะทำ แต่เราไม่กล้าทำ เพราะว่ามันไม่ถูกต้อง อย่างนั้นถือว่าเรายังรวมความเป็นหนึ่งเดียวของเราไม่ได้ แต่เราต้องการรวมให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ นั้นหมายความว่า คุณคิดอะไร คิดอย่างไร คุณต้องพูดอย่างนั้นและกระทำทางกายออกมาอย่างนั้นได้เสนอทุกครั้งไป นั้นแสดงว่าคุณฝึกให้ตัวเองคิดถูกต้อง จะทำเพราะคิดว่ามันเหมาะสมที่จะทำ ฉันจะไม่ทำเพราะฉันรู้ว่ามันไม่ควรจะทำ นั้นคือ จิตที่พระพุทธเจ้าบอกว่า คือ อุเบกขา ถ้าเป็นศาสตร์ของด้านอภิปรัชญา เราจะเรียกว่า มนุษย์เรานั้นสามารถเข้าถึงพลังอำนาจสูงสุดในตนเองแล้ว อำนาจสูงสุดในตัวเอง หมายถึง การสั่นสะเทือนทางกายที่สอดคล้องกับการสั่นสะเทือนทางจิตใจ หมายความว่า เราได้รวมเอาพลังอำนาจทั้งสองด้านมารวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียวแล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าเราได้รวมเอาพลังอำนาจของจิตวิญญาณมารวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วย เพราะจิตวิญญาณเวลาอยู่ในสังขารร่างกาย ถูกปิดมิติไว้ด้วยกลไกของสมอง 2 ซีก คือ ซีกซ้าย ซีกขวา ที่เราพูดถึงว่า มนุษย์เรายังมีความสามารถที่จะใช้กลไกธรรมชาติ คือ ซ้ายนำขวาอย่างเดียว ถ้าต่อไปคุณสามารถเปิดมิติในการใช้ปัญญาญาณ คือ เอาขวานำซ้ายได้แทน นั่นหมายความว่า คุณได้รวมกาย จิต และจิตวิญญาณของคุณได้แล้ว คุณก็ถึงขั้นจะทำถึงตรงนั้นได้