ละชั่วหรือทำดี สิ่งไหนทำได้ง่ายกว่า

ปัญญา ทำให้เกิดได้ 3 วิธี คือ
โดยการสดับตรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)

สติระลึกได้ ถามว่าระลึกอะไร
ตอบว่า ระลึกได้ในสภาพธรรมที่ปรากฏ ตรงกับเหตุ

ระลึกแบบไหน
ตอบว่า ก็จากเป็นสัญญา ที่เคยศึกษา พิจารณา และที่ตามรู้มา

 

^
^
หลานรัก น้าภูตจะอนุเคราะห์ให้

ส่วนโกมีนัมนั้น ไม่ต้องอนุเถคราะห์แล้ว

เห็นคคห.ข้างล่างพยายามบอกเป็นนัยๆว่ารู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว55+

หลานรัก ปัญญาที่เกิดจากการปล่อยวางเป็นนั้น ต้องฝึกฝนให้ชำนาญด้วย

แม้พระอริยะชั้นต้นก็ยังต้องฝึกฝนอรบมให้ชำนาญคล่องแคล่ว

ตรงนี้เป็นการวัด ระดับความสามารถในการปล่อยวางของแต่ละองค์

ต้องมีความเพียรพยายาม ระลึกรู้(สติ)อยู่ที่ฐานที่ตั้งของสติ

จนจิตเป็นสมาธิได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วชำนาญ

เพียงแค่น้อมไป จิตก็ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวเป็นสมาธิได้แล้ว

จะทำให้ปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน.

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

เอาบุญมาฝาก ธรรมภูติ

 

เมื่อไม่รู้ต้นเหตุ ย่อมรู้ไปทีละอย่าง และ บางอย่างที่รู้ก็มีผิดบ้าง ถูกบ้าง

แต่หากรู้เห็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหา ก็ไม่มีสิ่งใดให้รู้อีก

รู้ด้วยการไม่ปรุงแต่ง ย่อมเห็นต้นเหตุที่เกิดในจิตตน ไม่ดิ้นรนที่จะต้องรู้ให้ได้

อยู่ด้วยความสงบนิ่ง เฝ้าดูการทำงานของจิต ต้นเหตุจะปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน

สาธุครับ

 

^
^
หลานรักเข้าใจผิดแล้วละ

โลกียะสมาธิ ทำให้เกิดทิฐิ(ความเห็น)ตามกำลังของโลกียะสมาธินั้น

จะให้เกิดเป็นสัมมาทิฐิ ที่เป็นทิฐิระดับรู้เห็นอริยสัจ๔ตามความเป็นจริงไม่ได้หรอก

ปุถุชนมีสมาธิ ก็เป็นสมาธิที่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ

การจะเป็นสัมมาสมาธิได้นั้น ต้องเดินตามหลักมหาสติปัฏฐานหรือสัมมาสติเท่านั้น

เมื่อเดินไปแล้ว เทียบเคียงลงได้กับองค์ฌาน๔ในสัมมาสมาธิ

ก็เชื่อได้ว่าเดินมาถูกทางเท่านั้น ยังจัดเป็นสัมมาทิฐิไม่ได้เลย

เพียงเดินถูกทางเข้าสู่กระแส่การปฏิบัติเท่านั้น

หนทางยังอีกไกลจากคำว่า"สัมมาทิฐิ"นะจ๊ะ

การจะให้เป็นสัมมาในองค์แห่งอริยมรรคได้ตามความเป็นจริงนั้น

ต้องลงมือฝึกฝนปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาอย่างจริงจัง

จนชำนิชำนาญในการปล่อยวางอารมณ์ เพราะรู้จักอริยสัจตามความเป็นจริง.

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

^
^
เหรอจ๊ะ โกมีนัมกำลังเมาอริยะตราตั้งอยู่หรือเปล่า?

ไอ้ที่จะแวะไปทักหนะ ใช่เชียงใหม่ซะที่ไหนหละ?

เค้าเรียกว่าศรีเชียงใหม่ อำเภอหนึ่งของหนองคาย

ว่าแล้วเชี่ยว กำลังบ้าน้ำลาย"เค้าพูดถึงเชียงใหม่ด้วย"55+

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

สาธุฯ อนุโมทนาในบุญนั้น

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

เข้ามาอ่านการสนทนาธรรม เพื่อมาดูความเกิด-ดับเฉยๆ

 

................. ผมยังเป็นผู้ต้องศึกษาอยู่ ก็ ค่อย ค่อย ทำไป เหมือนดังคำที่ว่า " อย่าคิดว่า สิ่งนี้เท่านั้น จริงสิ่งอื่น เปล่า"

 

หากมีสติ บางเวลา ก็ต้อง สิ่งนี้เท่านั้น สิ่งอื่นเปล่า

หากคว้าสิ่งหนึ่ง ทิ้งสิ่งหนึ่ง มันก็สุดโต่งสำคัญว่าสายกลาย ได้ไหมหนอ ^^

 

........................พูดถึง ความคิดตัวเองหรือปล่าว เพ่...เราก็ฟังคำสอนพระศาสดาไปสิครับ...

 

ไม่มีอะไรหรอก แค่ดูกึ๋น

สรุป เมากาวคารู เหมือนเดิม ^^

 

ไม่เมา ครับโผม....เขาถกกันเรื่อง สิ่งแรกของการปฎิบัติ ว่า คืออะไร ผม ก็ยกการ ปรารภ การตั้งใจ การดำริ.....ในทางสายกลาง อันที่จะเรียกว่า สัมมาทิฎฐิ ในชั้นที่ยังเกี่ยวเนื่องกับ สาสวะ ก็ได้..มันต้องมีจุดเริ่มต้น

 

ู^
^
ทางที่เรียกว่า"มัชฌิมาปฏิปทา" พระพุทธพจน์ที่หลานรักเอามาให้อ่านชัดเจนนะ

เมื่อรู้จัก"มัชฌิมาปฏิปทา"แล้วจะเข้าถึง"สัมมาทิฐิ" ที่แท้จริง

สัมมาทิฐิที่ชอบพูดถึงในหมู่ผู้ศึกษาและปฏิบัติในขณะนี้

เป็นเพียง"ทิฐิ"ที่ถูกต้อง ที่ต้องนำไปสมาทานเพื่อพิสูจน์ให้รู้เห็น

ว่าสามารถเข้าถึง กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมได้หรือเปล่าก่อน

เมื่อยังเข้าไม่ถึงสัมผัสไม่ได้ ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว

อย่ามาอวดเสียให้ยากเลยว่ามี"สัมมาทิฐิ"แล้ว เป็นไปไม่ได้จ้า

เจริญในธรรมทุกๆท่าน