ละชั่วหรือทำดี สิ่งไหนทำได้ง่ายกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2012.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ^
    ^
    หลานแสงทองใบจะต้องงงอะไร

    ที่เรียงตามห้วข้อธรรมนั้น อรรถกถาจารย์ท่านเป็นผู้เรียบเรียงตามอรรถตามธรรม

    มีก่อนหลังด้วยหมายเลขกำกับ เพื่อความชัดเจนในการนำไปปฏิบัติใช่หรือไม่?

    เพื่ออะไรหรือ? ก็เพื่อให้รู้ว่าอะไรปฏิบัติก่อนอะไรปฏิบัติตามหลังนั่นเอง

    เมื่อชื่อว่าอริยมรรคมีองค์๘ ทางเดินไปสู่ความเป็นอริยบุคคล ต้องอาศัยทางนี้ทั้งนั้น

    ไม่มีเฉพาะของใคร ถ้าใครเดินมาตามทางนี้แล้ว โลกจะไม่วางเว้นจากพระอรหันต์

    อันนี้พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เอง ว่าใครที่ต้องการเป็นอริยบุคคลควรต้องมาทางนี้

    ขอเน้นชัดๆว่ามีองค์แปด ไม่ใช่มีแค่องค์๗และรอให้สมาธิเกิดขึ้นเอง เป็นไปไม่ได้

    พระพุทธองค์ท่านเอง พระองค์ท่านก็เริ่มจากการนั่งปฏิบัติสัมมาสมาธิ

    ณ.ภายใต้ต้นสาระจนรุ่งอรุณ ในวันที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ใช่หรือไม่?

    จนจิตของพระพุทธองค์ทรงได้รู้เห็นตามความเป็นจริง(เกิดสัมมาทิฐิ)ใช่หรือไม่?

    เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว การทำอะไรก็พอเหมาะพอควรแก่การไปหมด

    เพราะมีพื้นฐานมาจากจิตที่มีสติสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่?

    พระพุทธองค์ทรงเน้นชัดๆว่า สัมมาสมาธิบวกอีก๗ จึงครบองค์แปดใช่หรือไม่?

    ถ้าเริ่มที่สัมมาทิฐิ อริยมรรคก็จะเหลือแค่องค์๗เท่านั้น จะเอามรรค๘ที่ไหนมาสมังคีหละ?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ใช่ครับ เบื้องต้น ต้องมีศรัทธาความเชื่อว่านั่นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

    เรียกว่ามีทิฐิความเห็นที่ถูกต้อง แต่จะชอบหรือไม่ชอบนั้น

    ต้องลงมือพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาเพื่ออะไร?

    ก็เพื่อให้จิตมีกำลังมีสติสบงตั้งมั่นเป็นสมาธิ จิตจึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริงใช่หรือไม่?

    เมื่อจิตเริ่มรู้เห็นตามความเป็นจริงในเรื่องราวต่างต่างๆ

    ก็เท่ากับเริ่มเข้ากระแสไปสู่ความเป็นสัมมาทิฐิเท่านั้น

    ยังไม่บริบูรณ์ จะให้บริบูรณ์ได้นั้น ต้องเดินตามนี้คือ

    อานาปานสติ เมื่อกระทำให้มาก เจริญให้มาก

    ย่อมยังให้สติปัฏฐาน๔นั้นบริบูรณ์

    เมื่อสติปัฏฐาน๔นั้นบริบูรณ์ดีแล้ว

    พวกเธอกระทำให้มาก เจริญให้มาก

    ย่อมยังให้โพชฌงค์๗นั้นบริบูรณ์

    เมื่อโพชฌงค์๗นั้นบริบูรณ์ดีแล้ว

    พวกเธอกระทำให้มาก เจริญให้มาก

    ย่อมเกิดวิชชา จิตหลุดพ้นดังนี้

    พระพุทธพจน์ชัดๆว่า กระทำให้มาก เจริญให้มาก

    ไม่ใช่อ่านให้มาก คิดให้มากๆ สิ่งเหล่านี้ได้เพียงสัญญาไปเท่านั้น

    ไม่ใช่เกิดจากการกระทำเพื่อให้เข้าถึงการรู้เห็นตามความเป็นจริง

    คือสามารถในการปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึนึกคิดต่างๆลงได้จริง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน


     
  3. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่ใช่ผมบอกว่า ปุถุชนเริ่มต้น ที่ทานศีลภาวนา
    ภาวนาของปุถุชนคือการเจริญสติ เพื่อให้ได้ สัมมาทิฐิ

    ส่วนอริยะชั้นโสดาบัน เริ่มต้นที่สัมมาทิฐิคือ เจริญปัญญา เพื่อให้ได้
    มรรคสมังคี

    "เรื่องนี้ถึงหูพระพุทธองค์แน่ " น้าภูติเป็นอะไรของน้าครับ
    จะแสดงความเห็นก็แสดงไปซิครับ ทำไมต้องใส่ความคู่สนทนาด้วย
    ไม่แมนเลยนะน้า

    เรื่องที่พระพุทธเจ้าจะรู้หรือไม่รู้ ลองผิดลองถูก ผมไม่ได้ใส่ใจครับ
    ผมใส่ใจแค่ที่พระพุทธองค์สอนว่า วิธีการข้างต้นที่เราคุย มันเป็น
    มิจฉาทิฐิ ผมก็มาบอกต่อเหมือนที่พระพุทธเจ้าบอกเด๋ะเลย
    ก็เป็นตอนที่เชื่อและลงมือปฏิบัตินั้นแหล่ะครับ พระพุทธเจ้าสอนเองว่า
    ก่อนที่จะเชื่ออะไรใคร ควรใช้ปัญญาไตร่ตรองใคร่ครวญเสียก่อน
    แสดงว่าตอนนั้นพระพุทธองค์ยังไม่มีสัมมาทิฐิ การกระทำของพระองค์เป็น
    มิจฉา (กรุณาอย่าหาเรื่องใส่ความ นี่เป็นก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้)
    ก็ไม่มีใครรู้ ตอนที่พระพุทธเจ้าทำพระองค์ก็ไม่รู้
    แต่ต่อเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ถึงได้รู้ในภายหลังครับ
    จะได้มาจากไหน ตัวเองเป็นคนอ้าง มหาจัตตารีสกสูตรเองแท้ๆ
    ยังไม่รู้อีกหรือว่า พระพุทธองค์ได้สัมมาทิฐิมาจากไหน

    น้าภูมิลองย้อนกลับไปอ่าน มิจฉาทิฐิเป็นไฉน สัมมาทิฐิสาสวะเป็นไฉน
    และสัมมาทิฐิอนาสวะป็นไฉน แล้วก็เอาคำพูดที่น้าบอกว่าพระพุทธเจ้า
    ลองผิดลองถูกเอามาประกอบ ก็จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าเอาสัมมาทิฐิมาจากไหน

    น้าภูติน้าพูดภาษาอะไรของน้าครับ หาว่าผมคิดเองเออเอง แต่ตบท้ายว่าเอา
    มาจากตำรา เอาให้มันแน่สักอย่างซิครับ ผมคิดเองหรือว่าผมเอามาจากตำรา
     
  4. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    กว้างดั่งจักวาล ลึกดั่งมหาสมุทร น้าภูติครับ
    มันก็เหมือนผมถามว่า น้าภูติเป็นใคร น้าภูติตอบผมว่าเป็นชาวโลก

    ตอบธรรมให้เด็กฟังเอาให้มันได้เนื้อๆบ้างซิครับ
    อารัยยื่นชามมามีแต่น้ำ

    ถามหน่อยครับ ไอ้สิ่งที่น้าอ้างมาน่ะ ถ้าไม่มีขันธ์ห้า
    มันจะมีสิ่งที่น้าอ้างหรือเปล่าครับ
     
  5. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    น้านี่พูดไม่รู้ฟัง ทางสายยาวที่เดิน มันมีเป็นช่วงๆ
    สมมุติมีปุถุชนเดินมา ทางที่ปุถุชนเดินนี้ มีกิเลสอยู่ตามทางเดิน
    ใครหลงมั่วเมาอยู่กับกิเลส หรือเรียกอีกอย่างว่าสังโยชน์สิบ ก็คงเดินย่ำ
    อยู่กับที่ แต่ถ้าใครไม่สนใจหรือละกิเลสได้สักสามตัว บุคคลนั้นก็เดินขยับ
    ขึ้นมาที่เหลือสังโยชน์เจ็ดตัว และบุคคลที่เดินขยับขึ้นมาเขาเรียกโสดาบัน

    น้าเล่นพูดเองเออเองว่าเดินไม่ได้ก็แบก เออให้มันดีหน่อยก็ไม่ได้
    เออเองให้ขายหน้า คิดโมเมเหมือนเด็กไม่สร้างสรรซะเลย
     
  6. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมว่าน้านั้นแหล่ะมั่วไม่นิ่ม แต่มั่วด้านๆครับ พระวินัยไม่ใช่ธรรมหรือครับ
    ผมพึ่งรู้นะเนี่ย

    จะบอกให้ครับ ที่บอกว่าปฏิบัติธรรมนั้นน่ะ จิตเป็นผู้ปฏิบัติครับ
    จิตของเด็ก จิตของผู้ชายและผู้หญิงล้วนแตกต่างกันครับ
    และที่ว่าแตกต่างก็ตรงที่ กระบวนการขันธ์ห้า
    พระพุทธองค์จึงทรงกำหนดให้มีศีลที่แตกต่างกัน
    เพื่อคอยยับยั่งกิเลสการปรุงแต่ง

    ใครมีการปรุงแต่งมาก พระพุทธองค์ก็ทรงกำหนดให้มีศีลมาก
    เพื่อที่จะได้มั่นมีสติอยู่เนื่อง จริตที่ชอบปรุงแต่งจะได้มีหลักยึด

    แบบนี้แล้วน้าภูติจะว่า ใครก็ได้ไม่ว่าสถานะใดก็ปฏิบัติเหมือนกัน
    ผมว่า น้าภูติตอนคิดๆให้ลึกและกว้าง แต่ตอนตอบเอาแคบๆครับ
     
  7. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ธรรมภูต หลงผิด
    ยังไม่เข้าใจ ความหมดจดงดงาม ในทางพระโพธิสัตว์ของเจ้าชายสิทธัตถะ
    โกมีนัมยังไม่ได้จัดแจงอะไรเลย ในข้อความที่โพสต์ไป

    ธรรมภูต ไม่ฟังใครแล้ว
     
  8. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ทางของสัมมาทิฏฐิกว้างขวาง

    ทำไมถึงเข้าใจไปว่า พระพุทธองค์เริ่มจากการนั่งปฏิบัติสมาธิ
     
  9. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    เพราะธรรมภูติหาสัมมาทิฏฐิไม่เจอว่าเริ่มขึ้นมายังไงเหรอ เลยปักใจไปแบบนี้ที่แสดงไปนี้
     
  10. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ธรรมดามารในบางกรณี ก้ยกธรรมที่ถูกมาบ้าง เพียงหวังให้ความไม่น่าเชื่อถือในภาพลักษณ์ของตน ทำให้ผู้ที่โต้ตอบด้วย ปฏิเษธธรรมที่ออกมาจากปากของมัน
     
  11. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    โอ้ละหนอ ลอยมาแล้วอย่าลอยไป (kiss)
     
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กระทู้เริ่มที่จะไม่ตรงกับประเด็นที่ถกปัญหาธรรมกันอยู่

    เริ่มที่จะเบือดเบือนออกไปทีละเล็ก ละน้อยเสียแล้ว

    สิ่งใดที่ดีควรที่จะส่งเสริม สิ่งใดที่ไม่ดีควรที่จะตักเตือน

    เมื่อไม่เห้นถึงประโยชน์ ทำไมไม่ข้ามไปเสียก่อน

    จะสัมมาทิฎฐิ หรือ มิจฉาทิฎฐิ ก็ไม่มีใครจะตอบได้แบบตรงตัว

    เพราะความศัทธา หรือ ความเชื่อนั้น นำพาให้เดิน ให้เป็นไป

    และหากมีใครมาแย้งในสิ่งที่ตนศัทธาแล้ว ย่อมเกิดปัญหาให้ถกเถียงไม่มีวันจบ

    สาธุครับ
     
  13. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ก่อนอื่นช่วยบอกก่อนได้มั้ยว่า ทำไมเรียกผมว่า "แสงทองใบ"
    แบบนี้งงซับงงซ้อน งงไม่สร่างซา
    ที่ผมงงผมไม่ได้งงกับพุทธพจน์ แต่ผมงงกับคำพูดของน้าที่อ้างพุทธพจน์
    มันบิดเบือนเข้าใจมั้ย น้าภูติเอาพุทธพจน์มาอ้างชนิดเลือกที่จะเชื่อ
    เล่นเอาแต่อันที่เกิดหลัง แล้วทิ้งตัวหน้าแบบหน้าตาเฉย
    อริยมรรคมีองค์แปด เป็นทางเดินไปสู่ความเป็นอรหันต์หรือนิพพาน
    น้าภูติไม่รู้หรอกหรือว่า ความหมายของอริยบุคคลมีตั้งสี่ระดับ
    ตัวเองก็บอกเองว่า ใครเดินมาทางนี้โลกจะไม่ว่างเว้นจากอรหันต์
    ทางแห่งอริยมรรค จะต้องมีสัมมาทิฐินำทาง ถ้าไม่มีสัมมาทิฐิ
    หาอริยมรรคมีองค์แปดให้ตายก็ไม่เจอ

    ที่น้าพูดแบบนี้ก็เพราะไม่เข้าใจถึงสภาวะที่เป็นสมาธิ ความหมายของสมาธิ
    ก็คือการเจริญสติเมื่อมีสติที่ต่อเนื่อง นั้นแหล่ะเขาเรียกสมาธิ

    ไม่ใช่ครับ พระพุทธองค์ทรงนั่งทำวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งในขณะนั้น
    พระองค์มีสัมมาทิฐิแล้ว พระองค์ทรงใช้สัมมาทิฐิไปแทงตลอด ปฏิจสมุบาท
    จนได้สัมมาวิมุติ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    มันอยู่ตรงไหนของพุทธพจน์ครับ

    สัมมาสมาธิเป็นมรรคตัวที่แปด อันมีเหตุปัจจัยมาจาก
    อริยมรรคเจ็ดตัวก่อนหน้า
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เหรอ!!! เพิ่งรู้นะว่าธรรมภูตไม่ฟังใคร ธรรมภูตหลงผิด

    แล้วที่ว่าธรรมภูตไม่ฟังใคร ธรรมภูตคงไม่ตอบเพื่อค้นหาความถูกต้องหรอก

    ส่วนหลงผิดนั้น อย่ากล่าวหากันลอยๆ ชี้แจงสิว่าหลงผิดตรงไหน?

    โกมีนัม ผู้ไม่หลงผิด แต่กลับไปสนใจในอริยมรรคที่มีเพียงแค่องค์๗เท่านั้น

    นี่หรือเข้าใจโดยไม่หลงผิด เฮ้อ!!!ยกตนเองก็ได้เนาะ

    โกมีนัม ไม่ต้องไปจัดการอะไรหรอก จัดการให้ตนเองเข้าใจถูกก็พอแล้วนะจ๊ะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    โกมีนัม ตอบหน่อยสิว่า

    พระพุทธองค์สมัยที่ยังเป็นพระราชกุมารอยู่นั้น

    พระพุทธองค์ทรงค้นพบความสุขที่ปราศจากอามีส

    เพราะจากการนั่งสมาธิใช่หรือไม่?

    แปลกเนาะ คนสมัยนี้ จะเอาผลให้ได้ด้วยความคิดเท่านั้น

    แต่ไม่เคยคิดจะลงมือปฏิบัตทางจิตเพื่อค้นหาผลที่ถูกต้องแท้จริง(สัมมาทิฐิ)

    คือรู้เห็นตามความเป็นจริงจากการปฏิบัติ ไม่ใช่รู้เห็นด้วยความคิดจ้า

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  16. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    พระพุทธองค์เริ่มจากการปฏิบัติสมาธิ และจบลงในขณะปฏิบัติสมาธิ

    หากใครที่พูดว่าไม่ได้ทำสมาธิ ต้องเริ่มเรียนใหม่ได้
     
  17. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ในการทำสมาธิ จะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ปฏิบัติได้
    เดิน ยืน นั่ง นอน ก็ปฏิบัติได้ ตั่งมั่นได้

    ส่วนจะถูกหรือไม่ อยู่ที่ข้อปฏิบัติ ที่ผู้นั้นศึกษา
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    โกมีนัม ไม่รู้สึกว่าเก่งเกินพระบรมศาสดาไปหน่อยหรือ?

    พระพุทธพจน์ทรงตรัสไว้ ชัดเจนมากๆว่า

    "เราเวียนว่ายเข้าไปในภพน้อยใหญ่อันยาวนานนับไม่ถ้วนนั้น

    เพราะเราไม่รู้เห็นอริยสัจ๔ตามความเป็นจริง(สัมมาทิฐิ)ดังนี้"


    มีแต่พวกเดาสวดอวดภูมิธรรม ที่บอกว่าตนเองมีสัมมาทิฐิแล้ว

    ขนาดพระพุทธองค์เมื่อตรัสรู้แล้ว ยังเทศน์บอกกล่าวให้รู้ว่า

    ขนาดที่เป็นพระโพธิสัตว์อยู่นั้น ยังไม่รู้เห็นอริยสัจ๔ตามความเป็นจริงเลย

    ไอ้พวกขี้คุยทั้งมักชอบอวดว่า ตนเองรู้เห็นอริยสัจ๔(สัมมาทิฐิ)แล้ว

    จากการอ่าน การฟัง และก็คิดเองเออเองไปว่า ตนเองรู้แล้ว55+

    ทั้งๆที่ความรู้นั้น ไม่ใช่เกิดจากการรู้เห็นตามความเป็นจริงสักนิดเดียว

    แต่ทำไงได้หละ ก็ชอบอวดภูมิอะ แค่รู้จัก แต่กลับอวดว่ารู้เห็นแล้ว

    ไม่เคยได้ไปเชียงใหม่จริงๆ เพียงได้แต่อ่าน ได้ยินฟังๆมา คิดนึกคิดเอาเอง

    แต่กลับกล้าบอกว่ารู้เห็นเชียงใหม่ตามความเป็นจริงแล้ว55+ โม้ทั้งเพ

    เจริญในธรรมทุกท่าน

     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก น้าธรรมภูตตามไม่ทันจริง

    หลานรักเล่นพูดกลับไปกลับมา น้าภูตตายแน่

    ก็บอกเองไม่ใช่หรือ ปุถุชนอึเหม็นต้องได้สัมมาทิฐิก่อน

    หรือว่าน้าภูตตาลายเห็นเป็นอย่างนั้น

    หลานรักอย่าเพิ่งรีบข้ามขั้นตอนสิ

    เจริญสติเพื่อให้ได้สัมมาสมาธิ(สมาธิชอบ)ก่อนนะจ๊ะ

    ส่วนจะเป็นสัมมาทิฐิ(ความเห็นชอบ)หรือไม่นั้น ต้องมาว่ากันอีกทีจ้า

    มันไม่ง่ายอย่างที่คิด การจะได้สัมมาทิฐินั้น

    ต้องรู้เห็นตามความเป็นจริง เรื่องกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม

    ทั้งภายใน ภายนอก ทั้งภายในและภายนอก(อริยสัจ๔)

    จากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาเท่านั้น ของแบบนี้คิดขึ้นอาเองไม่ได้

    ต้องมีพระพุทธพจน์รองรับจึงจะถูก แต่ยังไม่ชอบ

    จะให้ชอบหรือไม่ชอบนั้นต้องลงมือปฏิบัติเองรู้เห็นเอง จึงบอกได้

    เห็นหลานรักชอบอ้างจังว่าพระโสดาต้องเริ่มที่สัมมาทิฐิเท่านั้น

    หลานรักไปถามพระโสดาบันมาแล้วหรือ?

    เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว เกาะติดกระแสแล้ว

    ยังต้องมาเริ่มต้นที่สัมมาทิฐิอีกหรือ?

    ก็ของมันได้เริ่มไปหมดแล้ว เพียงแต่ต้องฝึกฝนให้คล่องแคล้วชำนาญเท่านั้น

    การที่ให้สัมมาทิฐิเป็นใหญ่เป็นประธานในมรรคที่เหลืออีก๗องค์

    ที่แวดล้อมจิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่งอยู่นั้น

    เพื่อให้เกิดความพอเหมาะพอดี อันนี้ต้องฝึกฝนให้เกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นเอง.

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลารรัก แสง ทองใบ

    กามาลสูตรว่าไว้อย่างไร?

    อย่าเพิ่งเชื่อ ฟังและศึกษาด้วยดี แล้วนำมาสมาทานให้เต็มที่ ใช่หรือไม่?

    ตรงไหนล่ะที่ใช้ปัญญา อย่าเอาปัญญาทางโลกมาเทียบสิ

    ปัญญาทางโลก คือ คิดเก่ง จำเก่ง เรียนรู้ไปหมดใช่หรือไม่?

    ส่วนปัญญาทางธรรม คือ รู้เห็นโลกตามความเป็นจริง ปล่อยวางเป็น เห็นอริยมรรคได้

    เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสารณะได้ ใช่หรือไม่? นี่สิปัญญาทางธรรม

    น้าภูตไม่เคยคิดใส่ความใคร ก็หลานรักบอกเองว่า

    พระพุทธองค์ตอนที่สมาทานอัตตกิลมถานุโยคอยู่นั้น เป็น"มิจฉาทิฐิ"หรือว่าไม่จริง?

    น้าภูตมีหลักฐานนะ แต่น้าภูตว่าไม่ใช่อย่างนั้น นั่นเป็นคคห.เห็นส่วนตัวของน้าภูต.

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...